xs
xsm
sm
md
lg

สามีตีตรา ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามีตีตรา ตอนที่ 12

เย็นนั้น พิศุทธิ์นั่งอยู่ที่ชายหาดหน้าบ้านไม้ริมทะเล เขานึกถึงอดีตที่เขากับกะรัตเคยมีความสุขกันยามที่อยู่ที่นี่
ในเวลาเดียวกันนั้นกะรัตที่ผ่านการร้องไหมาอย่างหนักกำลังแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำตามลำพัง เธอเองก็กำลังคิดถึงวันวานในอดีตของเธอกับพิศุทธิ์เช่นเดียวกัน กะรัตพยายามสลัดความคิดทุกอย่างออกจากหัว เธอเลื่อนตัวเองลงดำดิ่งในอ่างน้ำเพื่อหวังจะชำระล้างความทรงจำออกทั้งหมด...กุนตี กันตาและนวลแง้มประตูห้องนอนเข้ามาแต่ไม่เห็นกะรัตก็เริ่มเป็นห่วง
“คุณกั้ง คุณกั้งหายไปใหนว๊า” นวลเรียก
กุนตีมองไปทางห้องน้ำเคาะประตูเรียกเพราะกลัวกะรัตจะคิดสั้น
“กั้ง...กั้ง...ได้ยินพี่รึเปล่า”
“พี่กั้งออกมาเถอะค่ะ พี่อยู่ข้างในนานแล้วนะคะ”
“นวลว่ามันเงียบผิดปกตินะคะ” นวลเริ่มกลัว
“พี่กั้งจะคิดสั้นอีกรึเปล่าก็ไม่รู้...เข้าไปดูกันเลยดีกว่า”
สามสาวเข้าไปในห้องน้ำ ไม่เห็นกะรัต กุนตีกับกันตาตะโกนเรียก นวลเปิดประตูออกไประเบียงตะกุยหา กลัวกะรัตจะกระโดนหรือปีนออกไป
ขณะที่ทุกคน ร้องเรียกอย่างตื่นเต้นนั้น จู่ๆ กะรัตก็โผล่ขึ้นมาจากอ่าง กันตาดีใจ
“พี่กั้ง”
“กลัวอะไรกันนักหนา กั้งไม่ทำอะไรบ้าๆหรอก”
“ก็ที่ผ่านมาสามีคุณกั้งตายโหงกันหมด แต่ครั้งนี้เลิกกันแบบยังมีชีวิตอยู่ นวลก็เลยกลัวคุณกั้งจะเพี้ยนนะสิค๊า”
กุนตีปรามน้อง
“อย่าทำแบบนี้อีกนะกั้ง พี่ล่ะกลัวใจเราจริงๆ”
“ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรในชีวิตกั้งนักหรอกค่ะ ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่ได้มีค่าให้กั้งต้องฆ่าตัวตายเพราะเขา”
กะรัตทำเชิดหน้าแบบไม่แคร์ กุนตีกับกันตาเห็นอาการแบบนั้นก็ยิ่งไม่ไว้ใจ
“นวล…ไปเก็บของ” กะรัตสั่งนวล
กันตา กุนตี นวลมองกะรัตงงกว่าเดิมอีก
“อะไรนะคะ”
“ฉันบอกให้เก็บของ ฉันจะขายบ้านหลังนี้ทิ้ง”
ทั้งสามคนตกใจ
“อะไรนะ”

กุนตีกับกันตานั่งปรึกษากันกับอาการของกะรัตที่ไม่แสดงทีท่าเสียใจอีกเลย พวงหยกนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ทำไมคราวนี้พี่กั้งถึงทำใจได้เร็วนัก ทั้งๆที่มันยิ่งน่าเฮิร์ทกว่าทุกครั้งไม่ใช่เหรอคะ”
“บางทีอาจจะช้ำในเลยยังไม่แสดงอาการ”
พวงหยกแทรกขึ้น
“ขายบ้านไปนะแหละดีแล้ว จะไปชอกช้ำอะไรให้กับผู้ชายพรรค์นั้น ยายกั้งคงเพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้รักมันมากกว่า ถึงได้ไม่คิดจะฟูมฟายให้มันไง”
“พี่กั้งคงกำลังแค้นอยู่มากกว่า แต่พอความโกรธมันหาย ทีนี้ล่ะก็...”
กันตากับกุนตีมองหน้ากันอย่างกังวล ศิวาเดินเข้ามาหาทั้งสามขณะที่ทุกคนนั่งเครียดกับความคิดกันอยู่ พวงหยกหันไปมอง
“อ้าว...พ่อศิวา”
“กำลังนั่งประชุมอะไรกันเหรอครับ”
พวงหยกบอกอย่างตื่นเต้น
“รู้ข่าวดีรึยัง ยายกั้งหย่าแล้วนะ เมื่อบ่ายนี้เอง”
ศิวาช็อคไปนิด ไม่นึกว่าจะรวดเร็วอย่างนี้
“คุณกั้งหย่ากับพิศุทธิ์แล้วเหรอครับ”

กันตาศิวาเดินออกมาที่มุมหนึ่งของบ้าน ศิวาเห็นว่าเรื่องราวเริ่มบานปลายใหญ่โต เขากังวลใจมาก
เลยตัดสินใจเปิดประเด็นกับกันตา
“ก้อย...ผมไม่อยากเห็นคุณหมกมุ่นเรื่องคุณกั้งจนเกินไปแบบนี้เลย”
กะรัตเดินผ่านมาได้ยินศิวากับกันตาพูดถึงเธอก็เลยยืนหยุดฟัง
“คุณจะไม่ให้ฉันหมกมุ่นได้ไง พี่กั้งเป็นพี่สาวฉันนะคะ”
ศิวาดึงมือกันตามากุมไว้
“ผมเข้าใจ แต่คุณก็มีชีวิตส่วนตัวของคุณนะ ผมเห็นคุณไม่สบายใจแบบนี้ผมก็เป็นห่วงคุณไปด้วย...ผมว่า…เราแต่งงานกันเถอะนะก้อย”
กันตาอึ้งที่จู่ๆ ศิวาก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา กะรัตเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน
“ผมรู้ว่าผมไม่ควรพูดในเวลานี้ คุณก็รู้ว่าผมอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด มีพ่อก็เหมือนไม่มี ผมอาจจะห่วงแต่ตัวเองไปบ้าง ก็เพราะผมไม่รู้วิธีที่จะใส่ใจคนอื่น แต่ตอนนี้ผมมีคุณ ผมขาดคุณไม่ได้ คุณทำให้ผมอยู่ตัวคนเดียวต่อไปไม่ได้แล้วก้อย แต่งงานกับผมนะ”
กันตานิ่งคิด ศิวาจับมือเธอขึ้นมา
“เรามาสร้างครอบครัวของเรากัน แล้วคุณก็สอนผมให้เป็นคนใหม่ ผมจะแก้ตัว ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีถ้าคุณให้โอกาสผม”
“ฉันแต่งกับคุณไม่ได้หรอก พี่กั้งเพิ่งจะหย่า ฉันไม่อยากมีความสุขทั้งๆที่พี่กั้งยังจมอยู่กับทุกข์อยู่แบบนี้”
กะรัตฟังแล้วอึ้งไปเมื่อรู้ว่ากันตา แบกรับความทุกข์ของเธอไว้จนกระทั่งมีปัญหากับศิวา
“นี่ก้อยคิดจะไว้ทุกข์ให้กับชีวิตรักของพี่เหรอ”
ศิวากับกันตาตกใจเมื่อจู่ๆ กะรัตก็โผล่ออกมา
“ก้อยเก็บปัญหาของพี่ไปเป็นของตัวเองทำไม ถึงพี่จะหาคนดีๆให้ตัวเองไม่ได้ แต่พี่ก็ยังหวังให้ก้อยได้ลงเอยกับคนดีๆแทนพี่ แต่งไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจพี่ทำไม พี่เชื่อว่าน้องพี่คู่ควรกับการมีความรักดีๆ”
กันตาอึ้งที่เห็นกะรัตเป็นห่วงเธอ
“พี่กั้ง...”
“อย่าให้พี่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนไม่มีความสุขเลยนะ เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขในแบบตัวเอง พี่เองก็กำลังมีความสุขในแบบของพี่ ก้อยก็ควรจะมีความสุขของตัวเองด้วย” กะรัตหันไปหาศิวา “ฉันยืนยันว่าคุณคิดถูกแล้วที่ไม่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หลุดมือ”

กะรัตยิ้มให้กำลังใจทั้งคู่ก่อนที่จะเดินจากไปเพื่อปล่อยให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันต่อ กันตารู้สึกอึ้งที่เห็นกะรัตท่าทางสบายใจ เช่นเดียวกับศิวาก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าทั้งๆที่กั้งมีปัญหาแต่กลับเป็นฝ่ายมาให้กำลังใจเขาด้วยซ้ำ

เจ้าสัวบัญชานั่งดื่มชาอยู่กับพวงหยกที่นั่งดูไอแพคอย่างมีความสุข
“ว้าย...หุ้นเราขึ้นอีกแล้วล่ะเตี่ย”
เจ้าสัวบัญชามองพวงหยกอย่างระอา
“ระวังนะ...ดีใจมาก จะหัวใจวายตายก่อนได้ใช้เงิน”
พวงหยกเซ็ง
“นี่ตกลงเตี่ยจะมาหายายกั้ง หรือจะมาแดกดันหนูกันแน่ นี่เตี่ย...เตี่ยไม่ต้องห่วงยายกั้งหรอก ตั้งแต่มันเลิกกับผัวพญาปลิง มันก็มีความสุข เที่ยวเล่นครึกครื้น ไม่แห้งเหี่ยวเฉาอย่างที่เตี่ยคิดหรอก”
“มิน่า...ทุกวันนี้ลื้อถึงมีไอแพคเป็นเพื่อน แทนที่จะเป็นลูกผัว เพราะขนาดลูกตัวเอง ลื้อยังดูไม่ออกเลยว่าไหนทุกข์แท้หรือสุขปลอม”
พวงหยกเซ็ง
“เมื่อไหร่เตี่ยจะเลิกเข้าข้างไอ้ผัวเฮ็งซวยของยายกั้งสักที เตี่ยรู้ไว้นะ...ตั้งแต่วันหย่า พอหนูย้ำมันเรื่องที่มันสัญญาว่าจะไม่เอาอะไรไป หลังจากนั้นมันก็ไม่โผล่หางมาให้เห็นอีกเลย ถ้ามันไม่กกกับนังผึ้ง ก็คงไปหลอกแต่งงานกับผู้หญิงรวยๆต่อ พวกคนดีแต่เอา”
เจ้าสัวระอาที่จะพูดกับพวงหยกต่อไป นวลถือซองเอกสารเข้ามาจะไปให้กะรัตบนห้อง พวงหยกมองซองเอกสารอย่างสงสัย
“นั่นซองอะไรนวล”
นวลอึกอัก
“เอ่อ...คุณเนื้อแพรฝากให้คุณกั้งค่ะ”
พวงหยกรีบพุ่งไปดึงซอง นวลยึกยักเอาซองรอดทางหลังตัวไปทางซ้าย พวงหยกจะหยิบทางซ้าย นวลเอาซองรอดหลังมาทางขวา พวงหยกจะหยิบทางขวา นวลจะเอาซองรอดไปทางซ้าย พวงหยกจะหยิบทางซ้าย แต่นวลสับหลอกมาทางขวา พวงหยกฉกซองหวืด นวลเผลอหัวเราะ
“นังนวล”
พวงหยกจับตัวนวลล็อคแขนแล้วฉกซองมาแกะทันที เจ้าสัวปราม
“อาพวงหยก นั่นของอากั้งนะ”
“ใช่ไงเตี่ย หนูถึงต้องสแกน เผื่อจะเป็นจดหมายง้องอนหขอคืนดี หรือเป็นจดหมายฟูมฟายพรรณาความลำบากเพื่อขอเงินยายกั้งก็ได้”
พวงหยกฉีกซองเห็นเอกสารการโอนวังและจดหมายพร้อมซองเงินเดือน ของพิศุทธิ์ตกพื้น เจ้าสัวก้มลงหยิบเอกสารการโอนวัง และจดหมายพร้อมซองเงินเดือนขึ้นมาดูแล้วพูดเสียงเยาะเย้ยพวงหยก
“คนที่ลื้อด่าว่าเขาดีแต่เอา...เขาส่งเอกสารจากทนาย เป็นหนังสือโอนวังให้เป็นของอากั้ง” เจ้าสัวดูจดหมายและซองเงิน “และหนังสือสัญญาค่าเลี้ยงดูรายเดือน นี่ซองเงินเดือนของเขา”
กะรัตเดินเข้ามาเห็นและได้ยินที่เจ้าสัวพูดพอดี
“นี่แปลว่าคุณพิศุทธิ์ยกวังให้ตอบแทนที่คุณกั้งจ่ายเงินช่วย แถมยังให้ค่าเลี้ยงดูให้ทุกเดือน โถ...คุณพิศุทธิ์ไม่เอาอะไรไปจากคุณกั้งสักแดง แล้วยังจะให้อีก ประเสริฐจริง...จริ๊ง” นวลตาโต
กะรัตเดินเข้ามาหยิบซองเงินเดือน จากมือของเจ้าสัว
“เงินแค่นี้...ยังซื้อรองเท้าสักข้างไม่ได้เลย”
“อากั้ง”
“กั้งพูดจริงนี่คะก๋ง ทำกับกั้งเจ็บแสบขนาดนี้ คิดจะเอาเศษเงินมาลูบหลัง คิดจะหวังผลก้อนใหญ่เหมือนที่เขาเคยทำน่ะสิ”
พวงหยกหัวเราะชอบใจเข้าไปกอดกะรัต
“แกคิดเหมือนแม่เลย งั้นไม่ต้องไปสนใจของพวกนี้...ไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า วันนี้มีนัดกับเพื่อนไหมลูก”
“มีค่ะ...”
“งั้นรีบไปเลยลูก”
พวงหยกรีบดันหลังกะรัตให้เดินขึ้นบันไดไป เจ้าสัวมองอย่างทำใจ
“เอาเถอะ...คนเราโกหกใครก็โกหกได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอก”
เจ้าสัวมองเอกสารในมือ แล้วมองกะรัต

