สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 20
กรรัมภาเดินแยกออกมาอีกมุมหนึ่งของโรงแรม ที่ผู้คนบางตา ไม่มีพวกแฟนคลับแล้ว สุคนธรส ไตรรัตน์เดินตามมาด้วยความเป็นห่วงตลอด กรรัมภาทรุดนั่งที่ขอบทาง ยังคงเหวอ ช็อกไม่หาย
“พวกผู้ชายพูดจาเห็นแก่ได้ทุกคน ขอให้ตัวเองรอดและเป็นสุข คนอื่นจะเป็นยังไงช่างมัน” สุคนธรสพูดจากระแทกไตรรัตน์ “ยัยแก้ม แกจะมานั่งจิตหลุดตรงนี้ไม่ได้ ลุก”
“จุนจีเป็นซุปตาร์ เขาต้องเป็นเทพบุตรสุดที่รักของคนทุกคน จะเป็นของใครคนนึงไม่ได้ ฉันต้องปกป้องเขา ต้องไม่ทำให้เขามีปัญหา ต้องอดทน จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ ต้องคิดถึงคนที่เรารักด้วย ถึงจะเรียกว่าความรัก”
“คุณแก้มคิดถูกต้องแล้ว คนแถวนี้ ควรจะจำไว้บ้าง”
สุคนธรสหันมาจิ๊จ๊ะปากกับไตรรัตน์ มือถือของกรรัมภาดังขึ้น เธอดูเบอร์แล้วรีบรับสาย
“คุณโทรมาทำไม มันไม่ปลอดภัยรู้หรือเปล่า”
จุนจีพูดโทรศัพท์อยู่ในห้อง โดยมีลีจองกุ๊กคอยคุมอยู่
“ผมอยากอธิบายให้คุณเข้าใจ เรื่องแถลงข่าว...”
“ไม่ต้อง คุณเป็นซุปตาร์ก็ต้องแถลงข่าวอย่างนั้นเพื่ออนาคตของคุณ ฉันเข้าใจทุกอย่าง คุณอย่าโทรมาหาฉันอีก เดี๋ยวนักข่าวสงสัย แล้วจะเป็นเรื่อง ลบเบอร์ของฉันทิ้งไปเลย “
“คุณแก้ม ทำไมพูดอย่างนี้ คุณประชดผมใช่มั้ย”
“ฉันพูดจริงๆ ถ้าคุณมีเร็คคอร์ดอะไรที่เกี่ยวกับฉัน ก็ลบทิ้งให้หมด เข้าใจมั้ย ฉันเป็นห่วงคุณ แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ”
กรรัมภาวางสายไปเลย
“ใช่ๆฉันก็ต้องลบทุกอย่างทิ้งด้วยเหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยของจุนจี”
กรรัมภาลบทุกอย่างในมือถือทิ้ง เพื่อนๆห่วงใย
“เพื่อนคุณอาการปกติดี...ใช่มั้ย” ไตรรัตน์ถาม
จุนจีที่กดโทรซ้ำอีกรอบ แต่กรรัมภาไม่รับสายแล้ว
“เยี่ยม..มันเป็นทางออกที่ถูกต้อง นายไม่ต้องไปสนใจ ผู้หญิงที่ขี้น้อยใจ ไม่เข้าใจธรรมชาติของซุปตาร์ ก็ไม่คู่ควรจะเป็นแฟนซุปตาร์ เลิกคบกันถูกต้องแล้ว”
จุนจีหันมาจ้องลีจองกุ๊กด้วยสายตาดุมาก ลีจองกุ๊กเสียงอ่อย
”กุ๊กหวังดีนะ”
จุนจีจะออกไปจากห้อง
“จุนจีจะไปไหน..” ลีจองกุ๊กรีบตามไปขวาง “ยูเป็นซุปตาร์ไม่ใช่ซุปไก่ ใครๆก็จำยูได้ อย่าหาเรื่องให้กุ๊กตกงานเลย...พลีส”
จุนจีลังเล
อีกด้าน โรงแรม ซองซูและเป้ย เดินแยกออกจากนักข่าวมา สีหน้าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
“ทำไมบริษัทถึงไม่ปลดมันจากละคร”
“ใครจะโง่ปล่อยให้ศิลปินเบอร์หนึ่งของค่ายร่วงจมดินง่ายๆล่ะ ไม่ใช่พระรองตลอดกาลแบบคุณ อย่าฝันเป็นพระเอกเลย”
ซองซูกระชากแขนเป้ยมา
"ถึงผมจะเป็นพระรอง แต่ผมก็มีดี”
ซองซูจับมือเป้ยให้จับท้องตัวเอง
“แข็งใช่มั้ย ซิกแพ็กผม เล่นละครกี่เรื่องๆ ต้องมีฉากให้ผมถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็คทุกเรื่อง ไม่ปล้ำนางเอก ก็ปล้ำนางร้าย มันเพราะอะไร เพราะผมมีเซ็กแอพพีล ที่คนอย่างจุนจีไม่มี”
“คุณก็มีดีแค่นี้แหละ นอกนั้นห่วย”
ซองซูดึงเป้ยมา กดไปกับกำแพง
“แล้วผู้หญิงอย่างคุณ ไม่ได้ต้องการแค่นี้เหรอ”
เป้ยผลักซองซูออก
“ฉันเป็นนางเอก เรื่องเงินเรื่องเล็ก ฉันต้องการคนที่บารมีเท่าเทียมกัน ต้องระดับซุปตาร์อย่างจุนจีเท่านั้น...จำไว้”
เป้ยเดินเริ่ดๆออกไป
“ถ้าจุนจีมันหมดอนาคต อยากรู้ว่าคุณจะยังเลือกมันอีกมั้ย”
อรวีขับรถพาสมชายมาที่บ้านอติเทพ สมชายเครียด คิดหนัก
“ทำไมคุณพิมพิลาศต้องระบุเงื่อนไข ให้มีการเซ็นยินยอมทั้งสองฝ่าย พินัยกรรมถึงจะมีผล ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้ยาก”
“ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้เฉลียวใจ ไม่คิดว่าไอ้จุนจีมันจะมีปัญหามากอย่างนี้”
“จนป่านนี้คุณจุนจียังไม่ยอมเซ็น เราจะทำยังไงดีคะพ่อ”
“ฉันจะหาทางจัดการเอง แกไปทำให้ไอ้อติเทพมันขอแกแต่งงานให้ได้ ฉันจะได้สบายใจว่าแกจะได้มีส่วนร่วมในมรดกของยัยพิมพิลาศแน่ๆ”
“หนูรู้...”
สมชายยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด เพราะมองออกไป เห็นว่าอติเทพออกมาจากในตัวบ้าน มองมาที่รถ กวักมือเรียกให้รีบเข้ามาหา
ภายในบ้านพิมพิลาศ...อติเทพกำลังรออยู่ ท่าทางงุ่นง่าน
“คุณมีเรื่องอะไรถึงเรียกให้พวกเรามาหาด่วนครับ”
“เอ้า“
อติเทพยื่นเอกสารยอมรับพินัยกรรมที่มีลายเซ็นของจุนจีและของอติเทพกำกับอยู่ สมชายกับอรวีเห็นลายเซ็นในเอกสารแล้วต้องตะลึง
“นี่มันลายเซ็นปาร์คจุนจี”
“ใช่ ลายเซ็นไอ้จุนจีของแท้ มันเซ็นยอมรับพินัยกรรมคุณพิมพิลาศแล้ว พวกคุณรีบไปจัดการโอนทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นของผมตามพินัยกรรมด้วย”
“คุณไปเอาลายเซ็นจุนจีมาได้ยังไง”
“เฮ้ย อย่าเซ้าซี้มาก มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป คุณเป็นทนาย อายุงานก็ไม่ใช่น้อยๆ ..ก็น่าจะฉลาดพอที่จะรู้ว่า..อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ..ไม่ใช่เหรอ”
อติเทพเดินแยกออกไป กระหยิ่ม
ทนายสมชายกำเอกสารแน่น รู้ว่าอติเทพต้องได้มาด้วยวิธีไม่ซื่อ แต่ทำอะไรไม่ได้
พงอินทร์ขับรถมาจอดหน้าบริษัทซิกส์เซนส์
“ขอบใจมากที่มาส่ง”
กรรณาบอกลงจากรถ กำลังจะเข้าบ้าน พงอินทร์เดินตามมา
“เดี๋ยว”
พงอินทร์ยื่นของให้ เป็นซองเงินสด
“ค่าจ้างที่เธอช่วยฉันสืบเรื่องพี่พิม สองเท่าของที่นายแผนยุทธให้”
“โจ้ นายมีตังค์หรือเปล่า ถ้าไม่มีค่อยๆผ่อนก็ได้ เพื่อนๆฉันคงไม่ว่า”
“ฉันรวยน่า พอมีสัมมาอาชีพทำกะเขาบ้าง”
“อ้อ เพิ่งรู้ ว่ามีอาชีพ”
“บ้า เคยดูสารคดีของฉันบ้างหรือเปล่า ขายให้เนชั่นแน่ลจีโอกราฟฟิคตั้งหลายเรื่องเลยนะ”
