พายุเทวดา ตอนที่ 8
ภายในห้องพักของรีสอร์ตค่ำคืนนั้น เทวาผวาลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปที่หน้าต่าง แหวกม่านดู เห็นสายฟ้าพาดสายลงมา
เขาพึมพำเบาๆ “พี่ฤทธิ์”
ฝ่ายฤทธิ์ยืนงงอยู่ เมื่อร่างของคล้ามปรากฏขึ้นตรงหน้าเวลานี้
“เรียกข้าทําไม...คิดว่าข้ามาจากเกาะหัวสิงห์ไม่ได้รึ”
ฤทธิ์ทรุดกายลงนั่งไหว้ เงยหน้าขึ้น ดวงตาของฤทธิ์แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายอมรับคล้ามเป็นอาจารย์
“ข้ารู้ว่าเจ้ากําลังทุกข์ที่ถูกดูหมิ่น จะให้ข้าช่วยอะไรล่ะ”
“ผมยอมทุกอย่างครับอาจารย์ ขออย่างเดียวให้ผมเป็นผู้ชนะ อาจารย์ต้องช่วยผมนะครับ...จะให้ผมเรียนวิชาอะไรยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน ผมก็ยอม”
คล้ามมองหน้าฤทธิ์ “วิชามนตราปักษีของข้าแพ้ไอ้พวกพลังเทวดาอย่างเจ้า เจ้ายังจะยอมรับข้าอีกหรือ”
“ครับอาจารย์”
คล้ามหัวเราะ “เมื่อเจ้ายอมรับข้าด้วยใจ ข้าก็จะให้ใจกับเจ้า...เงินทอง ศักดิ์ศรีสําหรับข้าไม่มีความสําคัญสําหรับข้าหรอก ข้ามันก็วิญญาณเร่ร่อนที่หล่อเลี้ยงอยู่ได้ด้วยความแค้น...เจ้าต้องช่วยข้าให้ชนะศัตรู โดยเฉพาะไอ้หาญ”
ฤทธิ์กลืนน้ำลาย อึ้งไป “หลวงปู่ น่ะหรือครับ”
“เออ...ไอ้หาญน่ะแหละ...ถ้าเจ้ายอมรับข้า เจ้าไม่ต้องเรียนวิชาใดๆ ของข้าหรอก เพียงแค่...”
คล้ามมองตาฤทธิ์ เหมือนจะหยั่งเข้าไปในจิตใจ
“ยอมให้ข้าใช้ร่างของเจ้าทุกครั้งที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ เมื่อนั้นข้าก็จะมาต่อสู้แทนเจ้า”
ฤทธิ์ตาเป็นประกายดีใจ “จริงนะครับอาจารย์”
“จริงสิ”
คล้ามหัวเราะเสียงก้อง ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาเป็นแสงฟ้าสว่างวาบไปทั้งผืนฟ้า
“ต่อไปนี้พลังสายฟ้า หนึ่งในพลังเทวดาในตัวเจ้าจะประสานกับพลังอสูรของข้า...เป็นหนึ่งเดียวกัน”
คล้ามหัวเราะไม่หยุด แสงฟ้ าก็ฟาดเปรี ้ยงๆ นํ ้าในทะเลปั่นป่ วน
พลันร่างของคล้ามก็วูบเข้าสู่ร่างของฤทธิ์ ฤทธิ์สะดุ้งในทันที
เสียงคล้าม ไม่ต้องตกใจ เมื่อข้าแฝงร่างเจ้า เจ้าจะรู้ตัวทุกอย่างแต่ ฝื นไม่ได้เท่านั ้น...ยอมรับข้าหรือไม่เล่า..
“ครับ อาจารย์”
ในร่างของฤทธิ์ มีภาพของคล้ามซ้อนอยู่ภายใน
ที่หน้าโบสถ์มหาอุตม์ หลวงปู่หาญแหงนมองท้องฟ้า เห็นแสงฟ้าสว่างวาบ บุญกู้เข้ามาหา แล้วยืนมองท้องฟ้าบ้าง
“ใช่พลังของเจ้าฤทธิ์หรือเปล่าครับหลวงปู่ ทําไมมันถึงดูรุนแรงกว่าปกติ”
หลวงปู่หาญไม่ตอบ เดินกลับเข้าไปในโบสถ์ บุญกู้ไม่กล้าตามเข้าไป ได้แต่สงสัยว่าทําไมหลวงปู่ จึงมีท่าทีเช่นนั้น
ขณะนั้นเทวามองท้องฟ้า สีหน้าไม่สบายใจ
“พี่ฤทธิ์ต้องทําอะไรสักอย่าง”
ฤทธิ์นอนหลับอยู่ในห้องพักที่บ้านคงคา แล้วตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฤทธิ์ก้มลงวักน้ำจากก๊อกที่อ่างล้างหน้าล้างตา ถอดเสื้อ นุ่งผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำ แล้วฤทธิ์ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมองตัวเองในกระจก เห็นรอยสักขึ้นเต็มตัวไปหมด
ฤทธิ์ถอยกรูดจนหลังไปปะทะผนังห้องน้ำ
“ไม่...ไม่จริง...”
เสียงคล้ามดังขึ้น “เจ้ายอมรับข้าเป็นอาจารย์แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องตกใจหรอก...ข้าจะให้เจ้าเห็นรอยสักเหล่านี้เมื่อข้าแฝงร่างเจ้าเท่านั้น...ยอมรับได้ใช่หรือไม่”
ฤทธิ์พยักหน้าช้าๆ สีหน้ายังหวาดกลัวอยู่
ตอนกลางวัน ผู้โดยสารยืนรอกันอยู่ที่ท่าเรือไปเกาะมุก พร้อม และ กานดา อยู่ด้วย พร้อมถามด้วยเสียงไม่มั่นใจ
“แน่ใจนะคะคุณผู้หญิง”
“แกก็อย่าให้คุณคงคาเขารู้สิ...ฉันอยากไปกราบท่านมานานแล้ว แต่ติดที่คุณคงคาเขาขวางไว้”
“แล้วทําไมคุณผู้หญิงถึง...”
กานดาตอบเสียงเศร้าๆ “คนเราถ้าหมดความนับถือกันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ อีกอย่างฉันได้ยินเรื่องราวของพระอาจารย์องค์นี้มานานแล้ว ตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปกราบสักครั้งหนึ่งให้ได้”
พร้อมนิ่งคิดแล้วตัดสินใจพูด “ดีเหมือนกันค่ะคุณผู้หญิง หมู่นี้บ้านเรามีอะไรแปลกๆ อิฉันรู้สึกเหมือนมีวิญญาณเดินอยู่ในบ้านค่ะ”
กานดาเห็นด้วย “เป็นไปได้พร้อม...ถ้าบ้านมีแต่คนชั่ว สิ่งชั่วๆ ไม่เป็นมงคลก็ย่อมเข้ามาในบ้าน”
พร้อมพยักหน้าช้าๆ เข้าใจ สองคนไม่รู้ตัวว่า ที่มุมหนึ่งเห็นฤทธิ์ยืนมองมาที่ทั้งสองคนอย่างจับสังเกต
ส่วนที่ด้านนอกของท่าเรือ เทวาจะลงมาที่ท่าเรือ แล้วชะงักเมื่อเห็นฤทธิ์ยืนเกร่อยู่ ปลาดุกสงสัย
“ทําไมไม่ลงเรือล่ะ”
“ไปเที่ยวหน้าดีกว่า...”
