พายุเทวดา ตอนที่ 5
ค่ำคืนนั้น คงคาเดินเข้ามาในห้องโถงคฤหาสน์ มีฤทธิ์ตามมาด้วย หยาดฟ้ารออยู่แล้วรีบเข้ามาหา กระซิบบอกแผนที่ข้างหู คงคาเอะใจ
“ทําไมต้องไปทําท่ามกลางคนมากมายยังงั้นด้วย”
หยาดฟ้าอธิบาย “เป็นที่ที่พวกตํารวจคิดไม่ถึงน่ะสิเสี่ย”
คํารณอยากรู้ “อะไรเหรอพ่อ”
“แกไม่ต้องยุ่งคํารณ งานนี้อันตราย”
“ตั้งแต่ผมกลับจากเมืองนอก ผมยังไม่เคยเห็นธุรกิจของพ่อเลย...ให้ผมร่วมงานกับพ่อสักครั้งเถอะครับ”
หยาดฟ้าสนับสนุน “ก็ดีเหมือนกันนะคะเสี่ย วันหน้าคํารณจะได้ช่วยเหลือเราสองคนได้”
“ตามใจ”
คงคาเดินกลับขึ้นห้องไป
คํารณสงสัยไม่หาย “อะไรเหรอคุณหยาด พ่อจะทําอะไร...แล้วทําไมถึงอันตราย”
หยาดฟ้าหัวเราะ บอกเป็นนัย “พรุ่งนี้ก็รู้น่า..เตรียมตัวเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้าก็แล้วกัน”
เย็นมากแล้ว เทวากับปลาดุกเดินมาด้วยกันริมถนน
“นายเป็นไรถึงไม่อยากกลับบ้าน”
“เปล่า”
ปลาดุก ไม่คิดถึงเหรอ...
เทวา แล้วเธอล่ะคิดถึงหรือเปล่า
ปลาดุก มันไม่เหมือนกัน...ถึงฉันไม่กลับบ้าน ฉันก็ติดต่อทางบ้านได้ แต่นายไม่ได้เหมือนฉัน...
เทวา แล้วทําไมไม่อยู่บ้าน..
“บ้านฉันเป็นค่ายมวย ฉันชกมวยช่วยพ่อหาเงินมาตั้งแต่เด็ก แต่พอแพ้พ่อก็ด่าทอฉัน ไม่ฟังเลยว่ามวยหญิงกับชายมันต่างกัน”
เทวาหันมาถามหน้าเหรอหรา “ต่างกันตรงไหน หรือว่า...” ชายหนุ่มมองจ้องที่หน้าอกปลาดุก “ตรงนี้เหรอ”
ปลาดุกโมโหยกขาเตะ เทวาหลบทันแล้ววิ่งหนี เห็นทั้งสองวิ่งไปตามฟุตบาท
สองคนวิ่งไล่กันมา เทวากับปลาดุกมายืนหอบเหนื่อยอยู่มุมหนึ่ง ริมถนน
“แล้ว..ตก...ลง มันต่างกันตรงไหน”
“ศัตรูของมวยหญิงมันมาทุกเดือนเลยนะ...เวลามันมาเรี่ยวแรงหายหมด...พ่อไม่ยอมเข้าใจ ทุกวันนี้ฉันอยากชกแก้มือกับมันมาก แต่ก็ไม่มีโอกาส”
เทวาซัก “ทําไม”
“อิทธิพลของพ่อเยอะมากในวงการมวย ไปสมัครค่ายไหนก็ไม่มีคนรับ...ฉันขึ้นชกไม่ได้...แต่วันนี้รู้ว่ามันมาหาชกลําไพ่ที่ค่ายมวยชานเมือง”
“เลยจะไปแก้มือ”
“ใช่...ถ้าควํ่ามันได้ พ่ออาจจะหายโกรธฉัน”
มีเสียงแตรดังมาจากริมถนน ดารินกดกระจกลง ยิ้มหวานให้ ปลาดุกแขวะเทวา
“ไม่เรียกว่าบุพเพก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้วละ”
“หาเพื่อนกินข้าว พอจะมีใครสงเคราะห์ได้บ้าง”
ดารินสอดตามายังเทวา เทวาอมยิ้ม ตาเป็นประกาย แต่ทําเก๊ก ใจแข็ง บอกตรงข้ามกับใจคิด
“ไม่ว่าง...”
“จะไปไหนกันเหรอ”
ณ สนามมวยแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืน ปลาดุกเข้ามาในสนามมวย ดารินกับเทวาตามมาด้วย เห็นคนในสนามมากมาย ทุกคนได้ที่นั่ง เห็นคู่ชกมวยหญิงกําลังชกกันอยู่
“นังคนมุมแดงนั่นแหละมันชื่ออิ่มจิตต์ ลูกเจ้าแม่ไทรทองมันควํ่าฉันบนเวที...เสียดายที่ไม่มีโอกาสแก้มือกับมัน” ปลาดุกบุ้ยใบ้ไปทางหนึ่ง
“ลีลามวยดุนี่...ตัวเล็กอย่างเธอจะสู้อะไรเขาได้” เทวาเป็นห่วง
ปลาดุกไม่พอใจ “สู้ได้สิ ถ้าฉันไม่มีอุบัติเหตุซะก่อน”
เทวาหมั่นไส้ “จ้า แม่คนเก่ง”
ปลาดุกมองไปที่เวที เห็นคู่ชกมวยหญิงชกกันอย่างดุเดือด อิ่มจิตต์ต้อนคู่ต่อสู้จนมุมจนถูกนับ คนดูในสนามเฮลั่น
ตลอดเวลาดารินไม่มีสมาธิดูมวยเลย กวาดมองไปรอบๆ เห็นสารวัตร ตํารวจร่วมโรงพักและ
เนตรทรายแต่งชุดนอกเครื่องแบบปลอมตัวปนอยู่ตามมุมต่างๆ
ดารินลุกขึ้น เทวาฉงน “จะไปไหน”
“ห้องน้ำ”
“ผมไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”
ดารินหันมามองเทวาไม่พอใจ “ไม่ปล้ำหรอกน่า...แต่ถ้าอยู่กันสองต่อสอง ไม่แน่”
ปลาดุกหัวเราะคิก ดารินเดินนำ เทวาตามไป
สองคนเดินผ่านผู้คนคนหมู่มากในสนามมวยไปทางห้องน้ำ
หยาดฟ้ากับหวานใจเดินเกร่อยู่หน้าห้องน้ำหญิง หยาดฟ้ามีกระเป๋าราคาแพงใบใหญ่มาด้วย
ดารินเดินมาหยุด มองไปก็เห็นมีการสลับกระเป๋ากัน คํารณเป็นคนรับกระเป๋าจากหญิงในแก๊งยาเสพติด แล้วส่งให้ หยาดฟ้า กับ หวานใจยืนขวางไม่ให้ใครมองเห็น
ดารินเดินไปแล้วแกล้งชนหยาดฟ้าจนเสียหลักไป กะเทยถึกหวานใจหันมาจะเอาเรื่อง
“นังนี่”
“ยืนขวางทําไมล่ะ”
หวานใจเงื้อมือจะตบ หยาดฟ้าทรงตัวขึ้นได้หันมาด่า “อีบ้า มองไม่เห็นคนหรือไง”
ดารินถีบหยาดฟ้าก่อน หวานใจตั้งการ์ดจะทําร้ายดาริน แต่เทวาเห็นเข้าก็ตรงเข้าช่วย ต่อยหวานใจเซไป
ดารินแย่งกระเป๋าจากหยาดฟ้าได้ แล้วโยนให้เนตรทรายซึ่งรอรับอยู่แล้ว ดารินวิ่งหนีไป เทวาวิ่งตามไป
เกิดเหตุการณ์ชุลมุน คํารณหัวเสีย ตวาดก้อง “ไปเอากระเป๋าคืนมา”
พันเห็นท่าไม่ดีรีบบอก “คุณคํารณหนีไปครับ”
พร้อมกันนั้นพันกดหัวคํารณให้หมอบลงแล้วยิงต่อสู้กับตํารวจ ธง กับศรลวงตํารวจให้วิ่งไปทางหนึ่ง ตํารวจไล่ยิงทั้งสองคนไป
“คุณคํารณไปรอที่รถครับ” พันบอก
หวานใจกับหยาดฟ้าลุกขึ้นมาได้ หยาดฟ้าโกรธสุดขีด “มันน่าฆ่านัก นังนั่นมันเป็นใคร”
หวานใจห่วงสวย “หวานสิคะ ดั้งจมูกหักแน่”
ตํารวจหลายนายกรูกันเข้ามา พัน ธง ศรหันมาเห็นก็ยิงไปที่กลุ่มตํารวจ คนแตกฮือหนีตายไป คํารณวิ่งไปปะปนกับกลุ่มคนที่วิ่งหนี เช่นเดียวกับหยาดฟ้าและหวานใจ
เนตรทรายโยนกระเป๋าให้ตํารวจซึ่งรอรับอยู่แล้ว มีตํารวจยิงคุ้มกันอีกทีหนึ่ง พัน ธง ศรยิงเนตรทรายแต่ตํารวจยิงสกัดไว้ ทั้งสามคนทําอะไรไม่ได้ สารวัตรวิ่งตามหยาดฟ้ากับหวานใจซึ่งหนีไปท่ามกลางฝูงชน สารวัตรกับตํารวจจะยิงแต่ผู้คนขวางวิถีกระสุนหมด
พัน ธง ศรหันมายิงคุ้มกันให้หยาดฟ้ากับหวานใจ และคํารณวิ่งออกไปจากสนามปะปนกับกลุ่มชนในสนาม
ส่วนที่ซอกหนึ่งในสนามมวย ดารินแกล้งกลัว และกลัวเทวาจะสงสัย เธอฉุดเทวาไปหลบอยู่ในมุมแคบๆ มุมหนึ่ง ยอมให้เทวากอดจนทุกคนหายไปจากตรงนั้น ปลาดุกวิ่งมา ดารินจึงผลักเทวาออกห่าง
เทวางงร้อง “อ้าว”
“ไม่ต้องใกล้ชิดฉันขนาดนี้ก็ได้”
หวานใจ หยาดฟ้าและทุกคนกระโดดขึ้นรถที่จอดรออยู่ริมถนน พัน ธง ศร คว้ามอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งประกบรถของหยาดฟ้าไปตลอดทาง
ตํารวจหลายนายตรงมาที่รถซึ่งจอดอยู่ข้างทาง ขับตามออกไป เสียงเปิดไซเรนขอทางดังลั่นสนั่นทั่วถนน
ฝ่ายปลาดุก เทวา ดารินเดินมาตรงมุมหนึ่งใกล้สวนสาธารณะใกล้ๆ สนามมวย
"ไม่คิดเลยว่าจะเจอเหตุการณ์บ้าๆ ยังงี้"
"ก็เป็นเพราะเธอแหละ เซ่อซ่าไปชนเขาเข้าเลยเกิดเรื่อง"
"ใครจะคิดล่ะว่ามันเป็นแก๊งอะไรไม่รู้ มีปืนด้วย ทําไมถึงเข้ามาในสนามได้ ปกติเขาตรวจไม่ใช่เหรอ"
"บ่อยไป ค่ายมวยพ่อฉันก็เคยโดนดักยิงคาสนามมวยแบบนี้แหละ...มันอาจจะซ่อนอาวุธไว้ก่อนที่จะมีการตรวจก็ได้...แต่พวกตํารวจน่ะน่าจะรู้กันกับทางสนาม"
"นี่ถ้าผมไม่ไปช่วยไว้ คุณคงแย่เหมือนกัน"
ดารินมองหน้าเทวา ซาบซึ้งแต่ไม่พูดตรงๆ
"ขอบใจ"
เทวียิ้มเผล่ "เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้มั้ย..อย่างเช่น เลี้ยงข้าวผมสักมื้อหนึ่ง...คนเดียวก็พอ ปลาดุกไม่ต้อง"
ปลาดุกโวยวาย "เฮ้ย ได้ไง เรามีกันสามคน เราก็ต้องกินสามคนดิ"