“อ้าว งั้นเธอก็เป็นคนดังและรายได้ดีชิมิ ดี...ฉันจะได้ไม่เกรงใจ”
กรรณารับซองมา เปิดดูเงินที่อยู่ด้านใน แล้วยิ้มแก้มปริ แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะอยู่ๆพงอินทร์ก็ยื่นหน้าเข้ามาจ้องใกล้ๆ
“อะไร”
“วันนี้เธอสวยจัง”
กรรณาเขิน พงอินทร์จับแก้มกรรณาให้หันหน้ามามองชัดๆ
“วันนี้เธอแต่งหน้าด้วย กรรณาแว่วเสียงผีครึ้มอกครึ้มใจอะไรแต่งหน้า”
“นี่...ก็ฉันเป็นผู้หญิง แต่งหน้าไม่เห็นแปลก นายจะมายุ่งอะไรด้วย”
กรรณาหันจะเดินหนี แต่พงอินทร์ตามมาขวาง
“เธอแต่งหน้าเพราะอยากให้ฉันประทับใจในตัวเธอใช่มั้ย”
“ประสาทแล้ว”
“อย่ามาปิดบัง การแต่งหน้าของเธอก็เหมือนเวลาที่นกยูงรำแพน เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าฉันอยากมีคู่นั่นแหละ”
“ทำไมนายชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตในป่าด้วย”
“แล้วฉันพูดถูกใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้สวยเพื่อนาย ฉันจะสวยเพื่อตัวเอง อย่าสำคัญตัวผิด แล้วก็ไม่ต้องมาวิเคราะห์พฤติกรรมสัตว์โลกกับฉัน ฉันเป็นคน มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนยากเกินกว่าที่คนอย่างนายจะเข้าใจ”
“เอางี้ ฉันไม่วิเคราะห์พฤติกรรมเธอก็ได้ ฉันจะวิเคราะห์ตัวเองให้เธอฟังดีกว่า เธออยากฟังฉันพูดถึงตัวฉันเองบ้างไหม”
“ไม่..” กรรณาอาย ไม่กล้าสู้หน้า “ไม่ต้อง”
กรรณาเดินเข้าไป พงอินทร์ยิ้มที่แหย่กรรณาได้
เมื่อกรรณาเดินเข้าบ้านมา ญาณิน ติณห์ ก้องฟ้า และอรวรรณที่รอลุ้นผลอยู่แล้ว รีบเข้ามาล้อมกรรณา
“ไชโย...พี่กรรณขายออกแล้ว” ก้องฟ้าร้องลั่น
“หนูกรรณ ป้าดีใจด้วยนะคะ รู้มั้ยว่าป้าเป็นห่วงหนูที่สุด นึกว่าหนูจะแอนตี้ผู้ชาย จนไม่ยอมรักใครแล้วซะอีก”
ก้องฟ้าเข้ากอดแขน อ้อน
“ได้ดีแล้ว อย่าลืมน้องคนนี้นะพี่”
“ฉันไม่ได้รักนายโจ้”
“ถ้าเธอไม่ได้ชอบนายโจ้ แล้วที่ผ่านมา เธอดีกับเขาทำไม” ญาณินถาม
“นั่นน่ะสิ...” อรวรรณเห็นด้วย
“ฉันก็...ดีเพราะ ฉันเป็นคนดี และถ้าไม่ดีด้วย คุณพิมอรก็อาจจะไม่ไว้ใจฉัน ไม่ให้การช่วยเหลือ มันไม่มีประโยชน์ต่อการสืบคดี”
“จริงเหรอ”
“ฉันพูดจริง”
กรรณาจ้องหน้า ท้าทาย
“กลัวคนรู้เหรอยัยกรรณว่าไม่ได้เกลียดผู้ชายเหมือนที่แสดงออก โอเคๆ เธออาจต้องการเวลาปรับตัว...”
ก้องฟ้ากับอรวรรณเฮ กรรณาเขินรีบเดินหลบไป
“บ้า..ทุกคนเป็นบ้ากันหมดแล้ว” กรรณาวิ่งหนีเข้าห้องไป
เนตรสิตางศุ์ในชุดนอน กำลังแปรงผมหน้ากระจก ทันใด มีเงาสุพิชชามาซ้อนข้างหลัง เนตรสิตางศุ์สะดุ้ง แทบกรี๊ด หันไป
”คนจ้ะ ไม่ใช่ผี ไม่ต้องตกใจกลัว”
“คุณพีช คุณเข้ามาทำไม”
”ก็เดินเข้าประตูมาสิ เธอไม่ได้ล็อกนี่”
“ทำไมคุณไม่เคาะประตูก่อน”
“เคาะแล้ว แต่เธอไม่ได้ยินเองมั้ง”
เนตรสิตางศุ์อึ้ง
“แล้ว...คุณต้องการอะไรคะ”
“เปล่า ไม่ได้ต้องการอะไร จะเอานี่มาให้” สุพิชชาแบมือ
“ครีมทารอบดวงตา ของโรงพยาบาลฉันเอง”
เนตรสิตางศุ์อึ้ง รู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ไปรู้สึกไม่ดีกับสุพิชา ยิ้มอ่อนลง
“ให้...ให้เนตรเหรอคะ”
“ใช่ ทาก่อนนอนนะ มันดีมากเลย ฉันก็ใช้ เธอดูสิ”
สุพิชชาหลับตา ยื่นหน้ามาใกล้
“เห็นไหม ว่าฉันไม่มีริ้วรอย หรือความหมองคล้ำอะไรเลย เพราะฉันใช้ครีมนี่แหละ”
“ดีจังนะคะ เป็นเจ้าของครีมเอง เป็นพรีเซนเตอร์เองได้ เพราะใช้จริง แล้วสวยจริง”
“ใช่...ฉันสวยจริงๆ เธอคิดดูสิ ว่าฉันอายุเท่าไหร่ แล้วเธออายุเท่าไหร่ แล้วลองดูตาของตัวเองสิ อะไรกัน ใต้ตาก็บวมๆ แล้วหางตาตรงนี้ก็ชักจะย่นๆแล้ว สงสัยจะใช้สายตามากเกินไป จริงสิ เธอมองเห็นผีนี่นา สงสัยจะเครียดมาก เลยแก่ก่อนวัย หัดใช้ของดีๆซะมั่งนะ ถ้าไม่มีตังค์พอซื้อก็บอก อย่าไปขอพี่ล่ะ พี่เธอมันจน แต่ฉันน่ะ..รวย..”
สุพิชชาหัวเราะเสียงใส เดินออกไป เนตรสิตางศุ์อึ้ง
กลางดึก เนตรสิตางศุ์หลับไปแล้ว ทันใด มีเสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดอย่างดังมาก เนตรสิตางศุ์สะดุ้ง ลุกมานั่ง เสียงพีชหัวเราะดังลั่น และเสียงณัฐเดชด้วย
“ว้ายๆ ไม่เอาค่ะ พี่ณัฐ ฮะๆ ไม่เอา อย่าค่ะ อย่าๆ”
เนตรสิตางศุ์อึ้ง งงๆ
“อร๊าย ฮะๆ พี่ณัฐอ่า พี่ณัฐ ไม่เอานะ ไม่เอาค่ะ ฮิๆ”
เนตรสิตางศุ์เซ็ง แล้วเอาหัวมุดโปง ณัฐเดชเดินออกมาจากห้องน้ำ ใส่เสื้อคุมมิดชิด สุพิชชาหัวเราะคิกๆอยู่คนเดียว ณัฐเดชมอง งงๆ
“ตะกี๊เสียงพี้ชหัวเราะอะไรกับใครน่ะ”
“อ๋อ..พี้ชโทรศัพท์คุยกับเพื่อนนะค่ะ”
“เหรอ พี่ได้ยินเหมือนกับ พีชเล่นอะไรสนุกสนาน เสียงดังเชียว”
“อ๋อ...ค่ะ เพื่อนพีชมันเล่าเรื่องตลกน่ะค่ะ ค้ำขำ“
“ดีนะ นานๆ พี่จะได้ยินพี้ชขำอะไรเสียงดังๆขนาดนี้”
“มันเป็นมุกของพวกเกรียนๆน่ะค่ะ ไม่มีอะไร พีชเข้านอนก่อนนะคะ กุดไนท์ จุ๊บๆ”
ณัฐเดชหัวเราะขำๆ เอ็นดูๆ แล้วเข้าห้องตนไป
วันใหม่ ซองซูที่แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อย เดินตามทีมงานจะไปเข้าฉาก แต่แล้วอยู่ๆมีรถสปอร์ตหรูสวย สีบาดตา แล่นปราดเข้ามาจอด โดดเด่นจนคนทุกคนในกองถ่ายต้องหันมามอง รถคันนั้นจอดสนิท
“ใคร...ขับรถเข้ามาในกองถ่าย ไม่มีกาลเทศะ”
ประตูข้างคนขับเปิดออก เป็นเป้ยก้าวลงมา แต่งตัวสวยแพงแบรนด์เนมหัวจรดเท้า ตั้งแต่รองเท้า ชุดเดรสหรูหรา แผงสร้อยเพชรที่คอ ต่างหู กระเป๋าถือ แว่น หมวกเก๋ๆ ซองซูตะลึง ไม่อยากเชื่อ
“คุณเป้ย..”
คนขับก็ตามลงมาด้วย คืออติเทพ ที่แต่งตัวแพงเช่นกัน อติเทพดึงเป้ยที่กำลังจะไปเข้ามาโอบกอด
“จะไปไหน ยังไม่ได้ลาผมเลย”
“คุณเทพ มีนักข่าวนะคะ”
อติเทพไม่แคร์สายตาใคร กอดเป้ยเอาไว้คลอเคลีย
คนในกองถ่าย และซองซูตะลึง
“คุณเป้ยกับ เศรษฐีคนไทยเหรอ..”
