สามีตีตรา ตอนที่ 13 อวสาน
ทางเดินหน้าห้องฉุกเฉิน...บุรุษพยาบาลเข็นร่างกะรัตที่นอนนิ่งใบหน้า ขาวซีด เข้าห้องฉุกเฉินโดย มีพิศุทธิ์จับมือเธอไว้ด้วยความเป็นห่วง
“คุณต้องไม่เป็นอะไรนะกั้ง ตื่นขึ้นมาพูดกับผมสิกั้ง คุณตื่นสิ”
กะรัตไม่ได้สติ เตียงถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน พิศุทธิ์จะตามเข้าไปแต่พยาบาลห้ามไว้ ประตูห้องฉุกเฉินปิดลง พิศุทธิ์ยืนมองด้วยความมกังวลเป็นห่วง
พิศุทธิ์นั่งมองไปทางห้องฉุกเฉินอย่างเฝ้ารอฟังอาการของกะรัตด้วยหัวใจ ที่เป็นห่วงที่สุด เจ้าสัวบัญชา กุนตี พวงหยก กฤช เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางตื่นตกใจ เจ้าสัวบัญชาเข้ามาถามพิศุทธิ์
“อากั้งเป็นยังไงบ้างคุณชาย”
“เพิ่งเข้าห้องฉุกเฉินครับ”
พวงหยกโวยวาย
“แล้วใครทำยายกั้ง นังผึ้งใช่ไหม นังชั่ว มันทำลายชีวิตยายกั้ง แล้วยังมีทำลายชีวิตยายก้อย ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป ฉันจะจัดการมัน”
พวงหยกจะเดินไป กฤช ดึงไว้
“พอเถอะคุณ แค่นี้มันก็เกิดเรื่องวุ่นวายพอ อยู่แล้ว”
“แต่ยายกั้งเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างนี้ จะให้ฉันอยู่นิ่งเป็นตอหม้อ ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันจะแจ้งความจับมัน”
พวงหยกหยิบมือถือมาจะกด กุนตีดึงมือถือแม่มา
“เดี๋ยวกุ้งจัดการเองค่ะแม่ ตอนนี้เรารอฟังอาการกั้งก่อนนะคะ”
พวงหยกฮึดฮัดโกรธแค้นสายน้ำผึ้งอยากจะไปตบให้พินาศสาสมกับที่ทำลายกะรัต และกันตา แต่ต้องอดทนนั่งรอหน้าห้อง ฉุกเฉิน กุนตีนั่งข้างพวงหยกอย่างห่วงกะรัต กฤชกับเจ้าสัวนั่งข้างกุนตี พิศุทธิ์เดินแยกตัวออกมา แล้วมองไปทางห้องฉุกเฉินอย่างเป็นห่วงกะรัต เนื้อแพรที่เพิ่งมาถึงเดินมายืนข้างพิศุทธิ์
พวงหยก กุนตี กฤช เจ้าสัวบัญชานั่งหน้าเครียดรอฟังอาการกะรัตที่เก้าอี้หน้า ห้องฉุกเฉิน เนื้อแพรกับพิศุทธิ์ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน พิศุทธิ์ยืนมองที่ประตูห้องฉุกเฉินด้วยความ เป็นห่วงกะรัต ไม่ยอมไปไหน เนื้อแพรมองนาฬิกาแล้วเดินไปหาลูกชาย
“ชาย...นี่ใกล้เวลาเครื่องจะออกแล้ว ถ้าชายไปช้ากว่านี้ ชายจะตกเครื่องนะลูก”
พิศุทธิ์มองที่ประตูห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่พะวง ห่วงแต่กะรัตมากกว่าอย่างอื่น
“เดี๋ยวผมเลื่อนไฟล์ทไปก็ได้ครับแม่ ขอผมได้รู้ก่อนว่ากั้งไม่เป็นไร”
เนื้อแพรมองพิศุทธิ์อย่างเข้าใจ...เจ้าสัวมองอาการของพิศุทธิ์ที่เป็นห่วงกะรัต แล้วสะกิดพวงหยก
“ลื้อรู้ไหม...คนเราจะรู้ว่าใครรัก และจริงใจกับเราจริงๆก็ตอนที่กำลังแย่...แล้วลื้อเห็นไหมว่าตอนนี้ใครรักและจริงใจกับลูกสาวลื้อจริงๆ”
พวงหยกมองไปทางพิศุทธิ์ใจจริงรู้ว่าพิศุทธิ์ห่วงกะรัต แต่ยังปากแข็ง
“ตอนนี้หนูมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้นแหละเตี่ย ลูกคนนึงก็เจ็บไม่รู้จะเป็นจะตายยังไง อีกคนก็หนี ไปไหนก็ไม่รู้”
เจ้าสัว กฤช กุนตีมองพวงหยกอย่างรู้ทันว่า พวงหยกรู้ว่าพิศุทธิ์ห่วงกะรัตจริงๆ แต่ยังวางฟอร์ม
กันตานั่งร้องไห้อยู่ใต้สะพาน ในชุดแต่งงาน เธอนั่งนิ่งมองไปข้างหน้า แล้วนึกถึงเรื่องราวของเธอกับศิวาที่ผ่านมาตั้งแต่เจอกัน จนเป็นแฟนกัน...นึกถึงคำพูดที่กะรัตบอกว่าลูกในท้องของสายน้ำผึ้งคือลูกของศิวา...กันตาหน้าเศร้าหมองน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอนึกถึงตอนที่ศิวาและเธอคุยกันก่อนแต่งงานกัน
“เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”
“ซึ่งนั่นหมายความว่าชีวิตของคุณต้องเป็นของฉันคนเดียว ถ้าวันไหนที่ ฉันรู้ว่าฉันต้องแบ่งคุณให้คนอื่น ฉันจะไม่ทนใช้ชีวิตร่วมกับคุณสัก วินาทีเดียว”
ศิวาชะงักกึก ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“มันจะไม่วันแบบนั่นแน่นอน”
กันตาพยายามเข้มแข็งสูดลมหายใจ
“ฉันจะไม่เสียน้ำตาให้กับคุณอีกแล้ว”
กันตาเช็ดน้ำตาก่อนตัดสินใจลุกขึ้น แล้วหยิบมือถือมาเปิดดูว่ามีใครโทรมาบ้าง เธอมองเบอร์ของศิวาอย่างเจ็บปวดแล้วลบเบอร์เขาออกแล้วเลื่อนไปดูข้อความส่งจากเบอร์ของกุนตี กันตาอ่านข้อความแล้วตกใจ
พิศุทธิ์กับเนื้อแพรยังยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทุกคนนั่งรอฟังอาการกะรัตกันด้วยความห่วง กุนตีพยายาม โทรหากันตา เจ้าสัวบัญชาหันมาถาม
“ยังติดต่ออาก้อยไม่ได้อีกเหรอ”
“ก้อยไม่ยอมรับสายค่ะก๋ง กุ้งส่งข้อความว่ากั้งเข้าโรงพยาบาลแล้วถ้าก้อยเห็น. ..ก้อยต้องรีบมาที่นี่แน่ค่ะ”
ทันใดนั้นกันตาพุ่งเข้ามา
“พ่อคะ แม่คะ”
กฤช กุนตี พวงหยก เข้าไปหากันตา กุนตีดีใจที่น้องกลับมา
“ก้อย”
“ก้อยขอเข้าไปดูพี่กั้งก่อนนะคะ”
พวงหยกจับมือกันตา
“ยัยก้อยแกต้องช่วยพี่เข้าให้ได้นะ”
กันตาจะเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ผ่านพิศุทธิ์ที่อยู่ตรงนั้น เธอมองเขาแล้วชะงักนิดหนึ่งก่อนจะหันไปไหว้
“ก้อยขอโทษนะคะ ก้อยผิดเองที่ทำให้ความรักของพี่กั้งกับคุณต้องพัง”
“คุณก้อยอย่าคิดมากเลยครับ ยังไงผมฝากดูแลคุณกั้งด้วย”
กันตาพูดได้แค่นั้นก็รีบเข้าไปในห้อง เพื่อไปดูอาการพี่สาว
ในโรงพยาบาลอีกแห่ง...ศิวาเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกังวล รสสุคนธ์วิ่งเข้ามา
“คุณศิวา...ผึ้งล่ะคะ หลานฉันอยู่ไหน”
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ ตอนนี้หมอกำลังช่วยรักษาคุณผึ้งอยู่”
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง เกิดอะไรขึ้นคะ”
ศิวาเห็นสภาพรสสุคนธ์ที่เป็นห่วงหลานสาวจังหวะนั้นหมอออกมาจากห้องไอซียู รสสุคนธ์กับศิวารีบเข้าไปหาหมอ
“คนไข้เป็นยังไงบางครับหมอ”
“ไม่ทราบว่าคุณคือพ่อเด็กในท้องของคุณสายน้ำผึ้งหรือเปล่าครับ”
รสสุคนธ์หันขวับมองศิวาว่าเขาจะตอบยังไง
“ครับ ผมคือพ่อของเด็กในท้อง”
รสสุคนธ์มองศิวาอย่างขอบคุณ
“ผมเสียใจด้วยนะครับ เด็กไม่อยู่กับเราแล้ว”
ศิวาอึ้ง รสสุคนธ์ตะลึง
“ผึ้ง”
“นอกจากเรื่องนี้ มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนไข้อีกเรื่องหนึ่งนะครับ”
รสสุคนธ์เป็นห่วงหลานมาก
“อะไรเหรอคะหมอ มีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ”
หมอหนักใจ ศิวาพอจะเดาออก
กันตาและหมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทั้งหมดกรูกันเข้าไปหา เจ้าสัวบัญชาถามอย่างร้อนใจ
“อาก้อย...อากั้งเป็นยังไง”
กันตามองหน้าอาจารย์หมอ
“คุณกะรัตพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
“มันต้องยังงี้สิลูกแม่” พวงหยกดีใจ
กุนตีกอดเจ้าสัว พวงหยกกระโดดกอดกฤช ดีใจน้ำตาไหลสักพักก่อนที่จะรู้ตัวแล้วถอยห่างกันไป พิศุทธิ์ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เนื้อแพรจับมือลูกชายมากุมอย่างรู้ใจ อาจารย์หมอพูดขึ้น
“แต่จากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงคงต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักระยะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับคนไข้กำลังใจดีมาก เอ่อ...ไม่ทราบใครคือคุณพิศุทธิ์เหรอครับ”
“ผมเองครับ”
“คุณนี่เองที่เป็นกำลังใจสำคัญให้คนไข้ คนไข้เพ้อเรียกแต่ชื่อคุณ ผมว่าคุณน่าจะเข้าไปดูเธอสักหน่อย”
พวงหยกหน้าเหวอ
“อ้าว...แล้วพวกฉัน”
เจ้าสัวขัดขึ้น
“อาพวงหยก ไม่ใช้เวลาของลื้อ”
“เชิญครับ”
อาจารย์หมอนำพิศุทธิ์เข้าห้องฉุกเฉินไป กันตาบอกทุกคน
“ไว้เราค่อยเยี่ยมพี่กั้งกันพรุ่งนี้นะคะ”
ทุกคนพาพวงหยกออกไป
กะรัตมีสายระโยงระยางอยู่เต็มไปหมด พิศุทธิ์ค่อยๆเดินเข้ามา ภาพที่เขาเห็นคือกะรัตที่น่าสงสาร พิศุทธิ์ค่อยเข้าไปจับมือของคนรักน้ำตาจุกมาที่คอ...ให้เข้มแข็งแค่ไหนแต่เห็นสภาพคนรักเป็นแบบนี้เขาก็เข้มแข็งไม่ไหว พิศุทธิ์ค่อยๆทรุดนั่งลงไปจับมือกะรัตมาไว้แนบหน้าของตัวเอง กะรัตยังไม่ได้สติ แต่ในสำนึกของเธอกลับรู้สึกถึงพิศุทธิ์ กะรัตที่นอนไม่ได้สติกลับมีน้ำตาไหลออกมา คนสองคนสื่อสารกันผ่านความรู้สึก แต่ไม่อาจเห็นกันได้
หน้าห้องคนไข้ รสสุคนธ์ได้แต่ร้องไห้ ศิวาปลอบ
“ผมจะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของสายน้ำผึ้งทุกอย่าง คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ขอบคุณมากนะคุณศิวามันคงเป็นเวรเป็นกรรมของผึ้งมัน น้าเองก็ต้องขอโทษที่ผึ้งทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนไปกันหมด”
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณน้า ขอโทษนะครับที่มีส่วนทำให้ทุกอย่างต้องจบลงแบบนี้”
ศิวายกมือไหว้รสสุคนธ์ น้ำตาคลอก่อนจะก้มลงกราบ
“ผมขอโทษ”
ทั้งสองมองผ่านกระจกเข้าไป เห็นสายน้ำผึ้งนอนอยู่บนเตียงมีผ้าพันหน้าไม่ไหวติง
เช้าวันใหม่...กะรัตหลับอยู่เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง หน้าซีดเผือด พวงหยกค่อยเอื้อมมือไปแตะหน้าผากลูกสาว น้ำตาไหลออกมาเพราะความเป็นห่วง
“กั้งเอ๊ย แกตื่นมาคุยกับแม่ซะทีสิ...แกชอบว่าฉันทำอะไรเลวๆกับแกตั้งหลายอย่าง...แล้วนี่แกจะไม่รีบตื่นมาให้ฉันทำอะไรดีๆเพื่อแกบ้างเลยหรือไง...แกนี่มันเด็กนิสัยไม่ดีจริงๆ”
หน้าประตูกฤชมองผ่านกระจกเห็นสิ่งที่พวงหยกทำ เขารู้ว่าพวงหยกกำลังเจ็บปวดมาก เขาเองก็ต้องทบทวนตัวเองเช่นกัน
ในห้องคนไข้อีกโรงพยาบาล รสสุคนธ์ช่วยเช็ดตัวให้สายน้ำผึ้ง เธอรู้สึกตัวขยับตัว
“ผึ้ง”
“น้ารส ทำไมผึ้งมองอะไรไม่เห็นเลย”
หน้าสายน้ำผึ้งเต็มไปด้วยผ้าพันแผล
“พอดีมีเศษแก้วเข้าตาผึ้ง หมอผ่าออกแล้ว อีกไม่กี่วันพอแผลหายหมอเขาก็เปิดผ้าพันแผลให้ผึ้งนะ”
มือสายน้ำผึ้งคลำไปที่หน้าตัวเอง
“หน้าผึ้งจะเป็นอะไรมั้ยน้ารส”
รสสุคนธ์น้ำตาไหล
“ไม่เป็นไรหรอกผึ้ง เดี๋ยวผึ้งก็หาย”
สายน้ำผึ้งเอามือกุมท้องตัวเอง
“น้ารส...ลูกผึ้งล่ะ ลูกผึ้งไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“เขาไม่อยู่กับเราแล้วลูก”
สายน้ำผึ้งกุมท้องแน่น นิ่ง อึ้ง
“ดีแล้ว ให้เขาไปเกิดใหม่ดีกว่า อย่ามาเกิดเป็นลูกคนอย่างผึ้งเลย ผึ้งง่วงจังน้ารส”
สายน้ำผึ้งนอนหันหลังให้รสสุคนธ์ ปกปิดความเสียใจเรื่องลูก รสสุคนธ์ปิดปากร้องไห้เธอเองก็แทบจะหมดแรงที่จะต่อสู้กับโชคชะตาของหลานสาว
กันตาเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาลแล้วชะงัก เมื่อศิวามาดักหน้า ทั้งสองมองหน้ากัน
“ผมขอคุยกับคุณได้มั้ยครับ”
ชั่วโมงนี้กันตาไม่เลือกที่จะวิ่งหนีไปไหนอีกเธอพร้อมจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในสวนของโรงพยาบาล...ศิวาเดินมาตรงหน้ากันตา
“ผมมาเพื่อขอโทษคุณ...ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำ มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด และผมไม่สมควรจะไม่ได้รับการอภัยจากคุณ”
กันตาพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ให้เขาเห็นว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
“แค่นี้ใช่มั้ยคะเรื่องที่คุณต้องการคุยกับฉัน”
กันตาหันกลับจะเดินผ่านหน้าศิวา
“ผมรักคุณนะคุณก้อย”
กันตาชะงักกึกนิ่งเฉย แต่แววตาของเธอสั่น
“ผมอยากให้คุณรู้ว่าทั้งชีวิต และหัวใจของผมไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนนอกจากคุณ”
มือของศิวากับมือของกันตา ใกล้กันแค่เอื้อมแต่ไม่สามารถเอื้อมถึงกันได้
“คุณคือคนที่ผมคงหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ คุณคือคนเปลี่ยนชีวิตผู้ชายเลวๆอย่างผมที่ไม่เคยเชื่อในความรัก ให้ผมได้พบรักแท้”
มืออีกข้างของกันตากำไว้แน่นต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง
“คุณต่างหากที่สอนฉัน ให้ฉันรู้ว่าเวลาเราเจ็บปวดเพราะคนที่เรารักมันทรมานแค่ไหน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันจะรักคุณได้มากขนาดนี้”
ศิวาแทบอยากจะดึงกันตาเข้ามากอด คำว่ารักของเธอทำให้เขามีความหวัง
“ยกโทษให้ผมได้มั้ย”
“ฉันตอบไม่ได้ ฉันทนไม่ได้ที่ต้องอยู่กับความหวาดระแวงว่าคุณจะหลอกลวงอะไรฉันอีก ความเชื่อใจมันสร้างได้แต่ถ้าคุณทำลายมัน คุณจะไม่มีวันได้มันกลับคืนมาอีกเลย ขอบคุณสำหรับความรักที่คุณมีให้ฉัน แต่อย่าให้ความรักของคุณมันทำร้ายฉันอีกต่อไปเลยค่ะ”
กันตาตัดสินใจก้าวเท้าออกไป เดินผ่านศิวาไปด้วยความพยายามที่จะเข้มแข็ง แต่พอเลยเขาไป เธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ศิวาหันมองกันตา เขาไม่สามารถรั้งความรักครั้งเดียวในชีวิตให้อยู่กับตัวเขาได้อีกต่อไป
กะรัตยังคงหลับและฝันไป ภาพในฝันของเธอเป็นภาพพิศุทธิ์ที่ยังคงเฝ้ามองเธออย่างใกล้ชิด พิศุทธิ์ยิ้มให้กะรัตที่นอนนิ่งแต่ใบหน้าดูมีเลือดฝาด
“ทำไมคุณขี้เซาจัง เมื่อไหร่คุณจะตื่นขึ้นมาสักที เราทุกคนรอคุณอยู่นะกั้ง”
พิศุทธิ์มองกะรัตอย่างเอ็นดู ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ เขาจ้องมองกะรัตจากในระยะใกล้ เห็นเธอนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวใดๆ ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเหมือนเวลาที่เจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิงนิทราเลย...กะรัตค่อยๆฟื้นขึ้น ลืมตาขึ้นมาสายตาเบลอๆเห็นเพดานและหันมองกันตาที่กำลังเช็คน้ำเกลือให้อยู่ ภาพจากเบลอจนชัด กะรัตค่อยๆออกเสียงเรียกเบาๆ
“ก้อย”
กันตาเห็นกะรัตที่ฟื้นลืมตา ก็ดีใจ
“พี่กุ้ง พี่กั้งฟื้นแล้ว”
กุนตีกำลังปอกผลไม้อยู่รีบลุกมาหากะรัตที่เตียง
“ยัยกั้ง”
“พี่กุ้ง” กะรัตเรียกเบาๆ
กุนตีกับกันตาร้องไห้อย่างดีใจที่กะรัตฟื้น
“เอ้า ร้องไห้กันใหญ่ นี่กั้งไม่ได้ตายซะหน่อย”
“อย่าพูดแบบนี้นะกั้ง ห้ามพูดเรื่องตายเด็ดขาด” กุนตีปราม
กันตาจับมือกะรัตขึ้นมา
“ก้อยขอโทษนะพี่กั้ง ที่พี่กั้งต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะก้อยแท้ๆ ก้อยขอโทษนะ”
กันตาเอามือกะรัตไปแนบแก้ม กะรัตเอื้อมอีกมือไปขยี้หัวน้องสาว
“เด็กโง่...พี่เป็นพี่สาวก้อย ใครมารังแกน้องสาวพี่ พี่จะยอมได้ไง เสียชื่อกะรัตหมดใช่มั้ย”
“โชคดีนะที่คุณพิศุทธิ์ไปช่วยพี่กั้งไว้ ไม่งั้นล่ะก็...”