“จะกี่คน ฉันก็ยินดี แต่ว่าคืนนี้ขอทํางานก่อนนะ”
เทวาเง็ง “ทํางาน”
“นี่แหละออฟฟิศอันกว้างใหญ่ไพศาลของฉัน”
ดารินแกล้งเดินทิ้งสะโพกท่าทียั่วยวน เดินห่างจากเทวาไป ปลาดุกกับเทวามองตามด้วยความไม่เข้าใจ
มีรถเก๋งคันหนึ่งบีบแตร ดารินหันไปจิกตาใส่รถคันนั้น หน้าต่างถูกกดลง
เทวากับปลาดุกมองตาค้าง เห็นดารินก้าวฉับๆ ไปเจรจา สีหน้าและสายตาราวกับมีประสบการณ์เป็นผู้หญิงพิเศษมาหลายปี ในที่สุดดารินก็เปิดประตูรถขึ้นนั่งคู่ไปกับคนขับ เทวามองตามสายตาละห้อย
“ดีเหมือนกันที่หล่อนทําให้นายเห็นว่ามีอาชีพอย่างนี้จริงๆ นายจะได้ตัดใจซะ...ผู้หญิงดีๆ มีทั่งโลกนายไม่มอง ดันไปมองผู้หญิงหากิน”
เทวายืนนิ่งเป็นหุ่นไปเลย
ดารินหันมาพูดกับสารวัตร สองคนอยู่ในรถคันนั้น “ส่งที่โรงพักนะคะ รินจอดรถไว้ที่นั่น”
“กลัวมั้ยหมวด...วันนี้ทํางานเสี่ยงตายอีกแล้ว”
“ไม่กลัวหรอกค่ะแต่ภาพของรินสิคะ ทําให้คนรู้จักเชื่อกันไปหมดแล้วว่ารินเป็นผู้หญิงพิเศษ”
สารวัตรกับดารินหัวเราะให้กัน รถของสารวัตรปะปน กลืนไปกับรถอื่นๆ บนถนน
เนตรทรายกับดารินเข้าไปในบ้าน บุญเกิดยืนรออยู่แล้ว
“เก่งมากสองสาว ข่าวออกกันเกรียวกราวเลยนะ โชคดีที่ไม่มีการเอ่ยชื่อหนูสองคน”
“อาคะ รินกลัวว่ารินจะต้องทํางานเสี่ยงตายแบบนี้ จนเป็นอะไรไปเสียก่อนที่จะได้ไปเกาะมุก”
บุญเกิดปลอบ “หักห้ามใจเสียบ้างเถิดริน”
“ไม่ค่ะ ยิ่งรินรู้ว่าพ่อรินตายที่นั่น รินแค่ได้ไปเหยียบแล้วเก็บก้อนดินสักก้อนมาเป็นที่ระลึกแทนอัฐิของพ่อ รินก็พอใจแล้ว”
มณียืนอยู่ที่ประตู เนตรทรายเห็นก่อนรีบเข้าไปหา
“คุณแม่มณี ทําไมยังไม่นอนอีกคะ เนตรเพิ่งกลับมาค่ะ รินก็มาด้วย เราไปงานเลี้ยงมา ทานมาซะอิ่มเลย”
มณีไม่รู้สึกดีใจ แต่น้ำตาคลอ ถามเสียงเครือ
“ริน...เนตร เธอทั้งสองคนโกหกแม่ใช่มั้ย”
ดารินมากอดแม่ “แม่ขา...รินไม่เคยโกหกแม่ รินไปทํางานให้เจ้านายจริงๆ นะคะ”
“แต่ไม่ใช่ไปงานเลี้ยง แกทํางานเสี่ยงตายมาใช่มั้ย...แม่กลัวนะ ริน ลาออกจากราชการตํารวจเถอะ แม่กลัวว่า รินจะเป็นเหมือนพ่อ”
เนตรทรายถอยห่างออกมา สะเทือนใจ ดารินร้องไห้ กอดแม่ไว้
“แม่ขา...รินไม่มีวันเป็นอะไรหรอกค่ะ วิญญาณของพ่อคุ้มครองรินอยู่ตลอดเวลา แม่เชื่อมั่นในตัวรินนะคะ”
“แม่รักริน แล้วแม่ก็ไม่อยากให้รินต้องจากแม่ไป”
คนทั้งสองกอดกันร้องไห้
เช้าวันใหม่ หยาดฟ้ายื่นหนังสือพิมพ์ให้คงคาดู คงคาอ่าน เห็นพาดหัวตัวใหญ่ “ทลายแก๊งยาเสพติดกลางสนามมวย หนีตายอลหม่าน จับยาได้นับร้อยล้าน”
คงคาขว้างไปอย่างหัวเสีย คํารณอธิบาย “ผมไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เป็นเพราะนังผู้หญิงคน
นั้นเชียว เซ่อซ่าเข้ามาชนคุณหยาดได้”
“พวกแกประมาท ตํารวจเดี๋ยวนี้หูตามันมาก ทําอะไร ก็ต้องระวัง”
ฤทธิ์นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น “งานแบบนี้ทําไมเสี่ยไม่ให้ผมช่วยล่ะครับ บางทีผมอาจใช้พลังเทวดาช่วยได้”
คํารณเห็นด้วย “นั่นสิ ฉันเองก็ลืมไปเสียว่ามีพลังเทวดาที่นายเคยถ่ายทอดให้”
คงคาขัดขึ้น “ฉันจะไม่ให้นายฤทธิ์ต้องทํางานเสี่ยงตายหรอก ฉันเตรียมงานไว้ให้นายฤทธิ์แล้ว และนายก็ต้องทําให้สําเร็จด้วย”
ฤทธิ์ฉงน “อะไรหรือครับเสี่ย”
“นายจะต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นกํานันที่เกาะมุก”
ฤทธิ์อึ้งไปชั่วขณะ “ผมน่ะหรือครับ”
“ฉันเคยรับปากนายไว้แล้วนี่ นายจะต้องมีอํานาจ และเป็นอํานาจที่ต้องเอื้อผลประโยชน์ของฉันบนเกาะ มุกด้วย”
หยาดฟ้าส่งยิ้มหวานเยิ้มให้ฤทธิ์ ซึ่งยืนงงอยู่
คํารณมองฤทธิ์ด้วยความอิจฉาที่พ่อให้บทบาทฤทธิ์มากขึ้น
อ่านต่อหน้า 2
พายุเทวดา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ในวันต่อมา ดารินผลักประตูห้องทํางานของสารวัตรเข้าไปหา
“ดิฉันอ่านรายงานการสอบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่จับได้เมื่อคืนแล้วค่ะ มันซัดทอดว่าตัวการใหญ่อยู่ที่ ฝั่งตรงข้ามเกาะมุก...หลักฐานชัดเจนอย่างนี้สารวัตรยังปฏิเสธไม่ให้ดิฉันไปสืบราชการลับที่เกาะมุกอีกหรือคะ”
ดารินยื่นบันทึกให้สารวัตร “นี่ค่ะบันทึก ดิฉันส่งเข้ามาใหม่เพื่อเตือนความจําท่านสารวัตร”
สารวัตรมองหน้าดาริน แล้วส่ายหน้า หยิบตรายางมาปั๊มทันที
ดารินตะลึงมองไปที่กระดาษ เห็นตรายางสีแดงมีข้อความว่า ไม่อนุมัติ
“ดิฉันจะลาออก”
ดารินผลุนผลันออกจากห้องไป สารวัตรมองตาม ทึ่งในความเด็ดเดี่ยวของหมวดสาว
เป้ากับเปียยืนตะลึง สิงห์ออกมาจากข้างใน ทั้งหมดมองไปที่รถปิกอัพของเฮียเม้งที่มีฤทธิ์ยืนโบกมือให้กับชาวบ้านที่อยู่สองข้างทาง หยาดฟ้ากับลูกน้องยืนอยู่ด้วยในรถ เฮียเม้งขับรถให้ฤทธิ์ที่พูดโทรโข่ง
“พ่อแม่พี่น้องชาวเกาะมุกที่เคารพทุกท่าน วันนี้ ผมฤทธิ์ แสงฟ้ามากราบขอความเมตตาจากท่าน ขอโอกาสให้ผมได้ทํางานรับใช้ทุกท่านเพื่อพัฒนาให้เกาะมุกมีแต่ความเจริญ ไม่ใช่เกาะที่ถูกหลงลืมว่าอยู่
ส่วนใดของประเทศ หากพ่อแม่พี่น้องเลือกผมเป็นกํานัน วันแรกที่ผมเป็นกํานันของเกาะมุก วันนั้นคือวันเปลี่ยนโฉมหน้าเกาะมุกไปสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน”
หยาดฟ้า พัน ธง และศรปรบมือ ฤทธิ์ไหว้กราดไปทั่วทั้งสองข้างทาง เฮียเม้งกดกระจกลง มองมาที่เป้าด้วยสายตาสะใจ
เป้ามองตอบแล้วถ่มน้ำลายอย่างแรง ขณะที่รถของเม้งขับผ่านหน้า หยาดฟ้ามองอย่างไม่พอใจ
เป้าหน้าเครียด บอกกับสิงห์ “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาวซะละมั้ง เกาะมุกมันถึงวิปริตอย่างนี้”
“เราก็ต้องหาทางสกัดอํานาจของมัน ถ้าพี่ฤทธิ์ได้เป็นกํานันก็เท่ากับว่าเกาะมุกเป็ นของมันไปทันที”
ที่โรงเรียนเกาะมุก คํ่าวันเดียวกัน
ทุกคนประชุมกันอยู่ ประสิทธิ์เป็นโต้โผ “เราเคยเชื่อว่าชาวบ้านรักและหวงแหนเกาะมุก แต่
ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้ว เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งก่อนพวกชาวบ้านก็ยังไม่เข็ด แต่ยอมเป็นทาสของเงิน
ที่พวกมันหยิบยื่นให้”
“ครูพูดเหมือนท้อ...เราจะวางมือไม่ต่อต้านมันหรือครับ” มนต์ถาม
“เราต้องหาคนลงแข่งกับมัน พิสูจน์กันไปเลยว่าความดีกับเงิน อะไรจะชนะ”
แสงดาวถาม “แล้วครูว่าใครล่ะจะแข่งกับพี่ฤทธิ์ได้”
ประสิทธิ์มองมาที่สน สนบอก “ผมแก่แล้วครู อย่าให้ผมไปทําอะไรใหญ่โตก่อนตายเลย
ให้ผมตายอย่างสงบเถิดครับ”
แสงจันทร์ท้วง “แต่พ่อเป็นคนเก่าแก่ เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั้งเกาะนะจ๊ะ ฉันเชื่อว่าพ่อทําได้
ทุกคนสนับสนุน”
นทีเสริม “พวกเราจะเป็นหัวคะแนนให้ ใช้ความจริงใจที่เรามีต่อชาวเกาะมุกนี่แหละครับเป็ นเครื่องมือหาเสียง”
เป้าบอก “ไม่มีที่ทําการเลือกตั้งของลุงสนก็ไปใช้ที่ร้านฉันได้ ฉันไม่คิดค่าเช่าหรอก”
สนตัดสินใจ “เอาก็เอาวะ สู้กับมันสักตั้ง”