พวกนักข่าวที่อยู่แถวนั้นอยู่แล้ว รีบกรูกันเข้าไปรุมเป้ยกับอติเทพทันที ถ่ายภาพพรึ่บพรั่บ ซองซูมองเหตุการณ์อยู่อีกด้าน ไม่อยากเชื่อสายตา
“มันไม่จริงใช่มั้ย”
เป้ยตอบคำถามกับนักข่าว
“จริงค่ะ เป้ยกับคุณอติเทพ...เรา...” เป้ยยื่นมือ โชว์แหวนเพชร ”หมั้นกันแล้ว”
“คุณเป้ยไม่ได้แย่งสามีใครนะครับ เพราะภรรยาผมเสียแล้ว” อติเทพรีบบอก
“ที่เป้ยคบคุณอติเทพ ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรือเงินทองนะคะ แต่คุณอติเทพเป็นคนดี”
นักข่าวถ่ายรูป เป้ยกับอติเทพเต็มใจให้ถ่าย ซองซูยืนมองอยู่ห่างๆ ตะลึง ช็อกๆ
“คนดีแต่ไม่รวยมากก็มีนะครับ ทำไมไม่คบ”
ติณห์คุยโทรศัพท์อยู่ โดยมีญาณินคอยอยู่ข้างๆห่วงใย ที่เหลือนั่งกินกาแฟ และ อาหารเช้ากันอยู่
“ทนายสมชาติ มัมเป็นยังไงบ้างครับ มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า โอเค ทุกอย่างปกติ ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลมัม ผมเสร็จธุระแล้วผมจะรีบกลับไปดูแลมัมด้วยตัวเอง”
ติณห์วางสาย ญาณินปลอบให้สบายใจ
“อย่างน้อยคุณแม่คุณก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ถ้ามีอะไรฉุกเฉินทนายสมชาติต้องรีบโทรมาบอกเราแน่ สบายใจนะคะ”
“เราต้องรีบจัดการหมอสมคิด เพราะไม่รู้ว่ามันกับเบญจาจะย้อนกลับไปเล่นงานมัมอีกหรือเปล่า”
วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์เข้ามาเสริม
“หรือไม่มันก็อาจย้อนมาเล่นงานพวกเราทุกคน เหมือนที่มันพยายามจะทำร้ายคุณเนตร” วรวรรธบอก
อ่านต่อหน้า 2
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 20 (ต่อ)
วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์เข้ามาเสริม
“หรือไม่มันก็อาจย้อนมาเล่นงานพวกเราทุกคน เหมือนที่มันพยายามจะทำร้ายคุณเนตร” วรวรรธบอก
“ช่วงนี้พวกเราทุกคนต้องรวมตัวกันเอาไว้ให้แน่นหนึบ อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันได้” ไตรรัตน์เสริม
“ใครต้องช่วยใครก็ไม่รู้” สุคนธรสเยาะ
“หนุ่มๆก็ต้องช่วยสาวๆสิครับ” พงอินทร์หันมาบอก
“ก็ไม่แน่หรอกนายโจ้ ที่ผ่านมาพวกเราก็ช่วยหนุ่มๆไม่ใช่เหรอ” กรรณาแย้ง
สาวๆเฮกันลั่น
“ใช่ๆ”
กรรัมภาเห็นทุกคนมีคู่ ก็เซ็งๆ โกลเดนเบบี๋ที่นั่งอยู่ด้วยมองกรรัมภา
“แหม ทุกคนมีคู่กันหมด...ยกเว้น...”
“คนสวยสุดต้องอาภัพสุดเสมอ ชีวิตรักของคนสวยมักจะดราม่า ซึ้ง โศก สะเทือนใจ ไม่เหมือนพวกหน้าขี้เหร่ทั้งหลาย..”
กรรัมภาพูดลอยๆ ร้องไห้ครวญๆแบบนางเอกเกาหลี พูดไม่ทันไร จุนจีก็เดินเข้ามาทุกคนอึ้งๆ เงียบกันทั้งห้อง
“สวัสดีครับทุกคน”
กรรัมภาชะงัก เสียวสันหลังวาบ หันกลับไปเจอกับจุนจีที่ยืนอยู่ตรงหน้า สวมหมวก แว่นอำพรางตัว
“จุนจี..” กรรัมภาอึ้ง
“คุณโกรธผมเหรอ ทำไมคุณหายไป คุณอยากจะหนีไปจากชีวิตผมใช่ไหม”
ทุกคนแซวกันลั่น วี้ดวิ้ว กรรัมภาเขินหน้าแดงกล่ำ กรรัมภามองไปรอบๆอย่างระวังตัว
“คุณมาทำไม รู้มั้ยว่ามันอันตราย ถ้าเกิดมีใครเห็นคุณเข้า คุณจะลำบาก ไป กลับไปๆ”
กรรัมภารีบดึงจุนจีหลบไป
กรรัมภาดึงจุนจีเข้ามาในบริษัทซิกส์เซ้นซ์
“ขอผมอธิบายให้คุณเข้าใจก่อนได้มั้ย”
“ฉันเข้าใจคุณทุกอย่าง คุณเป็นซุปตาร์ ถ้าประกาศว่าคบใครเป็นตัวเป็นตน มันจะเป็นผลเสียต่อตัวคุณเอง พวกแฟนคลับคงจะผิดหวังแล้วไปเป็นแอนตี้แฟน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณแถลงข่าวมา ถูกต้องแล้ว”
“แต่ผมแคร์คุณ”
”หือ”
“ไม่ว่าจะมีข่าวออกมายังไง ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ผมแคร์คุณ..คนเดียว”
กรรัมภาอึ้ง
“อะไรที่เป็นข่าว เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น ความจริงคือ...” จุนจีจับมือแก้มขึ้นมา “ผม...ปาร์คจุนจีเป็นผู้ชายของคุณ”
“ผู้ชายของฉัน”
“คุณคือเหตุผล ที่ทำให้ผมอยากยิ้ม อยากหัวเราะ และมีกำลังใจทำทุกสิ่งทุกอย่าง”
กรรัมภาน้ำตาไหล จุนจีปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ทั้งคู่มองตาซึ้งใจกัน จุนจียิ้มทำให้กรรัมภายิ้มตาม แล้วกรรัมภาก็กลายเป็นหัวเราะ สุคนธรสเข้ามาขัดจังหวะ
“ยัยแก้ม คุณจุนจี มานี่เร็ว ด่วนเลย”
กรรัมภา จุนจี มองหน้ากัน
สุคนธรสถือไอแพดวิ่งพากรรัมภาและจุนจีมาที่เรือนกระจก
“ยัยแก้มๆ ฟังข่าวนี้” สุคนธรสอ่านให้ทุกคนฟัง
“นางเอกสาวปาริฉัตร หมั้นสายฟ้าแลบ กับนายอติเทพ มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ผู้ส้มหล่นรับมรดกหมื่นล้านจากอดีตภรรยาที่เสียชีวิต นางพิมพ์พิลาศ สุขใจนิยม เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ แหล่งข่าวเผย..”
กรรัมภาทนไม่ได้ ดึงไปอ่านเอง
”คบกันเพียงวันเดียว นางเอกสาวรับทรัพย์ไปแล้วกว่าสิบห้าล้านบาท..”
“คุณเป้ย ก๊องอุตส่าห์ซื้อล็อตเตอร์รี่ทุกงวดเพื่อคุณ ทำไมไม่รอก๊อง คนใจร้าย”
ก้องฟ้างอกหักเสียดายเป้ยมาก
“ไหนแกบอกว่าถ้าคุณปาร์คจุนจีไม่เซ็นยอมรับ นายอติเทพก็ไม่มีทางได้มรดก” ญาณินสงสัย
”นั่นน่ะสิ” กรรัมภาพูด
“และแกบอกด้วยว่าคุณจุนจีไม่มีทางเซ็นแน่นอน” กรรณาถาม
“นั่นน่ะสิ” กรรัมภาพยักหน้า
“แล้วมันเป็นยังงี้ได้ไง” เนตรสิตางศุ์สงสัย
“นั่นน่ะสิ มันเป็นยังงี้ได้ไง” กรรัมภาหันมองจุนจี
จุนจีหน้าเครียด
“คงถึงเวลานายแล้วนะ นายซุปตาร์เกาหลี” ติณห์หันมามอง
“เวลาอะไร” จุนจีสงสัย
“เรื่องนายเป็นเรื่องสุดท้ายไง...” ไตรรัตน์บอก
“พวกเราน่ะ แทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” วรวรรธยิ้มให้
“แล้วครอบครัวเดียวกันก็ต้องช่วยกัน” พงอินทร์เสริม
ทุกคนมองหน้าจุนจี ว่าจะทำอย่างไร
“ตกลง ผมเข้าร่วมกับพวกคุณ บางที ผมคิดอะไรคนเดียวทุกเรื่อง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกต้องทั้งหมด ผมโดดเดี่ยวเกินไป ผมไม่เคยมีเพื่อนจริงๆเลยสักคนเดียว ช่วยผมด้วย ช่วยเป็นเพื่อนผมด้วย...”
