ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 9
สินี ยศรัลและมณฑิตานั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก
“วันนี้ป้าสั่งให้เขาทำของโปรดของหนูมณด้วยนะ” สินีบอก
“แหม...พูดแบบนี้มณชักหิวแล้วสิคะ” มณฑิตาว่า
“รอตาใหญ่กับแฟนเขาก่อนนะ เดี๋ยวคงมาแล้ว”
“แฟนพี่ใหญ่” ยศสรัลทวนคำ
“ก็หนูวีด้ายังไงล่ะ” สินีบอก
มณฑิตาเหลือบมองยศสรัล แต่ยศสรัลพยายามนั่งนิ่ง มณฑิตาแกล้งจับมือยศสรัลแล้วยิ้ม
สินีหันไปเห็น “นั่นไงมากันพอดี”
ยศสรัลเงยหน้ามอง สินีพูดแล้วก็รีบลุกไปหาวีด้ากับคัชพล พอเห็นสินีวีด้าก็ยกมือไหว้แบบฝืนยิ้มให้
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“หนูวีด้า ห้ามเรียกคุณป้านะ ดูห่างเหินยังไงไม่รู้ เรียกคุณพ่อคุณแม่แล้วกันนะจ๊ะ”
วีด้าอึ้งและไม่อยากเรียกจึงนิ่งไปก่อน แต่สินีไม่ยอมเพราะคิดว่าวีด้าเขินอาย
“ไม่ต้องอายหรอก แม่ยังเห็นหนูเหมือนลูกเลย ไหนเรียกหน่อยสิจ๊ะ”
วีด้ามองคัชพล คัชพลยิ้มพยักหน้าให้
“ค่ะ....” วีด้าพูดเบาๆ “คุณแม่”
คัชพลยิ้มพอใจ ยศรัลสังเกตวีด้าไม่วางตาจนมณฑิตาดึงแขนเพื่อเรียกสติ
“เราสองคนมาช้า คงหิวกันแย่แล้วสิครับ แล้วคุณพ่อละครับ”
“คุยธุระอยู่ที่ห้องทำงาน คงใกล้เสร็จแล้ว นั่นไงเดินมานั่นแล้ว”
วีด้าหันไปตามที่สินีชี้ก็เห็นบัญชาเดินมากับกิติแล้วหยุดคุยกันไกลๆ วีด้าเห็นปิติก็คิดแล้วจำได้ว่าเป็นคนในรูป เธอมองบัญชาซ้ำ
“เออ..แล้วบ่อนเปิดใหม่แถวชายแดนล่ะ” บัญชาถาม
“ต้องการดอลล่าเยอะมากครับ” ปิติบอก
“งั้นนายไปเจรจาได้เลย”
“ครับท่าน..”
บัญชาเดินเข้ามาหาวีด้า มณทิตารีบทัก
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ”
บัญชาพยักหน้ารับแบบไม่สนใจ แล้วก็หันไปทักวีด้า
“ได้เจอกันซะทีนะ หนูวีด้า”
วีด้ายิ้ม “สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน
เด็กรับใช้ตักข้าวเสริฟฝั่งยศสรัลและสินี บัญชาชวนวีด้าคุย
“ใหญ่ชมหนูวีด้าให้พ่อฟังไม่หยุด หนูคงจะเก่งเหมือนคุณกำธร”
คัชพลกับวีด้ายิ้มให้กัน ยศสรัลแอบมอง มณทิตามองยศสรัล สินีปลื้ม
“พ่อได้ข่าวว่าอาหนู ไปขยายท่าเรือขนส่งที่สิงคโปร์” บัญชาพูด
“ใช่ค่ะ ร่วมทุนกับทางออสเตรเลีย” วีด้าบอก
“อาหนูนี่เก่งจริงๆ น่าชื่นชม” บัญชาชมเชย
“คุณลุงก็เก่งนะคะ หนูเห็นหุ้นของบริษัทคุณลุง ขึ้นทุกวันเลย สวนทางกับตลาด”
บัญชาหัวเราะชอบใจ ยศสรัลแอบสังเกตวีด้า
“วีด้านี่ถ้าจะขยันมากนะ บริหารบริษัทตัวเอง แล้วยังมีเวลาติดตามข่าวสารธุรกิจของคนอื่น”
คัชพลปลื้ม “ผมบอกพ่อแล้วไงครับ”
“รู้เค้ารู้เราค่ะคุณอา” วีด้าบอก
บัญชาหัวเราะดังกว่าเดิม
“ถูกต้อง มันเป็นหลักการทางธุรกิจ” บัญชาบอก
“แล้วคุณลุงมีแนวคิดการทำธุรกิจยังไงบ้างคะ บอกให้เป็นความรู้เผื่อหนูจะนำไปใช้”
บัญชาคิดแล้วก็ยิ้ม “ทำธุรกิจ ต้องฉับไว ใจกล้า รู้จักแข่งขัน”
“และช่วงชิงโอกาส!”
บัญชามองจ้องวีด้าก่อนหัวเราะออกมาอีกรอบ คัชพลสนใจคำพูดวีด้า ยศสรัลยังแอบสังเกตวีด้าอยู่ด้วย
“ใช่แล้ว ลุงถูกใจหนูจริงๆ” บัญชาบอก
คัชพลกับวีด้ายิ้มให้กันอีกรอบ
“คุณพ่อน่ะ ไม่ถูกใจใครง่ายๆนะหนูวีด้า”
“คุณวีด้านี่เป็นผู้หญิงมีเสน่ห์จริงๆนะคะ รู้จักใช้เสน่ห์ตัวเองให้คนรักยังไงมณก็ขอเว้นสรัลไว้ซักคนนะคะ” มณฑิตาบอก
ทุกคนหัวเราะขำ ยกเว้นสินีกับยศสรัลที่ขำไม่ออก
“วีด้าก็ไม่ได้สังเกตุคุณสรัลซะด้วยสิคะ ต้องลองถามดู ว่ามาหลงเสน่ห์วีด้าด้วยรึเปล่า”
พูดจบวีด้าก็หันมายิ้มให้คัชพล คัชพลขำ บัญชายิ้ม มณทิตาแค้น ส่วนยศสรัลหงุดหงิดและโกรธวีด้า ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดัง
“ผมขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ...”