เทวาฉากหลบ แถมดึงตัวปลาดุกให้หลบตามด้วย ปลาดุกสงสัย มองตาม เทวาเห็นฤทธิ์เดินผ่านไป
“ใคร”
“ไม่มีอะไรหรอก”
ปลาดุกยิ้มรู้ทัน “นายจะรอริน ก็เลยแกล้งทําเป็นว่าเจอคนรู้จัก นายนี่มันผู้ร้ายปากแข็งจริงๆ”
เทวาหันมาตอบดุ น้ำเสียงขุ่น “ถ้าไม่จําเป็น ก็ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงคนนี้”
ฤทธิ์ไม่ได้ข้ามไปเกาะ แต่กลับบ้านเสี่ยมารายงานเรื่องกานดากับพร้อม เวลานี้ยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน
คงคาถามย้ำ “แกแน่ใจนะว่าเห็นกานดากับนังพร้อมไปที่ท่าเรือ”
“ครับ ไปเกาะมุก”
หยาดฟ้าหน้าเสียไป “ไม่รู้จะเกี่ยวกับเรื่องนังเปียหรือเปล่า นี่ถ้าเมียเสี่ยวุ่นวายยังงี้ มีหวังงานของเราล่มแน่”
คํารณบอกพันท่าทีหงุดหงิด “ไอ้พัน รู้จักเตือนแม่เอ็งด้วย อย่าทําตัวเจ้ากี้เจ้าการ พาแม่ฉันพลอยวุ่นวายไปด้วย”
ธงกับศรสบตากันยิ้มเยาะ พันจ๋องรับคำ “ครับ”
“นายฤทธิ์ เอาเรือเร็วไป ฉันต้องการให้แกไปคนเดียว จะได้ไม่ดูเอิกเกริก อย่าให้เมียฉันรู้ล่ะว่าแกสะกดรอยตามมา...แกน่าจะไปถึงก่อนเรือโดยสาร ขึ้นที่หน้าบ้านนายฤทธิ์ล่ะ คนจะได้ไม่สงสัย”
“ครับเสี่ย”
คงคาโยนกุญแจเรือให้ฤทธิ์
ฟากพร้อมกับกานดารออยู่ที่ท่าเรือ ก้องเข้าไปบริการ
“มีของมั้ยครับ ผมถือให้”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ คือว่าฉันสองคนจะไปกราบหลวงปู่หาญน่ะจ้ะ เธอรู้มั้ยว่าวัดเกาะมุกใต้ไปยังไง” พร้อมบอก
ก้องยิ้มพยักหน้า “ทางนี้เลยครับ”
ไม่นานต่อมา กานดากับพร้อม นั่งอยู่ในตอนหลังของรถสองแถวเดช ที่วิ่งมาตามถนนบนเกาะมุก เดชขับรถไป สีหน้าสงสัย ในที่สุดเดชก็จอดรถ
กานดากับพร้อม ระวังตัวกันแจ “นี่แกจะทําอะไร..แกรู้มั้ยว่าฉันสองคนเป็นใคร”
กานดาปราม “ไม่เอาน่าพร้อม...ฉันมาดีนะ ฉันอยากกราบหลวงปู่ ถ้าเธอคิดจะปล้นฉัน ก็บอกมา ฉันจะยกให้หมดเลย สร้อยแหวน นาฬิกา เงินฉันก็ให้ ขออย่างเดียวให้ฉันได้กราบหลวงปู่”
สุดท้ายเดชบอก “ถ้ามาดี ก็ได้”
เดชกลับไปที่นั่งของตน ขับออกไป
กานดาบอกกับพร้อมที่เบาะด้านหลัง
“นี่แหละบารมีของพระดีล่ะ มีคนศรัทธากันมาก..กลัวท่านเป็นอะไรก็เลยปกป้องกันมาก”
กานดากับพร้อม กราบหลวงปู่หาญ อยู่ในโบสถ์มหาอุตม์
ที่ด้านหนึ่ง เดชกระซิบกับบุญกู้ “ผมไม่วางใจเลยน้าบุญกู้ ยิ่งรู้ว่ามาจากฝั่งโน้นด้วย ไม่รู้เป็นพวกไอ้คงคาหรือเปล่า”
บุญกู้พยักหน้า เดชเดินออกไป หลวงปู่ถาม “มีธุระอะไรหรือโยม”
“โยมไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ”
หลวงปู่เทศนาธรรม “ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยทั้งนั้น ค้นหาต้นเหตุแห่งทุกข์ให้ได้สิ แล้วก็แก้ที่เหตุนั้น”
“ใจโยมมันร้อนรุ่มไปหมดเจ้าค่ะ”
“ก็เพราะเอาใจแบกปัญหาไว้ แบกไว้ก็หนัก วางลงเสียบ้างเถิดโยม”
กานดาสบตาหลวงปู่ น้ำตาคลอ “ทํายังไงคะถึงจะให้สามี ลูกและบริวารเป็นคนดีเหมือน คนในครอบครัวอื่น”
บุญกู้มองหน้ากานดาอย่างสนใจ “ทุกอย่างเกิดจากกรรม โยมเอาจิตไปผูกพันกับความชั่ว ความไม่ดีของคนอื่น จิตของโยมก็เศร้าหมอง สะสมทุกข์ไว้ มันก็เลยร้อนรุ่ม”
พร้อมเอ่ยขึ้น “แล้วถ้าที่บ้าน...เอ้อ...อิฉันรู้สึกว่า...ทีบ้านมีผีน่ะค่ะหลวงปู่ จะช่วยได้มั้ยเจ้าคะ”
หลวงปู่บอก “เอาน้ำมนต์ไปพรมบ้านนะ น้ำมนต์นี่สวดทุกวันมาตลอดพรรษา...ศักดิ์สิทธิ์มาก”
พอพร้อมกับกานดาเดินลงมาจากเรือ ก็เห็น พัน ธง ศร หยาดฟ้ายืนรอ หน้าตาเอาเรื่อง พร้อมเห็นก่อน
“คุณผู้หญิงขา”
“หนึ่งในนั้นก็คือไอ้พัน ลูกของแม่พร้อม จะกลัวอะไรล่ะ”
พร้อมกับกานดาเดินไป หยาดฟ้าถาม “ไปเกาะมุกมาเหรอ”
“ใช่...ฉันไปกราบหลวงปู่ มา”
คนสวยใจทราม หยาดฟ้าแขวะ “เป็นญาติข้างไหนกันล่ะ ถึงต้องไปกราบด้วย”
กานดามองหยาดฟ้าอย่างดูแคลน ยิ้มหยัน
“คนที่หนีนรกมาเกิดอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก เกิดชาติไหนก็คงไม่ได้พบพระพบเจ้า..ชาติที่แล้วหล่อนคงเป็นประเภทตายเช้าเผาเย็นก็เลยไม่รู้จักทําบุญ”
หยาดฟ้าถลึงตาใส่ “มีอะไรก็ไปพูดที่บ้าน เสี่ยให้ฉันมารับ”
หยาดฟ้าชี้มือไปที่รถซึ่งจอดอยู่ เห็นธงยืนรออยู่ข้างรถ กานดาเดินหน้าเชิดไปที่รถ พร้อมจะก้าวตามไป พันก็รั้งมือพร้อมไว้
“แม่...ฉันขอร้องนะ ต่อไปแม่อย่าทํายังงี้”
“ไอ้พัน เอ็งไปเกิดใหม่เป็นพ่อข้า เอ็งค่อยมาสอนข้า”
พร้อมเดินไป พันมองตาม ศรจงใจพูดเหน็บให้พันได้ยิน
“นี่ถ้านังพร้อมไม่ใช่แม่ไอ้พัน ข้าตบฟันหักหมดปากแล้ว”
ศรมีท่าทีฮึดฮัดใส่ พันไม่พอใจ
เทวากับปลาดุกยืนแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง
“อะไรอีกล่ะ เรือไปแล้ว”
ทั้งสองเหลียวไปเห็นเรือเริ่มห่างออกจากท่า ปลาดุกกับเทวาวิ่งมา แต่เจ้าหน้าที่กันไว้ไม่ให้ไป