จุนจีบอกอย่างจริงจัง
จุนจีเดินจ้ำๆเข้ามาในบ้านพิมพิลาศ หน้าตาพร้อมเอาเรื่อง ลีจองกุ๊กเดินจ้ำตามหลังแทบจะไม่ทัน พร้อมกรรัมภาที่แต่งตัวเป็นผู้ชายปลอมมาด้วย
อติเทพที่แต่งตัวหล่อแพง กำลังนั่งเซ็นเช็คจ่ายลูกน้องพอดี มีเงินเป็นฟ่อนวางอยู่บนโต๊ะในกระเป๋าเงิน
“แกมีสิทธิ์อะไรมาใช้เงินของคุณย่า”
จุนจีจะเข้าถึงตัว แต่บอดี้การ์ดของอติเทพขยับเข้ามาขวาง จุนจีผงะ ลีจองกุ๊กรีบวิ่งไปขวางปกป้องจุนจี แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเพราะพวกน้อยกว่า สมชายกับอรวีออกมา
“เวลานี้ หุ้นในบริษัทพีพีพร็อบเพอตี้ ห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์และทรัพย์สินทุกอย่างถูกโอนเป็นของคุณอติเทพแล้ว ส่วนของคุณจุนจี มีหุ้นส่วนในบริษัทห้าเปอร์เซ็นต์ ตามที่ระบุในพินัยกรรมสมบูรณ์ทุกอย่าง”สมชายบอก
“ฉันไม่ได้เซ็นยอมรับพินัยกรรม พวกคุณมีสิทธิอะไรถึงเอาเงินคุณย่าไปให้มัน”
“คุณเซ็นยอมรับพินัยกรรมแล้ว” อรวีแย้ง
“งั้น ช่วยเอาพินัยกรรมมาให้ผมดูหน่อย”
อรวียื่นให้จุนจี ลีจองกุ๊กรับมาดู
“เฮ้ย ลายเซ็นจุนจีจริงๆ”
จุนจีดึงเอกสารมาดู ตะลึง แล้วรีบให้กรรัมภาดู กรรัมภารับมาก็ใช้มือสัมผัสที่ลายเซ็นนั้นทันที แล้วมีอาการผงะ กับภาพที่เห็น
“ดูเสร็จแล้วก็รีบเอาคืนมา แล้วก็ออกไปได้แล้ว ไป” อติเทพตวาด
“ฉันไม่ได้เซ็น พวกแกปลอมลายเซ็นฉัน”
จุนจีทำเป็นโมโหถ่วงเวลาให้กรรัมภา
“อ้าว กล้าดียังไงมากล่าวหาฉันในบ้านของฉัน เอาเอกสารมา”
“นี่บ้านคุณย่าไม่ใช่บ้านแก”
จุนจีจะเข้าไปกระชากคอเสื้ออติเทพ แต่ไม่ถึงตัว เพราะบอดี้การ์ดของอติเทพ 4-5 คน กรูกันเข้ามาขวางไว้ก่อน ผลักจุนจีออกจากอติเทพอย่างแรง จนจุนจีเซไป
“จุนจี” ลีจองกุ๊กหันไปเอาเรื่อง
“ผลักจุนจีได้ไง เกิดข้อเท้าพลิกขึ้นมา มันเสียหายแค่..”
ลีจองกุ๊กพูดไม่ทันขาดคำ บอดี้การ์ดก็ผลักลีจองกุ๊กไปอีกคน ลีจองกุ๊กกับจุนจี เซไปรวมกัน พวกบอดี้การ์ดยืนเรียงกันเป็นแผงปกป้องอติเทพ หน้าตาขึงขัง แน่นหนา อติเทพสะใจ
“ทีนี้คงรู้แล้วนะว่าที่นี่บ้านใคร เฮ้ย ไปเอาเอกสารคืนมา”
บอดี้การ์ดเดินเข้าไปเอาเอกสารคืนมา กรรัมภาลืมตาขึ้น รีบคืนให้ จุนจีแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้
จุนจี กรรัมภา ลีจองกุ๊กออกมาจากในบ้าน จุนจีเข้ามาหากรรัมภา
“คุณเห็นอะไรบ้าง”
“เห็นทุกอย่าง”
“โหว คุณเก่งมากครับ”
“รู้ใช่มั้ยว่าใครเป็นคนปลอมลายเซ็นจุนจีขึ้นมา”
หน้ากรรัมภาแน่วแน่ มุ่งมั่น
วรวรรธ ณัฐเดช แต่งตัวจิ๊กโก๋ เดินเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง
”เนตรสบายดีไหมฮะ” วรวรรธถาม
“สบายสิ มีอะไร”
“คือ...ไม่ทราบว่า พีชมาอยู่ด้วย เนตรเขาเข้ากับพี้ชได้ไหม”
“อ๋อ นายห่วง กลัวเนตรเขาจะมีปัญหากับว่าที่พี่สะใภ้งั้นเหรอ ไม่เลย เขาเข้ากันได้ดี”
“จริงหรือครับ”
“จริงสิ เนตรเขาไปบ่นอะไรเหรอ”
“โอ๊ะ เปล่าครับๆ”
“นั่นไง เขาเป็นผู้หญิงด้วยกัน แล้วนิสัยดีทั้งคู่ ไม่ต้องห่วงหรอก นายอย่าคิดมากไปสิ แป๊บนะ ทำงานก่อน” ณัฐเดชหยิบโทรศัพท์มา กด พูด
“โอเค...แก้ม พี่เข้ามาในตรอกนี้แล้ว ใช่ๆ บ้านหลังที่เท่าไหร่นะ ไม่รู้ แต่เป็นตึกแถว มีต้นดอกไม้สีขาวหน้าบ้าน แล้วมีอะไรนะ มองไม่ชัด แต่เหมือนธงเหรอ”
“นั่งไง พี่ณัฐ ธง”
ทั้งสองเงยดู มันคือธงพลาสติกหลายสีแขวนประดับ
“หน้าบ้าน มีดอกไม้ขาว”
“เป๊ะ”
โกลเดนเบบี๋เดินนำมา ในชุดแบบสายสืบ เดินเท่ห์ๆ ขรึมๆ
“อรวี...พี่จะทำทุกอย่าง เพื่อจับผู้ร้ายตัวจริงให้ได้ และแยกน้องจากพวกมัน ไม่ให้น้องต้องติดร่างแหไปกับนายอติเทพคนนี้”
ณัฐเดชกับหมอวรรธมาหยุดที่หน้าประตูเหล็กเล็กๆที่ปิดสนิทอยู่ ที่หน้าประตูมีสติ๊กเกอร์ห้ามเข้าติดอยู่ด้วย
“เขาไปเลยไหมพี่”
“เดี๋ยวนะ ต้องมีสัญลักษณ์ที่ยายแก้มวาดมาอีก”
ณัฐเดชมองกระดาษ ที่กรรัมภาวาดสิ่งที่เห็นมาให้ เห็นชัดว่าในรูปวาดมีสติ๊กเกอร์แบบเดียวกัน
“ตรงตามที่ยัยแก้มเห็น”
ณัฐเดชเข้าไปที่ประตู เคาะประตูเป็นจังหวะ12-123-12-12-1 รอสักครู่ ประตูเปิดแง้มออก
“มีคนบอกว่า ที่นี่มีลายเซ็นขายใช่มั้ย”
ชายคนนั้นลังเล มองณัฐเดชกับหมอวรรธหัวจรดเท้า แล้วจะปิดประตู แต่ณัฐเดชง้างประตูไว้ แล้วยื่นเงินปึกหนึ่งประมาณหมื่นบาทขึ้นมาตรงหน้าชายนั้น
จุนจีเดินกระวนกระวายอยู่ กรรัมภาเข้ามา ยังแต่งตัวเป็นผู้ชายอยู่
“คุณแก้ม คุณณัฐเดชติดต่อมารึยัง”
“คุณไม่ต้องกังวล พี่ณัฐกับหมอวรวรรธเก่งมาก จะต้องจับตัวคนที่ทำหน้าที่ปลอมลายเซ็นให้นายอติเทพได้แน่ แล้วพอเรามีพยานบุคคล นายอติเทพก็จะถูกจับข้อหาปลอมแปลงเอกสาร”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
ณัฐเดชกับหมอวรรธเดินตามชายเฝ้าประตูขึ้นบันไดแคบๆขึ้นมา แต่พอมาถึงชั้นบน กลับพบว่าข้างบนตึกแถวนี้กว้างแบบหลายห้องตีทะลุ ที่ทางเข้ามีการสแกนหาอาวุธ มีการ์ดคอยคุ้มกันเป็นระยะๆ
“โอว..สถานที่แบบนี้มันมืออาชีพชัดๆ มีเครื่องสแกนอาวุธด้วย เราจะผ่านไหมพี่ณัฐ”
โกลเดนเบบี๋ยืนอยู่ข้างๆ
”จัดไป...”
ว่าแล้วก็ผลักวรวรรธ จนวรวรรธกระเด็นผ่านเครื่องสแกน เครื่องสแกนร้องดังลั่น วรวรรธตกใจ ทำอะไรไม่ถูก บอดี้การ์ด4-5คนรีบเข้ามาตรวจอาวุธวรวรรธทั้งตัว ณัฐเดชกำลังจะคว้าปืนออกมาเพราะกลัวว่าวรวรรธจะโดนทำร้าย แต่ทันใด เครื่องสแกนกลับร้องขึ้นมาอีก ทั้งๆที่ไม่มีใครผ่าน ร้องหยุด ร้องหยุด จนเป็นจังหวะเพลง ทุกคนหยุดมอง งงๆ ไม่รู้ว่าโกลเด้นเบบี๋กำลังเล่นอยู่
“เฮ้ย เครื่องเจ๊งนี่หว่า เรียกเจ๊ไฝมาซ่อมสิ สามหนแล้วนะเดือนนี้” หัวหน้าบอดี้การ์ดบ่น
วรวรรธ ณัฐเดช โล่งอก คนที่ค้นอาวุธวรวรรธตะโกนขึ้น
“ไม่มีอาวุธครับ”
“เออ” หัวหน้าบอดี้การ์ดหันมองณัฐเดช
“เข้ามา...”