“คุณแม่คะ” มณฑิตาเรียก
สินิกระซิบ “พูดอะไรแบบนั้นคะหนูมณ”
สินีมองตำหนิ มณทิตาทั้งอายและเจ็บใจ
วีด้ากับคัชพลเดินออกมาชมสระว่ายน้ำ
“ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่กับคุณสนิทกันเร็วๆ ผมจะได้เชิญคุณมาบ่อยๆเห็นคุณกับคุณพ่อ คุยกันถูกคอ ผมก็สบายใจ” คัชพลบอก
วีด้าคิดในใจว่าเธอเองก็จะร้ายให้เหมือนบัญชา
“คงเป็นเพราะว่าวีด้ากับคุณพ่อคุณ มีความคิดหลายอย่าง ที่เหมือนกัน” วีด้าพูด
“นั่นสิครับ ต่อไปคุณพ่อคงได้คู่สนทนาธุรกิจคนใหม่แล้ว”
“คุณก็ระวังจะตกกระป๋องไว้ไห้ดี” วีด้าแซว
คัชพลขำ “ถ้าเป็นเพราะคุณ ผมยินดีครับ”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“วีด้าขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะคะ”
“เชิญครับ”
ยศสรัลกับมณฑิตานั่งอยู่ในมุมที่มองเห็นสระว่ายน้ำ ยศสรัลมองคัชพลกับวีด้า มณทิตามองตาม แล้วก็หงุดหงิดเลยชวนคุย
“มณแค่อำเล่นๆ ขำๆ แต่คุณวีด้า พูดจาฉีกหน้ามณ สรัลรู้สึกมั้ยคะ”
มณฑิตาพูดจบก็ยิ้มแล้วเกาะแขนยศสรัลออดอ้อน แต่ใจรอคำตอบด้วยความสะใจ
“ไม่รู้สิครับ” ยศสรัลบอก
“ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้”
ยศสรัลหันไปมองอย่างเบื่อที่จะพูด
“มณสังเกตมานานแล้วนะคะ ว่าสรัลเหมือนจะสนใจคุณวีด้า”
ยศสรัลนิ่งเงียบไม่ตอบ
“จริงๆแล้ว ถ้าเป็นไปได้มณก็ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นอีก แต่เมื่อจำเป็นต้องเจอกัน มณก็ดีใจที่เขาเป็นแฟนพี่ใหญ่ สรัลจะได้อยู่ห่างๆ ผู้หญิงคนนั้น”
“ผมจะไปเอากาแฟนะ”
ยศสรัลพูดจบก็ไม่สนใจ เขาเดินไปทันที มณฑิตามองตามด้วยความเจ็บใจ
คนรับใช้เดินนำมาแล้วก็หยุด
“ห้องน้ำอยู่นี่ค่ะ”
“ขอบใจมากจ๊ะ”
คนรับใช้เดินออก วีด้ามองตามแล้วเดินไปตรงห้องของบัญชา วีด้าเดินมาถึงหน้าห้องก็มองประตูห้อง วีด้าตัดสินใจว่าจะเข้าดีไหม ทันใดนั้นก็มีเสียงทักขึ้น
“คุณจะไปไหน”
วีด้าสะดุ้ง เธอหันมาเห็นยศสรัล
“ชั้นจะไปห้องน้ำ” วีด้าตอบ
“ห้องน้ำอยู่ด้านโน้น เดี๋ยวผมพาไป”
“ไม่ต้องค่ะ ชั้นไปเองได้”
“ผมไปส่ง คุณจะได้ไม่หลง”
“คุณไปอยู่กับคู่หมั้นของคุณดีกว่า เดี๋ยวเค้าจะเข้าใจผิด”
“ผมนึกว่าคุณจะชอบทำให้คนเข้าใจผิด”
วีด้าหยุดแล้วหันมามองหน้า
“นิสัยของคุณไม่ใช่เหรอ ทั้งนายเล็ก ทั้งพี่ใหญ่”
“ความจริงเค้าก็น่าสนใจทั้งคู่นะ ชั้นยังเลือกไม่ถูกเลย”
“อย่ากวนประสาทผมนะ”
“ก็คุณมากวนชั้นก่อน”
ยศสรัลหันไปเห็นมณทิตาเลยถอยห่างจากวีด้าเดินไป วีด้ามองตามด้วยความเจ็บใจแล้วหันไปมองก็เจอมณทิตาที่ยืนจ้องอยู่ วีด้าไม่สนใจจึงจะเดินผ่านไปแต่มณทิตาทักขึ้น
“คุณกำลังประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉัน”
“คุณมณควรกลับไปดูแลคนของคุณจะดีกว่า อย่าให้มาวุ่นวายกับชั้น เพราะการเป็นศัตรูกับฉัน คุณจะได้ไม่คุ้มเสีย”
วีด้าเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่สนใจ มณฑิตามองตามด้วยสายตาโกรธจัด
วีด้าเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วมองกระจก ความรู้สึกชิงชังทุกคนในบ้านฉายออกมาในแววตาของเธอ
บัญชากับสินีเดินออกมาส่งวีด้าที่รถคัชพล
สินีพูดกับวีด้า “แวะมาบ่อยๆนะลูก ไม่ต้องเกรงใจ”
วีด้ายิ้ม “ค่ะ”
ทุกคนเห็นธัญกรที่เพิ่งกลับมาถึงเดินผ่านมาแล้วหยุดมองวีด้าก่อนจะหันมองคัชพลแล้วจะเดินต่อ
“เล็ก ทำไมวันนี้ไม่กลับมาทานข้าวด้วยกันล่ะลูก” สินีถาม
“ผมทานกับเพื่อนมาแล้วครับ” ธัญกรพูดกับทุกคน “ขอตัวก่อนนะครับ”
“นายเล็ก จะรีบไปไหน มีมารยาทหน่อยสิ”
“ก็ผมเหนื่อย”
ธัญกรเดินเลี่ยงไปโดยไม่สนใจใคร
“เล็ก!”
“ดูมัน ไอ้ลูกคนนี้! ถามจริงๆเถอะหนูวีด้า มันไปทำงานกับหนูนี่มันจะช่วยอะไรได้มั่ง บอกตรงๆพ่อกลัวมันไปทำเสียชื่อเสียงซะเปล่าๆ”
วีด้ายิ้ม “คุณเล็กก็เรียนรู้งานได้ดีค่ะ”
“พ่อขอบใจมาก สอนๆมันหน่อย มันไม่ค่อยฟังพ่อแม่หรอก”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ วีด้าจะดูแลคุณเล็กให้ค่ะ วีด้าลานะคะ”
คัชพลเปิดประตูให้วีด้า ทั้งสองคนขึ้นรถ บัญชากับสินีมองตามคู่ของลูกชายคนโตอย่างชื่นชม
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 9 (ต่อ)
ดนัยนั่งดื่มเหล้าเพราะคิดมากเรื่องที่วีด้าเปลี่ยนไป เขาหวนคิดถึงวันที่ขอวีด้าแต่งงาน
“ผมอยากจะอยู่เคียงข้างกับคุณวีรดาตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับวีด้า” ดนัยพูด
เมื่อนึกถึงวันนั้นดนัยยิ่งเศร้าที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างหวัง
เกรซเดินผ่านมาเห็นดนัยนั่งอยู่คนเดียว “ดนัย”
ดนัยหันไปมองเกรซ
เกรซนั่งคุยกับดนัย เธอมองชั้นวางมิกเซอร์ก็เห็นเหล้าหมดไปครึ่งขวดแล้ว
เกรชถอนใจ “ตกลงคือคุณไม่รู้จะทำยังไงก็เลยมานั่งกินเหล้าทุกวัน”
ดนัยนั่งนิ่งยอมรับเพราะปิดบังความจริงไม่ได้
เกรซถอนใจ “ถ้าวีด้ารู้ว่าคุณเป็นอย่างงี้ เขาก็คงไม่สบายใจหรอกนะคะ”
“ผมทราบครับ ว่าวีด้าเค้าเป็นห่วงผม” ดนัยเสียงอ่อย “แบบเพื่อน อย่าไปบอกนะครับว่าเจอผมในสภาพนี้ เดี๋ยวเค้าจะไม่สบายใจ จนเสียสมาธิกับสิ่งที่เค้าทำ”
“คุณรู้เหรอคะว่าวีด้ากำลังทำอะไร?”