“คุณพิศุทธิ์” กะรัตชะงัก
มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามา กะรัตดีใจ
“คุณพิศุทธิ์ใช่มั้ย”
กะรัตยิ้มดีใจว่าพิศุทธิ์จะมาหา เธอรวบรวมพลังจะลุกขึ้นมา กันตาต้องเข้าไปประคอง ประตูห้องค่อยๆเปิดออก คนที่ก้าวเข้ามากลับเป็นเนื้อแพร ที่กะรัตพยายามชะเง้อมองหาว่าจะมีใครตาเนื้อแพรมา แต่ประตูกลับถูกปิดลง
“หนูกั้งฟื้นแล้ว ดีใจด้วยนะคะ”
“แล้วคุณพิศุทธิ์ล่ะคะ”
เนื้อแพรแปลกใจ
“นี่พวกคุณยังไม่ได้บอกหนูกั้งเหรอคะ”
กันตากับกุนตีส่ายหน้า เนื้อแพรยิ้มบางๆ
“พิศุทธิ์ไปแล้วค่ะ”
กะรัตหน้าเสีย
“ไม่จริง คุณโกหกฉัน...ฉันรู้ว่าเขาอยู่กับฉัน เขาอยู่กับฉันตลอดเวลา”
“ฉันไม่ได้โกหกคุณ เขาบินไปอเมริกาแล้วค่ะ”
“เขาคงไม่ให้อภัยฉัน” กะรัตนิ่งชา
เนื้อแพรหยิบจดหมายขึ้นมาใส่มือ กะรัตมอง
“พิศุทธ์ฝากไว้ให้คุณ”
กะรัตแปลกใจ
“รีบแข็งแรงเร็วๆนะคะ บอกตรงๆแบบนี้มันไม่ใช่ look ของคุณ”
เนื้อแพรยิ้มให้อีก ก่อนเปิดประตูออกไป กะรัตกำจดหมายในมือไว้แน่น กันตากับกุนตีมองหน้ากันแล้วคิดว่าควรจะให้เวลากะรัตอยู่กับจดหมายนั้น สองคนเดินออกไป...กะรัตค่อยๆคลี่จดหมายออก
ก่อนหน้านี้...เนื้อแพรมาตามพิศุทธ์ให้ไปขึ้นเครื่อง พิศุทธ์ยื่นจดหมายให้ก่อนจะกอดลากะรัต แล้วเดินออกไปอย่างอาวรณ์ พิศุทธ์เดินก้าวออกไปอย่างช้าๆ
สามีตีตรา ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
กะรัตอ่านจดหมาย
“มีคนมากมายถามผมว่า...ผมรักคุณตรงไหน ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมพบคุณ สำหรับคนอื่นอาจจะเห็นว่าผู้หญิงที่ยืนโบกรถกลางถนนเป็นคนบ้า...แต่สำหรับผม คุณเป็นคนน่าทึ่งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อไปหาคนที่รักโดยไม่คิดชีวิต...แต่สิ่งที่คุณได้ตอบแทนจาก ผู้ชายที่คุณรัก คือการทรยศแทนที่คนอื่นจะโทษผู้ชายผิด แต่กลับโทษคุณ รวมทั้งตัวคุณด้วย คุณจำได้ไหม ผมพบคุณที่ริมถนนครั้งที่สองคุณชวนผมไปโรงแรมม่านรูด คุณพร่ำบอกว่า คุณอยากทำชั่ว อยากทำเหมือนที่ผู้ชายพวกนั้นทำกับคุณ คุณเหยียบย่ำว่าตัวเองไม่มีค่า...ซึ่งมันไม่จริงเลย
ใครๆอาจจะบอกว่าคุณแต่งงานกับผม เพื่อชุบตัวเองให้ดูมีค่าไม่ใช่หรอก...คุณต่างหากที่ทำให้ผมมีค่า คุณรู้ว่าถ้าคุณคบกับผม คุณต้องเจอความวุ่นวายอะไรบ้าง คุณต้องโดนดูถูกจากญาติฝ่ายผม แต่คุณก็แสดงให้เห็นว่าคุณไม่แคร์ใคร นอกจากผมคนเดียว...ผมถึงรักและสัญญากับตัวเอง ผมบอกตัวเองว่าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคุณ ไม่ให้คุณเจ็บเหมือน ในอดีต จะใช้ความรักของผม พาคุณไปข้างหน้าให้ได้ ผมอยากมีคุณ...ผมขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องร้องไห้เพราะผมมาตลอด ผมขอโทษที่พาคุณเดินข้างหน้าต่อไปไม่ได้
ถ้าคุณอยากอภัย...ผมไม่ขอให้คุณอภัยให้ผม แต่อยากขอให้คุณรู้จักการอภัยให้ตัวเอง และอภัยให้คนอื่น คุณเจ็บเพราะอดีตมามากแล้ว อย่าให้เหตุการณ์นั้นมาทำร้ายคุณอีก ปลดปล่อยตัวเองจากความแค้น...เมื่อคุณหลุดจากกำแพงที่คุณสร้างขึ้น คุณจะเห็นความสุขที่แท้จริง จำไว้นะกั้ง...ความรักของผมไม่เคยไปไหน มันยังอยู่ที่แหวนบนนิ้วคุณและผมยังรอดูวันที่คุณมีความสุขอีกครั้งนะกั้ง...ผมรักคุณ”
กะรัตร้องไห้โฮ
หลายวันต่อมา...กุนตีกับพวงหยกนั่งทานอาหารเช้าอยู่ กันตาหน้าตาหมองๆ รีบเดินออกไปทำงาน กุนตีมองตามกันตาที่ไม่พูดคุยกับใคร
กะรัตนั่งเหม่อๆคนเดียวที่เก้าอี้ในสนามหญ้าหน้าบ้าน กุนตีกับพวงหยก เดินเข้ามามองอาการกะรัตแล้วหนักใจ
พิศุทธิ์นั่งทำงานอยู่ในห้องพักที่อเมริกา บนโต๊ะมีรูปแต่งงาน ของเขากับกะรัต พิศุทธิ์เงยหน้ามองรูปกะรัตอย่างอาวรณ์
ในโรงพยาบาล...ศิวายืนมองอาการสายน้ำผึ้งอยู่หน้าห้องพักแล้วเดินไปแอบมองคิดถึงกันตาด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
ในห้องนอนกะรัตบ้านพวงหยก...กะรัตนอนกอดเสื้อของพิศุทธิ์บนเตียงอย่างเดียวดาย เธอคิดถึงเขาสุดหัวใจ
ในห้องพักพิศุทธิ์ที่อเมริกา...พิศุทธิ์นอนคนเดียวอย่างเหงาๆบนเตียง
สับดาห์ต่อมา...รสสุคนธ์ป้อนข้าวแต่สายน้ำผึ้งหงุดหงิดปัดช้อนออก
“น้ารส เมื่อไหร่หมอจะเอาไอ้ผ้าพันหน้าผึ้งออกซะที นี่ผึ้งรำคาญจะแย่อยู่แล้ว ไหนน้ารสบอกว่าหน้าผึ้งไม่เป็นไรมากไง แล้วทำไมจนป่านนี้หมอยังไม่เปิดหน้าให้ผึ้งอีก หน้าผึ้งเป็นอะไรกันแน่”
“ใจเย็นๆสิผึ้ง หมอเขาคงอยากให้แผลหายสนิท”
“ใจเย็นเหรอ น้ารสลองมาเป็นผึ้งบ้างมั้ย มองอะไรก็ไม่ถนัด จะไปไหนก็ไม่ได้ ต้องมาติดแหง็กอยู่แบบนี้ น้ารสรีบไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้เลยให้มาเอาไอ้ผ้าบ้านี่ออกไปได้แล้ว”
“ผึ้ง...แต่หมอ...”
สายน้ำผึ้งสวนอย่างไม่พอใจ
“ไปสิ...ผึ้งบอกให้ไปไง...ไปตามหมอมา”
รสสุคนธ์จำต้องออกไปไม่งั้นสายน้ำผึ้งคงคลั่งไปมากกว่านี้
ศิวาเดินมาตามทางเดิน เห็นรสสุคนธ์เดินมาดูหน้าร้อนใจ
“คุณน้าจะไปไหนครับ”
“ผึ้งจะให้หมอเปิดหน้าให้ได้เลยค่ะคุณศิวา”
ศิวาตกใจ
“ไม่ได้นะครับ หน้าของผึ้งยังอยู่ในขั้นตอนการรักษา คุณน้าก็ทราบเรื่องที่หมอบอกว่ามันต้องใช้เวลา”
“แต่ว่า...”
“ต้องใจแข็งนะครับ เพื่อตัวเขาเอง”
สายน้ำผึ้งนั่งหงุดหงิดอยู่บนเตียง
“ให้ไปตามหมอที่ใหนเนี่ย น้ารส”
สายน้ำผึ้งลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล เพราะมองเห็นไม่ถนัดค่อยๆเดินคลำทางไปทางห้องน้ำแล้วเข้าห้องน้ำไป...สายน้ำผึ้งไปที่หน้ากระจกเริ่มแกะผ้าพันแผลออก ค่อยๆวนออก วนออกเรื่อยๆจนหมด ภาพในกระจกที่เธอเห็นคือ หน้าเละมีแผลโดนกระจกแทงบาดเป็นแผลยาว บากทั้งหน้า สายน้ำผึ้งอึ้งช็อคที่หน้าตัวเองเป็นขนาดนี้
“หน้าฉัน...ไม่...ไม่จริง”
จังหวะนั้นประตูห้องเปิดออก เสียงสายน้ำผึ้ง กรี๊ดลั่นและเสียงกระจกในห้องน้ำแตกดังเพล้ง...รสสุคนธ์และศิวาตกใจ
“ผึ้ง”
ศิวาและรสสุคนธ์รีบเข้าไปดูในห้องน้ำ สายน้ำผึ้งหันมา หน้าเละที่มือมีรอยเลือดที่ชกกระจก
“ทำไม...ทำไม หน้าผึ้งเป็นแบบนี้...ทำไม”
ศิวาพยายามปลอบ
“ใจเย็นๆก่อนนะสายน้ำผึ้ง”
สายน้ำผึ้งเห็นศิวา
“เพราะแก...เพราะแกคนเดียว ไอ้ศิวา...ไอ้บ้า...หน้าฉันเป็นแบบนี้เพราะแก”
สายน้ำผึ้งโถมเข้าหาศิวา อาละวาดอย่างหนัก รสสุคนธ์พยายามห้ามบอกให้ใจเย็น สายน้ำผึ้งเดินสะเปะสะปะอาละวาดจนล้มกลิ้งไปกองกับพื้น หมดสภาพ รสสุคนธ์เข้าไปกอดสายน้ำผึ้งที่ร้องไห้ กรีดร้องเหมือนคนบ้า เสียงโหยหวน รับไม่ได้กับหน้าผีของตัวเอง ศิวายืนมองสภาพน่าสมเพทของเธอ
ในบ้าน...กุนตีกับพวงหยกมองหน้ากันตา
“ก้อยจะไปอเมริกาจริงๆเหรอ” กุนตีถามอย่างแปลกใจ
“ก้อยจัดการเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อะไรกัน...ทำอะไรไม่ปรึกษา แบบนี้ฉันไม่...”