ณัฐเดชกำลังจะเดินผ่านเครื่องสแกนแต่เครื่องกลับดังขึ้นก่อน “ป๊อด” ณัฐเดชชะงัก เครื่องเงียบ บอดี้การ์ดทำสัญญาณมือให้ณัฐเดชเข้า
ณัฐเดชขยับจะเข้า เครื่องดังอีก
“ป๊อด ป๊อด”
ณัฐเดชชะงัก เป็นอยู่อย่างนี้ 3-4รอบ จนณัฐเดชตัดสินใจเดินผ่าน เครื่องกลับเงียบ
“สนุกดีอ่ะ ฮ่าๆ” โกลเดนเบบี๋หัวเราะขำ
พอณัฐเดชเดินผ่านเรียบร้อย คราวนี้เครื่องดังเป็นเพลงเลย ทุกคนวุ่นวายหาทางดับเครื่องกันจ้าละหวั่น
ณัฐเดช วรวรรธ มองหน้ากัน ส่ายหัว ขณะที่โกลเดนเบบี๋เล่นเครื่องสแกน เต้นไปเต้นมา จนมันร้องเอง พวกคนคุมนึกว่าเครื่องมีปัญหา
ทั้งสองเดินผ่านเข้ามาอีกห้อง พริตตี้เข้ามาต้อนรับณัฐเดชกับหมอวรรธ
“มาติดต่อเรื่องอะไรคะ”
มีพริตตี้เข้ามาต้อนรับ คอยแจกบัตรคิว
วรวรรธงง
“เอ่อ...มา...มาหาคนปลอมลายเซ็นครับ”
พริตตี้ตำหนิกำราบ
“ชู่ว์...พูดจาอะไร ระมัดระวังหน่อย” พริตตี้กดบัตรคิวยื่นให้ “นั่งรอสักครู่”
วรวรรธกับณัฐเดชเดินไปที่ม้านั่งรอ
“นึกว่าผมมาติดต่อราชการ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า คนไหนคือคนที่ปลอมลายเซ็นจุนจีล่ะพี่”
“ยัยแก้มบอกมา...คือคนนี้”
ณัฐเดชหยิบรูปขึ้นมา เป็นรูปวาดฝ่ามือที่มีรอยแผลเป็น เหมือนรอยมีดปัก
”แผลเป็นที่หลังมือทั้งสองข้าง”
อยู่ๆมีชายคนหนึ่งวิ่งพรวดออกมาจากห้องๆ ตรงหน้าณัฐเดชกับวรวรรธ แต่ชายคนนั้นก็ถูกชายที่ดูอันธพาลอีกสามคนตามมา กระชากตัว แล้วรุมเตะ รุมซ้อม เสียงชายที่ถูกเตะร้องโหยหวน ร้องว่าผมไม่ใช่สายตำรวจ
ณัฐเดชกับวรวรรธอึ้งๆ ต้องข่มใจ ไม่สนใจ
“ถึงคิวคุณแล้วค่ะ”
พริตตี้เดินนำไป ไม่ได้สนใจเหตุการณ์นั้นเลย ณัฐเดชกับวรวรรธเดินตามพริตตี้มา
“คุณแก้มบอกหรือเปล่า ว่าที่นี่ จะเต็มไปด้วย..อันธพาล” วรวรรธพูดเบาๆ
“บอก แต่ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้”
“เรามีกันสองคน ไม่มีอาวุธ ถ้าเกิดพวกมันจับได้...” วรวรรธสยอง
พริตตี้หยุดที่หน้าห้องด้านหนึ่ง
“เชิญค่ะ”
โกลเดนเบบี๋โผล่ออกมาจากด้านในห้องนั้น มาขวาง
อ่านต่อหน้า 3
โกลเดนเบบี๋โผล่ออกมาจากด้านในห้องนั้น มาขวาง
“ไม่ใช่ห้องนี้ คนที่พวกพี่ตามหา อยู่ห้องโน้น”
แต่ไม่มีใครได้ยิน โกลเดนเบบี๋เลยดึงมือวรวรรธไว้เพื่อให้หันกลับมา และบังคับมือนั้นให้ชี้ไปที่อีกห้องหนึ่ง วรวรรธงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวเองชี้ไปได้ไง
“ห้องนั้นไม่ได้ เฉพาะเคสวีไอพีเท่านั้น” พริตตี้บอก
ณัฐเดชฉุกคิดได้
“เฉพาะวีไอพี แต่พวกเราก็วีไอพีนะครับ เราต้องการความแนบเนียนที่สุด จะเท่าไหร่เราก็ยินดีจ่าย“
“อย่าเรื่องมาก”
“รู้หรือเปล่าว่าคนที่สั่งให้ผมมาที่นี่เป็นใคร ท่านจะทำอะไรกับสถานที่นี้ก็ได้ ผมไม่ได้มาปลอมวุฒิการศึกษานะ นี่มันโปรเจคระหว่างชาติ ผมต้องการมือที่ดีที่สุดเท่านั้น”
พริตตี้จ้องเขม็ง วัดใจ ดูเชิง บอดี้การ์ดที่อยู่แถวนั้นเห็นมีความผิดปกติ ขยับเข้ามาสามคน
“มีปัญหาอะไร” บอดี้การ์ดถาม
“ไม่มีอะไร..เชิญ”
พริตตี้ยอมพาไปหยุดที่อีกห้องหนึ่ง ที่ประตูล็อกเอาไว้
“เอาสิ่งที่คุณต้องการมา” พริตตี้แบมือขอ
“ทำไมไม่เปิดประตู”
“ไม่จำเป็น” พริตตี้แบมือรอ
วรวรรธจำต้องหยิบเอกสารต้นแบบที่มีลายเซ็นให้ พริตตี้เคาะประตู ให้สัญญาณคนข้างใน แล้วเอาเอกสารนั้นสอดเข้าไปในช่องใต้ประตู รอเพียงสักครู่ ก็มีกระดาษยื่นกลับออกมา พร้อมลายเซ็นที่ปลอมแปลงมาอย่างเหมือนเป๊ะ
“พอใจมั้ย”
หมอวรรธกับณัฐเดชทึ่ง ที่ลายเซ็นเหมือนกันมาก
“ถ้าพอใจในผลงานแล้ว เชิญชำระเงินทางด้านนั้น”
“เอ่อ คือ.. “
“มีอะไร”
ณัฐเดช วรวรรธ ควักปืนที่ซ่อนอยู่ใต้รองเท้าของตนเองออกมา
“คือ..ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยอีกอย่าง” ณัฐเดชรวบตัวพริตตี้อย่างว่องไว แล้วกระซิบข้างหู
“เปิดประตู”
ณัฐเดชเอาจริง พริตตี้เห็นปืนจำต้องกดรหัสเปิดประตูให้ ประตูเปิดออก หมอวรรธรีบเข้าไป ด้านในมืดสนิท เห็นมือปลอมลายเซ็นชายยืนชิดมุมด้านในสุด เป็นเด็กวัย15 ที่วิ่งพุ่งออกไป ผลักจนวรวรรธกระเด็น
“โอ๊ย”
วรวรรธคว้ามือเด็กนั้นไว้ เห็นหลังฝ่ามือมีรอยแผลแบบเดียวกับที่กรรัมภาวาดมาให้ แต่คว้าได้ไม่ดี เด็กดิ้นหลุดวิ่งไป
“พวกมันเป็นสายตำรวจ” พริตตี้ตะโกน
พวกบอดี้การ์ดนักเลงแห่กันมา ณัฐเดชทิ้งพริตตี้รีบไล่ตามเด็กไป พร้อมวรวรรธ พวกบอดี้การ์ดนักเลงตามไป โกลเดนเบบี๋ยืนสยองแทน
“ตายๆ”
บนตึกแถม เด็กมือปลอมลายเซ็นวิ่งหนีไม่คิดชีวิต บอดี้การ์ดที่สวนมาก็จับไว้ไม่อยู่ มันผลักชนอุตลุตมาก วิ่งไปที่บันได แต่มีนักเลงวิ่งไล่ขึ้นมาจากด้านล่าง จึงตัดสินใจวิ่งขึ้นไปชั้นบน
ณัฐเดชกับหมอวรรธวิ่งไล่ตามมา เจอนักเลงสวนมาพอดี ยิงสวนกันไปมาดังลั่นทั้งตึก โกลเดนเบบี๋เหวี่ยงพวกนักเลงไปกระแทกกันเองจนระเนระนาดไป วรวรรธ ณัฐเดชได้โอกาสรีบตามไปด้วย
พวกนักเลงตาม แต่อยู่ๆคนแถวหน้าสุด ถูกโกลเดนเบบี๋ผลักให้ล้ม หงายลงมาทับกันไปหมด
“สะไตร้ท์!!!”