“ไม่รู้หรอกครับ แต่ไม่ว่าเค้าจะทำอะไร ผมเชื่อว่าเค้าคงมีเหตุผลของเค้า”
ดนัยมีแววดาที่มีความหวัง เกรซได้แต่ถอนใจสงสารเพราะเห็นใจคนดีๆอย่างดนัยที่ได้รับผลกระทบจากห่วงโซ่ความแค้นของวีด้า
วีด้าที่ดำน้ำอยู่โผล่ขึ้นมา เกรซยืนอยู่ขอบสระน้ำ วีด้าแกล้งปัดน้ำใส่เกรซ ทั้งสองหยอกกันหัวเราะคิกคัก
“เราไม่ได้มาว่ายน้ำผ่อนคลายกันอย่างนี้นานแล้วเนอะ” วีด้าบอก
“เวลาที่แกมีความสุข แกน่าจะนึกถึงดนัยด้วยนะ”
วีด้าหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“เมื่อวานชั้นเจอดนัย ฉันสงสารเค้าว่ะ แกคงรู้นะว่าทำไม”
วีด้านิ่งคิดแล้วก็เศร้า “ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ทำไมแกไม่เล่าให้เค้าฟัง ไม่บอกความจริงซะล่ะ”
“แกคิดว่าถ้าดนัยรู้เรื่องแล้วจะยอมให้ฉันทำเหรอ ก็ต้องปล่อยไปแบบนี้ แหล่ะ”
“วีด้า...ดนัยไม่สำคัญสำหรับแกเลยเหรอ?”
วีด้าถอนใจเพราะไม่รู้จะตอบยังไง เธอพุ่งตัวดำน้ำออกไป เกรซเซ็ง
เกรซสวมเสื้อคลุมนั่งลงที่เก้าอี้ วีด้าหยิบน้ำขึ้นดื่ม
“ไปกินข้าวที่ไหนกันดี ชั้นยังไม่ปล่อยแกกลับหรอก”
วีด้ายิ้ม เสียงโทรศัพท์ของวีด้าดัง วีด้าเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาสองเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นเครื่องแพง ส่วนอีกเครื่องราคาถูก วีด้าหยิบเครื่องราคาถูกมาดูเบอร์ พอเห็นเบอร์ก็รีบลุกเดินห่างเกรซออกมาทันที เกรซมองตามด้วยความสงสัยว่าวีด้ามีความลับอะไร
วีด้าเดินห่างออกมาแล้วกดรับสาย
“ว่าไงคะ”
“คุณวีด้าครับวันนี้นายบัญชากับนายคัชพลยกเลิกนัดช่วงบ่ายทั้งหมด และกำลังไปท่าเรือ”
“คุณคิดว่าพวกนั้นจะไปทำอะไรคะ”
“ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะวันนี้ตามตารางมันเป็นวันที่เรือต้องเช็คเครื่อง แต่แผนกช่างได้รับแจ้งให้ยกเลิกการตรวจเช็คกระทัน” นักสืบบอก
“คุณรีบตามพวกนั้นไปได้มั้ยคะ ถ้าได้เรื่องยังไงรีบบอกฉันด่วน”
“ครับ”
นักสืบกดวางสาย วีด้ามีแววตามุ่งมั่นเพราะพอใจที่กำลังจะได้รู้ความลับของบัญชา
นักสืบเห็นรถของบัญชาแล่นมาจอด คัชพลกับบัญชาเดินลงจากรถมา แล้วปิติก็พาลูกค้าเดินเข้ามาแนะนำแล้วเดินออกไป นักสืบจอดรถมอเตอร์ไซค์แต่ยังอยู่ในชุดพนักงานจึงรีบแอบตามเข้าไป
บัญชา คัชพล ปิติ และลูกค้าเปิดประตูเข้ามา แล้วทั้งหมดก็ตรงไปที่ลังไม้ เมื่อปิติงัดลังเปิดออก ก็เห็นกระเป๋าเอกสารใบใหญ่อยู่ในลัง เมื่อเปิดออกก็เห็นเงินแบงก์ดอลล่าร์เต็มหมด
“แล้วคุณจะส่งให้ผมยังไง”
นักสืบแอบถ่ายรูปด้วยกล้องขนาดจิ๋วอยู่ที่มุมประตู
“เงินทั้งหมดจะออกไปพร้อมกับเรือเที่ยววันพรุ่งนี้ คุณรอรับที่บ่อนได้เลย”
ลูกค้ายิ้มพอใจ
คัชพลหันไปบอกปิติ “ปิดลัง”
ระหว่างที่หันมองปิติ คัชพลก็เห็นเงาของนักสืบที่กำลังถ่ายรูปเลยเพ่งมอง “นั่นใคร?”
นักสืบรีบหลบแล้วจะวิ่งหนีแต่ปิติกับคัชพลไวกว่าจึงวิ่งตามจนถึงตัว นักสืบต่อสู้กับคัชพลและปิติ จนหนีรอดไปได้
คัชพลกับปิติตาม บัญชากับลูกค้าวิ่งตามมาเห็นนักสืบกำลังวิ่งตรงไป คัชพลหยิบปืนมายิงแต่นักสืบวิ่งหลบหายไปตามซอกมุมของตู้คอนเทนเนอร์
คัชพลพูดกับปิติ “ตามจับตัวมันมาให้ได้”
ปิติรับคำแล้วรีบวิ่งลงไปขึ้นรถกับลูกน้องที่รออยู่ข้างล่างแล้วก็ขับออกไป
“มันเป็นใคร” บัญชาถาม
“คนที่จะรู้ว่าเรามาที่นี่วันนี้ ต้องตามเรามาตั้งแต่ออกจากบริษัท” คัชพลว่า
“แสดงว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในบริษัท” บัญชาบอก
“ถ้าผมจำหน้าไม่ผิด มันคือพนักงานใหม่ของแผนกไอทีครับคุณพ่อ”
“บ้าเอ๊ย...แผนกสำคัญแบบนี้ ทำไมแกไม่เช็คให้ดี”
บัญชาโมโหคัชพลมากจึงออกเดินหา คัชพลจ๋อยที่โดนดุ
“ห้ามไม่ให้มันหนีรอดไปได้” บัญชาสั่ง
คัชพลพยักหน้ารับ
วีด้าถือกระเป๋ายืนอยู่ในสวนของสปอร์ตคลับ เกรซเดินออกมาเจอก็สงสัย
“อ้าว...ไหนแกบอกมีธุระจะกลับก่อนไง” เกรซถาม