“คราวนี้นายอย่าโทษใครเลยนะ นายต้องโทษตัวเองแล้ว”
ฟากดารินนั่งซึมอยู่นอกบ้าน ส่วนภายในบ้าน เห็นมณีนั่งคุยเบาๆ กับบุญเกิด
“นี่ฉันต้องเสียลูกไปแน่ๆ”
“คุณนายอย่าลืมสิครับ...ว่าเขามาจากที่นั่น”
มณีหันมาทางบุญเกิด มีสีหน้าตกใจ “เธอรู้เหรอ”
“ครับ..ผู้กองเล่าให้ผมฟังว่าเด็กคนนี้ได้มาจากหลวงปู่หาญ”
มณีขอร้องเสียงสั่น “เธออย่าบอกให้รินรู้นะบุญเกิด”
“ครับคุณนาย...บางทีหนูรินอาจจะมีสัญญาเก่าที่นั่นให้เขาไปเถอะครับ ดีกว่าให้ตรอมใจตายอยู่ที่นี่”
มณีร้องไห้พร้อมกับพยักหน้าบอก “ไปตามริมมาให้ฉันที”
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ฟากเทวายืนทอดสายตามองไปที่สายน้ำ แล้วมองกราดไปทั่วท้องฟ้า นึกถึงสายฟ้าที่เห็นเมื่อคืนเข้ามา
“เมื่อคืนต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น”
เทวาก้าวเร็วๆ ไปติดต่อเรือประมงที่จอดอยู่อยู่บริเวณนั้น ปลาดุกตามมางงๆ
“อย่าบอกนะว่านายจะเช่าเรือนี้ไปเกาะโน้น”
“กลัวอะไร เรือพวกนี้จับปลาน้ำลึกในมหาสมุทรทั้งนั้น แค่เขาออกไปตกหมึกก็ไกลกว่าเกาะมุกแล้ว ถ้ากลัวก็อยู่ที่นี่แหละ”
เทวากระโดดลงเรือ ปลาดุกโวยวาย “เฮ้ย..เทวารอด้วย”
ปลาดุกกระโดดขึ้นเรือ เห็นเรือเบนหัวออกจากท่า
ฝ่ายมณีใช้มือไล้ไปตามใบหน้าของดาริน ร้องไห้ออกมา
“แล้วจะไปเมื่อไหร่ริน”
“รถเที่ยวคํ่านี้แหละค่ะ ไปถึงก็เกือบเช้ามืดพอดี”
“ทําไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น”
ดารินซบหน้ากับขาแม่ “แม่ขา รินขอโทษ แต่รินเป็นอะไรไม่รู้ มันร้อนรุ่มไปหมด เหมือนกับว่ามีใครสักคนรอรินอยู่ที่นั่น อยากให้รินไปที่นั่น รินก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะแม่”
มณีลูบผมดารินอย่างเข้าใจ พยักหน้า หยาดน้ำตาของแม่ หยดลงที่แก้มนวลของดาริน บุญเกิดมองอย่างสงสาร
“แล้วส่งข่าวมาหาอานะ อาจะได้บอกให้แม่เขารู้”
“ค่ะ อา รินสัญญา..รินฝากแม่มณีด้วย เนตรทรายจะมาดูแลอากับแม่ระหว่างที่รินไม่อยู่ค่ะ”
กะเทยถึก หวานใจ ตกใจที่ถูกพร้อมพรมน้ำมนต์ใส่หน้า
“ว้าย ฉันไม่ได้ถูกผีเข้านะยะ เอาน้ำมนต์มาพรมใส่หน้าฉัน โน่น..นายแกต่างหาก คุ้มดีคุ้มร้าย จับอาบเลยสิ”
กานดาเดินมาพอดี “ขืนก้าวร้าวฉันอีก ฉันไล่เธอออกแน่”
หวานใจนิ่งไป คงคาเดินมา มองงงๆ “ทําอะไร”
กานดาบอก “พรมน้ำมนต์ล้างซวยค่ะ”
“ประสาท ไปเอาความคิดบ้าๆ นี่มาจากไหน”
“คุณอย่าห้ามฉันเลย เพื่อความสบายใจของฉัน ทีคุณทําในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ ฉันยังไม่เคยห้ามคุณได้ คุณก็ห้ามฉันไม่ได้เหมือนกัน”
คงคาหงุดหงิด พร้อมพรมน้ำมนต์หลวงปู่หาญไปตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน เงาดํา ผีของคล้ามลอยออกจากตามที่ต่างๆ ลมเย็นพัดมา
“แปลกจัง พอพรมน้ำมนต์เสร็จ ลมก็พัดเย็นสบาย”
หวานใจเบ้ปาก เดินลงส้นไปทางหนึ่ง พร้อมอยากจะด่าตามหลัง ได้แต่มองตามเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ขณะเดียวกัน ภายในถํ้าที่เกาะหัวสิงห์ อาจารย์คล้ามตวัดใบหน้ามา เห็นเงาดําวูบอยู่ตามที่ต่างๆ
“ใครใช้ให้พวกเอ็งกลับมา”
เงาดําไม่ตอบ คล้ามหลับตา มีภาพหลวงปู่หาญผุดเข้ามาในห้วงสมาธิ
“มึงกับกูจะได้เห็นดีกัน”
ตอนเย็น วันเดียวกันนั้น
ฤทธิ์เดินเข้ามาในวัด เห็นเงาร่างของคล้ามซ้อนอยู่ บุญกู้เห็นก็ไม่พอใจละมือจากไม้กวาดหันมาหา
“ไอ้ฤทธิ์ ข้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาเหยียบที่นี่อีกเอ็งมาทําไม ถ้าไม่เคารพหลวงปู่ เอ็งก็ออกไปซะ
ทําอะไรไว้ให้คนเขาสาปแช่งกันทั้งเกาะ เอ็งรู้ตัวรึเปล่า”
ฤทธิ์มองบุญกู้ตาเขม็งแล้วก็แสร้งทําเป็นตาละห้อย น้ำตาคลอ ทรุดลงนั่งพนมมือ
“น้าบุญกู้ ผมผิดไปแล้ว ผมมาที่นี่เพราะผมรู้สึกผิด ผมสํานึกแล้ว...ผมอยากมากราบขอขมาหลวงปู่ กับน้าบุญกู้”
บุญกู้เมินหน้าหนีไปทางอื่น “ข้าจะเชื่อวาจาโจรได้เหรอ”
ฤทธิ์เล่นละครต่อ “น้าบุญกู้ครับ ผมสัญญาถ้าผมได้กราบขอโทษหลวงปู่แล้ว ผมจะไม่มาเหยียบเกาะมุกอีก ขอให้ผมได้ล้างความผิดในใจผมเถอะครับ”
ฤทธิ์คลานเข้าไป แล้วกราบเท้าบุญกู้ บุญกู้ค่อยๆ หันมา ดวงตาอ่อนลง
“ไอ้ฤทธิ์ หลวงปู่ คงดีใจ ถ้าเอ็งสํานึกผิดจริง”
“ครับน้าบุญกู้ หลวงปู่ อยู่ที่ไหน ผมจะไปกราบขอขมาท่าน”
บุญกู้เชื่อน้ำตาซึมอย่างตื้นตัน พยักหน้าไปทางโบสถ์ “ในโบสถ์แน่ะ..ไปสิ”
ฤทธิ์ลุกขึ้นเดินไป เห็นเงาร่างของคล้ามยืนมองบุญกู้ด้วยสายตายิ้มเยาะอยู่มุมหนึ่ง
ในเวลาดียวกันนั้นที่ท่าเรือเกาะมุก คนโดยสารทยอยขึ้นจากเรือ ก้องตะโกนบริการยกกระเป๋า
“บริการยกกระเป๋าครับ...บริการยกกระเป๋า”
ก้องมองไปเห็นเทวาเดินมา “ไอ้..ไอ้...เทวา...”
