xs
xsm
sm
md
lg

พายุเทวดา ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พายุเทวดา ตอนที่ 3

เทวาไม่รู้ว่ามันเป็นผลงานพวกคํารณ พัน ธง ศร ที่กำลังย่ามใจกับการใช้พลังเทวดา กําหนดให้ฟ้าผ่ากลางทะเลกันดังเปรี้ยงๆๆ

คํารณหัวเราะร่า หันมาทางคงคาที่ยืนคู่กับหยาดฟ้า
“สนุกจังเลยพ่อ...ไม่คิดเลยว่ามีพลังอย่างนี้ในโลกด้วย”
“ดีแล้ว ต่อไปจะได้ใช้มันทํามาหากินสร้างความรํ่ารวยและอํานาจให้กับพวกเรา”
คํารณ พัน ธง และศรต่างก็ใช้วิชาเทวดาอย่างคึกคะนอง สนุกสนาน หัวเราะกันร่าเริง

ส่วนในห้องที่ทําพิธี ร่างฤทธิ์ฟุบอยู่ที่พื้น เขาโงหัวขึ้น แต่ก็ต้องฟุบลงอีก เกิดนิมิตขึ้นในห้วงคิดของเขายามนี้ ในท่ามกลางที่โล่งกว้าง แลเห็นหลวงปู่ยืนอยู่ตรงหน้า ฤทธิ์กราบหลวงปู่
“หลวงปู่...ช่วยผมด้วย”
“ทุกอย่างเจ้าเลือกเอง เจ้าฤทธิ์เอ๋ย...กลับตัวกลับใจเสียใหม่เถิด”
ร่างหลวงปู่หายวับไป ฤทธิ์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อตํ่าใจ
“ขนาดในนิมิต หลวงปู่ ยังไม่เมตตาผมเลย...หลวงปู่ ใจร้าย หลวงปู่ รักลูกศิษย์ไม่เท่ากัน”
ร่างฤทธิ์ฟุบไปอีกครั้ง

เรือรับข้างแล่นมาในท้องทะเล เทวาหันไปมองผู้โดยสารที่ต่างก็ตกใจ เรืองเอียงเอนไปตามกระแสคลื่นที่ปั่นป่วน บางคนร้องไห้ออกมา
“ฉันตายแน่คราวนี้...โธ่ คุณพระคุณเจ้า แม่พระคงคาช่วยลูกช้างด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
เทวาแหงนไปมองท้องฟ้า เห็นสายฟ้าผ่าเปรี้ยงอยู่ไกลลิบๆ
“ขืนเป็นอย่างนี้ เรือต้องล่มแน่ๆ บ้านเรือนตามชายฝั่ง ก็จะเดือดร้อนไปด้วย”
เทวาหลับตา พลันเกิดกระแสลมมรสุม พัดผ่านไปอย่างแรง เรือเอียงวูบ สายฟ้าถูกลมพัดหายไป

หยาดฟ้าอยู่ที่ชายหาด บอกกับเสี่ยคงคาอย่างประหลาดใจ
“น่าแปลก ลมอะไรพัดสายฟ้าของคุณคํารณกับพวกหายไปหมดเลย”
คงคาหน้าเครียดมองลมมรสุมที่พัดแรงอยู่รอบตัว
“กลับกันเถอะ พายุมา”
คํารณโมโห “ผมกะให้ฟ้าผ่าที่เรือตกหมึกที่เห็นอยู่นั่น ทําไมมันถูกลมพัดหายไปหมด”
คงคาบอก “คงต้องถามไอ้ฤทธิ์ กลับกันเถอะพวกเรา”

ตอนคํ่าวันเดียวกัน งานฉลองแต่งจัดเป็นปาร์ตี้เล็กๆ ริมหาด มีซุ้มดอกไม้ เขียนชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวไว้ว่า “แสงจันทร์ - มนต์” มนต์ เดช ก้องมองดูท้องฟ้า พูดกันเบาๆ
“เหมือนพี่ฤทธิ์ส่งพลังเทวดาไปทําร้ายใครยังงั้นแหละ ข้าชักเป็นห่วงเทวาแล้วสิ...เทวามาหรือยัง”
สิงห์วิ่งหน้าตาตื่นมาพอดี ผ่านทุกคนที่ยืนถือแก้วเครื่องดื่มอยู่ ทุกคนมองที่สิงห์
“เทวาไม่อยู่ที่วัด น้าบุญกู้บอกว่าออกไปตั้งแต่เย็น ข้าก็เลยไปที่ท่าเรือ ทุกคนยืนยันว่าเทวาไปที่ชายฝั่ง”
เดชว่า “หรือมันไปประลองวิชากับพี่ฤทธิ์”
ก้องเห็นด้วย “ใช่ๆ พลังสลาตันพัดสายฟ้าพี่ฤทธิ์หายไปหมดเลย พวกเอ็งเห็นใช่มั้ย”
ทุกคนต่างมารุมล้อมที่กลุ่มเทวดา แสงจันทร์สงสัยในท่าทีหนุ่ม “เกิดอะไรขึ้นหรือพี่มนต์”
แสงดาวคาใจนัก “มีอะไร บอกพวกฉันสิ”
สิงห์เป็นคนบอก “เทวาหายตัวไป”
แสงจันทร์ใจหล่นวูบหน้าซีด เบือนหน้าหนี ซ่อนน้ำตาที่เอ่อคลอๆ
สนเอ่ยขึ้น “นี่แหละไอ้เทวาละ มันใจน้อย ไม่เป็นลูกผู้ชาย...โชคดีของเอ็งแล้วแสงจันทร์ที่ได้คนดีๆ อย่างครูมนต์มาเป็นคู่ครอง”
แสงจันทร์ฝืนยิ้มพยักหน้ารับ “พี่มนต์เราไปรับแขกกันเถอะ...ไม่มีอะไรนะคะ เชิญสนุกกันต่อค่ะ”

แสงดาวยืนซึมอยู่ ทอดสายตามองไปที่ทะเล หมอนทีก้าวมายืนอยู่ข้างๆ
“เทวาคงมีเหตุผลของเขานะ คุณแสงดาวว่ามั้ย”
“คนทุกคนก็มีเหตุผลทั้งนั้นแหละ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเหตุผลของใคร และเพื่อใคร”
หมอนทีเกาหัว ไม่รู้จะเอาใจแสงดาวยังไง
“ผมก็แค่ออกความเห็น ไม่น่าจะต้องโมโหเลย”
“ไม่ได้โมโห แค่เหวี่ยงนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าหมออยากโดนแรงเหวี่ยงก็รับไปเต็มๆ เลย”
แสงดาวเดินหนีไป สนกับประสิทธิ์ยืนคู่กันอยู่ ทุกคนต่างทักทายกัน เจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายรูปกับแขกที่มาในงาน

ด้าน เดช ก้อง และสิงห์ ทั้งสามยืนเครียดอยู่ด้วยกันที่ท่าเรือ
เดชเอ่ยขึ้น “ไม่มีเรือแล้ว ต้องรอพรุ่งนี้เช้า”
“ขืนรอ ไอ้เทวามันก็โดนพี่ฤทธิ์ฆ่าตายก่อน” ก้องว่า
สิงห์บอก “ไม่หรอก ข้าว่าไม่มีใครทําอะไรเทวาได้ แต่เราต้องตามเทวากลับมา อย่างน้อยก็ทําให้พลังเทวดาของพวกเราสมบูรณ์ขึ้น”
“จริงของสิงห์...หาเรือประมงไปเองก็ได้นี่”
“ไปที่หมู่บ้านชาวประมง ยืมเรือเขาก็น่าจะได้นะ”
เดชกับสิงห์พยักหน้าขานรับ

ไม่นานต่อมา ทั้งสามหนุ่มอยู่ในเรือประมงแล้ว นั่งหารือกันอยู่ที่หัวเรือ
“รู้เหรอว่าพี่ฤทธิ์อยู่ที่ไหน”
สิงห์กับก้องส่ายหน้า “ข้าบอกแล้วไงว่าให้ตามหาเทวา อย่าไปสนใจพี่ฤทธิ์เลย ไม่มีประโยชน์หรอก ขนาดมนต์แต่งงาน พี่ฤทธิ์ยังไม่มาร่วมงานเลย”
“ถ้างั้นถึงชายฝั่งแล้วก็ช่วยกันค้นหา” ก้องสรุป
แลเห็นเรือประมงโต้คลื่นไปในกลางทะเล

เมื่อกลับถึงบ้าน คงคานำทุกคนแวะเข้ามาดูในห้องพิธี คํารณกระชากดึงผมฤทธิ์ที่ฟุบอยู่กับพื้นขึ้นมาดู คงคาบอก
“หมดสภาพเลยเหรอวะ...ปล่อยมันเถอะ ตอนนี้ลมมรสุมหายไปแล้วนี่...พวกเอ็งอยากใช้วิชาที่เพิ่งได้มาก็ทําให้ สนุกไปเลย”
คํารณคาใจ “แล้วถ้าพลังหมดล่ะพ่อ”
คงคาบอกไม่สนใจสภาพฤทธิ์ “หมดก็เอาปืนจี้หัวมัน ให้มันถ่ายให้พวกเราใหม่สิวะ”
ทุกคนหัวเราะกันสนุกคงคาเดินตามทุกคนออกไป
หยาดฟ้าเข้าไปปลุกฤทธิ์ “นายฤทธิ์...นายฤทธิ์”
ฤทธิ์ปรือตาเงยหน้าขึ้นมา แล้วฟุบลงไปอย่างเดิม หยาดฟ้าส่ายหัวลุกตามกลุ่มคงคาออกไป ทิ้งฤทธิ์ไว้คนเดียวในห้อง

ไม่นานต่อมาทุกคนอยู่ที่ชายหาด แลเห็นเรือตกหมึกจอดเรียงกันอยู่ลิบๆ แสงไฟสว่างไสว
คงคาบอกลูกชายและสมุน “ส่งสายฟ้าล่มเรือตกหมึกให้จมลงทีละลําให้พ่อดูเป็น ขวัญตาหน่อยเถิด”
“ได้สิครับ”
หยาดฟ้าดี๊ด๊าตื่นเต้น “โอ๊ย ตื่นเต้นจังค่ะเสี่ย”
คํารณ พัน ธง ศรหลับตาแล้วแบมือทั้งสองข้าง พลังเทวดาเป็นสายฟ้าปรากฏที่ฝ่ามือ ทั้งหมดผลักพลัง
สายฟ้าไปที่กลางทะเล

คืนเดียวกัน หลวงปู่หาญอยู่ในโบสถ์ ลืมตาขึ้น จ้องมองไปข้างหน้า
สิงห์ ก้อง เดชอยู่ในเรือประมง กำลังมองไปที่ท้องฟ้า เห็นสายฟ้าฟาดสายลงมาเปรี้ยงๆ
ก้องบ่น “พี่ฤทธิ์เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย”