ทุกคนร้องเฮ ด้วยความดีใจ
วันต่อมา มนต์ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทางรอบเกาะมุก มีแสงจันทร์ซ้อนท้าย แสงจันทร์ถือม้วนกระดาษและอุปกรณ์สําหรับปิดโปสเตอร์มาด้วย มนต์จอดรถช่วยแสงจันทร์ติดที่กําแพงสังกะสีแห่งหนึ่ง
แสงจันทร์ปิดโปสเตอร์ไป โดยมีมนต์คอยช่วย
ในภาพเห็นรูปของสน มีข้อความเขียนไว้ว่า “สน แสงมุกแก้ว ขออาสาดูแลลูกหลานชาวเกาะมุก โปรดเลือกสน แสงมุกแก้วเป็ นกํานันของท่าน”
เม้งขับรถผ่านมาพอดี กดกระจกมองไป แล้วหัวเราะในลําคอ ขับรถไป
คํารณหน้าเครียดรู้เรื่องจากเม้งแล้ว คํารณถาม “แน่แล้วเหรอพ่อ”
“ไม่ผิดหรอก เฮียเม้งโทรมาบอก มันแส่หาเรื่องใส่ตัวอยากลองดีรึไง”
หยาดฟ้าแค้น “เคยเกือบตายเพราะโดนไอ้พวกนี้กระทืบไปทีแล้ว”
หยาดฟ้าหันมาทางลูกน้องทั้งสามคน “ถ้าอยากโดนอีกก็เรื่องของมันเถอะ”
“นายกลัวไอ้แก่สนมั้ย ฤทธิ์”
“ถึงตอนนี้ผมไม่กลัวใครทั้งนั้นเสี่ย” ฤทธิ์ลำพอง
“มันต้องอย่างนี้สิวะ...หยาดฟ้า มีเงินเท่าไหร่ ทุ่มไปจะต้องซื้อหัวละห้าร้อยหรือพันหนึ่งก็ไม่เท่าไหร่หรอกเศษเงินไม่กี่ล้าน ได้ครองเกาะทั้งเกาะ คุ้มจะตาย”
ที่เกาะมุก นที ประสิทธิ์ และทุกคนต่างทักทายชาวบ้าน เห็นชาวบ้านพากันมากอดสนอย่างรักใคร่ เฮียเม้งยืนมองอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าไม่สบายใจ
รถของเดชขับไปตามถนนสายต่าง ๆ บนเกาะ สิงห์พูดโทรโข่งช่วยสนหาเสียง ไปทุกที่
“พ่อแม่พี่น้องชาวเกาะมุกที่รัก เกาะมุกเป็นของเราทุกคน เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนจะต้องใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แสดงสิทธิของความเป็นพลเมืองเกาะมุก เราจะต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ จริงใจและมุ่งมั่นพัฒนาเกาะมุกของเรา ขอเสนอ สน แสงมุกแก้ว เป็นกํานันของท่านใจซื่อ มือสะอาด จริงใจ เข้าถึงได้ง่าย มั่นใจเต็มร้อย”
รถของเดชวิ่งไปทั่วเกาะ มีบรรดาชาวบ้านชูนิ้วโป้ง บางคนโบกไม้โบกมือให้กําลังใจ ตลอดทาง
รถของเดชจอดที่หน้าร้านของเป้า เสียงของสิงห์ยังคงพูดหาเสียงพูดต่อเนื่องมา
“อย่าลืมนะครับ ทุกท่าน โปรดเลือกสน แสงมุกแก้วคนเก่าคนแก่ของเกาะมุกเป็นกํานันของท่าน”
เปียโบกรถให้เดชหยุด เดชหยุด
“พ่อทําอาหารหลายอย่างเลย จะให้ไปแจกคนที่ช่วยลุงสนหาเสียง” เปียว่า
สิงห์อ้อน “แล้วเผื่อพี่ด้วยหรือเปล่า”
เปียยิ้มอายม้วน ส่งกล่องข้าวให้ “อันนี้ของพี่สิงห์คนเดียว”
ก้องกับเดชเป่าปากล้อเลียนวี้ดวิ้วล้อ “ของพี่สิงห์คนเดียว..แล้วไม่เห็นให้พี่ก้องบ้างเลย” ก้องแซว
เดชตาม “ของพี่เดชด้วยจ้า”
เปียบอก “กินรวมกับคนอื่นละกัน ลงมาขนของสิจ๊ะ”
ก้องกับสิงห์ลงไป เห็นหม้อใบโตวางอยู่สองสามใบ
“ไม่ชนะคราวนี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” สิงห์ว่า
ฤทธิ์ หยาดฟ้า หวานใจ พัน ธง ศรเดินเข้ามาในวัด บุญกู้มอง ยืนรอคอย ฤทธิ์ไหว้ทัก
“สวัสดีน้าบุญกู้ สบายดีหรือเปล่าครับ...คิดถึงน้าบุญกู้จังเลย”
บุญกู้ไม่รู้สึกรู้สากับท่าทีของฤทธิ์ หยาดฟ้าสงสัย “ใครเหรอฤทธิ์”
“น้าบุญกู้เป็นคนมีบุญคุณกับผมครับคุณหยาด”
หวานใจปากเปราะ “พิการมาแต่กําเนิดหรือว่าตกต้นไม้จนเป็นยังงี้”
พัน ธง ศรหัวเราะกันครืน บุญกู้ตะเพิดไล่ “ข้าจะเป็นอะไร มันก็เรื่องของข้า ออกไปให้หมดที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“น้าบุญกู้ ใจเย็นๆ สิครับ ผมมากราบหลวงปู่...มาขอพรหลวงปู่...เพื่อความเป็นสิริมงคล”
บุญกู้ด่าว่าฤทธิ์ “หลวงปู่ สอนเอ็งบ่อยไปว่าความดีต่างจากความชั่วยังไง...ข้าไม่คิดเลยว่าอํานาจจะเปลี่ยนเอ็งให้เป็น แบบนี้ไปได้”
ฤทธิ์จ้องหน้าบุญกู้ด้วยสายตาอาฆาต แล้วหันหลังกลับไป
หยาดฟ้าโกรธ “คอยดูนะ ถ้านายฤทธิ์ชนะเลือกตั้ง พวกฉันจะไม่เหลียวแลวัดนี้เลย”
บุญกู้ตะเพิดส่ง “เงินสกปรก อย่าเอามาทําบุญเลย...นรกจะกินหัว ไป...ไปให้พ้นหน้าข้า...ไม่ต้องกลับมาอีกเลยนะ”
หวานใจโมโห “ไปเถอะค่ะ คุณหยาด หวานใจไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าทําไมเขาต้องพูดจาไม่ดีกับเราด้วย..ฮึ”
ทุกคนออกไปจากวัด บุญกู้มองตาม ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ที่ค่ายมวยของนิลผู้พ่อของปลาดุก เห็นนิลกําลังเป็นคู่ซ้อมนักชกในค่ายอยู่บนเวที ปลาดุกกับเทวาเข้ามา นิลหันมา ทั้งสองมองหน้ากัน
“ไปสิ...ไปหาพ่อซะ” เทวาบอก
ปลาดุกไม่กล้าไปหา นิลยอมละทิฐิมุดเชือกลงจากเวทีมา
“ไอ้ปลาดุก”
ปลาดุกน้ำตาซึมโผเข้ากอดพ่อ นิลมองหน้าเทวา หน้าเหี้ยม กอดปลาดุกแต่ตามองที่เทวาเขม็ง
“เอ็งหนีพ่อไปไม่นาน เลิกเป็นทอม คบผู้ชายแล้วเหรอวะ”
ปลาดุกผละออกจากพ่อทันที “ไม่ใช่นะ...นั่นน่ะเทวาเพื่อนฉัน...มัน...มันอยากชกมวยหาเงินน่ะ ฉันไม่รู้จะพาไปที่ไหน ก็เลย...”
นิลโมโหขึ้นเสียงใส่ทันที “ข้านึกว่าเอ็งจะกลับมาขอโทษข้า หนอย...ที่แท้พาเพื่อนมาเป็นนักมวย”
ผู้เป็นพ่อหันไปออกหมัดแย็บใส่เทวา เทวารับได้ว่องไว
“เออ ไอ้นี่ หน่วยก้านไม่เลวนี่หว่า”
รถของดารินแล่นมา กดแตร นิลตะโกนถามลูกน้อง “มีใครติดหนี้ไว้หรือเปล่าวะ เขามาทวงถึงที่เลยนะโว้ย”
ดารินออกมาจากรถ แต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด
“ดาริน”
ปลาดุกวิ่งไปหาดาริน นิลถามเทวาทันที
“แฟนไอ้ดุกมันเหรอคุณ”
“ไม่ใช่ครับ เพื่อนกันทั้งนั้น นี่ผมยังงงอยู่เลยว่าเขามาได้ยังไง”
“ฉันแอบสะกดรอยนายสองคนมาน่ะสิ”
เทวามองดารินหัวจรดเท้า “เธอเนี่ยนะ...ทําตัวยังกะนักสืบ...แล้วจะมาวุ่นวายอะไรกับเขาจ๊ะ”
“ฉันจะมาสมัครเป็นนักมวย” ดารินบอก
พ่อหันไปดื่มน้ำ สําลักพรวดทันที “อีหนู เอ็งเนี่ยเหรอจะเป็นนักมวย”
ดารินยิ้มๆ คิดในใจ “พวกนี้ไม่รู้จักฝี มือเราซะแล้ว”
นิลซ้อมให้เทวาออกหมัด และเตะต่อย ส่วนดารินเตะกระสอบทรายคล่องแคล่ว นิลหันไปดุปลาดุก
“นังดุก...ดูคุณรินเขาเป็นตัวอย่าง ขนาดเขาเพิ่งซ้อมนะ ท่าทางยังกะแชมป์ มวยไทยโลกมาสามปี ซ้อน”
เทวาหัวเราะ ดารินหันไปค้อน เทวาบอก “ขนาดนั้นเลยเหรอพ่อ”
“ถ้ารินเขาจะขึ้นชกมวย พ่อจะให้มั้ยล่ะ”
“ถามเขาดูสิ สําหรับพ่อนะ ส่งประกวดนางงามดีกว่าสวยๆ ยังงี้ ขืนชกมวย เสียของหมด” พ่อว่า
เทวาหัวเราะก๊าก ดารินเตะกระสอบทรายหนักขึ้นระบายอารมณ์
ในเวลาต่อมา ทั้งสองสาวคุยกันอยู่บนโรงพัก เนตรทรายเอ่ยขึ้น “เธอจะทรมานตัวเองทําไมริน...ฝี มือมวยก็พอตัวแล้วยิงปืนก็แม่น ทําทุกอย่างได้ดีกว่าผู้ชายอกสามศอกอีก”
ดารินบอก “เพื่อรอเวลาไปเกาะมุก”
“เกาะมุกอีกแล้ว ครั้งก่อนก็เหนื่อยฟรี หัวหน้าก็ไม่อนุมัติครั้งนี้จะเหนื่อยฟรีอีกนะ”
“ไม่ฟรีหรอก...เพราะฉันกําลังตีสนิทกับคนคนหนึ่ง เขามาจากเกาะมุก”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับมวย”
“ก็เขาอยากเป็นนักมวย ฉันก็ต้องอยากด้วย...”