“เอ่อ....ก็ลูกค้ายังไม่โทรมาบอกว่าจะเจอที่ไหน” วีด้าบอก
“งั้นฉันรอเป็นเพื่อนนะ” เกรซบอก
“ไม่ต้องหรอก แกกลับไปเถอะ”
เกรซสงสัย “ก็ได้ แล้วเจอกัน ไปนะ”
เกรซเดินออกไป วีด้ามองตามแล้วก็หามุมนั่ง พอนั่งลง โทรศัพท์ก็ดัง
เสียงโทรศัพท์จากนักสืบดังขึ้น วีด้ากดรับ
นักสืบพูดเสียงตื่น “คุณวีด้า! ผมได้ข้อมูลมาแล้ว แต่พวกมันรู้ตัวก่อน”
วีด้าอึ้งและตกใจ
“งั้นคุณก็รีบหนีออกมาเร็ว”
นักสืบกำลังก้มๆเงยๆ เพื่อหลบปิติและลูกน้องของบัญชา ในขณะที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่กับวีด้า
“ครับไม่ต้องห่วง ถ้ายังไงเจอกันที่ไหนเดี๋ยวผมจะโทรบอกนะครับ”
“ได้ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ”
นักสืบตัดสาย วีด้ากังวลใจจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินวนไปวนมา
นักสืบที่ซ่อนตัวอยู่แอบโผล่หัวออกไปมองแต่ก็ไม่เห็นใคร นักสืบรีบวิ่งจะไปที่มอเตอร์ไซค์ แต่พอจะถึงรถก็มีสองขาคู่ลอยมาถีบจนเขาล้มลง พอนักสืบเงยหน้าขึ้นก็เห็นปิติกับลูกน้องเดินออกมาล้อมไว้ แล้วปิติก็เตะเสยคางเต็มๆ
นักสืบถูกถีบกระเด็นไปกองที่มุมหนึ่ง บัญชา คัชพล และปิติเดินเข้ามายืนจ้อง โดยมีลูกน้องสองคนอยู่ด้านหลัง
“ใครเป็นคนส่งแกมา”
นักสืบไม่ตอบอะไร บัญชาตรงเข้ามาเตะนักสืบจนโทรศัพท์ของเขากระเด็นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของนักสืบ คัชพลเดินไปหยิบโทรศัพท์และค้นตัวก็เจอกล้องจิ๋ว คัชพลเอามาให้บัญชา
“ชั้นถามว่าใครส่งแกมา” บัญชาถามย้ำ
นักสืบไม่ตอบ
“ถามมันก็คงไม่ตอบ ผมว่าถามไอ้คนที่ส่งมันมาดีกว่าครับ” คัชพลบอก
บัญชารับโทรศัพท์มาแล้วกดดูเบอร์โทรออก
วีด้ายืนกระวนกระวายรออยู่ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น วีด้ารีบกดรับสายแต่จะอ้าปากพูดแล้วก็นึกได้จึงหยุดเสียก่อน เสียงปลายสายเงียบกริบ วีด้ายังไม่กล้าเปล่งเสียง
“ฉันรู้ว่าแกฟังอยู่”
วีด้าอึ้งเพราะจำเสียงบัญชาได้
“ไม่ว่าแกเป็นใคร แกคิดผิดแล้วที่มาเล่นกับคนอย่างชั้น”
วีด้ากลัวเพราะทำอะไรไม่ถูก แล้วเสียงปืนก็ดังปังผ่านสายโทรศัพท์เข้ามา วีด้าช็อคจนแทบกรี๊ด เอามือปิดปากแน่น
บัญชาส่งปืนคืนให้ลูก “เอาศพมันไปทิ้งทะเล!”
วีด้ามือตกจนหมดแรงทันที เธอยืนงงก่อนจะเดินออกไปแล้วชนกับคนที่สวนมาซึ่งก็คือยศสรัลที่กำลังมองตามไปด้วยความสงสัย แล้วเขาก็เดินตามไป
นักสืบถูกถุงดำครอบ บัญชา คัชพล และปิติยืนคุยกันโดยมีลูกน้องสองคนที่ห่อศพนักสืบเป็นฉากหลัง
“ผมว่าเราเอาเบอร์ไปเช็คดูไหมครับว่าเป็นของใคร” คัชพลบอก
“มันคงไม่โง่ทิ้งกลิ่นให้เราตาม” บัญชาว่า
“งั้นเราจะทำไงล่ะครับ”
“กลัวอะไร ไม่ว่ามันจะเป็นใคร มันคงยังไม่มีหลักฐานที่จะทำให้มันแน่ใจว่าเอาผิดเราได้ เราต้องทำลายหลักฐานจากไอ้นักสืบนี่ให้หมด และต่อไปก็ต้องระวังตัวกันให้มากขึ้น”
“ครับคุณพ่อ”
บัญชาทำหน้าเหี้ยมกำมือแน่นด้วยความแค้นใจเพราะไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร
“ถ้าชั้นรู้ว่ามันเป็นใคร ชั้นฆ่ามันแน่”
วีด้าเดินออกมาด้านหน้าสปอร์ทคลับด้วยความตื่นตะหนก แล้วเธอก็มุ่งไปที่รถตัวเอง วีด้าเปิดรถ แล้วทรุดลงไปนั่งคาประตูรถอย่างเสียขวัญ ยศสรัลเดินออกมาจากประตูหน้าแล้วตรงมาหา เขารู้สึกแปลกใจกับอาการของวีด้า ยศสรัลเดินเข้าไปหา วีด้านึกได้ก็รีบเอาโทรศัพท์ออกมาแกะซิมด้วยอาการมือไม้สั่นทำให้โทรศัพท์และซิมหล่นกระเด็น วีด้าตกใจจึงรีบลุกขึ้นมามองหา แล้วเธอก็ก้มลงหยิบโทรศัพท์ แล้วก็ก้มหาซิม ยศสรัลเดินมาหยุดมองวีด้าจากทางด้านหลัง วีด้าถอนใจ เธอเอื้อมมือจะหยิบแต่ยศสรัลมาหยิบไว้ก่อน วีด้าเงยหน้ามองด้วยอาการตกใจมากที่เป็นยศสรัล เธอถอยหลังลงไปกองกับพื้น ยศสรัลเป็นห่วงจึงจะประคอง
“คุณไม่สบายรึเปล่า”
วีด้าปัดมือออก “อย่ามายุ่งกับชั้น!”