ผับแห่งหนึ่งยามค่ำคืน...เต็มไปด้วยหนุ่มสาวมากมาย เสียงเพลงในผับดังกระหึ่ม ทุกคนกำลังแดนซ์กระจาย กะรัตเต้นไปตามจังหวะเพลงอย่างลืมโลกเพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด หนุ่มสาวแถวนั้นเห็นกะรัตซึ่งสวยเซ็กซี่กำลังเต้นเมามันในอารมณ์ก็พากันชี้ชวนให้ดู กะรัตเห็นทุกคนกำลังจับจ้องมอง เธอก็นึกสนุก เต้นโชว์ทุกคนอย่างสนุกสนาน เธอคึกมากถึงกับปีนขึ้นไปบนเวทีของดีเจที่เปิดเพลงอยู่แล้วคว้าไมค์มาประกาศกับทุกคน
“ฉันมาฉลองความโสด ใครทำฉันมีความสุข ฉันจะเลี้ยงทุกคน”
ขาดคำหนุ่มๆพากันตาวาว รีบรุมเข้าไปหากะรัตล้อมรอบเวที กะรัตเต้นกับหนุ่มๆ อย่างมีความสุขแต่แล้วกลับตาฝาดว่าเห็นพิศุทธิ์มายืนกอดอกคุมอยู่ กะรัตอึ้งเข้าใจว่าตัวเองกำลังเมาเธอพยายามเดินหนีสายตาพิศุทธิ์เลี่ยงไปทางอื่น กะรัตเข้าไปโอบกอดชายหนุ่มอีกคนตามจังหวะเพลงแต่สายตาก็หลอนเห็นพิศุทธิ์มายืนดักหลังไว้อีก เธอหงุดหงิดจึงลากผู้ชายคนนั้นไปทางอื่น แต่พอมองมาก็ยังเห็นพิศุทธิ์ยืนจ้องอยู่อีก กะรัตตัดสินใจเลิกหนีแล้วหันไปผลักผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นพิศุทธิ์ให้ไปนั่งลงที่เก้าอี้
“ฉันจะมีความสุขให้คุณดู”

หนุ่มคนนั้นขำที่กะรัตกำลังเมา ผู้ชายในผับพาหันโห่ร้องสนุกหนักขึ้นอีกกะรัตเมา มึน งง ไปหมดมองภาพตรงหน้าด้วยความพล่ามัว

พิศุทธิ์พยายามจะนอนแต่ก็นอนไม่หลับเขาจึงลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มา เขาคิดถึงกะรัตมากและไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ เขาจึงเปิดโทรศัพท์กดเข้าไปดูในอิยสตาร์แกรมของเธอ เห็นว่ากะรัตอัพรูปที่บาร์ขึ้นไปมากมาย แต่ละรูปล้วนแล้วแต่เป็นรูปที่เธอเมาแล้วไปคลอเคลียกับหนุ่มๆหน้าไม่ซ้ำกันเลย พิศุทธิ์อึ้งที่เห็นเธอกำลังมีความสุขและไม่ได้คิดถึงเขาสักนิด พิศุทธิ์กดปิดภาพบาดใจพวกนั้นด้วยความผิดหวัง

ในเวลาเดียวกันนั้น สายน้ำผึ้งกำลังนั่งเคว้งอยู่ที่เตียงของพิศุทธิ์ในห้องนอนนั้นเงียบเหงา เธอหยิบยาในขวดที่หัวเตียงของพิศุทธิ์มาเขวี้ยงลงถังขยะที่ปลายเตียงทีละเม็ดเพื่อฆ่าเวลาและใช้ความคิดอะไรบางอย่างหลังจากที่โยนอยู่นาน สายน้ำผึ้งโยนขวดนั้นทิ้งด้วยความโมโหที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้เปล่าเปลี่ยวคาบ้าน

กะรัตฮัมเพลงกลับมาบ้านอย่างมีความสุขเดินโซเซกระโดดขึ้นเตียงทางฝั่งที่เธอเคยนอนเวลาอยู่กับพิศุทธิ์ตามปกติ
พิศุทธิ์กำลังนอนอยู่บนเตียงที่บ้านไม้ริมทะเล เขานอนอยู่บนเตียงทางฝั่งที่เขาเคยชินเช่นกัน
กะรัตเมากลิ้งหันตะแคงมาอีกทางแต่เห็นว่าเตียงข้างๆ นั้นว่างเปล่า เธอทอดมือออกไปอย่างใจหาย
พิศุทธิ์ก็นอนจดจ้องมายังหมอนใบข้างๆที่ว่างอยู่...ทั้งสองคนต่างกำลังเหงาและมองหาคนข้างๆ อีกคนทั้งๆที่อยู่กันคนละเตียง

หลายวันต่อมา...ภายในบ้านเนื้อแพรหลังจากที่สายน้ำผึ้งเข้ามายึดไว้หลายวัน เธอรื้อของออกมา รกเละเทะ เธอเริ่มอิดโรยนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่อย่างเซ็งๆ หลังจากที่พยายามโทรหาแต่พิศุทธิ์ไม่รับเลย สาวใช้แอบย่องมาค่อยๆ ไขลิ้นชักล็อคปิดตามตู้ สายน้ำผึ้งหงุดหงิดเดินไปเปิดตู้เย็นพอเห็นของในตู้เย็นโล่งแทบไม่เหลืออะไรให้กินก็โวย
“ใจคอจะไม่หาอะไรให้ฉันไว้กินเลยรึไง”
“คุณผู้หญิงบอกว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรม ใครหิวก็ให้หากินเอง”
สายน้ำผึ้งปิดประตูตู้เย็นดังปังเพื่อแกล้งหาเรื่อง สาวใช้สะดุ้ง เสียงออดดังขึ้นที่หน้าบ้าน ทำให้สายน้ำผึ้งตื่นเต้นคิดว่าจะมีใครกลับมาที่บ้าน
“เอ๊า...ไปดูสิยะว่ามีใครกลับมารึเปล่า”
รสสุคนธ์อุ้มหลานเข้ามาในบ้าน สายน้ำผึ้งมองเห็นน้ามาตามถึงที่นี่ก็รำคาญ
“น้ารสจะมาทำไมกันเนี่ย”
“น้าจะมาตามผึ้งกลับบ้าน”
“ผึ้งบอกน้ารสแล้วใช่ไหมว่าผึ้งกำลังจะมีครอบครัวใหม่”
“แต่นมหลานหมดแล้ว ผึ้งไม่ได้ปั๊มไว้ให้ ลูกร้องหาผึ้งทั้งวัน จะให้ลูกกินนมที่ไหน”
“หย่านมไปก็สิ้นเรื่อง อย่าสำออยนักได้ไหม ผึ้งกำลังท้องแล้วลูกคนนี้ก็เป็นความหวังของผึ้ง ผึ้งต้องประคบประหงมเขาให้ดี”
“แต่นี่ก็ลูกผึ้งเหมือนกัน เขาร้องหาผึ้งทุกวัน จะมัวไปวิ่งตามคนที่เขาไม่สนเราทำไม”
“ก็ผึ้งไม่อยากให้เขากำพร้าถึงได้ออกมาหาพ่อให้เขาอยู่นี่ไง”
“ตอนตัวคนเดียวยังไม่มีใครแล แล้วตอนนี้มีภาระขนาดนี้ใครเขาจะเอาที่สำคัญไม่ใช่ลูกใช่เต้า...”
สายน้ำผึ้งโกรธที่รสสุคนธ์พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“หยุดแล้วกลับไปเลย ผึ้งจะไม่ยอมกลับบ้านไปมือเปล่า ลูกของผึ้งจะต้องไม่กำพร้าพ่อ ผึ้งจะทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ให้ได้”
รสสุคนธ์เห็นสายน้ำผึ้งยังดันทุรังก็รู้สึกสังเวชใจ เธอทำใจว่าคงจะไม่สามารถทำให้สายน้ำผึ้งกลับมาหาลูกได้แล้ว

ค่ำนั้น กะรัตอยู่ในห้องแต่งตัวหยิบชุดแต่งงานของตัวเองออกมาจะเอาไปทิ้ง กันตาเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“นั่นชุดแต่งงานนี่คะ พี่กั้งจะเอาไปไหน”
“พี่จะทิ้ง เก็บไว้ก็รก”
กันตารีบคว้าไว้
“ถ้าพี่กั้งไม่เอา ยกให้ก้อยก็ได้ เอาไว้ให้ก้อยยืมใส่วันแต่งของก้อยนะ”
“บ้า...แต่งงานทั้งทีจะมาใช้ชุดของพี่ทำไม พี่จะตัดชุดให้ใหม่ เอาให้เริ่ดกว่านี้หลายเท่า”
“จริงนะคะ” กันตาดีใจ
กะรัตไปดึงตัวกันตามากอดด้วยความเอ็นดู กันตาเห็นกะรัตมีความสุขไปด้วยก็ดีใจ กุนตีมองกันตาอย่างสงสัย

กันตากับกุนตีเดินลงบันไดคุยกันมา
“ทำไมอยู่ดีๆถึงตัดสินใจแต่ง”
“ก้อยอยากเห็นคนรอบข้างเรามีความสุขโดยเฉพาะพี่กั้ง”
“ก็วันแต่งงานเป็นถือว่าวันรวมญาติและญาติที่ก้อยอยากให้มามากที่สุดคือ...คุณพิศุทธ์”

กุนตีพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ในสวนสาธารณวันใหม่...ศิวาจับมือกันตาขึ้นมาด้วยความดีใจ
“แต่งงาน นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย คุณบอกว่าคุณจะยอมแต่งงานกับผม”
“ใช่”
“ก่อนหน้านี้ผมขอเท่าไหร่คุณก็ไม่ยอมแต่ง แล้วทำไมตอนนี้...”
“ฉันอยากทำให้คนรอบข้างของฉันมีความสุข บางทีการแต่งงานของเราอาจจะช่วยให้บรรยากาศที่มันแย่ๆกลับมาสดชื่นขึ้นอีกครั้ง คุณโกรธรึเปล่าที่ฉันใช้เหตุผลนี้ในการยอมแต่งงานกับคุณ”
ศิวายิ้มด้วยสายตาแสนรักที่มองกันตา
“ผมจะโกรธคุณได้ยังไง เพราะผมเองก็เป็นคนหนึ่งในคนรอบข้างของคุณที่คุณอยากให้มีความสุข ใช่มั้ย”
กันตาไม่ตอบแต่พยักหน้า ศิวาดึงกันตามากอด
“เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”
ศิวากอดกันตา เขาแอบเป็นกังวลแต่ณ.ชั่วโมงนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ความรักที่อยู่ตรงหน้าของเขาหลุดมือไปเป็นอันขาด

ค่ำนั้น ศิวาอยู่ที่ในคอนโดมีความสุขที่จะได้แต่งงานกับกันตาแต่ก็เครียดเรื่องสายน้ำผึ้ง เขาหยิบมือถือโทรหาบอดี้การ์ด
“ตอนนี้ฉันกับคุณก้อยกำลังจะไปด้วยดี จับตาสายน้ำผึ้ง ให้ดี อย่าให้มาก่อความวุ่นวาย กับพวกฉันเด็ดขาด”
ศิวาเดินไปยืนตรงระเบียงมองวิวไปข้างหน้า อย่างมุ่งหวังว่าต้องให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปให้ได้

หลายวันผ่านมา...สายน้ำผึ้งมีสีหน้าเครียดเหมือนคนใกล้จะบ้าอิดโรยอดนอน เดินมาหาฟองดาว
“พี่ฟองติดต่อคุณพิศุทธิ์ได้ไหมคะ”
ฟองดาวย้อน
“ไหนน้องผึ้งประกาศไปทั่วว่าย้ายไปอยู่บ้านคุณพิศุทธิ์แล้ว แล้วทำไมถึงติดต่อ คุณพิศุทธิ์ไม่ได้ล่ะคะ”
สายน้ำผึ้งเครียด จนเกือบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่พูดเสียงเข้ม
“เรื่องที่บ้านผึ้งน่ะช่างมันเถอะ แต่ผึ้งอยากรู้ว่าพี่ฟองติดต่อคุณพิศุทธิ์ได้ไหม รู้ไหมว่า เขาหายไปไหนเป็นอาทิตย์ งานการไม่ทำรึไง”
“ไม่ทำค่ะ คุณพิศุทธิ์ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกแล้ว”
สายน้ำผึ้งชะงัก
“หมายความว่ายังไง นี่คุณพิศุทธิ์ลาออกเหรอ”
“ถ้าน้องผึ้งอยากรู้ ก็ไว้ถามคุณพิศุทธิ์เอาเองนะคะ”
สายน้ำผึ้งมองฟองดาวอย่างหงุดหงิด

สายน้ำผึ้งมากดออดอยู่หน้าบ้านพวงหยก รถเจ้าสัวบัญชาเข้ามาจอดจะเข้าบ้าน เจ้าสัวลงจากรถเห็นสายน้ำผึ้งแล้วมองนิ่งๆ สายน้ำผึ้งเดินหน้าเชิดเข้ามา
“สวัสดีค่ะก๋ง ไม่เจอกันตั้งนานนะคะ”
“อ้าว!ว่าไง ลื้อจะมาตอแหลอะไรอีก”
สายน้ำผึ้งชะงัก
“แหม.. พูดอย่างนี้ผึ้งเสียหายนะคะก๋ง ที่ผ่านมาผึ้งพูดความจริงทั้งนั้น ก๋งน่าจะขอบใจผึ้งที่อุตส่าห์ช่วยเพื่อนได้ตาสว่าง”
“ทำให้คนอื่นตาสว่างแล้ว ก็อย่าลืมทำให้ตัวเองตาสว่างด้วยนะ เหมือนที่เอาต้นงิ้วมาให้คนอื่น ก็เก็บไว้ให้ตัวเองด้วย ไม่นานคงได้ใช้”
สายน้ำผึ้งพยายามเก็บอาการไม่พอใจ
“กั้งอยู่ไหมคะ”
“ถ้าลื้อจะมาเล่นละครให้อากั้งดู ลื้อกลับไปเถอะ..บ้านอั๊วมีทีวี มีละครให้ดูเยอะแยะ ละครน้ำดีด้วย ไม่ใช่น้ำเน่าอย่างที่ลื้อแสดง”
สายน้ำผึ้งเริ่มโกรธมากขึ้น
“ถ้าก๋งไม่อยากให้ผึ้งอยู่ที่นี่นาน ก็บอกมาสิคะว่า กั้งอยู่ไหน ผึ้งมีเรื่องจะคุยกับกั้งเรื่องผัวของเรา”

ครอบครัวของกะรัตกำลังนั่งทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา นวลก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“แย่แล้วค่ะ มันมาอีกแล้วค่ะ”
“ใครมาเหรอนวล” กุนตีหันไปถาม
“คุณผึ้งไงคะ บุกมาถึงนี่อีกแล้วค่ะ”
ทุกคนมองหน้ากันแบบไม่อยากจะเชื่อ

