สุสานคนเป็น ตอนที่ 5
สมานกับสัปเหร่อจบจากการดวลสุราเดินผ่านมาทางสุสานที่ไว้ศพลั่นทม ทั้งคู่ร้องเพลงพึมพำอย่างเป็นสุขขณะเดินผ่านสุสานช่องที่ใส่ศพลั่นทม ก้อนอิฐที่ปิดปากช่องที่ไว้ศพลั่นทมซึ่งพวกฉ่ำทำไว้ไม่เรียบร้อยหลุดออกมา สมานชะงักแล้วดึงไฟฉายจากกระเป๋าหลัง
“เฮ้ยๆ หยุดก่อน” สมานร้องบอก
สัปเหร่อพอจะรู้ว่าพวกอุษาทำไว้ไม่เรียบร้อยก็พยายามฉุดสมานให้เดินไป
“มันหลุดออกมาได้ยังไง” สมานสงสัย
“เฮ้ย พรุ่งนี้ค่อยมาดู” สัปเหร่อว่า
“ไม่เอาดูเดี๋ยวนี้เลย..เอาให้หายสงสัย ข้าว่า..ผู้หญิง สวยๆ ที่เป็นหลานคุณนายน่ะมีอะไรแปลกๆ ว่ะ”
สมานส่องไฟฉายไปในซองที่ไว้ศพลั่นทมซึ่งภาพในมีโลงศพแต่ไม่ได้อยู่ในที่ทางที่ควรจะเป็น ฝาโลงเผยอออก สมานพยายามเพ่งมองเพราะคิดว่าตัวเองเมาตาลาย แต่เมื่อดึงโลงออกมาเปิดฝาดูเขาก็ชะงัก เพราะเห็นแน่ชัดว่าไม่มีศพอยู่ในโลง สมานถึงกับตาค้าง
“ศะศพหาย”
สมานเดินนำหน้าเร็วมา สัปเหร่อเดินตามมาดึงแขนสมานไว้
“เฮ้ยหมาน..จะไปไหน”
“ก็ไปบอกหลวงพ่อน่ะสิ ฉันดูแลอยู่น่ะ ศพหายไปเรื่องใหญ่น่ะเอ็ง นึกอยู่แล้ว เห็นจ่ายเงินเอาๆ"
สัปเหร่อแย้ง “แต่..เราก็รับ”
“อ้าว ก็เขาไม่ได้บอกนี่ว่าให้เงินเราเพื่อเอาศพออกไปถ้าบอกก่อนฉันก็ไม่รับหรอกเงินน่ะมันไม่คุ้ม ถ้ามีคนขโมยศพไป”
สัปเหร่อหน้าซีด “ใครจะมาขโมยศพไป..”
“แต่ศพมันหาย”
“เจ้าของเขาอาจจะ..เอาไป”
“แล้วถ้าไม่ใช่เจ้าของล่ะ ฉันต้องไปบอกหลวงพ่อเอาตัวรอดก่อน..”
“แล้วเรื่องเงิน”
“ก็ไม่ต้องพูดซิ ให้เงินใครก็อยากได้ แต่ถ้าศพหายมันอีกเรื่องไปกันเถอะ”
“ยุ่งแล้วมั้ยล่ะ”
โทรศัพท์ดัง หวานเดินงัวเงียมารับสาย
“บ้านคุณลั่นทม ค่ะ” หวานฟัง “ไม่อยู่ค่ะเข้า กรุงเทพ นั่นใครคะ มีธุระอะไร ดึกดื่นป่านนี้แล้วอะไรนะคะฮ้า จ้ะๆ ขอบใจมาก”
หวานวางโทรศัพท์มือไม้สั่นและงงงันไปหมด เธอตะโกนเอะอะ
“นังหวาด ยาใจ จิ้มลิ้มเร็วเข้าเร็ว คุณผู้หญิงฟื้นแล้ว” หวานร้องเอะอะ “หวาด จิ้มลิ้มยาใจ..ตาฉ่ำ สงสัยว่าคุณผู้หญิงจะฟื้นแล้วโว้ย”
ยาใจและจิ้มลิ้มวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น “อะไรกันน้าหวาน เสียงเอะอะ”
“คุณผู้หญิงฟื้นแล้ว” หวานบอก
จิ้มลิ้มตาหูเหลือก “น้าหวาน..พูดเล่นหรือพูดจริง”
“ก็ไม่รู้ ทางวัดเขาโทร.มา” หวานบอก
“โทรว่าไง” สวาทถาม
“บอกว่า ศพคุณผู้หญิงหายไป”
ยาใจและจิ้มลิ้มกอดกันกลม “กรี๊ด”
“โอ้ย อย่าเพิ่งกรี๊ดซีวะ..ยังไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงฟื้นแล้วเดิน ออกจากโลงศพได้ หรือมีใครขโมยศพไป”
จิ้มลิ้มสั่น “ขโมยไปทำไมศพน่ะ”
“นั่นซีน้าหวาน ใครจะขโมยศพ..นอกจาก..นอกจาก” ยาใจสั่น “ผีมันเดินไปเอง”
หวานกลัว “แล้วถ้าตอนนี้คุณผู้หญิงมาที่นี่ เราจะทำยังไง”
ทั้ง 4 โผเข้ากอดกันด้วยความกลัวแล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าหวาดๆ
ผันสวดมนต์ภาวนาพึมพำอยู่ตลอดเวลา น้ำในหม้อต้มยาแห้งลงไปครึ่งหม้อจนเกิดสีน้ำตาล วิเวกกับสมพรนั่งอยู่ด้วย สัปหงกนั่งอยู่มุมเดิม อุษาจับมือลั่นทมไว้พร้อมกับจ้องลั่นทมเขม็งโดยไม่มีทีท่าว่าจะฟุบหลับ ลั่นทมยังนอนสงบนิ่ง น้ำในหม้อเดือด
หลวงพ่อเดินเข้ามาที่บริเวณสุสานบริเวณซองที่เก็บศพลั่นทม สัปเหร่อกับสมานเดินตามมาด้วย ทั้งสองมีสีหน้าไม่ดีเพราะกลัวความผิด บริเวณที่เป็นผนังปิดช่องใส่โลงศพถูกโบกปูนไว้ลวกๆ โลงศพที่ถูกลากออกมาเมื่อคืนครึ่งหนึ่งนั้นฝาโลงยังเปิดอยู่
หลวงพ่อมองอย่างไม่สบายใจก่อนจะพูดกับสัปเหร่อและสมาน “ใครเป็นคนโบกปูน”
สัปเหร่อและสมานที่รับเงินของอุษามาเต็มกระเป๋าต่างก็พูดไม่ออก
เวลาเช้ามืด ชีพยังหลับสบายอยู่บนเตียง รสสุคนธ์แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเข้ามาจูบชีพเบาๆเป็นการปลุก
“แหมหลับสนิทเลยนะคะ”
ชีพคว้าตัวรสสุคนธ์มากอดไว้ “ก็รสนะสิทำให้ผมไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน”
“แล้วคุณมีความสุขมั้ยล่ะคะ” รสสุคนธ์ถาม
“มีสิมีมากที่สุดเลย”
รสสุคนธ์เศร้า “แต่รสไม่มีความสุขเลยค่ะ”
ชีพตกใจจนลุกขึ้นนั่ง “ทำไม”
“รสรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่นางบำเรอของคุณเท่านั้น”
“ทำไมรสคิดอย่างนั้นล่ะ ตอนนี้ฉันก็ให้รสออกหน้าออกตาแล้วนี่ ทำไมไม่เลิกคิดแบบนี้เสียที”
“คงมีทางเดียวเท่านั้นแหละคะที่จะทำให้รสเลิกคิดได้”
ชีพมองก่อนจะเชยคางรสสุคนธ์แล้วถามหนักแน่น “งั้นบอกมาสิ ถ้าฉันทำได้ฉันจะทำให้เธอแน่นอน เธอให้ความสุข ฉันขนาดนี้ รู้มั้ยลั่นทมเองยังไม่เคยทำให้ฉันมีความสุขได้เหมือนเธอเลย”
“จดทะเบียนกับรสสิคะ”
ชีพอึ้ง รสสุคนธ์กอดและลูบไล้ชีพ “รสจะได้รู้สึกว่ารสเป็นเมียคุณจริงๆเสียทีไม่ใช่แค่นางบำเรอชั่ว ครั้งชั่วคราว”
“ก็ได้”
รสสุคนธ์ดีใจจึงรีบกอดชีพ “งั้นไปจดกันเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“ใจร้อนจัง ให้คุณไกรโอนทรัพย์สินของทมมาเป็นของฉันให้เรียบร้อยก่อนแล้วเราค่อยจดทะเบียนกันไม่ดีกว่าเหรอ” ชีพว่า
“ก็ได้ค่ะ งั้นคุณรีบไปอาบน้ำเร็วเข้าเถอะคะจะได้กลับไปสั่งให้ คุณไกรจัดการให้เสร็จภายในวันนี้เลย”
ธารินทร์กำลังพูดโทรศัพท์โดยมีตำรวจยืนอยู่ใกล้ๆ สักพักธารินทร์ก็ทำสีหน้าตกใจแต่พอมองเจ้าหน้าที่เขาก็พยายามระงับอารมณ์แล้วโบกมือไล่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ๆ ออกไป
“จ่าออกไปได้ ผมรับแจ้งเอง..”
“ครับผม..”
ธารินทร์รอจนเจ้าหน้าที่เดินออกไปแล้วก็พูดเบาๆ “ครับผม..ใช่ผมเอง..ว่าไงนะ” ธารินทร์ฟัง “ช่วยนมัสการท่านเจ้าอาวาสว่าผมรับแจ้งแล้ว..ผมจะจัดการเอง อย่าเพิ่งเอะอะไป จะทำให้คนร้ายไหวตัวเงียบๆ ไว้ก่อน แล้วผมจะติดต่อเรื่องนี้ให้ ผมรับรอง ครับๆ นายสมานกราบเรียนท่านด้วย”
ธารินทร์วางโทรศัพท์แล้วหันมาทางเก้าอี้ไม้ยาวที่ฉ่ำนอน แต่ฉ่ำลุกขึ้นนั่งฟังอยู่
“ทางวัดรู้แล้วว่าศพหาย..” ธารินทร์บอก
ฉ่ำตกใจ “ยุ่งละซีครับ แล้วทำไงดี”
“ก็ต้องรีบให้คุณษาเอาไปคืน เร็วเถอะรีบไป”
รถจี๊ปของธารินทร์แล่นผ่านถนนหญ้ารกๆ ในซอยเปลี่ยวมาจอดหน้าบ้าน ธารินทร์ลงจากรถ เขามองซ้ายแลขวาพอไม่มีใครเขาจึงเดินเข้าไปในบ้าน ลั่นทมนอนสงบนิ่งโดยมีอุษานั่งจับมือฟุบอยู่ข้างๆ ผันนั่งหลับตาสวดมนต์ภาวนาในชุดขาวห่างออกไป
หม้อต้มยาเดือดควันกรุ่น นานๆ ทีผันจะเป่าพรวดไปที่หม้อ วิเวกกับสมพรนอนหลับสนิทอยู่ห่างออกไปธารินทร์ค่อยๆ ย่องเข้ามาแตะแขนอุษา อุษาเงยหน้าขึ้นพอมองเห็นธารินทร์ ธารินทร์ก็ทำท่าจุ๊ปากไม่ให้ส่งเสียงดัง แล้วก็ดึงมือเธอออกมาข้างนอก อุษาเดินตามธารินทร์ออกมา ฉ่ำยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“มีอะไรคะรินทร์” อุษาถาม
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ท่านเจ้าอาวาสรู้แล้วว่าศพคุณน้า หายไป” ธารินทร์บอก
“แล้ว..แล้วยังไงคะ”
“ผมก็รับแจ้งความแล้วรีบมาบอกคุณ ยังไงคืนนี้คุณต้อง รีบเอาไปคืน”
“ค่ะๆ แต่ตอนนี้ยากำลังงวดจะได้ที่แล้ว ต้องรอกรอก ยาคุณน้าก่อนหมอผันสวดทั้งคืน เคี่ยวจนเหลือเพียงถ้วยเดียว กรอกปากแล้วใช้ได้เลย”
ธารินทร์มองเข้าไปข้างใน
“บอกพ่อด้วยว่าต้องเร่งมือหน่อย..เดี๋ยวเกิดเรื่อง เอ้อ..คุณหลับบ้างรึเปล่า”
อุษาส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ” อุษาหันไปข้างใน “ษาต้องรีบเข้าไปแล้วคุณลุงหมอบอกเกือบจะได้ที่แล้ว..คุณลุงก็ยังไม่ได้นอนเลย”
“งั้นเดี๋ยวผมกลับบ้านก่อน เป็นห่วงต้อยติ่ง..แล้วจะรีบกลับมา”
“ได้ค่ะ..”
ธารินทร์กับฉ่ำเดินออก อุษาพูดเบาๆ “ช่วยภาวนาด้วยนะคะรินทร์”
ธารินทร์ในชุดนายตำรวจเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ฉ่ำเดินตามมานั่งสัปหงกอยู่ทางหนึ่ง ธารินทร์ยื่นผ้าเช็ดตัวให้
“อาบน้ำก่อนมั้ย”
ต้อยติ่งที่อยู่ในชุดนอนเดินงัวเงียออกมาจากข้างใน
“หมวดอาบเถอะครับ ผมอยากกลับไปดูผลเต็มทีแล้ว” ฉ่ำบอก
“พี่..เมื่อคืนพ่อไม่ได้กลับบ้าน” ต้อยติ่งบอก
“พ่ออยู่กับพี่อุษา..” ธารินทร์หยิบเงินให้ต้อยติ่งจำนวนหนึ่ง “ซื้อข้าวกินแล้วกลับมาอยู่บ้านนะ วันนี้วันหยุดไม่ต้องไปไหน”
ธารินทร์เลี่ยงไปทางหนึ่งเพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ต้อยติ่งมองนิ่งเพราะคิดอะไรบางอย่าง
ธารินทร์ที่สวมชุดธรรมดากับฉ่ำเดินออกมาจากบ้านที่รถธารินทร์จอดอยู่ ต้อยติ่งที่อยู่ในชุดใหม่แอบมาขึ้นรถธารินทร์ในที่นั่งตอนหลังแล้วหมอบไม่ให้ใครเห็น
ธารินทร์พูดกับฉ่ำ “เอางี้..ลุงกลับบ้านเถอะเดี๋ยวทางโน้นเรียกหาจะเดือดร้อน”
“แต่ผมอยากไปดู..คุณนาย ผมสังหรณ์ใจชอบกล”
“ยังไงก็ต้องเอาศพกลับคืนสุสาน..ผมว่ายังไงก็คงไม่ฟื้น ถ้าฟื้นคงฟื้นแล้วล่ะ เอาจักรยานไปนะ”
“ได้ครับ”
ฉ่ำลังเลแล้วก้าวขึ้นจักรยานก่อนจะขี่ไป ธารินทร์ขึ้นรถโดยไม่ทันเห็นต้อยติ่ง
สวาทคุมจิ้มลิ้มกับยาใจให้จัดโต๊ะอาหารเช้าสำหรับชีพและรสสุคนธ์ หวานเดินกระวนกระวายไปมา เพื่อรอชีพ สักพักฉ่ำเดินเข้ามา
หวานหน้าตาตื่น “ตาฉ่ำ..หายไปไหนมา..นี่ รู้มั้ยศพคุณผู้หญิงหายไปจากสุสาน”
ฉ่ำพยักหน้าหงึกๆ เพราะรู้แล้วและง่วง แต่พอนึกได้เขาก็รีบทำเป็นพูดเรื่องอื่น
“รู้แล้ว..เฮ้ย ไม่รู้..เอ่อ..คุณผู้ชายลงมาเรียกด้วยนะ”
ชีพกับรสสุคนธ์เดินเข้ามาโดยยังไม่มีใครเห็น
“นี่แกหูแตกหรือไงหา..ฉันบอกว่าศพคุณผู้หญิงหายไป แกยังพูดเรื่องอื่นอยู่ได้..ศพคุณผู้หญิงหายไปโว้ย” หวานเสียงดัง
ชีพกับรสสุคนธ์ชะงักแล้วหยุดมอง “อะไรนะ”
เมื่อเห็นชีพเดินเข้ามา หวานก็รีบเข้ามารายงาน
“เจ้าอาวาสให้นายสมานคนดูแลวัดโทร.มาตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ บอกว่าศพคุณผู้หญิงหายไป”
ชีพตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รสสุคนธ์ไม่สนใจ เธอผละไปที่โทรศัพท์
“ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะคุณ” รสสุคนธ์เยาะหยัน “พวกหมอผีขโมย เอาไปทำน้ำมันพรายละมั้ง” รสสุคนธ์เดินไปที่โทรศัพท์
“แล้วถ้าไม่ใช่ละเกิดคุณผู้หญิงฟื้นแล้วลุกออกไปเองแกจะว่าไง” หวานว่า
“ไร้สาระ น้านี่สงสัยจะเพี้ยนไปแล้ว อย่าไปสนใจเลยค่ะชีพ เรามีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการนะคะ”
ชีพนิ่งอึ้งแล้วผละออกจากบ้าน “เธอจัดการไปก่อนแล้วกัน ฉันจะไปดู” ชีพพูดกับฉ่ำ “ฉ่ำไปด้วยกัน
ฉ่ำตามชีพไป รสสุคนธ์ยกหูหมุนหมายเลขรอสาย”
รสสุคนธ์พูดสาย “คุณไกรหรือ ฉันรสสุคนธ์นะ..มาพบฉันด่วน เรื่องเกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินของคุณลั่นทมเป็นของ คุณชีพน่ะซี..ฉันต้องการให้เรียบร้อยในช่วงเช้า เพราะช่วงบ่ายฉันกับคุณชีพจะไปจดทะเบียนสมรสกัน”
หวานได้ฟังก็ถึงกับตะลึง สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจชะงักจากงานที่ทำ รสสุคนธ์วางสายเพื่อจะขึ้นชั้นบน
“เดี๋ยว นังรส แกคิดจะทำบ้าอะไรอีกเนี่ยไม่ได้ยินเหรอว่าคุณผู้หญิงอาจจะฟื้นขึ้นมาแล้วก็ได้”
รสสุคนธ์ไม่สนใจหวาน เธอพูดกับสวาท “นี่แก..อีกสิบห้านาที ขึ้นไปปลุกหน่อยนะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย”รสสุคนธ์ยิ้มกวนๆ “แล้วต่อไปไม่ว่าใครห้ามเรียกฉันว่านังรสเด็ดขาด ฉันไม่ยกเว้นให้ใครทั้งนั้น”
รสสุคนธ์ปรายตาไปทางหวาน
“หนอย...นังวัวลืมตีน” หวานว่า “ไม่เห็นหัวข้าเลยนะ เจ้าประคุณเอ๊ยขอให้ คุณผู้หญิงฟื้นจริงๆทีเถอะ”
“ถ้าน้ายังไม่หุบปาก อย่าหาว่าฉันเนรคุณนะ”
“โอ๊ยข้าไม่ว่าหรอก ทุกวันนี้ก็เนรคุณอยู่ทนโท่แล้ว ข้าเตือนแล้วนะนังรสเวรกรรมมันมีจริง เอ็งเตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ”
รสสุคนธ์โมโหจึงเดินปึงๆขึ้นบันไดไป หวานมองตามอย่างระอา
“อีหลานชั่วอีบัวใต้น้ำพูดเท่าไรไม่สำนึก”
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจเดินกระแซะเข้ามาหาหวาน “ถามจริงๆน้าหวานอยากให้คุณผู้หญิงฟื้นจริงๆเหรอ”
“นังพวกนี้เห็นฉันเป็นยังไง คิดว่าฉันเห็นดีเห็นงามกับกับนังรสเหรอ ถ้าฉันเห็นด้วยกับมันจะด่ามันจนปากจะฉีกอยู่ทุกวันอย่างนี้เหรอ”
หวานเดินออกไปด้วยความอ่อนใจ ทั้งสามคนมองหวานแล้วมองกันอย่างลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าหวานอยู่ข้างใครกันแน่
วิเวกกับสมพรนอนหลับสนิทขดตัวอยู่มุมเดิม ผันยังคงสวดมนต์ภาวนาพึมพำอย่างทรหด น้ำในหม้อต้มยางวดลงจนเกือบจะแห้ง ลั่นทมนอนสงบนิ่ง อุษาที่จับมือลั่นทมไว้ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ธารินทร์เดินเข้ามาเงียบๆ เขาชะงักเมื่อเห็นผันสวดมนต์ภาวนาอย่างเอาจริงเอาจัง ธารินทร์ไปชะโงกดูในหม้อแล้วขมวดคิ้ว ผันสวดเสร็จก็เป่าพรวดไปที่หม้อ แล้วหันไปกราบพระที่แท่นบูชาก่อนจะมาดูในหม้อต้มยา ต้อยติ่งเดินตามเข้ามา “ฮั่นแน่...พ่อ..อยู่นี่เอง” ต้อยติ่งทัก
ธารินทร์กับผันสะดุ้งหันไป
“เฮ้ย..นังต้อยติ่งมาได้ยังไง” ผันหันมาเอะอะกับธารินทร์ “ไอ้รินทร์พามาทำไม”
ธารินทร์ตกใจ “ผมไม่ได้พามา..” ธารินทร์พูดกับต้อยติ่ง “มาได้ไง”
“ก็แอบมาในรถพี่แหละ..เป็นตำรวจได้ไงไม่รู้” ต้อยติ่งว่า
อุษาได้ยินเสียงก็ตื่น วิเวกกับสมพรงัวเงียลุกขึ้น ต้อยติ่งเห็นลั่นทมนอนอยู่ก็ตกใจจนถอยกรูด
“ว้าย ศะ....ศพคุณน้ามาอยู่นี่ได้ไง”
ธารินทร์รีบปิดปากต้อยติ่ง“เงียบ..” ธารินทร์พาต้อยติ่งมานั่งที่มุมหนึ่ง “นั่งนี่..ห้ามพูดห้ามไปบอกใครนะคุณลั่นทมยังไม่ตาย..แต่ ยังไม่ฟื้น ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น พ่อกำลังรักษา”
ต้อยติ่งพยักหน้าหงึกๆอย่างหวาดๆ อุษามองดูลั่นทมอย่างมีความหวัง
อุษาถามหมอผัน “ยาใช้ได้หรือยังคะหมอผัน”
“ได้เดี๋ยวนี้ละ” ผันหยิบแก้วเปล่า “พร..เวกช่วยกัน”
สมพรกับวิเวกช่วยกันหิ้วหม้อยาแล้วรินน้ำยาซึ่งเคี่ยวจนงวดเหลือนิดเดียวเทใส่ในแก้ว มันเป็นน้ำสีดำๆ ผันพนมมือพลางสวดภาวนาพึมพำ ในขณะที่วิเวกกับสมพรรินยาจากหม้อ อุษามองอย่างมีความหวัง
ต้อยติ่งอดลุกขึ้นมาชะโงกดูไม่ได้
“อะไรน่ะ”
ธารินทร์กระซิบเข้ม “ห้ามพูดห้ามถาม”
ต้อยติ่งเงียบเสียงแล้วนั่งอย่างเดิม สมพรกับวิเวกรินเสร็จก็เอาหม้อไปตั้งไว้ทางหนึ่ง
ผันหยุดสวดภาวนา “เอาเตาออกไป”
วิเวกกับสมพรช่วยกันหิ้วเตาออกไปจากห้องนอนลั่นทม ผันหยิบแก้วยาขึ้นมาพนมมือสวดพึมพำอีกครั้งโดยสวดอยู่หน้าพัดลมเพื่อให้พัดลมเป่าน้ำยาในแก้วให้เย็น ครู่หนึ่งวิเวกกับสมพรก็เดินเข้ามาดูเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นและมีความหวัง ผันสวดเสร็จพอน้ำยาเย็นลงแล้วเขาก็เข้ามาที่เตียงลั่นทม
ผันพูดกับอุษา “หนูช่วยลุงภาวนาด้วยว่าให้คุณนายพ้นทุกข์พ้นเคราะห์” ผันหันไปมองทุกคน “ทุกคนช่วยส่งจิตใจภาวนาให้คุณนายฟื้นด้วย เอาล่ะ นั่งลงๆทุกคน นั่งสมาธิ ทำใจให้ว่างให้บริสุทธิ์และนึกอย่างเดียวขอให้ยานี้ช่วยกระตุ้นให้คุณนายฟื้น” ผันหันไปทางต้อยติ่ง “เอ็งด้วยต้อยติ่ง”
ทุกคนแม้กระทั่งต้อยติ่งนั่งสมาธิและตั้งใจภาวนาเพื่อให้ลั่นทมฟื้น อุษาจับมือลั่นทมประทับไว้ในอุ้งมือขณะพนมมือเพ่งจิตภาวนา ผันเผยอปากลั่นทมแล้วค่อยๆ รินยารอให้น้ำยาซึมเข้าไป ธารินทร์ใช้ผ้าสะอาดเช็ดมุมปากลั่นทมที่มียาไหลย้อยออกมา
“ค่อยๆให้ยาซึมเข้าไป”
“ยาอะไรขอต้อยติ่งกินมั่งได้ไหม” ต้อยติ่งถาม
“เงียบน่า ต้อยติ่ง” ผันดุเบาๆ “บอกให้เงียบ ตั้งใจภาวนา”
ทุกคนตั้งใจภาวนา
เวลาผ่านไป ยาในแก้วหมดแล้ว แต่อุษายังจับมือลั่นทมประกบไว้ในอุ้งมือในท่าพนมและหลับตาภาวนา ชั่วครู่เธอก็ลืมตามอง อุษาพูดเบาๆ “ฟื้นซีคะคุณน้า..ฟื้น”
ต้อยติ่งได้ยินก็ลืมตาขึ้นมาแล้วก็ตกใจลุกขึ้น
“คุณน้าตายไปแล้ว ฟื้นก็เป็นผีดิบซีคะพี่”
ธารินทร์จับตัวต้อยติ่งมาปิดปากไว้แล้วกระซิบดุ
“ดูแต่ตาปากไม่ต้องอ้าเข้าใจไหม” ธารินทร์ว่า
ลั่นทมไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น อุษามองดูลั่นทมอย่างหวาดหวั่นเพราะเกรงว่าจะผิดหวัง
อุษาสะอื้น “ทำไมยังไม่ฟื้น”
ต้อยติ่งมองลั่นทมอย่างหวาดๆแล้วกระซิบบอกกับธารินทร์ “เตรียมวิ่งเถอะพี่..”