ทั้งสองโผเข้ากอดกัน ก้องกระโดดโลดเต้นดีใจสุดๆ
“ดีใจที่เอ็งกลับมาไอ้เทวา...เอ็งจะกลับมาอยู่เลยใช่มั้ยวะ”
เทวาบอก “อืมม”
ก้องหันไปเห็นปลาดุกก็งง ปลาดุกยิ้มให้
ก้องโพล่งขึ้น “ใครวะ เมียเอ็งเหรอ”
“เฮ่ย...เพื่อน”
ก้องตัดบท “เออ รีบไปเถอะ ไปหาไอ้เดช เดี๋ยวมันจะออกรถไปก่อน”
ขณะที่เดชยืนพิงรถอยู่ที่ท่ารถสองแถว เห็นเทวาเดินมาก็ดีใจ
“ไอ้เทวา”
ทั้งสองดีใจ จับไม้จับมือกันไปมา “ทุกคนคิดถึงเอ็ง”
“ข้าก็เหมือนกัน ไปกราบหลวงปู่ ก่อนดีกว่า”
เดชบอก “เออ ไปสิ...ไอ้ก้องกลับวัดจะได้ไปเปลี่ยนเสื้อด้วย”
เทวาฉงน “จะไปไหนกันเหรอ”
เดชบอก “งานศพ”
ก้องเล่าสั้นๆ “น้าเป้าตายแล้ว...เรื่องมันยาวว่ะ เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง”
ทางด้านหลวงปู่หาญ ถึงกับผงะ เมื่อเห็นร่างของคล้ามซ้อนอยู่ในกายของฤทธิ์
“คล้าม...”
คล้ามหลุดออกจากร่างของฤทธิ์ ฤทธิ์ยืนมองตะลึง
หลวงปู่ชี้หน้าฤทธิ์ “เจ้าพามันมาที่นี่...เจ้ายอมเป็นศิษย์ของมัน ชีวิตของเจ้าจะต้องมีแต่ตกตํ่า”
ฤทธิ์โกรธ “ทุกวันนี้ฉันก็ไม่เห็นตกตํ่าเลยนี่หลวงปู่ มีแต่สูงขึ้น ๆ”
คล้ามรำคาญ “ไม่ต้องพูดมาก..เสียเวลา”
คล้ามร่ายเวทย์ ประสานมือกับฤทธิ์ ประกายแสงฟ้าสนั่นลั่นเปรี้ยง เป็นฟ้าผ่ารวมกันไปที่ร่างของหลวงปู่หาญ โดยที่หลวงปู่ไม่ทันระวังตัว ทว่าหลวงปู่มองนิ่งสงบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สู้ข้าสิ ไอ้หาญ...สู้ข้าสิ...ข้ารอคอยวันนี้มานานแล้ว วันที่เอ็งต้องตายด้วยพลังเทวดาที่เอ็งมีเหนือข้าไงล่ะ”
คล้ามหัวเราะลั่น มองดูสายฟ้าที่พุ่งไปที่ร่างของหลวงปู่ เหมือนไฟฟ้าช็อต แสงฟ้าส่องสะท้อนไปกระทบกับผนังโบสถ์แล้วสะท้อนกลับไปมา
บุญกู้ทิ้งไม้กวาดลงทันที มองฟ้าที่ยังผ่าเปรี้ยง สายฟ้ายังแลบแปลบปลาบ แล้วมองไปทางโบสถ์มหาอุตม์ก็เห็นประกายแสงฟ้าส่องลอดออกมาจากประตู
บุญกู้ตกใจ “ไอ้ฤทธิ์”
บุญกู้รีบเดินไปที่โบสถ์อย่างเร็ว
รถสองแถวของเดชวิ่งมา เดชมองฟ้า เช่นเดียวกับคนที่อยู่ข้างหลังมองไปที่ฟ้าเช่นกัน
“เมื่อคืนข้าก็เห็นสายฟ้าแบบนี้ที่ฝั่งโน้น...พี่ฤทธิ์คงทําอะไรสักอย่าง” เทวาบอกก้อง
ก้องเคาะกระจกตะโกนบอกเดช “เร็วหน่อยไอ้เดช”
รถของเดชแล่นไปราวกับจะบิน ธรรมชาติสองข้างทางเริ่มสลัวลงๆ ห้วงเวลาโพล้เพล้
ที่สุดร่างของหลวงปู่หาญหงายตึง กายทิพย์ของหลวงปู่วูบออกไปที่หน้าพระประธาน คล้ามตกใจ ร่างของคล้ามวูบเข้าใส่ร่างของฤทธิ์ เห็นลําตัวของฤทธิ์มีรอยสักขึ้นเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้า ฤทธิ์เดินอย่างเย็นชาออกมาจากโบสถ์มหาอุตม์ สวนทางกับบุญกู้ที่มองฤทธิ์อย่างตะลึง
“ไอ้..ไอ้...ฤทธิ์...มึงทําอะไรหลวงปู่”
บุญกู้พูดตะกุกตะกัก เพราะไม่แน่ใจว่าที่เห็นเป็นฤทธิ์จริงหรือไม่
ฤทธิ์มองหน้าบุญกู้แล้วเดินผ่านไป โดยไม่แยแส
บุญกู้รีบเดินไปที่โบสถ์ เห็นร่างของหลวงปู่ห่ญนอนหงายอยู่กับพื้นก็ตกใจ ร้องไห้โฮ
“หลวงปู่...หลวงปู่...ฮือๆๆ ใครทําหลวงปู่”
ฤทธิ์แสยะยิ้ม เห็นร่างของคล้ามซ้อนอยู่ แล้วเดินไปทางหนึ่ง
รถของเดชแล่นเข้ามาที่ประตูวัดอีกด้าน เทวารีบกระโดดลงมาจากรถก่อนคนอื่นด้วยความดีใจ ตรงไปทางโบสถ์เพื่อกราบหลวงปู่ เดช ก้อง ปลาดุกวิ่งตามมา
แต่แล้วทุกคนก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ครํ่าครวญของบุญกู้มาทางในโบสถ์
ทุกคนรีบวิ่งไป เมื่อไปเห็นก็ชะงัก เทวาตะลึง “หลวงปู่...หลวงปู่ เป็นอะไร”
“หลวงปู่ ตายแล้ว” บุญกู้ร่ำไห้
เดชและก้องอุทานลั่น “หา...หลวงปู่”
เทวากอดร่างของหลวงปู่ ร้องไห้อย่างไม่อายใคร
“ทําไม ผมถึงกลับมาไม่ทัน ทําไมผมถึงมาปกป้องหลวงปู่ ไม่ได้...ผมผิดเองครับ ยกโทษให้ผมด้วย”
เดชกับก้องกราบลงที่ร่างของหลวงปู่ เทวายังคงร้องไห้อยู่ ปลาดุกกราบลงบ้าง แล้วเดินออกไปข้างนอกสีหน้าเศร้าสร้อย พูดเบาๆ กับตัวเอง
“นี่มันอะไรกันวะ มาถึงก็เจอเรื่องแบบนี้เลย สงสัยว่าเกาะมุกไม่ได้สวยงามอย่างที่รินพูดซะแล้ว”
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ส่วนภายในโบสถ์มหาอุตม์ หลวงปู่หาญปรากฏร่างอันเป็นกายทิพย์ขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
“ปู่ อยู่นี่...” ทุกคนหันไป สีหน้าตกใจ “ปู่ จําเป็นต้องทิ้งสังขาร ศัตรูของปู่ แฝงร่างเจ้าฤทธิ์มา...หากต้องการบอกอะไรกับปู่ ต่อไปนี้จงบอกผ่านสมาธิ...พวกเจ้าจะต้องมีสมาธิและปฏิบัติสมาธิอย่าให้ขาด...วิญญาณของปู่ จะสถิตอยู่ที่เจดีย์ ถ้ามีอะไรก็ไปบอกปู่ ที่นั่น”