เจ้าสัวบัญชาจ้องหน้าสายน้ำผึ้ง
“ลื้อนี่มันหน้าด้านจริงๆ”
“ก๋ง” สายน้ำผึ้งโกรธ
“หรืออั๊วพูดไม่จริง คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วว่าตอนนี้คุณชายกับลื้อเป็นยังไง แต่ลื้อยังวิ่งไล่เรียกผู้ชายที่เขาไม่สนลื้อว่าผัว ไม่ให้เรียกว่าหน้าด้านแล้วจะให้เรียกว่าแม่ยอดขมองอิ่มรึ”
สายน้ำผึ้งยิ้มเยาะ
“ผึ้งรู้แล้วว่ากั้งได้เชื้อหนีความจริงมาจากใคร”
“คนอย่างอั๊วไม่เคยหนีความจริง มีแต่ยืนให้ความจริงมันมาแสดงตรงหน้า”
เจ้าสัวมองสายน้ำผึ้งว่าความจริงที่อยู่ตรงหน้า คืออาการของสายน้ำผึ้งนี่ไง
“ไม่มีผู้ชายที่ไหนหรอกที่เขาจะ ทิ้งเมียกำลังท้องไป นอกจากคนนั้นน่ะไม่ใช่เมียเขา”
เจ้าสัวพูดแทงใจดำ สายน้ำผึ้งโกรธตัวสั่นแทบกรี๊ด
“ลื้อออกไปได้แล้ว”
เจ้าสัวจับแขนสายน้ำผึ้งจะดึงออกไป เธอสะบัดแขนออก แต่เจ้าสัวไม่ยอมปล่อย สายน้ำผึ้งโกรธขึ้นเรื่อยๆ พร้อมสะบัดแขนแรงขึ้น
“ปล่อยนะก๋ง”
เจ้าสัวไม่ยอมปล่อย สายน้ำผึ้งโกรธมากขึ้นจึงออกอย่างแรงผลักด้วยความโกรธ จนเจ้าสัวเสียหลักล้ม หัวไปชนเสาหัวแตก กะรัตวิ่งออกมาจากในบ้าน ทุกคนวิ่งตามแตกตื่น กะรัตพุ่งเข้าไป

“ก๋ง”

สามีตีตรา ตอนที่ 12 (ต่อ)

กะรัตรีบประคองเจ้าสัวที่หัวแตกมีเลือดไหลนั่งที่พื้น สายน้ำผึ้งมองกะรัตแล้วมองเจ้าสัวอย่างโกรธมาก

“ก๋งทำตัวเอง ผึ้งบอกให้ก๋งปล่อย ก๋งไม่เชื่อผึ้งเอง”
สายน้ำผึ้งจะเดินออกไป กะรัตโกรธ เกลียด ความแค้นที่ฝังในใจ แล้วมองเจ้าสัวที่ หัวแตกยิ่งทำให้สติของเธอแตกพล่าน เธอลุกขึ้นอย่างพายุทอร์นาโดพุ่งใส่สายน้ำผึ้งทันที
“ฉันจะฆ่าแก”
“ใจเย็นคุณกั้ง”
นวลปากก็ห้าม แต่ไม่เข้าไปแยก เพราะอยากเห็นสายน้ำผึ้งโดนตบ
“แกทำก๋งฉันเหรอนังผึ้ง ฉันไม่เอาแกไว้แน่”
สายน้ำผึ้งสะบัดตัวออกแล้วผลักกะรัตเซไปอีกทาง
“ก๋งแกอยากจะแกว่งปากหาเสี้ยนเองทำไม”
กะรัตทนไม่ไหวจะเข้าไปตบทึ้งสายน้ำผึ้งอีก กุนตีแยกมาจับกะรัตไว้
“หยุดกั้ง”
สายน้ำผึ้งหลุดออกไปได้
“ไอ้พวกหมาหมู่ ฉันจะแจ้งตำรวจจับพวกแก”
“ไปเรียกมาเลย เสียค่าปรับไม่กี่บาท ฉันยอม”
กะรัตสะบัดออกจากกันตากับกุนตี เข้าไปจ้องหน้าสายน้ำผึ้ง
“จำไว้นะ ถึงฉันจะเลวขนาดไหน แต่ฉันก็ไม่เคย เหยียบย่ำน้ำใจคนในครอบครัวเหมือนที่แกทำกับน้ารสของแก” กะรัตชี้หน้าสายน้ไผึ้ง “แกทำร้ายฉันคนเดียวได้ แต่อย่าบังอาจแตะต้อง คนในครอบครัวของฉัน”
สายน้ำผึ้งไม่สะทกสะท้าน กลับยิ้มเยาะ
“ดี รักคนในครอบครัวไว้ให้มากๆนะกั้ง เมื่อไหร่ที่ไพ่ใบสุดท้ายของฉันมันเปิดมาล่ะก็ แกจะได้เจ็บมากๆไงล่ะ”
กะรัตชะงัก
“แกหมายความว่ายังไง”
“ฉันรู้ใจแก แกก็รู้ใจฉัน ลองคิดดูสิว่าคน อย่างฉันมันจะทำอะไรได้บ้าง”
“แกจะทำอะไร”
“ฉันเตือนเอาไว้อย่าง...ระวังพี่น้อง จะเจอตอเหมือนกัน”
กะรัตโกรธมาก
“นังผึ้ง แกหมายถึงอะไร แกจะทำอะไร…”
พวงหยกรีบตะโกนไล่สายน้ำผึ้ง
“พอกันได้แล้ว...แม่ผึ้ง...จะยืนรอให้ตายทั้งกลมอยู่ ตรงนี้รึไงยะ”
สายน้ำผึ้งรีบหลบออกจากบ้านไปอย่างเจ็บใจ กะรัตมองตามอย่างระแวงว่า สายน้ำผึ้งมันคิดทำอะไร

ค่ำนั้น เนื้อแพรอยู่ที่สปา นั่งดูภาพของกะรัตสนุกสนานในงานปาร์ตี้จากในหนังสือซุบซิบไฮโซ แล้วแพรถอนใจ พิศุทธิ์แอบเข้ามาเห็นว่าแม่กำลังอ่านอะไรอยู่ก็เข้าใจ
“กั้งเขาดูมีความสุขดีนะครับ พอไม่มีผม ชีวิตเขาดูดีขึ้นเยอะ”
เนื้อแพรสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ พิศุทธิ์ก็โผล่มา
“บางทีคนเราก็ต้องหลอกตัวเองว่ามีความสุขเพื่อให้อยู่ได้นะชาย”
“แม่ไม่เชื่อว่ากั้งเขาจะมีความสุขจริงๆเหรอครับ”
“คนอกหักถ้าไม่เศร้าจมดิ่งก็จะออกไปหาอะไรสนุกๆเพื่อให้ลืม แม่ว่าหนูกั้งกำลังเป็นอย่างหลัง เขาแกล้งพยายามทำให้ลืม”
“อีกไม่นานเขาก็จะสนุกจนลืมผมจริงๆ”
“แล้วชายลืมหนูกั้งได้ด้วยรึเปล่า ลองไปเจอหนูกั้งที่งานแต่งหนูก้อยเขาดูก่อนเถอะ ถ้าชายไม่รู้สึกอะไร แม่จะเชื่อว่าชายลืมเขาได้แล้วจริงๆ”
“คุณก้อยจะแต่งงานแล้วเหรอครับ”
“จะแต่งอยู่อีกไม่กี่อาทิตย์นี้แล้ว”
“สงสัยผมอยู่ไม่ถึงงานแต่งของเขาหรอกครับ ผมจะย้ายไปทำงานที่อเมริกา”
เนื้อแพรตกใจ
“ชาย...” เนื้อแพรนิ่งไปนิดแล้วตัดสินใจถาม “ชายตัดสินใจแบบนี้เพราะต้องการหนีกะรัตใช่มั้ย”
พิศุทธิ์ไม่ตอบ
“ชาย”
“ผมขอตัวก่อนนะครับแม่”

พิศุทธิ์เดินไป เนื้อแพรมองอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นว่าตลอดเวลาที่หายไปอยู่ทะเลไม่ได้ทำให้พิศุทธิ์ทำใจขึ้นได้บ้างเลย

หลายวันต่อมา...กะรัตนั่งปักชุดแต่งงานให้กันตาอยู่ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นรูปคู่ระหว่างเธอกับพิศุทธิ์อยู่บนโต๊ะ แล้วอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ เธอคว้ากรอบรูปนั้นโยนทิ้งลงถังขยะทันที กะรัตเบื่อตัวเองที่ยังเสียใจเวลาคิดถึงพิศุทธิ์ เธอจึงคว้ามือถือมา จะกดลบเบอร์เขาออก เธอมองหน้าจอมือถือที่ปรากฏรูปและเบอร์โทรของเขาอยู่อย่างชั่งใจ เธอเลื่อนไปที่ปุ่มลบ แต่วางมือถือลงเพราะยังทำใจลบพิศุทธิ์ออกไปจากชีวิตไม่ได้จริงๆ

ในห้องนอนพิศุทธิ์บ้านเนื้อแพร...พิศุทธิ์กำลังเก็บเสื้อผ้าส่วนที่เหลือเข้ากระเป๋าเดินทางเพื่อจะเตรียมไปเมืองนอก เขาหันไปมองสภาพห้องที่ตอนนี้เละเทะ เต็มไปด้วยข้าวของใช้ของสายน้ำผึ้ง พิศุทธิ์ปิดกระเป๋า แล้วไปเปิดลิ้นชักหยิบหนังสือเดินทางออกมา เขามองห้องรกรุงรังของเขาอย่างปลงๆ

พิศุทธิ์เตรียมเอกสารสำหรับเดินทางใส่กระเป๋าจนเสร็จ ในห้องนอนชั้นบนของสปาเนื้อแพร เขาล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผากครุ่นคิดหนักอยู่ๆ เสียงมือถือของเขาที่เปิดสั่นไว้ก็มีสัญญาณเรียกเข้ามา พิศุทธิ์รีบหยิบมือถือมาดูแล้วอึ้งเมื่อเห็นว่าที่หน้าจอปรากฏเป็นรูปของกะรัต เขารีบลุกขึ้นนั่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นกะรัตโทรหาเขา พิศุทธิ์ลนอยู่นานก่อนจะกดรับสายอย่างลุ้นๆ
“กั้ง...นั่นคุณเหรอ...” พิศุทธิ์เริ่มร้อนใจ “คุณได้ยินผมไหม”
พิศุทธิ์เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเมื่อไม่ได้ยินปลายสายพูดว่าอะไร พอได้ยินเสียงทางนั้นก็ลุกขึ้นด้วยความร้อนใจ
“ครับ...ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
พิศุทธิ์รีบหยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องไป เนื้อแพรรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่พอเห็นพิศุทธิ์ออกไปอย่างรีบร้อนแบบนั้นก็รู้ว่าเขาคงเป็นห่วงกะรัตมาก

พิศุทธิ์เข้ามาที่ผับแห่งหนึ่ง พนักงานพาเขาไปหากะรัตซึ่งหลับฟุบคาอยู่กับบาร์เหล้า
“ผมเห็นเบอร์พี่ล็อคอยู่เบอร์แรก มั่นใจว่าต้องใช่แฟนแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจโทรตาม”
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมจะพาเขากลับไปเอง”
พิศุทธิ์เข้าไปเรียกกะรัตใกล้ๆ
“กั้ง...กั้งได้ยินผมไหม”
“จัดหนักขนาดนี้ผมว่าคงรู้สึกตัวอีกทีพรุ่งนี้เลยล่ะพี่”
พิศุทธิ์ดูท่าแล้วว่ากะรัตคงไม่รู้สึกตัวแน่ๆ จึงตัดสินใจอุ้มพร้อมหยิบกระเป๋าของเธอมาด้วย

พิศุทธิ์ขับรถของกะรัตเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน กะรัตหลับใหลอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ตลอดเวลาเธอกระสับกระส่ายอย่างทรมานและละเมอ
“อย่าเพิ่งปิดน๊า เดี๋ยวฉันทิปให้”
พิศุทธิ์หันมามองกะรัตที่เมาหมดสภาพอย่างเหนื่อยใจ กะรัตพลิกตัวมาเห็นพิศุทธิ์อยู่ข้างๆก็งงแต่เธอเข้าใจว่าเป็นภาพหลอนจากอาการตาฝาดอย่างทุกทีที่เมาจึงไม่ใส่ใจ
“ทำไมคุณไม่ไปซะที ตามหลอกตามหลอนกันอยู่ได้”
“ผมไปแล้วใครจะคอยมารับคุณแบบนี้ล่ะ”
“ชิ่ว...ชิ่ว...ไปซี่”
กะรัตเมาพับหลับไปอย่างเก่า พิศุทธิ์เห็นแล้วก็นึกขำที่เธอเมาไม่เหลือสภาพเลย

นวลกับสมหวังนั่งสัปหงกเฝ้ารอกะรัตอยู่หน้าบ้าน พิศุทธิ์อุ้มกะรัตที่หมดสติเข้ามาในบ้าน นวลกับสมหวังพากันตื่นตกใจที่เห็นกะรัตกลับมากับพิศุทธิ์
“นี่คุณพิศุทธิ์ไปรับคุณกั้งมาจากที่ไหนคะ”
“เขาไปเมาอยู่ที่บาร์ ที่ร้านเลยโทรให้ผมไปรับ”
“อีกแล้วเหรอคะ”
“เดี๋ยวผมจัดการทุกอย่างให้เอง นวลไม่ต้องห่วงนะ”
พิศุทธิ์อุ้มกะรัตขึ้นบันไดไป นวลรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นพิศุทธิ์คอยดูแลกะรัตอย่างเก่า สมหวังมองตามอย่างชื่นชม
“ไม่น่าไปกันไม่รอดเลยนะ”
“ถ้ารู้ว่าคุณพิศุทธิ์ยังห่วงขนาดนี้ คุณกั้งคงจะดีใจ”
นวลมองตามอย่างปลื้มปริ่มที่ได้เห็นวันดีๆแบบเก่าเกิดขึ้นอีกครั้ง

พิศุทธิ์วางร่างของกะรัตลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน เธอไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด พิศุทธิ์ถอดรองเท้าออกให้อย่างรู้หน้าที่จากนั้นก็มานั่งลงข้างๆ เพื่อถอดตุ้มหูและนาฬิกาออกให้ กะรัตนอนหลับใหลไม่รู้เรื่องราว พิศุทธิ์มองดูในมุมใกล้ๆ ด้วยความคิดถึง เขาจดจ้องเธออย่างสำรวจหลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมานาน กะรัตละเมอ
“กู๊ดไนท์”
พิศุทธิ์เผลอตัวยิ้มที่กะรัตทำเหมือนยังกับจะบอกราตรีสวัสดิ์เขา
“กู๊ดไนท์”
พิศุทธิ์ค่อยๆก้มลงจะกู๊ดไนท์คิสกะรัตอย่างทุกครั้ง แต่เมื่อกำลังจะจรดริมฝีปากลง เขาก็กลับยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทันเพราะกลัวจะห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้อีก พิศุทธิ์จะลุกกลับเขาเอื้อมมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วกลับพบกล่องแหวนในถังขยะข้างๆเตียง เขาก้มลงไปหยิบกล่องแหวนมาดู พอเปิดออกก็เจอแหวนแต่งงานอยู่ภายใน พิศุทธิ์อึ้งไปไม่นึกว่ากะรัตจะทิ้งแหวนแต่งงานของเขา พิศุทธิ์เข้าใจว่ากะรัตคงตั้งใจลืมเขาแล้วจริงๆ เขาตัดใจออกจากห้องมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหันกลับมามองเธอเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเชื่อว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้เจอกับเธอ
“ผมไปนะ ขอให้คุณโชคดี”