วีด้ารีบลุกขึ้นยืน พอเห็นซิมในมือยศสรัล เธอก็ตวาดใส่
“เอาซิมโทรศัพท์ชั้นคืนมา”
ยศสรัลคืนให้แต่โดยดีแต่ก็สงสัย
“คุณตกใจอะไร?”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
พูดจบวีด้าก็รีบขึ้นรถ เธอตั้งสติแล้วขับออกไปจนเกือบจะไปชนกับรถอีกคัน วีด้าโดนบีบแตรด่า เธอกุมขมับเพื่อตั้งสติ ยศสรัลมองอาการวีด้าแล้วก็ตัดสินใจตาม
อ่านต่อหน้าที่ 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 9 (ต่อ)
วีด้าขับรถเข้าบ้านก่อนจะลงจากรถมาถอนหายใจเพราะยังตื่นเต้นไม่หาย สักพักก็มีเสียงรถยนต์แล่นตามมา วีด้าหันไปมองก็เห็นเป็นรถของยศสรัลที่ขับตามมาจอดหน้าบ้าน ยศสรัลลงจากรถ วีด้าโมโห ก่อนจะเดินเข้าหายศสรัล
“คุณตามชั้นมาทำไม” วีด้าถาม
“ผมเป็นห่วงว่าคุณเป็นอะไร คุณขับรถ เกือบจะเกิดอุบัติเหตุตั้งสองครั้ง”
วีด้าหงุดหงิดและมีมีพิรุจ
“คุณกลับไปได้แล้ว” วีด้าไล่
“คุณเป็นอะไรเนี่ย ผมอุส่าห์มีน้ำใจเป็นห่วงคุณ คุณควรจะพูดกับผมดีๆ”
วีด้ามองหน้า “คุณไม่จำเป็นต้องมาห่วงชั้น กลับไปได้แล้ว”
วีด้าจะเดินกลับ ยศสรัลเข้ามาขวาง ทั้งสองคนมองหน้ากัน วีด้าโกรธ
“ถามจริงๆ ผมไปทำอะไรให้คุณเกลียด หรือไม่พอใจ ทำไมทำอย่างกับผมเป็นศัตรู จงเกลียดจงชังอะไรผมนักหนา หรือเพราะผมรู้ทันคุณ”
“ทำไมชั้นต้องบอกเหตุผลคุณ” วีด้าย้อน
“ก็คุณเป็นแฟนพี่ใหญ่ ผมเป็นน้องชายเค้า เราไม่ควรจะเป็นศัตรูกัน”
“แต่ชั้นไม่เห็นความจำเป็น ที่เราจะต้องเป็นมิตรกัน”
ยศสรัลอึ้งไป วีด้ายิ้มเหยียดแล้วเดินออกไป
ยศสรัลพูดลอยๆ “คุณเป็นผู้หญิงชัดเจนดีนะ เป็นมิตรเฉพาะผู้ชายที่ตัวเองสนใจ” ยศสรัลพูด วีด้าหันขวับ “แต่กล้าเป็นศัตรูกับน้องชายเค้า”
พูดจบยศสรัลก็ยิ้มกวนประสาท วีด้าจ้องหน้าเขานิ่ง
“รู้ไว้ก็ดีแล้ว กลับไปได้ แล้วห้ามมาที่นี่อีก”
พูดเสร็จวีด้าก็เดินกลับเข้าบ้าน ยศสรัลมองวีด้าแล้วถอนใจด้วยความเป็นห่วง แล้วเขาก็สงสัยว่าวีด้าเป็นอะไรก่อนจะขึ้นรถขับออกไป
บัญชาขว้างเอกสารลงพื้นด้วยความโมโห เอกสารนั้นคือเอกสารการสมัครงานของนักสืบ ที่มีรูปติดที่ใบสมัคร
“ทำงานกันประสาอะไร ไม่ตรวจหรือไงว่าหลักฐานที่มันสมัครงานน่ะจริงหรือปลอม” บัญชาโกรธ
คัชพลจ๋อย “ผมถามฝ่ายบุคคลแล้วครับ ตรวจสอบไปที่ทำงานเก่ามัน เบอร์ที่ให้ไว้ ก็เป็นเบอร์ปลอม”
“ต่อไปนี้แผนกไอที และแผนกที่สำคัญ แกต้องเป็นคนสกรีนเอง”
“ครับคุณพ่อ”
“แล้วเช็คหรือเปล่า ว่ามันเคยได้ข้อมูลอะไรไปบ้าง”
คัชพลหลบตา “งบการเงินของบริษัทครับ”
บัญชาชะงักทันที
บัญชาดุลูก “สับเพร่าจริงๆ...” บัญชาคิด “มันอยากรู้ข้อมูลเรื่องบัญชีแค่นั้นเหรอ”
“นั่นสิครับ ผมก็สงสัย พวกข้อมูลสินค้า ลูกค้าหรือแผนการตลาดกลับไม่โดนแฮ็ค ไม่รู้ว่าไอ้คนจ้างมันจะเอาอะไร”
“เรื่องอื่นชั้นยังไม่สน แต่ถ้ามีใครรู้เรื่องฟอกเงิน แกกับชั้นเสร็จแน่!”
เกรซนั่งมองวีด้าที่กำลังกลุ้มใจอยู่ในห้องของวีด้า วีด้าหลับตาลง
“นี่แกเป็นอะไรอีกเนี่ย” เกรซถาม
วีด้าไม่มองหน้าเกรซแต่ตอบแบบเศร้าๆ “ .....ชั้นเป็นต้นเหตุทำให้คนตาย”
“อะไรนะ! นี่แกอย่าบอกนะ ว่าที่แกทำลับๆล่อๆเมื่อวานคือเรื่องนี้” เกรซว่า วีด้าพยักหน้ารับ “วีด้า แกกำลังทำอะไรอยู่”
“นักสืบที่ชั้นจ้างไปทำงาน ถูกจับได้” วีด้าสะเทือนใจ “พวกมันก็เลย..” วีด้าพูดต่อไม่ออก
เกรซใจหายวาบ
“เกรซ ชั้นอยากแจ้งความ แต่ชั้นติดต่อญาติเค้าไม่ได้เลย ข้อมูลของนักสืบคนนั้น เป็นความลับหมด”
“ถ้าแกไปแจ้งความ พวกนั้นสืบถึงตัวแกแน่”
วีด้าคิดแล้วก็ปวดใจ “....ชั้นก็ต้องหาวีธีแจ้ง ให้พวกนั้นรู้ไม่ได้ใช่มั้ย”
เกรซมองหน้าเพื่อนอย่างสลดๆ “แกควรจะหยุดได้แล้วนะ วีด้า....ฉันกลัวแกจะเป็นอันตราย ยิ่งถ้าเกิดวันหนึ่งนายบัญชารู้ว่าแกคือใคร มันต้องไม่ปล่อยแกไว้แน่”
“ชั้นหยุดไม่ได้”
“ทำไมจะหยุดไม่ได้”
“....แต่ชั้นจะไม่ให้ใครมาเดือดร้อนอีก และมันจะต้องโดนตำรวจจับ ข้อหาฆ่าคนตาย”
เสียงเลขาส่งสายคัชพลเข้ามาที่โต๊ะวีด้า
“สายจากคุณคัชพลค่ะ”
วีด้าหลับตาอีกครั้งก่อนพูดกับเลขา “โอนเข้ามาได้”
“วีด้า!!”
วีด้าไม่ฟังคำท้วงของเกรซ เธอทำสัญญาณมือให้เกรซเงียบก่อนคุยกับคัชพล
“คะ คุณคัชพล..”