คลื่นม้วนตัวสูงมาก จนเรือเอียงวูบ ทั้งสามเซไป

กลุ่มของคํารณลองวิชาอยู่ที่ชายหาด แต่สายฟ้าก็ไม่พาดไปโดนเรือตกหมึกสักลํา

“พลาดไปหมด ไม่เห็นเรือตกหมึกจมสักลําเดียว” หยาดฟ้าบ่น
“ตั้งใจหน่อยสิวะ แบบนี้จะเอาพลังเทวดาไปใช้ได้ยังไง” คงคาบอกลูกและสมุน

ส่วนกลุ่มของเดช มองไปที่ท้องฟ้า เห็นเงาร่างของหลวงปู่ยืนขวางสายฟ้าของพวกคํารณอยู่
เดชร้องขึ้นมา “หลวงปู่”
สิงห์เห็นด้วย “หลวงปู่ จริงๆ ด้วย”
ก้องร้องอย่างดีใจ “หลวงปู่ มาช่วยเรา”
ทั้งสามกราบลงทันที
ที่ขอบฟ้าเห็นเงาร่างหลวงปู่ จ้องไปที่กลุ่มคํารณ

กลุ่มคํารณจะบังคับสายฟ้าให้ออกไปตามที่ใจคิด แต่กลับไม่มีสายฟ้าเลย
ศรงง “คุณคํารณ ทําไมผมทําไม่ได้”
พันด้วย “ผมก็เหมือนกันครับ”
คํารณหน้าเสีย ลองทําดูก็ไม่ได้ “จริงด้วย”
คงคาหน้าเครียดจัด “บางทีพวกนายคงต้องถือศีลแปดอย่างที่ไอ้ฤทธิ์มันว่า”
คํารณโวย “ให้ผมไปตายดีกว่าพ่อ”

พริบตานั้นเงาร่างของหลวงปู่หาญปรากฏที่หน้ากายหยาบภายในโบสถ์ แล้ววูบเข้าไปในร่างของตน

วันถัดมาดารินขับรถมาแล้วผ่านหน้าห้องอาหาร เห็นหญิงคนหนึ่งถูกดึงตัวเข้าไปในห้องอาหารนั้น หญิงสาว
พยายามจะหนี แต่ถูกชายสองคนผลักเข้าไป ประตูปิดลง
ดารินกับเนตรทรายจอดรถไม่ห่างจากห้องอาหารนั้น
“ที่นี่แหละที่สารวัตรได้รับรายงานว่ามีการล่อลวงเด็กหญิงมาค้าประเวณี”
เนตรทรายหารือ “จะเข้าไปได้ไง...สารวัตรบอกว่าให้รีบลงมือด้วย”
“ไม่น่ายาก...ว่าแต่เธอไม่ต้องมากับฉันหรอกนะ”
“อ้าว ทําไมล่ะ เกิดอะไรขึ้นมา ฉันจะได้ช่วยเธอไงจ๊ะ”
“อยู่กับแม่มณีดีกว่า...ฉันกลัวแม่มณีจะห่วงฉันจนไม่สบาย”
“ไว้รอคําสั่งสารวัตรดีกว่า”
ดารินขับรถออกไป สายตาดารินยังมองมาที่ห้องอาหารแห่งนั้นผ่านกระจกมองหลัง

ภาพของกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ สวยงาม และเจริญหูเจริญตา ตึกรามสูงเสียดฟ้า มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านบนหัว ปรากฏต่อสายตาเทวา เขาแหงนมองรอบตัว อย่างตื่นตาตื่นใจ เทวาเดินไปสวนทางกับผู้คนมากมาย

ดารินผลักประตูออกมา เนตรทรายและทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว ดารินแต่งตัวสวยเปรี้ยว ค่อนข้างโป๊
ล่อแหลม ใส่แว่นตาและวิกผมที่ออกไปในทางแนวผู้หญิงกลางคืน
เนตรทรายร้องทัก “แม่เจ้าโว้ย”
ดารินหันมาส่งยิ้มให้ แบบเท่ๆ กวนๆ “เป็นไงเพื่อน”
สารวัตรบอก “ระวังตัวหน่อยนะแม่หมวดคนสวย”
ดารินก้าวฉับๆ อย่างมั่นใจเดินนวยนาดไป

เทวานั่งอยู่ที่ฟุตบาท มองดูรถราที่แล่นผ่านไปมา เสียงเพลงจากคนแหกปากร้องคาราโอเกะดังมา เทวาหันไปดู เห็นร้านอาหารที่มีคาราโอเกะบริการลูกค้า
เสียงนักร้องบนเวทีดังขึ้น “สําหรับท่านที่อยากร้องเพลง ก็ขอเชิญเลยนะครับเรามาร่วมสนุกกัน โต๊ะละเพลงเลยครับ เวียนกันไป”
เทวาชักสนใจ ลุกไปชะโงกดู เห็นบรรยากาศภายในร้าน มีหญิงกลางคนคนหนึ่งขึ้นไปร้องเพลงด้วยเสียงเพี้ยนที่ไม่น่าฟัง แถมไม่ถูกคีย์
เทวาดึงกระเป๋าเงินมาเปิดดู เห็นว่าพอมีค่าอาหารจึงเข้าไปในร้าน
เด็กพนักงานนําไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง พนักงานส่งเมนูให้ เทวาบอกก่อน
“ขอข้าวผัดหมูไข่ดาว แล้วก็น้ำเปล่า”
เทวาไม่ได้สนใจอาหารเท่าไหร่ แต่มองไปที่เวทีคาราโอเกะตลอดเวลา หญิงสาวซึ่งมากับเสี่ยคนหนึ่งส่งสายตาให้
เทวารวบช้อน แล้วขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แค่ขึ้นท่อนแรก คนก็ปรบมือกันเกรียว เสี่ยไม่พอใจที่หญิงสาวซึ่งมาด้วยส่งสายตาให้เทวาตลอด
ปลาดุกนั่งอยู่มุมหนึ่ง เด็กสาวแต่งตัวเป็นทอมหล่อ หมุนแก้วเครื่องดื่มมองมาที่เทวา สายตาของปลาดุกมองไป
ทั่วร้านอย่างระแวดระวัง
เทวายังร้องเพลง สบายใจเฉิบ ส่งสายตาไปทั่วร้าน คนในร้านต่างมองอย่างชื่นชอบ เสี่ยไม่พอใจ หยิบของขว้างไปบนเวที เทวาหลบทัน เสี่ยกระโจนไปหาเรื่อง
“อะไรกันครับ...ผมร้องเพลงอยู่ดีๆ”
“ร้องเพลงแล้วทําไมต้องมองเมียอั๊วด้วย”
“ผมไม่รู้เรื่อง”
เสี่ยไม่ฟังต่อยเทวาล้มลงไป ปลาดุกส่ายหัวคล้ายเห็นเป็นประจำ
เทวาฮึดสู้ ต่อยเสี่ยหลายครั้งควํ่าไป เจ้าของร้านโวยวาย ส่วนคนในร้านเริ่มแตกหนีไป
“ตํารวจๆๆๆ” เจ้าของตะโกนลั่น
เทวาได้สติรีบวิ่งหนี แต่ไม่รู้จะไปทางไหน ปลาดุกวิ่งมาหา
“ทางนี้พี่”
ปลาดุกพาลัดเลาะไปด้านหนึ่ง

ค่ำแล้วดารินยืนเกร่อยู่ที่หน้าร้านอาหารที่มีหญิงบริการทางเพศ แมงดาชายคนหนึ่งออกมาจากข้างใน ดารินส่งยิ้มให้
“อยู่แถวนี้เหรอน้อง”
“เปล่า...มาหางานทํา”
ชายมองดารินอย่างสํารวจ ดารินยืนให้สํารวจอย่างท้าทาย
“พอจะทํางานกับพี่ได้หรือเปล่า”
“เคยทํามาก่อนหรือเปล่าล่ะ”
ดารินปากดีอวดโอ้สมบทบาท “แหม..พี่...งานแบบนี้มันอยู่ในสายเลือด รับหนูเข้าทํางานสักคนสิ แล้วแขกพี่จะมากขึ้น หนูอยู่ที่ไหน มีแต่แขกติดตรึม”
“ทําไรได้บ้าง”
ดารินบอกอย่างคล่องปาก “ไม่เต้น ไม่โชว์ คุยกับแขกได้”
“แล้วออฟได้หรือเปล่า”
“ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลง”
“เล่นตัวมากมันจะไม่ได้นะน้อง” ชายนั้นว่า
“สวยๆ อย่างหนูไม่มีโอกาสเล่นตัวเหรอไงพี่จ๋า” ดารินฉอเลาะ
“เข้ามาสิ”
ชายคนนั้นเปิดประตูให้ ดารินเข้าไปข้างใน

พอดารินเข้ามา พบว่าภายในร้านมืดสลัว เป็นบรรยากาศของห้องอาหารมีหญิงบริการประตูปิด เด็กหญิงหน้าตามอมแมมหลายคนนั่งอยู่ที่โซฟา ดารินมองด้วยความเวทนา แมงดาอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว มองดารินอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“มาสมัครงาน...อั๊วรับไว้ สําหรับพวกเสี่ยที่ไม่ชอบเด็ก” แมงดา 1 ถามเพื่อน
แมงดา 2 มองปราดเดียวแล้วบอก “ท่าทางฉลาดเกินไป ระวังหน่อยก็แล้วกัน”
ดารินทําเป็นไม่ได้ยิน นั่งลงกับกลุ่มเด็กๆ
แมงดา 1 แขวะ “ถ้าคืนนี้หาแขกไม่ได้ ก็กลับไปเลยนะ ที่นี่เขาเน้นเด็กๆ”
“แหม...หนูก็ไม่ได้แก่มากซะหน่อยพี่...อาจจะมีแขกชอบ แบบหนูก็ได้” ดารินบอก
แมงดา 2 สั่ง “งั้นก็เตรียมตัว เดี๋ยวแขกก็เข้าแล้ว”
ดารินลุกขึ้นยืน “หนูขอเข้าห้องน้ำหน่อย จะได้เติมแป้งด้วย”
แมงดา 2 บ่น “ทําไมต้องเติม”
“ขืนไม่เติมสิ หนูจะสู้เด็กพวกนี้ได้เหรอพี่”
แมงดา 2 ชี้ “โน่น...เร็วล่ะจะได้มาช่วยกันทํากวาดร้าน”
ดารินเดินเข้าไปทางซอกนั้น

ดารินเข้าห้องน้ำรีบพิมพ์ข้อความผ่านโทรศัพท์กดส่งแล้วรีบลบทิ้งอย่างว่องไว จากนั้นกดชักโครก เติมแป้งโปะๆ อย่างลวกๆ ขอไปทีแล้วออกไปเลย

ที่ห้องประชุมในโรงพัก สารวัตรกําลังประชุมอยู่ ได้รับข้อความจากดารินแล้ว
“เป็นไปตามแผน...หมวดรายงานมาแล้วว่ามีเด็กที่ถูก ล่อลวงมาหลายคน...เราต้องทลายมันให้ได้ ก่อนที่มัน จะส่งเด็กไปที่อื่น”
ทุกคนนิ่งฟังพยักหน้าเข้าใจ