พวงหยกยังพูดไม่จบ กันตาสวนทันที
“แม่ห้ามก้อยไม่ได้หรอกค่ะ”
พวงหยกถอนใจ
“ใครว่าฉันจะห้าม อยากไปก็ไป”
กันตากับกุนตีมองหน้ากันไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“นี่ คุณพวงหยกตัวจริงหรือเปล่า” กุนตีถามงงๆ
“ตัวจริงสิยะ...ฉันก็แค่พยายามจะเป็นแม่ที่ดีกับเขาบ้าง ไปเถอะยัยก้อย ถ้าไปแล้วมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่นี่ แม่ก็ไม่ห้าม แต่ห้ามไปแล้วไปเลยนะ ยังไงแกก็ต้องกลับมา”
กันตายิ้มเข้าไปกอดพวงหยก
“ก้อยต้องกลับมาอยู่แล้ว เดี๋ยวแม่เหงาปากตายไม่มีใครให้ด่า...ก้อยไปทำงานก่อนนะคะ”
กันตาลุกออกไปหอมแก้มพวงหยกฟอดใหญ่ เป็นความรู้สึกที่พวงหยกไม่เคยได้รับ
“ดูมันนังลูกคนนี้ น้ำตาตกในยังจะมาปากดี”
“เรื่องใจแข็งต้องยกให้ยัยก้อยค่ะแม่ ส่วนยัยกั้งมันพวกแข็งนอกอ่อนในร้องไห้น้ำตาจะเป็นสายเลือดแล้วอยู่ๆก็ลุกขึ้นมาหักโหมทำงานหนัก แบบนี้อาการน่าเป็นห่วง”
“บางทีกั้งมันอาจจะทำใจได้แล้วก็ได้ อย่าไปดูถูกมันสิ”
“แม่คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ” กุนตีแปลกใจ
พวงหยกถอนใจห่วงกะรัตไม่แพ้กุนตี
กะรัตนั่งทำงานร่างแบบชุดอยู่ในห้องเสื้อ ใจลอยคิดถึงพิศุทธิ์ แต่พอหลุดจากภวังค์ก็พยายามสลัดความคิด กลับมาจดจ่อกับงานเหมือนเดิม สักครู่มีรองเท้าผู้ชายก้าวเข้ามายืนด้านหลัง กะรัตรู้สึกว่ามีคนยืนข้างหลังเงยหน้าขึ้น
“คุณศิวา...”
ศิวามองกะรัตอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษครับที่ผมมารบกวนคุณ คือผมอยากจะมาขอโทษที่ผมทำให้คุณกับคุณพิศุทธิ์ต้องหย่ากัน”
กะรัตถอนใจ
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณทั้งหมดหรอก แต่มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันมันหูเบา ไม่เคยเชื่อใจ ไม่เคยไว้ใจคุณพิศุทธิ์ ต่อให้ไม่มีเรื่องของคุณ วันนึง...ฉันก็ต้องทำความรักของฉันพังอยู่ดี”
“แต่ยังไงผมก็รู้สึกผิด...”
กะรัตรีบพูดแทรก
“ช่างมันเถอะค่ะ อย่าคิดอะไรอีกเลย ทุกอย่างมันจบแล้ว”
ศิวามองกะรัตที่พยายามเข้มแข็งไม่ให้รู้ว่ากำลังเศร้า ทั้งๆที่ความจริงยังเจ็บ ยิ่งทำให้ศิวารู้สึกแย่
“ความจริงคุณกั้งตามคุณพิศุทธิ์ไปก็ได้นี่ครับ”
กะรัตส่ายหน้า
“ตามไปเพื่ออะไรคะ ในเมื่อเขาแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับฉันแล้ว เขาไม่ต้องการฉันแล้ว เขาถึงทิ้งฉันไปแบบนี้”
“คุณกั้ง...”
กะรัตตัดบทก่อนร้องไห้ต่อหน้าศิวา
“อย่าห่วงฉันเลย ฉันโอเค ยังมีคนอื่นที่ เจอชะตากรรมหนักหนากว่าฉันอีก”
กะรัตเดินออกไป ศิวามองกะรัตแล้วคิดถึงสายน้ำผึ้ง
ในห้องคนไข้...สายน้ำผึ้งนั่งนิ่งอยู่บนเตียงในสภาพผมยุ่งเหยิงปรกหน้า รสสุคนธ์มองอย่างเป็นห่วง“ผึ้ง”
“ผึ้งจะกลับบ้าน”
“แต่ผึ้งต้องรักษาตัว...”
“พาผึ้งกลับบ้าน”
“แต่...”
“พาผึ้งกลับบ้าน ได้ยินมั้ยว่าผึ้งจะกลับบ้าน...”
สายน้ำผึ้งเขวี้ยงข้าวของด้วยความเกรี้ยวกราด สายน้ำผึ้งร้องไห้ซุกหน้าลงบนเตียง รสสุคนธ์ได้แต่มองทั้งน้ำตา กรรมที่สายน้ำผึ้งทำไว้กับผู้อื่นกำลังตามมาเอาคืน
นวลเอาไวน์มาเสิร์ฟกะรัตที่นั่งอ่านเอกสารกองโตอยู่ กะรัตหันไปมอง
“เอาทำไมนวล”
“ก็เผื่อคุณกั้งจะเรียก นวลก็เตรียมไว้ก่อน นวลเข้าใจนะคะว่าเวลาแบบนี้คุณกั้งต้องพึ่ง...”
นวลพูดไม่ทันจบ กะรัตก็ลุกขึ้นเอาขวดไวน์ไปทิ้งถังขยะ
“ต่อไปเอาเหล้าทิ้งให้หมด ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว เข้าใจ๋”
“เป็นไปได้เหรอเนี้ย” นวลตกใจ
“นวล”
นวลเอาถาดเครื่องดื่มออกไป กะรัตมองเอกสาร แต่พลิกเอกสารออกมาเป็นจดหมายของพิศุทธิ์ กะรัตเอาจดหมายขึ้นมา
“ฉันจะเป็นกะรัตที่ดีให้ได้ แม้ว่ามันจะไม่มีวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกก็ตาม”
กะรัตมองซองจดหมาย ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน
สายวันใหม่...กะรัตยืนสั่งงานกับเด็กในร้าน รสสุคนธ์เปิดประตูเข้ามา กะรัตหันไปเห็น
“น้ารส”
“หนูกั้ง”
รสสุคนธ์เห็นหน้ากะรัตก็น้ำตาไหลออกมา กะรัตเห็นก็ตกใจรีบเข้าไปหา
“น้ารส เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
ความอ่อนแอของรสสุคนธ์พรั่งพรูออกมา
“น้าต้องขอโทษหนูกั้งด้วยที่ผึ้งทำร้ายหนูกั้งแบบนั้น”
“ช่างมันเถอะน้า กั้งมันพวกดวงแข็ง ไม่ตายง่ายๆหรอก”
กะรัตพยายามทำให้บรรยากาศดี แต่รสสุคนธ์กลับน้ำตาซึม
“น้ารสไม่เอา เลิกร้องไห้ได้แล้ว”
“ถ้าผึ้งมันมีสติ คิดได้ ผึ้งกับกั้งคงไม่เป็นแบบนี้ ความเป็นเพื่อนของพวกหนูก็คงไม่ถูกทำลาย”
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยน้า ยังไงมันก็คงกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้”
“กั้ง...น้าขอให้กั้งอโหสิให้ผึ้งมันได้มั้ย ตอนนี้ผึ้งเขาได้รับกรรมของเขาอย่างสาสมแล้ว ผึ้งเหมือนคนที่ตายไปแล้วทั้งเป็น อโหสิให้เขาเถอะนะ”
กะรัตฟังนิ่งๆ
ในห้องพักของสายน้ำผึ้ง รสสุคนธ์อุ้มน้องพีทพร้อมเก็บของเตรียมจะออกจากโรงพยาบาล
“เดี๋ยวน้าไปเอายาให้ผึ้งก่อนนะ ผึ้งออกไปรอน้าที่ล็อบบี้ก่อนก็ได้”
รสสุคนธ์อุ้มน้องพีทออกไป สายน้ำผึ้งยืนมองอยู่ที่หน้าต่างระเบียงห้อง อย่างเหม่อลอย
กะรัตเดินเข้ามาที่โรงพยาบาลจะเดินเข้าประตู แล้วต้องชะงัก ตัดสินใจกลับไปที่รถ แล้วกะรัตก็มองตรงไปที่รั้วโรงพยาบาลริมถนนแล้วชะงัก สายน้ำผึ้งที่เพิ่งเดินออกไปหันมามอง กะรัตตกใจที่เห็นหน้าสายน้ำผึ้งเต็มไปด้วยบาดแผล สายน้ำผึ้งเองก็ตกใจที่เห็นกะรัตมาที่นี่ เธอทนอับอายไม่ไหววิ่งหนีไป
สายน้ำผึ้งเดินร้องไห้บนสะพานลอยใช้ผ้าพันคอคอยปิดหน้าอยู่ ทันใดนั้นลมพัดผ้าพันคอที่เธอใช้ปิดแผลที่ใบหน้านั้นปลิว คนที่อยู่แถวนั้นเห็นหน้าที่มีแผลเหวอะหวะแล้วต่างตกใจ สายน้ำผึ้งมองหน้าผู้คนที่ต่างมองเธอ ด้วยสายตาตกใจกับบาดแผลบนหน้า เธอทนไม่ได้ที่ตัวเองต้องถูกมองด้วยสายตาสมเพชตกใจ กลัวแบบนี้ เธอมองไปที่ด้านล่างเห็นรถวิ่งไปมา จึงตัดสินใจปีนรั้วสะพายลอย จะกระโดดลงจากสะพาน ทันใดนั้นกะรัตพุ่งเข้าคว้าตัวดึงลงจากรั้วสะพานลอย สายน้ำผึ้งมองกะรัตที่เป็นคนช่วยผลักออกจากตัวเอง
“มาช่วยฉันทำไม”
“ไหนว่าเก่ง ไหนว่าฉลาดนักหนา แล้วทำไมถึงทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ล่ะ”
“มันเรื่องของฉัน”
สายน้ำผึ้งจะปีนรั้วสะพานลอยขึ้นไปกระโดดฆ่าตัวตายอีก กะรัตเข้าไปยื้อยุดฉุกกระชากให้ลงมา สายน้ำผึ้งสะบัดตัวสู้
“ปล่อยฉัน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” สายน้ำผึ้งจะโดดลงไปให้ตาย
กะรัตดึงสายน้ำผึ้งไว้
“ถ้าแกตาย แล้วลูกแกจะอยู่ยังไง”
“แกก็อยากให้มันตายตามพ่อมันแล้วนี่ มันจะได้ไม่อยู่เป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงใจแกไง”
สายน้ำพึ้งจะปีนรั้วสะพานลอย กะรัตทนไม่ไหว
“ฉันไม่ได้อยากยุ่งกับคนอย่างแกหรอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงอยากเห็นแกตายวันละร้อยครั้ง แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ต่อให้ฆ่าแกตาย ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
สายน้ำผึ้งอึ้งมองกะรัตอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะพูดแบบนั้น กะรัตมองสายน้ำผึ้งอย่างจริงจัง
“เพราะชีวิตเราสองคนเละเทะมามากพอแล้ว ต่อให้ฉันแค้นแกต่อ อยากสู้กับแกต่อ แล้วมันได้อะไร ต่างคนต่างต้องสูญเสีย เกมนี้มันไม่มีใครชนะหรอกมีแต่แพ้กับแพ้ มีแต่คนต้องเจ็บ และคนที่เจ็บ ก็เป็นคนที่เขารักเราทั้งนั้น”
รสสุคนธ์อุ้มน้องพีทกับกันตาวิ่งเข้ามา รสสุคนธ์กอดสายน้ำผึ้งอย่างเป็นห่วง
“ผึ้ง ทำไมผึ้งทำแบบนี้ ถ้าผึ้งเป็นอะไรไปแล้วน้ากับน้องพีทจะทำยังไง”
กะรัตมองหน้าสายน้ำผึ้ง
“นั่นไงคนที่รักและเป็นห่วงแกมากที่สุด น้ารสไปอ้อนวอนขอร้องฉัน ให้อโหสิให้แกตอนนี้แกคงรู้แล้วนะ แกควรมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร”
สายน้ำผึ้งมองรสสุคนธ์กับน้องพีท แล้วมองน้าที่กอดตัวเองด้วยความรัก แม้ตัวเองจะเคยตวาด ใส่อารมณ์กับน้ามากขนาดไหน น้าก็ไม่เคยโกรธ แต่ยังมอบความรักให้เธอ ไม่เปลี่ยน สายน้ำผึ้งมองรสสุคนธ์ที่กอดตัวเอง แล้วเห็นน้องพีทมองหน้าตัวเอง มือของน้องพีทจับมือของเธอแน่น สายน้ำผึ้งมองน้องพีทที่จับตัวเองด้วยความรู้สึกตื้นตัน รู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองไปโหยหาอะไรอยู่ ทั้งๆที่ความรักที่ไม่ต้องร้องขอมีอยู่ตรงนี้ สายน้ำผึ้งกอดน้องพีท
“แม่ขอโทษนะลูก” สายน้ำผึ้งกอดรสสุคนธ์ “ผึ้งขอโทษนะน้ารส”
กะรัตมองสายน้ำผึ้งที่กอดรสสุคนธ์แล้วยิ้มอย่างโล่งอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กะรัตนึกถึง คำพูดของพิศุทธิ์ที่เขียนในจดหมาย
“ผมไม่ขอให้คุณอภัยให้ผม แต่อยากขอให้คุณรู้จักการอภัยให้ตัวเองและอภัยให้สายน้ำผึ้ง คุณเจ็บเพราะอดีตมามากแล้ว อย่าให้เหตุการณ์นั้นมาทำร้ายคุณอีก ปลดปล่อยตัวเองจากความแค้น...เมื่อคุณหลุดจากกำแพงที่คุณสร้างขึ้น คุณจะเห็นความสุขที่แท้จริง”
กะรัตยิ้มรับกับคำพูดของพิศุทธิ์ว่าจริง เธอยกมือซ้ายที่สวมแหวนแต่งงานมาดูแล้วยิ้มเดินออกไปด้วยสีหน้ามีความสุข กับหนทางข้างหน้าที่รออยู่
ในสนามบิน...กันตาเดินลากกระเป่าเดินทางเตรียมเข้าไปด้านใน กุนตี พวงหยกเดินมาส่ง กันตาคุยมือถืออย่างตื่นเต้น
“ก้อยดีใจด้วยนะพี่กั้ง ที่พี่อภัยพี่ผึ้งได้แล้ว ทีนี้พี่ก็มีความสุขได้สักที ตอนนี้แม่กับพี่กุ้งมาส่งก้อย ก้อยบอกแล้วว่า ไม่ต้องมาส่ง...พี่กั้งไม่ต้องห่วงก้อยหรอก ลืมไปแล้วเหรอว่าก้อยเคยไปเรียนที่โน้นมาแล้ว ...ขอบคุณนะคะที่อวยพรให้ก้อย...ก้อยก็ขอให้ พี่กั้งตามหาความสุขของพี่กั้งให้เจอนะคะ”
กันตากดวางสาย
“นี่กั้งอภัยให้ผึ้งแล้วจริงๆเหรอ” กุนตีถามอย่างแปลกใจ
“ค่ะ...ทีนี้พี่กั้งคงมีความสุขขึ้น แม่กับพี่กุ้งกลับไปแล้ว ก้อยจะเข้า GATE แล้ว ไม่ต้องห่วง”
พวงหยกค้อน
“ก็แกเป็นลูกฉัน ต่อให้แกจะเก่งเป็นยอดมนุษย์ซุปเปอร์แมน ฉันก็ยังห่วงแก อีกอย่าง...อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าที่แกดิ้นรนรีบไป เพราะเรื่องคุณศิวา”
กันตาชะงักแต่พยายามเก็บอาการไว้ กุนตีปรามไม่ให้พวงหยกพูดมาก
“แม่...”