เกรซถอนใจและส่ายหน้าเพราะไม่ชอบที่เพื่อนทำแบบนี้
คัชพลยืนรอวีด้าที่ลานจอดรถ วีด้าเดินลงมาเห็นคัชพลหันมายิ้มให้ วีด้าพยายามเดินเข้าไปหา เมื่อคัชพลเดินมาถึงก็จับไหล่เธอ วีด้าตกใจนิดหน่อย
“คุณเป็นอะไร?” คัชพลถาม
“วันนี้วีด้าไม่ค่อยสบายค่ะ อยากจะพัก..”วีด้าบอก
คัชพลจับหน้าผากวีด้าด้วยความเป็นห่วง
“งั้นผมไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า ....” คัชพลโน้มตัวเข้าหา “ผมยังไม่เคยไปบ้านคุณเลย”
วีด้าตกใจจึงรีบพูด “เอ่อ..วีด้าไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”
“ทำไมถึงใช้คำว่ารบกวนกับผมล่ะ ให้ผมได้ดูแลคุณบ้าง นะครับ”
วีด้ามองคัชพลอย่างฝืนเต็มที่ “วีด้าขับได้จริงๆค่ะ คุณใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน”
“มีอะไรเปล่าครับ วันนี้คุณดูแปลกๆไปนะ”
วีด้าตั้งสติแล้วหาวิธีพูด “เป็นห่วงวีด้ามากเลยใช่มั้ยคะ”
“คุณก็รู้”
“ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
คัชพลหอมแก้ม วีด้าต้องยอมแล้วก็เดินขึ้นรถด้วยหน้าตาเครียดและหวาดระแวง ก่อนจะรีบขับรถออกไป คัชพลมองตามด้วยความเป็นห่วง
วีด้าที่อยู่ในชุดนอนยืนคิดอยู่ริมหน้าต่าง
“ชั้นต้องไม่กลัวมัน ชั้นต้องไม่กลัวพวกมัน”
วีด้าเดินไปหยิบโทรศัพที่โต๊ะหัวเตียงแล้วกดหาเกรซ
“เกรซ ชั้นอยากย้ายบ้าน แกช่วยหาคอนโดให้ชั้นทีนะ”
คัชพลเดินมานั่งลงที่โซฟา เขาคิดถึงวีด้าแล้วก็แปลกใจนิดหน่อยว่าวีด้าเป็นอะไร
“ไม่พอใจอะไรเรารึเปล่า”
แล้วคัชพลก็คิดว่าไม่
วีด้าเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานแล้วเปิดแฟ้มงาน สักพักเขาก็ปิดแล้วกดอินเตอร์คอม
“คุณโอ๋คะ วีด้าขอกาแฟอีกแก้วนะคะ”
วีด้าคิดเรื่องที่นักสืบตาย โทรศัพท์ของเธอดัง วีด้าหันไปมองเห็นชื่อเกรซจึงกดรับสาย
“ชั้นหาคอนโดให้แกได้แล้วนะ วีด้า แกจะไปดูวันนี้เลยมั้ย”
“ไปสิ ชั้นอยากย้ายเร็วๆ ขอบใจมากนะเกรซ”
วีด้ายิ้มมองสิ่งของในห้องคอนโดมีเนียมอย่างสบายใจ
“แกยังไม่ได้บอกเหตุผลที่ต้องย้ายมาอยู่คอนโดกระทันหันให้ชั้นฟังเลยนะ”
วีด้าเดินไปหยิบกระเป๋ามาเปิดเพื่อจัดของพร้อมกับเล่าไปด้วย
“นายยศสรัลเคยตามชั้นไปที่บ้าน”
“ฮึ่ย! จริงดิ” เกรซแซว “แหม..ทีเมื่อก่อนพี่สรัลคะขา เสียงหวาน แต่ตอนนี้”
วีด้าดุ “นี่แก อย่ามานอกเรื่อง” วีด้ารีบเปลี่ยนเรื่อง “นายสรัลรู้ที่อยู่ชั้น ต่อไปนายคัชพลก็ต้องรู้ด้วย ชั้นย้ายมาอยู่คอนโดน่าจะสะดวกกว่า แล้วชั้นก็ไม่อยากให้คุณอากำธรรู้เรื่องนี้”
เกรซถอนหายใจแล้วมองไปรอบๆ
“แต่ที่นี่ก็น่าอยู่นะ หรูเชียว”
“แกก็มาอยู่กับชั้นสิ”
“หึ! ชั้นไม่เอาตัวเข้ามาเสี่ยงร่วมกับแกด้วยหรอก เชิญอยู่คนเดียวตามสบายเลย”
วีด้ายิ้มหน้านิ่ง
วีด้าที่นอนหลับอยู่บนเตียงฝันร้ายและเหงื่อออก
วีด้าฝันว่าเธออยู่ในชุดนอนขณะกำลังเดินอยู่ในบ้านบัญชาคนเดียวภายใต้บรรยากาศน่ากลัว วีด้าเดินไปเจอบัญชายืนดักหน้า เธอตกใจร้องกรี๊ดแล้ววิ่งหนีไปชนบัญชา วีด้าถอยหลังวิ่งหนี พอวิ่งไปก็มีมือมาจับตัวเธอ วีด้าหันมองเห็นเป็นยศสรัล ยศสรัลพาวีด้าวิ่งหนีไปแอบมุมหนึ่งแล้วเอาตัวบังไว้ วีด้าหอบก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองแต่ยศสรัลกลายเป็นบัญชาที่แสยะยิ้ม หัวเราะเสียงดัง วีด้ากรี๊ดลั่น จนตกใจตื่น
วีด้าเหงื่อท่วมตัว เธอตกใจเสียขวัญอย่างแรง ก่อนจะร้องไห้ออกมา
ภาสุรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตื่นมาตามทางเดินจนถึงหน้าประตูห้องบัญชา เธอกำลังจะเงื้อมือเคาะประตู แต่บัญชาเปิดประตูออกมาพอดี
ภาสุรีมีน้ำเสียงตื่นตระหนก “ท่านคะ!”
“มีอะไร”
“ตำ..ตำรวจค่ะ”
คัชพลเดินมาอีกทาง “ตำรวจทำไม”
“ตำรวจมาขอพบท่านค่ะ” ภาสุรีบอก
บัญชาหันมามองหน้าคัชพล
บัญชากับคัชพลนั่งคุยอยู่กับตำรวจ
“ผมยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่ผมคิดว่าคงมีการเข้าใจผิดกันนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมขออนุญาตตรวจค้นที่นี่หน่อยนะครับ” ตำรวจหยิบหมายค้นขึ้นมายื่นให้บัญชา “ถ้าหากมีการเข้าใจผิด จะได้มีหลักฐานมาช่วยยืนยัน”
บัญชารับหมายค้นมาดูแล้วมองหน้าคัชพล คัชพลพยักหน้า
คัชพลพูดกับตำรวจ “ไม่มีปัญหาครับ เชิญเลยครับ”
“ขอบคุณครับ”
คัชพลลุกขึ้นแล้วเดินนำตำรวจทั้งสองออกไป บัญชายังนั่งหน้าเครียดอยู่
ภาสุรีผุดลุกผุดนั่ง เธอชะเง้อมองทางห้องบัญชาด้วยความกังวล ยศสรัลเดินลิ่วหน้าเครียดมาหาภาสุรี
“คุณภาครับ” ยศสรัลเรียก
ภาสุรีตกใจ “คะ!”