เนตรทรายแซว “ดีนะ ที่เขาไม่อยากเป็นอย่างอื่น ไม่งั้นเพื่อนรักของฉันคงต้องไปทําอีกสารพัดอย่าง...ถ้าฉันเป็ นเธอ ฉันไม่รอให้เขาอนุมัติหรอก”
“ยังไง”
“ลาออก...เดินหน้า...แล้วความฝันจะเป็นจริง”
ดารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง “ขอฉันตัดสินใจอีกที”
ฤทธิ์นั่งลงอย่างอ่อนระโหยแรงอยู่ หยาดฟ้ากับคงคาเข้ามา มีคํารณตามมาด้วย
“เหนื่อยอ่อนละสิ”
“ครับ เหนื่อยกันทุกคน”
หยาดฟ้าพยักหน้าให้คงคาพูด “นายรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้คะแนนเป็นรอง”
ฤทธิ์ก้มหน้า “วันนั้นคุณหยาดไปกับผม ก็น่าจะเดาได้ ผมเองก็แปลกใจ เงินซื้อเสียงก็ทุ่มไปตามที่เสี่ยบอกแล้ว แต่ทําไมยังเป็นยังงี้”
“ฉันจะให้บทเรียนแก่คนเกาะมุก ให้พวกมันรู้ว่าการปฏิเสธและอํานาจของฉัน พวกมันจะเป็นยังไง...เกาะมุก มันก็ไม่ต่างจากกระดานหมากรุกที่ฉันอยากจะ เดินหมากตัวไหนก็ได้ หรือไม่ก็ควํ่ากระดานมันเสีย” คงคาว่า
ฤทธิ์มองหน้าคงคาท่าทีฉงน “ควํ่ากระดาน”
“งานนี้คนใจอ่อนอย่างนายฤทธิ์ ทําไม่ได้หรอกครับผมอาสาเอง”
ทุกคนตวัดสายตาไปยังคํารณ หยาดฟ้ายิ้มเหี้ยม เช่นเดียวกับคงคา ส่วนฤทธิ์ ดวงตาเต็มไปด้วยคําถาม
ที่หมู่บ้านชาวประมง เห็นเรือตังเกจอดเรียงราย ชาวบ้านตากปลาแห้ง อาหารทะเลอยู่ตาม
หน้าบ้าน ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่ริมทะเล สนและกลุ่มเดินไหว้พี่น้องชาวประมง พร้อมแจกใบหาเสียงของตน
พันแฝงตัวอยู่ในมุมเงียบๆ ลับตาคน ส่องปืนไปที่สน แล้วตัดสินใจยิงเปรี้ยง สนล้มควํ่าทันที แสงดาวกับแสงจันทร์กรีดร้องสุดเสียง
มนต์กวาดตาดู ก็เห็นมือปืนพากันวิ่งหลายคน จนดูสับสนไปหมด ปืนหลายกระบอกจากมือของมือปืนยิงมาทางทุกคน ส่วนพันหนีไปทางอื่น ไม่มีใครวิ่งตามสักคน เพราะมัวหลบกระสุน ชาวบ้านพากันหนีตายเข้าไปในบ้านหมด
เรือมาจอดรับพันอยู่แล้วตรงมุมหนึ่ง เห็นธงกับศรรอรับ พันกระโดดลงเรือ เรือขับออกไปอย่างเร็ว
สนนอนจมกองเลือดอยู่ แสงดาวกับแสงจันทร์ร้องไห้ ใจจะขาด
“พ่อ...พ่อจ๋า...”
“พี่แสงจันทร์ พาพ่อส่งโรงพยาบาล”
นทีดูบาดแผลแล้วก็ส่ายหน้า “อนามัยไม่มีเครื่องมือเพียงพอ ต้องส่งโรงพยาบาลที่ฝั่งโน้นครับ...รีบหาเรือให้ได้ก่อน ส่วนผมจะรีบกลับไปเอาอนามัย ไปเอาเครื่องมือที่พอจะพยุงชีวิตลุงสนไว้ได้..แยกย้ายกันเลยนะครับ...
นทีวิ่งไป แสงดาวเรียกไว้เบาๆ “หมอ” นทีหันมา “ระวังตัวด้วยนะคะ”
นทียิ้มแล้ววิ่งไปอย่างเร็วรี่ ประสิทธิ์ อุ้มลุงสนไป “ผมจะไปหาเรือมาให้”
มนต์ยืนขึ้น โกรธจนตัวสั่น “ไอ้คงคา”
ก้องหันมาบอกกับทุกคน “เรือเร็วไม่มีเลย เหมือนไอ้พวกนั้นวางแผนไว้ ไม่ยอมออกไปส่งเรา แต่ผมได้เรือประมง เดินเครื่องเต็มที่ก็สักชั่วโมงหนึ่ง ไหวไหมหมอ”
นทีนิ่งไป มนต์เอ่ยขึ้น “ไปเถอะ พลังเทวดาของเราเรียกลมให้เรือวิ่งเร็วกว่าปกติได้ แต่พวกเราต้องไปทุกคน”
เดช สิงห์พยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่แสงจันทร์ร้องไห้อยู่ข้างพ่อ แสงดาวน้ำตาไหล สีหน้าแค้นเคือง
“มิคสัญญี...มิคสัญญี ผมไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดขึ้นบนเกาะมุก” ประสิทธิ์ครวญ
เรือประมงแล่นไป สนนอนซมอยู่ที่เบาะเตี้ยๆบนเรือมีนทีดูแลอยู่ ถือสายน้ำเกลือและออกซิเจน ซึ่งต่อสายกับเครื่องไฟฟ้าบนเรือ แสงจันทร์ร้องไห้เบาๆ ตลอดเวลา แสงดาวนั่งมองทะเล สีหน้าเครียด
มนต์ สิงห์ เดช ก้องนั่งล้อมวง ประสานมือกัน ลมพัดแรง แสงฟ้าเริ่มส่องประกาย น้ำในทะเลมีคลื่นแรง มองจากมุมสูงลงมา เห็นเรือแล่นไปอย่างเร็ว
กลุ่มนทีและประสิทธิ์ ลมแรงปะทะใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ผมของแสงดาวกับแสงจันทร์ปลิวไปตาม
แรงลม พลังเทวดาของทั้งสี่คนเชื่อมประสานกัน เนื้อตัวของเดชกลายเป็นสีทองแดง มีน้ำมันไหลเยิ้ม ส่วนสิงห์ก็มีประกายสายฟ้าอยู่ทั่วร่าง ก้องใช้พลังมหาศาลของตนโบกมือก็ทําให้คลื่นปั่นป่วน เรือเร็วมุ่งไปข้างหน้า
คนขับเรือ เห็นเรือมุ่งหน้าไปอย่างเร็วมาก ก็แปลกใจ
“เรือเร็วมากทั้งที่โต้คลื่น แปลกจัง”
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตอนค่ำเทวากําลังซ้อมมวยกับนิลอยู่ ดาริน ปลาดุกออกกําลังกายอยู่มุมหนึ่ง เช่นเดียวกับนักมวยที่ซ้อมอยู่มุมต่างๆ ที่นี่เป็นค่ายมวยเล็กๆ
จู่ๆ กระแสลมลอยมารอบๆ จนทุกคนสังเกตเห็น เทวามองดูลม
“อย่าเผลอสิวะ”
นิลแกล้งแย็บที่ลําตัวและปลายคาง แต่เทวาไม่ตอบโต้
พลันเทวาก็เจ็บหน้าอก หน้านิ่ว เขาคิดในใจ
“พลังเทวาของพวกเรา...ต้องการใช่มั้ย เอาไปเลย”
เทวาทรุดลงนั่ง หลับตา นิลแปลกใจ “อะไรวะ ไอ้เทวา เอ็งเป็นอะไร”
ทุกคนหันมามอง เทวาหงายมือขึ้นส่งจิตไปถึงพี่น้อง
“เทวาเขาชอบนั่งสมาธิพ่อ”
ดารินที่อยู่ข้างๆ ปลาดุกก็รู้สึกหวิวๆ จะเป็นลม
“ปลาดุก ทําไมฉัน หายใจไม่ออก”
“เอ้า เป็นอีกคน อุปทานหมู่มั้ง เดี๋ยวไอ้ดุกก็เป็นมั่งหรอก” ปลาดุกเย้า
ดารินกุมหน้าอก ผ่อนลมหายใจยาว
ส่วนที่กลางทะเล มือปืนหลายคนใช้เรือเร็วยิงกระหนํ่ามาที่เรือประมง ทุกคนตกใจ
“นี่มันกะเอาตายหมดหรือไงวะ” ประสิทธิ์ว่า
กลุ่มเทวดามองหน้ากัน พลันลมมรสุมก่อเกิดเป็นลูกอยู่ด้านบน
“ดูสิ เทวาส่งพลังมาช่วยเราแล้ว” สิงห์บอก
เรือประมงแทบจะเหาะไปเหนือน้ำ แล่นเร็วกว่าปกติ จนเรือเร็วของมือปืนตามไม่ทัน ต่างยิงตามมา
กลุ่มเทวดายืนขึ้น ประกายไฟในร่างกายของสิงห์เห็นเด่นชัด
ฝนเริ่มตกปรอยๆ สิงห์เอ่ยขึ้น “ฝน...ขอให้ประสานกับพลังของข้า ทําร้ายพวกมันด้วยเถอะ”
ฝนปะทะกับพลังสายฟ้าในร่างกายของสิงห์ ทําให้เกิดเป็นฟ้าผ่าเปรี้ยงไปตามเรือเร็ว
มนต์หลับตา “พลังเมฆาจนบดบังพวกมัน”
เมฆดําลอยเลื่อนเป็นลูก บังเรือประมงจากสายตาของเรือเร็ว ลมมรสุมพัดจนทําให้เรือเร็วหมุนคว้าง ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้แล้วจมลงในทะเล
ไม่นานต่อมา บุรุษพยาบาลเข็นเตียงของสนเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ประตูปิดลง แสงจันทร์กับแสงดาวทรุดนั่งอย่างอ่อนแรงที่เก้าอี้หน้าห้อง
ประสิทธิ์เอ่ยขึ้น “ผมได้ยินเรื่องพลังเทวดามาบ้าง เข้าใจว่าเป็นอภินิหารหลวงปู่ เพิ่งประจักษ์กับตาวันนี้”
“ใช้ได้ในเวลาคับขันเท่านั้นครับ ครู ยังไงก็ปิดเป็นความลับด้วย ผมไม่อยากให้คนแตกตื่น เพราะบางทีพวกผมก็ทําไม่ได้ คนจะคาดหวังกับผมแล้วหาว่าผมหลอกลวง” มนต์ขอร้อง
ประสิทธิ์รับปาก “เข้าใจครับ”
แสงจันทร์เอ่ยขึ้น “ฉันจะอยู่ดูพ่อ”
“ฉันด้วย” แสงดาวว่า