เด็กปลอมลายเซ็นวิ่งพรวดขึ้นมาถึงห้องๆหนึ่ง มองหาทางหนีทีไล่ แล้วทำท่าจะปีนหน้าต่างเพื่อกระโดดหนีไปอีกตึก
ณัฐเดชกับหมอวรรธวิ่งไล่ตามเข้ามา
“อย่า”
เด็กลังเล ท่าทางกลัวมาก
“ไม่ต้องกลัว พวกฉันไม่ได้มาทำร้ายเธอ เธอไม่ได้เต็มใจอยู่ที่นี่ใช่มั้ย เธอถูกทรมานใช่มั้ย ฉันมาช่วยเธอ”
วรวรรธรีบปิดประตู เพื่อไม่ให้พวกบอดี้การ์ดนักเลงตามเข้ามาได้ ทันใด มีเสียงทุบประตูดังมา พวกนักเลงกำลังจะตามเข้ามา
ด้านนอกห้อง นักเลงตั้งท่าจะถีบประตู แต่พอยกเท้าถีบ ปรากฏว่าเท้ากลับค้างกลางอากาศ พวกนักเลงมึนงง โกลเดนเบบี๋จับเท้านั้นเอาไว้ ไม่ยอมให้ถีบประตูได้
“ไม่รู้จักโกลเดนเบบี๋ซะแล้ว”
พวกนักเลงหันตีกันเอง ชกกันเอง วุ่นวายไปหมด
ภายในห้อง วรวรรธดันประตูเอาไว้
“พวกมันจะมากันแล้ว” วรวรรธพูด
เด็กกลัว ทำท่าจะปีนหนี ณัฐเดชตัดสินใจวิ่งไปรวบตัวเด็กนั้นเอาไว้ แต่มันก็สู้ ณัฐเดชต้องจับกดเอาไว้ให้หมดฤทธิ์
“ฉันจะช่วยเธอ แต่เธอต้องให้ความร่วมมือด้วย เข้าใจมั้ย”
เด็กสงบลง จำยอม
“เราจะหนีพวกมันยังไง”
ด้านนอก โกลเดนเบบี๋ยืนขวางประตูอยู่ พวกนักเลงควักปืนออกมา
“แย่แล้ว” โกลเดนเบบี๋ตกใจ
นักเลงยิง..ปัง! ประตูเปิด
วรวรรธกับณัฐเดชอึ้ง แต่อยู่ๆทันใด เสียงไซเรนตำรวจดังมา พวกนักเลงผงะ โกลเดนเบบี๋เอามือป้องปาก ทำเสียงหวอ จากนั้นเสกโทรโข่ง ทำจากกระดาษมาม้วนเฉยๆ ดัดเสียงผู้ชาย ผ่านโทรโข่งกระดาษ
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเราล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะดีกว่า”
พวกนักเลงต่างตกใจ
“ตำรวจ ตำรวจมาล้อมแล้ว”
พวกนักเลงตกใจ แยกย้ายกันหาทางหนีไป ไม่เข้ามา
“ฝีมือโกลเดนใช่มั้ย ได้จังหวะพอดี ขอบใจมากนะ” วรวรรธยิ้มออก
อติเทพขับรถเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน อรวีกับสมชายรีบออกมาจากในบ้านมารอต้อนรับ อติเทพลงจากรถ แล้วไปเปิดประตูให้คนที่นั่งมาด้วยลง นั่นคือเป้ย อรวีอึ้ง
อติเทพโอบเป้ย พาเข้ามาที่ตัวบ้าน แต่ต้องชะงัก เมื่อพบว่าอรวียืนรออยู่ เป้ยสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
“เป้ยครับ นี่ ทนายสมชาย เป็นทนายประจำตัวของคุณพิมพิลาศ แล้วนี่ก็คุณอรวี ผู้ช่วยทนาย” “นี่คุณอนุญาตให้คนนอกเข้าออกบ้านได้ตามสะดวกเหรอคะ ไม่ได้นะคะ เป้ยไม่ชอบ ไม่มีความเป็นส่วนตัว ตั้งแต่วันนี้ไป มีธุระอะไรให้โทรศัพท์มานัดเวลาก่อน ห้ามมาที่นี่โดยพลการอีก เข้าใจมั้ย”
“คะ” อรวีอึ้งๆ
“ตามนั้นนะอรวี คุณเป้ยจะย้ายเข้ามาอยู่กับผม”
เป้ยโชว์แหวน
“ในฐานะคู่หมั้น”
เป้ยเดินนำเข้าไป อติเทพรีบตาม อรวียืนอึ้ง ทันใดโกลเดนเบบี๋ปรากฎร่างขึ้น หน้าซีเรียส
“ไงล่ะ อรวี..เข้าในธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ดีแล้วหรือยัง น้องรักของพี่”
อรวียังยืนงง มึน
เป้ยเข้ามามองความยิ่งใหญ่ของบ้าน แต่แล้วอรวีก็ตามมาเอาเรื่อง โกลเดนเบบี๋ตามมาด้วย อรวีอึ้ง ช็อก น้ำตาไหล
“คุณเทพจะให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้าน..แล้วอรล่ะคะ”
“อรอะไร”
“ไหนคุณบอกอรว่าถ้าคุณได้มรดกเมื่อไหร่ คุณจะขออรแต่งงาน”
“ผมเคยไปรับปากคุณตอนไหน คุณคิดเองเออเองทุกอย่าง ไปเลย ออกไปจากบ้านฉัน แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก ฉันไล่เธอออก”
“อรวี สะบัดบ๊อบ แล้วไปให้พ้นเลย เร็ว” โกลเดนเบบี๋ร้องบอก
สมชายตามเข้ามาอีกคน
“พวกเราอุทิศตัวทำงานเพื่อคุณมาตลอด พอคุณได้มรดกทุกอย่างแล้ว ก็จะทิ้งขว้างกันง่ายๆอย่างนี้งั้นเหรอ”
“หน้าที่ของพวกคุณหมดแล้ว จะเอาอะไรอีก”
“คุณจะทิ้งอรวีไม่ได้ คุณต้องแต่งงานและรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำกับเธอ”
“เฮ้ย...ผมกับอรวีจะมีอะไรกัน มันเกี่ยวอะไรกับคุณ เป็นเจ้านายหรือเป็นพ่ออรวีกันแน่”
“เป็นพ่อ...แล้วก็...ไม่ใช่พ่อที่ทำสิ่งที่ถูกต้องเลยค่ะ”
“พอที ฉันไม่สนว่าคุณอติเทพจะเคยไปตกต่ำอยู่กับใคร แต่ปัจจุบัน เขาหมั้นฉันแล้ว ใครจะมาแย่งเขาไปไม่ได้”
เป้ยตวาด หันมายิ้มหวานกับอติเทพ
“ผมรักคุณก็เพราะอย่างนี้แหละครับเป้ย...ไป ผมไล่พวกคุณออก”
“คุณคิดดีแล้วใช่มั้ยว่าจะทำอย่างนี้กับพวกเรา ผมทำให้คุณมีทุกอย่างได้ ผมก็ทำให้คุณสูญเสียทุกอย่างได้เหมือนกัน” สมชายขู่
“ออกไป”
“คุณรู้ใช่ไหมว่าเรา สองคนพ่อลูก จะสามารถทำอะไรที่เป็นคุณเป็นโทษให้คุณได้บ้าง”
“เงียบได้แล้ว”
“รับรองว่าคุณนึกไม่ถึงหรอคุณอติเทพ ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง หนึ่ง แต่งงานกับอรวี หรือ สอง เอาเงินมาให้ผมห้าสิบล้าน”
“ฉันไม่เลือกอะไรทั้งนั้น ถ้าแกมีปัญญาทำอะไรฉันก็เอาเลย ไปได้แล้ว ออกไป”
สมชายแค้น อาฆาต
“ได้...อรวี ไป”
“อรไม่ไป” อรวีเข้าไปกอดอติเทพ “อรรักคุณเทพ อรจะอยู่กับคุณเทพ”
“หน้าด้าน ออกไป”
เป้ยแกะอรวีออก แล้วผลักออก สมชายลากอรวีออกไป โกลเดนเบบี๋ตามพ่อและน้องไป พยายามพูด
“หยุดกันที เลิกเถอะ พอได้แล้ว”
สมชายลากอรวีออกมาด้านนอก
“หยุดฟูมฟายได้แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแกมันไม่ได้เรื่อง แค่ทำให้ไอ้อติเทพมันหลงยังทำไม่ได้ แกมันน่าสมเพชเหมือนแม่แกไม่มีผิด ฉันอุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปตั้งไหร่ ฉันจะไม่ยอมสูญเปล่า ฉันต้องได้ในส่วนที่ฉันควรจะได้...ไอ้อติเทพ แกต้องเสียใจ”
“พ่อ น้องอรวี...จบแค่นี้เถอะนะ เท่านี้มันก็แย่เกินไปแล้ว เข้าใจไหมคะ”
ไม่มีใครได้ยิน โกลเดนเบบี๋จึงนั่งลงร้องไห้
บริษัทซิกส์เซนส์...พงอินทร์พูดขึ้น...