“ผมเห็นตำรวจมาที่บริษัทฯ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“ตำรวจมาขอพบท่านประธานค่ะ ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร แต่ดูท่าทางท่านกับคุณใหญ่จะดูเครียดๆนะคะ”
ยศสรัลแปลกใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 9 (ต่อ)
บัญชายืนหันหลังมองไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าครุ่นคิดด้วยความเจ็บใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วคัชพลก็เดินเข้ามา บัญชาหันมามอง
“ตำรวจกลับไปหมดแล้วครับ” คัชพลบอก
“มีความคืบหน้าอะไรบ้าง” บัญชาถาม
“ไอ้คนที่ตายเป็นนักสืบอิสระ ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้อะไร แต่คงจ้องเราอยู่ไม่วางตาครับ”
“มันคงไปแจ้งความ ตอนนี้เราจะทำอะไรต้องระวังตัวให้ดี”
“ครับคุณพ่อ คุณพ่อคิดว่า ศัตรูเราจะเป็นคนในเหรอครับ”
“แกคิดยังไง” บัญชาถาม
“ก็ในเมื่อสิ่งที่เราทำมีคนไม่กี่คนที่รู้ สรัลกับนายเล็กก็ยังไม่รู้ แล้วคนในคนอื่นจะรู้ได้ยังไงครับ ผมว่ามันต้องเป็นคนนอกมากกว่า”
บัญชากำมือแน่นด้วยความแค้นใจ
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ถ้ามันจะขวางทางเราๆ ก็ต้องกำจัดมันให้เร็วที่สุด”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าผมรู้เมื่อไหร่ ผมจัดการมันแน่” คัชพลว่า
ยศสรัลเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล
“คุณพ่อครับ ตำรวจมาพบคุณพ่อเรื่องอะไรเหรอครับ”
บัญชากับคัชพลมองหน้ากัน
“ไม่มีอะไร เรื่องเข้าใจผิดน่ะ” บัญชาบอก
“เรื่องเข้าใจผิด? เรื่องอะไรหรือครับ” ยศสรัลว่า
คัชพลเหลือบมองยศสรัลเล็กน้อยเป็นสายตาประมาณว่าอย่ายุ่งนักเลย แล้วก็เดินออกไป ยศสรัลยังไม่ไปแต่จะเดินไปหาบัญชา บัญชามองหน้าปราม
“แกไปทำงานเถอะ สรัล” บัญชาทำเป็นทำงานต่อโดยไม่มองยศสรัล
ยศสรัลมีสีหน้าเป็นห่วงจึงลังเลเพราะอยากจะถาม แต่เห็นพ่อดูเครียดก็เลยไม่อยากตอแย เขาตัดสินใจเดินออกไป บัญชามองตามด้วยสีหน้าหนักใจ
วีด้าคุยโทรศัพท์อยู่กับตำรวจที่ระเบียง
“ไม่เจออะไรเลยเหรอคะผู้กอง” วีด้าถาม
“ครับ ไม่พบหลักฐานอะไรเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เราจะสืบค้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอหลักฐานที่จะเอาผิดได้ เพราะบุคคลที่หายไป ก็น่าจะมีมูลตามที่คุณแจ้งไว้”
“ต้องรบกวนหน่อยนะคะ ถ้าได้ความคืบหน้ายังไง ช่วยส่งข่าวด้วยนะคะ”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
วีด้าครุ่นคิดแล้วก็ทำหน้านิ่วเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
ดนัยนั่งถือถ้วยกาแฟแต่ไม่ดื่ม เขาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เกรซเดินเข้ามาแล้วไปสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ ระหว่างรอเกรซก็หันมองไปเรื่อยๆ พอเห็นดนัยเธอก็เดินเข้าไปหา
“ดนัย เจอกันอีกแล้ว”
ดนัยยิ้มบางๆ “สวัสดีเกรซ”
“ดนัยรู้จักร้านนี้ด้วยเหรอ เกรซชอบร้านนี้มากเลย เคยมาบ่อยๆกับ..” เกรซเงียบเพราะรู้ว่าดนัยเพิ่งเฮิร์ทจากวีด้าเมื่อวันก่อน
ดนัยพูดต่อ “ผมก็เคยมากับวีด้า ตอนที่เรายังทำงานอยู่ด้วยกัน”
เกรซดูดกาแฟพลางมองดนัยที่ยังเหม่อ เศร้า เกรซคิดไม่ตกว่าจะเอาไงต่อ แล้วอยู่ๆดนัยก็พูดขึ้นมา
“ผมนี่มันดื้อจริงๆเลยนะ ขนาดเค้าบอกให้ผมไม่ต้องรอ ผมก็ยังตัดใจจากเค้าไม่ได้”
เกรซถอนใจแบบทั้งสงสาร ทั้งหนักใจ
“เกรซเข้าใจคุณค่ะ”
“ผมว่าวีด้าคงรักคุณคัชพลแล้วล่ะ”
“เกรซบอกแล้วไงคะ ว่าวีด้า ไม่มีทางรักคุณคัชพล”
“คุณพูดเหมือนรู้อะไร เล่าให้ผมฟังได้มั้ย”
“เอ่อ.. เกรซไม่รู้อะไรค่ะ ดนัยอย่าถามเกรซเลยนะคะ ตอนนี้เกรซก็พยายามจะเข้าใจวีด้าเหมือนกัน”
ดนัยสลดลงแล้วก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เกรซมองดนัยด้วยความสงสาร
ที่คอนโดมีเนียมของวีด้า วีด้าเดินคิดจนทั่วห้อง
“ชั้นจะทำยังไงต่อไป มันต้องระวังตัวมากขึ้นแน่ๆ ก็เหลืออยู่ทางเดียว .....” วีด้าพูดออกมา “ต้องเอานายบัญชา มาร่วมธุรกิจให้ได้”
วีด้าฉายสไลด์ที่ดินหนี่งแปลงในห้องประชุม
“ดิชั้นอยากให้คณะกรรมการเห็นด้วย ที่จะซื้อที่ดินแปลงนี้เพี่อการลงทุนในอนาคต เพราะมันอยู่ในเขตเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างสูงใกล้นิคมอุตสาหกรรม แล้วก็ใกล้ท่าเรือของเราด้วย ต่อไปเราอาจจะพัฒนาเป็นโรงแรม หรืออาจจะเป็น ห้างสรรพสินค้า”
“มันก็น่าสนใจ แต่เราต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมาก” กรรมการพูด
“ถึงตอนนั้น เราอาจจะหาผู้ร่วมทุน แต่เวลานี้ เราต้องการที่ดินแปลงนี้ดิชั้นคาดการณ์ว่าในเวลาไม่กี่ปีนี้ มูลค่าที่ดินจะสูงขึ้นอีกหลายเท่า นี่ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
คณะกรรมการต่างก็อ่านเอกสารของตัวเอง แล้วพยักหน้าให้กันว่าเห็นด้วย
“ไม่ทราบว่ามีใครต้องการคัดค้านมั้ยคะ” วีด้าถาม
ไม่มีใครยกมือ
วีด้ายิ้ม “ขอบคุณทุกท่านนะคะ ที่สนับสนุนวีด้า ถ้าอย่างนั้น วันนี้คงพอแค่นี้ วีด้าขอปิดประชุมค่ะ”
วีด้าเก็บเอกสารแล้วเดินออกจากห้องประชุม
มณฑิตาเข้ามาในร้านอาหารกับเพื่อนก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วกำลังจะนั่ง แต่เธอเหลือบไปเห็นวีด้านั่งกินข้าวอยู่กับธัญกรก็ตกใจ ก้นของเธอยังไม่ทันจะถึงเก้าอี้ก็เด้งขึ้นมาก่อน
“เอ๊ะ!”