ขาดคำ หลวงปู่วูบหายไป บุญกู้กราบลงกับพื้น เดช ก้อง เทวาสะอึกสะอื้นอยู่
“พวกเอ็งรู้มั้ย หลวงปู่ ทําอย่างนี้เพื่ออะไร”
“ไม่รู้หรอกน้าบุญกู้” ก้องบอก
“ก็เพื่อจะได้ช่วยเหลือพวกเอ็งได้น่ะสิ เมื่อท่านครองจีวรท่านก็ต้องครองตนให้บริสุทธิ์ แต่ตอนนี้...ฮึ..พวกเอ็งไม่ต้องกลัวอะไรแล้วละ...ข้าเชื่อว่าหลวงปู่ ช่วยพวกเอ็งเต็มที่เลยละ”
เดชพูดด้วยความแค้นเคือง “ยังไงผมก็ต้องเอาคืนจากไอ้ฤทธิ์ให้ได้ มันต้องมีส่วนรู้เห็นกับการตายของหลวงปู่”
ตอนค่ำวันนั้นชาวเกาะมุกรู้ข่าวการมรณภาพของหลวงปู่หาญกันแล้ว
เทวาคุกเข่าจุดธูปไหว้ขอขมา หน้าโลงศพของเป้าตั้งอยู่บนศาลาสวดศพ
“น้าเป้า บุญผมน้อย ทําให้ผมไม่ได้มาช่วยน้าเป้า ขอดวงวิญญาณน้าเป้า ช่วยเป็นกําลังใจให้พวกเราปราบความชั่วร้ายทั้งหมดบนเกาะนี้ด้วยเถิดครับ”
ที่ด้านหลัง มนต์ ก้อง เดช ประสิทธิ์ นที ปลาดุกนั่งมองมาที่เทวา รวมถึงชาวบ้านบนเกาะด้วย ทุกคนสีหน้าเศร้า เสียงเมามายของสิงห์ดังมา เทวาเดินไปทางหนึ่ง นั่งลงกับสิงห์
“สิงห์...ข้ามาแล้ว”
สิงห์มองเทวาตาขวาง “มึงกลับมาทําไม...กูถามว่ามึงกลับมาทําไม”
“ทําไมเอ็งพูดยังงี้ล่ะ ข้าก็กลับมาอยู่กับพวกเอ็งพร้อม หน้าพร้อมตาน่ะสิ”
สิงห์ระบดระบาย “น้าเป้าตาย หลวงปู่ ตาย ยังจะมีใครตายอีกไอ้เทวาเมียกูก็หายไป ก่อนหน้านี้ทําไมมึงไม่มาช่วยกู”
เทวาจะจับตัวสิงห์ แต่สิงห์ผลักปัดอย่างรังเกียจ
แสงดาวกับแสงจันทร์เดินมากับสน ทั้งสองเห็นเทวา สองสาวยืนอึ้ง แสงจันทร์เลี่ยงไปนั่งกับมนต์ ส่วนแสงดาวเดินไปที่ด้านหน้า ไม่ยอมพูดกับเทวา
เทวาถอนใจลุกขึ้น เสียใจที่สิงห์แสดงออกอย่างนั้น หันมาไหว้สน
“หวังว่าเอ็งจะอยู่ที่เกาะมุกตลอดไปนะไอ้เทวา...นี่ข้าก็เพิ่งรู้ว่าหลวงปู่ละสังขารไปแล้ว” สนว่า
เทวาก้มหน้าเป็นเชิงยอมรับ สีหน้าเศร้า “ครับ ลุงสน...ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
แสงดาวหันมามองหน้าเทวา เป็นเชิงไม่พอใจ แล้วหันกลับไป
ปลาดุกมองกราดไปทั่วศาลาอย่างช้าๆ เก็บข้อมูล
เช้าวันนี้ ดารินมีกระเป๋าเดินทางใบย่อม แต่งตัวทันสมัย ใส่วิกเปลี่ยนทรง สวมแว่นตา
ดํากรอบใหญ่ ยืนแฝงตัวอยู่มุมหนึ่งที่ท่าเรือสู่เกาะมุก มองไป
ดารินเห็นกานดาเดินไปท่าเรือมีพร้อมเดินตามไป แต่เป็นลักษณะดักหน้าดักหลัง กานดาแต่งชุดดําเรียบร้อยสง่าสมวัย
“คุณผู้หญิงขา กลับเถอะค่ะ เรื่องมันจะไปกันใหญ่”
“ฉันเชื่อว่าหลวงปู่ มรณภาพเพราะฝี มือคนของผัวฉัน”
พร้อมเหลียวไปรอบ ๆ กลัวคนได้ยิน “อย่าพูดยังงั้นสิคะ”
“ฉันจะไปกราบศพท่าน”
คงคา หยาดฟ้า คํารณเดินมา มีกลุ่มของพันเดินตามมาด้วย ดารินรีบหันข้างให้ กลัวพวกนั้นจําได้ แต่ก็ยังหาทางแอบมองอยู่
“ถ้าเธอก้าวอีกก้าวเดียว ฉันจะให้ไอ้พวกนี้ระเบิดท่าเรือ คราวนี้คงมีคนตายนับสิบ เธอจะได้รู้สึกผิดเพิ่มขึ้น เอามั้ย” คงคาขู่เข้ม
“คุณคงคา”
คงคากระชากแขนกานดามา ตะคอกเบาๆ
“ฉันเป็นผัวเธอ ให้เกียรติฉันบ้างสิ...กลับบ้าน”
คํารณดึงแขนแม่ กานดาสะบัด “ปล่อย แม่เดินเองได้”
กานดาน้ำตาร่วงพรู มีพร้อมเดินตาม ผ่านหน้าหยาดฟ้า ที่ลอยหน้าสะใจอยู่
ดารินบ่นเซ็งๆ “เกาะมุกต้อนรับฉันด้วยเหตุการณ์บ้าๆ อย่างนี้เชียวเหรอ”
ดารินขึ้นเรือมา แปลกใจที่เห็นคนที่ท่าเรือแต่งชุดดํากันหมด แม้กระทั่งคนที่นั่งเรือมากับเธอก็แต่งชุดดํากัน ทยอยขึ้นท่าปะปนมากับดาริน ซึ่งแต่งตัวสีสันจัดจ้าน ก้องมองมาที่ดาริน แน่ใจว่าเป็นนักท่องเที่ยวแน่
“มีกระเป๋าให้ผมช่วยถือมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันถือเองได้...เอ้อ ถามอะไรหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”
“อะไร”
“ทําไมเขาแต่งชุดดํากันหมด”
“เขาไปกราบศพหลวงปู่ กัน..หลวงปู่หาญที่วัดเกาะมุกใต้น่ะท่านตาย”
ดารินพยักหน้ารับรู้ “เหรอจ๊ะ”
“มาเที่ยวเหรอ”
ดารินถามอีก “จ้ะ พอจะหาห้องให้ฉันเช่าสักห้องมั้ยจ๊ะ”
ก้องเกาหัว ไม่แน่ใจ “ถามไอ้เดชดีกว่า...ทางนี้”
ก้องดึงกระเป๋าจากมือดารินมาช่วยถือ ดารินเดินตามไป
เดชมองดารินตั่งแต่หัวจรดเท้า แล้วบอก “ห้องเช่าพอมี ไอ้เม้งมันเพิ่งสร้างหอพักเสร็จ จะพา
ไปส่งก็ได้ แต่ว่าขอไปเผาศพก่อน”
ดารินฉงน “ศพพระน่ะเหรอจ๊ะ เห็นพี่คนนี้บอก”
เดชบอก “หลวงปู่ ท่านไม่ต้องเผาหรอก ศพไม่ได้ฉีดยายังไม่เน่าเลย วิชาอาคมท่านน่ะแก่กล้ามาก รับรองว่าศพไม่เป็นอะไร ไม่เชื่อคอยดูสิ..แต่ฉันจะไปเผาศพน้าเป้า คนกว้างขวางบนเกาะมุกนี่แหละ”