“ที่พูด เพราะอยากจะบอกว่าเรื่องนั้นแม่ก็มีส่วนผิด แม่มองคนผิด แม่ขอโทษ”
กันตามองพวงหยกอย่างชะงัก ไม่คิดว่าแม่จะขอโทษ กันตาเข้าไปกอด
“แม่ไม่ผิดหรอกค่ะ ก้อยรู้ว่าที่แม่ทำเพราะอยากให้ก้อยมีความสุข”
พวงหยกกอดตอบ กันตาขำกลบเกลื่อน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ชดเชยที่แม่ชวดลูกเขยไปหนึ่ง…เดี๋ยวก้อยไปหิ้วฝรั่งมาฝากแม่สักโหล”
พวงหยกแกล้งค้อนใส่
“ถ้าหิ้วมาจริงๆ ก็เอามาเผื่อฉันด้วยแล้วกัน ตอนนี้ฉันโสดแล้ว”
กันตากับกุนตีหัวเราะขำ กันตามองนาฬิกา
“ก้อยไปก่อนนะคะ เอาไว้ถึงที่โน้นแล้ว ก้อยจะ Timeline มาหานะคะ สวัสดีค่ะ”
กันตายกมือไหว้พวงหยกและกุนตีแล้วเดินไป ทันใดนั้นกันตาชะงักกึก เสียงโทรศัพท์ดังเธอเอาขึ้นมาเป็นชื่อศิวา แต่เธอไม่รับกดตัดสายทิ้ง แต่จังหวะนั้นเองพวงหยกอุทานดังมาก
“อุแม่เจ้า”
ทุกคนหันไปมองเห็นศิวายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน กันตาเห็นศิวาชูป้าย "ผมรักคุณ" ขึ้นมา พวงหยกไม่พอใจ
“อีตาศิว่านี่ยังจะมีหน้ามามายุ่งกับลูกสาวฉันอีก”
กุนตีห้ามแม่ไม่ให้โวยไปมากกว่านี้ ศิวายังคงเปลี่ยนป้าย
"รับโทรศัพท์ผมเถอะ"
"ผมอยากคุยกับคุณ"
ศิวากดโทรศัพท์ กันตาเห็นตัดสินใจจะรับไม่รับมองโทรศัพท์ ทุกคนลุ้นว่าะรับหรือไม่รับ สุดท้ายกันตาตัดสายทิ้งและปิดมือถือ ศิวารู้ว่ากันตาปฏิเสธยกป้ายชูต่อ
"1 ปี /5 ปี /10 ปี หรือทั้งชีวิต"
"นานแค่ไหนผมก็จะรอ"
"จนกว่าคุณจะยกโทษให้ผม"
"จนกว่าคุณ...จะยอมเป็น"
"เจ้าสาวของผม"
กันตากล้ำกลืนน้ำตา อย่างระงับความรู้สึก และหันหลังให้ศิวา
“ก้อยไปนะคะ”
กันตาเดินเข้าเกทไป ทิ้งศิวาไว้ที่เบื้องหลัง...อนาคตจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ฟ้าลิขิตชะตาของคนทั้งสองคนนี้ กุนตีมองไปทางศิวาที่ได้พยายามทำดีที่สุดแล้ว
วันใหม่...พวงหยกใส่แว่นตาหนาเตอะ คลุมผ้าทำลับๆล่อๆ ชะโงกหน้าดูที่หน้าบ้านเนื้อแพรว่ากฤชอยู่ด้วยหรือเปล่า เนื้อแพรเดินมาเห็นพวงหยกยืนส่องอยู่มองรู้ทัน
“มาตามสามีเหรอคะ”
พวงหยกจะหันกลับเจอเนื้อแพรดักหน้า พวงหยกตกใจร้องจ๊าก
“ว๊าย มาไม่ให้สุ้มให้เสียง อั๊วะหัวใจจะวาย”
“คุณมาทำไมคะ”
พวงหยกมองเนื้อแพรอย่างไว้ท่าอึกอักไม่อยากจะพูด เพราะยังกระดากแต่ต้องพูด
“ลูกชายหล่อนติดต่อมาบ้างไหม”
เนื้อแพรมองพวงหยกอย่างแปลกใจ
“ค่ะ...ก็ติดต่อมาบ้าง”
“ถ้าลูกชายหล่อนติดต่อมาอีก ช่วยบอกเขาหน่อยว่าที่ผ่านมา อย่าโกรธยายกั้งเลย นิสัยที่ไม่ดีของยายกั้ง มันเกิดจากฉันที่คอยพูดใส่หัวมัน ตลอดว่าผู้ชายมันเลว ทำให้เขามีชีวิตอย่างหวาดระแวง แทนที่จะสอนให้ มันรู้จักมองข้ามข้อผิดพลาดบางอย่างและให้อภัย”
เนื้อแพรมองพวงหยกอย่างไม่อยากเชื่อ
“คุณพวงหยก”
“ไม่ต้องทำหน้าอึ้งขนาดนั้นหรอก คนอย่างฉันไม่ได้โง่ คิดเป็น...แต่แค่ไม่พูดเท่านั้นแหละ”
พวงหยกเชิดหน้าจะเดินออกไป แล้วชะงักเท้า หันกลับมาบอกเนื้อแพร
“อ้อ บอกเขาด้วยว่ายายกั้งมันยังไม่ได้ขายเรือนหอ มันรอน้ำพริกถ้วยเดิมกลับมาอยู่”
เนื้อแพรมองพวงหยกอย่างอึ้งไม่อยากเชื่อว่า พวงหยกจะมาพูดดี เพื่อให้กะรัตและพิศุทธิ์ได้กลับมาดีกัน พวงหยกสะบัดหน้าจะเดินกลับไป แล้วหันมาพูดอีกที
“อ่อ…ส่วนเรื่องคุณกฤชไหนๆ เขากับฉันก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วเอาไปเลย ฉันยกให้หล่อน แต่จะบอกว่าอีตานั่นคลอเรสเตอรอลสูง อย่าให้กินอะไรที่มันมันมาก น้ำตาลก็ต้องควบคุม หล่อนรู้รึเปล่า อย่าให้เขากินอะไรหวานๆมาก...แล้วเขาก็ชอบอาบน้ำอุ่น...เข้าใจนะ”
พวงหยกพูดเสร็จก็เดินออกไป เนื้อแพรมองตามอมยิ้มที่พวงหยกทำเป็นฟอร์มจัด
บ่ายนั้นที่ร้านกาแฟ...กฤชมองหน้าเนื้อแพรอย่างอึ้งๆ
“พวงหยกเนี่ยนะ พูดให้พิศุทธิ์กลับไปคืนดีกับกั้ง”
“ค่ะ”
“ผมไม่อยากจะเชื่อ”
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ คนเป็นแม่ ต่อให้มีนิสัยแข็งกระด้างยังไง ถ้าเห็นลูกทุกข์ มันก็อดหาทางช่วยลูกไม่ได้ แต่บอกตรงๆนะคะ ตอนแรกที่เห็นพวงหยก ฉันตกใจนึกว่าจะมาหาเรื่องอะไรอีก”
กฤชยิ้มแบบจ๋อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องจะหย่ากับพวงหยก
“เขาไม่หาเรื่อง คุณหรอก เพราะผมกับเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
เนื้อแพรมองสีหน้ากฤชที่ดูเหนื่อยๆ จ๋อยๆ ไม่สดใส เธอรู้ว่าใจจริงกฤชผูกพันพวงหยกมาก
“อยู่กันมาป่านนี้แล้ว จะลุกขึ้นมาหย่า ไม่อายลูกอายหลานบ้างเหรอคะ คุณกฤช”
“ก็ยังโอเคอยู่” กฤชหัวเราะ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้อยากหย่ากับคุณพวงหยกจริงๆหรอก วันนั้นคุณก็แค่อยากทำให้คุณพวงหยก เจ็บบ้างเท่านั้นเอง”
กฤชมองเนื้อแพรที่รู้ใจเขาแล้วยิ้ม
“นี่ผมดูเปิดเผยเกินไป หรือคบกับผู้หญิงที่ฉลาดเกินไปกันแน่เนี่ย”
“ฉันว่าตอนนี้คุณพวงหยกคงเรียนรู้อะไรมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาหาฉัน กลับบ้านเถอะค่ะคุณกฤช ฉันรู้ว่าถึงคุณบอกว่าออกมาอยู่ คอนโดคนเดียวทำให้คุณสงบ แต่ใจคุณก็ไม่ได้สุขหรอก เพราะไม่มีอะไร เหนียวแน่นไปกว่าความผูกพันในครอบครัวหรอก จริงไม๊ค่ะ”
กฤชมองเนื้อแพรยิ้มๆขอบคุณ เนื้อแพรยิ้มตอบด้วยความยินดี
เย็นนั้น...เจ้าสัวบัญชานั่งอยู่กับพวงหยกในบ้าน มองพวงหยกอย่างไม่อยากเชื่อ
“อั๊วไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างลื้อจะทำอย่างนั้นได้ ลื้อไปเดินสะดุดอะไรหัวฟาดมารึเปล่า”
“เตี่ย ทีหนูทำหน้าที่แม่ เตี่ยก็เหน็บ ทีหนูไม่ทำอะไร เตี่ยก็ด่า เตี่ยจะเอายังไงเนี่ย” พวงหยกเซ็ง
“อั๊วชมลื้อก็ได้ว่าลื้อทำดีแล้ว แต่มันไม่สายไปหน่อยเหรอ”
“เตี่ยเคยสอนอั๊วไม่ใช่เหรอว่าไม่มีอะไรสายเกินแก้ สันดานหนู หนูแก่ปูนนี้ยังแก้ได้ ดูยายกั้งกับยายผึ้งสิ เกลียดกันแทบจะไม่เผาผีกัน แทบจะตายกันไปข้าง แต่ก็ยังอภัยให้กัน แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องของยายกั้งกับคุณพิศุทธ์ หนูไม่เชื่อหรอกว่าจะแก้ไม่ได้ ขึ้นอยู่ว่าเตี่ยจะช่วยด้วยรึเปล่า”
“อ้าว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอั๊ว”
“เตี่ยอย่ามาทำเล่นตัว หนูรู้นะว่าเตี่ยรักหลานเขยคนนี้มาก เตี่ยไม่ปล่อยหลานเขยคนนี้ ไปง่ายๆหรอก ดีไม่ดี เตี่ยอาจจะจัดการทำให้คุณพิศุทธ์ กลับมาหายายกั้งก่อนอั๊วแล้วก็ได้ ใช่ไหม”
เจ้าสัวนิ่ง ไม่พูดอะไร
6 เดือนผ่านไป…กะรัตทำงานอยู่ในไร่ อ่านจดหมายของพิศุทธ์
“ผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์ที่ต่างกันสุดขั้วอย่างเราจะลงเอยกันได้ แถมยังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมแทบไม่ทันตั้งตัว...ตอนนี้พายุไต้ฝุ่นลูกนี้ได้พัดผ่านผมไปแล้ว ทุกอย่างจบลงในพริบตา จะว่าไปคุณก็เหมือนพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ที่พัดผ่านชีวิตผมไปรวดเร็วเหลือเกิน อยากให้คุณได้ทบทวนหลายๆอย่าง อย่าลืมว่าเสียงที่ชัดที่สุด ต้องฟังตอนที่เงียบที่สุด ถ้าเราเลิกทะเลาะ แล้วลองใช้ความเงียบคุยกัน บางทีคุณอาจจะได้ยินสิ่งผมพยายามจะบอกคุณมาตลอดก็ได้
สิ่งที่ผมอยากบอกให้คุณรู้ คือ บางอย่างคุณต้องรับฟังด้วยหัวใจ ถ้าตอนนี้ใจคุณเงียบและสงบพอ คุณจะได้ยินแม้แต่สิ่งที่ผมไม่เคยพูดออกมา ผมหวังว่าใจคุณจะเงียบพอจะสัมผัสได้ว่าผมไม่เคยโกรธคุณเลย…ไม่เคยเลยสักครั้ง ถึงเราอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะจะอยู่ด้วยกัน แต่ผมยังยืนยันว่าคุณจะเป็นรักแรกและรักเดียวของผมตลอดไป”
กะรัตยังคงแอบคิดถึงพิศุทธิ์ เธอพับจดหมาย จะเดินไป เสียงโทรศัพท์เข้ากะรัตรับสาย
“ฮัลโหล อ๋อ คนที่จะมาพัฒนาอาหารสัตว์ให้ฟาร์มเราใช่มั้ยค่ะก๋ง ไม่ลืมค่ะ กั้งจำได้...ไม่ต้องห่วงค่ะ กั้งจะรับรองแขกวีไอพีของก๋งอย่างดี ฝันที่จะทำฟาร์มโคนมของก๋งจะเป็นจริงแน่ค่ะ”
กะรัตวางสายไปแล้วถอนใจ
“แต่...ฝันของกั้งพังไม่มีเหลือแล้วก๋ง”
พูดจบกะรัตก็จ๋อยลง
สามีตีตรา ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
หน้ารีสอร์ทวันต่อมา...กะรัตมารอรับลอร่าพร้อมกับนวล กะรัตท่าทางเหม่อลอย
“คุณกั้งคะ...คุณกั้ง” นวลเรียก
กะรัตสะดุ้ง
“มีอะไรนังนวล”
“ไหวไหมคะ วันนี้ดูเพลียๆ”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร...ดอกไม้เตรียมไว้พร้อมรึยัง”
“ดอกไม่น่ะพร้อมค่ะแต่นวลไม่แน่ คือ เรื่อง ภาษาปะกิตนวลไม่ค่อยกระดิกสักเท่าไหร่”
รถตู้เข้ามาจอดที่หน้ารีสอร์ท
“มาแล้วค่ะคุณกั้ง”
ลอร่าก้าวลงมาจากรถ กะรัตอึ้งไม่นึกว่าลอร่าซึ่งเป็นนักวิจัยด้านการเกษตรจะสวยเด่นมีขนาดนี้
“Hi Laura….Welcome to Thailand” กะรัตยื่นมือออกไปเชคแฮนด์
ลอร่ายกมือไหว้อย่างงดงาม
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณกะรัตใช่ไหมคะ”
“คุณพูดไทยได้เหรอคะ” กะรัตรู้สึกทึ่งมาก
“ฉันเป็นลูกครึ่งไทยค่ะ...ฉันมีเพื่อนมาด้วยนะคะ”
ลอร่าหันไปดูในรถ
“hey you ลงมาสิคะ”
กะรัตแปลกใจว่ามีคนตามมาด้วยเหรอ เท้าของผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถตู้ กะรัตแทบช็อคเมื่อเห็นพิศุทธิ์ยืนอยู่ตรงหน้า เหมือนฝ่าผ่ากลางวันแสกๆ กะรัตตัวชา นวลเองก็อึ้งคิดไม่ถึง
“คุณพิศุทธิ์”
กะรัตช็อคเมื่อเห็นว่าเพื่อนของลอร่าเป็นใคร พิศุทธิ์เดินเข้ามาทักทายกะรัตพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ลอร่าแนะนำ
“คุณกะรัตคะ นี่พิศุทธิ์ เพื่อนของดิฉันเองค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมีคนตามมา พอดีเขาเป็นห่วงก็เลยไม่ยอมให้ดิฉันมาคนเดียว...พิศุทธิ์คะนี่เป็นเจ้าของฟาร์ม ชื่อคุณ...”