พิศุทธิ์ค่อยๆปิดประตูออกไป กะรัตเมาหลับจนไม่รับรู้อะไรเลย

พิศุทธิ์ออกจากบ้านไป นวลกับสมหวังตามมาส่ง พิศุทธิ์ส่งกุญแจรถของกะรัตคืนให้กำชับสองคนจริงจัง
“อย่าบอกกั้งเรื่องที่ผมมาวันนี้นะ”
“อ้าว...ทำไมล่ะคะ”
“เขาคงไม่ชอบที่ผมมาวุ่นวายกับเขา”
นวลไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้พิศุทธิ์รู้สึกอย่างนั้น
“เดี๋ยวผมเอารถออกไปส่งให้นะครับ”
“ไม่เป็นไร อย่าลำบากเลย ผมกลับเองได้ ไปพักผ่อนกันเถอะครับ”
พิศุทธิ์เดินออกจากบ้านไปในความมืด โดยมีสมหวังออกไปส่งที่หน้าประตูบ้าน นวลมองพิศุทธิ์อย่างสงสาร
“ทำไมคุณกั้งถึงเสียคนดีๆอย่างนี้ไปได้นะ”

เช้าวันต่อมา...นวลเข้ามาปลุกกะรัตที่ห้อง
“คุณกั้ง...คุณกั้งขาตื่นได้แล้วค่ะ”
กะรัตรู้สึกตัวตื่นขึ้น แทบลืมตาไม่ขึ้นเพราะรู้สึกแฮงค์อย่างหนัก
“คุณต้องไปดูโรงแรมเป็นเพื่อนคุณก้อยไม่ใช่เหรอคะ”
กะรัตสะดุ้งสุดตัวทันทีเพิ่งนึกได้
“ใช่...จริงด้วย โอยปวดหัวจังเลยนวล”
“เห็นบ่นทุกวันแต่ก็เมาได้ทุกวัน”
“นี่จำไม่ได้เลยว่ากลับมาถึงตอนไหน”
นวลคันปากอยากจะบอกอย่างแรง
“ลองนึกดูดีๆสิคะว่ากลับมายังไง”
กะรัตรำคาญคว้ามือถือจากหัวเตียงมา
“โอย...ช่างเถอะ ขอฉันจะโทรไปบอกยายก้อยก่อน เดี๋ยวงอนขึ้นมาจะยุ่ง”
กะรัตเอาโทรศัพท์จะกดหากันตา แต่แล้วกลับพบว่าในเบอร์ที่โทรออกล่าสุดนั้นเป็นเบอร์ของพิศุทธิ์ กะรัตลุกพรวดจากเตียง
“ตายแล้วนวล”
นวลแตกตื่น
“อะไรคะ”
“ทำไมฉันถึงกดโทรหาพิศุทธิ์เมื่อคืนนี้ล่ะ”
นวลยิ้มเมื่อเห็นกะรัตนึกออก
“นั่นสิคะ คุณโทรหาคุณพิศุทธิ์ทำไมเหรอ ลองนึกดูดีๆ”
กะรัตพยายามนึกแต่นึกไม่ออกรู้สึกอายสุดๆ
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนวล ตายแล้ว ฉันโทรไปหาเขาทำไมเนี่ย” กะรัตเดินพล่านไม่หยุด “ฉันจะเมาจนเผลอโทรไปด่าเขารึเปล่า ตายแล้ว”
นวลยิ้มที่เห็นกะรัตไม่ไว้ฟอร์มอีก
“คุณกั้งอาจจะโทรไปง้อเขาก็ได้มั้งคะ”
กะรัตยิ่งอายกว่าเดิม
“โอย...ไม่จริงใช่ไหม ฉันจะเมาจนเผลอตัวทำอย่างนั้นเลยเหรอ”
“แหม...คนเราเวลาเมาก็พ่นอะไรที่อยากพูดออกมาหมดนั่นแหละค่ะ”
กะรัตนั่งลงบนเตียง รู้สึกเสียฟอร์มอย่างมากที่ดันเป็นฝ่ายโทรหาพิศุทธิ์ก่อน
“รู้งี้ลบเบอร์ทิ้งซะแต่แรกก็ดี”
กะรัตหันไปมองที่ถังขยะตาละห้อยแล้วก็พบว่ากล่องแหวนหายไปจากถังขยะ กะรัตใจหายแว๊บ
“นวล”
“อะไรอีกคะ”
“ขยะตรงนี้ไปไหน”
“ขยะอะไรคะ” นวลงง
“ก็ขยะในถังตรงนี้ไง นวลเอาไปทิ้งแล้วเหรอ”
“เปล่านะคะ นวลยังไม่ได้ขึ้นมาเก็บห้องเลย คุณกั้งหาอะไรอยู่คะ”
“ก็...ก็...ก็แหวนแต่งงานฉันไงล่ะ มันหายไปได้ยังไง”
นวลรีบถามทันที
“แล้วทำไมแหวนไปอยู่ในถังขยะละคะ นวลเปล่าเอาไปทิ้งนะคะคุณกั้ง คุณกั้งลองหาดูดีๆก่อนดีไหมคะ ปกติคุณกั้งเก็บไว้ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ”
นวลมาเปิดลิ้นชักช่วยกะรัตหาแล้วก็เจอกล่องแหวนอยู่ในนั้น
“อ้าว...นี่ไงคะ”
กะรัตรีบเข้ามาคว้ากล่องไปเปิดดู
“ไม่มี”
กะรัตส่งให้นวลดูว่ากล่องแหวนว่างเปล่า นวลหน้าเหวอ
“อ้าว...”
กะรัตเดินโวยวายไปมา
“ไม่ได้นะนวล ถ้ามันหายไปฉันจะทำยังไง จะไปหาที่ไหนทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ฉันไม่น่าเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย”
นวลพยายามดึงสติกะรัตกลับมา
“คุณกั้งคะ...ใจเย็นค่ะ”
“จะเย็นได้ยังไงล่ะนวล นั่นมันแหวนแต่งงานฉันนะ”
“นวลว่าคุณกั้งคงเมามากจนไม่รู้”
นวลไปดึงมือของกะรัตมาให้ดูว่าเธอใส่แหวนแต่งงานไว้ที่นิ้วตามเดิม
“อ้าว...”
“เล่นใส่เอาไว้แล้วจะมาโวยวายอะไรคะ”
“ฉันใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจำไม่ได้เลยนะนวล สมองฉันเป็นอะไรไปหมดแล้วเนี่ย”
กะรัตมองแหวนในมืออย่างโล่งใจ นวลมองอาการก็รู้ว่ากะรัตยังรักพิศุทธิ์อยู่
“อะไรที่รักมากก็รักษามันไว้ดีๆหน่อยนะคะ”

กะรัตเอาแต่มองแหวนอย่างดีใจจนไม่ได้ฟังที่นวลเตือนสติเลย

บ่ายวันนั้น...กะรัตมายืนอยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรมที่กันตาจะมาจัดงานแต่งขณะที่กำลังยืนรอลิฟต์ที่จะขึ้นไปชั้นบน เธอก็หยิบมือถือออกมาดูด้วยความกังวล คิดว่าจะลบเบอร์ของพิศุทธิ์ออกจากเครื่อง เพื่อความปลอดภัย เธอยืนมองปุ่มลบอย่างครุ่นคิดเตรียมจะลบแต่ยังลังเลอยู่ ลิฟต์เปิดออก อยู่ๆก็มีชายหญิงคู่หนึ่งโวยวายออกมาจากในลิฟต์ ชายหญิงคู่นั้นเดินออกมากระแทกกะรัตที่ยืนอยู่จนทำให้มือของกะรัตไปโดนหน้าจอ กะรัตมองมือถือในมือเห็นว่าเธอบังเอิญกดลบเบอร์ของพิศุทธิ์ทิ้งไปแล้ว กะรัตอึ้งที่จู่ๆ เบอร์พิศุทธิ์ก็หายวับไปกับตาเธอร้องด้วยความเสียดาย
“โอ๊ย...”
กะรัตมองไปยังผู้หญิงผู้ชายคู่นั้นที่กำลังเดินโวยวายเสียงดัง
“มีเงินแล้วมันใหญ่กว่ารึไง อยากรู้จริงๆเลยว่าเป็นลูกใคร มันถึงแต่งตัดหน้าคนอื่นได้”
“เราจองล่วงหน้ามาเป็นปีๆ จู่ๆก็มาปาดห้องไปแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน”
กะรัตยืนมองสองคนนั้นที่เดินโวยวายออกไปโดยไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เธอขึ้นลิฟต์ไปโดยยังหัวเสียเรื่องมือถืออยู่

กะรัตเดินมาถึงห้องจัดเลี้ยง พอเปิดเข้าไปในห้องทางประตูด้านหนึ่งก็เห็นศิวากับกันตากำลังฟังพนักงานสรุปเกี่ยวกับการจัดเลี้ยงอยู่ตรงเวที แม่บ้านสองคนมาซุ่มซุบซิบอยู่ไม่ห่างออกไปโดยไม่รู้ว่ากะรัตหลบอยู่ตรงบานประตูอีกฝั่ง
“คู่นี้ไงที่แย่งห้องจัดเลี้ยงไปหน้าตาเฉย”
“คนที่จองไว้โวยใหญ่เพราะโดนตัดหน้าไปดื้อๆ”
“เห็นว่าเจ้าบ่าวมีเงินนี่นาก็เลยยัดเงินไล่ให้ไปแต่งที่อื่น”
กะรัตหันมามองแม่บ้านสองคนที่กำลังนินทาอยู่ เธอครุ่นคิดสงสัย
“ตัดหน้างั้นเหรอ”

กะรัตเดินเข้าไปหากันตากับศิวาเปิดสมุดแบบเค้กแต่งงานกันอยู่ พอกันตาหันมาเห็นกะรัตก็ดีใจ
“พี่กั้งมาพอดี มาช่วยก้อยเลือกหน่อยค่ะว่าจะเอาเค้กแบบไหนดี”
กะรัตเห็นกันตากำลังสนุกก็เลยไม่อยากเอาเรื่องที่ได้ยินไปกวนใจ แต่เธอก็จับตามองศิวาอย่างไม่ไว้ใจเพราะสงสัยเรื่องที่เขาเคยโกหกว่าต้องเร่งจัดงานวันนี้ เพราะว่าห้องว่างเพียงวันเดียวเท่านั้น
“ก้อยอยากให้งานออกมาเป็นยังไง วาดฝันมาได้เต็มที่ คุณยอมรับปากมาเป็นเจ้าสาวของผมทั้งที รับรองว่าไม่มีอะไรที่ผมจะเสกมาให้คุณไม่ได้” ศิวาพูดอย่างเอาใจสุดๆ
กะรัตแกล้งลองใจ
“ถึงให้ต้องแซงคิวตัดหน้างานอื่น ทางโรงแรมก็ยินดีจัดให้ได้ใช่ไหม”
ศิวาฟังแล้วก็อึ้งไป รีบหาข้ออ้าง
“โรงแรมห้าดาวแบบนี้ เขามืออาชีพพอที่จะเนรมิตทุกอย่างให้เราอยู่แล้วครับ”
“ทุกอย่าง...ถ้าเงินถึงใช่ไม๊ค่ะ”
ศิวาแปลกใจที่กะรัตพูดจาแปลกๆ เขาพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้เพราะเห็นว่ากันตาอยู่ไม่ไกล
“เพื่อคุณก้อยผมทุ่มสุดตัวอยู่แล้ว”
กะรัตยังไม่ได้ปักใจเชื่อเรื่องที่ได้ยินมา

สายน้ำผึ้งมาพบหมอที่ห้องตรวจแผนกสูตินารีเวช สีหน้าของหมอค่อนข้างเคร่งเครียด
“เป็นไปได้ว่าที่คุณมีเลือดออก อาจจะเป็นเพราะคุณท้องนอกมดลูก”
“อะไรนะคะ” สายน้ำผึ้งตกใจกลัว
“ผลตรวจระดับฮอร์โมนเพิ่มขึ้นช้ามาก แสดงว่าเด็กอาจจะไม่เติบโตเท่าที่ควร”
สายน้ำผึ้งช็อค
“นี่คุณหมอจะบอกว่าเด็กอาจไม่อยู่กับฉันงั้นเหรอ”
“หมอจะยังไม่ฟันธงแบบนั้นนะครับ จนกว่าเราจะอัลตราซาวด์ให้แน่ชัด”
“หมออย่ามาขู่กันแบบนี้นะคะ ดิฉันคาดหวังกับเด็กคนนี้มาก เขาเกิดมาเป็นทุกอย่างของฉัน ฉันจะสูญเสียเขาไปไม่ได้”
“ผมแค่วินิจฉัยตามอาการที่พบ ช่วงนี้คุณอาจจะต้องมาพบผมบ่อยหน่อย”
“คุณหมอต้องช่วยฉันนะคะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่คุณหมอต้องช่วยรักษาเขาเอาไว้”
“ไว้เรามาทำอัลตร้าซาวด์กันดูว่าคุณมีตัวอ่อนฝังอยู่ที่มดลูกไหม คุณอย่าเพิ่งวิตกไป ต้องพยายามรักษาสุขภาพไว้ให้ดี”
สายน้ำผึ้งหน้าเครียด เพราะเธอหวังจะใช้เด็กคนนี้ไว้ทำร้ายกะรัตแต่ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ก็แปลว่าเธอก็ไม่มีอาวุธไว้ต่อสู้กับกะรัตอีก