ดารินทวนคําเบาๆ “น้าเป้า” แล้วยิ้มให้ “จ้ะ งั้นพี่ก็พาฉันไปเถอะ ฉันจะได้นั่งรถเที่ยวเกาะมุกด้วย”
รถแล่นมาในลานวัด ไกลจากบริเวณเมรุเผาศพหน่อย
เดช ก้องลงจากรถ เดชหันมาบอกดาริน “รอที่นี่ก่อนนะ เผาศพเสร็จแล้วจะพาไปส่ง”
“จ้ะพี่”
เดชกับก้องเดินไป ดารินนั่งอยู่บนรถสองแถว ที่เบาะยาวตอนหลังเพียงลำพัง แลเห็นคนแต่งชุดดําทยอยมา หมวดสาวพึมพำประชดชีวิตตัวเอง
“มาถึงก็เจองานศพเลยเหรอนี่...ฤกษ์งามยามดีแท้ๆ เลย”
บนเมรุยามนั้นมีรูปของเป้าตั้งอยู่ โลงศพบรรจุแล้วเตรียมรอเผา
สน ประสิทธิ์ และแขกผู้ใหญ่ หมอนทีนั่งอยู่ที่โซฟา ด้านหน้าศาลา แสงจันทร์ แสงดาว มนต์ นั่งอยู่ด้วยกัน
เทวานั่งซึมอยู่ใกล้ๆ ปลาดุก เดช ก้องเดินมา แล้วนั่งข้างๆ เทวา
ก้องถามหาสิงห์ “สิงห์ล่ะเทวา”
สิงห์เมามายนั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่งใกล้เมรุ ครํ่าครวญหวนไห้
“พ่อเปียไปสวรรค์แล้ว..ทําไมเปี ยไม่มาเผาพ่อ...ฮือๆๆ ไอ้ฤทธิ์ ไอ้คงคา ไอ้พวกชาติชั่ว...มึงคิดจะกินเกาะทั้งเกาะหรือไงวะ..ขอให้มึงติดคอตาย”
ฤทธิ์เดินเข้ามาพอดี มีผู้ติดตามมาสองคนเป็นชาวเกาะมุก ทุกคนหันไปมอง สิงห์เห็นยืนโงนเงน ชี้หน้าด่า
“ไอ้ฤทธิ์ ไอ้เนรคุณ..มาทําไมวะ”
สิงห์โผเข้ามาจะต่อยฤทธิ์ แต่มนต์ลุกขึ้นห้าม
“สิงห์ไม่เอาน่า นายเมามากแล้วนะ”
“กูไม่ได้เมา ถ้ากูเมากูก็คงจําหน้าไอ้คนชั่วนี้ไม่ได้หรอก” สิงห์ชี้หน้าฤทธิ์ “ออกไป อย่ามายุ่งกับศพพ่อตากู”
สิงห์จะชกต่อยฤทธิ์ แต่ลูกน้องของฤทธิ์ยืนขวางไว้ ทุกคนยืนขึ้น ท่าทางระวังตัว
“ฉันเป็นกํานันเกาะมุก เผื่อว่าจะต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไรบ้าง” ฤทธิ์สร้างภาพ
“คุณกลับไปซะเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรที่ต้องให้คุณช่วยเพราะคุณจะมาหรือไม่มา ศพไอ้เป้ามันก็เผาได้”
แสงดาวยืนข้างพ่อ จับแขนไว้ เทวาเอ่ยขึ้น “พี่ฤทธิ์ ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะเปลี่ยนไปยังงี้”
ฤทธิ์มีสีหน้าตกใจที่เห็นเทวา “เอ็งกลับมาเมื่อไหร่”
เทวาจ้องหน้าฤทธิ์ “หลังจากพี่ทําหลวงปู่ ตายแค่อึดใจเดียว ถ้าผมมาทัน คนที่ตายไม่ใช่หลวงปู่ แน่”
ฤทธิ์ทำไก๋ “ข้าไม่ได้ทําอะไรหลวงปู่ น้าบุญกู้คงปรักปรําข้าละสิ”
เดชจ้องหน้าฤทธิ์ “ถ้างั้นเอ็งอธิบายได้มั้ยล่ะว่าหลวงปู่ เป็นอะไรตาย...เอ็งอยู่ในเหตุการณ์นี่”
ทุกคนรุมมองฤทธิ์เป็นตาเดียว ฤทธิ์ตะคอกใส่หน้าทุกคน
“กูไม่ได้ทํา อย่ามาหาเรื่องกู..อย่าลืมนะโว้ยว่ากูเป็นกํานันเกาะมุก อํานาจทุกอย่างอยู่ในมือกู”
ลูกน้องฤทธิ์คอยคุมเชิงไม่ให้ใครทําอะไรได้ สิงห์เดินมาพร้อมจะทําร้ายฤทธิ์ แต่เดชกับก้องจับตัวสิงห์ไว้
“ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ให้เผาไปพร้อมกับพ่อเป้าของกู”
“ไอ้สิงห์ ถ้ามึงอยากอยู่เกาะมุกอย่างมีความสุข อย่าทําให้กูไม่พอใจ”
แสงดาวสุดทน “อย่ามาทําอวดเบ่งนักเลงที่นี่...ถามหน่อยว่าเป็นกํานัน หรือเป็นอันธพาล”
สนดึงตัวแสงดาวออกมา แดกดันฤทธิ์ “รู้ว่าเหม็นก็อย่าเข้าใกล้ นังแสงดาว”
มนต์เอ่ยขึ้น “ถ้าพี่ฤทธิ์คิดว่ามีอํานาจมากนักละก็ จําคําผมไว้เลยนะ ผมจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านมาคานอํานาจกับพี่ พี่จะได้ทําร้ายคนเกาะมุกไม่ได้อย่างที่เป็นอยู่”
ฤทธิ์แค้น “ไอ้มนต์ มึงท้าทายกู”
เทวายืนนิ่งมองดูฤทธิ์อย่างผิดหวัง ฤทธิ์เดินกลับไป มีลูกน้องเดินตาม
สิงห์ทรุดตัวลงอีกครั้ง ไหว้โลงศพบนเมรุ
“พ่อเป้า ยกโทษให้ผมด้วย...อุตส่าห์มีพลังเทวดาก็เอามาปกป้องชีวิตพ่อไม่ได้ ฮือๆๆ”
เทวายืนอยู่มุมหนึ่ง แสงดาวเข้ามาหา ปลาดุกอยู่ห่างๆ
แสงดาวด่าว่า “กลับมาทําไม คิดจะเกาะซากศพน้าเป้ากับหลวงปู่ สร้างความสําคัญให้ตัวเองใช่มั้ย ก่อนหน้านี้ทุกคนต้องการความช่วยเหลือจากพี่ แต่ตอนนี้สายไปซะแล้ว พี่กลับไปเถอะ จะไปอยู่ที่ไหนก็ไป...พวกเราอยู่กันได้ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก”
เทวาพยายามอธิบาย “แสงดาว ฟังพี่ก่อนสิ”
แสงดาวขึ้นเสียง “ฉันไม่ฟัง...ฉันไม่ต้องการเหตุผลอะไรทั้งนั้น...พี่รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกาะมุก เสร็จงานแล้วลองไปสิ ไปดูให้ทั่ว เกาะมุกมันกลายเป็นเกาะอบายมุขไปแล้ว มีใครห้ามกํานันฤทธิ์ได้ เขากลัวใครที่ไหน ใครๆ ก็บอกว่ามีพี่คนเดียวเท่านั้นที่รับมือกับเขาได้ เมื่อไม่มีพี่ เขาก็เลยยํ่ายีเกาะมุกจนไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“แสงดาวก็น่าจะรู้ว่าพี่ไปจากทีนี่เพราะอะไร”