พิศุทธิ์แทรกขึ้น
“ผมรู้จักแล้วครับ ไม่เจอกันนานเลยนะกั้ง”
กะรัตยังอึ้งอยู่ ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าพิศุทธิ์จะมาอยู่ตรงหน้า
ในร้านอาหาร...กะรัตนั่งนิ่งเกร็งไม่กล้าหันหน้าไป ลอร่ายิ้มแย้ม
“อ้อ...ที่แท้คุณกะรัตก็คือเพื่อน ที่ยูเคยพูดถึงนั่นเอง”
กะรัตหันขวับไปมองตาเขียวปั๊ดเมื่อรู้ว่าพิศุทธิ์บอกใครๆว่าเธอคือเพื่อน
“เมื่อก่อนกั้งเขาเป็นดีไซน์เนอร์ครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้มาทำฟาร์มโคนมแล้ว”
“เจอกันแบบนี้ภาษาไทยต้องเรียกว่าอะไรนะ”
“โลกกลม” พิศุทธิ์ยิ้ม
“อ่า...ใช่ โลกกลม แถมยังเป็น destiny ด้วย”
“ไม่ใช่คนบนฟ้าหรอกที่ทำให้มาเจอกัน คุณนั่นแหละที่ทำให้ผมมาพบคุณกั้งอีกครั้ง”
ลอร่าหันไปหากะรัต
“กะรัตมีนิคเนมว่ากั้ง แล้วพิศุทธิ์ล่ะคะมีนิคเนมว่าอะไร”
กะรัตอึ้งไม่อยากตอบ หรือเสวนาอะไรด้วยแล้ว พิศุทธิ์เห็นท่าทีบึ้งตึงของกะรัตก็พอเดาได้
“คุณกั้งคงจำไม่ได้แล้วมั้ง เพราะผมไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจดจำเท่าไหร่”
กะรัตหันมาจิกตามองพิศุทธิ์อย่างไม่พอใจเพราะรู้ว่าเขากำลังประชด ลอร่าหันมาถามพิศุทธิ์
“ว่าไง ตกลงยูมีนิคเนมว่าอะไร”
“ผมชื่อชาย”
“Shy Really You mean SHY”
“ใช่ ก็เพราะเมื่อก่อนผมขี้อาย” พิศุทธิ์หัวเราะ
“No Way ยูเนี่ยนะขี้อาย”
“ไม่เชื่อถามคุณกั้งก็ได้”
“ทำไมยูไม่เห็นอายเวลาอยู่กับไอมั่งเลย” ลอร่าพูดอย่างมันเขี้ยว
กะรัตอยากจะบ้าตายเมื่อเห็นทั้งคู่แสดงความสนิทสนมอยู่ใกล้ๆ เสียงโทรศัพท์พิศุทธิ์ดังขึ้น เขาขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ กะรัตอ้ำอึ้ง อึดอัด ที่ต้องนั่งอยู่กับลอร่า
เจ้าสัวบัญชาคุยโทรศัพท์กับพิศุทธิ์อยู่ในห้องทำงานที่บ้าน
“ขอบคุณมากนะที่ช่วยแนะนำลอร่ามา”
“แต่ผมไม่ได้บอกเขาหรอกนะครับว่าเรารู้จักกัน เพราะลอร่าเป็นพวกไม่ชอบเส้นสาย ผมอยากให้เขาภูมิใจที่รู้ว่ามีคนอยากร่วมงาน เพราะความสามารถของเขา”
“ดูคุณชายจะสนิทกะอาลอร่าเป็นพิเศษนะ รู้ใจกันขนาดนี้ อาลอร่าก็คงเป็นพวกผู้หญิงเก่งสินะ”
“ครับ”
“แต่หลานก๋งก็เก่งขึ้นเยอะเลยนะ” เจ้าสัวรีบเชียร์กะรัต
“เหรอครับ”
“ตั้งแต่รอดตายชีวิตกั้งก็มีแต่งาน ที่ฟาร์มกับโรงงานนมก็ได้เขานี่แหละเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสร้างขึ้นมาให้”
“ผมรู้ครับว่าเขาเป็นคนทำอะไรทำจริง”
“แล้วเขาก็รักใครรักจริงด้วยอย่าลืม”
เจ้าสัวตั้งใจพูดกระตุ้นให้พิศุทธิ์รู้สึก แต่พิศุทธิ์เก็บความรู้สึกแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“ผมคงต้องให้เวลาลอร่าดูงานสักหน่อย แล้วจะประเมินสถานการณ์ให้เจ้าสัวทราบนะครับ”
“ตามสบายเลยคุณชาย เรื่องที่ฟาร์มอั๊วะยกให้คุณชายดูแล”
เจ้าสัวคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
กะรัตนั่งไม่เป็นมิตร พนักงานเอาขนมมาเสิร์ฟ ลอร่าตื่นเต้น
“wow fantastic ขนมไทยนี่สวยมาก”
“ขนมพวกนี้เป็นขนมที่คุณพิศุทธิ์ชอบทั้งนั้น” กะรัตได้ทีเกทับบ้าง
“really พิศุทธิ์ไม่เคยเห็นบอกลอร่า”
“เขาต้องบอกคุณทุกสิ่งเลยเหรอคะ”
“yes...ไม่มีอะไรที่ไอไม่รู้ ไอรู้ทุกอย่างที่พิศุทธิ์ชอบ”
“ตายละวา ตายละวา จะเกิดศึกบางระจัน ผู้หญิงฆ่ากันรึเปล่าเนี่ย” นวลพึมพำ
กะรัตหายใจแรง
“งั้นคุณก็ควรจะรู้ว่า ขนมไทยพวกนี้เป็นขนมที่คุณพิศุทธิ์ชอบเอามากๆ”
พิศุทธิ์เดินกลับมา ขัดขึ้น
“แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยชอบแล้วล่ะ เวลามันเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยน”
กะรัตมองหน้าพิศุทธิ์ขวับ ทำไมต้องพูดจากันแบบนี้ ลอร่าจิ้มขนมกิน
“อืม...so delicious...เสียดายนะที่ยูไม่ชอบแล้ว so sweet อร่อยมากๆ งั้นไอขอส่วนของยูนะพิศุทธิ์ thank you”
ลอร่าหอมแก้มพิศุทธิ์ 1 ฟอด กะรัตที่กำลังดื่มน้ำสำลักน้ำพรวด นวลรีบเข้าไปลูบหลังให้แอบกระซิบ
“ขันติอย่าเพิ่งแตกค่ะคุณกั้ง เราทำมาดีแล้ว อย่าให้เสียเชิงค่ะ”
“ที่นี่บรรยากาศดีจังเลย good location” ลอร่าชื่นชม
พิศุทธิ์ยิ้มหวาน
“แค่คุณชอบ ผมด็ดีใจแล้วล่ะ”
กะรัตหันขวับไปมอง พิศุทธิ์มองมาที่กะรัตแวบนึง
“เพราะคุณคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน”
นวลพูดเบาๆ
“โชว์หวานกันต่อหน้าแบบนี้ เห็นทีตบะจะเอาไม่อยู่”
“sure...ไอรู้สึก impress มาก ไว้พรุ่งนี้เราดูงานเสร็จ แล้วไป look around กันนะโอเค้”
พิศุทธิ์ยกมือทำสัญญาณโอเค ยิ้มน่ารักให้ลอร่า กะรัตอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปจากตรงนั้นหันขวับจะเดินนำไป พิศุทธิ์มองกะรัต
“พรุ่งนี้ผมคงต้องรบกวนคุณกะรัต เป็นไกด์นำทัวร์หน่อยนะครับ”
“ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ เพราะมันเป็นหน้าที่ของฉัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ คุณก็ดูแลคนของคุณไป ฉันก็จะทำในส่วนที่ฉันต้องทำ”
ลอร่าตาโต
“ว้าว คุณกะรัตนี่ดูจริงจังจังเลยนะคะ...ไม่ต้องซีเรียสคะ ลอร่าเป็นกันเอง สบายๆ สบายๆ”
กะรัตหัวเราะเลียนแบบลอร่า แล้วเบรกเอี๊ยด
“เชิญพวกคุณเข้าห้องพัก พักให้สบายๆ กันดีกว่ามั้ยคะ”
กะรัตหันหลังจะเดินนำ แต่เปลี่ยนหน้าจากหน้ายิ้มๆเป็นหน้าเบื่อนังฝรั่งชะนี พิศุทธิ์ยิ้มขำกะรัต
“ยูหัวเราะอะไร” ลอร่างงๆ
“เปล่าครับไม่มีอะไร เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
พิศุทธิ์พาลอร่าไป
หน้าเคาน์เตอร์...พนักงานยื่นกุญแจให้พิศุทธิ์
“นี่เป็นห้องเดี่ยวของคุณพิศุทธิ์กับคุณลอร่า ตามที่ book มาจากทางบริษัทนะคะ”
“ห้องเดี่ยวเหรอ”
กะรัตเสียงดังจนหน้าตกใจ นวลต้องเข้าไปจับกัดฟันพูด
“ใจเย็นค่ะคุณกั้ง ใจเย็น”
พิศุทธิ์ยิ้มกวนสุดๆให้กะรัต ลอร่ายิ้มแย้ม
“don"t worry ค่ะ ลอร่าอยู่ได้ เป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าคุณกั้งมีอะไรจะชวนไอมาจอย party ก็โทรหาได้ตลอดนะคะ”
“แต่ถ้าไม่มีอะไร ไม่โทรจะดีกว่านะครับ คืนนี้ผมอยากให้ลอร่าพักผ่อน”
“you are so cute พิศุทธิ์ของลอร่านี่น่ารักเสมอ”
กะรัตตาวาว ไม่นึกว่าพิศุทธิ์กลับมาครั้งนี้จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลอร่ากับพิศุทธิ์เดินไปขึ้นห้องพักพร้อมกับพนักงานที่ช่วยหิ้วกระเป๋าให้ กะรัตยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“ทำไมเขาถึงอยู่ห้องเดียวกันล่ะ ทำไมก๋งไม่เห็นบอก”
นวลคิดเลยเถิดไปไกล
“ผู้ชายกับผู้หญิงนอนห้องเดียวกัน...หรือว่า...”
ค่ำนั้น กะรัตกับนวลมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพิศุทธิ์ สองคนยืนตะลึงมองแบบไม่อยากจะเชื่อสายตา นวลรีบแนบหูเข้าไปฟังที่ประตูทันที
“อื้อหือ”
“อะไร” กะรัตตกใจ
นวลเอาหูออกมา
“เงียบสนิทเลยค่ะ”
“ไม่ได้เรื่องเลยนวล ถอยไป”
กะรัตเอาหูเข้าไปแนบฟัง พยายามจะฟังสุดฤทธิ์
“เป็นไงบ้างคะ”
“ชู่ว์...” กะรัตจุ๊ปาก
เธอฟังอย่างตั้งใจเอาหูออกมาหน้าตาผิดหวัง
“ไม่ได้ยินเหมือนกัน”
“โธ่...คุณกั้ง” นวลเสียเส้น
“ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะนวล” กะรัตโวย
นวลตกใจที่กะรัตเสียงดัง เอามืออุดปากกะรัต แล้วรีบลากไปหลบมุม พิศุทธิ์เปิดประตูห้องออกมาดูว่าเสียงใคร ลอร่าตามออกมา
“ใครเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรครับ”
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ ลอร่าเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว”
กะรัตได้ยินแบบนั้น ยิ่งตาเหลือก จะสะบัดเข้าลุย นวลรัดไว้ ปิดปาก กะรัตต้องทนมองลอร่าจูงมือพิศุทธิ์เข้าห้องไปจนปิดประตู กะรัตสะบัดนวลออก
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ทำแบบนี้ไม่คิดถึงใจฉันบ้าง ควงนังชะนีลูกครึ่งนั่นกลับมาเย้ยฉันเหรอจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ฉันจะขีดเส้นใต้แค่คำว่าคนรู้จักให้เส้นโตๆเลยคอยดู”
กะรัตเริ่มควันออกหู
ฟาร์มวัวยามเช้า...พิศุทธิ์กับลอร่าเข้ามาดูในโรงเลี้ยงสัตว์เพื่อจะดูอาหารสัตว์ที่เลี้ยงไว้ กะรัตต้องพานำชมโรงเลี้ยงอย่างจำใจ
“ตรงนี้เป็นโครีดนม แม่วัวที่เห็นตรงนี้กำลังอยู่ในช่วงให้นมสูงสุด อาหารที่ให้ก็เป็นอาหารหยาบคำนวณตามน้ำหนักแล้วก็เสริมอาหารข้นเพื่อเพิ่มโปรตีน”
ลอร่าหยุดหยิบอาหารในรางที่แม่วัวกำลังกินขึ้นมาดู แล้วเอะใจ
“ถ้าอยากให้น้ำนมคงที่เราต้องดูคุณภาพอาหารที่ให้ แม้แต่ฟางข้าวหรือหญ้าก็ต้องดูว่าเป็นหญ้าที่เก็บเกี่ยวมาช่วงไหน ตัดสั้นยาวแค่ไหน พวกนี้มีผลต่อการย่อยของแม่วัว”
กะรัตแอบหมั่นไส้เห็นลอร่าอวดฉลาดเลยพยายามข่มกลับ
“น้ำลายมีฤทธิ์เป็นด่างจะช่วยปรับสภาพจุลินทรีย์ในกระเพาะให้สังเคราะห์เป็นโปรตีน อาหารหยาบพวกนี้เราให้ 1.4% ต่อวันคิดตามน้ำหนักตัวของวัวแต่ละตัว”
พิศุทธิ์ทึ่งเหมือนกันที่กะรัตรู้ลึกรู้จริง ลอล่าแย้ง
“น้ำหนักอย่างเดียวไม่พอค่ะ ต้องดูปริมาณนมที่แต่ละตัวให้ด้วย เราต้องรู้จักวัว ทุกตัวว่าแต่ละตัวแตกต่างกันยังไง ต้องเข้าใจวัวให้ได้เหมือนคนในครอบครัว”
พิศุทธิ์เห็นช่องสบโอกาส
“เรื่องแบบนี้คุณกะรัตไม่รู้หรอก เข้าใจวัวมันยาก ขนาดเข้าใจคนในครอบครัวยังยากสำหรับคุณกะรัต นับประสาอะไรกับวัว”
กะรัตหันขวับมองหน้า พิศุทธิ์ยักคิ้วให้ ลอร่าหันมาบอก
“งั้นไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะมาดูแลเรื่องนี้ให้เอง มันเป็นหน้าที่ฉัน”
กะรัตแอบเหล่มองอย่างไม่ค่อยพอใจที่ดูเหมือนจะเก่งฉกาจฉลาดไปทุกเรื่อง กะรัตเริ่มกระแทกเสียง
“จะไปดูลูกวัวก็เชิญทางนี้ค่ะ”
กะรัตรีบพาลอร่าเดินผ่านช่วงที่คนงานกำลังขัดพื้นอยู่ ทันใดนั้นกะรัตลื่น ล้มลงก้นจ้ำเบ้าขาของเธอไปเตะกระป๋องที่ใส่นมที่เจ้าหน้าที่รีดไว้แล้ว หกใส่ตัวตัวเอง ทุกคนขำกะรัตเซ็งเลย
กะรัตขับรถกอล์ฟหน้าบูดบึ้งอยู่ในฟาร์ม เพื่อจะไปรับพิศุทธิ์กับลอร่าจากโรงม้า แต่หันไปเห็นพิศุทธิ์กับลอร่าขี่จักรยานมาด้วยกัน
“จะไปสำรวจที่หลังฟาร์มกันไม่ใช่เหรอคะ ฉันมารับ”
“ขอเป็นขี่จักรยานดูแทนได้ไหมคะ”
“แต่ตอนนี้มันร้อนนะคะ”
“แต่ผมว่าโรแมนติคดี” พิศุทธิ์ขัดขึ้น
กะรัตได้ยินอย่างนั้นก็ลมออกหู ลอร่ายิ้มแย้มชวน
“คุณกะรัตไปด้วยกันนะคะ ไปกันหลายๆคนสนุกดี please”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จักรยานมีแค่สองคัน”
ลอร่าลงเลย จอดจักรยานและไปดึงตัวกะรัตมา
“ใช้ของลอร่าเลยค่ะ เดี่ยวลอร่าไปคันเดียวกับพิศุทธิ์เอง”
ลอร่ายิ้มน่ารักแต่ดูน่าตบมากกว่าสำหรับกะรัต เธอจำต้องยอมไปด้วย พิศุทธิ์อ้าแขนให้ลอร่า ขึ้นไปนั่งส่วนหน้าของจักรยาน เป็นภาพพิศุทธิ์โอบลอร่า กะรัตตาแทบถลน
“ตามเราให้ทันแล้วกันนะครับ คุณกะรัต”
พิศุทธิ์พูดจบขี่จักรยานไปเลย กะรัตกัดฟันพึมพำอย่างเก็บอารมณ์
“ออกหน้าออกตาเกินไปแล้ว ทีเมื่อก่อนแค่ให้กอดยังอาย...เดี๋ยวนี้ให้ผู้หญิงนั่งซ้อนไปด้วย เนื้อนมไข่มันเปลี่ยน คนซื่อบื่อเป็นพวกบ้ากาม...หืม...มันน่าจะชนให้ตกเขาทั้งคู่เลย”
กะรัตฟึดฟัดแล้วขี่จักรยานตามพิศุทธิ์ไป
จักรยานสองคันขี่ตามกันมา พิศุทธิ์กับลอร่าคุยกันกระหนุงกระหนิง กะรัตมองอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ยิ่งเจ็บก็ยิ่งพาลโกรธและหมั่นไส้พิศุทธิ์มากขึ้น ปอยผมของลอร่าปลิวตามลมเกะกะหน้าพิศุทธิ์ขี่จักรยานมือเดียว แล้วเอื้อมมืออีกข้างมา ลูบผมให้ กะรัตมองภาพนั้นอย่างจี๊ดใจ พยายามข่มใจ
ลอร่าเงยหน้าขึ้นมาเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่หน้าพิศุทธิ์ให้ กะรัตมองภาพนั้นอย่างจี๊ดใจ พยายามข่มใจครั้งที่ 2 ลอร่าพุดบางอย่างพิศุทธิ์ก้มหน้าเงี่ยหูฟัง ลอร่าแกล้งเป่าลมใส่หู พิศุทธิ์หัวเราะ กับลอร่า กะรัตมองภาพนั้นแล้วข่มใจไม่ไหว ปั่นจักรยานพุ่งไปชนท้ายจักรยานของพิศุทธิ์ จักรยานพิศุทธิ์ล้มลงข้างทาง พิศุทธิ์กับลอร่าล้มกลิ้ง กะรัตหัวเราสะใจ
“เจ็บไหมล่ะ แต่มันยังเจ็บน้อยกว่าที่คุณทำกับฉัน” กะรัตยิ้มสะใจ
กะรัตหัวเราะฮึๆ หน้าสะใจอยู่กับภาพฝันแต่แล้วเสียงพิศุทธิ์ก็ดังขึ้น
“กั้งระวัง”
กะรัตตื่นจากภวังค์ ลืมตาเห็นตรงหน้าเป็นต้นไม่ใหญ่ เธอหน้าเหวอ บังคับจีกรยานไม่ได้ เพราะเป็นทางลงเขา กะรัตพุ่งเข้าหาต้นไม้ ชนโครมทั้งคนทั้งจักรยานกระเด็นไปคนละทิศละทาง ลอร่าตะลึง
“oh....no”
สภาพกะรัตดูไม่จืด พิศุทธิ์เข้าไปประคอง
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“ก็เจ็บอ่ะดิ่ ถามได้...โอ้ย”
“มัวแต่ฝันอะไรอยู่ล่ะ ขี่จักรายานไม่ดูทาง”
“เปล่า ฝันบ้าอะไร” กะรัตเถียงเสียงสูง
“คุณกะรัตไหวมั้ยคะ” ลอร่าเป็นห่วง
“ไหว...ฉันไหว...”