“ถ้างั้น ผมว่าพวกเรากลับเกาะมุกกันเถอะ ก่อนที่ไอ้พวกเลวโดยชาติกําเนิดมันจะยํ่ายีเกาะมุกมากกว่านี้” หมอบอก
“ไปสิ ผมน่ะบ้าพลัง แต่วันนี้ยังไม่ได้ทําอะไรเลย อย่าให้เจอตัวพวกมันนะ เอาให้จมดินเลย”
ก้องทุบอกตัวเองปังๆ
นิลมองดารินกับเทวาที่นอนพักอยู่บนโซฟาในห้องพักของค่ายมวย ท่าทีอ่อนแรง
“แข็งแรงดี ทําไมเป็นลมขึ้นมาวะ ส่วนไอ้เจ้านี่ก็ชกมวยดีๆ ก็นั่งสมาธิเฉยเลย แปลกวุ้ย...ข้าว่านังดุกมันแปลกแล้วนะ เอ็งสองคนแปลกกว่าอีก”
“เดี๋ยวฉันก็หาย”
ดารินลุกขึ้น หน้าเครียด “กลับกันเถอะเทวา”
“กลับสิครับ...ปลาดุกอยู่กับพ่อนะ ไม่ต้องไปแล้ว เราสองคนจะมาซ้อมมวยบ่อยๆ หรือไม่ก็โทร.ไปที่ห้องก็ได้”
ปลาดุกยิ้มพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองคน
ดารินขับรถอยู่แล้วจู่ๆ ก็หักจอดเข้าข้างทาง หันมามองหน้าเทวา จ้องเขม็ง
“นายเป็นอะไร...แล้วฉันเป็นอะไร”
“ถามแปลก”
“ฉันอยากรู้...เวลาที่นายนั่งสมาธิ ในเวลาคับขัน...เอ้อ...ฉันจะพูดยังไงล่ะ ลมมันมา แล้วนายก็นั่งสมาธิ แล้วฉันก็หวิวๆ เหมือนจะเป็นลม ต้องผ่อนลมหายใจเหมือน จะนั่งสมาธิบ้างทุกที”
เทวามองหน้าดารินนิ่งนาน จนดารินถามอีกครั้ง
“ตอบสิ นายตอบ”
“ผมไม่รู้...รู้แต่ว่าทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้คุณ ผมมีพลังพิเศษ ใจมันตื่น เนื้อตัวมันพร้อมจะต่อสู้ ไม่อ่อนแรงเหมือนเวลาอยู่คนเดียว”
เทวาจ้องหน้าดาริน ทั้งสองสบตากัน
ดารินคิดในใจ “นายเป็นคนเมื่อไหร่ ฉันก็เป็น แต่ฉันไม่กล้าบอกนาย”
“ดาริน”
เทวาจับมือดารินมากุมไว้ ดารินได้สติ ชักมือออก
“แค่นั้นใช่ไหม ฉันจะได้รู้ไว้ว่านายเป็นยังไง แล้วก็เอามือออกไปได้แล้ว”
เทวาเอามือออก ทั้งสองมองหน้ากัน ดารินขับรถออกไป
หมอเจ้าของไข้ออกมาจากห้องผ่าตัด แสงจันทร์กับแสงดาวที่รออยู่ลุกขึ้นยืนทันที
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ต้องพักฟื้นยาวเลย คงเป็นเดือนละครับ”
แสงจันทร์กับแสงดาวระบายลมหายใจแทบจะพร้อมกัน ยกมือไหว้หมอ
“ขอบคุณค่ะหมอ”
แสงดาวถาม “ดิฉันเข้าไปดูพ่อได้มั้ยคะ”
หมอบอก “ตามไปที่ห้องพักคนไข้เลยนะครับ”
เวลาต่อมาสองสาวยืนอยู่ข้างเตียงพ่อในห้องพักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาล แสงจันทร์รำพึงออกมา
“สงสารพ่อ ไม่น่าเป็ นเหยื่อเลย
“ฉันจะไม่ยอมให้พ่อเจ็บฟรีหรอกพี่” แสงดาวบอกตาวาววับ
ใบหน้าของสนซีดเซียว มีสายน้ำเกลือและสายออกซิเจนห้อยระโยงรยางค์
กลางดึกคืนนั้น พัน ธง ศรยืนยันกับนายทั้งสามคน
“ผมทําตามแผนของคุณคํารณทุกอย่าง ยิงแล้วก็มาขึ้นเรือ ให้ไอ้พวกมือปืนมันยิงก่อกวนจนไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงนายสน” พันว่า
ธงบอก “ป่านนี้มันคงตายกันหมดแล้วมั้งครับ คุณคํารณสั่งมือปืนมาจากหลายซุ้ม
ศรว่า “ใช่ ไม่น่ารอด”
คงคาโมโหสุดขีด “พวกเอ็งสิตายหมด เรือควํ่า ฟ้าผ่า ฝนดันมาตกเอาตอนยิงกัน หมายความว่ายังไง นี่ถ้าไม่เหลือรอดมาสองคนฉันคงไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เป็นไปได้ยังไง” หยาดฟ้าประหลาดใจ
เช่นเดียวกับคำรณ “ผมไม่อยากเชื่อเลย”
ทุกคนหันไปมองรอฟังฤทธิ์เป็นตาเดียว
ฤทธิ์มองออกไปด้านนอก พูดด้วยเสียงเคียดแค้น
“พวกมันใช้พลังเทวดาครับเสี่ย”
ฤทธิ์ยืนอยู่บริเวณชายหาดฝั่งตรงข้ามเกาะมุก มองออกไปที่ทะเล หยาดฟ้าเข้ามาทางด้านหลัง
“ดูอะไรหรือนายฤทธิ์” ฤทธิ์หันมา “ในชีวิตคนเราไม่มีอะไรเลวร้ายเท่า กับความรู้สึกสับสนอีกแล้วละ”
ฤทธิ์อึกอัก “ผม...”
หยาดฟ้าจับมือฤทธิ์มองสบตา พูดกล่อมด้วยคำหวาน “ฉันรู้สึกดีกับนายฤทธิ์ตั้งแต่แรกพบกัน...อย่าทําให้ฉันกับเสี่ยคงคาผิดหวังสิ”
ฤทธิ์ก้มดูมือที่หยาดฟ้าจับอยู่ หยาดฟ้ายิ่งกระชับมือจนฤทธิ์รู้สึก
“เชื่อฉันสิ เมื่อเธอมีอํานาจ เธออยากให้เกาะมุกเป็นยังไงก็ได้...เธอจะไม่ถูกน้องๆ รังแกและเอาเปรียบ เธอจะไม่ถูกผู้ชายหลังค่อมน่ารังเกียจคนนั้นไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมา”
ฤทธิ์เหลียวมองไปที่เกาะมุกด้วยสายตามุ่งมั่นมีกําลังใจ เห็นเกาะมุกอยู่ห่างออกไปลิบๆ
หยาดฟ้าหันมาทางคํารณ คงคา และพวกที่ยืนอยู่ด้านหลังห่างออกไป พยักหน้าส่งสัญญาณว่าคุยให้เรียบร้อยแล้ว คงคากับพวกเดินมา
คงคาเดินมาหา “ถ้านายแพ้ ไม่ได้รับเลือกเป็นกํานัน อย่าว่าแต่พวกฉันเลยนะ นายเองก็คงเหยียบเกาะมุกไม่ได้...นายคงไม่อยากได้ชื่อว่าคนไม่มีหัวนอนปลายเท้านะ”
ฤทธิ์เอ่ยขึ้น “เสี่ยจะให้ผมทําอะไรบ้าง บอกมาเถอะครับ”
คํารณกับหยาดฟ้าระบายยิ้ม รู้ว่าฤทธิ์ยอมทุกอย่างแล้ว
เรือเร็วลําหนึ่งแล่นไปอย่างเร็วกลางทะเล เห็นหน้าของฤทธิ์มุ่งมั่น ซ้อนภาพที่ตนถูกบุญกู้ไล่ ถูกพี่น้องคนอื่นด่าว่า ตัดเป็ นช็อตสั ้น ๆ รวมถึงที่หลวงปู่ สอนแต่ไม่ยอมเข้าข้างฤทธิ์เข้ามา
ใกล้ที่มือของฤทธิ์กําหมัดแน่นด้วยความแค้น แล้วทิลท์อัพขึ ้นที่หน้าของฤทธิ์ ดวงตาอาฆาต
ฤทธิ์กับกลุ่มของพันเดินเข้ามาในโรงเรียนเกาะมุก ไม่มีอาวุธให้เห็น คนที่เดินผ่านไปมา ต่างหลบฉากให้ฤทธิ์
ครูประสิทธิ์ยืนรอคอยอยู่มุมหนึ่ง “มีธุระอะไรหรือนายฤทธิ์”
“คนที่จะเรียกผมแบบนี้ได้มีไม่กี่คนเท่านั้นครูใหญ่” ฤทธิ์ไม่พอใจ
ประสิทธิ์ประชด “จะให้ผมเรียกนายฤทธิ์ว่าท่านหรือครับ...ถ้าจะมาแสดง อํานาจที่นี่ก็เชิญกลับไปเลย ไม่มีใครกลัวนายฤทธิ์หรอก อีกอย่าง ผมกลัวว่าเด็กนักเรียนจะเห็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ของพวกคุณ เขาบริสุทธิ์เกินไป และนายฤทธิ์เองก็จะเป็นผู้นําบนเกาะนี้แล้ว ควรเข้าใจเรื่องการทําตัวเป็นแบบอย่างที่ดี”
ฤทธิ์จ้องหน้าประสิทธิ์ มนต์กับแสงจันทร์วิ่งมาหา พัน ธง ศรหันไป
“พี่ฤทธิ์ ต้องการอะไร” มนต์ไม่พอใจ
ฤทธิ์หันมาหา “แกอย่ายุ่งเรื่องของฉันได้มั้ยมนต์”
แสงจันทร์โกรธไม่หายที่พ่อถูกยิง “ไม่ยุ่งเหรอ พ่อฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาล ฝีมือสัตว์หน้า
ขนตัวไหนก็ไม่รู้”
พัน ธง ศรหน้าเหี้ยมขึ้นมาทันที ฤทธิ์บอกไม่แยแสนัก
“มันแค่เรื่องของคนเคราะห์ร้าย อย่าคิดมากสิ แสงจันทร์”
“เคราะห์ร้ายเหรอ”
ขาดคําแสงจันทร์ตบหน้าฤทธิ์อย่างแรง ฤทธิ์หน้าหันไป มนต์ดึงตัวแสงจันทร์ออกมา
“อย่า...แสงจันทร์”
“พี่มนต์อย่าห้ามฉัน ฉันอยากฆ่ามัน” แสงจันทร์บอกกับฤทธิ์ “ขอให้แกจําไว้ว่าแกถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งตบหน้า ฉันขอสาปแช่งแกอย่าให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตแกเลยชั่วชีวิต”
ฤทธิ์แผดเสียงใส่ “นังแสงจันทร์”