กะรัตกับกันตาออกมาจากห้องจัดเลี้ยง
“ตอนแรกก้อยนึกว่าจะเตรียมงานไม่ทันซะอีก โชคดีที่ศิวาเขาจัดการให้ทุกอย่าง”
พอกะรัตกับกันตาออกมาถึงด้านหน้าก็เห็นศิวากำลังสั่งงานบอดี้การ์ด 5 คนอย่างแข็งขัน กะรัตมองอย่างสงสัย
“แล้วนั่นใครเหรอ”
“อ้อ ลูกน้องของพ่อเขาน่ะค่ะ เห็นว่าจะมาช่วยงาน”
“นี่งานแต่งแน่เหรอ ทำไมถึงต้องใช้บอดี้การ์ดเยอะแยะขนาดนั้น”
“ก็พ่อเขาเชิญแต่แขกดังๆ นี่คะเลยต้องเข้มงวดหน่อย”
กะรัตเห็นศิวาส่งซองเอกสารให้บอดี้การ์ด ทุกคนหยิบอะไรบางอย่างในซองมาดู กะรัตเริ่มรู้สึกผิดสังเกตกับบรรยากาศงานที่ดูไม่ชอบมาพากลเท่าที่ควร ศิวาหันมาเห็นกะรัตกับกันตารออยู่ เขารีบเดินเข้ามาหาทันที
“เรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือก็แค่รอวันงานเท่านั้น”
“งั้นเดี๋ยวเราไปลองชุดที่ร้านของพี่กั้งกันต่อเลยนะ”
กันตาคล้องแขนศิวาแล้วจะเดินไป แต่มือถือของศิวาดังขึ้น กันตากับกะรัตจึงหยุดรอให้เขารับ ศิวาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแต่พอเห็นเป็นสายของสายน้ำผึ้งก็ไม่อยากรับต่อหน้ากันตา เขาตัดสายทิ้ง
“อ้าว...ทำไมไม่รับล่ะ” กันตาถามอย่างแปลกใจ
“ธุระจุกจิก ผมไม่อยากหงุดหงิดก่อนวันงาน”
ไม่ทันขาดคำเสียงมือถือก็ดังขึ้นมากอีก ศิวาหน้าเสีย กะรัตพูดขึ้น
“อาจจะเป็นธุระสำคัญก็ได้มั้ง”
ศิวาปิดเครื่องเลย
“ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่ากับก้อยแล้วครับในนาทีนี้”
กันตาเหล่มอง
“อย่าให้รู้ว่าเป็นสาวๆ โทรมาคร่ำครวญเรื่องที่คุณแต่งงานล่ะ”
“ไม่มีแน่นอนผมสาบานได้...ทีนี้ก็ไปได้แล้วนะครับ”

ศิวาพากันตาเดินไป กะรัตที่เดินตามมาแอบมองเห็นศิวากำมือถือในมือไว้แน่นเหมือนกำลังกังวลอะไรสักอย่าง

สามีตีตรา ตอนที่ 12 (ต่อ)

ในโรงพยาบาล...สายน้ำผึ้งถือสายโทรหาศิวาแต่กลับพบว่าเขาปิดเครื่องหนีไปแล้ว เธอหงุดหงิด
“ฉันไม่ปล่อยให้แกหนีไปเสพสุข แล้วลอยตัวเหนือปัญหาแน่”
สายน้ำผึ้งลูบท้องของตัวเองอย่างมีความหวัง
“เขาเป็นไม้ตายของฉัน แกจะต้องได้รับกรรมที่ทำกับเราแม่ลูก”

เย็นนั้น สายน้ำผึ้งบุกมาหาเนื้อแพรที่สปาอย่างร้อนใจ
“บอกมาว่าตอนนี้คุณพิศุทธิ์อยู่ที่ไหน”
พิศุทธิ์ที่อยู่ด้านในห้องและกำลังได้ยินสายน้ำผึ้งมาถามหา เขาตัดสินใจหลบอยู่ด้านในแล้วคอยฟัง
“จนขนาดนี้แล้วเธอยังไม่ถอดใจอีกเหรอ” เนื้อแพรถามอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับลูกต้องบอกเขา”
เนื้อแพรสวน
“ทำไมไม่ไปบอกนายศิวานั่นล่ะ เขาคือพ่อแท้ๆของลูกเธอนี่”
สายน้ำผึ้งเสียงกร้าว
“ฉันต้องการพบพิศุทธิ์เดี๋ยวนี้”
“ชาตินี้ทั้งชาติเธออาจจะไม่ได้เจอเขาแล้วก็ได้”
“หมายความว่ายังไง คุณพิศุทธิ์ไปหลบอยู่ไหน”
“ฉันไม่มีความจำเป็นต้องบอก”
“เขาจะทิ้งฉันกับลูกไม่ได้เด็ดขาด”
“ทางที่ดีฉันว่าเธออย่าเอาเรื่องลูกไปป่าวประกาศให้มากเลย เพราะถ้าเกิดหาพ่อให้ลูกไม่ได้มันจะอายเปล่าๆ”
สายน้ำผึ้งเจ็บใจดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเดือดร้อน เรื่องเด็กในท้องของเธอเลย

เนื้อแพรกลับเข้ามาหาพิศุทธิ์ในห้องหลังจากที่สายน้ำผึ้งออกไป
“เขากลับไปแล้วเหรอครับ”
“ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ แม่สงสัยว่าถ้าเขาจับชายไม่ได้ เขายังจะปล่อยให้ศิวาแต่งงานไปกับหนูก้อยได้จริงเหรอ”
“เขาก็คงกำลังคิดหนักมั้งครับว่าจะเลือกใครเป็นพ่อให้ลูกดี”
“แล้วชายแน่ใจเหรอว่าจะปล่อยให้กั้งเข้าใจลูกผิดไปแบบนี้”
“ผมเชื่อว่าความจริงจะต้องปรากฏขึ้นมาสักวัน”
“แต่แม่สงสารกั้ง ลูกช่วยปกปิดแบบนี้เท่ากับรวมหัวกับสายน้ำผึ้งไปหลอกเขา”
“ผมไม่เคยบอกเขาสักคำนะครับแม่ว่าผมไปยุ่งเกี่ยวกับสายน้ำผึ้ง ทุกอย่างเขาคิดเองเออเอง ถ้าเขาไม่รู้จักแยกแยะความจริงด้วยตัวเอง เขาก็จะไม่มีวันมองเห็นความจริงอะไรอีกเลยในชีวิตนี้”
เนื้อแพรรู้สึกหนักใจที่พิศุทธิ์ใจแข็งมากจนไม่คิดจะเคลียร์ความจริง กับกะรัตก่อนไปเมืองนอก

รสสุคนธ์พาน้องพีทมาหาสายน้ำผึ้งที่บ้านเนื้อแพร สายน้ำผึ้งกอดจูบน้องพีทอย่างคิดถึง แต่ใบหน้าโทรมเครียด
“โอ๊ยน้องพีทลูกแม่...คิดถึงจังเลย แม่ไม่ได้กลับไปหาตั้งหลายวัน อ้วนขึ้นเยอะเลยนะลูก”
รสสุคนธ์มองสภาพที่ดูเครียดของสายน้ำผึ้ง แล้วมองรอบบ้านที่มืดและเงียบเหงา
“น้ามารับกลับบ้าน ในเมื่อเขาไม่สนใจก็กลับบ้านเราเถอ อายเขา”
“อายทำไม ทุกคนเขาก็รู้ว่าผึ้งเป็นสะใภ้ เท่ากับผึ้งก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เหมือนกัน”
รสสุคนธ์มองสายน้ำผึ้งอย่างระอา
“คุณพิศุทธ์หนีผึ้งไปแบบนี้ ผึ้งยังไม่ยอมรับอีกเหรอว่าผึ้งแพ้แล้ว”
สายน้ำผึ้งหันขวับมองรสสุคนธ์ทันที
“อย่าพูดคำนั้นให้ผึ้งได้ยินอีกเด็ดขาด”
รสสุคนธ์เหลืออด จับสายน้ำผึ้งยืนหน้ากระจก
“เห็นตัวเองไม๊ผึ้ง ไม่ต่างอะไรกับซากศพ ไม่มีชีวิต ไม่มีความสุข สภาพแบบนี้เขาเรียกว่าแพ้”
สายน้ำผึ้งสะบัดตัวออก
“ไม่จริง”
“ยอมรับความจริง แล้วกลับบ้านเราเถอะผึ้ง ไม่ใช่ผึ้งไม่เหลือใคร ผึ้งยังมีลูก มีน้า ปล่อยให้เขามีความสุขของเขาไปเถอะ”
“ผึ้งไม่ยอมให้พวกมันมีความสุขขณะที่ผึ้งทุกข์แบบนี้หรอก ผึ้งจะทำให้พวกมันเจ็บปวด ทรมานยิ่งกว่าผึ้ง”
“ผึ้งแพ้แล้ว ยอมรับซะทีเถอะลูก”

รสสุคนธ์ส่งหนังสือพิมพ์ให้สายน้ำผึ้งเห็นพาดหัวข่าวว่า “สองหนุมสาวตระกูลดังพร้อมจะสละโสด” พร้อมมีรูปกันตาศิวาถ่ายคู่กันอย่างมีความสุข สายน้ำผึ้งมีสีหน้าโกรธ ตาขวางเหมือนคนที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างให้พังพินาศได้

กะรัตเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนเครียดนึกถึงคำพูดของสายน้ำผึ้ง
“ดี รักคนในครอบครัวไว้ให้มากๆนะกั้ง เมื่อไหร่ที่ไพ่ใบสุดท้ายของฉันมันเปิดมาล่ะก็ แกจะได้เจ็บ มากๆไงล่ะ”
“ฉันรู้ใจแก แกก็รู้ใจฉัน ลองคิดดูสิว่าคน อย่างฉันมันจะทำอะไรได้บ้าง”
“ฉันเตือนเอาไว้อย่าง...ระวังพี่น้อง จะเจอตอเหมือนกัน”
กะรัตสงสัย กังวลว่าสายน้ำผึ้ง ต้องมีอะไรแน่ๆ

สัปดาห์ต่อมา...เย็นนั้น กฤชกับพวงหยกรอรับแขกอยู่ที่บริเวณหน้างาน กฤชสังเกตว่ามีบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยอยู่หน้างานเป็นสิบราย ทุกคนดูอารักขาอย่างแน่นหนาจนเขาเริ่มสงสัย พวงหยกเห็นกฤชมองซ้ายทีขวาที ได้จังหวะจึงแขวะ
“ไง แค่มายืนไกล้ฉัน ช่วยรับแขกงานลูก ทำไมต้องทำตัววอกแว่กขนาดนั้น กลัวแม่เนื้อแพรจะเข้าใจผิดคิดว่าเราดีกันแล้วหรือไง”
“คุณพวงหยก คุณไม่รู้อะไรไม่ต้องพูดก็ได้ เรื่องระหว่างผมกับคุณไม่มีใครเขาสนใจหรอก”
“ให้มันจริงเถ๊อะ”
“ก็ที่ผมมองรอบๆงาน คุณไม่เห็นเหรอ ศิวาเขาจะคุ้มกันอะไรนักหนา”
“ก็พ่อเขาเป็นคนสำคัญ แขกในงานก็ใหญ่ๆ โตๆ ทั้งนั้น”
“แต่ผมว่ามันมากไป แขกจะพากันตกใจนึกว่ามีก่อการร้าย”
“ตอนวันหมั้นหน้าแตกมาทีแล้ว เขาก็คงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยล่ะมั้ง”
บอดี้การ์ดที่อยู่ในมุมต่างๆ วอหากัน ทุกคนมีรูปถ่ายใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ และคอย หยิบออกมา เช็คดูว่าตรงกับใบหน้าแขกในงานหรือไม่

กุนตีเดินเข้าห้องแต่งตัวมาโดยมีบอดี้การ์ดเปิดประตูให้ เธอเข้าห้องมาหากันตาและกะรัต
“นี่เธอแต่งงานกับลูกชายเจ้าของสายการบินหรือมาเฟียกันแน่ ถึงได้มีบอดี้การ์ดทั่วงานไปหมด” กุนตีแซว
“ก้อยก็ไม่เข้าใจ แต่คุณศิวาบอกว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ เพราะธุรกิจของป๊าเขามีคู่แข่งเยอะอาจจะมีปัญหาได้”
“ผู้ชายเจ้าชู้ล่ะสิ ฉันว่าไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจหรอก”
กะรัตมองกุนตีอย่างขำๆ
“นี่ความผิดพลาดในชีวิตของกั้ง ทำให้พี่กุ้งอคติกับโลกขนาดนี้เลยเหรอ”
“แต่ก้อยก็คิดเหมือนกันนะคะ”
กะรัตเดินไปกอดกันตาอย่างให้กำลังใจ
“ไม่ต้องคิดมาก ชีวิตพี่พังซ้ำซ้อน ก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นๆจะเป็นด้วย ยิ้มต้อนรับความสุข เห็นไหมว่าพี่ๆอยู่ตรงนี้ คอยมองความสุขของก้อยอยู่ อ้าแขนรับให้มันเต็มที่ คิดซะว่าชดเชยพี่สาวสองคนที่กำลังขึ้นคาน”
กันตายิ้มให้กะรัตกับกุนตี แล้วกอดสองคนด้วยความรักสุดใจ

ศิวาในชุดเจ้าบ่าวนั่งเซ็ตผมในห้องพักอีกห้องหนึ่ง ระหว่างนั้นเสียงมือถือของเขายัง คงสั่นไม่หยุด แต่เขาพยายามเก็บอาการไม่สะทกสะท้าน ประตูห้องเปิดออก กะรัตพากุนตีกันตาในชุดเจ้าสาวที่สวยพร้อมแล้วออกมา ศิวารีบหันมามองอย่างภูมิใจแล้วพูดแกล้งหยอก
“ผมชักอยากจะข้ามเวลาไปส่งตัวไวๆ”
“นี่ อายพี่ฉันบ้าง” กันตาค้อนใส่
“มา...เจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายรูปด้วยกันหน่อยนะ”
กุนตีถ่ายรูปคู่ให้ศิวากับกันตา กะรัตเดินออกมามองดูทั้งคู่จากในระยะไกล ระหว่างนั้นกะรัตเห็นมือถือของศิวาที่วางเอาไว้สั่นอยู่ตลอด เธอเข้าไปดูแล้วเห็นที่หน้าจอขึ้น ชื่อว่า “!!!” โทรมา กะรัตเห็นแล้วสงสัยว่าสายลึกลับนั้นเป็นใคร
“พี่กั้ง...มาถ่ายรูปด้วยกันค่ะ” กันตาชวน

เสียงเรียกของกันตามาขัดจังหวะทำให้กะรัตเลิกใส่ใจมือถือของศิวา กันตา กุนตีและกะรัตไปถ่ายรูปร่วมกันอย่างมีความสุข

หน้าห้องอัลตร้าซาวด์ในโรงพยาบาล สายน้ำผึ้งหงุดหงิดกับโทรศัพท์พยายามโทรไปแต่ศิวาไม่รับสาย
“ไอ้ศิวา...ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
พยาบาลเดินเข้ามาหา
“เชิญคุณสายน้ำผึ้งไปทำอัลตร้าซาวด์ค่ะ”
สายน้ำผึ้งรู้สึกใจคอไม่ดี