“ภาวนาต่อ..ภาวนาต่อ อย่าหยุด”
ทุกคนหลับตาภาวนาต่อ ลั่นทมทำท่าเหมือนจะฟื้น
รสสุคนธ์ล้มตัวนอนทั้งชุดที่ใส่มาจากคอนโดมีเนียม เพียงครู่เดียวก็มีเสียงเคาะประตูค่อนข้างดัง รสสุคนธ์ตกใจตื่นแล้วลุกขึ้นมาเปิดประตูอย่างไม่พอใจ
“ฉันสั่งว่าสิบห้านาทีให้ปลุก แกไม่เข้าใจเหรอนังหวาด”
รสสุคนธ์เห็นว่าเป็นหวานก็ชะงักและไม่พอใจ
“จะมาด่าอะไรฉันอีกล่ะ”
หวานมองรสสุคนธ์อย่างหมั่นไส้เต็มที หวานข่มใจแล้วพูดดีด้วย
“นังรส หยุดเสียทีเถอะที่แกทำมาทั้งหมดมันบาปมากนะ”
“น้าเคยเห็นเหรอไอ้ตัวบาปที่ว่าหน้าตามันเป็นยังไง”
หวานลากรสสุคนธ์เดินไปที่กระจก รสสุคนธ์โวย “อะไรของน้าเนี่ย”
“เอ้า..ดูเสียให้เต็มตานี่ไงตัวบาป บาปหนาเสียด้วย”
รสสุคนธ์ยิ้มหวานใส่กระจก“แต่ที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้คือคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านนี้ มหาเศรษฐีที่ใครๆต้องพากันอิจฉา”
“แล้วถ้าคุณผู้หญิงฟื้นจริงๆแกจะทำยังไง”
“น้าอยากรู้จริงๆเหรอ” รสสุคนธ์ทำสีหน้าเหี้ยมโหด “ถ้ามันตายแล้วยังฟื้นได้ฉันก็จะทำให้มันตายอีกรอบแล้วคราวนี้รับรองว่ามันไม่มีทางฟื้นได้เด็ดขาด”
หวานตกใจมองรสสุคนธ์เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
“นังรส...”
รสสุคนธ์ที่อยู่ในชุดสวยสีสดนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอมองอาหารตรงหน้าอย่างไม่พอใจ สวาทยืนรับใช้อยู่ ในขณะที่ยาใจ จิ้มลิ้ม หวาน เช็ดถูบ้านห่างออกไป
“หวาดไปทำอาหารเช้ามาใหม่” รสสุคนธ์สั่ง
ทุกคนหยุดทำงานบ้านแล้วหันมามอง “อ้าว..แล้วนี่ไม่ใช่อาหารเช้าเหรอ” สวาทถาม รสสุคนธ์จ้องสวาดรีบพูดต่อ “คะ”
“ฉันไม่กินอาหารเช้าแบบนี้ จำไว้ต่อไปนี้อาหารเช้าของฉันคือไข่ดาว เบคอน หรือไส้กรอกก็ได้ กาแฟฉันไม่กินเอาเป็นน้ำส้มสดๆหนึ่งแก้ว” รสสุคนธ์บอก
สวาทแอบเบ้หน้า รสสุคนธ์ตวาด “ยืนบื้ออยู่ทำไม รีบๆไปทำสิ”
สวาทพูดกระแทก “เจ้าค่ะคุณผู้หญิง”
ทุกคนทำปากขมุบขมิบ หวานที่กำลังจะอ้าปากด่ารีบหุบเพราะชีพเดินเข้ามาอย่างหงุดหงิด
“บ้าชะมัดไม่รู้ใครขโมยศพลั่นทมไป ถามที่วัดก็ไม่ได้เรื่อง อุษาไม่รู้ ไปอยู่ที่ไหน” ชีพว่า
“เป็นไปได้มั้ยคะว่ายัยอุษานั่นแหละเป็นคนขโมยศพไปสงสัยเสียใจที่ไม่ได้สมบัติสักชิ้นเลยเพี้ยน อยากจะปลุกผีให้ฟื้นขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมก่อนมั้งคะ”
พูดจบรสสุคนธ์ก็หัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลกมากและไม่ได้ใส่ใจจริงจัง ผิดกับชีพที่นิ่งคิดด้วยความสงสัย
จิ้มลิ้มเดินเข้ามากระซิบกระซาบกับสวาทที่กำลังทอดไข่อยู่
“หมั่นไส้อีนังคุณผู้หญิงคนใหม่จริงจริ๊ง” จิ้มลิ้มว่า
“ฉันก็เหมือนกัน คันมือคันไม้อยากจะตบมันสักฉาด” ยาใจว่า
“เออ..กระแดะจะกินโน้นกินนี่ ตอนมาใหม่ๆอดโซยังกะหมาข้างถนน เสียดายข้าวแดงแกงร้อนที่คุณผู้หญิงเคยราดหัวมันเหลือเกิน” สวาทว่า
“ว่าแต่ศพคุณผู้หญิงหายไปไหนกันนะ ฉันละสงสัยจริง” ยาใจงง
“นั่นสิท่าทางคุณผู้ชายเครียดๆนะแก”
“เหอะไม่เครียดยังไงไหว ทำอะไรไว้แต่ละอย่างงามหน้าทั้งนั้นถ้าคุณผู้หญิงฟื้นจริงๆ คุณผู้ชายคงทำหน้าไม่ถูกละงานนี้”
“นังรสอีกคน สวรรค์ล่มเชียวละ ลอยหน้าคุยว่าจะจดทะเบียนวันนี้วางตัววางท่าเป็นคุณนายของบ้านไม่แคร์ใครเจ้าประคุณเอ๊ย ขอให้คุณผู้หญิงฟื้นทีเถอะ ฉันยอมไปทำบุญเจ็ดวัดเจ็ดวาเลยเอ้า”
“ฉันด้วยแก ฉันจะรำถวายแก้บนเจ็ดวัดเหมือนกัน” จิ้มลิ้มบอก
“อย่าๆๆคุณผู้หญิงจะไม่ฟื้นก็เพราะแกนี่แหละเทวดาที่ไหนจะอยากดูแกรำ”
“เออฉันเห็นด้วยกับนังหวาดว่ะ”
จิ้มลิ้มพึมพำด่า ทั้งสองคนหัวเราะขำ หวานเดินเข้ามา
“มาสุมหัวกันอยู่นี่เอง มิน่าจะเรียกหาให้ใครเอาน้ำเอาท่าไปให้คุณไกรหน่อยก็ไม่เห็นสักคน”
หวานเดินไปเปิดตู้เย็น ทั้งสามคนรีบวิ่งเข้ามาหาหวาน
“ตกลงหลานน้าจะจดทะเบียนกับคุณผู้ชายจริงๆเหรอ”
“ทั้งๆที่ศพคุณผู้หญิงหายไปนี่นะ”
“แล้วถ้าคุณผู้หญิงฟื้นล่ะน้าหวาน”
หวานถอนใจ “ไม่รู้โว้ย ข้าเตือนมันแล้ว มันไม่ฟัง กรรมใครกรรมมันก็แล้วกัน”
ไกรวางแก้วน้ำลงข้างๆ แฟ้มกองโตในขณะรอชีพกับรสสุคนธ์อยู่ในห้องรับแขก หวานกระซิบกระซาบคุยกับไกรโดยในมือยังถือถาดอยู่
“ศพคุณผู้หญิงหายไปรู้ไหมคุณไกร..สงสัยคุณอุษาจะเป็นคนเอาไปแก้ไขให้ฟื้น..ไอ้ฉ่ำแหละรู้ดีแต่มันไม่ยอมเปิดปากพูด”
ไกรหันมามองฉ่ำที่นั่งอยู่ข้างประตู ไกรทำท่าจะถาม
“นายฉ่ำ..เอ่อ..” ไกรชะงักเมื่อเห็นรสสุคนธ์
ชีพกับรสสุคนธ์เดินลงมาจากชั้นบน รสสุคนธ์พูดเสียงห้วนๆ “เชิญทางนี้คุณไกร”
ไกรมองนิ่งเมื่อเห็นรสสุคนธ์แต่งตัวฉูดฉาดเขาก็ยิ่งไม่ค่อยจะสบอารมณ์นักแต่ก็จำใจต้องนิ่งเงียบ
ไกรเดินตามรสสุคนธ์ไปที่ชุดรับแขกอีกมุมหนึ่ง ชีพตบไหล่ไกรเบาๆ
“ตามสบายนะ..คุยกับคุณรสเค้า ผมมอบอำนาจให้เค้าจัดการแล้ว” ชีพบอก ไกรอึ้ง “ผมมีธุระสำคัญด่วนมาก..เรื่องศพลั่นทม เดี๋ยวผมมา” ชีพพูดกับฉ่ำ “ฉ่ำขับรถให้หน่อยซิ”
ฉ่ำจึงรีบตามชีพไป รสสุคนธ์พาไกรมานั่ง หวานยังนั่งมองอย่างตกตะลึงที่ชีพให้สิทธิ์รสสุคนธ์ รสสุคนธ์วางท่าพร้อมกับมองหวานอย่างผู้ชนะ เธอหันไปพูดกับไกรอย่างวางอำนาจเต็มที่
“เอาเอกสารทุกอย่างมาครบแล้วใช่มั้ย”
ไกรอึดอัดใจกับมาดของรสสุคนธ์
ทุกคนจ้องดูลั่นทมที่นอนสงบนิ่งและไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้น อุษาที่จับมือลั่นทมไว้น้ำตาเริ่มจะซึมออกมาอย่างขวัญเสีย ชั่วครู่ธารินทร์จึงตัดสินใจพูด
“ผมว่าเราควรจะเอาศพกลับไปไว้ที่สุสานได้แล้วนะครับ” ธารินทร์บอก
ผันพูดห้วนๆ “หุบปาก”
อุษาหมดความอดทน เธอก้มหน้าสะอื้นเพราะไม่ทันได้มองว่าผันหยิบกล่องใส่เข็มสำหรับแพทย์จีนใช้ฝังเข็มออกแล้วหยิบเข็มออกมา เขาจับมือลั่นทมหงายขึ้น
“พ่อพอทีเถอะ นี่พ่อกำลังจะทำทารุณกับศพนะ” ธารินทร์ว่า
อุษาเงยหน้ามองทั้งน้ำตา“ลุงหมอจะทำอะไรคุณน้าคะ”
“เป็นความหวังสุดท้ายสำหรับยาหม้อแรก..เราจะทำการฝังเข็มหากเข็มนี้กระตุ้นให้คุณนายฟื้นไม่ได้เราต้องเริ่มพิธีต้มยาใหม่อีกหม้อ หากยังไม่สำเร็จก็อีกหม้อ”
“ก็ใช้หม้อใหญ่ๆซีพ่อ กระทะใบบัวก็ได้ จะได้ไม่ต้องต้มบ่อยๆ”
ผันหันมามองต้อยติ่งตาขวาง ต้อยติ่งหัวเราะแห้งๆ แล้วยกมือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว ผันหันไปทางลั่นทมก่อนจะยกเข็มแทงลงกลางฝ่ามือ
ร่างลั่นทมกระตุกเฮือก ทุกคนตะลึง อุษาร้องลั่น
“คุณน้า..”
ธารินทร์มองอย่างตะลึงงังเพราะแทบไม่เชื่อสายตา ลั่นทมเริ่มขยับเขยื้อนและปรือตาขึ้น
สมพรพูดเสียงสั่น “คุณนาย”
อุษาดีใจจนร้องไห้ “คุณน้าขา..คุณน้าฟื้นแล้ว”
ลั่นทมค่อยๆ ลืมตาขึ้น น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลรินขณะเผยอปากเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่มีเสียง ต้อยติ่งมองลั่นทมอย่างหวาดๆ “พ่อ..นั่นผีดิบหรือเปล่า”
“ดิบอะไรเล่า คนเห็นๆ” ผันพูดกับลั่นทม “อย่าเพิ่งขยับครับ คุณนาย” ผันพูดกับธารินทร์ “ไปเตรียมรถซี่มัวตาค้างอยู่ได้ เราต้องรีบพาคุณนายไปหาหมอเร็วๆ..ต้องหาหมอที่โรงพยาบาลต่อ”
“หาทำไมก็พ่อเป็นหมออยู่แล้ว”
ผันลุกขึ้นคว้าผ้าห่มกับหมอนส่งให้
“คุณนายอดข้าวอดน้ำมาสามสี่วันต้องรีบไปให้น้ำเกลือ”
ผันหันไปสั่งวิเวกกับสมพร “เอาโว้ย..ไอ้เวกตาพร เร็วเข้าเอาผ้าปูในรถให้คุณนายนอน ไอ้หมวดอุ้มคุณนายไปเร็วๆ คุณนายทำใจดีๆ นะครับอย่าตื่นเต้นคุณนายฟื้นแล้ว” ผันจับหัวใจตัวเอง “โอยๆ”
สมพรกับวิเวกได้สติก็คว้าผ้าห่มกับหมอนวิ่งออกไป
“พ่อนั่นล่ะตื่นเต้น บอกตัวเองเถอะ เดี๋ยวก็หัวใจวายก่อน” ธารินทร์ว่า
ธารินทร์เข้าอุ้มลั่นทมในบรรยากาศชุลมุน
“เบาโว้ย” ผันปราม “หนูอุษาช่วยประคองด้วย เรี่ยวแรงแกไม่มีหรอก”
อุษาลนลานเพราะทำอะไรไม่ถูก เธอกุลีกุจอดีใจเหมือนคนไร้สติ
ธารินทร์กับอุษาช่วยกันประคองให้ลั่นทมลงนอนในที่นั่งตอนหลังรถธารินทร์
ผันรุนหลังอุษา “เข้าไปให้คุณนายหนุนตักหนูไว้”
อุษารีบเข้าไปในที่นั่งตอนหลังกับลั่นทมเพื่อให้ลั่นทมนอนพาดตัก ธารินทร์เข้าประจำที่คนขับ ผันเข้านั่งในที่นั่งตอนหน้าโดยมีต้อยติ่งมุดตามเข้าไปด้วย
“ผมไปบอกที่บ้านคุณชีพนะครับคุณหนูอุษา”
“จ้ะขอบใจมาก” อุษากอดลั่นทม “คุณน้าขา หนูดีใจเหลือเกิน”
ธารินทร์รีบออกรถ ลั่นทมน้ำตาไหลเป็นทาง
รสสุคนธ์กำลังพูดคุยอยู่กับไกรที่ชุดรับแขก ตรงหน้าของทั้งสองมีแฟ้มกองอยู่เป็นพะเนิน สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจทำงานบ้านอยู่ทางหนึ่ง หวานเลียบๆเคียงๆอยู่ไม่ห่างจากรสสุคนธ์เพื่อคอยฟังรสสุคนธ์คุย
“ไม่เห็นจะต้องใช้เวลาอะไรมากมาย เพราะคุณชีพเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณลั่นทมย่อมมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างอยู่แล้ว” รสสุคนธ์ว่า
“ที่จริงเรื่องนี้ผมอยากจะคุยกับคุณชีพโดยตรงน่าจะเหมาะกว่า” ไกรบอก
อ่านต่อหน้าที่ 2
สุสานคนเป็น ตอนที่ 5 (ต่อ)
รสสุคนธ์ไม่พอใจ “ตอนนี้ฉันกับคุณชีพ เราเหมือนคนคนเดียวกันเมื่อกี้ คุณไกรก็ได้ยินคุณชีพบอกแล้วนี่ หรือว่าคุณฟังภาษาคนไม่เข้าใจถ้าฉันเป็นคุณจะรีบทำทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่งให้เร็วที่สุด”
ไกรฝืนพยักหน้า จิ้มลิ้ม ยาใจ สวาทยกมือพนมแล้วพูดเบาๆ
“อยากให้คุณผู้หญิงฟื้นจริงจริ๊ง”
“แต่ถ้าฟื้นมาตอนที่นังรสมันจดทะเบียนเป็นคุณผู้หญิงแทนแล้ว จะทำยังไง”
“ก็บ้านแตกซิ..”
ไกรพูด “เอาละครับผมขอเวลานิดหนึ่ง เมื่อตรวจสอบแน่ชัดว่าทรัพย์สินต่างๆเป็นของคุณลั่นทมไม่มีผู้อื่นเกี่ยวข้องหรือเป็นหุ้นส่วน หรือคุณลั่นทมไม่ได้ระบุว่ายกสิ่งไหนให้ใคร ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”
สมพรกับวิเวกเข้ามาหน้าตาตื่นแล้วยืนหอบ
“จัดการด่วนที่สุด” รสสุคนธ์สั่ง “ฉันต้องการให้เสร็จเรื่องก่อนบ่ายนี้ เพราะฉันกับคุณ ชีพจะไปจดทะเบียนกัน แล้วกรุณาอย่าได้คิดเบี่ยงเบนยักย้ายทรัพย์สินของคุณลั่นทมไปให้ใคร ถ้าคุณไม่อยากจะเดือดร้อน”
รสสุคนธ์ชะงักมองตาขวางไปทางสมพรแล้วตวาด “อะไร..”