“ช่วงนี้ บริษัทคุณครึกครื้นดีนะครับ”พงอินทร์พูด
“อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนที่บริษัทถูกปิด ต้องแยกย้ายไปคนละทาง” กรรณาว่า
ทันใดในทีวีเป็นภาพข่าว นักข่าวภาคสนามกำลังเสนอข่าวเรื่องการตายของนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่นอนตายอยู่ในลิฟท์ที่เปิดค้าง มีเจ้าหน้าที่คอยกันพื้นที่เอาไว้
กรรณาเห็นภาพในข่าวเป็นคนแรก รีบหันมามองดู หยิบรีโมทเร่งเปิดเสียงให้ดังขึ้น
“..อุบัติเหตุลิฟท์ขาดครั้งนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคน ก็คือ คุณนรินทร์ เดชาอุตสาหกรรม ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอ็กเซเล้นฟู้ด บริษัทผู้นำด้านอาหารรายใหญ่ของประเทศ เสียชีวิตคาที่”
ทุกคนตะลึง อรวรรณ กับก้องฟ้าตามเข้ามาเห็นข่าวด้วย
“ข่าวนี้ทำให้หุ้นของบริษัท ตกต่ำสุดในรอบสิบปี และในวันพรุ่งนี้ กรรมการบริษัทจะแถลงข่าวให้ คุณอนุชา น้องชายของผู้ตาย ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่แทน”
“อุบัติเหตุสมัยนี้น่ากลัวแปลกๆจริงๆ”
กรรณามองภาพเหตุการณ์นั้น อย่างตะลึง ช็อก
“ถ้าไม่ขึ้นลิฟท์ แต่ใช้เดินขึ้นลงบันไดแทนซะ ก็คงไม่ตายหรอก” พงอินทร์ออกความเห็น
อรวรรณ กับก้องฟ้าพากันเดินไปที่ห้องพระ มองเข้าไปเห็นญาณินกับติณห์นั่งสมาธิอยู่ด้วยกัน
“คุณหนูณินกับคุณติณห์ เป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน เลยส่งเสริมกันและกัน ดูสิใครจะไปเชื่อว่าฝรั่งที่ไม่เคยเชื่อเรื่องจิตวิญญาณอย่างคุณติณห์ จะนั่งสมาธิได้นานอย่างนี้”
“กัลยาณมิตรแปลว่าอะไร” ก้องฟ้าถาม
“แปลว่าเพื่อนที่ชักชวนกันไปในทางที่ดีไง”
“งั้นพี่โจ้กับพี่กรรณก็ใช่”
“จุ๊ๆ”
อรวรรณรีบดึงก้องฟ้าออกไป
ญาณินและติณห์สงบมีสมาธิมาก ที่พระพุทธรูปประธาน มีแสงสว่างบางอย่างแว่บขึ้นมา ภาพนิมิตที่ติณห์กับญาณินเห็น ภาพเหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่ที่ห้องประชุม คนในชุดสูทนอนตายเกลื่อนคาห้องประชุม ภาพมือที่ยังกำปากกาที่เปื้อนเลือด ภาพใบหน้าคนที่ลืมตาโพลงก่อนสิ้นใจ ภาพคนกรีดร้อง..
ญาณินกับติณห์ผงะ ลืมตา เฮือก
ห้องรับแขก ก้องฟ้าคว้ารีโมท จะเปลี่ยนทีวีดูบอล แต่อยู่ๆอรวรรณมากระชากรีโมทไปกดปิด
“ป้าออ..”
“คุณหนูณินยังนั่งอยู่ที่ห้องพระ ห้ามเสียงดังรบกวน”
“แต่ผมกะก๊องกำลังจะดูบอลกันนะป้าออ” พงอินทร์แย้ง
“ใช่ พี่เล่นทีมไหน เรามาพนันกันไหม”
“แบบนี้ เรียกว่า ปาปมิตร(ปา-ปะ-มิด)ชักชวนกันไปในทางเสื่อม”
“ใช่ พวกมิตรบาปๆ” กรรณาเหล่มอง
ญาณินกับติณห์เดินรีบร้อนออกมาจากด้านใน
“อ้าว คุณหนู...”
ก้องฟ้าคว้ารีโมทคืนมา
“จบป่ะ”
ก๊องกำลังกดเลือกช่อง แล้วอยู่ๆก็กดผ่านไปที่ช่องหนึ่งซึ่งกำลังมีข่าว เป็นภาพนักธุรกิจชาย คนเดียวกับภาพในนิมิตที่ญาณินและติณห์เห็นว่านอนตาย ญาณินอึ้ง
“นั่น…ก๊อง...เปิดเสียงสิๆ”
ก้องฟ้าเปิดเสียงให้
“ตกลงจะได้ดูบอลไหมเนี่ย”
“เงียบก่อนนายโจ้”
ทุกคนมองที่ภาพข่าวนั้น
“วันนี้เวลาสิบเจ็ดนาฬิกา จะมีการแถลงนโยบายของประธานบริหารบริษัทเอ็กเซเล้นท์ฟู้ดคนใหม่ บริษัทนี้ส่งออกอาหารและวัตถุดิบสำคัญๆไปทั่วโลก แค่จะมีการแถลงนโยบายใหม่ หุ้นก็พุ่งขึ้นไปรอเอาไว้แล้ว”
ติณห์กับญาณินอึ้ง เพราะหน้าตาของผู้เข้าประชุมในภาพข่าวตรงกับในนิมิตที่เห็น
“ยัยเจ๊ คุณติณห์ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำท่าแปลกๆ” เนตรสิตางศุ์ถาม
“เอ็กเซเล้นท์ฟู้ด”
“สิบเจ็ดนาฬิกา...อีกสามสิบนาที”
ติณห์กับญาณินต่างตกใจ รู้กันแค่สองคนว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“แย่แล้ว”
“ทำไม...อะไรแย่” กรรณาถาม
ญาณินกับติณห์ตัดสินใจรีบวิ่งออกไปทันที
“คุณหนู...จะไปไหนคะ”
“จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น จะมีคนตาย ฉันต้องรีบไป”
ญาณินกับติณห์ไม่รีรอ รีบออกไป
อ่านต่อหน้า 4
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 20 (ต่อ)
อรวรรณเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรอีก...คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคุณหนูด้วยเถอะ”
ออฟฟิศหรู...ผู้คนในชุดสูทหรูเดินเข้าลิฟท์ไป ญาณินกับติณห์รีบวิ่งเข้ามาที่ตึก แต่พอเข้ามาในโถง เพื่อจะไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้นบน ก็ไม่สามารถเข้าตึกได้ เพราะยามมากันเอาไว้
“กรุณาแลกบัตรก่อนครับ”
“บัตร..บัตรไม่ได้เอามา”
“ใช่ ผมก็รีบออกมา ไม่ได้ติดตัวมา”
“ไม่แลกบัตร เราให้ขึ้นไม่ได้ครับ”
“แต่เรามีเรื่องด่วนมาก...” ติณห์มองเวลา อีก 2 นาที “ไม่ทันแล้ว...หลบ...เราต้องขึ้นไปที่ห้องประชุมแถลงนโยบายข้างบนเดี๋ยวนี้”
ยามกันไว้ มียามอีกสองคนตามมาสมทบ ญาณินนิ่งไป
“คุณณิน...”
ติณห์รู้ได้ทันทีว่าญาณินถอดจิตออกไปแล้ว
ชั้นบน ในห้องประชุม จิตญาณินว้าบมากลางห้อง ผู้เข้าประชุม ที่มีน้ำสีดำในแก้วเดือดปุด ทุกคน อยู่ในลักษณะโดนสะกดจิตหมู่ จ้องไปในจอตรงหน้า ดวงตาเป็นสีดำ ในจอ เป็นภาพอีกาดำ บินวนๆเป็นก้นหอยวนไปมา เสียเพลงประกอบหลอนๆ
“นี่มันสะกดจิตหมู่นี่นา ฝีมือของใครกัน”
ทุกคน ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำสีดำ แล้วยกมา จะดื่ม
“หยุด อย่าดื่มๆ ทุกคน ตื่นเดี๋ยวนี้ สติๆ ได้สติสิ”
ทุกคนไม่ได้ยิน ญาณินพุ่งมา หน้าจอ พยายามเพ่งพลังไปที่จอ ทันใด หน้าจอดับลง ญาณินดีใจ
“สำเร็จแล้ว”
ญาณินหันไป แล้วช็อค ทุกคน ยังยกแก้วขึ้นช้า ๆเตรียมจะดื่ม
“ทำไมจอดับไปแล้ว แต่การสะกดจิตยังมีผลอยู่ล่ะ หรือว่า..เมื่อมันเริ่มต้นไปแล้ว มันหยุดไม่ได้”
ทันใด ติณห์วิ่งเข้ามา
“ติณห์ ทำไงดี ฉันปลุกคนพวกนี้ไม่ได้”
“ปลุกเหรอ..”
มือของทุกคนยกแก้ว จรดริมฝีปากแล้ว ติณห์มองไปที่แผงคอนโทรล เทคนิค เครื่องเสียงต่างๆ แล้วรีบโดดไป กดเปิดเครื่องเสียงทันที ทันใด เสียงดนตรีเพลงร็อคก็แผดดังขึ้น พวกผู้เข้าประชุมสะดุ้งโหยง มีอาการตื่นจากหลับ บางคนมองรอบๆ งงๆ พบว่าตนถือแก้วน้ำดำ ตกใจ ว่ามันคืออะไร วางลง บางคน เหมือนคนสะดุ้งตื่น ปล่อยแก้วตกมือแตก น้ำดำหกบ้างอะไรบ้าง
“ไชโย รอดแล้ว” ญาณินดีใจ
“อะไรกัน นี่มัน..น้ำอะไร”
บางคนดมๆ
“นี่มันยาฆ่าแมลงนะ”
“ยาฆ่าแมลงจริงๆด้วย”
ทุกคนตกใจแขยง สยองกัน จิตญาณินแวบหายไป ติณห์รีบถอย แล้ววิ่งออกไป
กายหยาบญาณินผงะ ลืมตาขึ้น พวกยามมุงอยู่รอบร่างญาณิน บางคนเอากระดาษมาพัดๆ
ติณห์วิ่งออกมาจากลิฟท์
“คุณณิน เป็นไงบ้า..ง..”