พิศุทธิ์เก็บกระเป๋าเดินทางพร้อมกระเป๋าเอกสารพร้อมเดินทาง เขาเช็คของเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็พบแหวนแต่งงานที่ซิปด้านหน้าของกระเป๋า เขาหยิบออกมาดูอย่างคิดถึง ขณะที่มองแหวนอยู่นั้น เนื้อแพรก็เปิดประตูเข้ามา ทำให้พิศุทธิ์รีบเก็บแหวนซ่อนทันที
“เรียบร้อยไหมลูก”
“เรียบร้อยแล้วครับ” พิศุทธิ์ยิ้มเมื่อเห็นเนื้อแพรแต่งตัวสวย “วันนี้แม่แต่งตัวสวยจัง ผมฝากอวยพรพวกเขาด้วยนะครับ”
เนื้อแพรนิ่งมองพิศุทธ์ด้วยวความเข้าใจ
“แม่จะแวะไปแค่แป๊บเดียว ชายแน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน”
“อย่าดีกว่าครับ ผมไป พวกเขาจะไม่สบายใจกันเปล่าๆ”
“จะไม่ไปลาหนูกั้งเขาซะหน่อยเหรอ”
“เราบอกลากันไปนานแล้ว ไม่รู้จะบอกซ้ำๆ อีกทำไม”
“งั้นก็ตามใจ แล้วแม่จะตามไปเจอที่สนามบินนะลูก”
“ครับ”
พิศุทธ์เดินเลี่ยงออกไป เนื้อแพรหันมองลูกชาย แล้วคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยลูก

หน้าห้องจัดเลี้ยงยามค่ำคืน กะรัตเดินผ่านหน้าบอดี้การ์ดแล้วได้ยินเสียงวอหากัน เธอหันไปมองดู บอดี้การ์ดที่มุมต่างๆ ของงานแล้วรู้สึกแปลกใจที่บอดี้การ์ดมากันครบทีมกว่าเดิม กะรัตสังเกตเห็นว่าบอดี้การ์ดทุกคนพกรูปถ่ายในมือคนละใบจึงอยากรู้มากว่าศิวาจ้างให้ทุกคน มาดักใคร เธอกำลังจะเดินเข้าไปถามจากบอดี้การ์ด พวงหยกออกมาดักกะรัตไว้
“มานี่ซิ”
พวงหยกลากกะรัตไปมุมหนึ่ง
“ฉันว่าเราไปบอกให้พวกบอดี้การ์ดช่วย สกัดนังผึ้งไว้ให้ดีกว่า ฉันไม่ไว้ใจ กลัวมันโผล่มาล่มงานอีก”
“จะไปกลัวมันทำไม ถ้ามันมา กั้งจะจัดการให้”
“นั่นแหละที่ฉันไม่ต้องการ มันจะได้ยิ่งงามหน้ากันไปใหญ่ ให้บอดี้การ์ดจัดการดีกว่า”
พวงหยกลากกะรัตไปหาบอดี้การ์ด
“นี่เรา ฉันอยากให้ช่วยสกัดแขกไม่ได้รับเชิญให้ฉันสักหน่อย เป็นผู้หญิงหน้าตาเข้มๆ ไทยๆ สูงประมาณ...ประมาณนี้” พวงหยกยกมือกะให้ดู “มันชอบใส่ชุดดำ ตาขวางๆ เหมือนหมาบ้า ถ้ามันมา ห้ามเข้ามาในงานเข้าใจไหม”
“ใช่คนเดียวกับที่คุณศิวาสั่งไว้รึเปล่าครับ” บอดี้การ์ดส่งรูปถ่ายให้ดู
พวงหยกกับกะรัตตกใจเมื่อเห็นว่าคนในรูปถ่ายคือสายน้ำผึ้ง กะรัตรีบดึงรูปถ่ายมาดูแล้วสงสัยว่าศิวาเอารูปมาจากไหน พวงหยกหันไปบอกบอดี้การ์ด
“ใช่...แม่คนนี้เลย จำไว้แล้วจับตาดูให้ทั่วนะ”
“วางใจได้เลยครับ เราจะจับตาไม่ให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในงานเด็ดขาด”
บอดี้การ์ดเดินออกไป กะรัตชักสงสัยที่เห็นศิวาวางแผนทุกอย่างรัดกุมเกินเหตุ พวงหยกยิ้มพอใจ
“พ่อศิวานี่รอบคอบดีจริงๆ เหมาะจะเป็นที่พึ่งให้ครอบครัวเรา”
กะรัตคิดๆ
“แต่ตอนวันหมั้น คุณศิวาไม่รู้ว่าคนที่มาป่วนเป็นนังผึ้งนี่นา”
“ยายก้อยคงบอกเอาไว้ อะไรที่ก้อยบอก ศิวาเขาก็ต้องทำถวายหมดหัวใจนั่นแหละ”
พวงหยกเดินเข้าไปในงานอย่างสบายใจ มีแต่กะรัตที่ยังค้างคาใจอยู่ เจ้าหน้าที่จัดงานเปิดเข้ามา
“คุณกะรัตคะ มีคนมารอพบคะ”
กะรัตหันไปมองอย่างสงสัย

กะรัตเดินเข้ามาในล็อบบี้อยากรู้ว่าใครรอคุยกับตัวเองอยู่ ใจหนึ่งก็หวังว่าจะเป็นพิศุทธิ์เธอหยุดมองไม่เห็นใคร จึงกวาดตามองหา ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหลัง เธอหันไปมอง
“คุณเนื้อแพร…”
เนื้อแพรมองกะรัตอย่างเข้าใจว่ามองหาพิศุทธิ์
“พิศุทธิ์เขาไม่ได้มาด้วยหรอกค่ะ”
กะรัตนิ่งชะงักที่ถูกเนื้อแพรจับความรู้สึกได้ เธอรีบแก้
“ก็...ดีแล้ว...ฉันก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาสักเท่าไหร่”
เนื้อแพรมองกะรัตอย่างรู้ทันว่าจริงๆกะรัตปากแข็ง
“คุณนี่มันโกหกไม่เก่งเอาซะเลย”
กะรัตหันมองเนื้อแพรแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด
“ฉันว่าเราเข้าไปในงานกันดีกว่า เชิญค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เพราะฉันคงไม่เข้าไปร่วมงาน”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ฉันมาที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องสำคัญกับคุณ”
“ฉัน...”
“พิศุทธิ์กำลังจะไปอเมริกา”
วูบนึงกะรัตใจหาย แววตานั้นไม่พ้นสายตาเนื้อแพรไปได้ แต่กะรัตก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
“เขาจะไปไหนมันก็เรื่องของเขา เขากับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
เนื้อแพรถอนหายใจ กะรัตหนอกะรัต ทิฐิมันบังตาจนไม่คิดจะมองเห็นหัวใจตัวเอง
“พิศุทธิ์คิดว่าถ้าเขาออกไปจากชีวิตคุณ สายน้ำผึ้งก็คงเลิกราวีคุณไปด้วย”
“บอกเขาเลิกสร้างภาพเถอะค่ะ ไม่ต้องทำเป็นเสียสละเพื่อฉันขนาดนั้น”
“พิศุทธิ์ไม่เคยสร้างภาพหรือโกหกใคร สิ่งเดียวที่พิศุทธิ์ทำผิดคือการที่เขาไม่ได้พูดความจริงออกไป”
“ไม่พูดความจริงก็คือการโกหกนั่นแหละค่ะ”
เนื้อแพรได้ยินแบบนั้นจึงตัดสินใจพูดบางอย่าง
“ลูกชายฉันเขายอมให้คุณคิดว่าเขาเป็นคนโกหกเพื่อปกป้องสิ่งที่คุณรัก...ฟังฉันให้ดีนะกะรัต ลูกในท้องของสายน้ำผึ้งไม่ใช่ลูกของพิศุทธิ์”
กะรัตไม่คิดว่าเนื้อแพรจะพูด

“ถ้าไม่ใช่แล้วนังผึ้งมันเอาที่ไหนมาพูด ถ้าไม่ใช่แล้วหลักฐานพวกนั้นมันมาจากไหน”

เนื้อแพรรีบสวน
“คนร้ายกาจอย่างสายน้ำผึ้งทำได้ทุกอย่างเพื่อปั่นหัวให้คุณคลั่ง แค่เขาจี้จุดอ่อนว่าคนอย่างคุณมันไม่มีค่าพอให้ใครมารักจริง คุณก็ดิ้นจนไม่มีสติไตร่ตรองว่าอะไรคือเป็นของจริง อะไรเป็นภาพลวงตา”
กะรัตจุกเมื่อถูกเนื้อแพรย้อนแบบนี้
“แต่ที่น่าเศร้าที่สุดคือคุณเชื่อทุกเรื่องที่สายน้ำผึ้งเป่าหู แต่คุณไม่เคยเชื่อพิศุทธิ์เลย”
กะรัตสับสน
“แล้วตกลงนังผึ้งมันท้องกับใคร”
“คิดดูสิคะ ว่ามีผู้ชายคนไหนที่อยู่ในเกมนี้บ้าง ใครที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่คุณไม่เคยคิดสงสัยเลยก็ได้ ใครสักคนที่โกหกคุณได้อย่างหน้าตายที่สุด”
เนื้อแพรมองไปที่รูปคู่บ่าวสาวพร้อมทิ้งคำพูดเอาไว้ให้กะรัตคิดก่อนที่จะเดินกลับไป กะรัตยืนอึ้งอยู่หน้ารูปคู่ของบ่าวสาวของกันตาศิวา

หน้าห้องจัดเลี้ยง...บ่าวสาวยังไม่ลงมารับแขก กะรัตเดินครุ่นคิดถึงคำพูดของเนื้อแพร ระหว่างนั้น เธอได้ยินเสียงพวงหยกเจื้อยแจ้วกับแขก
“ขอโทษด้วยนะคะ งานฉุกละหุกไปหน่อย ลูกเขยบอกว่าโรงแรมดันว่างแค่วันนี้วันเดียวซะด้วย เขาก็เลยใจร้อน”
กะรัตนึกได้เรื่องที่เห็นคนมาโวยที่โรงแรมคราวก่อน พวงหยกหันมาเห็นกะรัตยืนนิ่งคิดอะไรอยู่แถวนั้นก็รีบเดินมาบอก
“ไปตามศิวากับก้อยลงมาหน่อย...แขกทยอยมากันแล้ว”
กะรัตไม่ได้ฟังที่พวงหยกพูด ก็ผลีผลามออกไป
“อ้าว”
พวงหยกเห็นอาการของกะรัตที่เดินตัวปลิวออกไปก็แปลกใจ
“นังกั้งมันเป็นอะไร”

ศิวาพากันตาเข้าลิฟต์เพื่อลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง ลิฟต์ตัวข้างๆก็มาถึงชั้นนี้พอดี กะรัตเดินออกจากลิฟต์อีกตัวโดยไม่รู้ว่าคลาดกับบ่าวสาว เธอรีบไปที่ห้องพักอย่างรีบเร่ง

ในห้องตรวจ...หมอนำรูปอัลตราซาวด์ออกมาให้สายน้ำผึ้งดู ในรูปนั้นพบถุงตัวอ่อนในมดลูกตามปกติ
“ตัวอ่อนของคุณฝังอยู่ในมดลูกตามปกติ คุณสบายใจได้ คุณไม่ได้ท้องนอกมดลูกแน่นอนครับ”
สายน้ำผึ้งโล่งใจดีใจมาก
“แปลว่าลูกฉันปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ”
“เด็กอาจจะโตช้าไปนิด คุณแม่จะต้องบำรุงตัวเองให้ดีกว่านี้”
สายน้ำผึ้งจับท้องตัวเองอย่างถนอม
“ฉันจะดูแลเขาให้ดีค่ะ”
สายน้ำผึ้งก้มลงมองท้องอย่างมาดมั่นว่า จะต้องเอาเด็กคนนี้มาใช้เป็นทำร้ายใครหลายๆคน

กะรัตรีบร้อนเปิดเข้ามาในห้องพัก เพื่อจะมาถามความจริง จากศิวาให้ได้ เธอเดินเข้ามาจนถึงห้องด้านในแต่ก็ไม่เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะไปหาในห้องน้ำ แต่กุนตีก้าวออกมาพอดี
“ศิวาล่ะคะ”
“พาก้อยลงไปที่งานแล้ว”
“โธ่เอ๊ย...”
กะรัตหงุดหงิดที่เข้ามาไม่ทัน เดินพล่านด้วยความเจ็บใจ กุนตีสงสัย
“มีอะไรรึเปล่า”
“กั้งมีเรื่องต้องรู้จากศิวาให้ได้”
ทันใดนั้นกะรัตได้ยินเสียงมือถือสั่นอยู่ในห้อง เธอจึงชะงักหยุดนิ่งนึกขึ้นได้
“มือถือของศิวา”
กะรัตพยายามควานหามือถือที่กำลังสั่นอยู่ภายในห้อง กุนตีงง
“หาอะไรกั้ง แล้วนี่เราเป็นอะไร ทำไมดูลุกลี้ลุกลน”
กะรัตไม่พูดไม่จา รีบควานหามือถือจนเจออยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ เธอคว้ามาดูแต่โทรศัพท์ดับไปก่อน กะรัตเปิดดูเห็นว่ามี missed call เกือบ 20 สาย เธอรีบกดดูทันทีว่าสายพวกนั้นเป็นใคร แล้วก็ได้เห็นว่าเป็นสาย “!!!” ที่โทรเข้ามาอย่างที่สงสัยจริงๆ
“กั้งจะทำอะไร”
“กั้งจะจับโกหกคนว่าใครที่มันเป็นคนโกหกหน้าตายกันแน่”
กะรัตกดโทรกลับหาสายของ “!!!” ทันที รอลุ้นระหว่างที่กำลังรอสัญญาณรอสายจนกระทั่ง ปลายทางรับสาย ซึ่งเป็นเสียงสายน้ำผึ้งที่ตวาดมาตามสาย
“มัวแต่รับแขกเพลิน จนลืมว่ามีลูกกับเมียแกรออยู่ล่ะสิ”
กะรัตอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย...สายน้ำผึ้งคุยมือถืออยู่หน้าโรงพยาบาล เธอเป็นเจ้าของสาย “!!!” ในเครื่องของศิวา สายน้ำผึ้งกำลังอารมณ์ขึ้นที่ศิวาไม่ยอมรับสายหลายวัน พอเห็นเขาโทรมาจึงได้ระบายเป็นชุด
“แกนี่มันใจดำอำมหิต ไม่คิดที่จะมาดูดำดูดีลูกของแกเลยรึไง สักแต่ว่าทำลูกขึ้นมาเคยคิดจะทำหน้าที่พ่อบ้างไหม ดีที่ลูกฉันมีวาสนาเขาถึงยังมีชีวิตรอดต่อไปได้ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป แกกับนังก้อยไม่มีวันสงบสุขแน่”
กะรัตช็อคหลังจากได้ยินสิ่งที่สายน้ำผึ้งพูดมาทั้งหมด เธอถึงกับทำ โทรศัพท์ร่วงหล่นจากหู แข้งขายืนไม่อยู่ ทรุดลงไปกองกับพื้นทันที...สายน้ำผึ้งโมโหที่รู้ว่าพูดอยู่คนเดียวจนโทรศัพท์ของศิวาตัดสายไป...กุนตีตกใจ
“กั้ง เป็นอะไร”
กะรัตช็อค
“กั้งทำอะไรลงไป”
“เกิดอะไรขึ้น”
“กั้งผิดอีกแล้ว กั้งทำผิดอีกแล้วพี่กุ้ง...เขาไม่ผิด เขาไม่ได้ผิดเลย”