กะรัตพยายามจะลุก แต่พอกะรัตลุกก็เซจะล้ม พิศุทธิ์เข้าไปประคอง ทั้งคู่สบตากัน ใจกะรัตเต้นตึกตัก ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้ เกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
“พิศุทธิ์ ยูพาคุณกะรัตไปพักเถอะ เดี๋ยวไอไปเองได้” ลอร่ารีบบอก
พิศุทธิ์มองกะรัต
“คนเก่งอย่างคุณกะรัตบอกว่าไหว เขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอกลอร่า”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไหวจริงๆดูสิคะ”
กะรัตน้อยใจ สะบัดออกจากตัวพิศุทธิ์ แล้วพยายามกระโดดให้ดูทั้งที่เจ็บมาก
“พวกคุณไปเที่ยวกันต่อเถอะ ฉันขอกลับไปที่พักก่อน”
กะรัตไปคว้าจักรยานที่สภาพแย่ แล้วขี่ออกไปเลย พิศุทธิ์มองตาม
“เรื่องดื้อไม่เคยมีใครเกิน”
ความดื้อของกะรัตไม่ลดลงเลย แต่เป็นความเข้มแข็งที่เขาชอบ
กะรัตเดินกะเผลกกลับมาที่โรงแรมอย่างโกรธจัด นวลเข้ามากระซิบเล่าให้กะรัตฟัง
“นวลออกไปส่องจากสนามกอล์ฟแต่ห้องปิดม่านยันเช้า เลยไม่รู้ว่าเขาฟีเจอริ่งกันจริงไหม แต่นวลสั่งแม่บ้านให้อุ๊บอิ๊บเก็บผ้าปูที่นอนมาให้”
“มีฉันอยู่แล้วยังกล้าทำอย่างนั้น มันก็เกินไปแล้ว”
“แต่เมื่อเช้าเขาป้อนข้าว ดูดน้ำจากหลอดเดียวกัน มีนวดต้นคอให้กันด้วยนะคะ แล้วก็วางโปรแกรมจะออกไปทำบุญ ส่องสัตว์ ทำโป่งแยง ไปล่องแก่งกันด้วยค่ะ”
“พอแล้วนวล...ฉันไม่อยากฟัง” กะรัตเริ่มรับไม่ไหว
“แต่คุณกั้งคะ...”
“ขอเวลาให้ฉันสงบสติอารมณ์ก่อน”
กะรัตเดินขึ้นห้องพักไปอย่างคนเจ็บหนักแทบกระอักเลือด
กะรัตเดินผ่านหน้าห้องพักพิศุทธิ์ เห็นประตูเปิดไว้ เพราะแม่บ้านกำลังเข้าไปทำความสะอาด สัญชาตญาณมุ่งร้ายทำให้เธอตัดสินใจเปิดเข้าไปในห้องทันที กะรัตเห็นว่าห้องนั้นเป็นห้องสวีทมีส่วนของห้องนั่งเล่นอยู่ก่อน แม่บ้านเดินถือถุงขยะออกมาจากห้องนอน กะรัตรีบหลบวูบไปซ่อนที่โซฟา แม่บ้านหันมาสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะเข็นรถอุปกรณ์ออกจากห้องมา กะรัตลุกพรวดขึ้นมาอย่างร้ายๆ
“เดี๋ยวได้รู้กัน”
กะรัตเดินเข้าไปแล้วพบว่ามีสองประตูอยู่ซ้ายขวา เธอมองงงๆ ตัดสินใจเปิดประตูเข้ามาทางขวาเห็นเป็นห้องนอน กะรัตออกมาเปิดประตูอีกห้องก็พบว่าเป็นห้องนอนเหมือนกัน เธอตกใจ
“มีสองห้อง”
แต่กะรัตยังไม่วางใจจึงได้ไปเปิดตู้เสื้อผ้าห้องหนึ่งดู เห็นมีกระเป๋าและข้าวของของลอร่า เธอรีบถลามาอีกห้อง แล้วเปิดตู้เห็นเสื้อผ้าของพิศุทธิ์แยกกันอยู่ก็โล่งใจ
“ยังดีที่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”
กะรัตมองไปที่กระเป๋าเดินทางของพิศุทธิ์ที่วางอยู่ ไปเปิดออกดูเห็นเสื้อผ้าบางส่วนพับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในนั้น เธอหยิบเสื้อที่พับอยู่ออกมาถือไว้อย่างคิดถึง
“ทำไมคุณต้องปันใจให้คนอื่นด้วย”
กะรัตเหลือบเห็นถุงกระดาษหรูอยู่ในกระเป๋าก็ดึงออกมาดูพบว่าเป็นถุงร้านเพชร เธอนึกถึงคำพูดของกันตาขึ้นมาทันที
“ก้อยเพิ่งเจอคุณพิศุทธิ์เมื่อวาน คุณพิศุทธิ์ไปเลือกแหวนเพชรที่ร้าน เป็นไปได้ไหมคะว่าเขากำลังจะแต่งงานใหม่”
กะรัตมือไม้สั่นหยิบของออกมาดูเห็นเป็นกล่องกำมะหยี่หรู เธอเปิดออกเห็นแหวนเพชรเม็ดเบ้อเริ่ม กะรัตแทบจะล้มทั้งยืน แต่ก็ได้ยินเสียงปลดล็อคคีย์การ์ดดังเข้ามา กะรัตอึ้งพยายามหาที่หลบ สุดท้ายไม่รู้จะหลบที่ไหนก็วิ่งไปหลบในห้องน้ำ พิศุทธิ์เดินเข้ามาในห้องนอนแล้วสงสัยที่เห็นห้องนอนของเขาเปิดประตูไว้อยู่ พิศุทธิ์พยายามไม่คิดอะไรเพราะเห็นว่ากระเป๋าเดินทางก็ปิดอยู่ เขาจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
กะรัตชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำเพราะเห็นว่าพิศุทธิ์หันหลังให้อยู่โดยไม่รู้ว่าพิศุทธิ์แอบมองเห็นเงาของกะรัตสะท้อนอยู่จากกระจกในห้อง พิศุทธิ์รู้แต่ไม่ทำอะไร เขาแกล้งหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำตัวใหม่ออกมาแล้วทำท่าจะไปห้องน้ำ กะรัตใจหายแว๊บ พิศุทธิ์กระชากประตูห้องน้ำออก กะรัตทะลึ่งพรวดออกมา
“คุณเข้ามาทำอะไร”
“ฉันเข้าห้องผิด หลงทิศ ไม่เคยเป็นรึไง” กะรัตแถแบบหน้าตาย
“ไม่ใช่เข้ามาจับผิดผมกับลอร่าหรอกเหรอ”
“จับผิดทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” กะรัตทำเป็นไม่แคร์
“ก็ดี ในเมื่อคุณไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ผมก็โล่งใจ”
“เราหย่ากันแล้ว ฉันแฟร์พอ ไม่ใช่พวกหวงก้าง ยอมเห็นคุณมีใหม่ไม่ได้”
“งั้นผมบอกคุณคนแรกเลยละกัน ไหนๆ ก็ปิดคุณไม่ได้แล้วนี่ ผมกำลังจะแต่งงานใหม่”
พิศุทธิ์เดินไปหยิบกล่องแหวนที่กะรัตไม่ยอมเก็บเข้ากระเป๋าออกมาส่งให้ กะรัตอึ้ง
“กับยายลอร่า หน้าฉ่ำคนนั้นน่ะนะ”
“เขาน่ารัก มองโลกในแง่ดี มีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา”
“ที่สุด...ที่สุดของความเลี่ยนเลยล่ะ”
“ในเมื่อไม่หวงผมแล้ว ก็ควรดีใจกับผมนะ”
“ไม่ได้หวง แค่ห่วงกลัวจะดูคนผิด”
“ผิดแล้วจะเป็นไร ในเมื่อผมก็เคยผิดมาทีหนึ่งแล้ว”
กะรัตหันไปมองพิศุทธิ์อย่างไม่พอใจที่หาว่าเธอเป็นตัวเลือกที่ผิด
“ผิดครั้งแรกยังพอจะโทษฉันได้ เลือกผิดอีกครั้งคงต้องสำรวจดูตัวเองบ้างแล้วล่ะ”
กะรัตเชิดใส่พิศุทธิ์แล้วชิงเปิดแน่บไป พิศุทธิ์ยิ้มเมื่อเห็นกะรัตทำแง่งอนเพราะความหึงอย่างนั้น
กะรัตเข้ามาในห้องพักของตนวี้ดบึ๊มโทรหาเจ้าสัวบัญชา
“รู้ตัวรึเปล่าว่าก๋งไปจ้างใครมา”
เจ้าสัวตอบกลับอย่างไม่สนใจ
“นี่ก๋งว่าจะจ้างพิศุทธิ์มาดูโรงงานนมให้เราด้วย เห็นเขาเข้าขากันได้ดี”
กะรัตน้อยใจอย่างแรง
“งั้นก็ยกทั้งฟาร์มทั้งโรงงานประเคนให้เขาไปหมดเลยละกัน ถ้าก๋งรักเขามากกว่ากั้งขนาดนั้นผู้ชายก็เหมือนกันหมด ไม่ทันไรก็ใจแตกไปมีคนใหม่”
“ก็นี่แหละน้า...ตอนที่อยู่ก็ไม่รู้จักรักรู้จักถนอม เขาก็เลยต้องไปหาเอาใหม่ สมัยก๋งไม่มีรักๆเลิกๆแบบนี้หรอก เราอยู่ในยุคที่อะไรเสียเราก็ซ่อมกันไป แล้วสุดท้ายเราก็อยู่กันจนแก่ตาย”
“กั้งก็พยายามซ่อมเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่นี่ไง แต่เขาไม่รอกั้ง แล้วที่ผ่านมากั้งจะปรับปรุงตัวเองไปเพื่ออะไร”
“งั้นก็ไปบอกเขาว่าเรายังรักยังเสียดาย ไปขอร้องให้เขากลับมาได้ไหม”
“เขาควงคนใหม่มาเย้ยขนาดนี้ ก๋งไปขอก็เสียฟอร์มแย่สิ” กะรัตโวย
“งั้นก็ตัดใจ”
“ตัดได้ยังไง กั้งมาก่อน ยายนั่นมาทีหลัง อยู่ๆจะมาฉกของๆกั้งไป ใช้ไม่ได้”
“แล้วจะเอายังไง”
“เขาทำให้กั้งเป็นบ้าได้ กั้งก็จะทำให้เขาคลั่งเหมือนกัน”
กะรัตมีแผนร้าย
ร้านอาหารในรีสอร์ทยามเย็น...นวลเตรียมอุปกรณ์ พิศุทธิ์กับลอร่าเดินมาถึง แต่ไม่เห็นกะรัต
“คุณกั้งชวนเรา party บาร์บีคิว แล้วนี้คุณกั้งไปไหนล่ะคะ”
“อ้อ...คุณกั้งไปรับเพื่อนน่ะคะ เดี๋ยวมา”
“เพื่อน ใครเหรอนวล” พิศุทธิ์แปลกใจ
นวลส่ายหัว
“นวลก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ สั่งไว้แต่ว่าให้นวลเตรียมของรอรับคุณพิศุทธิ์กับคุณลอร่า”
พิศุทธิ์ยิ้งแปลกใจ จังหวะนั้นเองเสียงกะรัตก็ดังขึ้น
“ขอโทษนะคะที่มาช้า”
พิศุทธิ์กับลอร่าหันไปมอง กะรัตเดินควงฝรั่งหนุ่มสุดหล่อเข้ามา พิศุทธิ์มองกะรัตที่ดูใกล้ชิดกับเพื่อนฝรั่งก็ชะงัก กะรัตแนะนำปีเตอร์ให้ทุกคนรู้จัก
“นี่ปีเตอร์ค่ะ นั่นคุณลอร่า”
กะรัตผายมือไปทางพิศุทธิ์ด้วยสายตายิ้มเยาะใส่
“นั่นคุณพิศุทธิ์แฟนคุณลอร่า”
ปีเตอร์ยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีครับทุกคน ผมขอจอยด้วยนะครับ”
“เราไปนั่งตรงโน้นดีกว่าปีเตอร์”
กะรัตจูงมือปีเตอร์เดินผ่านพิศุทธิ์ไป โดยเธอเชิดหน้านิดๆเหมือนแสดงออกว่าไม่เห็นพิศุทธิ์ ในสายตา พิศุทธิ์รู้สึกหงุดหงิดนิดๆ นวลมองทุกคนอย่างไม่ค่อยสบายใจ
ดวงดาวระยิบระดับเต็มท้องฟ้าสวยงาม กะรัตนั่งชิดปีเตอร์ ส่วนพิศุทธิ์นั่งข้างๆลอร่าอยู่ตรงกันข้าม
“เกมพระราชาเหรอคะ” กะรัตถามลอร่าอย่างแปลกใจ
“ใช่ค่ะ...เกมนี้เล่นง่ายมาก แค่เราผลัดกันหมุนขวด คนที่เป็นคนหมุนขวดคือพระราชา พระราชาหมุนขวดแล้วปากขวดชี้ไปทางใคร คนนั้นก็ เป็นทาส พระราชาสั่งอะไรก็ต้องทำ พอทำจบ...ทาสก็กลายเป็นพระราชา หมุนขวดต่อ”
“น่าสนุกนะ ผมเล่นด้วย”
ปีเตอร์หันไปมองตาหวานกับกะรัต
“ถ้าผมหมุนแล้วขวดชี้ไปทางคุณ ผมจะสั่งคุณอยู่กับผมทั้งคืน”
กะรัตหยิกแก้มปีเตอร์หยอกโชว์หวาน
“ถ้าฉันหมุน แล้วขวดชี้ไปทางคุณ ฉันก็จะสั่งให้คุณอยู่กับฉันทั้งคืนเหมือนกัน”
ลอร่าพูดกับพิศุทธิ์
“ถ้ายูหมุนขวดชี้มาที่ไอ ยูจะสั่งอะไร”
“เดี๋ยวคุณก็รู้” พิศุทธิ์ยิ้มทะเล้นให้ลอร่า
ลอร่าหัวเราะคิกคักกับพิศุทธิ์ กะรัตเหลือบมองพิศุทธิ์อย่างหงุดหงิดกับท่าทางกรุ่มกริ่มของเขา พิศุทธิ์เหลือบมองกะรัต นวลมองอาการกะรัตกับพิศุทธิ์
“นี่มันเขาใหญ่หรือเขาชนไก่เนี่ย ยิงกราดกันไม่มีใครยอมใครเลยวุ้ย”
“งั้นเราให้เกียรติคนอาวุธโสสุดหมุนขวดก่อน” ลอร่าผายมือไปทางพิศุทธิ์
พิศุทธิ์ยื่นมือไปหมุนขวดที่อยู่กลางโต๊ะขวดหมุนแล้วหยุดหมุนปาขวดชี้ไปทางลอร่า เธอตื่นเต้น
“เอาล่ะ ทีนี้ยูต้องบอกแล้วว่าคุณจะสั่งอะไรไอ”
พิศุทธิ์คิด
“ผมขอสั่งให้คุณทำอะไรก็ได้ที่คุณมีความสุข”
กะรัตฟังแล้วแอบหมั่นไส้ ปีเตอร์แสดงอาการชื่นชมพิศุทธิ์
“โรแมนติกมาก...แล้วอะไรที่คุณลอร่าทำแล้วมีความสุขครับ”
ลอร่ายิ้มกรุ่มกริ่ม กะรัตมองลอร่ารอดูว่าเธอจะทำอะไร ทันใดนั้นลอร่าชะโงกหน้าไปจูบแก้มพิศุทธิ์ต่อหน้า กะรัตอึ้ง นวลมองเหวอ
“อุต๊ะ”
นวลรีบมองกะรัตว่าจะทำยังไง
สามีตีตรา ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
พิศุทธิ์เหลือบมองอาการกะรัตแล้วหันไปยิ้มให้ลอร่า
“ทีนี้ก็ถึงตาไอหมุนขวดนะคะ”
ลอร่ายื่นมือไปหมุนขวดที่อยู่กลางโต๊ะ ขวดหมุนแล้วหยุดหมุนปาขวดชี้ไปทางปีเตอร์
“กะหม่อมน้อมรับคำพระราชินี” เขาหยอกลอร่า
ลอร่ายิ้มคิดนิดหนึ่ง
“สั่งอะไรดีน้า...ไอลอกคำสั่งของพิศุทธิ์แล้วกัน...ไอขอสั่งให้ยูทำอะไรก็ได้ที่ยูมีความสุข”
“รับทราบกะหม่อม”
ปีเตอร์มองไปทางกะรัต
“ความสุขของผมก็คือ...”