“ใช่ ฉันรู้ ก็ไอ้อารมณ์น้อยเนื้อตํ่าใจของพี่ไง อารมณ์ที่ไม่เด็ดขาดของพี่ไงล่ะที่ทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นยังงี้ สมแล้วกับที่พ่อฉันบอกว่าพี่น่ะเป็นคนเชื่อถือไม่ได้”
มนต์ยืนกับแสงจันทร์ และสน สนส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงปฏิเสธ
แสงจันทร์เดินเข้ามาหาน้องสาว “กลับบ้าน...ไว้ค่อยพูดกันวันหลัง ทุกคนก็มีเหตุผลทั่งนั้น”
“ใช่ ทุกคนมีเหตุผล แต่จะใช้เหตุผลเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่นล่ะ” แสงดาวลดเสียงลง มองข้ามไหล่พี่สาวไปที่มนต์ “ทุกวันนี้พี่มีความสุขหรือเปล่า ถามตัวเองดูสิ”
แสงดาวเดินหุนหันไปอย่างไม่พอใจ ก้องกับเดชเดินเข้ามาสมทบกันที่มนต์
“เรื่องมันจะไปกันใหญ่นะมนต์”
“ไม่เป็นไร นายดูแลไอ้เทวา ส่วนฉันจะหาทางอธิบายให้แสงดาวเข้าใจเอง”
ปลาดุกมองทุกสิ่งทุกอย่างงงๆ แล้วเดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง
สิงห์นั่งร้องไห้ครํ่าครวญอยู่ที่บันไดเมรุ
เวลาไป แลเห็นควันดําลอยจากปล่องเมรุขึ้นสู่ฟ้ า
ปลาดุกเดินมา เห็นดารินนั่งอยู่ที่รถสองแถวในลานวัด ก็ดีใจระคนแปลกใจ
“ริน...มาได้ไง”
“ก็มาแล้ว...มาให้รู้ว่าเกาะมุกเป็นยังไง ไม่เห็นเจ้าของเกาะเลย อยู่ไหนล่ะนายเทวาน่ะ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรให้นายเทวาเสียใจนะ กําลังเจอศึกหนัก”
ดารินงวยงง “ศึกอะไร”
“ไม่รู้ ไม่เข้าใจ...ว่าแต่รินต้องทําเป็นไม่รู้จักนายเทวานะ อย่าลืมสัญญา”
ดารินเชิดหน้า “ลืมได้ไง ในเมื่อฉันเป็นคนร่างสัญญานี้ขึ้นมาเอง ขืนนายเทวามาเกาะแกะฉัน...ฉันจะหากินได้เหรอ...คงไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันแน่”
ปลาดุกมองงงๆ “ตั้งใจมาประกอบอาชีพจนตั้งตัวที่นี่เลยเหรอแม่คุณ”
ดารินไม่ตอบ มองไปรอบๆ เทวาเดินมาพอดี ชายหนุ่มชะงักมองจ้องดาริน ปลาดุกโบกมือให้ไหวๆ
อ่านต่อหน้า 4
พายุเทวดา ตอนที่ 8 (ต่อ)
เทวาเดินหน้าถมึงทึงบอกบุญไม่รับตรงมาหา ดารินถอดแว่นถลึงตาใส่เทวาบ้าง พร้อมกับขู่กำชับเบาๆ
“เราไม่รู้จักกัน...”
แต่เทวาไม่ออมเสียง โวยลั่น “ใช่...เธอกับฉันไม่รู้จักกัน หลอกให้ฉันคอยที่ขนส่ง คอยเธออีกวันที่ฝั่งโน้น ถ้าไม่คอยเธอ หลวงปู่ ก็คงไม่ตาย เรื่องร้ายๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น”
เทวาเดินหุนหันหนีไปท่าทีฉุนเฉียวสุดขีด ดารินกับปลาดุกมองหน้ากันอย่างงงๆ เทวาหยุดกึก หันกลับมา
“ปลาดุก เพื่อนเธอมาแล้วก็ไปอยู่ด้วยกันซะ”
“เออ ก็ได้ ไม่ต้องนอนวัด กลัวผีจะตายอยู่แล้ว”
เดชกับก้องเดินมาเทวา ก้องถาม “ใครวะไอ้เดช เขาบอกว่าเอ็งจะพาเขาไปส่ง”
“หาที่พักน่ะ เลยกะว่าจะพาไปเช่าหอเฮียเม้ง”
เทวาพยักหน้า เดชขึ้นนั่งตําแหน่งคนขับ ก้องทําหน้าที่เป็นเด็กท้ายรถ ดารินกับปลาดุกนั่งโดยสารไป
ไม่นานต่อมา เม้งมองมาที่สองสาว เดชถาม “มีห้องเช่าใช่มั้ย สองคนนี้เขาอยากเช่า”
ก้องหงุดหงิด “ไปเถอะวะ เห็นหน้ามันแล้วอยากมีเรื่อง”
เม้งมองเดชกับก้องไม่พอใจเช่นกัน สองหนุ่มขึ้นรถับออกไป
ดารินยิ้ม เช่นเดียวกับปลาดุก “ลื้อสองคนเป็นอะไรกับไอ้เดช”
“ไม่รู้จัก เขารับฉันมาจากท่าเรือ” ดารินบอก
“จะเอากี่ห้อง”
“ห้องเดียว..อยู่ด้วยกัน”
ส่วนคงคารับโทรศัพท์คุยสักพักแล้วก็หน้าเครียดหลังวางสาย
หยาดฟ้าแปลกใจ “มีอะไรหรือคะเสี่ย”
“นายฤทธิ์โทร.มารายงานว่าไอ้ครูมนต์มันจะสมัครผู้ใหญ่บ้านแทนคนเก่าที่ตายไป...มันกล้าขึ้นมาคานอํานาจกับเรา”
“จะกลัวอะไรล่ะคะ เรามีคู่แข่งขันจบจากเมืองนอก รูปหล่อ พ่อมีอิทธิพล เงินหนา บันดาลความสุขให้คนเกาะมุกได้ไปจนวันตาย”
คํารณนั่งอมยิ้มอยู่ คงคาหันมาหา “นี่ไงงานใหญ่ที่ลูกอยากทํา...สนใจมั้ยล่ะ นี่ถ้าคํารณได้
เป็นผู้ใหญ่ ก็เท่ากับว่าทั้งกํานันและผู้ใหญ่เป็นคนของเรา”
“ใช่...เกาะมุกมันก็อยู่ในอุ้งมือเรา”
หยาดฟ้าหัวเราะเบาๆ คํารณมีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องพอใจ
ปลาดุกมองไปข้างนอก แล้วหันกลับมาหาดารินที่กําลังรื้อกระเป๋าอยู่
“ทําไมถึงอยากมาเกาะมุก ไม่เห็นมีอะไรเลย ซอยบ้านฉันยังคึกคักกว่า”
“ฉันก็คงไม่ไปหากินที่ซอยบ้านเธอหรอก”
“แล้วที่นี่มีที่ให้เธอทํางานแบบนั้นเหรอ”
ดารินยิ้ม ไม่ยอมตอบ แล้วจัดของต่อไป
ถนนสายอบายมุขของเกาะมุก คืนนี้คึกคักสุดๆ ผับ บาร์เปิดอยู่สองข้างทาง
เทวายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง มองไป เห็นผู้คนมากมาย ต่างมาเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากที่อื่น
“ขนาดนี้เลยเหรอ..เราไม่อยู่แค่ไม่กี่เดือน เกาะมุกเปลี่ยนไปมาก”
ฤทธิ์เดินมาทักทายกับบรรดาเจ้าของร้านเหล้า เฮียเม้งออกมา จับมือกับฤทธิ์
“เป็นไงเฮียเม้ง กิจการดีใช่มั้ย”
“ดีที่สุด นักท่องเที่ยวมากันเต็มลําเรือ ตอนเช้าก็ออกไปนี่ถ้าเสี่ยคงคาสร้างโรงแรมใหญ่ๆ สักสองแห่งนะ จะมีนักท่องเที่ยวค้างที่เกาะมุกอีกเยอะ ทํามาหากินจะดีกว่านี้”
“น่าคิด...ผมจะบอกเสี่ยให้”
เทวายืนอยู่ ฤทธิ์หันมาเห็น ลูกน้องของฤทธิ์ขยับเตรียมพร้อม
“กินเหล้าด้วยกันมั้ย เทวา...ไอ้น้องรัก”
“ขอบใจพี่...แต่หลวงปู่ ให้เราถือศีลห้า จําไม่ได้เหรอ”
“จะเอาสาระอะไรกับคนตายไปแล้ว”
“พี่ก็เลยไม่สนใจคุณความดีของคนตาย...กลับไปพึ่งพิงอํานาจของเสี่ยคงคา”
ฤทธิ์หัวเราะ “ไม่มีใครอยากอดตาย อยากอยู่ลําบากหรอก ไม่เห็นเหรอวะ ก็เพราะกลัวอดตาย กลัวลําบากนี่ไง ลูกหลานเกาะมุกถึงมาเป็นเด็กเสิร์ฟ มาขายตัว มาเชียร์เบียร์ มานั่งดริ๊งค์ พวกนี้ทําเพื่อไม่ให้อดตายทั้งนั้น”
“เขาอาจจะไม่อยากทําก็ได้ ทําไมพี่ไม่ส่งเสริมให้เขามีอาชีพ มีสํานึกที่ดีบ้างล่ะ”
“นายไปอยู่กรุงเทพฯไม่กี่เดือน พูดอะไรฟังยากว่ะ”
ฤทธิ์จ้องหน้าเทวาเป็นเชิงขู่ “บอกไว้ก่อนนะ...อย่ายุ่งกับกิจการทั้งหมดของฉัน เตือนไอ้มนต์ด้วยว่าถ้าไม่อยากตายก็ให้มันถอนตัวจากการสมัครผู้ใหญ่บ้านซะ...เพราะตําแหน่งนี้มีคนจองแล้ว”
เทวามองตอบแต่ไม่ได้ตอบโต้ ลูกน้องฤทธิ์แตะปืนขู่ ฤทธิ์เดินกร่างไป
เทวาเหลียวมองไปทางหนึ่ง เห็นปลาดุกกับดารินเดินไปด้วยกัน สองสาวคุยกันมา
“เห็นหรือยังล่ะว่า เกาะมุกมีแต่นักท่องเที่ยว” ดารินบอก
“แล้วเห็นหรือยังล่ะว่าผู้หญิงขายตัวน่ะมีแต่เด็กๆ แก่อย่างเธอจะทําอะไรได้”
ดารินหันมาจ้องหน้าปลาดุกเขม็ง ปลาดุกทําหน้าล้อๆ
ไม่นานต่อมาดารินยืนอยู่ตรงหน้าเฮียเม้ง ถูกเม้งมองอย่างสํารวจ
“ล้างจานก็มีคนแล้ว แคชเชียร์อั๊วทําเอง เหลือแต่นั่งชั่วโมงกับแขก ทําได้มั้ยล่ะ”
“ได้ แค่นั่งคุย ไม่ออฟออกไปข้างนอก รับรองว่าแต่ละคืน มีคนสั่งดริ๊งค์เพิ่มมากเลย”
เม้งงง “ทําไมไม่ออกไปกับแขก”
“ไม่ถนัด...อ้อ อีกอย่างฉันดูหมอแม่นนะ ถ้าจะให้ตั้งโต๊ะบริการแขกในบางคืน ฉันจะสร้างสีสันให้ร้านเฮียได้เลย”
ปลาดุกยืนอยู่ห่างๆ ทึ่งในความกะล่อนสุดๆ “มืออาชีพจริงๆ ตัวจริง”
เม้งหันมาทางปลาดุก “คนนั้นสมัครด้วยหรือเปล่า”
ปลาดุกส่ายหน้าดิกๆ แขกในร้านต่างพากันมองมาที่ดาริน ดารินเล่นหูเล่นตาตอบ
“เริ่มงานคืนนี้เลยนะ” เม้งบอก
“ได้เลยค่ะ”
ดารินแกล้งเดินผ่านไปยังโต๊ะต่างๆ ทิ้งตา ทิ้งสะโพก ผู้ชายในร้านพากันมองเป็นตาเดียว ดารินไปที่โต๊ะของแขกโต๊ะหนึ่ง คีบน้ำแข็งใส่แก้วให้แขกที่โต๊ะนั้น แขกชอบใจ
“นั่งด้วยกันก่อนสิจ๊ะคนสวย”
“ขอบคุณค่ะ”
ดารินลากเก้าอี้มานั่ง ส่งยิ้มให้ทั้งโต๊ะ
ริมถนนสายบันเทิงของเกาะมุก เทวายืนอยู่ตรงนั้น เห็นปลาดุกเดินมา เทวาถามทันที “เพื่อนเธอล่ะ”
“ใคร”
“อย่ากวนได้มั้ย ก็รินไง”
“ไหนว่าไม่รู้จักกัน”
เทวาเฉไฉ “ไม่ได้บอกคนอื่นว่ารู้จักกันนี่”
“ได้งานทําแล้ว..ร้านหัวมุมเนี่ย”
เทวาพยักหน้า “ร้านเฮียเม้ง...แล้วทําไมไม่รอกลับ”
“นายพูดเป็นเด็กอมมือ ถ้ารินเขาได้แขกล่ะ ฉันมิต้องตามไปดูเขาเหรอ”
เทวารู้สึกหึงโวยใส่ “ไม่รู้โว้ย”
เทวาเดินไป ปลาดุกยักไหล่ อมยิ้ม
“ รู้สึกยังไงกับเขาก็บอกเขาไปสินายเทวา มัวอมพะนําอยู่ จะได้ยังไง”
เทวาไม่ตอบ แต่เดินเร็วขึ้น
เทวาเดินร้องเพลงมาตามทาง ลูกน้องของฤทธิ์ซุ่มอยู่ เมื่อเทวามาถึง ก็ใช้ไม้ดักตีทําร้าย แต่เทวาไวกว่าต่อสู้จนทั้งสองคนลงไปหมอบ เทวากระชากตัวลูกน้องคนหนึ่งขึ้นมาบอก
“ไปบอกกํานันฤทธิ์ด้วยว่า...ถ้าอยากประลองกับฉันเหมือนก่อน ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้”
คืนนั้นเองข้อความถูกส่งถึงฤทธิ์ เขาพูดกับตัวเองอย่างลำพอง สายตาไม่พอใจ
“ท้าทายข้าเหรอเทวา...ข้ามีทั้งพลังเทวดาและก็พลังมาร หลวงปู่ ยังต้องละสังขารเพราะข้าเลย”
ฤทธิ์ออกไปที่ระเบียง หงายมือ ทําสมาธิ หวังจะเรียกพลังเทวดา แต่ไม่สําเร็จ ฟ้าแลบ แต่ไม่มีสายฟ้าพาดสายรุนแรงเหมือนก่อน
ฤทธิ์หน้าซีด “พลังแสงฟ้าเราหายไปไหน”
ฤทธิ์มองไปที่ท้องฟ้าตะโกนก้องร้องเรียกหาคล้าม
“อาจารย์...ช่วยผมด้วย...ผมรู้สึกว่าอาจารย์ไม่ได้อยู่กับผม อาจารย์หายไปไหน”
อ่านต่อตอนที่ 9