กะรัตบอกอย่างเสียขวัญก่อนจะวิ่งออกไป กุนตีรีบตามออกไปอย่างงๆ

สามีตีตรา ตอนที่ 12 (ต่อ)

หน้าห้องจัดงานด้านหลังฉากที่ไว้ถ่ายรูปของคู่บ่าว-สาว ช่างแต่งหน้ากำลังซับหน้าให้ กันตา เธอหันไปบอกศิวา
“ขอฉันไปห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ”
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม”
ศิวาจะเดินไปกันตาห้ามไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปกับน้ำหวานก็ได้” กันตาชี้ไปทางช่างแต่งหน้า “รอแป๊บเดียวนะคะ”
ศิวาจับมือพร้อมยิ้มอย่างมีความสุขให้กันตา
“ครับ”
กันตาพูดจบแล้วเดินออกไปพร้อมกับช่างแต่งหน้า ศิวาหันไปมองแขกที่ทยอยกันเข้ามาอย่างตื่นเต้น กะรัตเดินพุ่งเข้ามาหาศิวา กุนตีตามมา กะรัตมองศิวาด้วยสายตาจริงจัง
“คุณศิวาคะ ฉันขอคุยด้วยหน่อยค่ะ”
ศิวาเห็นกะรัตมีสีหน้าจริงจังมากก็สงสัยแอบระแวง ตามประสาคนมีชนักติดหลัง
“คุณกั้งมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
กะรัตเห็นว่ากันตาไม่อยู่ จึงหยิบมือถือของศิวาขึ้นมา
“คุณลืมมือถือไว้”
“อ๋อ...ขอบคุณครับ”
ศิวาจะยื่นมือไปรับมือถือ กะรัตดึงมือถือไว้ ยังไม่ให้
“เมื่อกี้มีคนโทรมาหาคุณ คนที่ใช้เบอร์นี้”
กะรัตกดโชว์เบอร์ที่เมมชื่อ “!!!”ให้ดู ศิวาชะงักอึ้ง แล้วพยายามเก็บอาการไว้
“อ๋อ...เพื่อนที่มันจะยืมเงินผมน่ะครับ มันชอบโกง ผมเลย
ทำเครื่องหมายตกใจไว้จะได้ไม่รับสายมัน”
“คนรวยล้นฟ้าอย่างศิวา ลีพาณิชย์เนี่ยนะคะ จะกลัวเพื่อนยืมเงิน”
ศิวาชะงัก ขณะเดียวกันนั้นด้านหลัง กันตาเดินกลับเข้ามาเธอเห็นกะรัตคุยกับศิวาด้วยสีหน้า เคร่งเครียด จะเดินเข้าไปแต่ได้ยินเสียงกะรัตโวยวายก่อน กันตาชะงักเท้าหยุดแอบฟัง
“คุณจะโกหกพวกเราไปถึงไหน”
“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ”
“คุณมีอะไรกับนังผึ้งใช่ไม๊”
ศิวาตะลึง
“คุณกั้ง”
กันตาอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อว่าศิวาจะไปมีอะไรกับสายน้ำผึ้ง
“อะไรนะกั้ง” กุนตีอึ้งเช่นกันหันไปมองศิวา
“ตอบฉันมาว่าใช่ไม๊” กะรัตคาดคั้น
ศิวาหน้าเสีย
“คือ...คุณก้อยรู้เรื่องนี้หรือยัง คุณบอกคุณก้อยไปหรือยังครับ”
“ในที่สุด คุณก็ยอมรับ คุณทำอย่างนี้กับยายก้อยได้ยังไง ยายก้อยเคยบอกว่าจะไม่แต่งกับคุณ แต่เขาก็แต่ง เพราะเขารักคุณ แล้วดูคุณทำกับเขาสิ”
ศิวารู้สึกผิด
“ผมขอโทษ...แต่เรื่องของผมกับสายน้ำผึ้งมันเป็นแค่เรื่องเล่นๆ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าสายน้ำผึ้งคือผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ ถ้าผมรู้ ผมจะไม่มี วันยุ่ง ผมขอร้องนะครับคุณกั้ง..อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณก้อย ตอนนี้ผม หยุดทุกอย่างแล้ว ผมอยากเริ่มต้นชีวิตกับคุณก้อย ผมรักคุณก้อยคนเดียว”
“ถึงฉันไม่บอก ลูกในท้องของนังผึ้งก็ต้องบอกว่าใครเป็นพ่อมัน”
กันตาช็อค แทบจะทรงตัวไม่อยู่ที่รู้ว้าศิวาเป็นพ่อเด็กน้ำตาแห่งความ เจ็บปวด ผิดหวัง โกรธ ขยะแขยงยิ่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ศิวาอ้อนวอนอย่างจริงใจ
“ผมขอร้องล่ะครับคุณกั้ง ผมจะแก้ไขทุกอย่าง จะให้ผมทำอะไรก็ยอม ขอให้วันนี้มันผ่านไปก่อน นะครับ แค่ขอให้ผมได้แต่งงานกับคุณก้อย...”
ทันใดนั้นเสียงกันตาดังขึ้น
“แต่ฉันไม่แต่งกับคุณ”
ศิวากะรัต กุนตีหันไปมองกันตาอย่างอึ้งไม่คิดว่ากันตาจะเข้ามาได้ยิน เธอมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ โกรธ แล้วเดินออกไปทางด้านหน้าฉากถ่ายรูป ทั้งสามคนรีบตาม ศิวาเข้าไปจับมือกันตาไว้
“คุณก้อยฟังผม...”
ยังไม่ทันที่ศิวาจะพูดจบ กันตาตบทันทีเสียงลั่นสนั่นงาน ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ศิวาหน้าหันตามแรงตบของกันตา และยืนนิ่งอึ้งช็อคอยู่อย่างนั้น กะรัตตกใจ แขกที่กำลังจะเดินเข้ามาทักทายคู่บ่าว-สาว และแขกที่ยืนอยู่หน้าห้อง ต่างชะงัก และหันมามองทางศิวากับกันตาอย่างตกใจในงานว่าเกิดอะไรขึ้น ศิวาค่อยๆหันหน้ามามองกันตา ด้วยสายตาเจ็บปวดน้ำตาคลอ น้ำตาของลูกผู้ชายที่รู้สึกผิดจากหัวใจ กันตามองสายตาของเขาแล้วยิ่งเจ็บปวดจนน้ำตาร่วงเผาะ ศิวาอยากจะบอกขอโทษจากหัวใจ
“คุณก้อย...”
กันตาไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบ เธอถอดแหวนแต่งงานออกแล้วปาใส่หน้าเขา กะรัตมองเหตุการณ์อย่างช็อคอึ้ง มองภาพน้องที่ร้องไห้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน กันตาวิ่งออกไปทันที
“ก้อย”
กะรัตจะวิ่งตามกันตาไป แต่พวงหยก กฤช ศรัทธาเดินออกจากในห้องจัดเลี้ยง ตามเสียงแขกที่ พูดฮือฮาเสียก่อน พวงหยกพุ่งเข้ามายืนขวางกะรัตไว้ด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นยายกั้ง”
กะรัตไม่ตอบ รีบวิ่งตามกันตาไป กุนตีจะวิ่งตาม พวงหยกรีบขวางไว้
“ยายก้อยหนีไปไหน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”
กุนตีมองไปทางศิวา
“แม่ก็ถามคุณศิวาเองแล้วกัน”
กุนตีรีบวิ่งตามกันตาและกะรัตไป พวงหยก กฤช ศรัทธามองตามกุนตีแล้วหันไปมองศิวา อย่างสงสัยที่สุด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคุณศิวา” กฤชถามอย่างไม่เข้าใจ

ศิวายืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีคำตอบ สายตาของเขาได้แต่มองภาพกันตาที่วิ่งจากเขาไป ด้วยหัวใจที่ เจ็บปวด

กันตาในชุดเจ้าสาววิ่งเตลิดออกมา ทุกคนพากันแตกตื่นเมื่อเห็นกันตา...พนักงานโรงแรมเรียกรถแท็กซี่ให้แขกเปิดประตูรถกำลังจะให้ แขกขึ้นรถ กันตาวิ่งร้องไห้ออกจากในโรงแรมแล้วแย่งแขกขึ้นแท็กซี่ไปก่อน กะรัตรีบพุ่งตัวไปจับประตูรถไว้
“เดี๋ยวก้อย”
กันตามองกะรัตด้วยสายตาเจ็บปวด
“ก้อยขอโทษนะพี่กั้ง ก้อยผิดเองที่พาผู้ชายเห็นแก่ตัวมาทำลายครอบครัวพี่กั้ง”
“ก้อย...”
“ขอก้อยอยู่คนเดียวนะพี่กั้ง”
กันตารีบปิดประตูแล้วบอกแท็กซี่ขับออกไป
“เดี๋ยวสิก้อย”
กะรัตพยายามเปิดประตูรถแต่รถออกไปแล้ว เธอมองตามอย่างสงสารน้องแล้วนึกถึงคำพูดของสายน้ำผึ้ง
“ดี รักคนในครอบครัวไว้ให้มากๆนะกั้ง เมื่อไหร่ที่ไพ่ใบสุดท้ายของฉันมันเปิดมาล่ะก็ แกจะได้เจ็บ มากๆไงล่ะ”
กะรัตรู้ว่าสายน้ำผึ้งทำลายกันตาเพื่อให้กะรัตเจ็บ กะรัตโกรธ
“นังผึ้ง”

พิศุทธ์อยู่ในสนามบินกำลังจัดการเรื่องเอกสาร มือถือของเขาดังขึ้น เขากดรับ
“กั้งกำลังจะไปเอาเรื่องสายน้ำผึ้งที่บ้านคุณ กั้งโกรธมาก ฉันเป็นห่วงกลัวเขาจะฆ่ากันตาย” เสียงกุนตีดังมาจากปลายสาย
พิศุทธิ์ตกใจ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ กั้งจะไปหาสายน้ำผึ้งทำไม”
“พวกเรารู้หมดแล้วว่าสายน้ำผึ้งท้องกับศิวา”
พิศุทธ์ เมื่อได้ยินเรื่องก็อึ้งไป

ศิวายังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง พวงหยกกำลังเถียงกับศรัทธา โดยมีกฤชกับกุนตีคอยห้าม
“ลูกสาวคุณหนีไปกลางงานอย่างนี้ ผมเสียหน้ามากเลยนะ”
“สมควรแล้วนี่ ลูกชายคุณทำตัวอย่างนั้น ถึงลูกสาวฉันไม่หนีไป ฉันก็จะพาลูกสาวฉันออกไปเอง”
ศรัทธาขึ้นเสียง
“นี่คุณพวงหยก คุณก็ทำอะไรสักอย่างสิ ไม่ใช่มายืนต่อว่ากันอย่างงี้”
พวงหยกเท้าสะเอวเอาเรื่อง
“นี่คุณศรัทธา อย่ามาเสียงดังใส่ฉันอย่างนี้นะ ลูกคุณก่อปัญหาคุณก็แก้ปัญหาสิคะ อย่างว่าแหละ เชื้อพ่อมันเป็นยังไง ลูกชายมันก็ไม่ทิ้งแถว”
กฤชปรามพวงหยก
“พอเถอะพวงหยก อายแขกเขา”
กฤชดึงพวงหยกให้เดินห่างจากศรัทธา พวงหยกเดินมามองหน้าศิวา ที่ยืนนิ่งด้วยสายตาผิดหวัง
“เสียดาย...ที่ฉันเคยยกย่องคุณและเห็นคุณดีกว่าคุณพิศุทธิ์ เสียแรง...ที่ไว้ใจ และเสียใจ...ที่ฉันโง่ยกดวงใจของฉันให้คุณทำร้าย”
พวงหยกเดินผ่านศิวาออกไป ศิวายังยืนนิ่งเหมือนคนไม่มีจิตใจอยู่กับตัว ไม่ได้ยินเสียงใคร ไม่เห็นใคร โลกของเขาหยุดนิ่งนับตั้งแต่กันตา ก้าวออกไปจากชีวิต

ศิวายืนตรงกลางหันหลังให้เวทียืนนิ่งๆรู้สึกถึงความเคว้ง คว้าง ล้มเหลว ทุกอย่างพังทลาย...ศรัทธาที่ยกมือไหว้ขอโทษแขกทุกคน แขกทยอยออกไปจากหน้าห้องจัดเลี้ยงจนหมด พนักงานโรงแรมช่วยกันเก็บของเครื่องดื่ม โต๊ะ เก้าอี้ ดอกไม้ที่จัดแต่ง สุดท้าย พนักงานโรงแรม ดึงป้ายชื่อของศิวากับกันตาที่แขวน บนเวทีแยกออกจากกัน ศิวาเหม่อมองด้วยหัวใจรวดร้าว