พิศุทธิ์มองปีเตอร์อย่างลุ้นว่าจะทำอย่างลอร่ารึเปล่า ปีเตอร์ยื่นหน้าไปจูบแก้มกะรัตต่อหน้าพิศุทธิ์ กะรัตชะงักที่ปีเตอร์ทำแบบนี้ แล้วเหลือบไปเห็นสีหน้าพิศุทธิ์ที่ดูอึ้ง กะรัตรู้สึกวูบหนึ่งว่าสะใจที่ทำให้เขาอึ้งได้ แต่อีกใจก็สับสนที่เห็นพิศุทธิ์รู้สึกเพราะมันแปลว่าเขาแคร์เธออยู่ พิศุทธิ์เห็นกะรัตมอง จึงรีบเปลี่ยนสีหน้าปกติ แม้ในใจจะยังหงุดหงิด ปีเตอร์มองกะรัตตาหวาน
“มีความสุขจริงๆด้วย”
ปีเตอร์หันไปทางพิศุทธิ์กับลอร่า
“ทีนี้ก็ถึงตาผมหมุนขวดนะครับ”
ปีเตอร์ยื่นมือไปหมุนขวดที่อยู่กลางโต๊ะ ขวดหมุนแล้วหยุดหมุนปาขวดชี้ไปทางพิศุทธิ์ ปีเตอร์ตื่นเต้น
“ว้าว ผมจะสั่งอะไรคุณพิศุทธิ์ดีเนี่ย...ไหนๆคุณลอร่าลอกคำสั่งคุณมาแล้ว ผมขอลอกอีกคนแล้วกัน...ผมขอสั่งให้คุณทำอะไร ก็ได้ที่คุณมีความสุข”
ปีเตอร์ป้องปากบอกพิศุทธิ์
“ถ้าให้ผมแนะนำ ทำแบบที่ ผมกับคุณลอร่าทำ...ได้จูบคนที่เรารู้สึกดีใต้แสงดาว...มันที่สุดแล้วครับ”
พิศุทธิ์ฟังปีเตอร์แล้วมองลอร่า กะรัตมองพิศุทธิ์ว่าจะจูบลอร่าจริงๆเหรอ พิศุทธิ์เหลือบมองไปทางกะรัตว่าเธอจะทำยังไง เห็นกะรัตมองอยู่ เขาค่อยๆยื่นหน้าไปใกล้ลอร่า กะรัตมองพิศุทธิ์ที่ยื่นหน้าใกล้หน้าลอร่าเข้าทุกที กะรัตมองอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไปลุกขึ้นโวยวายทันทีชี้ไปที่เตาบาร์บิคิว
“ไฟไหม้ ไฟไหม้”
กะรัตรีบวิ่งไปที่เตาบาร์บิคิวแล้วหยิบขวดน้ำมาราดเตาอย่างวุ่นวาย ลอร่า ปีเตอร์ นวลตกใจรีบ เข้าไปช่วยกะรัตหาน้ำมาราดเตาบาร์บิคิว พิศุทธิ์มองกะรัตแล้วแอบยิ้มเพราะรู้ว่าเธอหาเรื่องขัดจังหวะ
สภาพของเปียกน้ำระเนระนาด กะรัตยิ้มแหยๆให้ลอร่า ปีเตอร์กับนวลยืนอยู่ข้างหลังกะรัต พิศุทธิ์ยืนแอบขำกะรัตอยู่ข้างหลัง ลอร่า
“กั้งขอโทษนะคะที่ทำให้งานล่มกลางคัน”
ปีเตอร์หน้าจ๋อยๆ
“นั่นน่ะสิครับ คุณพิศุทธิ์เลยไม่ได้โชว์ความสุขกับคุณลอร่าเลย”
กะรัตชะงักมองปีเตอร์อย่างเซ็งๆว่าจะพูดทำไม พิศุทธิ์พูดยิ้มๆดูกรุ่มกริ่ม
“ไม่เป็นไรครับ เวลาความสุขของผมยังมีอีกทั้งคืน”
กะรัตชะงักคำว่าทั้งคืน เธอลืมไปเลยว่าพิศุทธิ์กับลอร่าพักบ้านหลังเดียวกัน พิศุทธิ์เห็นอาการกะรัตชะงักนิ่งแล้วแอบยิ้ม พิศุทธิ์พาลอร่าออกไป กะรัตมองตามด้วยสีหน้าน้อยใจ
“ขอบใจนะปีเตอร์ที่ช่วยเราคืนนี้”
“ไม่เป็นไร...ได้เล่นละครอะไรบ้าๆสนุกดี”
นวลเสนอหน้ามา
“ตกลงเมื่อกี้เล่นละครกันเหรอคะ”
กะรัตดีดนิ้ว ป๊อก ป๊อก แล้วชี้ให้นวลไปยืนข้างหลัง นวลยิ้มแหยๆแล้วถอยไปยืนพึมพำ
“ทีแท้ก็เล่นละครหลอกคุณพิศุทธิ์”
ปีเตอร์มองกะรัตหน้าเครียด
“แต่กั้งคงไม่สนุกด้วยใช่ไหม อย่าเล่นเกมที่รู้แต่แรกว่าเราจะแพ้สิกั้ง นี่เป็นคำเตือนจากเพื่อนด้วยความหวังดี ไอไปก่อนนะ see you”
ปีเตอร์เดินแยกไป
“นวล...ฉันอยากกลับกรุงเทพ”
“คุณกั้งจะยอมแพ้ง่ายๆเหรอคะ ไม่ใช่คุณกั้งของนวลเลยนะคะ”
กะรัตถอนใจศึกครั้งนี้ชนะยากเหลือเกิน
พิศุทธิ์ยืนแอบมองบ้านกะรัตที่ประตูริมบ่อน้ำเพื่อดูว่าปีเตอร์ยังอยู่กับกะรัตไหม ลอร่าเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองมองพิศุทธิ์ ลอร่าแกล้งกะแอ่ม
“อ่ะแฮ่ม”
พิศุทธิ์ชะงัก แล้วแกล้งมองซ้ายมองขวามองท้องฟ้าดูดาวเนียนๆ ลอร่ามองพิศุทธิ์อย่างรู้ทัน
“คืนนี้ดาวสวยนะ” พิสุทธิ์พูดลอยๆ
“แสงดาวหรือจะสวยเท่าแสงกะรัต”
พิศุทธิ์ชะงัก
“ชะเง้อมองอย่างนี้...หวงกลัวว่าคุณปีเตอร์จะฉกไปงั้นสิ”
“เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเขา ผมจะไปยุ่งอะไรได้”
“ยุ่งได้สิ แค่ยูหยุดเกมบ้าๆของยูนี่ซะ แล้วเดินไปบอกคุณกั้งตรงๆว่ายูรักเขา เรื่องก็จบแฮปปี้แอนดิ้งแล้ว”
พิศุทธิ์นิ่งไม่ตอบอะไร
กะรัตเดินปล่อยอารมณ์อยู่สวนในรีสอร์ท จับแหวนแต่งงานที่อยู่ในมือ แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของพิศุทธิ์
“แฟนคุณกลับไปแล้วเหรอ”
“แล้วแฟนคุณล่ะนอนแล้วเหรอ ถึงปล่อยให้คุณมายุ่งเรื่องคนอื่นได้ น่าจะเอาเวลาไปคิดเรื่องขอผู้หญิงแต่งงานมากกว่าแทนที่จะมาสนเรื่องของฉัน”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมก็ขอปรึกษาคุณเลยแล้วกัน ผมเองก็ไม่ถนัดขอใครแต่งงานด้วยสิ ตอนเรา...ผมก็เคยขอคุณแต่งงานมาแค่ครั้งเดียวซะด้วย คุณมีประสบการณ์กว่าผมตั้งเยอะนี่นา ช่วยแนะนำทีสิว่าแบบไหนผู้หญิงถึงจะชอบ ฝากคุณช่วยคิดให้ผมด้วยละกันว่าผมควรขอแต่งงานยังไงดี ผมต้องการทำเซอร์ไพรส์วันพรุ่งนี้ เพราะมะรืนนี้ก็จะกลับแล้ว ผมไม่อยากเสียโอกาส”
กะรัตฟังแล้วเจ็บจี๊ดๆ
“ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน ถึงได้เปลี่ยวจนทนไม่ไหว ต้องรีบหาหาเมียให้ได้วันนี้พรุ่งนี้”
พิศุทธิ์หย่อนระเบิดลูกใหญ่ไว้ กะรัตงุ่นง่าน พิศุทธิ์เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี กะรัตเจ็บ จุก แทบพูดไม่ออก
“นี่กล้าขอกันขนาดนี้เลยเหรอ...”
กะรัตนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง อกจะแตกตายกับสิ่งที่พิศุทธิ์ขอ เธอลุกขึ้นหัวยุ่งเหยิงทนไม่ไหวที่จะต้องเสียพิศุทธิ์ไปในวันพรุ่งนี้
เช้าวันต่อมา กะรัตยืนเหม่อมองแบบก่อสร้างอยู่ที่ทุ่งกลางหุบเขาสวยๆ พิศุทธิ์ตั้งใจเดินมาหาท่าทางกรุ้มกริ่ม กะรัตหันไปเห็นก็ไม่ไว้ใจกลัวเขาจะมาทวงเรื่องที่ขอร้องเมื่อคืน
“คุณอยากให้ผมทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานที่นี่น่ะเหรอ ก็สวยดี”
“เหมาะกับพวกชอบกินหญ้าอย่างคุณแล้วล่ะ” กะรัตมองอย่างรังเกียจ
“ผู้หญิงเขาชอบอะไรโรแมนติคแบบนี้สินะ”
“ถ้าเป็นยายลอร่าที่บ้าท้องฟ้า ดอกหญ้า นาข้าวก็คงใช่”
พิศุทธิ์หยิบกล่องแหวนจากกระเป๋าออกมาส่งให้กะรัต
“ทำให้ดูทีว่าผมควรจะขอเขายังไง”
“จะต้องให้ฉันติวถึงตอนส่งตัวเข้าหอด้วยเลยไหม” กะรัตเหลืออด
“เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก ผมติวมาเยอะแล้ว”
พิศุทธิ์อมยิ้ม เปิดกล่องแหวนให้
“เร็วสิ ซ้อมให้ผมหน่อย จะให้ผมคุกเข่าไหม”
“อยากจะแต่งงานนักใช่ไหม งั้นมานี่เลย ฉันจัดให้”
กะรัตเดินไปกลางทุ่ง พิศุทธิ์ตามมา กะรัตออกคำสั่ง
“คุกเข่าลง”
พิศุทธิ์ทำตาม
“ส่งแหวนมา”
พิศุทธิ์เปิดกล่องแหวนออก กะรัตหยิบแหวนเพชรออกมาแล้วปาทิ้งออกไปแบบสุดกำลัง พิศุทธิ์ตกใจ
“คุณทำอะไร”
“บอกว่าฉันเป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิต แล้วยังมีหน้าไปแต่งกับคนอื่นได้ยังไง”
“รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป”
“แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าคนที่โดนหลอกว่ารักมันเจ็บแค่ไหน”
“ผมไม่ได้หลอกคุณเลยนะ”
“ไม่หลอกแล้วคุณจะไปแต่งงานกับนังลอร่านั่นทำไม แถมยังควงมันมาเย้ยฉันอยู่ได้ คุณให้ความหวังฉัน ฉันก็โง่พอจะรอโดยที่ไม่รู้ว่าตลอดเวลาคุณไปมีคนใหม่ ฉันไม่ยอมให้คุณไปแต่งงานกับคนอื่นง่ายๆ ฉันโยนแหวนแต่งงานของคุณทิ้ง คุณจะได้เข้าใจว่าคนที่ถูกพรากของรักเป็นยังไง ถ้าอยากแต่งกับยัยแหม่มนั่นก็เชิญงมหาเอาเองแล้วกัน”
กะรัตพูดจบก็มองพิศุทธิ์ด้วยสายตาตัดพ้อแล้วเดินหนีไป พิศุทธิ์อึ้งเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกจริงๆของเธอ
กะรัตกลับเข้าโรงแรมมา ลอร่าตรงเข้ามาถาม
“เห็นพิศุทธิ์ไหมคะ ไม่เห็นเขากลับมากินข้าวเลย”
กะรัตไม่ตอบ เดินหน้าบึ้งเข้าโรงแรมไป ลอร่าแปลกใจกับอาการกระฟัดกระเฟียดของกะรัต
พิศุทธิ์กลับเข้าที่พักมาตอนดึกแล้ว เนื้อตัวของเขาโทรมเพราะมัวแต่ไปควานหาแหวนมาทั้งวัน กะรัตเดินผ่านมาเห็นเข้าก็รู้ว่าเขายังพยายามตามหาแหวนอยู่ กะรัตเจ็บใจจึงเดินหนีไป พิศุทธิ์พยายามจะตามแต่กะรัตปิดประตูเข้าห้องไป
เช้าวันใหม่...กะรัตขี่จักรยานมา เห็นพิศุทธิ์ยังพยายามเดินหาแหวนอยู่กับคนงานอีกสองสามคน เธอลงจากจักรยานมามองพิศุทธิ์ที่ยังไม่หยุดค้นหาแหวนด้วยความน้อยใจเพราะคิดว่าเขายังมุ่งมั่นจะแต่งงานกับลอร่าให้ได้ กะรัตเดินตรงไปหาพิศุทธิ์
“จนป่านนี้ยังไม่เลิกหาอีก แสดงว่าคงอยากแต่งกับเขาจริงๆสินะ”
“แหวนนั่นมันสำคัญกับผมมาก”
“คงจะรักกันมากสิท่า งั้นเอาไป”
กะรัตส่งแหวนแต่งงานของตัวเองให้ พิศุทธิ์งง
“เอาวงเก่านี่ไปขอเขาแล้วกัน ฉันยกให้”
“คุณทำแบบนี้ทำไม” พิศุทธิ์มองแหวนอย่างไม่เข้าใจ
“มันอาจจะมีค่าแทนกันไม่ได้ แต่ถือว่าฉันชดใช้ที่ทำของคุณหายแล้วกัน”
“แหวนวงนี้มันเป็นของคุณ ผมเคยบอกแล้วว่าไม่เคยคิดจะเอาให้ใคร”
“ใจคุณอยู่ที่ใคร ไม่ว่าคุณจะสวมแหวนวงไหนให้เขามันก็เหมือนกันนั่นแหละเอาไปสิ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
“คุณไม่เสียดายผมแล้วเหรอ”
กะรัตพูดแล้วทำท่าจะร้องไห้
“ก็ใจคุณไม่อยู่กับฉัน ฉันจะทำยังไงได้”
“คุณตัดใจจากผมได้จริงๆเหรอกั้ง” พิศุทธิ์ถามวัดใจ
กะรัตเอาแหวนไปยัดใส่มือพิศุทธิ์
“เอาไปซะ ขอให้คุณมีความสุขกว่าตอนที่อยู่กับฉันเป็นร้อยเป็นพันเท่าก็แล้วกัน”