สมพรยังตื่นเต้นไม่หายจึงร้องเอะอะ “คุณผู้หญิงฟื้นแล้วๆ”
หวาน สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจทะลึ่งลุกโดยพร้อมเพรียงอย่างตื่นเต้นกันรวมทั้งไกร รสสุคนธ์ตะลึงเพราะไม่อยากจะเชื่อ
ชีพมีสีหน้าไม่สบายใจขณะเดินตรงมาที่รถ โดยฉ่ำยืนคอยอยู่ที่รถ
“ทางวัดเขาแจ้งความแล้ว..ตำรวจกำลังตามหาตัวคนร้ายอยู่แต่ฉันว่าเรื่องนี้อุษาต้องรู้เห็นด้วยแน่ๆ”
ชีพหยุดยืนที่รถแล้วหันมาพูดกับฉ่ำ “นายฉ่ำรู้มั้ยว่าอุษาอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่..” ฉ่ำสะดุ้ง “เอ๊ย ผมไม่รู้หรอกครับ ทำไมมาถามผมเล่าผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
“หรือว่าจะไปอยู่กับไอ้นายธารินทร์”
“ไม่มีทางหรอกครับ..เธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายเหมือนอุ๊บ...” ฉ่ำชะงัก
“เหมือนใคร”
“ก็เหมือน..พวกผู้หญิงสมัยใหม่นะสิครับคุณผู้ชาย”
“เป็นแบบนั้นได้ก็ดี แต่ยังไงฉันว่าเราก็คงต้องเริ่มกันที่ไอ้ธารินทร์นั่น แหละมันคงรู้ดีที่สุดว่าอุษาอยู่ที่ไหน”
รถของชีพจอดอยู่ที่หน้าโรงพัก ฉ่ำยืนคอยอยู่ข้างรถ ชีพกลับลงมาด้วยท่าทางหงุดหงิด ฉ่ำรีบถาม
“ไม่อยู่เหรอครับ”
“มันออกเวรแต่เช้า..เอ๊ะ แล้วไปไหนหรือว่ากลับบ้าน” ชีพสงสัย
“แต่นี่มันสายแล้ว คงไปหาคุณอุษาแหละครับ” ฉ่ำว่า
“แล้วอุษาอยู่ไหนล่ะ ปั๊ดโธ่เว้ย แกนี่ไม่ได้เรื่องเลยไอ้ฉ่ำ เป็นขี้ข้าประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าเจ้านายแกไปอยู่ไหน”
“อ้าวไงมาลงที่ผมละครับ ก็คุณผู้หญิงคนใหม่เป็นคนไล่คุณอุษาไปเองถ้าไม่ไล่เธอป่านนี้เธอก็ต้องอยู่ที่บ้าน”
ชีพหงุดหงิด เขาขึ้นรถแล้วปิดประตูดังปัง ฉ่ำสะใจแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะนั่งขับรถตามปกติ
ทุกคนยังยืนตะลึงกับคำบอกเล่าของสมพรและวิเวก ทุกคนจ้องมองทั้งสองด้วยอาการต่างๆ กัน รสสุคนธ์ได้สติก็เดินเข้าหาสมพรและวิเวกก่อนจะจ้องเขม็ง
“แกพูดเรื่องบ้าอะไรนายพร วิเวกอยากโดนไล่ออกใช่มั้ย”
สมพรและวิเวกยังไม่คลายตื่นเต้นเช่นกัน
วิเวกพูดเสียงดัง “ผมไม่ได้เมา ไม่ได้กินเหล้าเลย”
ไกรถามสีหน้าเครียด “แล้วเราสองคนรู้ได้ไง”
“รู้สิครับ..ก็ผมกับเจ้าเวกนั่งดูอยู่ทั้งคืน” สมพรหลุด
หวานกับสวาทถาม “ดูอะไรๆ”
“ก็ดูหมอผันแกรักษาคุณนายสิครับ” สมพรบอก
“อ๋อ นี่แปลว่าพวกแกขโมยศพไปละซี ได้ตัวแล้ว น้าหวานโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้” รสสุคนธ์สั่ง
ฉ่ำขับรถมาจอดต่อท้ายรถตำรวจที่จอดหน้าบ้าน ชีพลงจากรถแล้วมองอย่างงงๆ
“ตำรวจมาทำอะไรกัน”
เสียงเอะอะดังออกมา ตำรวจกำลังจะพาสมพรกับวิเวกไป รสสุคนธ์เดินตามออกมามองอย่างสะใจ
ไกร หวาน ยาใจ จิ้มลิ้ม สวาท เดินออกมาด้วย
“นี่มันอะไรกัน”
“ไอ้สองคนนี่ละคะชีพที่มันขโมยศพคุณลั่นทม หลานสาวคุณเป็นตัวการใหญ่ ชอบยุ่งดีนัก เดี๋ยวจะได้ไปนอนในคุกกันเสียให้เข็ด”
หวานรีบบอกชีพ “คุณผู้ชายคะคุณผู้หญิงฟื้นแล้วค่ะ”
ชีพชะงักมอง รสสุคนธ์รีบพูดขัด
“เหลวไหลคุณตำรวจจับพวกมันไปได้แล้วค่ะ”
“จริงๆครับคุณผู้ชายคุณนายฟื้นแล้วตอนนี้อยู่กับคุณอุษาคุณธารินทร์ที่โรงพยาบาล”
ชีพเกือบช็อค “ไหน..ว่า..ไงนะ”
ไกรรีบบอก “พวกเราก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนาย 2 คนนั่นมาบอกว่าหมอผันแกเอาคุณลั่นทมไปรักษาจนฟื้น..”
ชีพยังช็อกและยังงง แต่รสสุคนธ์โกรธจึงแผดเสียงดังลั่น
“คุณชีพอย่าไปเชื่อมั่น..มันโกหก หมอเขาฉีดยากันศพเน่าแล้วต่อให้คนที่ยังหายใจก็ต้องตายแล้วคุณลั่นทมจะฟื้นได้ยังไง”
ยาใจโพล่งออกมา “คุณอุษาอาจจะไม่ยอมให้ฉีดยากันเน่าก็ได้”
รสสุคนธ์หันมามองยาใจอย่างตกตะลึง ชีพเองก็ใจไม่ดีแต่พยายามสงบสติอารมณ์ สวาทพูดต่อ
“นั่นสิคะ เพราะคุณอุษาเธอไม่เชื่ออยู่แล้วว่าคุณผู้หญิงจะตาย เธอพยายามบอกกับทุกคน แต่ไม่มีใครเชื่อเธอ”
“พวกแกหุบปากไปให้หมด ถ้าใครเจ๋อออกความเห็นอีกฉันจะไล่ออก” รสสุคนธ์ว่า
“ฉันว่าคุณผู้ชายรีบตามไปดูที่โรงพยาบาลก่อนดีมั้ยคะ จะได้รู้ว่ามันยังไงกันแน่”
ชีพพูดเหมือนคนใจไม่อยู่กับตัว “ใช่...ใช่..ฉันต้องไปโรงพยาบาล ต้องไปดูว่ามันยังไงกันแน่” ชีพจ้องสมพรกับวิเวกเขม็ง “ถ้าล้อฉันเล่นแกเตรียมหางานใหม่ได้เลยนะ”
“ครับ..ผมยอมให้กระทืบอีกทีนึงด้วยครับ ก็ผมเห็นกับ ตาเลย” สมพรว่า
รสสุคนธ์ทั้งโกรธทั้งผิดหวังจนพูดไม่ออก เธอหันไปตวาดตำรวจ
“เอาพวกมันไปเสียทีสิคะให้มันพล่ามกันอยู่ได้” รสสุคนธ์ว่า
“ไม่ต้องครับคุณตำรวจ ผมขอโทษจริงๆ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
วิเวกกับสมพรยักคิ้วให้รสสุคนธ์ รสสุคนธ์แค้นจึงมองทุกคนตาขวาง
“มายืนทำอะไรกันกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้ทุกคน”
ทุกคนยืนเฉยเหมือนไม่ได้ยิน ชีพตะโกนบอกฉ่ำ
“ไปเร็วฉ่ำ”
“คร้าบผม” ฉ่ำรับคำ
ชีพกับฉ่ำวิ่งไปขึ้นรถแล้วรีบขับออกไป รสสุคนธ์โมโหมาก เธอข่มใจหันมาทางไกร
“ใครจะไปไหนก็ช่าง คุณเข้าไปคุยกับฉันต่อ”
“ผมคงต้องขอตัวไปดูคุณลั่นทมที่โรงพยาบาลก่อน” ไกรบอก
ไกรก้มหัวให้อย่างเยาะๆ ก่อนจะเดินไปที่รถ รสสุคนธ์สุดแค้น
“คุณไกรคุณยังไปไหนไม่ได้นะ กลับมาจัดการโอนทรัพย์สินให้เสร็จก่อนเอ๊ะไม่ได้ยินหรือไงกลับมา ไม่งั้นฉันจะไล่คุณออก คุณไกร”
ไกรไม่สน พวกสวาทซุบซิบกันขำๆ ส่วนหวานมองอย่างระอา
รสสุคนธ์กระแทกตัวลงนั่งแล้วพึมพำคนเดียว
“ฉันไม่เชื่อ..ไม่มีวันเชื่อคนตายแล้วจะฟื้นได้ยังไง นังอุษาแกต้อง วางแผนทำอะไรสักอย่างแน่ๆ”
สวาท ยาใจ และจิ้มลิ้มเดินเข้ามาปรายตามองรสสุคนธ์แล้วคุยกันเสียงดัง
“ฉันล่ะดีใจจริงๆนะแก เกิดมาไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้มาก่อน” สวาทว่า
“เหมือนกันเลย นี่ล่ะน้าที่โบราณเขาถึงว่าคนดีผีคุ้ม”
“สุดท้ายธรรมะก็ย่อมชนะอธรรมอยู่ดี”
รสสุคนธ์ตวาด “พวกแกพล่ามอะไรกัน แยกย้ายไปทำงานได้แล้วนังหวาดไปเอาน้ำมาให้ฉันหน่อย”
“อุ๊ยตายพอดีฉันนึกได้ว่าต้องรีบไปถูห้องคุณผู้หญิงเอาเสนียดออกให้ท่าน คงไม่มีเวลาไปเอาน้ำให้หรอกนะ นังรส” สวาทพูดเน้นแล้วรีบออกไป
“แก” รสสุคนธ์ข่มใจ “แกก็ได้นังจิ้มลิ้มไปเอาน้ำมาทีฉันหิวน้ำ”
“วุ้ย ฉันก็ต้องไปซักผ้าซักผ่อนให้คุณผู้หญิง พวกเหลือบไรมันจะได้หลุดๆไปให้หมด ไปก่อนนะจ๊ะ” จิ้มลิ้มแผ่นแน่บออกไปอย่างเร็วเหมือนกัน
รสสุคนธ์แค้นจนแทบเต้น เธอหันมาทางยาใจ ยาใจยอบตัวให้
“ฉันก็ไม่ว่างเหมือนกันเพราะต้องไปเตรียมทำกับข้าวไว้ต้อนรับคุณผู้หญิงตัวจริงย่ะ”
ยาใจเดินลอยชายออกไป รสสุคนธ์มองอย่างแค้นๆ ก่อนจะตะโกนลั่นๆ
“พวกแก..คอยดูเถอะถ้านังลั่นทมมันไม่ได้ฟื้นจริงๆ ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด”
หวานเดินเข้ามามองอย่างสมเพช “แต่ฉันว่าคนที่จะโดนไล่ออกจากบ้านคนแรกน่าจะเป็นแกมากกว่า นะนังรส”
“ไม่มีทาง คนอย่างรสสุคนธ์ไม่มีวันแพ้ น้าคอยดูไปก็แล้วกัน”
รสสุคนธ์เดินปึงๆขึ้นชั้นบนไป หวานส่ายหน้ามองตามอย่างระอา
พยาบาลเข็นเตียงลั่นทมมาตามทางเดินในโรงพยาบาลที่จะไปห้องฉุกเฉิน แพทย์ที่เคยรักษาลั่นทมเดินตามมาด้วย ธารินทร์ อุษา ผัน และต้อยติ่งเดินตามกันมาเป็นขบวน อุษาคอยจับมือลั่นทมอยู่ตลอดเวลา
แพทย์วัฒนาเดินมาจากทางหนึ่งก็ชะงักเมื่อเห็นลั่นทม เขาก็ตะลึงจังงังแล้วเดินตามเตียงเข็นไป ทุกคนมีสีหน้าตื่นเต้น อุษาน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลาด้วยความปีติ
พยาบาลและแพทย์เข็นเตียงลั่นทมเข้าไปในห้องฉุกเฉินและกันทุกคนไว้หน้าห้อง แพทย์วัฒนาจะตามเข้าไปแต่ก็ชะงักแล้วหันมาเหมือนอยากจะถามอุษาและธารินทร์ว่าเป็นไปได้ยังไงแต่ก็พูดไม่ออกเพราะตนเองเป็นคนยืนยันว่าลั่นทมตายแน่ ธารินทร์ยักไหล่ให้เพื่อน
“ก็เหมือนเคยแหละหมอ..ตายแล้วฟื้น”
วัฒนาผละเข้าในห้องฉุกเฉิน อุษาน้ำตาซึมด้วยความปีติยินดี
ธารินทร์พาอุษาไปนั่งที่เก้าอี้แล้วจับมือที่สั่นของอุษา
“คุณน้าฟื้นแล้ว คุณน้าฟื้นแล้วค่ะ”
ผันที่หน้าตาเบิกบานเดินมานั่งกับต้อยติ่ง
ผันพูดกับต้อยติ่ง “ไม่นึกไม่ฝัน ว่าตำรายาที่ตกทอดกันมาจะฉมังขนาดนี้ ไอ้ต้อยติ่งเอ๊ย”
“เดี๋ยวพ่อกลับไปเขียนป้ายติดหน้าบ้านนะ ว่ารับรักษาคนตายให้ฟื้นได้รับรองตานี้พ่อรวยเละ” ต้อยติ่งบอก
“เออ..เละ..แต่ไม่ใช่รวยหรอกนะ..โดนเหยียบเละเกิดพวกเอาศพคอขาดไส้หลุดมาให้รักษาก็ยุ่งตายห่.....” ผันว่า
“แล้วทีคุณนายลั่นทมทำไมพ่อทำให้ฟื้นได้”
“ก็เขายังไม่ตายนี่โว้ย เพียงแต่เป็นโรคประหลาดอย่างหนึ่งที่ทำให้ ใครๆเข้าใจผิดว่าแกเด็ดสะมอเร่ ไปแล้วเท่านั้น”
“เดาะภาษาฝรั่งซะด้วย” ต้อยติ่งว่า
ชีพรีบรุดมาตามทางเดินกับฉ่ำ เมื่อเห็นอุษาและคนอื่นๆนั่งเรียงรายอยู่ชีพก็ถึงกับชะงักเพราะเริ่มสังหรณ์ว่าเรื่องที่วิเวกกับสมพรไปบอกคงเป็นความจริง อุษาเห็นชีพก็ทำปั้นปึ่ง ชีพมองทุกคนอย่างลังเลก่อนจะเข้ามาหาอุษา
“นายพรกับนายเวกไปบอกว่า.” ชีพมองอุษาแล้วมองที่ห้องฉุกเฉิน “ลั่นทมฟื้น...จริงๆเหรอ”
อุษาน้ำตาซึมด้วยความปลาบปลื้ม “ค่ะ..คุณลุงหมอต้มยาสมุนไพรสวดมนต์ภาวนาทั้งคืน พอรุ่งเช้าให้กินยาแล้วฝังเข็มแบบคนจีนคุณน้าก็ฟื้นค่ะ..”
ชีพนิ่งมองอุษาเหมือนได้ฟังสิ่งมหัศจรรย์
“ความจริง แกคงจะฟื้นอยู่แล้วน่ะครับ แกไม่ได้ตายหรอก พอโดนกระตุ้นทั้งยาทั้งเข็มถึงได้สติ” ผันบอก
ชีพอึ้งแล้วผลุนผลันเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
แพทย์ที่เคยรักษาลั่นทมและแพทย์วัฒนากำลังให้น้ำเกลือและตรวจเช็คร่างกายลั่นทมโดยมีพยาบาล
คอยช่วย ชีพเดินเข้ามา พยาบาลรีบเข้ามากัน ลั่นทมนอนหลับตาอย่างอ่อนเพลีย
“คุณคะ..คนไข้ยังหลับอยู่ เธออ่อนเพลียมาก” พยาบาลบอก
แพทย์วัฒนาเข้ามาพูดกับพยาบาล “ไม่เป็นไร สามีคุณนายคงอยากเห็นกับตาเท่านั้น”
วัฒนาพาชีพมาที่มุมไกลสุดแล้วกระซิบบอก “อย่าว่าแต่คุณเลย ผมเองก็ไม่อยากเชื่อ อย่าอยู่นานนะครับ”
ชีพกระซิบถามเช่นกัน “ก็ทางโรงพยาบาลฉีดยากันศพเน่าให้เธอแล้วไม่ใช่หรือครับ”
“ไม่ได้ฉีดครับ คุณอุษาเธอขอไว้ โชคดีแท้ๆ เลย”
ชีพนิ่งอึ้งเพราะพูดไม่ออกแล้วก็กระซิบถามต่อ
“แล้วเธอรอดอยู่ได้ยังไงในสภาพที่ถูกมัดตราสังข์ แน่นหนาต้องนอนอยู่ในโลงตั้งสามวัน..โดยไม่มีอากาศหายใจ แล้วยังอยู่ในสุสานอีก”
อุษาตอบให้ชีพเข้าใจด้วยท่าทางเป็นปกติเหมือนเล่าเรื่องทั่วไป
“ษาติดสินบนสัปเหร่อค่ะให้เขาตัดผ้ามัดตราสังข์ออก ตรงจมูกนี่โล่งเลย แล้ว แง้มฝาโลงไว้ให้คุณน้ามีอากาศหายใจที่พื้นโลงก็ เจาะเป็นรูไว้หลายรู”
“เธอทำได้ยังไง น้าไม่อยากจะเชื่อเลย”
“เชื่อเถอะครับ ทั้งหมดต้องขอบคุณคุณอุษา เธอตั้งใจมาก ทุ่มเททุกอย่าง”
หมอวัฒนาโผล่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“คุณลั่นทมตื่นแล้วครับ”
ชีพรีบพูด “อย่าเพิ่งเข้าไปหลายคนเลย” ชีพบอกหมอ “ผมจะเข้าไปดูเธอเอง”
“คนไข้อยากพบทุกๆคน” หมอวัฒนาพูดจบก็กลับเข้าไปในห้อง
อุษาถลันเข้าในห้องเป็นคนแรก คนอื่นๆ เดินตาม ชีพยืนงง ไกรเดินแกมวิ่งเข้ามา ชีพหันไปเห็นก็รีบเข้าดึงมือไกร
“เดี๋ยวคุณไกร ผมขอร้องนะกลับไปที่บ้านเก็บเอกสารที่เราจะทำโอนให้ผมให้หมด”
“ผมเก็บมาหมดแล้ว”
ชีพทำท่าโล่งอก “คุณไกรผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง นึกว่าเห็นแก่ลั่นทม คือ..”
ไกรขัดขึ้น “ผมเข้าใจครับ ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพราะผมเชื่อว่าถ้าคุณนายรู้เธอคงต้องช็อกตายไปอีกครั้งแน่ๆ”
ชีพสะอึก ไกรพูดต่อ “ผมมานี่แค่อยากขอดูให้แน่ใจว่าคุณนายปลอดภัยแล้ว”
“ลั่นทมปลอดภัยแน่นอน คุณกลับไปก่อนเถอะ” ชีพบอก ไกรพยักหน้ามองไปที่ห้องฉุกเฉินก่อนจะหันกลับ ชีพมองตามหลังไปอย่างไม่พอใจ
แพทย์กับพยาบาลกำลังดูแลลั่นทม มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง เครื่องวัดคลื่นหัวใจและสมอง
กำลังทำงาน สีหน้าลั่นทมดูดีขึ้นแต่ยังคงอ่อนเพลีย หมอวัฒนาเข้ามาตามด้วยอุษาที่ปราดเข้าข้างเตียง ตามด้วยคนอื่นๆ ชีพเดินรั้งท้ายอย่างลังเล
“คุณน้าขา..” อุษาเรียก
ลั่นทมยิ้มให้อุษาอย่างซาบซึ้งในบุญคุณแต่เธอยังพูดจาไม่ถนัดเนื่องจากอ่อนเพลีย
“หนู..” ลั่นทมหันไปทางผันกับธารินทร์” ขอบคุณทุกคน”
ชีพรีบเข้าขวางกลัวทุกคนจะพูดเรื่องรสสุคนธ์
“ฉันว่า..พวกเราออกไปก่อนเถอะ ลั่นทมเพิ่งฟื้นน่าจะให้พักผ่อน เยอะๆจริงมั้ยครับหมอ”
“ใช่ครับ เห็นแล้วว่าคนไข้ปลอดภัยก็ควรรีบออกไปครับ ผมยังไม่อยากให้รบกวนเธอมาก อยากให้พักผ่อน”
“คุณน้าคะ..”
ชีพรีบบอก “ษา น้าว่าอย่ารบกวนคุณน้าตอนนี้เลยดูสิคุณน้าเพลียจะแย่แล้ว ใช่มั้ยจ๊ะลั่นทม”
ลั่นทมพยักหน้าโดยมีท่าทีที่ยังอ่อนระโหยโรยแรง ต้อยติ่งเข้ามาเกาะข้างเตียง
“ฟื้นแล้วงั้นคุณน้าคงไม่ลืมขนมของหนู ขนมที่คุณน้าบอกจะซื้อมาฝากจากชายหาดน่ะค่ะ”
ลั่นทมยกแขนที่ว่างจากเข็มน้ำเกลือมาขยี้หัวต้อยติ่งเบาๆ
“ไม่ลืม..”