สายน้ำผึ้งเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วมองบ้านเนื้อแพรที่ว่างเปล่า ไม่มีวี่แวว พิศุทธิ์จะกลับมา เธอครุ่นคิดอย่างเครียดๆว่าจะทำยังไงให้เขากลับมาบ้าน
“ฉันจะทำยังไงดี จะทำยังไงให้เขากลับมา ให้เขากลับมา ให้เขากลับมา”
สายน้ำผึ้งหงุดหงิด โมโห หันไปคว้าหมอนอิงที่โซฟาปาไปที่ประตู หมอนตกที่พื้นเท้ากะรัตก้าวเข้ามายืนอยู่ใกล้กับหมอน ดวงตากะรัต จ้องสายน้ำผึ้งอย่างเอาเรื่อง สายน้ำผึ้งมองกะรัตชะงัก ไม่คิดว่าจะมา แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเยาะ
“มาทำอะไรที่บ้านผัวฉันเหรอกั้ง”
กะรัตไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินเข้าไปตบเต็มๆ สายน้ำผึ้งเซ กะรัตเดินไปจิกผมสายน้ำผึ้ง ให้เงยหน้ามองตัวเอง
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าถ้าจะอะไร มาทำฉันนี่ อย่าบังอาจทำคนที่ฉันรัก น้องสาวฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแกไปทำเขาทำไม”
กะรัตเหวี่ยง สายน้ำผึ้งเซไป
“นี่นังก้อยมันรู้ความจริงแล้วเหรอ ทำเป็นเก่ง สุดท้ายมันก็โง่เหมือนแก กินน้ำใต้ศอกฉัน” สายน้ำผึ้งหัวเราะสะใจ
กะรัตมองสายน้ำผึ้งอย่างไม่เข้าใจ
“แกแค้นอะไรฉันนักหนา ทั้งๆที่แกกับฉันก็เคยเป็นเพื่อนกัน อะไรมันทำให้แกเกลียดฉันได้ ขนาดนี้”
“เพราะความไม่ยุติธรรมไง คนอย่างแกมีอะไรดีห๊ะกั้ง เรียนก็ไม่เก่งเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวเป็นเทวดา ไม่เห็นหัวคนอื่น แต่ทุกคนกลับ รักแก พะเน้าพะนอแก แต่ฉันสิ ดิ้นรนหาเงินเรียนเอง แต่ทำไมไม่มีใครเห็นฉันอยู่ในสายตา แม้แต่ผู้ชายที่ฉันรัก...ผู้ชายคนไหนที่ฉันชอบ แกต้องแย่งเขาไปจากฉัน”
“ฉันไม่เคยแย่งผู้ชายของแก”
“แล้วคุณภูเบศร์ล่ะ พ่อของลูกฉัน แกยังเอาเข้าไปกกหน้าด้านๆ”
“เพราะฉันไม่รู้ว่ามันเป็นผัวเธอ”
“ไม่ใช่แกไม่รู้ แต่แกไม่ใส่ใจที่จะรู้ต่างหาก คนอย่างแก เอาแต่ใช้เงินฟาดเพื่อให้ได้มา ไม่เว้นแม้แต่คุณพิศุทธิ์ แกก็ใช้วิธีสกปรกให้ก๋งจ่ายเงิน ซื้อตัวเขา ฉันนอนสาปแช่งแกทุกวัน ขอให้ชีวิตแกล้มจม ขอให้ชีวิต พังพินาศ...เป็นยังไงบ้างกั้ง ชีวิตที่ว่างเปล่า มันทรมานดีไหม...แกเสียผู้ชายที่เขารักแกมากที่สุดเพราะความโง่ของแกเอง ฉันจะบอกให้นะ...คุณพิศุทธิ์เขาไม่เคยแตะต้องฉันแม้ แม้แต่ปลายเล็บ เรื่องทุกเรื่องที่แกคลั่งจนเป็นบ้า ฉันสร้างเรื่องและจัดฉากขึ้นมาทั้งหมดนะแหละ เพราะฉันรู้ว่าแกโง่ แกมันหวาดระแวง”
กะรัตฟังสายน้ำผึ้งพูดความจริงออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ผ่านมา เธอเข้าใจพิศุทธิ์ผิด หมดทุกอย่าง เธอทำร้ายเขาเพราะความหูเบา ความโง่ของตัวเอง
“แล้วแกก็ เป็นควายให้ฉันจูงจมูกอยู่ได้ตั้งนาน กว่าจะรู้ตัวอีกที...ก็สายไปแล้วล่ะกั้ง”
กะรัตยิ้มเยาะ
“ยังไม่สายหรอก เพราะถึงตอนนี้ แกก็น่าจะรู้แก่ใจแล้วนะ ว่าทำไมแกถึงถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่คนเดียว เพราะคุณพิศุทธ์เขาไม่เคยรักแก คนที่เขารักคนเดียวคือฉัน”
กะรัตพูดโดนปม สายน้ำผึ้งหน้าเครียดเหมือนคนบ้า
“อ๊าย...ไม่จริง...คุณพิศุทธ์เขาต้องรักฉัน เขาต้องเป็นพ่อของลูกฉัน”
กะรัตชะงักที่สายน้ำผึ้งกรี๊ดเหมือนคนสติแตก สายน้ำผึ้งมองกะรัตอย่างเกลียด อย่างแค้น อิจฉาริษยา ไม่ยอมแพ้ประเดประดังเข้ามาจน กะรัตไม่อยากเสียเวลากับสายน้ำผึ้ง จึงจะรีบเดินออกไปตามพิศุทธิ์ สายน้ำผึ้งกระชากแขนให้ถอยเข้าไป ในบ้านอย่างแรงจนกะรัตกระเด็น
“ฉันไม่ให้แกไป”
สายน้ำผึ้งเดินไปหยิบมีดปอกผลไม้บนโต๊ะมายืนขวางทาง ไม่ให้กะรัตไปหาพิศุทธิ์ กะรัตมองสายน้ำผึ้งถือมีดอย่างตกใจ
“นังผึ้ง”
“ถ้าไม่มีแก คุณพิศุทธิ์ก็ต้องรักฉัน”
“วางมีดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“ฉันไม่ปล่อยให้แกไปหาคุณพิศุทธิ์เด็ดขาด ถ้าฉันไม่ได้ แกก็อย่าหวังว่าจะได้คุณพิศุทธิ์”
กะรัตมองมีดในมือสายน้ำผึ้งอย่างไม่ไว้ใจในอารมณ์ จึงพยายามหันมองหาทางหนี สายน้ำผึ้งถือมีดพุ่งเข้าหา กะรัตมองอย่างตื่นกลัว

พิศุทธิ์นั่งในรถแท็กซี่กระวนกระวายใจเป็นห่วงกะรัตจะทำอะไรสายน้ำผึ้งจน เป็นเรื่องใหญ่
สายน้ำผึ้งเดินเข้ามาจะแทง กะรัตรีบคว้าหมอนมาขวางทางมีด สายน้ำผึ้งแทงหมอน กะรัตเอาหมอนดันสายน้ำผึ้งกระเด็นห่างตัวเอง แล้วรีบลุกขึ้น มองหาทางหนี เธอจะวิ่งเข้าในครัวแต่สายน้ำผึ้งดึงมีดออกจากหมอนได้ รีบวิ่งไปดักหน้า กะรัตหยิบแจกันใกล้มือเขวี้ยงใส่ สายน้ำผึ้งเซหลบจนล้ม มีดกระเด็นหลุดมือไป กะรัตจะไปทางไหนก็ไม่ได้ แล้วหันไปจะวิ่งออกไปทางสระว่ายน้ำ

ศิวานั่งอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงที่ถูกเก็บของแทบจะว่างเปล่า ศรัทธาเดินเข้ามา
“กลับบ้านเถอะ”
ศิวายังนั่งนิ่งไม่ตอบอะไร แล้วลุกขึ้นจะเดินไป ศรัทธารีบถาม
“แกจะไปไหน”

ศิวาไม่ตอบรีบเดินออกไป

กะรัตวิ่งออกมาจากบ้านมาที่สระว่ายน้ำ มองหาทางหนี โดยพะวงกลัวสายน้ำผึ้งจะตามมา ทันใดนั้นสายน้ำผึ้งตามมากระชากผมไว้
“ปล่อย”
สายน้ำผึ้งยิ่งกระชากผมแรงขึ้น กะรัตเจ็บมากจึงได้เอาแขนไปพยายามจะบีบคอสายน้ำผึ้งให้ปล่อย สองคนยื้อยุดกันอยู่ตรงขอบสระ จนแทบจะทรงตัวไว้ไม่ได้ สุดท้ายก็พากันหล่นลงไปในสระทั้งคู่ กะรัตกับสายน้ำผึ้งจมลงไปในน้ำ ต่างฝ่ายต่างพยายามตั้งสติโผล่ขึ้นเหนือน้ำเพื่อหายใจ สองคนทะลึ่งขึ้นจากน้ำมาเหนื่อยหอบพอหันเห็นอีกฝ่ายอยู่ในน้ำก็จดจ้องเหมือนจะกินเลือดกัน สายน้ำผึ้งรีบฉวยโอกาสนั้นจับกะรัตกดลงไปในน้ำ กะรัตพยายามดิ้นหนีหลุดออกมาได้ก็รีบโผล่ขึ้นเหนือน้ำพร้อมกับร้องเรียก
“ช่วยด้วย...”
สายน้ำผึ้งโผล่มาเห็นกะรัตส่งเสียง รีบตามมาล็อคคอแล้วออกแรงกดลงไปใหม่ กะรัตทุรนทุรายสะบัดหลุดแล้วทะลึ่งพรวดขึ้นมาเพราะขาดอากาศหายใจ เธอรีบปีนบันไดขึ้นฝั่ง ก้าวเท้าสุดท้ายจะพ้นสระว่ายน้ำ สายน้ำผึ้งพุ่งไปจับเท้าข้างสุดท้ายที่กะรัตจะก้าวขึ้นจากสระไว้ กะรัตเสียหลักล้มลงหัวฟาดพื้นทันทีแน่นิ่งไป พิศุทธ์เข้ามาเห็นตกใจวิ่งเข้ามา
“กั้ง”
กะรัตที่หมดสติร่วงหล่นลงน้ำไปอีก พิศุทธ์ตกใจรีบกระโดดลงน้ำตามไป เขาดำน้ำไปดึงมือกะรัตไว้ก่อนจะสวมกอดแล้วพาขึ้นผิวน้ำ สายน้ำผึ้งเห็นเป็นพิศุทธิ์แล้วตกใจ
“คุณพิศุทธิ์”
พิศุทธิ์มองอย่างโกรธจัด
“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีจิตใจ โหดร้ายขนาดนี้ ออกไปจากกั้ง ไม่อย่างนั้นผมไม่เอาคุณไว้แน่” พิศุทธิ์หันไปเรียกกะรัต “กั้ง...กั้งเป็นยังไงบ้าง กั้ง”
สายน้ำผึ้งเห็นพิศุทธิ์ที่รังเกียจตัวเอง แต่หันไปห่วงกะรัตแล้วยิ่งเจ็บปวดทนไม่ไหว เข้าไปดึงแขนเขาให้เลิกกอดกะรัตอย่างบ้าคลั่ง แต่พิศุทธิ์ยังกอดกะรัตแน่นไม่ปล่อย
“คุณปล่อยมันนะ อย่าไปรักมัน มันไม่มีค่าให้คุณรัก คนที่คุณควรจะรักคือฉัน”
พิศุทธิ์สะบัดมือสายน้ำผึ้งออกจากตัวเอง
“ปล่อยผม”
พิศุทธิ์จะอุ้มร่างกะรัตเพื่อพาไปโรงพยาบาล สายน้ำผึ้งยื้อไว้ไม่ให้พาไป
“ฉันไม่ให้คุณไป”
พิศุทธิ์อุ้มกะรัตออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองว่าสายน้ำผึ้งจะเป็นยังไง สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์ที่อุ้มกะรัตออกไป เขามีแต่ใจเป็นห่วงกะรัต ไม่มีแม้หางตาจะ เหลียวมามองตัวเอง สายน้ำผึ้งยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกถึงความจริงก็ยิ่งเจ็บปวดเกินกว่าจะมองภาพนั้น ต่อไปได้ เธอทรุดนั่งลงก้มหน้าร้องไห้ ทันใดนั้นเท้าศิวาก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า สายน้ำผึ้งมองจากเท้าขึ้นมามองหน้า ศิวามองสายน้ำผึ้งด้วยสีหน้าเรียบนิ่งสงบเกินไป

สายน้ำผึ้งเดินถอยหลังหนีศิวา โดยเขาเดินต้อนเข้ามาในครัว สายน้ำผึ้งรีบคว้ามีดขึ้นมา
“อย่าเข้ามานะ ออกไปจากบ้านฉันนะ”
“บ้านนี้ไม่ใช่บ้านคุณ ลูกในท้องนั่น ไม่ใช่ลูกคุณพิศุทธิ์ เขาเป็นลูกผมนี่ไง...ผมรับผิดชอบแล้ว” ศิวากระชากแขนสายน้ำผึ้ง “ไปกับผม”
สายน้ำผึ้งสะบัดมือออก
“ฉันไม่ไป”
ศิวากระชากแขนกลับ
“ไป คุณปล่อยให้ตัวเองท้องเพราะอยากเป็นเมียผมไม่ใช่เหรอ งั้นไปสิ ไหนๆชีวิตผมมันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว เราไปอยู่กันสองคน ไปไกลๆ...ไกลพอที่คุณจะไม่มีทางกลับมาทำลาย ชีวิตใครอีก”
สายน้ำผึ้งพยายามสะบัดมือออก แต่ไม่ออก
“ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่”
“ผมไม่ให้อยู่ พอกันที ผมไม่ยอมให้ความขี้อิจฉาเจ้าคิดเจ้าแค้นของคุณ ทำร้ายใครเหมือนที่คุณทำลายชีวิตผมอีก”
“ฉันไม่เคยทำลายใคร พวกแกนั่นแหละทำตัวเอง นังกั้งมันหูเบายึดติดกับอดีตเอง ส่วนคุณพิศุทธิ์ก็บ้ารักศักดิ์ศรี นังก้อยก็เชื่อมั่น ในตัวเองจนไม่เห็นหัวใคร ส่วนแก...ไอ้ผู้ชายบ้าตัณหา สมน้ำหน้าแล้วที่แกต้องเป็นแบบนี้”
“ชีวิตผมผิดพลาดเพราะความมักมาก ถึงไปคว้าผู้หญิงอย่างคุณเข้ามาในชีวิต จนทำให้ชีวิตผมป่นปี้ แต่คุณอย่าหวังว่า จะทำกับคุณพิศุทธ์เหมือนที่ทำกับผม คุณพิศุทธิ์เขาไม่เหมือนผม เขาฉลาด เขารู้ว่าผู้หญิงคนไหนควรรักหมดหัวใจ กับผู้หญิงแบบไหนที่ ไม่มีค่าให้เหลียวแลแม้แต่หางตา”
สายน้ำผึ้งรับไม่ได้ปิดหูกรี๊ดอย่างบ้าคลั่ง
“อ๊าย...หยุด”
“สุดท้ายคนที่สูญเสียที่สุดไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณ คุณไม่เหลือผู้ชายคนไหน ไม่เหลือเงินทองที่คุณอยากได้ ไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรี คุณแพ้แล้วสายน้ำผึ้ง”
สายน้ำผึ้งไม่ยอมรับในคำพูดของศิวา
“ไม่จริง ฉันชนะ แต่ที่ต้องพังก็เพราะแกเป็นเพราะแก ไอ้ศิวา”
สายน้ำผึ้งพุ่งเข้าไปจะเอามีดแทง ศิวาเอี้ยวตัวหลบแล้วจับมือสายน้ำผึ้ง ที่ถือมีดไว้ ทั้งสองยื้อแย่งมีดกัน สุดท้ายศิวาก็แย่งมีดไปได้แล้วดันตัวสายน้ำผึ้งออก สายน้ำผึ้งจะพุ่งเข้าไปหา ศิวาหลบ เธอเสียหลักพุ่งไปชนแจกันใบใหญ่ไปกระแทกบานกระจกอย่างแรง ร่างของเธอเสียหลักไปพร้อมกับของที่ กระแทกกระจกแตก ใบหน้าของเธอพุ่งเข้าไปที่บานกระจกแตกเป็นเสี่ยง สายน้ำผึ้งล้มคว่ำไปกองกับเศษกระจก ตามร่างกายมีรอยกระจกบาดเลือดไหลเต็มตัว
“ว๊าย...โอ้ย”

ศิวามองสายน้ำผึ้งที่ร้องโหยหวนอย่างช็อก
 
จบตอนที่ 12 
กำลังโหลดความคิดเห็น