กะรัตตัดใจเดินออกมา พิศุทธิ์ถึงกับถอนหายใจกับทิฐิของเธอ กะรัตเดินปาดน้ำตาออกมาอย่างช้ำใจ
กะรัตนั่งซึมอยู่มุมหนึ่ง นวลขี่จักรยานมาตาม กะรัตรีบเช็ดน้ำตา
“คุณกั้งคะ นวลเตรียมรถที่จะไปส่งคุณลอร่ากับคุณพิศุทธิ์แล้วนะคะ”
“นวลแส่งแทนฉันแล้วกัน”
“อ้าว แล้วคุณกั้งไม่ไปกับนวลเหรอคะ”
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา”
กะรัตเมินหน้านิ่ง นวลเซ็ง
เจ้าสัวบัญชากำลังโทรศัพท์คุยกับนวลอยู่ถอนหายใจ
“อากั้งนะอากั้ง...หัวใจอยู่ใกล้ตัวแล้วแท้ๆ ยังจะปล่อยให้หลุดมือ”
“แล้วนวลต้องทำไงต่อคะ”
“ทำตามแผนต่อไป”
“ทำก็ทำค่ะ”
นวลวางโทรศัพท์ พิศุทธิ์ กับลอร่าเดินมา
“นวลจัดการเอากระเป๋าขึ้นให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“อ้าว คุณกั้งล่ะคะ คุณกั้งไปไหน ลอร่ายังไม่ได้ say goodbye คุณกั้งเลย”
“เอ่อ...คือ...” นวลอึกอัก
“ปล่อยเขาไปเถอะครับ ปล่อยให้คิดอะไรได้เองซะบ้าง”
“แหมน่าเสียดายจัง...ที่นี่น่าอยู่มากค่ะ ยังไงก็จะต้องหาทางกลับมาอีกให้ได้”
“ไปกันเถอะลอร่า เดี๋ยวไม่ทัน”
ลอร่าเดินไปที่รถ พิศุทธิ์เดินตามไป นวลยืนกังวล
กะรัตตั้งใจนั่งเก็บตัวอยู่ในห้องนอน ไม่ยอมออกไปส่งพิศุทธิ์กับลอร่า นวลเดินมาหาแล้วส่งซองจดหมายให้
“คุณพิศุทธิ์ฝากของมาคืนให้ค่ะ”
กะรัตหยิบมาแล้วเปิดซองออกเห็นว่ามีแต่แหวนอยู่ในนั้น เป็นแหวนวงใหม่ที่เธอโยนทิ้งไปกลางทุ่ง กะรัตแปลกใจ
“จะเอามาให้ฉันทำไม...แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน”
“เขาไปแล้วค่ะ”
กะรัตสับสนที่พิศุทธิ์ทิ้งแหวนไว้ให้ เธอตัดสินใจขึ้น atv ขับออกไปเพื่อเอาแหวนกลับไปคืนให้เขา นวลมองตาม
“ทีเรื่องอื่นล่ะเร็วได้ เรื่องอย่างนี้ช้าทุกที”
กะรัตขี่ atv ลัดทุ่งในฟาร์มเพื่อออกไปดักรถตู้ของตัวเอง เธอเห็นรถไกลๆ พยายามจะขี่เพื่อเอาแหวนไปคืน แต่ก็ไม่ทันรถตู้ขับทิ้งตัวไปจนลับตา กะรัตอยู่บน atv มองแหวนของพิศุทธิ์อย่างไม่เข้าใจ
กะรัตเดินเข้าโรงแรมมาอย่างเซ็งๆ เดินมาถึงโต๊ะที่ล็อบบี้เห็นพิศุทธิ์นั่งหันหลังให้อยู่ เธอเอะใจค่อยๆเดินเข้าไปหา อย่างไม่มั่นใจ เสียงนวลขัดจังหวะขึ้น
“อาหารที่คุณพิศุทธิ์สั่งได้แล้วนะคะ”
พิศุทธ์หันมา กะรัตอึ้งเมื่อเห็นเขาอยู่ตรงหน้า
“คุณ”
“คุณเป็นอะไร ทำหน้ายังกับเห็นผี”
“ทำไมคุณยังอยู่นี่ล่ะ ก็เมื่อกี๊รถออกไปส่งคุณแล้วนี่นา ไหนคุณบอกว่าจะกลับวันนี้”
“ผมไม่เคยพูดสักคำว่าผมจะกลับ...ที่ผมบอกคุณหมายถึงลอร่าต่างหาก”
“อย่ามาเล่นตลก”
กะรัตหันขวับไปหานวล
“นวลไม่รู้นะคะ นวลก็แค่พูดไปตามสคริปท์ เจ้าสัวเขียนมาให้น่ะคะ”
“ก๋งเหรอ” กะรัตชะงัก
“คุณรับแหวนผมไปแล้ว ห้ามเบี้ยวนะกั้ง”
“เจ้าสัวเป็นคนตามตัวคุณพิศุทธิ์กลับมาค่ะ คุณลอร่านั่นแค่เอ็กซ์ตร้าประกอบ พระเอกนางเอกตัวจริงอยู่นี่” นวลบอกอย่างยิ้มแย้ม
กะรัตหันไปจ้องพิศุทธิ์
“รวมหัวกันหลอกฉันเหรอ”
“ไม่ได้หลอกครับแค่ง้อ”
กะรัตรู้สึกอับอายเลยรีบวิ่งหนีไปทันที พิศุทธิ์หน้าเหวอ
“อ้าว...”
พิศุทธิ์รีบวิ่งตามไป นวลขำๆ
“ดีนะ ฟาร์มเราแค่นี้ ไม่งั้นต้องไล่กันข้ามเขาเป็นหนังอินเดียแน่เลย ฮิๆ”
กะรัตวิ่งหนีพิศุทธิ์มาที่สะพานข้ามบึงขนาดใหญ่ พิศุทธิ์วิ่งไล่มา
“กั้ง...เดี๋ยวซิ จะไปไหน”
กะรัตมัวแต่หันมามองเลยสะดุดขาตัวเองล้มลง
“โอ๊ย”
พิศุทธิ์ตกใจรีบเข้ามาประคองแล้วรวบตัวไว้
“จะหนีทำไม”
“คุณจะมาอยู่ทรมานใจฉันอีกทำไม”
“ผมทรมานคุณที่ไหน คุณทำตัวเองทั้งนั้น”
“แล้วแฟนคุณล่ะ”
“อยู่นี่ไง”
พิศุทธิ์กอดกะรัตเอาไว้
“อย่ามาตลก คุณเอาแม่ลอร่านั่นไปไว้ไหน”
“เขาจะมาอยู่ให้คุณคอยจิกกัดเขาทำไม เขาก็กลับไปมีชีวิตของเขาสิ”
“ก็ไหนคุณบอกว่าจะแต่งงานกับเขา”
“ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเขาเลย มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดไปเอง”
“คิดไปเองงั้นเหรอ นี่คุณรู้ไหมว่าฉันเสียน้ำตาไปตั้งเท่าไหร่” กะรัตโกรธ
“ก็ถ้าไม่มีเพื่อนผม คุณคงไม่รู้ว่าคุณรักผมมากขนาดนี้หรอกจริงไหม เราดีกันเถอะนะกั้ง เราเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเยอะแล้ว ผมอยากมีความสุขกับคุณจริงๆสักที...แต่งงานกับผมนะ”
“นี่โรแมนติคแล้วเหรอ”
พิศุทธิ์จำใจนั่งลงคุกเข่าอย่างอายๆ หยิบแหวนจากซองในมือกะรัตออกมา
“แต่งงานกับผมนะกั้ง”
“สัญญามาก่อนว่าต่อให้ฉันร้ายแค่ไหน คุณก็ห้ามหนีกั้งไปไหนแล้วนะ”
“คุณก็เหมือนกัน สัญญามาก่อนว่าจะไม่โยนแหวนผมทิ้งอีกแล้วนะ”
กะรัตได้ยินอย่างนั้นก็รวบแหวนจากมือพิศุทธิ์มาแล้วแกล้งปาลงบึงไป
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมไม่ไปงมหาให้คุณอีกแล้วนะ พอที” พิศุทธิ์เซ็ง
“ผู้ชายอะไรใจไม่ถึงเลย”
พิศุทธิ์เครียด
“อุปสรรคเยอะขนาดนี้ผมว่าบางทีมันก็เกินไปนะ”
“ทำไม...อย่าบอกนะว่าคุณจะถอดใจ” กะรัตงอน
“ถ้ารู้ว่าเริ่มต้นใหม่มันยาก รู้งี้ไม่หย่าซะตั้งแต่ตอนนั้นซะก็ดี”
กะรัตอมยิ้มแล้วค่อยๆแบมือออกให้เห็นว่าแหวนแต่งงานวงใหม่อยู่ในมือ เธออวดแหวนขึ้นมาให้ดู
“คุณหนีไม่พ้นกั้งหรอกจะบอกให้ ต่อให้คุณแต่งงานอีกกี่ครั้งเจ้าสาวของคุณ ก็ยังต้องเป็นกะรัตอยู่ดี”
กะรัตจูบแหวนในมือก่อนที่แหวนจะร่วงหล่นลงไปที่พื้นสะพาน
“อ๊ะ...”
“ระวัง”
แหวนแต่งงานหมุนติ้วอยู่บนพื้นก่อนจะกลิ้งไป กะรัตหัวใจแทบหล่นเมื่อเห็นแหวนกลิ้งจนเกือบจะตกสะพาน
“อย่านะ...”
แหวนกลิ้งตกลงไปในน้ำด้านล่าง กะรัตยืนอึ้งประสาทเสียอยู่บนสะพาน พิศุทธิ์ได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ
“ฮือ...แหวนแต่งงานของช้าน ทำไมฉันถึงซวยอย่างนี้...ทำยังไง...ทำยังไงล่ะทีนี้”
พิศุทธิ์ปวดสมองจนนาทีสุดท้าย เขาพยายามใจเย็นเต็มที่
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” กะรัตใจเสีย
“ช่างมัน...” พิศุทธิ์บอกอย่างปลงๆ
กะรัตกลัวว่าพิศุทธิ์จะเปลี่ยนใจ
“ช่างมันได้ยังไง คุณจะเปลี่ยนใจเหรอ ไม่ได้นะ ไหนคุณบอกว่าคุณกลับมาหาฉันไง ห้ามถอดใจนะเด็ดขาด...คราวนี้ฉันไปงมขึ้นมาคืนคุณเองก็ได้”
กะรัตทำท่าจะออกไปงมหาแหวนด้วยตัวเอง พิศุทธิ์ห้ามไว้
“พอๆ...ขอล่ะ”
พิศุทธิ์หยิบแหวนแต่งงานวงเดิมออกมา
“เราจะแต่งกันด้วยแหวนวงนี้ แล้วขอให้อุปสรรคหมดไปจากชีวิตเราซะที”
พิศุทธิ์สวมแหวนวงเก่าให้กะรัตอย่างระมัดระวังเต็มที่ กะรัตโผเข้ากอดเขาไว้แบบกลัวจะเสียไปอีก
“ฉันจะไม่ดื้อกับคุณอีกแล้วฉันสัญญา ขอบคุณที่คุณกลับมานะ ฉันรักคุณ”
กะรัตและพิศุทธิ์กอดและจูบกันอยู่บนสะพานท่ามกลางความสวยงามของบรรยากาศรอบๆ สองคนกอดแบบไม่อยากผละออกจากกันอีกแล้ว
เจ้าสัวบัญชาคุยมือถือกับนวลด้วยสีหน้าดีใจมีพวงหยก กุนตี ยืนยิ้มยินดี กับเรื่องกะรัต
“อากั้งกับคุณชายตกลงแต่งงานกันแล้ว”
กุนตีมองหน้าพวงหยกดีใจ พวงหยกยิ้มแล้วหันไปยิ้มดีใจเช่นกัน กฤชโผล่มาข้างหลังพวงหยก แล้วเอี้ยวตัวมาหอมแก้ม พวงหยกสะดุ้งโหยง หันไปมองกฤชว่ามาได้ยังไง พวงหยกโวยวายกลบเกลื่อนความเขิน
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย”
“เป็นรางวัลที่คุณช่วยลูก”
“รางวัลบ้าบออะไร แล้วมาทำไม คุณออกไปจากบ้านนี้แล้วนี่”
“มางานแต่ง”
“อ๋อ...แม่เนื้อแพรคงเป็นม้าเร็วบอกแล้วล่ะสิ ว่ายายกั้งกับลูกชายมันจะแต่งงานอีกรอบ ถึงรีบมารอจัดงานให้ลูกน่ะ”
“ผมหมายถึงงานแต่งเรา”
“อะไรนะ”
“นานแล้วที่เราไม่ได้ฉลองวันครบรอบวันแต่งงาน คืนนี้...เราไปฉลองกันไหม”
“มาฉลองอะไร คุณกับฉันเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ” พวงหยกประชด
“จะเลิกได้ยังไง...ผมนัดคุณไปหย่า แต่คุณไม่เคยไปสักที”
พวงหยกชะงักที่กฤชแฉต่อหน้าทุกคน
“ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ไป แต่แค่ขอเลื่อน”
“โฮ้ย...อย่าทำเป็นปากแข็งนักเลยว๊าอาพวงหยก ใครๆก็รู้ว่าลื้อไม่อยากเลิกกับอากฤช เขายอมมาง้อแล้วก็ดีกับเขาไปเถอะ” เจ้าสัวเซ็ง
เจ้าสัวดันตัวพวงหยกให้กฤช พวงหยกออกจากกฤชแล้วโวยวายกลบความเขิน
“หนูก็มีความรู้สึกนะ อยู่ๆมาพูดขอหย่ากันอย่างนั้น อยู่ๆจะกลับมา มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
พวงหยกเดินเข้าบ้าน พอเดินลับมุมจากกฤช พวงหยกแอบยิ้มเอามือลูบ แก้มที่กฤชหอมเขินๆ ทุกคนมองตามอย่างรู้ทันขำๆ
วันใหม่...กะรัตกับพิศุทธิ์ในชุดแต่งงาน ในมือถือดอกไม้ขี่ม้ามาด้วยกันบนถนนสวย
“การแต่งงานของเราครั้งนี้ไม่ต้องมีพิธีใหญ่โต ไม่มีการตีตราใดๆเพื่อเป็นหลักประกันในชีวิตคู่ของเราสองคน ฉันได้เรียนรู้จากความผิดพลาด ว่าความรักมันต้องใช้หัวใจนำทาง”
รถขนเป็ดวิ่งผ่านมา สองคนพยายามขี่แซง แต่รถขนเป็ดขี่แซงไปขนเป็ดปลิวกระจาย ทั้งสองคนกอดกันและจูบกัน อยู่บนหลังม้าอย่างมีความสุขก่อนจะมองไปตามถนนที่ทอดยาวเหมือนชีวิตต่อจากนี้จะอยู่ด้วยกันยาวนานตลอดไป
จบบริบูรณ์