ฝ่ายปลาดุก และเทวาที่หนีมา ทั้งสองหยุดพักหอบเหนื่อย
“ตกลงเราวิ่งหนีอะไรเนี่ย...ไม่เห็นมีใครตามมาเลย”
“อ้าว นายไม่เคยได้ยินเหรอ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี”
“ก็สงสัย...นายตอบได้มั้ยล่ะ”
“ได้ดิ...ถ้าขืนนายยังสนุกกับการต่อยไอ้หมูตอนอยู่รับรองไม่เกินห้านาที ตํารวจก็จะมาถึง แล้วนายก็จะต้องถูกรวบตัวเข้าตะราง ที่เราพานายหนีก็เพื่อให้ มั่นใจว่าไม่มีตํารวจตามเรามา”
เทวาหอบเหนื่อย นั่งพัก “เหนื่อย”
“อะไร แค่นี้เหนื่อยซะแล้ว...มาจากไหนแล้วจะไปไหน มากับใคร แล้วใครมากับนาย”
“เฮ้ย ทีละคําถามสิวะ...ฉันมาจากเกาะมุกมาคนเดียว”
“เกาะมุก...เคยได้ยินแต่ไม่เคยไป...แล้วจะไปไหนล่ะ”
เทวาส่ายหน้า “ไม่รู้”
“อย่าบอกนะว่าไม่มีบ้าน”
เทวากระแทกเสียงใส่ “เออ ไม่มี”
ปลาดุกเกาหัว “อะไรมันจะเหมือนกันขนาดนี้วะ”
เทวาหันมาทางปลาดุกทันที “อะไรเหมือน...เหมือนอะไร”
ปลาดุกปัด “เออน่า ไม่ต้องรู้หรอก...แล้วมีเงินมั้ยเนี่ย”
เทวาเริ่มระแวง กุมกระเป๋ากางเกงทันที
“จะทําไม”
“ไม่มีจะได้เลี้ยง”
“เออ แล้วไป”

ที่ร้านข้าวต้มริมทางคํ่านั้น ทั้งสองทานข้าวต้ม มีกับสามสี่อย่าง เห็นชามข้าวต้มตั้งพูนเป็นกอง
“เลี้ยงง่ายนี่เรา”
“อร่อยกว่าอยู่ที่วัดเยอะ” เทวาว่า
“เด็กวัดเหรอ”
“เออ มีไรมั้ย”
“ไม่มี..นายชื่อไร”
“เทวา”
ปลาดุกปล่อยก๊าก “ชื่ออยู่บนฟ้า แต่ดันตกอับมาเดินดิน แถมอยู่วัดอีก”
“เออ แล้วนายล่ะชื่อไร”
“ปลาดุก”
เทวาแปลกใจ “หา...อะไรนะ”
ปลาดุกเน้นคำ “ปลา - ดุก”
คราวนี้เทวาปล่อยก๊ากออกมาบ้าง “ชื่อคนตายตั้งเยอะไม่ตั้ง ดันตั้งชื่อว่าปลาดุก มีน้องชื่อตะเพียน แล้วพี่ชื่อช่อนหรือเปล่าวะ”
ปลาดุกฉุน “อ้าว ตะเพียนน่ะชื่อแม่ พูดยังงี้ก็สวยสิ”
“เฮ้ย โทษทีว่ะ โทษๆๆ”
ปลาดุกเหล่เทวา แต่เทวาก้มหน้าพุ้ยข้าวต้มต่อ สีหน้าแช่มชื่นอารมณ์ดี
“อิ่มแล้วไปหาเงินกัน ไม่งั้นมื้อต่อไป อด” ปลาดุกบอก
เทวาแทบสําลักข้าว “หาเงิน”

ด้านดารินนั่งอยู่กับชายสองคน บริการรินเหล้าให้ ชายสองคนพยายามถูกเนื้อต้องตัว
“ถึงหนูจะหาเงินแบบนี้แต่หนูก็มีศักดิ์ศรีนะ อย่าลวนลามหนู ชอบหนูก็ออฟหนูไปข้างนอกเลยค่ะ”
ชาย 1 หัวเราะ “น่ารัก แบบนี้ฉันชอบ มาใหม่ละสิ ชื่อไรล่ะ”
“มีเป็ นร้อยชื่อ เอาชื่ออะไรดีน้า...อืม ชื่อเฟิร์นก็ได้” ดารินเล่นลิ้น
ชาย 2 ทวนชื่อ “ใบเฟิร์นเหรอจ๊ะ”
“จ้ะพี่”
ดารินดูที่แหวน พบว่ามีแสงสีแดงปรากฏเรืองๆ ดารินรีบหมุนแหวน
มือชายที่นั่งข้างดาริน เริ่มอยู่ไม่สุขเอามือลูบขาอ่อน ดารินสะบัดอย่างแรง ตวัดขาเข้าหน้าของชายคนนั้น
ชาย 1 ร้อง “โอ๊ย”
ชาย 2 ผงะ “อะไรกันวะ”
แมงดารีบตรงเข้ามาจะตบ แต่ดารินเตะต่อยด้วยคิวบู๊ที่น่ากลัวและรุนแรง
ประตูเปิดผัวะ ตํารวจกลุ่มหนึ่งเข้ามาพอดี
“หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตํารวจ”
เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่ไฟจะเปิดสว่าง เด็กหญิงคนหนึ่งถูกปืนบาดเจ็บ ไฟสว่างมากขึ้น เนตรทรายตรงไปยังเด็กหญิง
“เนตร...คุมตัวเด็กๆ ไปที่รถ...ผมจะตามพวกมันไป” สารวัตรสั่ง

เนตรทรายรับคำสั่ง “ค่ะ สารวัตร...จ่าช่วยกัน”
 
อ่านต่อหน้า 2

พายุเทวดา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ดารินวิ่งหนีไปในป่าหญ้าหลังร้าน แมงดาสองคนตามมา แมงดา 1 สบถด่าท่าทีแค้นจัด

“แสบนัก เป็นสายตํารวจมาต้มกูซะเปื่อยเลย...ไม่ต้อง จับเป็น เจอที่ไหนยิงทิ้งเลย”
แมงดา 2 ท้วง “หนีตํารวจก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
แมงดา 1 บอก “หนีด้วย แต่ถ้าเจออีนั่นก็ต้องจัดการ ไป”
ทั้งสองจะไป สายตาของแมงดาทั้งสองคน เห็นปลายยอดหญ้าไหวสะท้อนกับแสงจันทร์ในความมืดสลัว แมงดาทั้งสองคนย่างไปทางนั้น
ดารินหันมาเห็นแมงดาทั้งสองตามมาก็วิ่งไม่คิดชีวิต ยินเสียงเพลงจากงานวัดไม่ไกลนักดังมา ดารินวิ่งตรงไปข้างหน้า
แมงดาวิ่งตามมาติดๆ ใช้สองมือแหวกกอหญ้าเพื่อให้ก้าวเดินได้อย่างสะดวก

ปลาดุกกับเทวาเดินอยู่ในงานวัด มองไปเห็นเวทีมวย ปลาดุกตาวาว ตรงเข้าไป
“มีมวยหญิงด้วยเทวา”
เทวางง “นายจะต่อยมวยหญิง”
“เออสิ...นายคิดว่าเขาจะให้เราต่อยกับผู้ชายเหรอ”
เทวามองปลาดุกแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
“นายเป็นทอมเหรอ” เทวาหัวเราะลั่น “ไม่บอกละก็ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย...โห เหมือนมาก”
ปลาดุกต่อยท้องเทวาอย่างแรง เทวาร้อง “อูย...” ตัวงอเป็นกุ้ง “มือหนักเป็นบ้า”

ฝ่ายดารินวิ่งปะปนไปกับคนอื่นๆ แมงดาเข้ามา แล้วมองหาแต่ไม่เห็น ดารินวิ่งไปหลบทางหนึ่ง เป็นจังหวะที่แมงดาเห็นเข้าก็เลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้ า
อีกมุมหนึ่งสารวัตรและตํารวจหลายนายวิ่งเข้ามาในงานวัด ชาวบ้านที่มาเที่ยวแตกฮือกัน วิ่งหนีกันคนละทางสองทาง
แมงดาทั้งสองติดตามดารินไม่ลดละ เทวากับปลาดุกหลบอยู่มุมหนึ่ง ซึ่งมืดๆ แมงดาทั้งสองผ่านมาพอดี
เทวากับปลาดุกเตะปืนร่วงจากมือทั้งสองคนพร้อมกัน
แมงดาหันมาเห็นก็ตรงเข้าเล่นงานปลาดุกกับเทวา แต่เชิงมวยของทั้งสองเหนือกว่าแมงดามาก ดารินแอบดูอยู่ สารวัตรกับกำลังตํารวจมาถึงพอดี เลยใส่กุญแจมือแมงดาได้
สารวัตรสั่งลูกน้อง “คุมตัวไป”
“แล้ว” จ่ามองหาดาริน “ไม่...”
สารวัตรสวนคําทันที “ไปสิจ่า...รีรออะไร อย่าให้หลุดไปได้นะ...วิทยุให้รถมารับที่นี่เลยก็ได้”
จ่ารับแข็งขัน “ครับผม”
สารวัตรหันมาทางปลาดุกกับเทวา ก็พบว่าทั่งสองหายไปแล้ว
“อ้าว พลเมืองดีทั้งสองคนหายไปไหนแล้ว”
ดารินถอนใจโล่งอก อยู่มุมหนึ่งในความมืด

ดารินเดินมาหน้าวัดโบกรถแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่ยอมจอด เทวากับปลาดุกเห็นเข้า
“คุณๆๆ” ดารินหันมา เทวาเดินไปหา “เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร คุณสองคนล่ะ”
“นิดหน่อย สบาย”
ปลาดุกแกล้งไอติดๆกัน “สบาย...เกือบตายในงานวัดแล้วนายเทวา”
“เฮ่ย อย่าพูดมาก”
“ไม่จริงเหรอไง”
ปลาดุกมองทั้งสองท่าทีหมั่นไส้ เทวาซักถามอารมณ์ดี พูดกลั้วหัวเราะ
“แล้วทําไมมันถึงตามล่าคุณล่ะ นี่ดีนะที่ผมสองคนช่วยไว้ อ้อ...ไม่ใช่สิ มีตํารวจอีกทั้งโรงพักเลยมั้ง มาช่วยคุณ”
ปลาดุกถาม “โดนมันฉุดเหรอ”
“เปล่า ฉันเป็นผู้หญิงอาชีพพิเศษ พวกมันเป็นแมงดามันบังคับให้ฉันขายตัว”
“ก็ถ้ามีอาชีพอย่างนั้นอยู่แล้ว ทําไมมันต้องบังคับคุณด้วยล่ะ”
ดารินโม้ไปเรื่อย “มันกะจะเอาฉันไปขายให้พวกแก๊งแมงดาเมืองนอก”
“ได้ไปต่างประเทศ ไม่ชอบเหรอ” เทวาถามซื่อๆ
“ไม่มีใครอยากถูกบังคับหรอก ว่าแต่คุณสองคนไม่รังเกียจฉันเหรอ”
“ไม่” เทวามองหน้าดาริน “ผมรู้สึกคุ้นๆ คุณยังไงก็ไม่รู้”
ปลาดุกแขวะ “เคยใช้บริการมั้ง”
เทวาตบหัวปลาดุกเบาๆ หนึ่งที “นี่แน่ะ”
“เจ็บนะ”
“งั้นเอายังงี้ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของเธอสองคนพรุ่งนี้ฉันขอเลี้ยงข้าวเธอสองคนมื้อหนึ่ง”
“มื้อไหนล่ะ” ปลากดุกถาม
“มื้อเย็นก็แล้วกัน” ดารินบอก
“แต่เราสองคนไปไหนไม่เป็น คืนนี้ยังไม่มีที่พักเลย” เทวาบอก
ดารินมองทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มให้
“เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”