“ม่เท่านั้นฤทธิ์ขยับจะตบแสงจันทร์ แต่มนต์ขวางไว้
“อย่านะพี่...แค่แสงจันทร์ตบ มันยังน้อยกว่าที่พี่ทํากับลุงสน”
ฤทธิ์ชี้หน้ามนต์ และทุกคนข่มขู่ “ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่ายุ่งกับเรื่องของฉัน ถ้าแกคิดเป็นหัวคะแนนให้ไอ้สน เจอดีแน่”
ฤทธิ์เดินกลับ พัน ธง ศร คุมเชิงอยู่จนเห็นว่าไม่มีใครตามฤทธิ์ ก็เดินตามไป
แสงจันทร์สะอื้น ซบหน้ากับอกของมนต์
ประสิทธิ์ส่ายหัว
“ขื่อแปของบ้านเมืองมันหักหมดแล้วรึไง คนชั่วมันถึง กล้าเหลิงอํานาจยังงี้”
หลังจากนั้นฤทธิ์กับพวกเดินกร่างเข้ามาในอนามัย นทีกับแสงดาวยืนรอเผชิญหน้าอยู่
“เจ็บป่วยเป็นอะไรมาหรือคุณฤทธิ์”
แสงดาวแดกดัน "ถ้าจะรักษาโรคชั่วละก็ไปที่อื่น ที่นี่ไม่มียาแรงพอสําหรับ จะรักษาคนอย่างนาย"
ฤทธิ์บอก "แสงดาว...ช่วยบอกไอ้หมอนี่ด้วยว่าอย่ายุ่งกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนที่มันจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป
แสงดาวหัวเราะ “มีคนกลัวแพ้เท่านั้นแหละที่จะข่มขู่คนอื่น ถึงนายได้เป็นกํานันเกาะมุกก็อย่าคิดว่าคนเขาจะนับถือแก นายฤทธิ์”
ฤทธิ์มองจ้องตาพยาบาลสาวเขม็ง พัน ธง ศรขยับทําท่าข่มขู่
แสงดาวไม่กลัว “ทําไม หมาเห่าก็เลยจะเห่าตามเหรอ”
ฤทธิ์เดินกลับไป พัน ธง ศรเดินกลับไป
หมอนทีเอ่ยขึ้นอย่างผิดหวัง “ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าคนที่เติบโตมากับวัดจะเป็นแบบนี้”
ต่อจากนั้น ฤทธิ์กับพวกเข้ามาในวัด เจอหลวงปู่หาญกวาดลานวัดอยู่
ฤทธิ์เข้าไปไหว้ “หลวงปู่” หลวงปู่ ไม่หันมา “ทําไมต้องมากวาด ลานวัดเองด้วยล่ะครับ หลวงปู่ แก่มากแล้ว”
“ปู่ กวาดความชั่วร้ายออกจากใจต่างหากล่ะ ทําให้มันสะอาด” หลวงปู่มองหน้าฤทธิ์ “ไม่เหมือนเจ้าหรอก ใจมีแต่ขยะ...รู้จักกวาดสิ่งชั่วร้ายออกจากใจบ้างสิ”
พัน ธง ศรไม่พอใจ บุญกู้เดินมาแล้วชะงัก มองอยู่ห่าง ฤทธิ์จ้องไปที่บุญกู้
“น้าบุญกู้ กินข้าววัด นอนวัด อย่าเอาเปรียบหลวงปู่ สิ ทําอะไรก็รู้จักทําซะบ้าง ถ้าคิดเนรคุณต่อวัดละก็ ระวังผมได้เป็นกํานันแล้ว น้าบุญกู้จะไม่มีที่ซุกหัวนอน”
บุญกู้เย้ย “เอ็งโตมาได้ก็ด้วยข้าวก้นบาตร ข้าวคนเกาะมุกยางมันไม่เหนียว เอ็งเลยไม่รู้สํานึก ไม่ต้องมาสอนข้าหรอกโว้ย สอนตัวเองดีกว่า...ไปซะ กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาเหยียบที่วัด ไป”
ฤทธิ์เดินออกไป รถสองแถวของเดชเข้ามา มีก้องกับสิงห์อยู่ด้วย ทั้งสามรีบลงมาจากรถ
“พี่ฤทธิ์ พี่ข่มขู่ใครบนเกาะได้ เว้นหลวงปู่ กับน้าบุญกู้” สิงห์จ้องหน้า
ก้องด่า “เนรคุณ”
ฤทธิ์แค้น “ไอ้ก้อง มึงอย่า”
พัน ธง ศรชักปืนเตรียมยิงออกมาข่มขู่ สิงห์บอกทันทีว่า “อย่าทําตัวให้พวกผมหมดความนับถือพี่ไปมากกว่านี้ เลย พี่จะมีอํานาจได้เป็ นกํานันหรือไม่ได้เป็น พวกผมก็ขอร้องอย่ามาวุ่นวายกับพวกเรา”
ฤทธิ์ขู่ “ไอ้สิงห์ เอ็งพูดมาก็ดีแล้ว...ข้าขอร้องเลยนะ ให้พวกเอ็งเลิกยุ่งกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้า มองสู้สายตากัน ขณะที่หลวงปู่กวาดลานวัดแรงขึ้น มีบุญกู้มองอยู่
หยาดฟ้าเข้ามาในห้องโถง มีหวานใจตามมาด้วย พัน ธง ศร ฤทธิ์ นั่งคุยอยู่กับคํารณและคงคา
“ไม่ต้องกังวลหรอก ยังไงเราก็ต้องชนะ” หยาดฟ้าบอกท่าทีมั่นใจ
“มั่นใจ” คงคาถาม
“ค่ะ หยาดให้ลูกน้องบอกไอ้พวกขายที่ดินให้เราและก็กู้เงินนอกระบบจากเราไม่ให้เลือกไอ้สน ไม่งั้นมีปัญหาแน่”
“ป่านนี้มันคงนอนก่ายหน้าผากกันแล้ว...นี่เสียลูกปืนไม่กี่นัดเอง เงินก็ไม่ได้เสียสักบาท”
เหล่าคนชั่วหัวเราะให้กัน คํารณหันมาทางฤทธิ์
“ฉันขอแสดงความยินดีกับกํานันฤทธิ์แห่งเกาะมุกไว้ ล่วงหน้าเลยนะ”
“ขอบคุณครับ คุณคํารณ”
วันเลือกตั้งมาถึง สนนอนคุยกับแสงดาวและแสงจันทร์ ซึ่งมาเยี่ยมและยืนอยู่ข้างๆ เตียง ในตอนเย็นๆ
“ผลนับคะแนนออกมาหรือยัง” สนถาม
“มันชนะพ่อ...ไม่มีใครกล้าเลือกเราหรอก เว้นแต่พวกเราเท่านั้น ชนะขาดเลย”
แสงจันทร์พูดเศร้าๆ “เกาะมุกเป็นของมันแล้วละ ต่อไปจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ที่ห้องประชุมออฟฟิศของหยาดฟ้า ตอนกลางวันในวันต่อมา หยาดฟ้า คํารณ ฤทธิ์ คงคา นั่งคุยกันอยู่ หยาดฟ้ากางพิมพ์เขียวแบบแปลนพัฒนาเกาะมุก
“เริ่มต้นมีเจ้าของรีสอร์ทใหญ่อยากสร้างโรงแรมขนาดกลาง แบบใกล้ชิดธรรมชาติ 5 ราย หยาดอนุมัติไปแล้วค่ะ...กํานันฤทธิ์มีหน้าที่ลงนามอย่างเดียว”
“ครับ คุณหยาด”
คํารณอมยิ้มสบตาคงคา หยาดฟ้าร่ายต่อ “ท่าเรือเกาะมุกกับเรือข้ามฟากกําลังหาคนลงทุนอยู่”
คํารณแย้ง “ทําไมไม่ลงทุนเองละครับ”
“ถ้าเอาเงินไปลงก็เสี่ยงสิคุณคํารณ มันทําได้สําเร็จก็ค่อยหาทางบีบมันทีหลัง พอมันทําไม่ได้ ก็ขายเราในราคาถูกๆ”
คงคาหัวเราะชอบใจ “เยี่ยมจริงๆ หยาดฟ้า”
“ถนนที่ถูกไฟไหม้จะกลายเป็นตึกใหม่หรูหรา เป็นถนนที่มีแต่ความรื่นเริงยามราตรี ทั้งผับ บาร์ บาร์เบียร์ ภัตตาคาร เกาะมุกจะกลายเป็นเกาะสวรรค์สําหรับคนทั่วโลกในเวลาไม่นานค่ะเสี่ย”
“เสียดายนะที่ร้านไอ้เป้ามันไม่โดนไฟไหม้” คงคาว่า
หยาดฟ้าพยักหน้า มองหน้าฤทธิ์ทันที
“เป็นหน้าที่ของกํานันคนใหม่ เอาร้านไอ้เป้ามากํานัลฉันให้ได้ นี่เป็นคําสั่ง”
ฤทธิ์ยิ้ม “ผมต้องเอามากํานัลคุณหยาดให้ได้ รับรองครับ”
ดารินเข้ามาในค่ายมวย นิลเห็นก็หัวเราะต้อนรับ
“ฉันว่าถ้าเธอขึ้นชกมวยวันไหนนะ เธอจะเป็นนักมวยหญิงที่สวยที่สุดในโลกเลย”
“จริงหรือคะอา”
“แน่นอนที่สุด”
ดารินมองไปทั่ว แต่ไม่เห็นเทวา ปลาดุกเดินออกมาจากข้างในรู้ทันที
“ยังไม่มาเลย...รินลองไปตามหาที่วัดสิ เทวาไม่เคยไปไหนนอกจากวัด”
ขณะที่เทวายืนขรึมอยู่ที่ท่าน้ำในวัด ดารินถืออาหารปลามาแล้วโปรยให้ปลา เห็นปลาแย่งกันกินอาหาร
“ยืนคิดอะไร.. คิดถึงบ้านเหรอ”
“เปล่า”
“ขอซื้อได้มั้ยคําว่าเปล่าของนายเนี่ย” ดารินเหน็บ
“ตามหาผมทําไม”
“รู้เรื่องเกาะมุกบ้างมั้ย” เทวาทําเป็นไม่สนใจ “กํานันคนใหม่ชื่อฤทธิ์”
เทวาชะงัก “ใครนะ”
“ฤทธิ์ เห็นว่าเคยเป็นลูกศิษย์วัดมาก่อน นายน่าจะรู้จักนะ ใช้อํานาจบาตรใหญ่ยิงคู่แข่งซึ่งแก่คราวพ่อจนป่านนี้ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเลย”
เทวาตกใจ “ใครหรือครับ คุณริน...คนที่ถูกยิงน่ะ”
“ชื่อสน”
เทวาหน้าเครียดทันที “ลุงสน”
“เกาะมุกกําลังจะเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ นักธุรกิจถึงกับเรียกว่าอัญมณีแห่งท้องทะเลเลยนะ...นายไม่คิดกลับบ้านเหรอ” เทวาส่ายหน้า “นายไม่กลับ แต่ฉันจะไป...”