มองอย่างเอ็นดูแล้วมองเลยไปที่ชีพ มองชีพนิ่งอึ้ง น้ำตาซึมไหลเป็นทางออกมาพยายามสะกดความเจ็บปวดในใจที่ชีพมีรสสุคนธ์อีกคน
“ชีพ..”
ชีพทำหน้าไม่ถูก ลั่นทมได้แต่น้ำตาไหลยังไม่อยากพูดตอนนี้ อุษากับต้อยติ่งหลีกทางให้ชีพ ชีพเข้ามาหาลั่นทมแล้วจับมือลั่นทมอย่างเอาใจ
“ลั่นทม..ที่รัก ผมดีใจเหลือเกินดีใจจนพูดไม่ถูกแล้ว”
อุษาสบตาธารินทร์ ธารินทร์ส่งสัญญาณให้ ลั่นทมยิ้มเย็นเพราะความตายทำให้เธอปลงได้และไม่ทำอะไรวู่วาม
ลั่นทมพยายามไม่ให้ชีพรู้ว่าตนรู้เรื่องรสสุคนธ์แล้ว “ทมก็ดีใจที่ได้มีโอกาส”
“ผมก็อยากรับคุณไปเดี๋ยวนี้..แต่คงต้องถามหมอก่อน” ชีพบอก
“ขออีกซักพักครับ” หมอวัฒนาบอก “อย่างน้อยต้องให้น้ำเกลือหมดขวด ผมอยากให้คุณนายพักผ่อนและดูอาการให้แน่ใจอีกสักหน่อย”
ชีพบีบมือลั่นทมแน่นแล้วหันกลับไปสบตาอุษาเพื่อส่งสัญญาณให้ตามออกไป ธารินทร์พยักหน้าให้อุษา อุษาเดินตามชีพออกไป
ชีพพาอุษามาที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล ชีพพูดอะไรแทบไม่ออกส่วนอุษารู้ดีว่าชีพกำลังอึดอัด
“น้าบอกจริงๆว่าน้ายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลั่นทมฟื้นขึ้นมาจริงๆ”
อุษาหน้าตาเฉย “ใช่สิคะ เพราะน้าไม่ต้องการให้คุณน้าฟื้นขึ้นมาเป็น ก้างขวางคอน้ากับรสสุคนธ์”
“ไม่ใช่อย่างนั้น โธ่ษานี่เธอคิดว่าน้าไม่รักลั่นทมเลยหรือไง”
“ถ้ารักทำไมน้าชีพถึงนอกใจคุณน้าล่ะคะ”
ชีพนิ่งอึ้งแล้วตัดสินใจ “ความจริงน้าไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับรสเลยนะน้าพลาดไปแต่น้าก็คิดจะหยุด พอดีลั่นทมเกิดมาตายกะทันหัน น้าเหงา เขาก็เข้ามา.....”
อุษาขัดขึ้นอย่างประชด “รสเขาคงปลุกปล้ำใช้กำลังบังคับขืนใจน้าชีพใช่มั้ย คะน้าชีพก็เลยต้องยอมเขาทุกอย่าง”
“อย่าประชดน้าสิ..ก็ได้น้ายอมรับว่าน้าผิดไปแล้ว แต่น้าขอร้องนะ อุษา..”
“ษารู้ค่ะว่าษาต้องทำยังไงไม่ต้องห่วงหรอกค่ะเรื่องน้ากับรสสุคนธ์ ษาจะคิดเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น และหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ขอบใจ..ขอบใจนะษาแค่ษาไม่พูดอะไรก็เท่ากับษาให้โอกาสน้า น้าจะกลับตัวจะทำดีกับลั่นทมจะรักลั่นทมคนเดียว น้าสัญญากับเธอเลย”
“ถ้าอย่างนั้นน้าชีพรีบกลับไปจัดการกวาดขยะที่บ้านให้เรียบร้อยก่อนที่คุณน้าจะกลับเถอะค่ะ”
ชีพถอนใจอย่างว้าวุ่นเพราะทั้งโกรธทั้งกลัวอุษาจะเปิดเผย ชีพพยักหน้าแล้วผลุนผลันออกไป ธารินทร์เดินเข้ามา
“ถ้าน้าชีพจบกับรสสุคนธ์ได้จริงๆทุกอย่างคงไม่มีปัญหา”
“แต่ผมว่าอะไรๆมันคงไม่จบง่ายๆอย่างที่ษาคิดหรอก”
อุษานิ่งคิดตามที่ธารินทร์พูดด้วยสีหน้ากังวล
รสสุคนธ์กำลังเดินพล่านไปมาด้วยความหงุดหงิด ยาใจ สวาท และจิ้มลิ้มที่พากันแอบดูหัวเราะคิกคักอย่างสะใจ
“พล่านเป็นหนูโดนยาฆ่าแมลงเลยแก”
รสสุคนธ์บ่นอย่างหงุดหงิด “โอ๊ยทำไมไปนานอย่างนี้นะ โทรไปก็ปิดเครื่องมันอะไรกันนักหนา”
ฉ่ำขับรถเข้ามา ชีพลงจากรถในสภาพหน้าดำคร่ำเครียด รสสุคนธ์ปราดเข้าหา
“ชีพขา ไม่จริงใช่มั้ยคะไอ้พวกบ้านั้นมันแหกตาเราใช่มั้ยนังอุษาส่งพวกมันมาหลอกเราละสิ คุณไปเห็นมากับตาแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ฉันไปเห็นมากับตา”ชีพบอก รสสุคนธ์ยิ้มกระหยิ่มแล้วยิ้มค้างเมื่อชีพพูดต่อ “ลั่นทมฟื้นจริงๆ พวกมันแอบช่วยเหลือ โดยไม่ให้เรารู้ ไม่อยากเชื่อว่าอุษามันจะกล้าขนาดนี้ รสเธอรีบเก็บข้าวของลงไปอยู่กับหวานตามเดิม”
รสสุคนธ์ตกตะลึงแล้วฟูมฟายกอดรัดชีพ
“ไม่นะไม่รสไม่ยอมรสเป็นเมียคุณ คุณจะทิ้งรสหน้าตาเฉยแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ตั้งสติหน่อยรส เธอต้องยอมถ้าเธอไม่อยากถูกเฉดหัวออกไปจากบ้านนี้เธอต้องยอมเข้าใจมั้ย ทำตัวให้ปกติอย่าให้ลั่นทมจับได้เด็ดขาด”
หวานเดินเข้ามาพอดี “คุณผู้หญิงฟื้นจริงๆใช่มั้ยคะ”
“ใช่” ชีพหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้ หวานมองงงๆ “น้าหวานบอก ทุกคนปิดเรื่องรสให้สนิท เงินนี่เอาแจกจ่ายกันไปใครพูดฉันไล่ออกแน่”
หวานอึกอักมองเงินลังเล ชีพรีบพูดต่อ “ฉันรู้ว่าหวานรักลั่นทมแต่ถ้าลั่นทมรู้เขาต้องช็อกตายอีกแน่ถ้าอยากให้เขาตายอีกครั้งก็พูดเลย”
หวานอึ้ง ชีพเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน รสสุคนธ์หายงงก็วิ่งตามไปติดๆ พอสองคนเดินพ้นไป สวาท จิ้มลิ้ม ยาใจ และฉ่ำก็เข้ามารุมหวานพร้อมทั้งแบมือขอส่วนแบ่ง หวานส่งเงินให้ทั้งหมด ทั้งสามคนรีบแบ่งกัน หวานมองตามรสสุคนธ์แล้วส่ายหน้าพึมพำเบาๆ
“เป็นไงล่ะนังรส ข้าเตือนแล้ว ขึ้นสวรรค์ได้ไม่กี่วันต้องลงนรกเสียแล้ว เวรกรรมมันตามมาทันจริงๆ”
ชีพเดินลิ่วเข้ามาในห้องนอนแล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้าดึงเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ของรสสุคนธ์ออกมากองกลางเตียง รสสุคนธ์ตามเข้ามาแบบยังไม่หายตะลึง
“เร็วสิยืนบื้ออยู่ทำไมมา เก็บข้าวของของเธอออกไป”
“นี่มันอะไรกันเป็นไปได้ยังไงตายแล้วฟื้นบ้าบ้าที่สุด”
“อุษาเป็นตัวการทุกอย่าง..ห้ามหมอไม่ได้ฉีดยากันศพเน่าติดสินบนสัปเหร่อให้มัดตราสังข์หลวมๆ ฝาโลงไม่ได้ปิด ใต้โลงก็เจาะไว้หลายรู หมอผันเป็นคนวิ่งหายาสมุนไพรมารักษา..แล้วยังฝังเข็ม แบบคนจีนด้วย”
รสสุคนธ์ตะลึงแล้วแผดร้อง “ไม่จริง ไม่จริ๊ง”
ชีพเดินไปโกยข้าวของของรสสุคนธ์ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“จะมาแหกปากไปทำไม แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
รสสุคนธ์ตกตะลึง ชีพเดินไปเปิดประตูแล้วชะโงกออกไปร้องเรียก
“ใครอยู่ข้างล่างขึ้นมาเร็ว สวาท จิ้มลิ้ม ยาใจ ขึ้นมาเร็วๆ”
ชีพกลับเข้ามาใช้ผ้าปูที่นอนห่อรวบเสื้อผ้าของรสสุคนธ์หอบใหญ่พร้อมข้าวของใส่อ้อมแขนรสสุคนธ์ที่ยืนตัวเนื้อสั่นจากการที่วิมานต้องพังทลายไปต่อหน้าอย่างไม่คาดคิด
“นี่มันอะไรกัน หมายความว่ารสจะต้องกลับเป็นขี้ข้าคุณตามเดิม ต้องเป็นขี้ข้าเมียคุณด้วย รสไม่ยอม”ชีพจริงจัง “เธอต้องยอม”
รสสุคนธ์เสียงแข็ง “ก็ถ้ารสไม่ยอม”
“งั้นเธอก็ต้องออกไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้”
ชีพผลักรสสุคนธ์ออกจากห้องไม่ใยดี รสสุคนธ์ร้องไห้โฮ สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจเข้ามามองอย่างสะใจมาก
“ทำไมคุณทำกับรสอย่างนี้รสรักคุณนะคะชีพรสรักคุณ”
ชีพไม่สนใจรสสุคนธ์ เขาหันมาสั่งการสาวใช้อย่างลนลาน
“จัดแจงห้องให้เรียบร้อย..หาดอกไม้มาใส่แจกันให้ทั่วลั่นทมชอบ ดอกไม้ช่วยกันทำทุกอย่างให้คงเดิมเหมือนเมื่อก่อนลั่นทมตาย” ชีพนึกได้ “รูป..รูปล่ะ ไปเอารูปลั่นทมขึ้นมาติดไว้เหมือนเดิมด้วย”
รสสุคนธ์ยืนมองท่าทางของชีพอย่างคาดไม่ถึง สวาทหยิบของใช้บางชิ้นของรสสุคนธ์ที่ยังหลงเหลืออยู่แล้วถาม
“แล้วนี่ล่ะคะ”
ชีพรีบเดินไปกระชากมาโยนใส่หน้ารสสุคนธ์ รสสุคนธ์รับไว้ทัน ชีพสั่งการต่อโดยไม่สนใจรสสุคนธ์เลย รสสุคนธ์เจ็บใจ
“เร็วๆ ต้องทำให้เสร็จก่อนที่ลั่นทมจะมาถึง...”
รสสุคนธ์หอบเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่ห่ออยู่ในผ้าปูที่นอนเข้ามาในห้องด้วยอาการที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอปล่อยของลงพื้นยืนงง แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพราก หวานเดินเข้ามา
“เป็นไงล่ะแม่นางฟ้าตกสวรรค์”
รสสุคนธ์ตวาด “อย่ามาซ้ำเติมฉันได้มั้ยเป็นน้าประสาอะไรแทนที่จะอยู่ข้างหลานกลับไปอยู่ข้างคนอื่น”
“ก็หลานมันเลวข้าจะอยู่ข้างมันได้ไง เฮ้อนังรสเอ๊ยนังรสตัดอกตัดใจเสียเถอะ แกกลับตัวตอนนี้ก็ยังทัน ก้มหน้าก้มตารับใช้คุณผู้หญิงท่าน ท่านใจดีมีเมตตาข้ารับรองว่าแกไม่ลำบากหรอก”
รสสุคนธ์โกรธมากขว้างปาข้าวของอย่างสุดแค้น “ไม่..ฉันไม่ยอมฉันต้องไม่แพ้ฉันไม่ยอมฉันได้ขึ้นไปเป็นคุณผู้หญิงแล้ว จะให้ฉันกลับลงมาเป็นขี้ข้าอีกน่ะหรือฉันไม่ยอม” รสสุคนธ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น
หวานมองท่าเสียสติของรสสุคนธ์แล้วก็สงสาร เธอถอนใจเพราะเยื่อใยระหว่างน้าหลานยังคงมีอยู่
“นี่เป็นโอกาสเดียวที่แกจะพลาดไม่ได้นังรส โอกาสที่จะเป็นคนดี มีคุณธรรมประจำใจ..เห็นมั้ยเวรกรรมมีจริง เบื้องบนเห็น ทำอะไรไม่ดีไว้ เวรย่อมกลับมาตอบสนอง”
รสสุคนธ์ร้องไห้ “ไม่จริงไม่เชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง คนตายตั้ง 3 วันแล้ว จะฟื้นขึ้นมาได้อีก ฉันไม่ เชื่อๆ โฮ..”
เสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน หวานเดินไปที่หน้าต่าง
“เอ้า ไม่เชื่อก็มาดูซะ..ดูเหมือนเขาจะรับคุณผู้หญิงกลับมาแล้ว” หวานบอก
รสสุคนธ์ตามไปมองผ่านหน้าต่างด้วยความตกตะลึง
ฉ่ำวิ่งอ้าวออกไปเปิดประตูใหญ่ให้รถพยาบาลแล่นเข้ามาในบริเวณบ้าน รถของธารินทร์แล่นตามเข้ามาในรถธารินทร์โดยมีหมอผันกับต้อยติ่งนั่งมาด้วย ส่วนรถพยาบาลมีลั่นทม อุษา และหมอวัฒนา พยาบาลและบุรุษพยาบาลนั่งมาด้วย
รสสุคนธ์มองตาค้างแบบทั้งช็อกกับการสูญเสียอำนาจที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทั้งตะลึงกับการฟื้นคืนชีพของลั่นทม รสสุคนธ์ครางอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นไปได้ไง นังนั่นฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ”
“เห็นกับตาขนาดนี้แกก็เลิกตะเกียกตะกายได้แล้ว ยังไงเสียคุณผู้ชาย เขาก็ต้องเลือกเมียเขาอยู่ดี เห็นมั้ยเขาไม่ได้แยแสแกเลย รีบไปเปลี่ยน เสื้อผ้าแล้วตามข้าออกไปเร็วๆ ไม่งั้นคุณผู้หญิงจะสงสัยเอา”
หวานรีบเดินออกไปจากห้อง รสสุคนธ์มองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบ รถพยาบาลจอดเทียบ บุรุษพยาบาลเข็นเตียงลั่นทมลงจากรถ แพทย์วัฒนากับอุษาประกบลั่นทมตลอดเวลา ธารินทร์ ผัน และต้อยติ่งลงจากรถแล้วรีบไปที่รถลั่นทม
ชีพรีบออกมาจากในบ้านแล้วตรงลิ่วมาหาลั่นทมด้วยท่าทางตื่นเต้น เหล่าบริวารเดินตามมา
ชีพทำท่าเหมือนเป็นห่วง “ลั่นทม..รีบมาทำไม ผมกำลังจะไปรับ” ชีพพูดกับวัฒนา “แน่ใจนะครับว่าลั่นทมปลอดภัยแล้ว”
“ตรวจดูอย่างละเอียดแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงครับเพียงแต่ช่วงนี้ต้องดูแลเธออย่างใกล้ชิด”
“ถึงคุณหมอไม่สั่งผมก็ต้องทำอยู่แล้วโธ่เมียผมทั้งคนนี่นา” ชีพว่า
อุษากับธารินทร์สบตากัน ลั่นทมหน้ายังซีดแต่มีรอยยิ้ม
ลั่นทมพูดเสียงเบา “คิดถึงบ้านค่ะ..อยากมานอนบ้านเหลือเกิน ชีพ”
ชีพรีบกุมมือลั่นทมแล้วมองเหมือนรักมาก ลั่นทมเบือนหน้าหนีข่มความรู้สึกแล้วก็น้ำตาไหลพรากเพราะทั้งรักทั้งแค้น
“ร้องไห้ทำไมจ๊ะทม” ชีพถาม
“เปล่าค่ะทมแค่ดีใจ”
“ให้เข้าไปพักเถอะครับ”
“ไปที่ห้องนอนคุณน้าเลยค่ะ” อุษาจ้องตาชีพ “เตรียมห้องให้คุณน้าเรียบร้อยแล้วรึคะ”
“อ๋อ..เรียบร้อย” ชีพพยักหน้า “ไปได้เลย”
พวกสวาทเดินเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมทั้งยกมือไหว้ ลั่นทมยิ้ม สวาทมองดูเสื้อผ้าที่พวกเขาแต่งไว้ทุกข์แล้วก็นึกได้จึงชวนพรรคพวก
“ว้าย พวกเรา..ไปเปลี่ยนชุดให้สดใส ได้แล้ว”
จิ้มลิ้มกับยาใจ “ไชโยๆคุณผู้หญิงกลับมาแล้ว”
ลั่นทมยิ้ม หวานรีบเข้ามากราบลั่นทมแล้วร้องไห้
“คนดีพระย่อมคุ้มครอง..หมดเคราะห์หมดโศกขอให้อายุมั่นขวัญยืน..อย่าเจ็บไข้อีกเลยนะเจ้าคะคุณผู้หญิง”
ลั่นทมยิ้มแล้วถามหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบใจมากหวาน แล้วนี่รสสุคนธ์ไปไหนล่ะ”
หวานชะงักและอึกอัก ทุกคนทำหน้าไม่ถูก
รสสุคนธ์นั่งกุมหัวสะอื้นทำอะไรไม่ถูก หวานเข้ามารีบพูด
“นังรส ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ลุกขึ้นสิลุก” หวานตรงเข้ามาฉุด
รสสุคนธ์สะบัด “อย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ย ฉันไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น”
“แต่แกต้องทำ”
“ทำอะไร”
“ออกไปกราบคุณผู้หญิง ท่านถามหาแก”
“อะไรนะจะให้ฉันไปกราบมัน กราบทำไมไม่มีทางฉันทำไม่ได้”
“ต้องได้” หวานพูดจริงจัง “คิดเสียว่ากราบขออภัยที่แกขโมยผัวท่านมาใช้ไง”
หวานเดินไปเลือกเสื้อผ้าชุดเก่าๆมาโยนใส่หน้าหลานสาว
“เปลี่ยนเดี๋ยวนี้” หวานเห็นรสสุคนธ์ทำท่าเหมือนจะกระอัก “แกน่ะโชคดีนะที่ยังมีโอกาสสลัดบาปออกจากตัวได้ทัน..ไม่สะสมพอกพูนไว้จนชดใช้ไม่หมด..ไม่สายเกินไปหรอกที่แกจะหันมาเป็นคนดีแล้วก็หาผู้ชายดีๆที่เขาไม่มีเจ้าของ..เชื่อข้าเถอะ”
หวานเดินไปที่ประตูหันมากำชับอีกที “รีบตามออกมาเร็วๆนะ”
รสสุคนธ์มองเสื้อผ้าเก่าๆในมือด้วยสีหน้าสุดแค้นที่ทำอะไรไม่ได้ รสสุคนธ์อาละวาดตีอกชกตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ
“ไม่ยอม ฉันไม่ยอม” รสสุคนธ์ก้มกรี๊ดกับหมอนไม่ให้มีเสียงออกมา
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงลั่นทมเข้ามาในบ้าน อุษากับหมอวัฒนาประกบสองข้างเตียง ลั่นทมกุมมือชีพมาตลอดทางอย่างห่วงและหวง
“เป็นไงครับทมบ้านของเรา ทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงผมสั่งให้ทำทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนตอนคุณอยู่ เพราะ..ผมคิดถึงคุณตลอดเวลา” ชีพว่า
พวกคนรับใช้ทำหน้าผะอืดผะอม หวานจ้องปรามๆ ลั่นทมยิ้มเพลียๆ แล้วมองไปรอบๆ
“รสสุคนธ์อยู่ไหนตั้งแต่กลับมาทมยังไม่เห็นเลย”
ชีพสะดุ้งแล้วรีบอึกอักแก้ตัว
“ก็อยู่แถวๆนี้ล่ะคงทำงานบ้านอยู่มั้งอย่าไปสนใจเลยก็แค่เด็กในบ้าน”
รสสุคนธ์ที่แอบมองอยู่เจ็บใจจึงพึมพำ
“แค่เด็กในบ้านเหรอ ช่างพูดออกมาได้นะคุณชีพ”
ลั่นทมมองชีพอย่างอึดอัด “ชีพ..ทมมีเรื่องจะคุยกับคุณมากมาย..ตอนที่ทมตาย ทม..ทม” ลั่นทมน้ำตาไหล
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะที่รักตอนนี้คุณต้องพักมากๆ”
“ทุกคนอย่าเพิ่งกระจายข่าวออกไปนะครับ ชาวบ้านจะแตกตื่นมาเยี่ยม อยากให้คุณลั่นทมดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ไม่อย่างนั้นเธอจะ เหนื่อยกับการรับแขกตายแล้วฟื้นนี่ใครๆ ก็อยากมาดู” หมอวัฒนาบอก
“ครับ ขึ้นข้างบนเถอะทม เชิญคุณหมอด้วยครับ” ชีพชวน
ลั่นทมหันมามองทุกคน “ขอบใจทุกๆคนนะฉันขอตัวก่อนษาจ๋ามากับน้าสิ”
ชีพมองไม่ค่อยพอใจ เขาก้มลงอุ้มลั่นทมขึ้นบันไดไป อุษากับหมอตามขึ้นไปด้วย รสสุคนธ์ยืนจ้องตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น
ต้อยติ่งวิ่งนำออกมาอย่างร่าเริง หมอผัน และธารินทร์ตามออกมาพร้อมกับฉ่ำ
“บ้านคุณน้าลั่นทมนี่กว๊างกว้าง หนูชอบจัง” ต้อยติ่งว่า
ต้อยติ่งวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน ผันซึ่งเพลียจัดเดินไปนั่งมุมหนึ่งแล้วหลับไปทันที ธารินทร์มองต้อยติ่งยิ้มๆ ส่วนตัวเองเดินสังเกตการณ์ไปรอบๆบริเวณตามประสาตำรวจ ฉ่ำเข้ามาจ้องมองดูผันที่นั่งหลับอย่างพินิจพิเคราะห์และเลื่อมใส ผันลืมตาขึ้นเห็นฉ่ำจ้องอยู่ก็สะดุ้ง
“เฮ้ย..อะไรว่ะ ตกใจหมดเลย”
ฉ่ำผงะออกมาแล้วกราบหมอผัน “ขอวิชาไอ้ฉ่ำมั่งได้ไหมครับหลวงพ่อ”
ผันสะดุ้ง “ไอ้บ้าเอ๊ย..ไม่ได้เป็นพระซักหน่อยทะลึ่ง เรียกหลวงพ่อ” ผันมองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบ “ไม่ใช่เรื่องเก่งกล้าสามารถอะไรหรอกฟลุ้ค”
“ฟลุ้คก็เอาครับ..อยากเรียน..”