ดารินเปิดห้องเช่ารายวันในอพาร์ทเม้นต์ให้สองคนพักแล้วกลับไป โดยนัดเจอกันอีกทีตอนเย็นพรุ่งนี้ เทวากับปลาดุกมองไปรอบๆ ห้องอย่างพอใจ นอกจากเตียง ตู้ ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องอำนวยความสะดวกพอประมาณ แต่เรียบง่าย
“คืนหนึ่งแพงมั้ยเนี่ย” ปลาดุกบ่น
“ตอนเขาอยู่ ทําไมไม่ถามเขาล่ะ”
“นายนี่มันกวนจริงๆ นายนอนข้างล่างนะ ฉันนอนบนเตียงเอง”
“เจ็บหลัง นอนไม่ได้”
“แมนหน่อยดิ”
เทวาบ่นแซว “ก็ได้วะ...อยากเป็นทอม แต่พอถึงเวลาต้องเลือกกลับอยากสบาย”
“พูดมาก...เดี๋ยวเจอดี”
ปลาดุกตั้งการ์ดมวยออกหมัดแย็บใส่ เทวาตั้งท่าสู้ ปลาดุกแย็บได้สองหมัด เทวาหลบฉากทัน ดูเหมือนสองคนจะถูกคอ และสนิทสนมกันมากขึ้นเป็นลำดับ

ทางด้านเนตรทราย แอบย่องมาหาดารินซึ่งเพิ่งกลับมาถึง บุญเกิดตามมาสมทบ
“เป็นห่วงแทบแย่...ปลอดภัยดีนะ”
“ไม่มีอะไรเนตร แม่มณีนอนแล้วเหรอ”
“หลับ ฉันโกหกท่านว่ารินไปงานเลี้ยงกับท่านสารวัตร”
บุญเกิดบ่นเบาๆ “รักษาเนื้อรักษาตัวไว้บ้างนะริน...บาดเจ็บไป ไอ้งานที่อยากทําจะไม่ได้ทํา”
ดารินมองหน้าบุญเกิด “อาบุญเกิดหมายถึงงานที่เกาะมุกใช่มั้ย”
“ก็อยากทําไม่ใช่เหรอ”
ดารินยิ้มมุมปาก ดวงตามีพลังขึ้นมาทันที

“เล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังบ้างดิ พอเธอหนีไปด้านหลัง แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

ปลาดุกนอนหลับบนเตียง ส่วนเทวานอนกอดอกอยู่ที่พื้น ห่อตัวด้วยความหนาวลืมตาในความมืด ใบหน้าของแสงจันทร์ และเหตุการณ์ที่เทวากับแสงจันทร์เคยพบกันที่หาดบนเกาะมุกผุดเข้ามาในห้วงคิด

“แสงจันทร์ พี่ขอโทษที่ไม่ได้ไปอวยพรเธอ...ขอให้เธอมีความสุขกับชีวิตใหม่”
ใบหน้าหล่อเหลาในความมืดสลัว มีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตา

ดารินเปลี่ยนชุดใหม่เป็นชุดนอนสวมเสื้อคลุมทับเตรียมนอน เพิ่งเล่าเรื่องจบ เนตรทรายตื่นเต้นมาก
“ชายหนุ่มกับสาวทอมคนที่เจอในงานวัดช่วยเธอไว้เหรอ ถามคําเดียวเท่านั้น...หล่อมั้ย”
“ไม่รู้”
เนตรทรายยิ้มล้อๆ “หรือว่าบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นในงานวัด”
“บ้าสิ...พรุ่งนี้ฉันจะเจอเขาอีก”
เนตรทรายตาโต “หา...ชัวร์เลย”
“อย่าเดาน่า...ฉันรู้ว่าเขามาจากเกาะมุก ฉันก็ต้องหาทางพบเขา”
เนตรทรายแปลกใจ “รู้ได้ไงว่าเขามาจากเกาะมุก”
“ฉันเคยเจอเขาแล้ว แต่เขาจําฉันไม่ได้...ส่วนฉันจําได้แม่น”
หมวดสาวเล่าเรื่องที่เห็นเทวาช่วยแม่มณีไม่ให้รถเข็นไหลตกลงไปไหล่ทางให้เพื่อนฟัง
“หมู่นี้อะไรๆ ก็เกาะมุก ฉันว่าเธอคงหลีกมันไม่ได้ซะแล้ว”
“ขอให้เป็นยังงั้นเถอะเนตร”
คล้ายดารินกังวลอยู่ไม่น้อย

เช้านี้ ฤทธิ์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร กะเทยถึกหวานใจนําไข่ลวกมาให้
“คุณหยาดบอกให้กินซะจะได้มีแรง”
“ขอบใจ”
“รูปร่างก็สูงใหญ่แข็งแรง แล้วทําไมถึงอ่อนเปลี้ยเพลียแรงยังงี้ล่ะคะ หวานใจไม่เข้าใจจริงๆ ค่ะ”
หยาดฟ้าเข้ามา “หมดหน้าที่ของหล่อนแล้วก็ไปทํางานอื่นสิยะ”
“แหม ก็หวานใจอยากรู้นี่คะ หวานใจไม่เข้าใจจริงๆนะคะ” หวานใจอ้อล้อ
“ฉันบอกให้ไปทํางาน”
“ค่ะ...แต่หวานใจไม่เข้าใจจริงๆ นะคะ”
“นังหวานใจ...ไป” หยาดฟ้าเสียงดัง
หวานใจรีบออกไป คงคากับคํารณเข้ามา
“ดีขึ้นตั้งเยอะ มีแรงแล้วใช่มั้ย” คงคาทักทายถามไถ่
“ครับเสี่ย”
“บ่ายๆ แกพาฉันไปเกาะมุกทีนะ...ครั้งก่อนเฮียเม้งพาฉันไป ไม่ได้เรื่องเลย...แกเกิดที่เกาะมุก โตที่เกาะมุก
แกน่าจะรู้จักเกาะมุกดีกว่าคนอื่น”
ฤทธิ์แปลกใจ “เสี่ยจะไปทําไมหรือครับ”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”
คํารณมองหน้าฤทธิ์ “หวังว่าแกจะไม่ทําให้พ่อฉันผิดหวังนะ...ไอ้พลังเทวดาที่แกถ่ายพลังให้ฉันน่ะมันอ่อนเกินไป มีพลังเทวดาอย่างอื่นมั้ย”
“ผมเรียกสายฟ้าให้คุณคํารณได้ ยังอ่อนอีกเหรอครับ”
“แต่มันล่มเรือตกหมึกไม่ได้ พลังลมที่ไหนก็ไม่รู้มันพัดพาสายฟ้าของฉันไปหมด”
หยาดฟ้ามองหน้าฤทธิ์ คงคาเอ่ยขึ้น “หวังว่านานคงไม่ได้เล่นกลหลอกฉันกับลูกนะนายฤทธิ์”
“ไม่ครับ...ไม่ได้เป็นอย่างที่เสี่ยคิดแน่นอนครับ”

ฤทธิ์ยืนหลบมุมอยู่ในสวนหน้าบ้านคงคา คําพูดของคํารณที่บอกว่า “พลังลมที่ไหนก็ไม่รู้มันพัดพาสายฟ้าของฉันไปหมด” ผุดเข้ามาในห้วงคิด
“พลังลม ถ้ามันแรงจนพัดสายฟ้าได้ก็คงมีแต่สลาตันเท่านั้นแหละ...สลาตัน...เทวา สลาตัน...ต้องเป็นฝีมือ
ของไอ้เทวาแน่ๆ”
พร้อมกับกานดาเดินตรงไปหาฤทธิ์ ฤทธิ์เห็นจะเดินหนี
กานดาเรียกไว้ “เดี๋ยว” ฤทธิ์หยุดแล้วค่อยๆ หันมาหา “ฉันอยากรู้ว่าเธออยู่บ้านหลังนี้ในฐานะอะไร”
“เสี่ยให้ผมมาอยู่ ผมก็มา..คุณผู้หญิงมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
“มี...ถ้าฉันให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้เธอจะเรียกเงินเท่าไหร่ ฉันพร้อมจะให้”
ฤทธิ์มองหน้ากานดางงๆ “เหตุผล...”
“ใครก็ตามที่มันชักจูงให้คํารณลูกชายฉันเดินทางตํ่าละก็ฉันก็ต้องขัดขวางหมด”
ฤทธิ์ย้อนเจ็บ “ถ้างั้น คุณผู้หญิงก็คงต้องไปเล่นงานเสี่ยคงคาด้วยครับเพราะท่านเป็นคนสอนให้คุณคํารณเป็นไปตามปากของคุณผู้หญิง”
พร้อมอึ้งไป กานดาโกรธจนตัวสั่น “ ออกไป...ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
หยาดฟ้าตรงรี่มาหา มีหวานใจตามมาด้วย
“อะไรกัน...คุณผู้หญิงจะไล่นายฤทธิ์ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
กานดาจ้องหน้าเอาเรื่อง “ทําไม”
“เสี่ยต้องการให้นายฤทธิ์เป็นบอดี ้การ์ดให้คุณคํารณ หรือว่าคุณผู้หญิงอยากเห็นคุณคํารณถูกรังแกล่ะ ไม่
เห็นหรือคะแค่ผู้หญิงคนหนึ่งขับรถเบียด คุณคํารณก็ยังต้องนอนโรงพยาบาล”
พร้อมมีท่าทีระวังความปลอดภัยให้แก่กานดาตลอดเวลา เช่นเดียวกับหวานใจที่พร้อมจะปกป้องหยาดฟ้า
“ถ้าเราไม่ทําชั่ว ไม่เดินทางตํ่า เราก็ไม่มีศัตรู ก็ไม่จําเป็นต้องมีบอดี้การ์ดหรอก”
“เชิญคุณผู้หญิงไปเรียนให้เสี่ยคงคาทราบด้วยตนเองดีกว่าค่ะ”
“อย่าท้าทายฉันนะหยาดฟ้า”