เทวาแปลกใจ “ไปไหน”
“เออ นายฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย ฉันจะไปเกาะมุกไปหากินที่นั่น นักท่องเที่ยวคงเยอะ คนทํางานแบบฉันคงยังมีไม่มาก”
เทวาทวนคำ “จะไปหากินที่เกาะมุก”
ดารินฉุน “ไม่ต้องย้ำ และฉันจะชวนนายเป็นครั้งสุดท้าย ถ้านายอยากกลับบ้านพร้อมฉัน นายก็บอกมาละกัน”
ดารินเดินออกไป เทวามองตามแล้วหันหลังกลับไปยังแม่น้ำ ยืนซึม
“พี่ฤทธิ์ได้เป็นกํานัน เป็นไปได้ยังไง นอกจาก...อิทธิพลของไอ้พวกเสี่ยคงคาแน่ๆ”
เทวาคิดกังวล กําหมัดแน่น สายตามองไปที่สายน้ำ
อ่านต่อหน้า 4
พายุเทวดา ตอนที่ 5 (ต่อ)
นิลมองทั้งสองคนคุยกันอยู่จากมุมไกลๆ ในค่ายมวย ปลาดุกถามเทวา
“ถ้ารินเขาไป แล้วนายจะไม่ได้ได้ไง”
"เกี่ยวอะไรกันด้วย"
"นายอย่าปิ ดฉันเลย ถึงฉันจะไม่ใช่ทั้งผู้หญิงและก็ไม่ใช่ผู้ชาย แต่ฉันก็ฉลาดพอจะรู้ว่านายคิดยังไงกับดาริน นายจะไม่ไปตามหัวใจของนายก็ช่าง...แต่ฉันจะไปกับรินด้วย"
"จะไปหากินแข่งกับเขารึไง..หุ่นแบบนี้ ไม่มีใครเขาสนแกหรอก"
ปลาดุกต่อยเปรี้ยงเข้าหน้าเทวา เทวาไม่ทันระวังเลยโดนเต็มเปา
"โอ๊ย ไอ้ดุก หมัดหนักไม่ใช่เล่นนะแก"
"จําไว้ อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก"
นิลหัวเราะอารมณ์ดีออกมา แล้วเดินไป
ฝ่ายดารินนั่งซึมอยู่นอกบ้าน ท่ามกลางสวนสวยข้างบ้าน ช้อนคนกาแฟคนกระทบถ้วย แต่ดวงตาเหม่อลอย เหมือนใช้ความคิด บุญเกิดเดินมาหา
“ริน...คิดอะไรอยู่ อาเห็นคนกาแฟจนเย็นชืด แต่ตาหนูไม่ได้อยู่กับถ้วยกาแฟเลย”
ดารินได้สติ “คิดเรื่องพ่อ เรื่องเกาะมุก ถึงเวลาแล้วหรือยังที่อาบุญเกิดจะเล่าเรื่องพ่อให้รินฟัง”
บุญเกิดนั่งลงตรงข้าม “ที่อาไม่เล่าก็เพราะอยากลืม และก็ไม่อยากให้รินต้องจมอยู่กับมัน”
“ก็ยังดีกว่าปล่อยให้รินรู้สึกว่าตนเองเกิดมาอย่างโดดเดี่ยวนะคะอา ไม่มีพ่อ แม่ก็ตาบอด ใครเขาพูดถึงพ่อแม่ได้อย่างมีความสุข แต่รินสิคะ ไม่สามารถคุยเรื่องนี้กับใครได้”
บุญเกิดถามย้ำ “แน่ใจนะว่าฟังได้”
สองคนไม่รู้ว่า มณีเดินออกมาจากด้านในบ้าน ใช้มือคลําป่ายปะมาตามทางเดิน
บุญเกิดเริ่มต้นเล่าเรื่องราว ดารินฟังอย่างตั้งใจ “เรื่องมันเกิดตั้งแต่หนูยังแบเบาะ ตอนนั้นพ่อของหนูประจําอยู่ที่โรงพักตรงข้ามเกาะมุก ต้องดูแลเกาะมุกด้วย”
20 ปีก่อน ในเวลาตอนกลางวัน หมวดสุชาติ อยู่ในเรือเร็วของทางราชการตํารวจ กําลังไล่ล่าเรือเร็วของแก๊งค้ายา สุชาติพูดวิทยุ
“คนร้ายมอบตัวยอมให้ดําเนินคดีตามกฎหมายเถอะโทษหนักจะได้เป็นเบา”
ขาดคําของสุชาติ โจรก็ใช้อาวุธยิงถล่มมาทีเรือของตํารวจชุดใหญ่ ตํารวจหลบหันมาทางสุชาติ “หมวด เอาไง”
สุชาติบอก “จับตาย”
ตํารวจพากันยิงใส่ เรือเร็วของโจรเสียหลักหมุนคว้างกลางทะเล
กลุ่มโจรตัดสินใจโยนกระเป๋าที่บรรจุยาเสพติดลงไปในน้ำ เกิดการยิงต่อสู้กัน พวกโจรล้มตายบาดเจ็บไม่มีใครต่อสู้ เรือของสุชาติแล่นเข้าใกล้เรือของโจร สุชาติกระโดดไปที่เรือเพื่อค้นหาหลักฐาน แต่โจรคนหนึ่งยังไม่ตายหันปืนมา สุชาติไวกว่ายิงใส่ โจรตายคาที่
“จ่า หาหลักฐานซิ”
จ่ามองไปรอบๆ ไม่เห็นกระเป๋า “มันคงทําลายหลักฐานหมดแล้วละครับ”
“ไอ้พวกมารสังคม...เอาศพไอ้พวกนี้เป็นหลักฐานด้วยหาตัวการใหญ่ต่อไป”
ที่บ้านพักตํารวจ ในเวลาเดียวกัน มณีในวัยสาวซึ่งตายังไม่บอดอุ้มเด็กหญิงดารินเห่กล่อมเบาๆ
ฝ่ายสุชาติก้าวขึ้นจากเรือเร็วกระโดดขึ้นท่าเรือ จ่าตํารวจตามมา
ทั้งหมดเดินมาตามท่าเรือ สะพานปลาที่ยื่นยาวไปในทะเลได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนร้ายใส่หมวกปิดหน้าปิดตา โผล่ออกมาจากใต้สะพาน กระหนํ่าปืนใส่กลุ่มของตํารวจ สุชาติและพวกตายคาที่
มณียืนแอบฟังอยู่ในบ้าน น้ำตาไหลพราก
ดารินเองก็น้ำตาไหล เช็ดน้ำตา
“พ่อเสี่ยงตายเพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศ ทําไมพ่อต้องตายเพราะไอ้พวกคนชั่วด้วย”
มณียืนร้องไห้อยู่ “เพราะยังงี้ไง แม่เขาถึงห่วงหนู”
“รินจะไปเกาะมุกค่ะ รินเป็นตํารวจ รินพอรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการตายของพ่อ เราต้องหยุดมันนะคะอา”
มณีได้ฟัง พยายามกลั้นสะอื้น เนื้อตัวสั่นไปหมด
“อย่าไปเลย หนูรู้มั้ยว่าทําไมแม่เขาถึงตาบอด”
“เรื่องนี้รินก็อยากรู้มานานแล้วค่ะอา”
บุญเกิดเล่าต่อ “หลังจากที่หลักฐานถูกพวกมันโยนทิ้งน้ำไป ไอ้ทีมล่าสังหาร มันเข้าใจว่าของกลางอยู่ที่บ้านของพ่อหนู”
ถึงตอนนี้มณีเม้มปาก กลั้นสะอื้น น้ำตาไหลพราก จำเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นได้แม่น
20 ที่แล้ว ในขณะที่มณีอุ้มลูกอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“พ่อหนูกลับมาแล้ว”
มณีวางลูกลงที่เบาะ ตัวเองออกมาที่ประตู เปิดประตู คนร้ายเข้ามา อุดปากอุดจมูกมณีหายใจไม่ออก ทรุดตัวลง โจร 1 สั่งลูกน้อง “ค้นดูซิ...หาให้เจอ”
โจรทั้งสองรื้อค้นข้าวของกันกระจุยกระจาย
มณีรู้สึกตัว ผวาลุกขึ้น ร้องโวยวาย “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
โจรหันมาเห็นคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งทุบไปที่ศีรษะของมณีจังๆ มณีล้มทรุดลงกับพื้น
มีเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน โจรแหวกม่านดู หันมาบอกอีกคนหนึ่ง
“ตํารวจมา”
โจรทั้งสองกระโจนออกทางหลังบ้าน
บุญเกิดคนสนิทของหมวดสุชาติในวัยหนุ่มเข้าบ้านมา “คุณนาย...คุณนายครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับ มีแต่ยินเสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังมาจากข้างใน บุญเกิดเดินเข้าไป
บุญเกิดอุ้มเด็กหญิงไว้ในอ้อมกอด มองไปที่มณียังนอนไม่ได้สติ เลือดเลอะเต็มใบหน้า
ดารินสะเทือนใจร้องไห้โฮออกมาเมื่อฟังเรื่องจบ บุญเกิดบอกต่อ
“ผลจากการถูกทุบ ทําให้ประสาทบางส่วนไม่ทํางานและนี่เองที่ทําให้แม่หนูตาบอด”
ดารินสะอื้นพูดเสียงเครือ “ยิ่งรู้อย่างนี้ หนูก็จะต้องไปที่เกาะมุกให้ได้”
มณีฟังแล้วตกใจ มือปัดไปโดนข้าวของตกแตก เป็นลมล้มกับพื้น
ดารินกับบุญเกิดลุกขึ้นพร้อมกัน “แม่”
ดารินถลาเข้ามาในห้องพร้อมบุญเกิด ประคองแม่ เขย่าตัว
“แม่ๆๆๆ”
“แม่มณี” บุญเกิดตกใจสุดขีด
ไม่นานต่อมามณีนอนหลับแล้วบนเตียง ดารินห่มผ้าให้ บุญเกิดกับเนตรทรายยืนอยู่ไม่ห่าง
ทั้งหมดออกไปจากห้อง
พอออกมาพ้นห้องเนตรทรายถามดาริน มีบุญเกิดอยู่ใกล้ๆ
“แล้วเธอตัดสินใจยังไงเหรอ ริน”
“ยังไงฉันก็ไป ถ้าไม่ไหวก็กลับมา ขอให้ได้ไปเหยียบแผ่นดินสุดท้ายของพ่อก่อน”
บุญเกิดถอนใจ “ลองคิดดูดีๆ ก่อนละกันนะริน”
ดารินนิ่ง พยักหน้า แต่ดวงตามุ่งมั่น
ด้านหยาดฟ้ า คํารณ และฤทธิ์ กำลังเดินทักทายคนไหว้คนไปทั่ว
“กํานันมีแผนพัฒนาเกาะมุกให้เป็นเกาะที่ทันสมัย มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวที่นี่ ต่อไปเงินทอง จะสะพัด ทุกคนดีใจมั้ยจ๊ะ” หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น
ชาวบ้านพากันยิ้มดีใจ สิงห์เดินผ่านมาพอดี
“แล้วจะมีร้านเหล้า มีซ่องโสเภณี มีแหล่งเสื่อมโทรมเกิดขึ้นด้วยหรือเปล่าล่ะ”
คํารณสั่งลูกน้องให้ล้อมไว้ พัน ธง ศรล้อมสิงห์
หยาดฟ้าบอกอีก “พ่อแม่พี่น้องคะ นี่คือตัวอย่างของคนที่ขัดขวางความเจริญของพวกเรา ถ้าขืนมีคนแบบนี้อยู่ในเกาะมุก พวกเราทุกคนก็จะอยู่ในความเสื่อม”