“อะไร ปีเตอร์เหรอ!” เพื่อนถาม
เพื่อนหันไปมอง มณฑิตารีบฉุดให้เพื่อนนั่งลงแล้วหยิบเมนูมาบังหน้าตัวเองกับเพื่อนก่อนจะเม้ากัน
มณฑิตาพยักเพยิดไปทางวีด้า “ไม่ใช่ แต่ใกล้เคียง ลับหลังคุณใหญ่ก็มาอ่อยคุณเล็ก”
“ยัยวีด้าที่เป็นข่าวกับคุณใหญ่นี่ เค้าก็สวยดีนะมณ”
มณฑิตานิ่งเงียบสีหน้าไม่พอใจ เพื่อนหน้าจ๋อยที่รู้ว่าตัวเองพูดผิดหูเพื่อน
“แค่หูตาแพรวพราว หลอกล่อผู้ชายเก่งเท่านั้นแหละ ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เห็นแบบนี้ ยังจะชอบอีกเหรอ”
“ฉันน่ะไม่ชอบหรอก แต่ท่าทางคุณเล็กจะชอบนะ ดูสิ เอาใจใหญ่เชียว”
ธัญกรตักอาหารให้วีด้า มณฑิตามองวีด้าด้วยสีหน้านิ่งแต่แววตาดูถูกสุดๆ
วีด้านั่งรับประทานอาหารกับธัญกร ธัญกรตักอาหารให้เพื่อเอาใจวีด้า สายตาของธัญกรเต็มไปด้วยความหลงรักวีด้ามาก แต่วีด้าดูไม่ค่อยใส่ใจธัญกรเท่าไหร่
“คุณเล็กทานเถอะค่ะ วีด้าตักเองได้”
“รำคาญผมเหรอ”
วีด้ายิ้ม “เปล่าหรอกค่ะ คิดมากนะคุณเนี่ย”
ธัญกรพิงเก้าอี้แล้วเมินออกเพราะงอนวีด้า
“เป็นอะไรคะ หมู่นี้ดูอารมณ์ไม่ดีนะ คุณหลบหน้ามาหลายวันแล้วด้วย”
“สนใจผมด้วยเหรอ”
“ก็ไม่ได้อยากจะสนใจหรอก ถ้ายังทำตัวงอแงแบบเนี้ย”
ธัญกรถอนใจ “ก็ตั้งแต่ผมมาทำงานกับคุณ คุณดูห่างเหินผมไปนะ ถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่ทำงานดีกว่า”
“ก็ตามใจสิคะ คุณโตแล้ว วีด้าไม่อยากบังคับ”
“...ผมรู้ ว่าคุณไม่ได้คิดอะไร และรู้ด้วยว่าเป็นเพราะพี่ใหญ่”
วีด้าตัดบท “ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้นแหล่ะค่ะ และก็ไม่อยากให้คุณคิดไกลจนเกินไป”
ธัญกรงงมองวีด้า วีด้าตักอาหารอย่างไม่สนใจ
มณทิตาโทรรายงานสินี
“จริงๆนะคะคุณแม่ คุณวีด้ากับคุณเล็ก มาทานข้าวด้วยกัน ดูสวีทกันน่าดูเหมือนคนเป็นแฟนกันเลยค่ะ”
เกรซร้องคาราโอเกะอย่างสนุกสนาน และก็เอาใจดนัยจนจบเพลง
เกรซหันมองดนัย “สบายใจขึ้นบ้างมั้ย”
ดนัยพยักหน้า “ฮื่อ ขอบคุณนะเกรซ ที่อยู่เป็นเพื่อนผม”
“ก็ดีกว่าเห็นคุณนั่งหน้าเศร้า เคล้ากับแกล้มนะคะ”
ดนัยหัวเราะ
เกรซหัวเราะ “ร่าเริงหน่อยน๊ะ เกรซจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
ดนัยยิ้ม “ผมจะพยายาม”
ดนัยและเกรซยิ้มให้กัน
เกรซกับดนัยเดินไปรถเกรซที่จอดด้านข้างผับ
“ดนัยจอดรถไว้ไหนคะ”
“ด้านโน้นครับ งั้นผมไปไหน”
“ค่ะ แล้วอย่าคิดมากนะคะ”
ดนัยยิ้มแล้วเดินออก เกรซล้วงกุญแจรถแต่หาไม่เจอ เธอเทลงท้ายรถเพื่อหา นักเที่ยวสองคนเดินมามองเกรซยิ้มๆ
“อยากไปกับพี่เหรอน้อง” นักเที่ยวคนหนึ่งกดกุญแจรถ
“หาอะไร พี่ช่วยหามั้ย” นักเที่ยวอีกคนจับมือเกรซขึ้นมาหอม
“ไอ้บ้า อย่ามายุ่งกับชั้นนะ พวกเมาแล้วทุเรศ” เกรซด่า
“หือ ด่าเก่งซะด้วย” นักเที่ยวหันไปหาเพื่อน “เฮ้ย เอาไปด้วยกันเลยดีกว่า”
นักเที่ยวอีกคนรวบเอวเกรซ เกรซกรี๊ด
“ปล่อยนะ ปล่อย กรี๊ด”
ช่วงที่ทั้งสองยื้อยุดกัน ดนัยหันมาเห็นก็ตกใจ เขารีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ดนัยถีบนักเที่ยวคนหนึ่งกระเด็นจนหัวฟาดพื้น นักเที่ยวคนที่สองหันไปชกใส่ ดนัยหลบแล้วชกกลับ ทั้งหมดชุลมุนกันซักครู่ พอได้จังหวะ ดนัยก็ถอยหลังบังเกรซ ทั้งสองคนลุกขึ้นยืน
“มึงเป็นใคร มาเสือกอะไรด้วย” นักเที่ยวคนหนึ่งถาม
“ดนัยคะ” เกรซว่า
นักเที่ยวได้ยินก็เลยรู้ว่ารู้จักกัน
“เค้าเป็นแฟนผม อย่ามีเรื่องดีกว่า” ดนัยบอก
นักเที่ยวสองคนมองหน้ากัน รู้สึกเจ็บใจและอาย ก่อนจะขึ้นรถไป ส่วนดนัยกับเกรซถอยออกมา ยืนมอง
“ดนัยเป็นยังไงบ้างคะ เดือดร้อนเพราะเกรซเลย” เกรซถามอย่างรู้สึกเป็นห่วง
“ผมสิครับ เกือบทำให้เกรซเดือดร้อน” ดนัยเอ่ย
ดนัยพูดเสร็จก็จับแผลตัวเอง เกรซแอบมองแล้วก็ชื่นชมดนัยโดยไม่รู้ตัว
ยศสรัลยืนหยิบแฟ้มอยู่
ยศสรัลไม่ได้เงยหน้ามอง “เชิญครับ”
มณฑิตาเปิดประตูพร้อมถือกาแฟแก้วใหญ่เข้ามา
“กาแฟค่ะ... “
“มณ..”
มณฑิตาวางกาแฟบนโต๊ะทำงาน “มณซื้อมาฝากค่ะ”
“ขอบคุณนะ” ยศสรัลทำงานต่อ “คุณมาหาผมตอนนี้มีอะไรหรือเปล่า”
“จะมาหาแฟนตัวเองก็ต้องมีธุระเหรอคะ” มณฑิตาทำหน้างอนๆ “ที่จริงก็มีค่ะ เรื่องวีด้ากับคุณเล็ก”
ยสสรัลเงยหน้าจากงานมามองมณฑิตา
“แหม พอพูดชื่อวีด้าก็สนใจขึ้นมาเลยนะคะ”
“ผมสนใจเรื่องนายเล็ก นายเล็กทำไม!!”
มณฑิตายิ้ม ยศสรัลหน้าเครียดรอฟัง
อ่านต่อตอนที่ 10