หยาดฟ้าไม่ตอบ แต่เดินหัวเราะออกไป ฤทธิ์กับหวานใจเดินตามไป พร้อมกับกานดายืนอึ้งอยู่กับที่

 
อ่านต่อหน้า 3

พายุเทวดา ตอนที่ 3 (ต่อ)

เรือยอร์ชของเสี่ยคงคามาถึงท่าเรือเกาะมุก ก้องเห็นรีบหลบ แล้ววิ่งขึ้นมาหาเดชซึ่งนั่งรอคอยผู้โดยสารอยู่ที่ท่ารถ

“มันมากันอีกแล้ว”
“ใครวะ” เดชงง
“เสี่ยคงคา...พี่ฤทธิ์ก็มากับพวกมัน”
เดชอึ้งไป ก้องหลบเข้าไปในรถของเดช ทั้งสองมองออกมาจากในรถเห็นกลุ่มของคงคาเดินมา เฮียเม้งจอดรถที่มุมหนึ่งพอดี
“เกาะมุกยินดีต้อนรับเสี่ยครับ”
“ครั้งนี้ต้องไม่พลาดนะ...ฉันกับหยาดฟ้าต้องการที่ดินสวยๆ สักผืน”
หยาดฟ้าเสริม “ต่อไปที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากมาย ฉันอยากเปิดผับไว้บริการนักท่องเที่ยว...เฮียเม้งคงรู้นะว่าทําเลไหนบนเกาะมุกที่เหมาะสมที่สุด”
“ไปตระเวนดูดีกว่าครับ...ไอ้ผมน่ะพอรู้ว่าที่ไหน แต่เรื่องว่าใครเป็ นเจ้าของน่ะ...ผมไม่ค่อยรู้หรอกครับ”
คงคาหันมาทางฤทธิ์ “ฉันมีนายฤทธิ์มาด้วย...เฮียเม้งไม่ต้องห่วง”
เม้งมองฤทธิ์จําได้ว่าเป็นลูกศิษย์วัด เม้งกระซิบคงคา
“มันเป็นพวกหลวงปู่หาญที่วัดเกาะมุกใต้นะครับเสี่ย”
“เฮียเม้งลืมแล้วเหรอว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง”
คงคากับเฮียเม้งหัวเราะให้กัน ฤทธิ์รู้สึกไม่พอใจ เลยเดินไป
หยาดฟ้าตามไปติดๆ พูดกล่อม “ฉันเข้าใจเธอนะฤทธิ์...ต่อไปเมื่อเธอเป็นใหญ่ในเกาะมุกจะไม่มีใครมาทํากับเธอแบบนี้ได้”
“ผมน่ะเหรอจะเป็นใหญ่ที่นี่...ใครจะยอมให้ผมข้ามหัวล่ะ”
“ถ้าเธอมั่นใจฉัน ทุกอย่างย่อมเป็นจริงเสมอ” สาวสวยใจคดบอก
ฤทธิ์หันไปมองพัน ธง ศรที่ยืนคุมเชิงอยู่ คํารณตัดบท
“ไปกันหรือยังครับ...ผมน่ะอยากเห็นที่ดินแปลงสวย ๆ เต็มทีแล้ว”
ทุกคนขึ้นรถของเฮียเม้ง ฤทธิ์ นั่งกระบะท้ายกับกลุ่มของพัน ธง ศร คงคานั่งคู่กับเฮียเม้ง คํารณกับหยาดฟ้านั่งคู่กันที่เบาะหลัง
พอรถของเฮียเม้งแล่นไปแล้ว สนก็โผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง
เดชกดกระจกลงเรียก “ลุงสน”
“ข้าแอบดูอยู่ทางโน้น...มันมาหาซื้อที่เหมือนเดิมใช่มั้ยวะ”
“คงไม่มีเรื่องอื่นหรอก” เดชว่า
“ไปที่โรงเรียนกันเถอะ...ข้าอยากเจอครูใหญ่ แล้วเอ็งไปตามหมอนทีมาด้วยล่ะ งานนี้ต้องร่วมมือกัน”
ก้องลงมาจากรถ ให้สนนั่งคู่กับเดชไป รถของเดชขับไปอย่างเร็ว

รถของเม้งจอดที่ตลาดหน้าร้านของเป้า ซึ่งเป็นร้านอาหารทําเลดี ทุกคนมองไปที่ร้าน เห็นเป้านั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เปียลูกสาวทําความสะอาดโต๊ะอยู่ สิงห์ช่วยเหลือเปียอยู่
ฤทธิ์มองเห็นสิงห์ เป็นจังหวะเดียวกับที่สิงห์มองมาที่ฤทธิ์พอดี สายตาทั้งสองประสานกัน
“พี่ฤทธิ์” สิงห์ออกมาจากในร้านมาหา “พี่ฤทธิ์มายังไง”
สิงห์มองไปที่ในรถ “มายังงี้ ไม่ดีเลยนะพี่...ชาวบ้านเขาจะตกใจหมด ทําไมต้องพกปืนกันด้วย”
“ใครเหรอนายฤทธิ์” ธงถาม
“น้องฉันเอง” ฤทธิ์หันมาทางสิงห์ “เจ้านายฉันอยากซื้อที่ดินบนเกาะ นายพอช่วยได้มั้ย”
สิงห์สั่นหน้าปฏิเสธ “ไม่มีใครอยากยุ่งกับเรื่องนี้หรอก ฉันเชื่อว่าไม่มีใครอยากซื้อขายที่ของปู่ ย่าตายายหรอก...ขายแล้วจะเอาที่ดินตรงไหนซุกหัวนอน”
ศรฉุน “น้องชายนายฤทธิ์นี่พูดมากจังโว้ย”
ศรทําท่าไม่พอใจ ฤทธิ์ยกมือห้ามไม่ให้ศรทําอะไร แต่สิงห์ไม่เกรงกลัว
คงคา หยาดฟ้า คํารณ และเม้งลงมาจากรถ
“ฉันต้องการซื้อร้านนี้...จะขายมั้ย” หยาดฟ้าเอ่ยขึ้น
เป้าลดหนังสือพิมพ์ลง มองมาที่ทุกคน ส่วนเปียมีสีหน้าตระหนก รีบหลบเข้าหลังร้าน...
สิงห์ไม่พอใจ “พี่ฤทธิ์ก็รู้ว่าผมกับเปี ยรักกัน...ผมไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่ได้ง่ายๆ หรอก”
สิงห์ตวัดสายตามองหน้าคงคา หยาดฟ้าและคํารณ
“นายไม่ใช่เจ้าของ...อย่ายุ่ง”
คํารณโมโหมีท่าทีฮึดฮัด พันกับธงเตรียมพร้อม กระโดดลงจากกระบะ
ชาวบ้านเกร่มาดู แล้วยืนวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ห่างๆ

เวลาเดียวกันที่โรงเรียนเกาะมุก ทุกคนยืนคุยกันอยู่ สนเอ่ยขึ้น
“ถ้ามันไม่มาที่โรงเรียนนี่ มันก็ต้องไปที่ตลาด ฉันว่าเราไปที่ตลาดกันเถอะ”
“ไปสิ ผมก็อยากเจอพี่ฤทธิ์” มนต์บอก
ทุกคนนั่งรถสองแถวของเดชไป รถแล่นออกจากโรงเรียนอย่างเร็ว

กลุ่มของคงคายืนอยู่หน้าร้านของเป้า สิงห์ยืนบังเปียไว้อย่างปกป้อง
คํารณด่ากราด “หลีกไป...นายฤทธิ์บอกน้องนายว่าอย่ายุ่งกับเรื่องของเราถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
ฤทธิ์บอกสิงห์ “พี่ขอร้อง”
สิงห์ผิดหวังมาก “พี่ฤทธิ์...นี่พี่เป็นพวกมันไปแล้วเหรอ พี่อย่าลืมนะว่าพี่เกิดและเติบโตที่เกาะมุก พี่กินข้าวก้นบาตรที่คนทั้งเกาะมุกใส่บาตรหลวงตา พี่โตมากับข้าวของพวกเขา”
ฤทธิ์โมโหฉุนเฉียว “ไม่ต้องพูด ข้าไม่อยากฟัง”
คงคา หยาดฟ้าและคํารณรู้สึกสะใจ พัน ธง ศรถือปืนไว้พร้อมจะทําอันตรายทุกคน
เป้าออกมาจากข้างใน ถือปืนยาวมาด้วย ชี้กราดใส่หน้าทุกคน
“ที่ดินตรงนี้ เป็นของพ่อแม่ข้า ข้าโตที่นี่และก็จะให้มันเป็นเรือนตายของข้า...ถ้าอยากซื้อก็ไปซื้อที่อื่น ที่นี่ไม่
ขาย”
หยาดฟ้ากร่างใส่ “แต่ฉันอยากได้ตรงนี้ ยังไงฉันก็ต้องได้”
คงคาบอกอย่างวางอำนาจ “น้องสาวฉันต้องการตรงนี้เท่านั้น”
เป้ามองไปที่เฮียเม้ง ตะโกนเสียงดัง “ไอ้เม้ง เอ็งกับข้าเป็นคู่แข่งกันมาตลอด เอ็งคิดเหรอว่าจะใช้อิทธิพลของคนที่ชายฝั่งมาจัดการกับข้า...ไม่มีทางหรอกโว้ย ถ้าอยากได้ที่ดินของข้าก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
“พวกข้าได้ข้ามแน่”
คํารณหัวเราะ ทุกคนก็เลยพลอยหัวเราะด้วย
สิงห์มองด้วยสายตาเคียดแค้น มีเปียยืนหลบอยู่ด้านหลัง ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“พี่ฤทธิ์ พาพวกมันกลับไป ไม่งั้นผมไม่รับรองความปลอดภัยนะ”
รถของเดชวิ่งมาถึง ทุกคนลงมาจากรถ คงคาจําสนได้
“เจ็บตัวคราวนั้นยังไม่เข็ดเหรอลุง”
“ถ้าข้าต้องตายเพราะหวงแหนแผ่นดินที่ข้าอาศัยอยู่ ข้าก็ยอมตาย”
ฤทธิ์หน้าเสียไป ฤทธิ์เดินมากระซิบกับคงคา
“เสี่ยครับ ผมว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ ชาวบ้านที่นี่ไม่กลัวอะไร พวกเขารักกัน เชื่อผมเถอะครับ เราฆ่าคน
ได้ไม่กี่คนหรอก แต่คนทั้งเกาะจะรุมเราจนตายหมด”
คงคานิ่งไป พยักหน้า “ฉันให้แกคิดดู...แกจะขายเท่าไหร่ก็เรียกได้เลย เอาเงินไปตั้งตัวใหม่ที่ไหนก็ได้ ดีกว่าอยู่อย่างลําบากอย่างนี้ไปโว้ยพวกเรา”
คํารณโมโห ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด ข่มขู่ ประกาศศักดา
ฤทธิ์จะขึ้นไปบนกระบะ มนต์เดินมาหา
“พี่ฤทธิ์ พี่จะไปจากที่นี่ผมไม่ว่าหรอก แต่ผมขอร้องพี่อย่างหนึ่ง”
ฤทธิ์ฉงน “อะไร”
“ไปกราบลาหลวงปู่ หน่อย”
“จําเป็นด้วยเหรอ”
“เชื่อมนต์มันเถอะพี่ฤทธิ์ อย่างน้อยพี่จะกลับมาที่นี่เมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าพี่ไปอย่างคนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณหลวงตา
คนทั้งเกาะจะสาปแช่งพี่” เดชว่า
ฤทธิ์เดินไปบอกคงคา คงคาลดกระจกลงมา
“แล้วผมจะตามไปที่บ้านเสี่ยนะครับ”
รถของเฮียเม้งแล่นไป ฤทธิ์หันมาเผชิญหน้ากับกลุ่มน้องๆ
แสงจันทร์กับแสงดาวเดินมาหามนต์ “พี่มนต์ อย่าให้เกิดเรื่องรุนแรงนะ ค่อย ๆ พูดกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า...พาพ่อกลับบ้านนะ” มนต์บอกกับนที “หมอผมฝากให้หมอช่วยดูแลครอบครัวผมด้วย”
“ครับ..ผมต้องไปส่งแสงดาวอยู่แล้วครับครู”
แสงดาวค้อน ไม่ยอมรับมุข ประสิทธิ์เสริม “ไม่ต้องห่วง ครูมนต์ เราคนบ้านเดียวกัน ชาวบ้านที่นี่ไม่ยอมให้ใครมาทําอะไรลุงสนหรอก...เดี๋ยวผมจะไปส่งด้วยคน”
“ขอบคุณครับครูใหญ่”