“แหม ไอ้นี่ตื๊อจริง..ไปๆข้าจะงีบ ไม่ได้นอนทั้งคืน”
ว่าแล้วผันก็ลงนอนเหยียดยาวอย่างสบาย ฉ่ำเข้ามานวดเฟ้นหวังได้วิชา ผันขำแล้วก็หันไปเห็นธารินทร์เดินสำรวจ
“เฮ้ยไอ้รินทร์จะกลับเมื่อไรก็ปลุกพ่อด้วยน่า” ผันตะโกนบอก
“ครับ ผมขอรอคุยกับษาหน่อย”
“เข้าใจๆไม่ว่ากันหรอกข้าก็เคยเป็นหนุ่มมาก่อนอย่าลืมปลุกล่ะ เอ้าไอ้ฉ่ำนวดไปดีๆอาจมีสิทธิ์ลุ้นได้เรียนวิชากับข้าก็ได้นะ”
ฉ่ำดีใจรีบนวดอย่างตั้งใจ ผันหลับสบาย ธารินทร์มองพ่อขำๆ แล้วก็ส่ายหน้า
อ่านต่อหน้าที่ 3
สุสานคนเป็น ตอนที่ 5 (ต่อ)
ชีพค่อยๆวางลั่นทมลงบนเตียงนอนอย่างทะนุถนอม วัฒนาเดินไปหาลั่นทมที่เตียง
วัฒนาพูดกับลั่นทม “ผมจะจัดพยาบาลพิเศษมาให้นะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ หนูอุษาคนเดียวก็พอแล้ว จริงๆ นะคะฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ดูสิ พอรู้ตัวว่าไม่ตาย ฉันก็มีเรี่ยว แรงเหมือนคนปกติ”
“กำลังใจน่ะครับ” วัฒนาพูดกับอุษา “งั้นหมอจะบอกรายละเอียดเรื่องยา เรื่องอาหารให้”
อุษารับคำ “ค่ะ”
วัฒนาพาอุษาไปที่มุมหนึ่งแล้วหยิบกระดาษปากกาออกมาจดรายการต่างๆพร้อมอธิบายให้อุษาเข้าใจ
ชีพเข้ามาประคองลั่นทมอย่างปลื้มปีติ ลั่นทมกราดสายตาไปรอบๆ ห้องและซ่อนความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ได้อย่างมิดชิด
ลั่นทมคิดในใจ “ฉันจะไม่โกรธคุณค่ะชีพ ฉันเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ฉันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะยกโทษให้ทุกคน ความตายมันอยู่แค่เอื้อม ฉันจะไม่ทำร้ายใครจะอโหสิให้ทุกคน รวมทั้งคุณและรสสุคนธ์”
ลั่นทมหันมามองชีพนิ่งๆ จนชีพสะดุ้ง “ทำไมมองผมอย่างนี้ล่ะ เอ้อมีอะไรหรือเปล่า”
ชีพมองรอบๆห้องเพราะนึกว่าเผลอทิ้งหลักฐานอะไรไว้ตามประสาวัวสันหลังหวะ
“ไม่มีอะไรคะแค่ทม...ทมคิดถึงคุณ”
ชีพกอดเอาใจ “ผมก็เหมือนกัน รู้มั้ยผมคิดถึงทมทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว ตอนทมไม่อยู่ทมไม่รู้หรอกว่าผมเศร้าแค่ไหน อยากจะตายตามทมไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด”
ลั่นทมซบหน้ากับอกของชีพเพื่อซ่อนความน้อยใจไว้ ชีพลูบไล้ผมลั่นทมอย่างอ่อนโยน รสสุคนธ์ยืนจ้องอยู่หน้าประตูกำมือแน่น หวานเดินถือถาดใส่น้ำมาเห็นรสสุคนธ์ก็เข้ามากระซิบ
“เห็นชัดเต็มสองลูกกะตาแกแล้วใช่มั้ยนังรส ตัดใจซะถ้ายังขืนดึงดันละโมบโลภมากในสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ที่ซุกหัวนอนแกก็จะไม่มีถึงตอนนั้นข้าก็คงช่วยอะไรแกไม่ได้”
รสสุคนธ์แค้นจนน้ำตาซึม “ฉันบอกน้าแล้วไงว่าฉันไม่มีวันยอมแพ้”
หวานตะลึง “นี่แก...เห็นตำตาขนาดนี้ยังไม่เลิกอีกหรือไง”
“ฉันอุตส่าห์ยอมเสียตัวให้คุณชีพ ก็เพราะฉันไม่อยากลำบาก ฉันไม่ยอมถอยง่ายๆหรอก”
“งั้นแกก็ขอเงินเขาซักก้อนสิ แล้วไปตั้งหลักปักฐานกับไอ้จงแล้วก็ลืมที่นี่ซะ..อย่ามาก่อกรรมทำร้ายคุณผู้หญิงอีกเลย”
รสสุคนธ์พูดเบาๆ แต่ดุร้าย “ไอ้จงน่ะให้มันไปลงนรกซะเถอะอย่ามาพูดถึงมันให้ฉันได้ยินอีก”
รสสุคนธ์คว้าถาดน้ำจากมือหวานอย่างแรง “เอามานี่”
หวานสะดุ้ง รสสุคนธ์เดินเข้าไปในห้อง ลั่นทมหันมาเห็นรสสุคนธ์ก็มองนิ่ง ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะพูดอะไรครู่หนึ่งลั่นทมจึงตัดสินใจพูดด้วยดี ๆ โดยข่มความขุ่นเคืองไว้
“อ้าว..รส..เอาน้ำมาให้ฉันเหรอ ขอบใจวางไว้นั่นแหละ”
“ค่ะ..ดีใจเหลือเกินที่คุณผู้หญิงฟื้น” รสสุคนธ์ว่า
รสสุคนธ์พูดด้วยสีหน้าเย็นชามาก ลั่นทมยิ้มเพลียๆ ชีพพยายามมองปรามแต่รสสุคนธ์ไม่สน เธอเดินไปวางน้ำลงที่โต๊ะค่อนข้างแรง อุษาหันมามองแล้วรีบพูดเพราะกลัวลั่นทมสงสัย
“เธอมีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องห่วงคุณน้าเดี๋ยวฉันดูแลเอง”
รสสุคนธ์จ้องอุษาแค้นๆ ก่อนจะหันมาจ้องชีพที่โอบกอดลั่นทมและคุยกันเบาๆ ด้วยความเจ็บใจสุดๆ
รสสุคนธ์เห็นว่าไม่มีใครสนใจก็น้ำตากลบตาแต่ก็ฝืนไว้แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง อุษาถอนใจ ชีพโล่งอก ส่วนลั่นทมแอบมองตามด้วยความสงสาร
“เธอไม่น่าเดินทางผิดเลยรสสุคนธ์ ฉันหวังว่าเธอจะคิดได้และกลับตัวกลับใจเสียใหม่นะฉันจะให้โอกาสเธอ”
อุษาเดินออกมาส่งหมอวัฒนาที่หน้าบ้าน วัฒนารับไหว้อุษาแล้วขึ้นรถไป อุษามองตามรถจนลับตา พอหันกลับก็เกือบสะดุ้งเมื่อเจอรสสุคนธ์ยืนจ้องเขม็งอยู่
รสสุคนธ์พูดเบาๆแต่ดุ “สาระแนได้โล่จริงๆนะแก มันน่าตบสักฉาด”
อุษาส่ายหน้าสมเพช “งูเห่ายังไงก็เป็นงูเห่าอยู่ดี นี่เธอยังคิดไม่ได้อีกเหรอรสสุคนธ์”
“ใครว่าล่ะฉันคิดได้แล้ว คิดได้ว่าถ้าคราวนี้นังลั่นทมมันตายอีกฉันจะเป็นคนจัดการศพมันเอง จะไม่ยอมให้พวกแกเข้ามายุ่ง รับรองว่ามันจะไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีกอย่างเด็ดขาด”
อุษาตะลึงเพราะไม่อยากจะเชื่อ รสสุคนธ์พูดต่อ “คงดีใจจนตัวเนื้อเต้นละซี..หวังว่าน้าแกจะให้รางวัลเป็นเงินก้อนใหญ่ละสิท่า ถึงได้ลงทุนลงแรงขนาดนี้”
“ฉันไม่ได้ลงทุนอะไรเลย..เงินที่ฉันใช้ช่วยคุณน้าทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินที่น้าชีพเอามาให้ฉันเอ้านี่น้าชีพไม่ได้บอกเธอเหรอ”
รสสุคนธ์ตาวาว “อะไรนะ”
อุษายิ้มยั่ว “เธอมันโง่ น้าชีพน่ะ ไม่ได้คิดจะ จริงจังกับเธอหรอกรสสุคนธ์ เขาหมายตาฉันอยู่ก่อนแล้ว อุตส่าห์หอบเงินหอบเครื่องเพชรมาให้ฉันก่อนเธออีก แต่พอฉันไม่เล่นด้วย เขาถึงหันไปคว้าเธอแก้ขัดไง”
“ไม่จริง คุณชีพรักฉันหลงฉันอย่างกับอะไรดี”
“ตื่นเสียทีเถอะรสสุคนธ์ เธอนะไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับน้าชีพ เมื่อคุณน้ากลับมา เธอก็เห็นกับตาแล้วนี่ถ้าเธอยังไม่หยุดเธอก็จะเป็นได้แค่นางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวของน้าชีพเท่านั้น”
รสสุคนธ์มองตามอย่างแค้นจัดจนเนื้อตัวสั่นน้ำตาซึม
ธารินทร์เดินตามอุษามาหยุดอยู่มุมหนึ่ง อุษาถอนใจ
“มีอะไรไม่สบายใจเหรอษา ผมว่าสีหน้าคุณดูกังวล”
“คุณพูดถูกนะคะรินทร์ เรื่องมันอาจไม่จบง่ายๆ” อุษาบอก
ธารินทร์มองเป็นเชิงถามอุษาพูดต่อ “เมื่อกี้รสมาต่อว่าษาใหญ่แถมอาฆาตว่าถ้าคราวนี้คุณน้าตายอีกเขาจะไม่ยอมให้คุณน้าฟื้น”
“อะไรนะกล้าพูดขนาดนี้เลยเหรอ”
“ษาเป็นห่วงคุณน้าจังคะรินทร์กลัวว่ารสจะทำร้ายคุณน้า”
“อย่าเพิ่งกังวลให้มากเกินไปเลยนะครับษาคนในบ้านตั้งเยอะแล้วตอนนี้ทุกคนก็ยอมรับแล้วว่าคุณน้าเป็นโรคประหลาด ถ้าท่านเกิดไม่รู้สึกตัวขึ้นมาอีก คงไม่มีใครกล้าเอาท่านไปวัดอย่างครั้งก่อนแล้ว”
“สำคัญที่น้าชีพ ษาว่าถ้าน้าชีพไม่เล่นด้วย รสสุคนธ์ก็คงไม่กล้า” อุษาว่า
“นั่นสิครับ ว่าแต่น้าชีพของคุณจะใจแข็งได้แค่ไหน วัวเคยขาม้าเคยขี่ โดนลูกอ้อนเข้า ผมกลัวแต่ว่าจะใจอ่อนเข้าจนได้นะสิ”
อุษามีสีหน้าไม่สบายใจมาก
ชีพเดินลัดเลาะมาตามเงาต้นไม้ เขาหันไปมองข้างหลังเป็นระยะๆ เหมือนกลัวใครเห็น ชีพเดินมาหยุดแล้วมองซ้ายมองขวาแล้วก็สะดุ้งที่จู่ๆรสสุคนธ์ก็โผล่เข้ามากอดรัดจากทางด้านหลัง
“คุณชีพขา..”
ชีพรีบดันตัวรสสุคนธ์ออก “อย่ารส เดี๋ยวใครเห็นเข้า”
รสสุคนธ์ไม่ยอม เธอยังกอดรัดชีพไว้ “ใครเห็นก็ช่าง ทุกคนในบ้านนี้ก็รู้อยู่แล้วว่ารสเป็นเมียคุณ”
“พูดบ้าๆ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้อีก เดี๋ยวลั่นทมเห็นฉันก็ซวยน่ะสิ”
“ที่แท้คุณก็กลัวเมีย ชีพขาคุณไม่รักไม่สงสารรสแล้วเหรอ รสจะบ้าตาย อยู่แล้ว รสหวงรสหึงที่คุณอยู่กับเมียคุณ รสทนดูจะไม่ไหวอยู่แล้วอกมันจะระเบิด”
“ฉันก็สงสารเธอ งั้นเอางี้นะเธอเก็บข้าวของออกไปจากบ้านซะฉันจะหาที่อยู่ให้ใหม่ แล้วถ้าฉันปลีกตัวได้ฉันจะไปหาเธอ”
รสสุคนธ์อึ้ง “นี่คุณคิดจะให้รสเป็นนางบำเรอเหรอคะ ชีพรสไม่ยอมนะ”
ชีพหงุดหงิด “ไม่ใช่..ก็เธอบอกว่าเธอทนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ฉันก็ไม่อยากให้เธอเสียใจ”
“รสจะทนให้ได้ค่ะขอแต่คุณต้องให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งรส รสจะอดทนทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ๆคุณ ให้คุณมาหารสบ้าง รสจะทนทนจนกว่าเมียคุณจะตายไปอีก”
ชีพลังเล รสสุคนธ์ลูบไล้ออดอ้อน “นะคะให้รสอยู่ ยังไงเมียคุณก็ให้ความสุขคุณไม่ได้หรอก ออดๆแอดๆ อย่างนี้ คุณลืมความสุขที่เรามีด้วยกันแล้วเหรอคะชีพ”
ชีพส่ายหน้า รสสุคนธ์ยิ้มพอใจก่อนจะดันตัวชีพหลบเข้ามุมมืดไป
หวานปัดที่นอนเตรียมตัวนอนชะงัก รสสุคนธ์เปิดประตูเข้ามาฮัมเพลงเบาๆ
“ชะนังนี่สงสัยใกล้จะบ้าแล้วมั้งเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เห็นร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่แหม็บ ๆตอนนี้เสือกครวญเพลงหงิงๆ”
หวานจะล้มตัวนอนแล้วก็ชะงักหันมาจ้องรสสุคนธ์
“แกหายไปไหนมานังรส”
รสสุคนธ์ยิ้มยั่วแล้วยักไหล่เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจะเข้าห้องน้ำ หวานตรงเข้าขวาง
“แกแอบไปเจอคุณผู้ชายมาเหรอ”
“ตกใจทำไมน้า น้าก็รู้อยู่เต็มอกว่าคุณผู้ชายของน้าน่ะผัวฉัน เมียจะไป หาผัว หรือผัวจะมาหาเมียมันน่าตกใจตรงไหน ขออาบน้ำก่อนล่ะเหนียวตัวเป็นบ้า คงต้องสระผมด้วยไม่รู้เศษดินเศษหญ้าจะติดผมมาบ้างหรือเปล่า”
รสสุคนธ์เดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไป หวานอึ้ง “หญิงก็ร้ายชายก็เลวจริงๆโธ่คุณผู้หญิงของอีหวาน”
ลั่นทมแต่งตัวเตรียมจะลงไปข้างล่าง ชีพที่แต่งตัวเรียบร้อยนิ่งสงบอยู่ทางหนึ่งเผลอพูดออกมา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านี่เป็นเรื่องจริง”
ลั่นทมมองชีพในกระจกเงาแล้วสะกดความน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องรสสุคนธ์ไว้
“ชีพไม่อยากให้ทมฟื้นใช่มั้ยคะ”
ชีพลุกขึ้นมาหา “พูดอะไรยังงั้น..ที่พูดนี่ผมดีใจต่างหาก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลั่นทมพูด “เข้ามาจ้ะ”
อุษาในชุดทำงานโรงงานเปิดประตูเข้ามา ตามด้วยหวานที่คุมสวาท จิ้มลิ้ม และยาใจยกอาหารเช้าของลั่นทม
“อาหารเช้าค่ะคุณน้า” อุษาบอก
ลั่นทมหัวเราะชอบใจ
“มากันเป็นขบวนเชียว น้าจะลงไปทานข้างล่างจ้ะ..อย่าลำบากกันเลยน้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“อย่าเลยค่ะ เพราะตอนนี้พวกที่โรงงานพวกชาวบ้านมากันเต็มห้องรับ แขกแล้ว เดี๋ยวคุณน้าไม่ได้พัก”
ชีพเข้ามาโอบกอดลั่นทมอย่างเอาใจ “ผมจะลงไปบอกให้พวกเขากลับก่อนนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ....ตอนนี้..ทมแข็งแรงแล้วจริงๆไม่อยากให้เค้าเสียน้ำใจ ทมขอเวลาทานข้าวสักครู่ ชีพช่วยลงไปรับรองก่อนนะคะ เดี๋ยวทมตามลงไป”
ชีพหอมแก้มลั่นทมแล้วพูดเอาใจ “เมียผมน่ารักแบบนี้นี่เองใครๆถึงรัก รวมทั้งผมด้วยนะ”
อุษาทำไม่รู้ไม่ชี้ หวานเองก็เฉย แต่พวกสวาทส่ายหน้าด้วยความระอา
“พวกเธอก็ช่วยไปดูแลหาอะไรให้พวกแขกข้างล่างทานด้วยจ้ะ ให้อุษาอยู่กับฉันคนเดียวก็พอ”
หวาน สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจพากันออกจากห้อง ลั่นทมลงมือกินอาหาร
“ธารินทร์หมอผันกับต้อยติ่งมาหรือยัง” ลั่นทมถาม
“มาแล้วค่ะ” อุษาตอบ
“นายวิเวกกับนายสมพรล่ะ”
“ษาให้ลุงฉ่ำไปตามแล้ว..ส่วนคุณไกรโทรมาบอกว่ากำลังมาค่ะ”
ลั่นทมรับรู้อย่างพึงพอใจ เธอพยักหน้าแล้วกินอาหารเช้า อุษานั่งมองลั่นทมแบบอยากจะบอกเรื่องรสสุคนธ์แต่ก็ไม่กล้า
ลั่นทมนิ่งอยู่ชั่วครู่จนอึดอัด “รสสุคนธ์ยังไม่ไปทำงานใช่ไหม”
ลั่นทมรู้ว่าอุษากำลังอึดอัดใจแต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอ้อ...ค่ะ..” อุษาอึกอัก
ลั่นทมยิ้มให้อุษาก้มหน้ารับประทานอาหารต่อเงียบๆ อุษามองอย่างไม่ค่อยสบายใจ
รสสุคนธ์ในชุดทำงานโรงงานโดนชีพลากมาทางหนึ่ง ชีพกระซิบ
“อย่าทำอะไรให้มีพิรุธนะ เก็บความรู้สึกให้ดีอย่าให้ลั่นทมจับได้เข้าใจนะ”
“เข้าใจค่ะ” รสสุคนธ์สงบเสงี่ยม
ชีพพยักหน้าพอใจแล้วรีบเลี่ยงไปทางหนึ่ง รสสุคนธ์มองตามแล้วเม้มปากนิ่ง
พนักงานที่โรงงานประกอบด้วยสมุห์ สายสมร และพนักงานส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิง มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งพากันรอแสดงความยินดีกับลั่นทม กระเช้าดอกไม้เตรียมไว้ 2 ชุดทั้งจากทางโรงงานและจากทางชาวบ้าน
“อยากเห็นจริงๆ คนตายแล้วฟื้นเหลือเชื่อ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
ผัน ธารินทร์ และต้อยติ่งอยู่อีกทางหนึ่ง ต้อยติ่งเดินเล่นไปรอบๆหลายคนคอยสังเกตอากัปกิริยาชีพกับรสสุคนธ์ แล้วแอบซุบซิบกัน
สายสมรกระซิบกับพนักงานหญิง “ดูแม่รสสุคนธ์สิ ยังกล้ามาเสนอหน้าอีก”
รสสุคนธ์ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งหันมาเห็นหลายคนมองมาแล้วซุบซิบก็โกรธแต่ก็พยายามระงับ
“นินทาได้นินทาไป คอยดูนะ ฉันได้ครอบครองสมบัตินังลั่นทมเมื่อไรพวกแกจะรู้สึก”
ต้อยติ่งถือสมุดและดินสอเข้ามาหารสสุคนธ์
“หนูขอสัมภาษณ์ค่ะ” ต้อยติ่งบอก
รสสุคนธ์งงจึงถามห้วนๆ “สัมภาษณ์อะไร”
“คือ..พี่ดีใจมั้ยที่คุณนายผู้หญิงของพี่ไม่ตาย”
รสสุคนธ์โกรธ “ไปให้พ้น..” รสสุคนธ์พึมพำ “นังเด็กเวร”
สวาทที่แจกน้ำอยู่ยื่นหน้ามากระซิบ
“อ้าว แม่รส เด็กมันถามดีๆ ก็ตอบไปซีว่าดีใจจนนอนไม่หลับเลยแหละ” สวาทหัวเราะเยาะ
รสสุคนธ์โกรธหันหลังกลับ สวาทพยักพเยิดกับจิ้มลิ้มและยาใจ
“สะใจจริงจริ๊ง รอวันนี้มานาน หนอยตอนนั้นทำมาจิกใช้ฉันวางท่าเป็นคุณนาย ตอนนี้กลับมาเป็นขี้ข้าเท่ากันเหมือนเดิมแล้ว”
“ก็ถึงทีพวกเราแล้วละสิ” จิ้มลิ้มบอก
“ฉันเตรียมไว้แล้ว ฮิๆ” ยาใจว่า
วิเวกกับสมพรเข้ามาหาหมอผัน
สมพรพูดกับหมอผัน “คุณนายเรียกมาทำไมรู้ไหมคุณลุงหมอ”
ฉ่ำเข้ามาสมทบหน้าระรื่น “สงสัยแจกตังค์แน่เลย..พวกเราทำความดี”
“ทำความดีอย่าหวังอะไรไอ้ฉ่ำ เงินทองนะของนอกกายเห็นมั้ยตายแล้วก็ เอาไปไม่ได้”
ฉ่ำรีบหันกลับมาหาผันแล้วไหว้ท่วมหัว “ครับหลวงพ่อ”
“ไอ้นี่บอกว่าข้าไม่ใช่พระ”
“ครับอาจารย์”
“ข้ายังไม่รับแกเป็นศิษย์นะโว้ยอย่ามาทึกทักเดี๋ยวปั๊ด...”