สิงห์หัวเราะหยัน “ไอ้พวกเจริญ ไอ้พวกมีอารยธรรม ได้เป็ นกํานันก็เพราะลอบยิงคู่แข่ง นี่หรือวะคนเจริญแล้ว พวกเราอย่าไปฟังพวกมัน มันไม่ใช่คนเกาะมุก แต่หวังจะหาผลประโยชน์จากที่นี่”
ขาดคํา คํารณก็ตรงเข้าตบหน้าสิงห์ แต่สิงห์รับไว้ได้ สิงห์ต่อยคํารณล้มไป พัน ธง ศรเข้ารุมสิงห์
ฤทธิ์ห้าม “พอได้แล้ว...อย่าให้เกิดเรื่องในวันแรกที่ฉันมาพบพ่อแม่พี่น้องเกาะมุกเลย”
สิงห์หัวเราะใส่หน้าฤทธิ์ “ไอ้พี่ฤทธิ์ ขอบใจทีพี่ยังรู้จักคิดบ้าง...ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ มีอํานาจก็ไม่ได้หมายความจะแสดงว่าตัวเองเหนือคนอื่น อํานาจมาแล้วก็ไป...ไม่ยั่งยืนหรอกพี่”
สิงห์เดินไปอย่างไม่แคร์ หยาดฟ้าเชิดหน้า บอกกับฤทธิ์เบาๆ
“วันไหนที่แกเอามันมากราบเท้าฉันได้ วันนั้นฉันจะมีความสุขมาก”
สิงห์เล่าเรื่องให้ทั้งสองพ่อลูกคนฟัง
“มันจะมาวางอํานาจบาตรใหญ่ที่นี่ไม่ได้ ข้าไม่ยอม” เป้าฮึดฮัด
“พ่อ...ฉันกลัว” เปียหวาดหวั่น
“กลัวอะไร เอ็งมีไอ้สิงห์คอยดูแลอยู่ทั้งคน”
“พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งเปีย”
กลุ่มของหยาดฟ้าเดินมาพอดี สิงห์อยู่ในร้านมองออกไป คํารณ หยาดฟ้า และฤทธิ์มองเข้ามาอย่างแค้นๆ
“ขายเท่าไหร่ร้านนี้”
เป้าหัวเราะใส่ “อยากได้มากนักหรือแม่คุณ ผ่าอก ควักหัวใจมาแลกสิจะยกให้เลย”
คํารณโมโห “โอหัง...เอามันไว้ทําไมล่ะหานายฤทธิ์”
สิงห์หัวเราะเยาะ “นายฤทธิ์...นี่พวกมันให้เกียรติพี่ฤทธิ์มากเลยนะ เป็นถึงกํานัน ให้เขาเรียกจิกหัวได้ เสียศักดิ์ศรี”
ฤทธิ์ตัดบท “ไปกันเถอะครับ ผมยังไม่อยากมีเรื่อง”
ทั้งหมดพากันเดินไป สิงห์ตะโกนตาม “ถ้าอยากมีเรื่องเมื่อไหร่ก็บอกละกัน จะคอย”
ฤทธิ์เดินเข้าไปในบ้านพัก ซึ่งหยาดฟ้าจัดเตรียมไว้ให้ มีหยาดฟ้าอยู่ใกล้ๆ
“ฉันซื้อต่อจากชาวบ้านคนหนึ่งที่เกาะนี้ ไว้ให้เธอทําสํานักงานกํานัน แล้วก็อยู่อาศัยด้วย เป็นกํานันอยู่วัด ก็คงไม่เหมาะ อยู่ที่บ้านเสี่ยคงคายิ่งไม่เหมาะใหญ่”
ฤทธิ์ยิ้ม มองหยาดฟ้าอย่างซาบซึ้งระคนชื่นชม “คุณหยาดฟ้าช่างดีต่อผมจริงๆ”
“ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันรู้สึกดีต่อเธอ...ตั้งแต่เราพบกันเลยนะ เธอล่ะรู้สึกยังไงกับฉันบ้าง”
หยาดฟ้าจงใจสบตาฤทธิ์อย่างเปิดเผย ฤทธิ์จับมือหยาดฟ้า รวบตัวมากอด
“ตั้งแต่ผมโตมาจนป่านนี้ ผมไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนเท่าคุณ...ผมรักคุณ”
หยาดฟ้าสบตาอายๆ ฤทธิ์ก้มลงหมายจะจูบ แต่ยังไม่ทันจูบ เสียงของพวกคํารณก็ดังมาก่อน ทั้งสองผละออกจากกัน คํารณถาม “เป็นยังไงบ้างพ่อกํานัน ชอบใจมั้ย”
“ครับ คุณคํารณ”
คํารณพูดเหมือนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น “แทนที่จะดูว่ามีทางหนีทีไล่หรือเปล่า เผื่อมีอะไรคับขัน
ก็ดันมาขลุกอยู่กับผู้หญิง”
หยาดฟ้าเดินออกไป คํารณเดินมาหาฤทธิ์
“โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงของเสี่ยคงคาซะด้วย”
ฤทธิ์อึ้งกลืนน้ำลาย ท่าทีหวาดหวั่น พัน ธง ศร แกล้งตบปืนโชว์ให้เห็น
ฟากเทวานั่งพักอ่อนแรง เหมือนไม่อยากซ้อม ปลาดุกเดินมา
“พ่อบอกว่านายมีโปรแกรมขึ้นชกแล้วนะ โห ชื่อนายบนเวที เด็ดมากเลย”
“อะไรวะ”
“เทวา ลูกเกาะมุก”
เทวาไม่พอใจนัก ลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องเอาเกาะมุกมาเกี่ยวได้มั้ย”
“อ้าว ใครจะไปรู้วะว่าไม่ชอบ นายนี่ก็แปลกนะ บ้านเกิดตัวเองแท้ๆ กลับไม่ชอบ ไม่เอา คิดจะหนีรากเหง้าตัวเองหรือไง ยังไงนายก็ยังเป็นคนเกิดที่เกาะมุกๆๆๆ อยู่แหละวะ จะปฏิเสธทําไม...อ๋อ หรือว่า แค่จะมีผู้หญิงหากินคน หนึ่งไปเหยียบเกาะมุก นายก็เลย...”
เทวาตวาดออกมา “หยุด...ไอ้ดุกหยุด”
“ไม่หยุดโว้ย...พูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
เทวาเดินหนีไป ปลาดุกเดินตามไม่ลดละ นิลเริ่มออกมาดู เช่นเดียวกับนักมวยอื่นๆ ที่ซ้อมอยู่มุมต่าง ๆ ก็หันมามอง
“นาย...นาย...ไอ้เทวา ไอ้บ้าเทวา”
เทวาหันมาเผชิญหน้า “มีอะไรอีก”
ปลาดุกมองเทวาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลูกผู้ชายหรือเปล่าวะ ชกกันบนเวทีก็ได้นะโว้ย ให้พ่อเป็นกรรมการ เอาปะ”
“ไม่...ไม่อยากชกผู้หญิง”
ปลาดุกตั้งการ์ดมวย ถีบนําไปก่อน เทวาหันมา หน้าตาจริงจังขึ้น
นิลวิ่งมา พร้อมกับบรรดานักมวยในค่าย
“ไอ้ดุก หยุด”
นิลรวบตัวปลาดุกไป “ข้าฟังมานานแล้วไอ้ดุก ไอ้เทวา ก็ถ้าเอ็งไม่ชอบคําว่า ลูกเกาะมุก จะเปลี่ยนเป็นลูกสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อะไรก็ได้นี่หว่า ไม่เห็นต้องมีปัญหา...แล้วข้าถามหน่อยเถอะวะเทวา ตกลงไอ้เกาะมุกของเอ็งนี่มันน่ารังเกียจนักเหรอวะ”
เทวานิ่ง สงบใจลง “เปล่า ตรงข้ามเลยอา...เกาะมุกสวยมาก แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจ”
“ข้าก็แค่ถามดู แปลกใจเท่านั้น มีแต่คนที่เขาจากบ้านมาเขาคิดถึงบ้าน ส่วนเอ็งจะอยากหนีไปไกลๆ ถุย ถ้าไม่มีปัญญาหนี ก็อย่าหนีสิวะ คนที่หนีก็คือคนที่ขี้ขลาดโว้ย”
เทวาอึ้งไป ปลาดุกยืนยิ้มสะใจอยู่
ตกกลางคืนหลวงปู่หาญแหงนมองฟ้า ทุกคนเลยทําตาม เห็นฟ้าคืนนี้มืดมาก
“คืนอมาวสี...คืนที่พวกเจ้าทุกคนได้มาอยู่ที่นี่..คืนนี้ให้พวกเจ้ารวมพลังกันส่งถึงพี่น้องที่พลัดพรากจากกันไป”
“ผมจะส่งให้เทวากลับมาที่นี่” เดชว่า
สิงห์ กะก้องรีบสนับสนุน “ใช่ๆ ทําได้มั้ยครับหลวงปู่” สิงห์ว่า
“ขึ้นอยู่กับว่าเทวาเปิดจิตรับหรือเปล่า”
“งั้นก็เริ่มเลยเถอะครับ...ที่ไหนดีหลวงปู่” ก้องบอก
“ลานเจดีย์ดีกว่า”
ที่ลานเจดีย์ไม่นานต่อมา แลเห็นทุกคนนั่งสมาธิ หลวงปู่หาญเดินไปนั่งที่แคร่ ซึ่งบุญกู้จัดเตรียมไว้แล้ว บุญกู้นั่งสมาธิข้างหลวงปู่ ด้วย ลมเริ่มพัดแรง แต่ดวงดาวบนฟ้ามืดสนิทเหมือนเคย
ใบโพธิ์แห้งถูกลมพัดร่วงพรูเป็นสายสวยงามอยู่เต็มบริเวณ
ขณะเดียวกันที่หน้าร้านของเปีย ประตูไม้แบบห้องแถวไม้ทั่วไปปิดสนิท แสงไฟจากเสาไฟส่องสว่างไม่มากนัก
รถจิ๊ปคันหนึ่งแล่นมาแล้วหยุดอยู่หน้าร้าน เห็นคนหนึ่งเป็นคนขับ อีกสองคนใช้ปืนยิงถล่มร้าน
เป้ากับเปียตกใจ รีบหมอบลงหลบ เสียงรถแล่นไป สองพ่อลูกรีบไปที่ประตู เห็นมีรอยกระสุน
“มันเล่นเราแรงขึ้นทุกวัน”
เปียน้ำตาคลอกลัวจับจิต “พ่อ ฉันกลัว”
ทุกคนยังนั่งสมาธิอย่างสงบเหมือนเดิม กระแสพลังเทวดาหมุนวนอยู่เหนือศีรษะของทุกคน
ส่วนที่หลวงปู่กระแสพลังเทวดาพุ่งตรงมายังลูกศิษย์ทุกคน
ฝ่ายเทวาเก็บกระเป๋ากลับห้องพัก
“คืนนี้ซ้อมหนัก รักษาตัว ดูแลตัวเองดีๆ นะโว้ยเทวากลางเดือนหน้าขึ้นชกแล้ว” นิลกำชับ
“ครับอา”
“ฉันเดินไปส่ง”
เทวากับปลาดุกเดินไป นิลเข้าไปอีกทางหนึ่ง
เทวากับปลาดุกเดินคุยกันมา ปลาดุกเป็นฝ่ายถามขึ้น
“ดารินติดต่อมาบ้างมั้ย”
“เปล่า”
“แอบหนีไปเกาะมุกแล้วมั้ง”
“ก็แล้วแต่”
“เขาไม่ได้ชวนนายเหรอ”
“เขาบอกให้ตัดสินใจ แต่ยังไม่เห็นมาเอาคําตอบ”
“แล้วนายว่าไง”
เทวาจะตอบ แต่รู้สึกแน่นหน้าอกมาทันที หน้านิ่ว คลําหน้าอก มองไปบนฟ้าก็เห็นท้องฟ้ามืด แต่กระแสพลังเทวดาลอยวนอยู่เหนือหัว เทวานึมพำ
“หลวงปู่...มนต์”
เอ่ยได้เพียงเท่านั้นเทวาก็ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ
ปลาดุกแปลกใจระคนตกใจ “นายเป็นอะไร..เทวา...เทวา...เดี๋ยวจะไปเอายาลมมาให้นะ”
พอปลาดุกวิ่งลับตัวไปแล้ว เทวานั่งอยู่คนเดียว จึงแหงนมองไปที่พลังเทวดา พูดอย่างติดๆ ขัดๆ
“ผม...รู้แล้ว...แต่...ยัง ไม่อยากกลับ”
อ่านต่อตอนที่ 6