ทุกคนอยู่ที่ชายหาด มนต์บอกกับฤทธิ์
“เราเหลือกันแค่นี่นะพี่ฤทธ์ เทวาก็ไปแล้ว”
ฤทธิ์แปลกใจ “มันไปไหน”
“ผมก็ไม่ทราบ”
ฤทธิ์หัวเราะใส่หน้ามนต์ “อย่ามาทําเป็นพูดดีเลยวะไอ้มนต์ ถือว่าเป็นครู มีหน้าที่สั่งสอนลูกชาวบ้าน รู้จักสั่งสอนตัวเองบ้างสิ เอ็งดีนักรึที่แย่งเมียของเพื่อนน่ะ...ถ้าเอ็งไม่แย่งนังแสงจันทร์จากมันไป มีหรือที่มันจะทิ้งเกาะมุก”
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่ฤทธิ์พูด”
ฤทธิ์ย้อน “ทําไมวะ ฟังความจริงไม่ได้เหรอ”
“ถ้าพี่จะบอกว่าผมผิด ผมก็ยอมรับผิด แต่ธุระที่ผมจะพูดกับพี่ก็คือ ผมขอให้พี่ถอนตัวออกมาจากกลุ่มอันธพาล
พวกนั้น...คนเกาะมุกจะเกลียดชังพี่”
ฤทธิ์ไม่สนหัวเราะก้อง “วันนี้มันเกลียด แต่สักวันหนึ่งคนที่เกาะมุก รวมถึงพวกนายด้วยจะต้องสยบอยู่แทบเท้าของข้า”
เดช ก้อง สิงห์โมโห “หยุดพล่ามเถอะพี่ฤทธิ์ ผมไม่อยากฟัง ใครจะสยบต่อพี่ ผมไม่สน แต่ผมคนหนึ่งละที่ไม่มีวันก้มหัวให้พี่และคนเลวๆ พวกนั้น”
ฤทธิ์หัวเราะก้อง หงายมือขึ้นเรียกพลังเทวดามา สายฟ้าสว่างวาบไปทั่วฟ้า แล้วฟ้าก็ผ่าใส่ทะเลเปรี้ยงๆ
มนต์ สิงห์ เดช ก้องตกใจ ยืนประกบกัน
“เอาไงมนต์ พวกเราไม่ยอมพี่ฤทธิ์หรอก” สิงห์ถาม
พลังเทวดาหมุนวนเป็นคลื่นแสงอยู่รอบตัวทุกคน เดชกลายเป็นตัวสีทองแดง ส่วนสิงห์ก็มีกระแสสายฟ้าวิ่งไปทั่วร่าง ก้องกระทืบเท้า แผ่นดินสะเทือน ก้องโผเข้าหาฤทธิ์ก่อน เดชตามเข้าไป เมื่อสายฟ้าของฤทธิ์พุ่งมาก็ผ่านร่างของเดชไปหมด ก้องกระแทกร่างของตนเข้าหาฤทธิ์

ฤทธิ์ล้มลงไป แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ

ด้านเทวานั่งอยู่ในห้องพักที่อพาร์ตเม้นท์ แล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก เทวาผลุนผลันไปที่ระเบียง มองไปที่ท้องฟ้า เห็นสายฟ้าฟาดสาย แล้วเหมือนฟ้าผ่าอยู่ไกลๆ

“มีใครใช้พลังเทวดา...หลวงปู่ ถ้าหากว่าพวกเราถูกรังแกผมขอใช้พลังสลาตันของผมเข้าไปสลายให้ศัตรูแพ้พ่าย”
เทวาหลับตา ลมสลาตันก่อเกิดเป็นลูก แล้วพัดหมุนวนห่างออกไป ปลาดุกวิ่งออกมาจากในห้อง มองดูด้วยความตื่นเต้น
“ลมอะไร”
เทวาส่ายหน้า มองออกไปที่ท้องฟ้า

ฝ่ายบุญกู้วิ่งมาที่หน้าโบสถ์ คลื่นลมแรงจนใบไม้และสิ่งของต่างๆ ปลิวไปตามแรงลม บุญกู้ตะโกนเรียก พลางเคาะประตู
“หลวงปู่ ครับ หลวงปู่”
ประตูโบสถ์เปิดออก เห็นพระพุทธรูปสง่างามอยู่ภายใน
“ไม่ต้องตกใจหรอก ปู่ ใช้พลังควบคุมทุกอย่างไว้แล้ว”

ที่ชายหาดยามนั้น ฤทธิ์มองลมสลาตันที่หมุนวนอยู่เหนือชายหาด
“เทวา” มนต์รับรู้
ฤทธิ์แค้นใจ “ไหนพวกนายว่าไอ้เทวามันไม่อยู่แล้วไง”
“ไม่อยู่...แต่มันก็ส่งสลาตันมาช่วยเราได้..เห็นมั้ยพี่ฤทธิ์สลาตันพัดสายฟ้าพี่ไปหมดแล้ว”
ขาดคําก้องผู้บ้าพลังก็โถมตัวเข้าใส่ฤทธิ์ ฤทธิ์ล้มลงไปที่ชายหาด”
เดชบอก “พี่ฤทธิ์ไปหาหลวงปู่ กับพวกเราเถอะ”
ฤทธิ์ไม่มีแรงจะต่อสู้ ก้องกอดรัดไว้แน่น...
“ไปให้หลวงปู่ เคาะกะโหลกพี่ บางที่พี่อาจจะได้คิดอะไร ขึ้นมาบ้าง” ก้องว่า
“ไม่..อย่าบังคับข้า...ปล่อย ปล่อยสิวะ”
ฤทธิ์ดิ้นรนแต่สู้แรงก้องไม่ได้ มนต์จ้องหน้าฤทธิ์
“อย่าคิดสู้เลยพี่ฤทธิ์ วันนี้สายฟ้ าของพี่อ่อนพลังมากพี่ถ่ายพลังให้คนอื่นใช่มั้ย”

ในที่สุดฤทธิ์ถูกสามคนพามาอยู่ตรงหน้าหลวงปู่ในโบสถ์ ทุกคนนั่งรายล้อม
“ผมจะถ่ายพลังให้ใครมันก็เรื่องของผมไม่ใช่เหรอ พลังนี้มันติดตัวผมมาตั่งแต่เกิด ผมไม่ได้เอาพลังมาจากหลวงปู่...ไม่มีใครอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของพลังเทวดาของผมได้” ฤทธิ์มองมาทางกลุ่มของมนต์ “แม้แต่พวกเอ็งด้วย จงจําไว้ว่านี่คือพลังที่มันติดตัวพวกเอ็งมาแต่เกิด”
เดชโมโห “พี่ฤทธิ์พูดยังงี้เหมือนไม่เห็นความสําคัญของหลวงปู่ ขอโทษหลวงปู่ เดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่”
มนต์ตบหน้าฤทธิ์ทันทีอย่างแรง ฤทธิ์ตวาดเสียงดัง “ไอ้มนต์ มึงตบหน้ากู”
“ใช่ ผมตบหน้าพี่...ให้พี่จําไว้ว่าผมยอมได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียว...อย่าก้าวร้าวหลวงปู่ ถึงท่านจะไม่ใช่
พ่อแม่ที่แท้จริงของพี่และพวกเรา แต่ท่านก็ให้ชีวิตเราให้การศึกษาเรา ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เรา”
“ถ้าพี่ยังก้าวร้าวหลวงปู่ อีก ผมกับไอ้สิงห์จะไม่ยอมให้อภัยพี่เลย”
สิงห์มองฤทธิ์ดวงตากร้าว หลวงปู่เอ่ยขึ้น
“พอแล้ว...ไม่มีใครสอนใครได้หรอก ถ้าคนนั้นขาดสํานึกผิดชอบชั่วดี”
ฤทธิ์ตวัดสายตาอันแข็งกร้าวมาที่หลวงปู่ บุญกู้จ้องหน้าฤทธิ์
“ชาตินี้เอ็งจะไม่มีวันพบกับความเจริญในชีวิตเลยไอ้ฤทธิ์ป่วยการจะสั่งสอนครับหลวงปู่ ปล่อยมันไปเถอะ”
หลวงปู่บอก “ไปเถอะเจ้าฤทธิ์ ถ้าคิดว่าเศษเงินของคนที่หามาได้ด้วยวิธีการทุจริต เงินนั้นก็เป็นของร้อน ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยเสียงสาปแช่ง ชีวิตของเจ้าก็จะมีแต่ความร้อนรุ่มเหมือนมีไฟนรกสุมอยู่ในใจ”

หลวงปู่หาญมองฤทธิ์อย่างปล่อยปลง

ด้านหมอนทีคุยอยู่กับครูประสิทธิ์ ตรงชายหาดใกล้ท่าเรือ
“ผมหวั่นใจจังเลยครู”
ประสิทธิ์ เรื่องอะไร
นที ผมว่าในที่สุดชาวบ้านก็ต้องแพ้เงิน...แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เกาะมุกก็จะเปลี่ยนไป ถึงตอนนั้นผมอาจจะไม่อยู่ที่นี่ แล้วละครับ...
ประสิทธิ์ หมอจะไปไหน...
นที ผมเลือกมาเป็ นหมอที่เกาะมุก เพราะผมรู้ว่าคนที่นี่ขาดหมอ ต้องการหมอ เมื่ออุดมการณ์ของผมต้อง
ถูกแปรเปลี่ยนไปเพราะเกาะมุกกําลังจะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว เกาะมุกก็ไม่ใช่สถานที่ที่ผมอยากอยู่
ประสิทธิ์ เมืองไทยไม่ค่อยมีหมอที่มีอุดมการณ์เหมือนคุณ ผมหวังว่าสิ่งที่หมอกลัวจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเกาะมุก
ที่ทั่งสองมองไป เห็นตามแนวชายหาด ฤทธิ์เดินโซซัดโซเซมา
นที นั่นนายฤทธิ์นี่..
ประสิทธิ์ ใช่...
ฤทธิ์ตาพร่ามัว เห็นทุกสิ่งทุกอย่างลางเลือน ร่างซวนเซ แล้วฤทธิ์ก็ล้มลงสติดับวูบไป
ครูประสิทธิ์ร้องเรียก “ฤทธิ์...นายฤทธิ์...หมอ..ช่วยที”