ฉ่ำหัวเราะแก้เก้อ ทั้งหมดหยุดคุยทันทีที่เห็นลั่นทมเดินเข้ามา ลั่นทมเดินเข้ามาโดยมีอุษาประคองมาด้วย ชีพปราดเข้าหาลั่นทมแล้วประคองลั่นทมไว้แทนอุษา
รสสุคนธ์อยู่ทางหนึ่งมองภาพบาดตาบาดใจนั้นอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น แต่ก็สู้ทนสงบนิ่งไว้ รสสุคนธ์กัดริมฝีปากแน่นตามองลั่นทมและชีพ ลั่นทมมองแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แถมจงใจยิ้มให้รสสุคนธ์ รสสุคนธ์นิ่งมอง ทำอะไรไม่ถูกจึงหันไปยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคน เธอรับกระเช้าดอกไม้จากสมุห์ตัวแทนโรงงานและจากตัวแทนกลุ่มชาวบ้านแล้วไปยืนพูด
“ขอบใจมากทุกคน..ขอร้องนะคะว่าอย่าเพิ่งพูดต่อๆกันไปฉันไม่อยากเป็นข่าว ขอให้รู้กันเฉพาะ พวกเราเท่านี้..ข่าวถึงหนังสือพิมพ์ฉันจะกลายเป็นตัวประหลาดที่ตายไปแล้วตั้งสี่วันกลับฟื้นขึ้นมาได้”
ไกรหิ้วกระเป๋าเอกสารเข้ามาอย่างรีบร้อน
“อ้อ คุณไกรเชิญค่ะ..” ลั่นทมพูดกับคนในโรงงาน “พวกเธอกลับไปทำงานเถอะจ้ะ พรุ่งนี้ฉันจะแวะไปกับพวกชาวบ้าน พี่ป้าน้าอาด้วยนะคะ ให้ฉันแข็งแรงอีกสักนิดจะจัดเลี้ยงขอบคุณในความมีน้ำใจของทุกคน..
กลุ่มคนงานโรงงานและกลุ่มชาวบ้านทำความเคารพแล้วกระซิบกระซาบกัน
“เหมือนเดิมจริงๆ”
“โชคดีนะ เอ้อ ตายแล้วฟื้นพึ่งเคยเห็น..”
“บุญรักษาแท้ๆ..” ชาวบ้านชายคนหนึ่งพูด
ทุกคนทยอยกันออกไป รสสุคนธ์ขยับจะตามกลุ่มโรงงานไปด้วย
“รสสุคนธ์ไปทำงานสายหน่อยก็ได้จ้ะ”
รสสุคนธ์ชะงักมองตาชีพๆหลบตา ลั่นทมหันไปพูดกับคนอื่นๆ
“เชิญทุกคนทางนี้ค่ะ”
ลั่นทมเดินไปทางหนึ่ง ชีพประคองไม่ยอมห่าง รสสุคนธ์มองตามแล้วสะกดความเจ็บปวดไว้เมื่อเห็นความใกล้ชิดของทั้งสอง รสสุคนธ์น้ำตาซึมเพราะจะไปก็ไปไม่ได้
ลั่นทมเดินมาที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น บนโต๊ะมีกล่องของเล่นจากโรงงานหลายกล่องและซองเงินหลายซอง ลั่นทมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ทุกคนเดินตามเข้ามา ทุกคนแยกย้ายกันนั่งบ้างยืนบ้าง ลั่นทมมองไปที่รสสุคนธ์เป็นคนแรกก่อนจะเรียกเรียบๆ
“รสสุคนธ์…”
รสสุคนธ์ชะงัก ชีพสะดุ้ง ทุกๆคนมอง
ลั่นทมยิ้มเยือกเย็น “เธอเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่แต่ก็ได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีในตอนที่คิดว่าฉันจะไม่มีวันฟื้น ฉันจะให้คุณชีพพิจารณาขึ้นเงินเดือนให้”
ลั่นทมหยิบซองบางๆมายื่นให้ “รับไปสิจ๊ะ”
รสสุคนธ์กำมือแน่นจิกเล็บไปที่เนื้อแล้วข่มใจ เธอเข้าไปรับแล้วยกมือไหว้จะถอยออกมา แต่ลั่นทมเรียกไว้ “เดี๋ยว..”
ชีพเหงื่อแตก ทุกคนมอง ลั่นทมหันไปหยิบกล่องตุ๊กตาส่งให้
“อะไรคะ”
“ตุ๊กตา”
รสสุคนธ์เค้นหัวเราะ “ฉันโตแล้วไม่ชอบเล่นตุ๊กตาหรอกค่ะ”
ลั่นทมอดไม่ได้ถามหมั่นไส้ “แล้วเธอชอบเล่นอะไร”
ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน ลั่นทมข่มใจได้ก็หัวเราะ “นี่ไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดานะมันเป็นสินค้าตัวใหม่จากโรงงานของฉันฉันตั้งชื่อว่าตุ๊กตาคุณธรรมจ้ะ ไม่ได้มีไว้เล่นแต่มีไว้คอยเตือนใจให้ ทำความดีละเว้นความชั่ว..รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และรู้จักบาปบุญคุณโทษ..ไม่ละโมบในทรัพย์สินผู้อื่น..รู้อย่างนี้แล้วเธอคงชอบนะ”
รสสุคนธ์จำใจรับกล่องตุ๊กตาอย่างเสียไม่ได้ ทุกคนแอบมองตากันไม่มีใครพูดอะไร ชีพกระแอมไอขึ้นมาอย่างลืมตัวอุษากับธารินทร์สบตากันอีกอย่างไม่เข้าใจลั่นทมเพราะไม่แน่ใจว่าลั่นทมรู้เรื่องระหว่างชีพกับรสสุคนธ์หรือไม่ ลั่นทมหยิบซองเงินมาอีกสามซองดูจ่าหน้าซองแต่ละซอง
“สวาท จิ้มลิ้ม ยาใจ..ขอบใจที่ช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาให้ระหว่างฉันไม่อยู่”
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจเข้ามารับซองเงินรางวัลที่ไม่หนานัก ทั้งหมดไหว้ด้วยความดีใจ ลั่นทมพูดกับสวาท จิ้มลิ้ม และยาใจ “แยกย้ายไปทำงานกันได้เลยจ้ะ”
สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจออกไป ฉ่ำกระดี้กระด้า
“ลุงฉ่ำ” ลั่นทมเรียก
ฉ่ำพรวดลุกขึ้นเข้าไปรับซอง
“ขอบคุณครับผม..”
ลั่นทมกระซิบได้ยินสองคน “ปอดนักนะเราน่ะ” ลั่นทมหยิบพวงกุญแจรถที่วางบนโต๊ะขยับเล่น “ฉันไม่ได้ตายซักหน่อยกลัวไปได้”
ฉ่ำงงงันที่ลั่นทมรู้ “คือ..” ฉ่ำพูดเบาๆ “รู้ได้ไง”
“ลุงพรกับนายเวกมีส่วนช่วยฉันไม่น้อย” ลั่นทมหยิบซองปึกใหญ่ออกมา “ฉันสมนาคุณมากหน่อย..เก็บไว้บ้างนะจ๊ะอย่าลงขวดหมด” ลั่นทมเศร้า “ฉันเคยตายมาแล้ว..อะไรที่มันไม่ดีอยากแนะนำให้เลิกซะ คนเรามันไม่แน่นอนจริงๆ” ลั่นทมปลง
สมพรกับวิเวกเข้ามารับรางวัลจากลั่นทมแล้วเดินไปสมทบ ฉ่ำรออยู่ที่ประตู ทั้งสามหัวเราะคิกคักกันแล้วเดินออกไป
“น้าหวาน” ลั่นทมหยิบซองค่อนข้างหนา “ขอบใจมากในความปรารถนาดี ที่น้ามีให้ฉันเสมอต้นเสมอปลาย”
หวานเดินเข้ามาไหว้รับซองมีความอึดอัดใจจนน้ำตาไหลแล้วรีบเดินออกไปจากห้อง ลั่นทมหยิบกล่องใส่สร้อยมาแล้วเปิดกล่องหยิบสร้อยทองออกมาคล้องใส่คอต้อยติ่งพร้อมหยิบกล่องตุ๊กตาที่ผลิตจากโรงงานให้ต้อยติ่ง
“น้าให้หนูจ้ะ”
ต้อยติ่งหอบกล่องตุ๊กตาไปที่มุมหนึ่งแล้วเปิดดูอย่างตื่นเต้น
“หมอผันคะ..ถ้าไม่ได้หมอผันฉันคงไม่มีโอกาสมานั่งที่ตรงนี้” ลั่นทมบอก
“โอ้ยฟลุ้คน่ะครับ..พอดีคุณนายไม่ได้ตายจริง ก็ต้องฟื้น แล้วได้ยาจากผม มันเลยพอดีกัน” ผันว่า
ลั่นทมหยิบซองบางๆมาถือไว้ “ไม่ค่ะ เพราะความสามารถและความปรารถนาดีของคุณลุงหมอ”ลั่นทมยกซองขึ้น “เป็นเช็คนะคะเพราะเงินค่อนข้างมาก” ลั่นทมพูดกับไกร “คุณไกรคะ” ไกรขยับตัว “ช่วยจัดการทำเรื่องโอนห้องแถวในตลาดให้คุณลุงหมอผันด้วย”
ผันสะดุ้งแทบตกจากเก้าอี้ “คุณนาย..ให้ผมขนาดนั้นเชียวเหรอมันมากไปนะครับ”
รสสุคนธ์กำมือแน่นที่สมบัติหลุดลอยไปอีกชิ้นโตๆ เธอสบตาชีพ ชีพเสียดายแต่ต้องฝืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ลั่นทมหันไปถามชีพ
“คุณว่ามากไปหรือคะสำหรับคนที่มีบุญคุณทำให้ทมได้กลับมาอยู่ กับคุณอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ”
“อ๋อ..ไม่..ไม่เลยจ๊ะคุณทำถูกแล้ว” ชีพว่า
“เห็นมั้ยคะชีพยังเห็นด้วยเลย หมอผันโปรดรับไว้เถอะค่ะ คุณไกร จัดการให้ด้วยนะคะ”
ไกรจดบันทึก “ครับผม”
ลั่นทมลุกขึ้นมาส่งซองเช็คให้ผันพลางกราบไหล่ของผัน
“และนี่เป็นเงินทุนสำหรับหมอผันจะจัดการกับห้องแถวพวกนั้นว่าจะทำการค้าขายหรือจะให้เช่าค่ะ”
ลั่นทมกลับมานั่งที่เดิม ผันปีติจนพูดอะไรไม่ออกจึงหันมามองหน้าอุษา อุษาจับมือหมอผันไว้ “สมควรแล้วค่ะหมอผัน..” อุษาบอก
“หมอผันจะไปดูลาดเลาที่ห้องแถวก่อนก็ได้ แต่เชิญคุณธารินทร์อยู่ก่อนค่ะ”
ผันเข้าไปหอบกล่องของเล่นของต้อยติ่งแล้วพาต้อยติ่งออกจากห้อง
“ไปไอ้ต้อยติ่ง” ผันพูดกับลั่นทม “ผมเลยลาคุณนาย..ขอไปตั้งสติรับความรวยหน่อยครับ มันกะทันหันหัวใจจะวาย”
ลั่นทมไหว้ผัน ผันพาต้อยติ่งออกจากห้อง รสสุคนธ์มองตามอย่างแค้นจัด ลั่นทมพูดกับไกร
“คุณไกรคะ เตรียมจดค่ะ” ลั่นทมนิ่งนึก “บ้านและที่ดินที่นี่”
รสสุคนธ์กับชีพมีท่าทางลุ้นอย่างลืมตัวระหว่างที่ลั่นทมกำลังพูดไปเรื่อยๆ
“เรือนทรงไทยพร้อมที่ดิน..ที่ดินที่เขาเอามาจำนองขาดไว้ทั้งหมด เครื่องเพชรเครื่องทองและเงินสด..ทั้งหมดนี้จะเป็นของอุษาเมื่อฉันเสียชีวิตแล้ว”
ชีพนิ่งอึ้งผิดหวังพูดไม่ออกเพราะเสียดายสุดแสน แต่ก็ไม่สามารถทัดทานอะไรได้ ส่วนรสสุคนธ์นั้นแทบจะยืนอยู่ไม่ติดตัวจนเนื้อสั่น เธอพยายามควบคุมความเสียดาย
“คุณน้าคะ..มันมากเกินไป”
“ไม่หรอกจ้ะ” ลั่นทมหยิบซองบางๆให้ “และนี่เป็นเช็คเงินสดสำหรับหนูไว้ใช้จ่าย” ลั่นทมพูดกับธารินทร์ “ถ้าน้าเป็นอะไรไปฝากดูแลอุษาด้วย”
“ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายครับคุณน้า”
อุษากราบลั่นทม ลั่นทมกอดอุษาไว้อย่างรักใคร่
“ขอบใจมากสำหรับสิ่งที่หนูได้ทำให้น้า..ตายไปคราวนี้ ทำให้น้าคิดอะไรได้หลายอย่าง..น้าควรเตรียมตัวไว้ไม่ประมาทก่อนที่จะตายไปจริงๆ..เธอสองคนไปได้แล้วจ้ะ”
ธารินทร์กับอุษาเกี่ยวก้อยกันออกจากห้อง ชีพนิ่งอึ้ง
“ลั่นทม ผมว่า..ไปพักก่อนดีกว่า เธออาจจะยังไม่ปกติ”
“ทมปกติที่สุดค่ะใครทำดีก็ควรได้สิ่งดีๆตอบแทน..ใครทำชั่วทมก็จะให้อภัย”
ชีพสะดุ้งและเผลอสบตากับรสสุคนธ์ ลั่นทมไม่สนใจและหันไปพูดกับไกร
“คุณไกรช่วยจัดการตามนี้นะคะ..อ้อ..ช่วยหาสถาปนิกมือดีๆให้ทมด้วยด่วนนะคะ”
ลั่นทมยิ้มกับทุกคนก่อนจะปล่อยให้ชีพประคองขึ้นชั้นบน รสสุคนธ์มองตามแค้นๆ
ชีพประคองลั่นทมให้นอน แต่ลั่นทมขืนไว้
“จะให้นอนอีกแล้วเหรอคะ..ขอทมนั่งพักดีกว่า”
ชีพพยักหน้าขยับหมอนขึ้นตั้งให้ลั่นทมนั่งพิงสบาย ชีพนั่งลงข้างๆ แล้วจ้องลั่นทม
“มีอะไรคะชีพ จ้องทมทำไม”
“คุณสบายดีหรือเปล่า”
ลั่นทมขำ “ทมสบายดีค่ะสบายมากรู้สึกโล่งใจที่ได้ทำอะไรๆไว้ให้ถูกต้อง ทำไมคะคุณเสียดายสมบัติพวกนั้นเหรอ”
ชีพได้สติ “ไม่จ้ะ..ไม่ใช่ผมแค่กลัวว่าทมอาจจะเบลอๆอยู่หรือเปล่า คุณเพิ่งฟื้น”
“ทมไม่ได้เบลอ ทมรู้ตัวทุกอย่าง คุณไม่ต้องห่วงนะคะชีพถ้าทมเป็นอะไรไปคุณก็ยังมีโรงงาน มีที่ดินอีกสิบเก้าแปลงถ้าคุณรู้จักใช้ยังไงชาตินี้ก็กินไม่หมด”
“ผมไม่ได้คิดถึงตัวผมนะทม ผมห่วงคุณแล้วก็ขอร้องอย่าพูดเรื่องตายอีกผมไม่ยอมให้คุณตายหรอก”
ชีพกอดลั่นทมไว้และแอบมองอย่างไม่พอใจเพราะเสียดายทรัพย์สิน
“ขอบคุณนะคะชีพที่รักตัวทมมากว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทมรักชีพ ทมต้องเตรียมไว้ให้ชีพมากกว่าทุกคนแน่นอน”
รสสุคนธ์เดินเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาเหี้ยมเกรียมเนื้อตัวสั่น รสสุคนธ์ขว้างซองเงินกับตุ๊กตาที่ลั่นทมให้ทิ้งกับพื้นห้อง
“นังผีดิบ..ฉันเกลียดแก ฉันอยากจะฆ่าแกนัก”
หวานเข้ามาก็ชะงักแล้วถอนใจ หวานก้มลงเก็บซองเงินกับตุ๊กตามายื่นให้
“เก็บไปสิคุณผู้หญิงท่านอุตส่าห์เมตตา”
รสสุคนธ์โกรธจนตาแทบถลน
“เมตตาเหรอกะอีเศษเงินแค่นี้ ฉันควรจะได้สมบัติมันทั้งหมด ถ้ามันไม่ฟื้นฉันรู้มันแกล้งฉันมันดูถูกฉันดูสายตาที่มันมองฉันสิ...แล้วก็นี่” รสสุคนธ์กระชากตุ๊กตาจากมือหวานเอามาฟาดไม่ยั้ง “ไอ้ตุ๊กตาคุณธรรมบ้าบอให้มาทำไม นี่ๆหักคอมันซะเลย”
“หยุดบ้าได้แล้วนังรส แกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
หวานจับตัวรสสุคนธ์ผลักไปนั่งที่เตียง
“ข้าว่าคุณผู้หญิงอาจจะสงสัยแกแล้วก็ได้ ก็หน้าตาท่าทางแกมัน ฟ้องเสียขนาดนั้น ท่านพูดจาแปลกๆแล้วก็กับแกคนเดียวเสีย ด้วย ทางที่ดีข้าว่าแกควรไปจากที่นี่ซะ”
“นี่น้าไล่ฉันเหรอ”
“ข้าหวังดีนะนังรส ไอ้จงไงถึงมันจะจนแต่มันก็เป็นคนดีตั้งใจทำกินแกช่วยมันอีกแรงรับรองว่าต้องตั้งเนื้อตั้งตัวได้แน่ๆ”
“เรื่องอะไรจะไป” รสสุคนธ์ตาวาว “ยังไงสมบัติมันก็ยังเหลืออีกเยอะฉันไม่ยอมทิ้งไปง่ายๆหรอกคอยดูกันไปก็แล้วกัน ว่าเกมนี้ใครจะชนะ”
“แกจะทำอะไรอีกนังรส”
“ก็ลองให้มันตายอีกครั้งสิ ฉันสาบานว่าฉันจะไม่ยอมให้มันฟื้นขึ้นมาเป็นมารฉันได้อีกแน่นอน”
หวานตะลึงและโกรธจัดจนลืมตัวตบหน้ารสสุคนธ์ฉาดใหญ่
“อีเนรคุณแกพูดออกมาได้ยังไง”
“ฉันจะพูดก็ฉันเกลียดมันเกลียดมัน”
“บอกให้หยุดหยุด”
หวานจับตัวรสสุคนธ์เขย่าแรงๆอย่างโกรธมาก
“ไม่ ฉันเกลียดมัน ฉันอยากจะฆ่ามันเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำไป ได้ยินมั้ยน้าได้ยินมั้ยฉันอยากจะฆ่ามัน”
รสสุคนธ์สะบัดอย่างแรงจนหลุดจากหวานแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หวานทรุดตัวลงนั่งหอบๆ ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดวิตก
ชีพขว้างปาข้าวของในห้องด้วยความโกรธแค้น
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะสมบัติพวกนั้นมันจะเป็นของฉันอยู่แล้วโธ่โว้ย ทำไม ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไม”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชีพตะคอก “ใคร..อย่าเพิ่งมากวนใจ”
ประตูเปิดเข้ามา ชีพมองอย่างไม่พอใจแล้วชะงักที่เห็นเป็นรสสุคนธ์ รสสุคนธ์มองข้าวของที่พื้นห้องก็เข้าใจ เธอตรงเข้ามาหาชีพ
“คุณเห็นหรือยัง เมียคุณเขาไม่ได้รักคุณเลย ไม่งั้นจะยกสมบัติมากมายที่ควรจะเป็นของคุณให้คนอื่นหมดเหรอ”
“ไม่ต้องมาตอกย้ำฉันโมโหจนจะบ้าอยู่แล้ว”
รสสุคนธ์เข้ามาลูบไล้ “รสไม่ได้มาตอกย้ำแต่รสห่วงคุณ มันคงกลัวว่าถ้ามันตายไปอีก คุณจะสุขสบาย มันก็เลยรีบแบ่งให้คนอื่นไปเสียให้หมดๆ”
ชีพแค้น “นังลั่นทมไม่รู้ว่าแกจะฟื้นขึ้นมาทำไม”
“ถ้าคุณยังปล่อยไว้อย่างนี้วันดีคืนดีแม่ลุกขึ้นมายกสมบัติให้ใครต่อใครอีกคุณจะไม่เหลืออะไรเลยนะคะชีพ”
ชีพนิ่งคิดตามที่รสสุคนธ์พูด รสสุคนธ์แอบมองชีพอย่างสมใจ
ต้อยติ่งเพลินกับของเล่นที่ได้จากลั่นทม ผันมองเช็คแล้วค่อยๆจับต้องลูบคลำอย่างทะนุถนอม
ต้อยติ่งหันมามอง “เอ้าพ่อจะดูจนเช็กมันเปื่อยเลยมั้ยเห็นดูตั้งแต่กลับมาป่านนี้ยังไม่เลิกดูอีก”
“เอ็งอย่ามาแซวข้านังต้อยติ่งเอ็งก็เหมือนกันนั่นแหละเห็นเล่น แต่ตุ๊กตาที่คุณนายให้ไม่วางซักที”
ทั้งสองคนชะงักมองธารินทร์ที่ขับรถเข้ามาจอดแล้วลงมากับอุษา
“พี่รินทร์มาแล้ว”
“มีอะไรเหรอไอ้รินทร์”
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อผมจะไปส่งษาที่โรงงานเลยแวะมาดูเศรษฐีใหม่ซะหน่อย รวยแล้วอย่าลืมลูกล่ะ”
ทั้งหมดขำกันยกเว้นผัน ผันพูดกับอุษา “คุณนายให้ลุงมากเกินไป”
“อย่าคิดมาเลยค่ะลุงหมอ ลุงสมควรได้ค่ะถ้าไม่มีลุงหมอช่วยคุณน้าคงแย่แน่คุณน้าบอกษาว่าลุงหมอเป็นผู้มีพระคุณคุณน้าจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ”
“เพราะคุณนายเป็นคนกตัญญูรู้คุณแบบนี้ถึงได้กลับฟื้นขึ้นมาได้ หวังว่าจะหมดเรื่องร้ายๆกับคุณนายเสียทีนะ”
ธารินทร์กับอุษามองหน้ากันด้วยสีหน้ายังเป็นกังวล
เช้าวันใหม่ ลั่นทมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารกับชีพ หวาน สวาท ยาใจ และจิ้มลิ้มช่วยกันยกอาหารเช้าเข้ามา หวานชะงักมองลั่นทม
“คุณผู้หญิงแต่งตัวจะไปไหนคะ”
“ฉันจะไปโรงพยาบาลสมานเวชนะจ๊ะ”
อุษาเข้ามานั่งที่โต๊ะ “ษาไปด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกแค่ตรวจเช็คเท่านั้น ไปทำงานเถอะ น้าไปกับน้าชีพได้”
อุษาอึกอัก “แต่...”