ฝ่ายปลาดุกมองดูเทวาแต่งตัวหล่อด้วยเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ ออกปากบ่น
“นายนี่กล้าลงทุนมากเลยนะ”
“ทําไม”
“เงินมีอยู่นิดเดียว ไปถอยเสื้อใหม่มา พรุ่งนี้จะเอาอะไร กินล่ะ คิดบ้างหรือเปล่า”
เทวายักคิ้วทำหน้าเป็นใส่ ระรื่น “ท้องหิวไม่มีคนรู้ แต่ถ้าไม่หล่อสิ คนเห็นกันทั้งเมืองนัดกับสาวทั้งทีแต่งตัวโทรมได้ไง”
“นายไม่รังเกียจเหรอ เขาเป็นผู้หญิงหากินนะ”
“เธอก็ต่อยมวยหากินเหมือนกัน ใครๆก็หากินทั้งนั้นจะรังเกียจทําไม”
“อ้าว นายอย่าเอาฉันไปเปรียบกับเขาสิ...ไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันยังไง อ้อ...ต่างกันจริงๆ ด้วย” เทวามองดูรูปร่างหน้าตาของปลาดุก “เขาเป็นผู้หญิง แต่นายไม่ใช่”
ปลาดุกเซ็งมองอย่างแค้นๆ อยากจะต่อยเทวาสักเปรี้ยง
“ฉันไปด้วยนะ”
“เฮ่ย...ไหนว่ารังเกียจเขาไง”
“ก็แค่อยากรู้ว่านายคุยอะไรกัน...อย่าลืมนะเวลานี้ฉันเป็นผู้ปกครองของนาย”
“ใครแต่งตั้งวะ..แต่งตั้งตั้งแต่เมื่อไหร่”
ปลาดุกทําไม่รู้ไม่ชี้ เทวาส่ายหัว

ดารินขับรถเข้ามาตามนัด แต่งตัวสไตล์สาวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวเซ็กซี่เหมือนเคย เห็นปลาดุกกับเทวาออกมาจากอพาร์ทเม้นต์ ดารินกดกระจกลง เทวามองตะลึง ปลาดุกกระซิบกับเทวา
“ขับรถคันโก้ด้วย...ไม่รู้ไปหลอกเศรษฐีที่ไหนมา”
“นายมองคนในแง่ดีเป็นมั้ย ปลาดุก”
“เป็น แต่ไม่ใช่ยัยตุ๊กตาเสียกบาลคนนี้”
ดารินกดแตรเรียก ทั้งสองมาที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่ง เทวาเปิ ดประตูหน้าจะนั่งคู่กับดาริน แต่ปลาดุกแทรก
ตัวไปนั่งแทน
เทวาร้อง “เฮ้ย”
ปลาดุกส่งสัญญาณให้เทวาไปนั่งเบาะหลัง
ดารินอมยิ้ม มองดูเทวาทางกระจกมองหลังก็เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์

ร้านอาหารแห่งนี้ลักษณะเป็นสวนอาหาร บรรยากาศเอาท์ดอร์ ทั้งสามนั่งทานอาหารกันอยู่
“ถามจริงๆ เถอะ ไม่คิดจะเปลี่ยนอาชีพบ้างเหรอ” เทวาถามขึ้น
“อาชีพนี้มันเสียหายตรงไหน”
“ก็ไม่เสียหาย แต่ไม่อยากให้ใครเขามองคุณอย่างรังเกียจ คุณก็รู้นี่ว่าอาชีพนี้สังคมไม่ยอมรับ”
“ก็ช่างสังคมปะไร ว่าแต่คุณยอมรับฉันหรือเปล่าล่ะ”
ปลาดุกมองหน้าเทวาทันที เขาบอก “ผมน่ะยอมรับได้อยู่แล้ว”
ดารินยิ้ม “ขอบใจ แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว...เราไม่อาจเป็นที่รักที่พอใจของคนทั้งสังคมหรอก มีคนรักมีคนพอใจเรา
แค่คนสองคนก็ถมเถไปแล้ว”
เทวากับดารินสบตากัน ปลาดุกแกล้งกระแอม
เทวาหมั่นไส้ “เป็นอะไร”

ปลาดุกบอกเฉย “ก้างติดคอ”

 
อ่านต่อหน้า 4

พายุเทวดา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ฤทธิ์นอนหลับอยู่บนเตียงที่อนามัยเกาะมุกตอนค่ำ มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ ทุกคนอยู่ข้างเตียง หมนทีรายงานอาการให้ฟัง

“เท่าที่ตรวจดูอาการก็เกิดจากความอ่อนเพลีย เหมือนผ่านการทํางานหนักมาเป็นเวลานานไม่ได้พักผ่อน”
มนต์กับเพื่อนสบตากันทันที แสงดาวบ่นบ้าตามเรื่อง
“ไอ้เสี่ยมันคงใช้ให้ทํางานหนักละสิ...ดี สมน้ำหน้า อยู่ดีไม่ว่าดี ไปเป็นสมุนของคนพาล”
“ไม่เอาน่าแสงดาว ไปว่าพี่ฤทธิ์เขา เรายังไม่รู้อะไรแน่ชัดอย่ารีบสรุป” แสงจันทร์ปรามน้องสาว
“แค่มันมาข่มขู่น้าเป้าให้ขายร้านให้มัน พี่แสงจันทร์ยังว่าเราไม่รู้อะไรอีกเหรอ...นี่แหละเวรกรรมที่พี่ฤทธิ์ทํากับคนเกาะมุก เลยต้องเจ็บตัวยังงี้”
หมอนทีส่ายหน้าพลางยิ้ม “โชคดีนะที่คุณแสงดาวไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับคนไข้ของ หมอทุกคน”
“ทุกคนที่มารักษาเป็นคนดี เป็นพี่น้องชาวเกาะมุก ฉันจะไปว่าอะไร หมออย่าหาเรื่องฉันนะ”
แสงดาวงอน นทีอมยิ้มมองแสงดาวอย่างแสนรัก

ด้านดารินบอกกับเทวาโต้งๆ
“ฉันอยากไปเกาะมุก”
“ไปทําไม ที่นั่นไม่เห็นมีอะไร ผมน่ะมาจากเกาะมุก ตัวจริงเสียงจริงเลยละครับคุณดาริน...เชื่อผมสิ”
ดารินโพล่งออกมาอีก “ฉันอยากไปหากินที่นั่น”
ปลาดุกสําลักน้ำทันที ส่วนเทวาทวนคำ “หากิน” แล้วหัวเราะ
“หัวเราะทําไม”
“ไม่มีใครเป็นลูกค้าคุณหรอก คนที่นั่นเขาเป็นคนดีมี ศีลธรรม ผัวเดียวเมียเดียว ไม่มีใครสนใจคุณหรอก”
“แต่ฉันรู้มาว่าต่อไปเกาะมุกจะเจริญมาก มีนักท่องเที่ยวเต็มเกาะ โรงแรม ร้านอาหารผับบาร์จะผุดขึ้นเป็นดอก
เห็ด มีนักลงทุนจ้องจะเข้าไปลงทุนกันตั้งหลายรายถ้าฉันไปก่อน..ฉันก็จะกลายเป็นเจ้าแม่ที่นั่น” ดารินเพ้อ
เทวาเสียงเข้มขึ้น “เกาะมุกจะไม่มีวันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด”
“เกาะหลายเกาะที่กําลังฮิตกันอยู่ทุกวันนี้ก็เคยเป็นอย่างเกาะมุกมาก่อน ไม่มีใครห้ามความเจริญได้หรอก”

คืนนั้นทุกคนอยู่ต่อหน้าหลวงปู่หาญ มนต์เอ่ยขึ้น
“ผมอยากรู้ว่าพี่ฤทธิ์ไปทําอะไรมา ทั้งที่ก่อนออกไปจากโบสถ์ พี่ฤทธิ์ยังแข็งขันดื้อดึง ไม่มีอาการป่วยเลย”
บุญกู้มองหน้าหลวงปู่หาญ เหมือนคาดเดาว่าหลวงปู่ จะตอบอย่างไร
“เจ้าฤทธิ์ถ่ายพลังเทวดาให้คนอื่น โดยที่คนพวกนั้นไม่ได้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ก่อน...พลังจึงหมดจากตัวเจ้าฤทธิ์”
สิงห์พึมพำ “นี่แหละกรรมที่มันทําไว้กับหลวงปู่”
ก้องคาใจ “แล้วพี่ฤทธิ์จะกลับไปที่ชายฝั่งอีกหรือเปล่า”
“คงห้ามยาก...พี่ฤทธิ์เหมือนถูกล้างสมองจนไม่เหลือความเป็นพี่ชายคนโตของพวกเราแล้ว” เดชว่า
หลวงปู่เอ่ยขึ้น “ทุกอย่างเป็นอนิจจัง อย่ายึดมั่นถือมั่น วันนี้เป็นอย่างหนึ่ง วันหน้าเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้ แม้แต่พวกเจ้าทุกคน วันหน้าก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปยิ่งกว่าเจ้าฤทธิ์ก็ได้”
ทุกคนนิ่งเงียบไป

ตรงลานจอดรถของสวนอาหาร เทวาเปิดประตูแล้วรีบแทรกตัวเข้าไปนั่ง ทํามือให้ปลาดุกไปนั่งที่เบาะหลังบ้าง
ดารินยิ้มหันมาถาม “ส่งที่อพาร์ทเมนต์นะ”
ปลาดุกบอกทันที “ไม่...ฉันจะไปงานวัด..วัดเมื่อคืนที่คุณหนีพวกมันน่ะ”
“ไปทําไม”
เทวาหันมาส่งสัญญาณไม่ให้ปลาดุกพูด แต่ไม่ได้ผล
“อายอะไร...บอกเขาไปเลยว่าไม่มีเงินใช้ ก็เลยจะไปหากิน แต่ไม่ได้มีอาชีพพิเศษอย่างเธอนะ ฉันจะไปชกมวย ส่วนนายเทวาเขาจะไปประกวดร้องเพลง”
ดารินยิ้มแย้ม สดชื่น “ฉันจะไปเชียร์เธอสองคน”
ดารินขับรถออกไป เทวาซ้อมร้องเพลงลูกทุ่ง ส่งเสียงร้องเล่นลูกคอจนปลาดุกต้องปิดหู
“โอ๊ย เดี๋ยวต่อยมวยไม่ได้”
ปลาดุกถอดเสื้อเทวาหันไป “ทําไรปลาดุก”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าหันมา”
เทวาหันขวับไปทันที “ทําไมต้องแก้ผ้าในรถ”
“ฉันเตรียมชุดชกมวยมาเรียบร้อย ใส่ไว้ข้างใน”
เห็นปลาดุกใส่เสื้อกล้ามรัดตัวพร้อมจะชกมวยดารินหัวเราะชอบใจ
“ปลาดุกนี่มืออาชีพจริงๆ”