“เชื่อน้าสิน้าปกติแล้วจริงๆ”
ลั่นทมกินอาหาร อุษาแอบมองชีพประมาณให้ดูลั่นทมให้ดี ชีพมองตอบอย่างรำคาญ
อ่านต่อหน้าที่ 4
สุสานคนเป็น ตอนที่ 5 (ต่อ)
รสสุคนธ์นั่งกินข้าวอย่างซังกะตายอยู่ที่โต๊ะ สวาท ยาใจ และจิ้มลิ้มช่วยกันยกจานชามเข้ามา ทั้งสามคนเห็นรสสุคนธ์ก็พยักหน้าให้กัน ทั้งสามพร้อมใจวางจานชามตรงหน้ารสสุคนธ์
รสสุคนธ์เงยมองแล้วถามฉุนๆ “เอาจานชามพวกนี้มาวางตรงหน้าฉันทำไม ฉันกินข้าวอยู่พวกแกไม่เห็นเหรอ”
“ต๊ายตายถามได้วางทำไม ตอบเค้าหน่อยสิจิ้มลิ้ม”
“ก็วางไว้ให้หล่อนล้างนะสิยะ”
รสสุคนธ์โมโหแต่ข่มใจ “ทำไมฉันต้องล้าง”
“เอ้าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายไม่เคยได้ยินเหรอ พวกฉันตื่นมาทำกับข้าวแต่เช้าแล้วก็ยกไปเสิร์ฟให้คุณๆแล้ว หล่อนอยากตื่น สายก็มีหน้าที่เก็บล้างสิจ๊ะ”
รสสุคนธ์ลุกพรวดด้วยความโกรธจัด “ฉันไม่ใช่ขี้ข้าอย่างพวกแก”
ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน “แล้วเป็นอะไรละจ๊ะ”
“อ๋อเมียน้อย”
“ไม่ใช่ ฉันว่าเมียเก็บ”
“เอ๋ หรือนางบำเรอ”
ทั้งสามคนเฮหัวเราะกันเสียงดัง รสสุคนธ์แค้นจึงหยิบชามข้าวมาคว่ำใส่หัวจิ้มลิ้ม
“นี่ไงนางบำเรอ”
รสสุคนธ์หยิบชามแกงคว่ำใส่หัวยาใจ “นี่เมียเก็บ”
แล้วรสสุคนธ์ก็หยิบจานผัดผักคว่ำใส่หัวสวาท “แล้วก็นี่เมียน้อย”
รสสุคนธ์ปัดมือแล้วหัวเราะสะใจ พอทั้งสามคนหายตะลึงก็พุ่งเข้าใส่รส
“นังรส”
ทั้งสี่คนตบตีกันชุลมุน หวานเดินเข้ามาก็ตกใจตะโกนห้ามเสียงดัง
“หยุด..หยุดเดี๋ยวนี้”
แต่ไม่มีใครฟัง หวานวิ่งไปที่กระป๋องใส่น้ำมุมห้องครัวแล้วยกมาสาดใส่ทั้งสี่คน ทั้งสี่คนหยุดชะงัก หวานมองอย่างฉุนมาก
ชีพประคองลั่นทมมาที่รถ หวานถือกระเป๋ายาตามมาด้วย ฉ่ำรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตู ลั่นทมจะขึ้นรถก็ชะงักมองไปที่ประตู เธอเห็นบรรจงโผล่มาลับๆล่อๆที่ประตูหน้าบ้าน
ลั่นทมถามฉ่ำ “นั่นใคร”
ทุกคนหันไปมอง หวานรีบบอก “แฟนนังรสค่ะคุณผู้หญิง”
ชีพจ้องบรรจงไม่พอใจแต่ไม่กล้าแสดงออก
“เหรอ” ลั่นทมพูดกับชีพ “เดี๋ยวค่ะชีพ” ลั่นทมบอกหวาน “ไปเรียกเข้ามาซิ”
ชีพไม่พอใจ “จะเรียกมาทำไม น้าหวานควรไปบอกให้เขากลับไปเดี๋ยวก็มีเรื่องงามหน้าหรอก”
“จะงามหน้าได้ไงคะชีพ เขาเป็นแฟนกันอยู่ ถ้ารสสุคนธ์ไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วสิถึงจะเรียกว่างามหน้า” ลั่นทมว่า
ชีพสะอึก รสสุคนธ์เดินเข้ามาพูดเรียบๆ
“เดี๋ยวฉันจะไปไล่มันเอง”
“ไม่ต้อง ฉันอยากคุยกับเขาหน่อย ไปจ๊ะน้าหวาน ไปตามมา”
หวานรีบไปตามบรรจงที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ประตู
ลั่นทมหันมาทางรสสุคนธ์ “ถ้ารักกันฉันไม่ว่าอะไรหรอกรสสุคนธ์ เธอให้เขาไปมาหาสู่ที่นี่ได้ฉันอนุญาต”
รสสุคนธ์เชิดหน้า ชีพตาขวางแต่พยายามทำไม่รู้ไม่ชี้
“รสไม่ใฝ่ต่ำหรอกค่ะ”
“นี่คุณผู้หญิง” หวานพูดกับลั่นทม “มันชื่อบรรจงทำงานโรงกลึงค่ะ”
หวานพาบรรจงเข้ามา บรรจงไหว้ลั่นทม ชีพมองตาขุ่นขวาง
ลั่นทมพูดกับบรรจง “เห็นน้าหวานบอกว่าชอบพอกับรสสุคนธ์ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ใช่ครับผม”
“ฉันไม่ว่าอะไรนะ ถ้ารักรสจริง คิดจะตบแต่งกันละก็ฉันจะเป็นธุระจัดการให้ ที่พักก็ไม่ต้องห่วง ฉันยกบ้านคนงานให้หลังนึง มาช่วยกันทำงานที่นี่นะ”
บรรจงไหว้ลั่นทมอย่างดีใจ “ขอบพระคุณครับ”
ลั่นทมรับไหว้แล้วขึ้นรถ ชีพสบตารสสุคนธ์เพราะพูดอะไรไม่ออก เขาขึ้นรถไปนั่งคู่กับลั่นทม
ฉ่ำขับรถออกไป รสสุคนธ์มองตามด้วยแววตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น
รสสุคนธ์พูดกับหวาน “มันคิดว่าฉันเป็นขี้ข้าของมันเหรอ มันจะยกฉันให้ใครก็ได้ไม่ต้องถามความสมัครใจของฉันเลยใช่มั้ย”
หวานกระซิบ “คุณผู้หญิงหวังดีกับแกต่างหากนังรส”
หวานหยุดพูด บรรจงเข้ามาหารสสุคนธ์ “สบายดีมั้ยจ๊ะรส คิดถึงรสจังเลย รสล่ะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า”
รสสุคนธ์พูดใส่หน้าบรรจงเสียงดังลั่น “ไปลงนรกซะไป แล้วก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก”
รสสุคนธ์กลับเข้าในบ้านลั่นทม บรรจงยืนงง หวานได้แต่มองด้วยความสงสาร
รสสุคนธ์เข้ามาในห้องแล้วเหวี่ยงข้าวของเกลื่อนห้อง
“ฉันไม่ใช่ขี้ข้าแก นังลั่นทม ฉันเป็นเมียผัวแกต่างหาก”
หวานเดินเข้ามามองรสสุคนธ์อย่างปลงสังเวช
“พูดจาไพร่สถุลอย่างนี้น่ะเรอะ จะเอาชนะเค้าได้”
“มันแกล้งฉัน..มันเย้ยหยันเสียดสี เจ้ากี้เจ้าการเสือกไสไล่ส่งมันน่ะร้าย ที่สุด คอยดูฉันจะส่งมันไปลงนรก”
สวาทยื่นหน้าเข้ามา “ส่งใครไปลงนรกเหรอแม่รสสุคนธ์”
“ไม่มีอะไรหรอกไม่มีอะไร” หวานบอก
รสสุคนธ์หันมาตวาด “เสนอหน้าเข้ามาทำไม ยังไม่เข็ดใช่มั้ย”
“อุ๊ยไม่อยากจะเข้ามานักหรอกแค่จะมาบอกว่า..แฟนยังรออยู่เขาบอก อยากเจอหล่อนนะสิ เฮอะมีผู้ชายมารักมาชอบทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ใช่สาวใช่แส้แล้วก็น่าจะรีบคว้าไว้นะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
รสสุคนธ์คว้าของใกล้มือขว้างใส่สวาท สวาทหลบทันแล้วปิดประตูใส่ รสสุคนธ์ตะโกนลั่น
“นังหวาด”
บรรจงรออย่างกระวนกระวายแล้วยิ้มดีใจก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อเห็นรสสุคนธ์เดินเข้ามาหยุดยืนห่างๆนิ่งๆ
บรรจงจับมือรสสุคนธ์แล้วเอาเงินใส่มือ “รสพี่เอาเงินมาให้”
รสสุคนธ์สะบัดมือออกมองเงินนิดหน่อยอย่างดูถูก “เก็บไปใช้เองเถอะ เอาตัวเองให้รอดก่อน”
“แต่พี่ห่วงรส พี่ตั้งใจเอามาให้รสนะ”
รสสุคนธ์ตวาด “เอ๊ะก็บอกว่าฉันไม่เอา เงินแค่นี้ไม่พอยาไส้ฉันหรอกกลับไปเลยนะ แล้วก็เลิกเพ้อว่าฉันเป็นแฟนเสียที ไม่ต้องมาที่นี่อีก เข้าใจมั้ย”
รสสุคนธ์พูดจบก็เดินเข้าบ้าน บรรจงตะลึง
รสสุคนธ์เดินเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิดแล้วก็ชะงักที่เห็นหวานกำลังจัดเสื้อผ้าสวยๆที่ซื้อใหม่ลงกล่อง รสสุคนธ์รีบเข้ามากระชากจากมือหวาน
“นี่น้าจะทำอะไรกับเสื้อผ้าฉัน”
“ก็เก็บนะสิเสื้อผ้ามีราคาขนาดนี้แกจะเอามาใส่ได้ยังไง”
“ฉันจะใส่น้าไม่ต้องยุ่ง”
“แกจะบ้าเหรอ เสื้อตัวเดียวเกือบเท่าเงินเดือนแกทั้งเดือนคุณผู้หญิงไม่โง่นะแก”
“ฉันไม่สน ของๆฉันน้าไม่ต้องมายุ่ง ถ้าว่างนักก็เก็บเสื้อผ้าตัวเองดีกว่า”
หวานงง “เก็บทำไม”
“ฉันว่าจะบอกน้าอยู่พอดี ให้น้าย้ายไปนอนห้องเล็กติดกันนี่”
“อะไรนะ”
รสสุคนธ์ไม่ตอบแต่เอาเสื้อผ้าตัวเองออกจากกล่องแล้วไปหยิบข้าวของเสื้อผ้าที่เป็นของหวานมาใส่แทน
“เดี๋ยวเฮ้ยนังรสนี่แกให้ข้าย้ายทำไม ข้าไม่ย้าย” หวานว่า
“ก็ตามใจนะถ้าน้าไม่กลัวใจแตกตอนแก่ เวลาเห็นฉันนอนกับคุณชีพ”
“พิโถพิถังเอ๊ยนังรส แกคิดว่าคุณชีพเขาจะกล้าทำอะไรใต้จมูกเมีย เขางั้นเหรอ”
“กล้าไม่กล้าน้าก็คอยดูไป”
รสสุคนธ์มีสีหน้ามั่นใจมาก หวานถอนใจอย่างสุดกลุ้ม
“จะขยันทำชั่วไปถึงไหนวะนังรส นรกนะมันมีจริงนะแก”
“คนที่จะต้องไปนรกก่อนนะคือนังลั่นทมไม่ใช่ฉัน”
ลั่นทมนอนอยู่บนเตียงพยาบาลในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลเกรดเอโดยรอแพทย์อยู่ ชีพกระวนกระวายเมื่อนึกถึงตอนที่บรรจงมาหาที่บ้านเมื่อเช้า ลั่นทมถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าคะชีพ”
“ไม่มีอะไร... ผมแค่ห่วงงานทางโรงงานน่ะจ้ะมีเอกสารหลายอย่างยังค้างอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นคุณไปโรงงานก่อนก็ได้ค่ะ ที่นี่คงต้องรออีกนาน”
“แต่ผมก็เป็นห่วงคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะทมอยู่กับหมอนะคะ”
“งั้นก็ดีเหมือนกัน คุณอยู่ได้แน่นะ”
ลั่นทมสลดวูบเพราะรู้ว่าชีพเป็นห่วงรสสุคนธ์ แต่ด้วยเจตนาที่จะทำให้ทั้งชีพและรสสุคนธ์สำนึกตัว โดยเอาความดีเข้าสู้ทำให้ลั่นทมต้องข่มความน้อยเนื้อต่ำใจไว้
“ได้ค่ะ..ไปเถอะ แต่ต้องรีบมานะคะ”
ชีพจับมือลั่นทมบีบกระชับ “จ้ะๆ”
ชีพเดินกลับออกไป ลั่นทมมองตามแล้วเบือนหน้าไปทางหนึ่งในสภาพน้ำตากลบตา
คนงานในโรงงานกำลังทำงาน รสสุคนธ์เดินเข้ามาประจำหน้าที่เดิมด้วยใบหน้าบึ้งตึง สมุห์บัญชีผ่านมามองรสสุคนธ์แล้วยิ้มหยัน พนักงานหลายคนผ่านมาก็มองรสสุคนธ์เยาะๆ รสสุคนธ์เจ็บใจและแค้นมาก
สายสมรเข้ามาสั่ง “วันนี้ทำโอทีนะ”
“ฉันไม่ทำ” รสสุคนธ์บอก
“ออร์เดอร์เข้ามามากไม่ช่วยกันของจะส่งไม่ทัน..ถ้าเธอชอบทำงานสบายก็ลาออกไปทำ...อย่างอื่นไป๊”
“แก...” รสสุคนธ์ขยับจะด่าแต่สายสมรเดินไปไกลแล้ว รสสุคนธ์สั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความแค้นอุษาเปิดประตูห้องบัญชีแง้มดูความเคลื่อนไหวของรสสุคนธ์อยู่เงียบๆ
รสสุคนธ์เดินมาหยุดที่มุมหนึ่งของโรงงานด้วยความกระวนกระวาย รสสุคนธ์ยิ้มออกเมื่อเห็น
ชีพเดินเร็วๆ มองซ้ายขวาแล้วเข้ามาหา รสสุคนธ์ผวาเข้าหาแต่ต้องชะงักเพราะเห็นคนงานคนหนึ่งเดินผ่านมาชะลอมองก่อนจะเดินเลยไป รสสุคนธ์เดินเข้ามายืนข้างๆสำรวมเหมือนลูกน้องคุยกับนาย
ชีพพูดเสียงแข็ง “ไอ้บรรจงนะเป็นแฟนเธอจริงเหรอ”
รสสุคนธ์ตาวาววับอย่างพอใจที่เห็นชีพหึง “บรรจงเขาชอบรสแต่รสไม่ได้ชอบนี่คะโธ่มาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ รสแทบกระอักแล้วนะคะ พวกมันรุมแกล้งรสนังสายสมรมันใช้ รสอย่างกับทาส นี่มันก็บังคับให้รสทำโอที”
ชีพทำไม่รู้ไม่ชี้ทำทีเป็นตรวจงานแล้วกระซิบ “อดทนไว้..แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
“ไม่ค่ะรสจะกลับบ้าน ชีพค่ะไปเจอรสที่บ้านนะ”
“อย่าทำอย่างนี้สิเดี๋ยวคนงานสงสัย”
“กลัวทำไมคะพวกมันก็รู้อยู่แล้ว รสจะกลับถ้าคุณไม่ตามไปรสถือว่าคุณไม่ต้องการรส รสจะเก็บข้าวของไปกับบรรจง”
“จะบ้าเหรอ ฉันยิ่งไม่ชอบใจเรื่องเมื่อเช้าอยู่นะ” ชีพว่า
“ไม่ดีเหรอคะจะได้จบๆ ไปเป็นเมียบรรจงซะให้รู้แล้วรู้รอดไม่ต้องมานั่งกินน้ำใต้ศอกใคร”
รสสุคนธ์เดินงอนออกไป ชีพมองตามไปแบบทั้งหึงทั้งโมโหก่อนจะแยกตัวไปอีกทาง ธารินทร์ยืนแอบมองสองคนอยู่ที่มุมหนึ่ง
อุษาก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความตั้งใจ ธารินทร์ในชุดนายตำรวจครึ่งท่อนเดินเข้ามา อุษาเงยหน้ามองแล้วยิ้มให้
อุษาดูนาฬิกา “งานยังไม่เลิกค่ะ”
“ผมรอได้ครับ” ธานินทร์พูดเบาๆ “จับตาดูทั้งรสสุคนธ์และทั้งคุณชีพไว้นะ”
“ไม่ต้องจับหรอกค่ะ..เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาไม่ยอมเลิกกัน คนในบริษัทก็ดูจะรู้ๆ”
“ผมหมายถึงเขาทั้งคู่อาจจะสมคบกันเล่นงานคุณน้าคุณ ถ้าเขาเกิดอยากให้คุณน้าคุณตายไปจริงๆ”
อุษาตกใจ “คุณคิดยังงั้นรึคะ”
“ผมก็ยังไม่มั่นใจแต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้ไม่ใช่เหรอ”
อุษาพยักหน้าเข้าใจมองธารินทร์อย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณนะคะถ้าษาไม่มีคุณ..ษาคงแย่”
ธารินทร์เอียงแก้มเข้ามาหา “ถ้างั้นต้องให้รางวัลผมหน่อย”
อุษาหัวเราะส่ายหน้า ธารินทร์ยังเอียงแก้มตื้ออยู่ อุษาจูบที่มือตัวเองก่อนไปแตะที่แก้มธารินทร์ ธารินทร์ทำงอน
“แค่เนี้ยะ”
อุษาพูดจริงจัง “ค่ะแค่นี้”
อุษาเก็บของออกจากห้อง ธารินทร์รีบเดินตามไปติดๆ
หวานกำลังหอบเสื้อผ้าที่ซักแล้วของตนจะเอามาพับพอเปิดประตูเข้าไปแล้วเธอก็ร้องตกใจ
“ว้าย...”