ในเวลาต่อมาปลาดุกกับคู่ชกตรงเข้าหากันทันทีที่กรรมการสั่งให้ต่อยได้ คนเฮ เชียร์กันสนุก ปลาดุกใช้ลีลามวยไทยที่ทําให้คนตะลึง ดารินมองดูอย่างสนใจ เทวาเชียร์อย่างออกรส ออกลีลาท่าทาง
เพียงยกแรก ปลาดุกก็ควํ่าคู่ชกลงไปนอนนับสิบ กรรมการชูมือให้ปลาดุกเป็ นผู้ชนะ
ดารินกระโดดปรบมือตัวลอย เซไปชนกับเทวา เทวากอดไว้ในอ้อมแขน ดารินได้สติ รีบผละออก เทวาเลยเก้อๆ ไป ปลาดุกลอดเชือกเวทีลงมา
“เก่งมาก ปลาดุก สมกับเป็นมืออาชีพเลย” ดารินหันไปชม
“ฉันมีเงินแล้ว ประทังชีวิตไปได้หลายวัน นายล่ะเทวาจะทําสําเร็จมั้ย”

เทวากําลังร้องเพลงด้วยลีลาสนุกสนาน คนดูปรบมือมีอารมณ์ร่วมกับเพลงของเทวา ดารินยืนมองอมยิ้ม ใบหน้าสวยในท่ามกลางแสงสีของงานวัด
เทวาร้องเพลงส่งสายตามาที่ดารินเป็นระยะ แล้วก็หันไปสบตากับแฟนเพลง คนดูซื้อพวงมาลัย ติดเงินคล้องให้เทวาจนเต็มคอ
“แบบนี้ชนะแน่”
ดารินยิ้ม มองดูเทวาอย่างมีความสุข ส่วนปลาดุกก็เต้นออกท่าทางหน้าเวที สนุกสนานกันทั่วหน้า
เทวาร้องเพลงเสร็จ คนดูปรบมือเกรียว

เดชจอดรถสองแถวรอรับฤทธิ์อยู่ที่หน้าอนามัย ฤทธิ์เดินออกมาอย่างช้าๆท่าทีอิดโรย แสงดาวกับหมอนทีเดินออกมาส่ง
“ช่วงนี้ต้องพักผ่อนมากๆ นะครับ” นทีกำชับ
“ครับ หมอ”
“จะทําได้เหรอ...อยู่ดีไม่ว่าดี ไปเป็นวัวเป็ นควายให้เขาใช้ครั้งหน้าคงไม่แค่ให้น้ำเกลือ เผาเลยดีกว่า” แสงดาวแดกดัน
นทีปราม “คุณแสงดาว”
แสงดาวงอน มองไปที่รถสองแถว “พี่เดชมารับแน่ะ”
สิงห์กับเดชออกมาจากรถ สิงห์เอ่ยขึ้น “พี่ฤทธิ์ น้าบุญกู้อยากพบพี่”
ฤทธิ์มองออกไป เดชบอก “ทุกคนจะไปพร้อมกันที่วัด ก้องไปรับมนต์จากโรงเรียน”
ฤทธิ์หันมา “ไม่ไปได้มั้ย”
สิงห์กับเดชอึ้งไป เช่นเดียวกับแสงดาว สิงห์บอกอีก
“น้าบุญกู้ไม่เคยขออะไรพวกเราเลยนะ แกเลี้ยงเรามา แกขอร้องแค่นี่พี่ฤทธิ์ให้ไม่ได้เชียวเหรอ”

ทุกคนอยู่ที่ลานเจดีย์เก่าแก่ของวัด
ฤทธิ์บอก “ผมไม่มีเวลามากนัก น้าบุญกู้มีธุระอะไรก็รีบพูดมา”
“ฤทธิ์ คืนนี้ค้างที่วัดได้มั้ย”
“ทําไม”
“เมื่อนายจะไป ก็ไม่มีใครห้ามนายได้ น้าขอเอ็งครั้งเดียวและจะขอเป็นครั้งสุดท้ายด้วย...นั่งสมาธิรวมพลัง
กัน เรียกเทวากลับมาได้มั้ย”
สิงห์ เดช มนต์ ก้องยิ้มดีใจ ฤทธิ์บอกออกมา “ได้น่ะได้อยู่หรอกน้า แต่ไอ้เทวามันจะกลับมาหรือเปล่าผมไม่รู้ มันยิ่งไม่ถูกกับผมอยู่ด้วย”
“น้าเชื่อว่าพวกเอ็งทุกคนทําได้”

ฤทธิ์มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ระงับไว้

ที่อพาร์ทเม้นต์ ในห้องพักของเทวา ปลาดุกนั่งนับเงินซึ่งมีอยู่หลายร้อย

“คืนนี้ นายจะไปร้องเพลงล่ารางวัลหรือเปล่า”
“เพิ่งได้รางวัลมาเมื่อคืน ไปอีก เขาได้ด่าเอาสิ”
“มีกฎว่าคนที่แข่งแล้วจะแข่งอีกไม่ได้เหรอ ฉันว่านายไม่กล้ามากกว่า”
เทวาถูกท้าทายเลยไม่ค่อยพอใจ “มีเหรอจะไม่กล้า”

ตกตอนค่ำ ขณะที่ปลาดุกกับเทวาออกมาจากอพาร์ทเม้นต์ก็เห็นดารินจอดรถรออยู่ ดารินกดกระจกลง
“สงสัยจะติดใจนายว่ะ” ปลาดุกแซว
“คนมันหล่อ มีแต่สาวทอมอย่างแกแหละที่ไม่มองฉัน”
“แหวะ”
ทั้งสองตรงไปที่รถของดาริน “จะไปงานวัดอีกหรือเปล่า”
“รู้ได้ไง” ปลาดุกงง
“เดาเอา...เชิญ”
ปลาดุกเปิดประตูหน้า เทวารีบแทรกตัวนั่งแทนได้สําเร็จ
ปลาดุกบ่นเซ็ง “นั่งหลังก็ได้วะ”

ส่วนบุญกู้บอกกับฤทธิ์ต่อ “เทวามันผูกพันกับนายนะฤทธิ์ ถ้านายส่งจิตถึงมัน...มันจะรับกระแสพลังจากพวกเราได้”
“ผิดไปแล้วมั้งน้าบุญกู้ ไอ้เทวาหรือผูกพันกับผม มันเกลียดผมจะตายไป..แต่เอาเถอะ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
ของน้า..ผมจะลองดู”
“ขอบใจฤทธิ์ ขอบใจจริงๆ”
บุญกู้ยิ้ม มองทุกคนที่นั่งสมาธิ อยู่รอบๆ เจดีย์เก่า

ขณะเดียวกันเทวายังคงวาดลีลาร้องเพลงได้ชนะใจแฟนๆ คนดู ปลาดุกปรบมือเต้นประกอบจังหวะ ดารินได้แต่หัวเราะขําๆ

ด้านบุญกู้ที่สัปหงกอยู่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อแสงฟ้าสาดไปทั่วฟ้า ฟ้าร้องครืนๆ แสงประกายไฟปรากฏที่เหนือศีรษะของทุกคน สีหน้าของบุญกู้ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด
คลื่นในทะเลปั่นป่วน ลมพัดแรง แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ทุกคนยังนั่งสมาธิกันอย่างสงบ

เทวาร้องเพลง แล้วมองเห็นท้องฟ้าเป็นกระแสพลังเทวดา ลมปะทะหน้า เทวาเริ่มร้องไม่ออก เสียงหาย
เทวาพยายามจนเสียงหลง ไมค์เกิดหอน ไม่ยอมหยุด
ปลาดุกกับดารินมองจนแปลกใจ เทวาสบตากับคนทั่งสองทําอะไรไม่ถูก
คนดูเริ่มโห่ไล่ลงมา เทวายืนนิ่ง มองดูท้องฟ้าเห็นลมปั่นป่วน แสงฟ้าปรากฏเหมือนฝนจะตก
ดารินกุมขมับ ยืนโงนเงน “โอย..ปวดหัว”
ดารินหน้านิ่วแล้วก็โรยตัวลง ปลาดุกรับไว้ได้ทัน
“คุณๆๆๆ”
เทวามองเห็นปลาดุกประคองดารินที่เป็นลมอยู่ก็รีบลงมาจากเวที
“ดาริน...ดาริน...คุณดาริน”

ทุกคนลืมตาขึ้น มนต์ส่ายหน้า “คงไม่สําเร็จ เหมือนพลังส่งไปแต่ไม่มีใครรับพลังเลย”
“บางทีไอ้เทวามันอาจจะตายแล้วก็ได้” ฤทธิ์ว่า
ก้องไม่พอใจ จะโดดเข้าใส่ มนต์กับเดชห้ามไว้
“ไม่เอาไอ้ก้อง”
“หมดธุระแล้วใช่มั้ย ผมจะได้กลับ”
สิงห์มองฤทธิ์อย่างผิดหวัง “ข้าวที่วัดนี้มันมียางน้อยกว่าข้าวไอ้เสี่ยคงคาหรือไงพี่ฤทธิ์”
ฤทธิ์ไม่ตอบมองทุกคนอย่างแค้นๆ แล้วผละไป

ฝ่ายปลาดุกกับเทวาประคองดารินมาที่รถ สักครู่ดารินเริ่มรู้สึกตัว
“ดีขึ้นแล้วละ ฉันเดินเองได้”
“เป็นอะไร จู่ ๆ ก็เป็นลม หิวข้าวทําไมไม่บอก”
“เปล่า ตอนที่นายร้องเพลงน่ะ...ฉันรู้สึกเหมือนมีคลื่นอะไรบางอย่างมันลอยมาในอากาศแล้วฉันก็ปวดหัว
จนทนไม่ได้ หน้ามืดไปเฉยๆ”
เทวาประหลาดใจ ปลาดุกสอด “ภาษาที่บ้านฉันเขาเรียกว่าเป็นลม”
เทวามองหน้าดารินเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง

กลางดึกเทวานอนที่พื้น แต่ยังนอนไม่หลับ ครุ่นคิดอยู่ในใจ
“เป็นไปได้ยังไงที่ดารินจะรับพลังเทวดาได้...ไม่จริงหรอกคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า”

เทวานอนนิ่งดูเพดานอยู่อย่างนั้น

อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น