หวานเห็นรสสุคนธ์กับชีพนัวเนียกันอยู่บนเตียง ทั้งสองผละออกจากกันทันที
ชีพถามรสสุคนธ์ “ไหนเธอบอกว่าหวานย้ายไปห้องเล็กแล้วไง”
รสสุคนธ์ฉุนแล้วต่อว่าหวาน “ฉันบอกให้น้าย้ายไปแล้ว ทำไมเข้ามาอีก พูดไม่รู้เรื่องเหรอ”
หวานมองชีพอย่างตำหนิ แต่จำต้องพูดอย่างเกรงใจ
“คุณผู้ชายคะ ที่จริงอิฉันก็ไม่อยากจะยุ่งแต่ตอนนี้คุณผู้หญิงเธอฟื้นแล้ว คุณผู้ชายอย่ามายุ่งกับนังรสอีกเลยค่ะ”
รสสุคนธ์ตวาด “หยุดนะ น้าหวาน..”
“แกนั่นแหละหยุด หยุดยั่วหยุดยุให้คุณผู้ชายทำผิดอีก ยังไงแกก็เป็นได้แค่นางบำเรอ”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ..ฉันรักรสจริงๆ นะน้าหวาน”
“แล้วคุณผู้หญิงละคะ”
รสสุคนธ์กลัวว่าหวานจะพูดอะไรไปมากกว่านี้จึงรีบไล่ด้วยความฉุนเฉียว
“ออกไป น้าหวานออกไปเดี๋ยวนี้”
“ข้าไม่ไป”
“เอาล่ะๆฉันออกไปเอง”
ชีพรีบเดินออกไป รสสุคนธ์จ้องหวานด้วยความโกรธสุดๆ ก่อนจะตวาดใส่
“เลิกยุ่งกับชีวิตฉันเสียทีได้ยินมั้ย”
หวานตะลึง รสสุคนธ์วิ่งตามชีพออกไป
ชีพเข้ามาในห้องด้วยความหงุดหงิด “บ้าเอ๊ย”
รสสุคนธ์เปิดประตูเข้ามาแล้วถลามาคุกเข่ากอดขาชีพ
“คุณรักรสหรือเปล่าคะ”
“รักซี นี่เห็นมั้ยฉันทิ้งลั่นทมไว้ที่โรงพยาบาล เพราะอยากมาหาเธอ”
“รักมากกว่าลั่นทมมั้ยคะ”
ชีพดึงตัวรสสุคนธ์ขึ้นมากอดกระชับแทนคำตอบ รสสุคนธ์ตาวาวโรจน์แล้วพูดเน้นๆ
“ถ้ามากกว่าก็กำจัดเขาไปให้พ้นเราซิคะ”
ชีพตกใจจึงดันรสสุคนธ์ออกห่างนิดหนึ่งแต่มือยังจับไหล่รสสุคนธ์แล้วจ้องมองรสสุคนธ์อย่างตะลึง
“รส..”
“มัวรออยู่แบบนี้เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันละคะ”
ชีพอึ้งและครุ่นคิดอย่างหนัก รสสุคนธ์หว่านล้อมต่อ “รสรักคุณ คุณรักรส เรามาร่วมมือกัน”
ชีพถามอย่างไม่มั่นใจ “ทำ..ทำยังไง”
“ทำยังไงก็ได้ให้เหมือนคราวที่แล้ว ไม่มีหลักฐานไม่มีใครจับได้พอแน่นิ่งก็ทำให้ตายจริงๆไปเลย คราวนี้รสจะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ศพ รสจะให้เขาฉีดยาเลย”
ชีพตะลึงในความดุเดือดของรสสุคนธ์
“แต่...ลั่นทมเขาก็น่าสงสารนะ ฉันว่าเขาก็คงอยู่อีกไม่นานหรอก อย่าเพิ่งวู่วามดีกว่า”
รสสุคนธ์มองชีพอย่างไม่พอใจ “ที่จริงคุณไม่ได้เกลียดเค้าเลย..คุณรักเค้าด้วยซ้ำ”
รสสุคนธ์สะบัดจะหนี แต่ชีพรั้งเธอเข้ามากอด
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฟังนะรส..มีคนรู้เรื่องของเรามากแล้ว ถ้าเราทำอะไรพลาดไปเราสองคนเสร็จแน่ อดทนไปก่อนเถอะนะฉันขอร้อง จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ ใจเย็นๆน่าฉันรักรส ฉันไม่ทิ้งรสแน่”
รสสุคนธ์นิ่งอึ้งเพราะโกรธที่ชีพไม่คล้อยตาม แต่ก็ไม่กล้าดึงดันจึงเปลี่ยนเป็นพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ก็ได้ค่ะรสจะเชื่อคุณ แต่ตอนนี้คุณต้องเชื่อรสก่อนนะแล้วคุณจะมีความสุข”
รสสุคนธ์เริ่มยั่วยวนหว่านเสน่ห์เต็มที่ทั้งสีหน้าและแววตา เธอทั้งกอดทั้งจูบแล้วสบตาชีพ ก่อนจะปลดเสื้อผ้าชีพอย่างตั้งใจ ชีพคล้อยตามรสสุคนธ์เหมือนถูกมนต์สะกด
ลั่นทมยืนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างห้องพักของโรงพยาบาล ลั่นทมเห็นรถจอดบริเวณโรงพยาบาลไม่กี่คัน และไม่มีรถของชีพ ลั่นทมหันกลับมาภายในห้อง อุษากับธารินทร์นั่งอยู่ ลั่นทมฝืนยิ้ม
“สงสัยงานยุ่งจนลืมแล้วล่ะมั้ง” ลั่นทมว่า
“ผมไปส่งให้ก็ได้ครับ” ธารินทร์บอก
“อย่าเลยจ้ะเดี๋ยวสวนกันไปมาเสียเวลาเปล่าๆ อาจจะกำลังมาก็ได้”
“มือถือก็ปิดเลยไม่รู้ว่าถึงไหนแล้ว”
“กลับไปเถอะษา เดี๋ยวน้าชีพก็คงมา”
ประตูห้องเปิดเข้ามา ชีพเดินอย่างรีบร้อนเข้ามาเห็นอุษากับธารินทร์อยู่ด้วยก็ยิ้มจืดๆ
“ขอโทษทีนะจ๊ะทม เอกสารมันวุ่นวายเหลือเกินไม่ได้สะสางเสียนาน ผมรีบมาที่สุดแล้วเนี่ย รอนานมั้ย”
“นานสิคะนี่มันกี่ทุ่มแล้ว” อุษาถาม
อุษาจ้องชีพด้วยความสงสัย ชีพหลบตา ลั่นทมรีบบอก
“ไม่เป็นไรหรอก คุณมาก็ดีแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
ชีพเข้ามาประคองลั่นทม ธารินทร์มองชีพอย่างรู้ทัน
“งานคงจะยุ่งมากจริงๆดูท่าทางคุณชีพเพลียมากนะครับ”
ชีพสะดุ้ง ลั่นทมมองชีพอย่างพิจารณา
“นั่นสิ..โธ่..ที่จริงโทรมาบอกก็ได้ ทมวานธารินทร์ไปส่งก็หมดเรื่องแต่นี่ติดต่อคุณไม่ได้ก็กลัวจะสวนกัน ปิดมือถือทำไมคะ”
“อ๋อ..เอ้อแบต..แบตหมดนะ” ชีพบอก
ลั่นทมพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินต่อ ธารินทร์กับอุษาสบตากันเพราะสงสัยชีพ
ลั่นทมในชุดนอนนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอยิ้มให้ชีพที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“อาบน้ำแล้วดีขึ้นมั้ยคะ” ลั่นทมถาม
ชีพเดินไปที่เตียงและกำลังจะดึงผ้าคลุมเตียงออก แต่เขาก็ชะงักหันมาตอบลั่นทม
“จ้ะสบายตัวขึ้นเยอะเลย คุณจะหวีอีกกี่รอบนะผมเห็นหวีมาตั้งนาน”
ชีพถามขำๆ ลั่นทมอารมณ์ดี “จะหวีให้ครบร้อยนะคะผมจะได้สวยๆ”
ชีพส่ายหน้าแล้วหันกลับมาดึงผ้าคลุมเตียงออกพร้อมกับพูดไปด้วย
“มานอนกันเถอะผมอยากนอน”
ชีพหยุดพูดเบิกตาโตด้วยความตกใจมาก เพราะชีพเห็นเสื้อในของรสสุคนธ์อยู่กลางที่นอน ลั่นทมวางแปรงแล้วพูดขำๆ ทำท่าจะลุกขึ้น
“เมื่อยมือแล้วพอดีกว่า ไม่เคยหวีได้ครบร้อยสักที”
ชีพทำอะไรไม่ถูกก็รีบปิดผ้าคลุมไว้อย่างเดิม เขาถลาเข้ามาจับบ่าลั่นทมแล้วกดให้นั่งลงหน้ากระจกอย่างเดิม ลั่นทมมองงงๆ “คะ”
“ผมจะหวีให้คุณเอง ก็..คุณเมื่อยมือไม่ใช่เหรอ”
“แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าอยากนอน คุณเหนื่อยมาทั้งวัน”
ชีพแกล้งดุ “อย่าขัดใจผมน่า ก็ผมอยากหวีผมให้ทมนี่ ตั้งแต่อยู่กันมาผมไม่เคยทำให้ทมเลย ทมรู้มั้ยมีอีกหลายอย่างที่ผมอยากทำให้ทมกว่าผมจะรู้ก็เมื่อวันที่ผมเสียทมไป เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ผมจะทำให้ทมทุกอย่างทำให้ทมมีความสุขที่สุด”
ลั่นทมตื้นตัน “จริงเหรอคะชีพ คุณคิดแบบนี้จริงๆเหรอ”
“แน่นอนที่สุด มาเรามาเริ่มนับหนึ่งกันเลยนะ เอาหนึ่ง..สอง..สาม”
ลั่นทมมองเงาชีพในกระจกด้วยความรัก ชีพหวีผมลั่นทมไปและนับไปเรื่อยๆ
รสสุคนธ์นั่งมองเงาตัวเองในกระจกด้วยตาวาววับพร้อมยิ้มอย่างสะใจ รสสุคนธ์คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
ภาพในอดีต รสสุคนธ์จัดที่นอนให้เข้าที่ เธอหันไปมองเห็นชีพกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกอย่างรีบร้อน
“ไม่น่าเผลอหลับไปเลย เร็วๆหน่อยรส เธอจัดที่นอนให้ดีอย่าให้ลั่นทมรู้น่ะ”
“ค่ะ..ไม่ต้องห่วง”
รสสุคนธ์เห็นชีพไม่ได้มองมาจึงวางเสื้อในไว้กลางที่นอนแล้วยิ้มเยาะก่อนจะเอาผ้าคลุมเตียงคลุมไว้ตามปกติ
รสสุคนธ์พึมพำ “ถ้ามันรู้ว่าคุณชีพกับเรามีอะไรกันบนเตียงนอนของมัน คงโกรธจนช็อคตายไปอีกรอบแน่ๆ คราวนี้แหละฉันจะไม่ยอมให้แกฟื้นขึ้นมาได้อีกนังลั่นทม”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รสสุคนธ์สงสัยและรำคาญ
“ยัยน้าหวานอีกสิท่า เป็นแม่ก็ไม่ใช่ ทำไมยุ่งชะมัด”
รสสุคนธ์เดินไปเปิดประตูกระแทกแล้วก็ตกใจที่ชีพรีบผลักประตูเข้ามา
รสสุคนธ์ดีใจมาก “คุณชีพ”
ชีพกระแทกเสื้อชั้นในใส่มือรสสุคนธ์แล้วตะคอกอย่างไม่พอใจ
“เธอทำบ้าอะไร”
รสสุคนธ์ทำไก๋ “อะไรคะอุ๊ยเสื้อใน”
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าเพิ่งวู่วามทำอะไรต้องคิด แล้วนี่เธอทำอะไรเธอจงใจจะให้ลั่นทมรู้ใช่มั้ย”
“เปล่านะคะก็เรารีบๆกันสงสัยรสจะลืม”
ชีพมองรสสุคนธ์ฉุนๆ “ไม่ต้องมาไก๋ฉันไม่ได้โง่นะรสสุคนธ์ รู้มั้ยฉันเกือบหัวใจวาย เมื่อกี้ถ้าลั่นทมเห็นต้องเกิดเรื่องแน่”
“ก็ดีสิคะมันจะได้ช็อคตายไปเลย”
“แล้วถ้าเขาไม่เป็นอะไรล่ะคนที่จะตายคือฉันกับเธอ คราวนี้ก็จะชวดสมบัติทั้งหมด เธอนี่ทั้งโง่ทั้งบ้า ถ้าเธอยังทำอะไรบ้าๆโดยไม่ปรึกษาฉันก่อนแบบนี้อีก ฉันอาจเปลี่ยนใจทิ้งเธอเข้าจริงๆก็ได้นะ”
ชีพผลุนผลันออกไป รสสุคนธ์แค้นจึงดึงที้งเสื้อในจนอยากจะฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
วันต่อมา ชีพประคองลั่นทมที่มีหน้าตาแจ่มใสเข้ามาในห้องรับแขก อุษาในชุดทำงานตามมาคอยดูแลลั่นทม ไกรกับพลวัต สถาปนิกลุกขึ้น
ไกรพูดกับพลวัต “คุณลั่นทมครับ” ไกรพูดกับลั่นทม “นี่คุณพลวัต สถาปนิกมือหนึ่งที่คุณนายต้องการครับ”
พลวัตไหว้ลั่นทม ลั่นทมรับไหว้แล้วไปพูดกับชีพ
“ชีพคะ..ทมมีความลับสุดยอดยังไม่อยากให้ ชีพรู้ตอนนี้..ห้ามชีพเข้าไปในเรือนไทยเป็นอันขาด นะคะ”ลั่นทมว่า ชีพมอง “ห้ามถามค่ะรับปากซิคะ”
ชีพมองลั่นทมด้วยความแปลกใจแต่ก็จำใจรับปาก
“ก็ได้..แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทมนะ”
“ค่ะ สัญญา..คุณไปโรงงานเถอะค่ะ ทมอยากจะปรึกษากับสถาปนิกซักหน่อย”
ชีพยิ้ม “มีอะไรเป็นความลับเหรอ แค่ฟังก็ไม่ได้หรือไง”
ลั่นทมพยักหน้า “ค่ะ เซอร์ไพร์ส”
“ก็ได้” ชีพพูดกับไกร “ฝากด้วยนะคุณไกร”
“ครับคุณชีพ”
ชีพเดินออกไป ลั่นทมหันมาทางอุษา “ษาด้วยนะจ๊ะ..ห้ามเข้าในเรือนไทยเด็ดขาด...บอกทุกคนด้วย”
“คุณน้าจะทำอะไรคะ” อุษาถาม
“ยังไม่บอกตอนนี้รอให้เสร็จก่อน อ้อคุณไกรก็กลับไปได้แล้วนะคะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณพลวัตไปที่เรือนไทยเอง” ลั่นทมพูดกับสถาปนิก “เชิญค่ะ”
อุษามองอย่างเป็นห่วงๆปนสงสัยท่าทางของลั่นทม
ธารินทร์ขับรถมาตามทาง
“คุณน้าคงอยากต่อเติมซ่อมแซมละมั้ง เพราะว่าเรือนไทยหลังนั้นก็เก่ามากแล้ว” ธารินทร์บอก
“ถ้าแค่นั้นทำไมต้องห้ามทุกคนเข้าไปละคะ” อุษาสงสัย
“นั่นสินะคิดอีกทีก็แปลกจริงๆ หรือว่าคุณน้าคิดจะทำอะไร”
“แล้วมันคืออะไรละคะษาคิดอยู่นานแล้วก็คิดไม่ออก”
“ผมว่าอย่าคิดมากไปเลย คุณน้าคงมีเหตุผลของคุณน้า อดใจรออีกหน่อยเดี๋ยวพอเสร็จแล้ว ยังไงก็ต้องรู้อยู่ดี”
อุษาเงียบแต่สีหน้าครุ่นคิด ธารินทร์หันมามองแล้วพูดล้อๆ
“คิดมากเดี๋ยวแก่เร็วนะ ผมยังไม่อยากมีเจ้าสาวหน้าแก่เกินอายุนะครับ”
“ษาบอกตอนไหนว่าษาจะยอมเป็นเจ้าสาวของคุณ”
“คุณลืมแล้วเหรอคุณน้าฝากคุณไว้กับผมก็เท่ากับท่านยอมรับผมเป็นหลานเขยแล้ว เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเป็นเจ้าสาวของผมอย่างไม่มีทางเลี่ยงแล้วล่ะ”
ธารินทร์หัวเราะชอบใจ อุษามองแล้วก็อดยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วยไม่ได้ ธารินทร์เอื้อมมือมากุมมืออุษาไว้ อุษายอมให้กุมมือไว้แต่โดยดี
ลั่นทมกับพลวัตเดินผ่านต้นไม้สองข้างทางไปทางหลังบ้านที่มีบรรยากาศร่มรื่นแต่ก็เงียบวังเวง มีต้นไม้รกทึบดูน่ากลัว ลั่นทมมองไปรอบๆ
“ไม่ได้มาดูแลซะนาน รกเหมือนกันนะ”
“คุณนายจะเหนื่อยมั้ยครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ โรคของฉัน พอฟื้นแล้วมันก็แข็งแรงดี เอ่อ คุณพลวัตคะ”
“ครับผม”
“คุณคงแปลกใจที่ฉันสั่งทุกคนแบบนั้น ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ฉันไม่อยากเป็นตัวประหลาด ให้ใครพูดวิพากษ์วิจารณ์ฉันเท่านั้นเองค่ะ”
พลวัตมองตามลั่นทมอย่างไม่เข้าใจอยู่ดี ลั่นทมมีแววเศร้าไปอย่างเห็นได้ชัด
ลั่นทมพาพลวัตมาหยุดที่หน้าเรือนไทย
“เชิญค่ะ”
“คุณนายจะบอกผมได้รึยังว่าจะให้ผมทำอะไร” พลวัตถาม
“ฉันกำลังจะบอกเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ลั่นทมพาพลวัตเข้าไปในเรือนไทยพลางกล่าวบอกเจตนารมณ์ในการที่จะสร้างสุสานสำหรับตัวเอง
พลวัตฟังไปก็อ้ำอึ้งมองลั่นทมอย่างไม่แน่ใจว่าลั่นทมพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ลั่นทมก็ยังคงพูดอธิบายเรื่อยไปว่าตนต้องการอะไรบ้างในขณะที่อีกฝ่ายมองลั่นทมแทบไม่เชื่อสายตาและมีสีหน้าแปลกใจ
เวลาผ่านไป ลั่นทมกับพลวัตเดินออกมา
“เริ่มลงมือได้เลยนะคะฉันอยากให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”
“ครับผม”
สวาทกำลังกินข้าวต้มกันอย่างอร่อย หวานพูดเสียงดัง
“เอาล่ะรู้กันทั่วทุกคนแล้วนะ”
รสสุคนธ์เดินเข้ามา สวาทถามด้วยความสงสัย
“แปลกจังคุณผู้หญิงท่านจะทำอะไรกับเรือนไทยหลังนั้นกันนะ”
“นั่นสิดูลึกลับชอบกล ทำไมต้องห้ามด้วย”
รสสุคนธ์สงสัยแต่ไม่ถาม เธอตรงมาตักข้าวต้มจากหม้อบนโต๊ะ ยาใจรีบลุกมายกหม้อหนี รสสุคนธ์ฉุน
“แกทำอะไร ฉันจะกินข้าว”
“เอ้าก็ไหนว่าอาหารเช้าแบบนี้กินไม่เป็นไงจ๊ะ ใช่มั้ยพวกเรา”
ยาใจหันไปหาพวก จิ้มลิ้มกับสวาทรับพร้อมกัน “ใช่ๆๆ”
สวาทเลียนเสียงรสสุคนธ์ “อาหารเช้าของฉันต้องไข่ดาว เบคอนอ๊อเบคอนไม่มีไส้กรอกก็ได้ อุ๊ยกาแฟก็แด๊กไม่เป็นขอกระแดะแด็กน้ำนางเอกทั้งๆที่เป็นนางมารเห็นๆ”
ทั้งสองคนช่วยกันโห่เป็นลูกคู่พร้อมเพรียง รสสุคนธ์แค้นชี้หน้าด่ากราด
“อีพวกขี้ข้าคอยดูนะ อีกไม่นานเงาหัวจะไม่มี”
รสสุคนธ์เดินปึงๆออกไป หวานส่ายหน้าอ่อนใจแล้วหันมาจ้องดุๆกับพวกสวาทที่หัวเราะขำกลิ้งที่แกล้งรสได้ หวานมีสีหน้าเจื่อนไป
พลวัตพาทีมงานก่อสร้างพร้อมเครื่องไม้เครื่องมือและข้าวของต่างๆ ทั้งไม้ เหล็กเส้น ปูนหินทรายเข้าไปทางเรือนทรงไทย รสสุคนธ์ซึ่งซุ่มอยู่มุมหนึ่งมองไปทางเรือนทรงไทยอย่างอยากรู้อยากเห็น พอจะเดินไป หวานก็เข้ามาขวาง
“จะไปไหนนังรส”
รสสุคนธ์ชะงัก “ไปดูว่าเขาจะสร้างอะไรกัน”
“บอกแล้วไงว่า คุณผู้หญิงสั่งไม่ให้ใครไปยุ่ง”
“เค้าจะทำอะไรกัน น้ารู้ใช่มั้ย”
“ข้าไม่รู้”
“โกหก”
“ข้าจะโกหกทำไม”
“ก็เพราะน้าเข้าข้างมัน เห็นมันดีกว่าหลานในไส้”
“ก็เพราะหลานมันเลวไงข้าถึงไม่เข้าข้าง”
“ปากดีไปเหอะ..ฉันได้สมบัตินังลั่นทมวันไหนน้าจะเสียใจ”
รสสุคนธ์เดินปึงๆไปอีกทาง หวานมองตามไปด้วยความกลุ้มใจ
“นังนี่มันบัวใต้น้ำจริงๆ เฮ้อกลุ้ม”
อ่านต่อตอนที่ 6