ญาณินหัวเราะ กระโดดกอดติณห์
“เราทำสำเร็จ คนพวกนั้นรอดตาย เยี่ยมมากเลยค่ะติณห์”
“จริงด้วย”
ทั้งสองกอดกัน หัวเราะ พวกยามงง สักพัก ญาณินนึกได้ ชะงัก
“แต่วิธีสะกดจิตหมู่แบบนั้น ใครที่ทำ ทำทำไม เพื่ออะไรกัน”
“มันคือเนชั่นนั่ลคริมินั่ลชัดๆ”
“อาชญากรรมระดับชาติหรือคะ”
“แล้วทำไม พระถึงให้เราสองคนเห็นเหตุการณ์นี้ล่วงหน้าล่ะ”
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รู้ว่าเราจะช่วยได้ไงคะ”
สองคนมองหน้ากันอย่างสงสัย
สำนักสมคิด...เมฆดำปกคลุมบริเวณท้องฟ้า มีแสงฟ้าแลบแปลบปลาบ อีกาตัวนึงบินมาเกาะขอบตึก แล้วเดินมาจิกกินอาหารจากมือเบญจาที่กำลังป้อนอาหารอีกา เป็นเมล็ดธัญพืชสีดำ
“แกทำไม่สำเร็จเหรอ เพราะอะไรกัน แผงควบคุมการฉายภาพของเราขัดข้องเหรอ ปัญหาทางเทคนิค...หมายความว่าไง...แกรู้ไหม ถ้าเราทำไม่สำเร็จ...จะเกิดอะไรขึ้น”
สมคิดก้าวเข้ามา ดึงมีดอาคมจากที่เบญจาพกติดตัวที่เอวมา แล้วเขวี้ยงไปปัก กาตายแล้วหายวับเป็นควันไป
“ไอ้กาผีโง่งี่เง่ามันต้องตายแบบนี้ไง ลูกค้าโทรมาบอกว่างานผิดพลาด มีคนบุกไปช่วยไอ้พวกโง่พวกนั้น แกรู้ไหม ว่ามันเป็นใคร”
“ใครคะ ไม่ใช่แผงควบคุมเทคนิคดับกะทันหันหรือคะ”
“ดูเอาเอง ภาพจากกล้องวงจรปิดของบริษัทเอ็กเซเล้นท์ฟู้ด”
สมคิดเอาโทรศัพท์ให้ดู กดคลิป เป็นภาพติณห์ ญาณิน กับยามที่ตึกนั้น เบญจาอึ้ง เครียด
“แกจะปล่อยให้พวกมันมาทำลายงานอาชีพของเราไม่ได้ เบญจา มันทำลายชีวิตฉัน ทำลายจิตใจแก แล้วแกยังจะมาพ่ายแพ้พวกมันอีกเหรอ เบญจา แกอยากมีจุดจบแบบไอ้ผีอีกานั้นไหมล่ะ”
เบญจาหน้าเยือกเย็น
อรวีนั่งโหลดข้อมูลที่หน้าคอม สมชายนั่งมองเครียดๆ
“โหลดภาพเสร็จหรือยัง”
“เรียบร้อยพอดีค่ะ”
ภาพหน้าจอคอม เป็นภาพกล้วยไม้บ้านพิมพ์พิลาศ ตัวหนังสือบอกว่าโหลดข้อมูลเสร็จแล้ว
“กดส่งออกไปเลย”
“ค่ะ”
อรวีกังวล แต่จำเป็นต้องทำตามส่ง สมชายสะใจ
“ไอ้อติเทพ...มึงเสร็จกู...”
ในรถบนถนน...ผู้การกำลังให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ หัวเราะร่ามากๆ
“คุณพิธีกรต้องเข้าใจนะครับว่า ผมไม่ใช่ธรรมดา ที่ทำเป็นสืบหลงทางไปมา มันเป็นแผน ปล่อยให้คนร้ายตายใจแล้วก็ตลบหลังรวบทีเดียวยกขบวนการ ผมรู้ข้อมูลขบวนการปลอมเอกสารมาได้ยังไง แหม่ จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่า ผมรู้ได้ด้วยเซนส์ก็แล้วกัน ซิกส์เซนส์น่ะ รู้จักใช่มั้ย”
แต่อยู่ๆที่หน้าจอแทปเล็ท มีเสียงเตือนว่ามีอีเมล์เข้ามาใหม่ ผู้การคลิกๆเข้าไปดู พบหัวอีเมล์เขียนว่า “หลักฐานฆาตกรรมพิมพ์พิลาศ”
ผู้การชะงัก แปลกใจ คลิกๆเปิดคลิปที่แนบมาด้วยดู ภาพในคลิปคือภาพจากวงจรปิดที่เห็นว่าอติเทพเป็นคนเอางูมาปล่อยในเรือนกล้วยไม้
ณัฐเดชกับวรวรรธเพิ่งดูคลิปจบไป ทั้งสองนั่งอยู่กับผู้การที่ที่แต่งตัวเสื้อยืดกางเกงยีนส์ สวมแว่นและหมวกเพื่ออำพรางตัว อยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ดูคลิปแล้ว คิดเหมือนที่ฉันคิดมั้ย”
“นายอติเทพเป็นคนเอางูมาปล่อยไว้ที่เรือนกล้วยไม้ เจตนาจะฆ่าคุณพิมพิลาศเพื่ออำพรางคดี”วรวรรธบอก
“คลิปนี้มาจากไหน มาทำไมตอนนี้...ใครส่งมา” ณัฐเดชสงสัย
“ใช่เลย...นี่แหละที่ฉันคิด...อย่าลืมว่าเราเคยตรวจสอบขอวงจรปิดภายในบ้านคุณพิมพิลาศแล้ว แต่คำตอบที่ได้คือ มันเสีย แล้วคลิปนี้มาจากไหน”
“แสดงว่า ใครบางคนที่ส่งคลิปนี้มา ต้องมีเจตนาแอบแฝง” วรวรรธบอก
“หมอฉลาดแล้วๆ”
“แล้วผู้การได้สืบหรือยังครับว่ามันส่งมาจากไหน”
“อีเมล์ที่ใช้ส่งคลิปนี้ สมัครมาใหม่เพื่อส่งคลิปนี้โดยเฉพาะ ตรวจสอบไอพีแอดเดรสก็พบว่าถูกส่งมาจากร้านเนทแถวมีนบุรี แต่เป็นร้านเนทที่ไม่มีกล้องวงปิด เจ้าของร้านจำหน้าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการไม่ได้เลย”
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คนส่งตั้งใจจะใช้ร้านนี้ เพื่อปกป้องตัวเอง ไม่ให้สาวถึงตัว” ณัฐเดชออกความเห็น
“ใช่...ผมถึงเรียกคุณสองคนมาด่วน เพื่อจะบอกว่า ผมฝากด้วยนะ”
ผู้การลุกจะออกไปจากร้าน แต่แล้วต้องชะงัก เพราะโทรศัพท์ดัง ผู้การรับสาย
“ว่าไง..อะไรนะ ที่ไหน..ได้…ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“มีเรื่องอะไรครับผู้การ”
“ผู้บริหารบริษัทเอ็กซาเล้นท์ฟู้ดโดนคนเอายาพิษมาเสิร์ฟเป็นเครื่องดื่มในการประชุม โชคดี ที่มีคนมาขัดขวางทัน ไม่งั้นตายกันยกแผงแน่”
มีเสียงแมสเสจเข้าตามมาอีกชุด ผู้การกดดูภาพ
“หา..แล้ว..พวกนายทายสิ คนที่เข้าไปขัดขวาง และช่วยคนพวกนั้นไว้ได้ เป็นใคร”
ณัฐเดชกับวรวรรธงง ผู้การส่งให้ดู เป็นภาพติณห์ ญาณิน เหมือนที่สมคิดมี ทั้งคู่ตะลึง
อติเทพเดินไป เดินมาแล้วนั่งเซ็ง
“ไหนคุณบอกฉันว่า คุณกับอดีตภรรยาช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัว ทำบริษัทจนร่ำรวยขึ้นมา พอภรรยาตาย ทุกอย่างเลยตกมาเป็นของคุณคนเดียว แล้วที่ทนายคนนั้นเขาพูดเป็นทำนองขู่ๆ แบล็คเมล์คุณ มันคืออะไรคะ” เป้ยสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เป้ยช่วยผมคิดดีกว่า ว่าจะจัดการไอ้สองพ่อลูกนั่นยังไงดี”
“จัดการ คุณจะสั่งเก็บเขาเหรอคะ”
“ถ้าฉันไม่รีบทำมันก่อน มันก็จะมาทำกับฉัน เหมือนที่มันเคยเก็บพิสมร แม่บ้านที่นี่”
“เคยมีการฆาตกรรมด้วยเหรอ ไม่ๆ เป้ยไมได้ยิน เป้ยไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น คุณหลอกเป้ย...เป้ยตกเป็นเหยื่อ ถ้ารวยแต่ต้องเจอกับอะไรน่ากลัวๆ เป้ยไม่ แต่ถ้ารวยแล้วสบาย เป้ยเอา งั้น...เป้ยขอพอแค่นี้นะ บ๊ายบายค่ะ”
“คุณจะทิ้งผมเหรอ ไหนบอกว่ารักผมไง”
“อ้าวเหรอ เป้ยพูดงั้นเหรอ จำไม่เห็นได้”
“คุณยังใส่แหวนที่ผมให้อยู่เลย”
“แหวน...อุ๊ยตาย แหวนมาอยู่ที่นิ้วของเป้ยได้ยังไง สงสัยฮอร์โมนผันผวนแล้วลืมตัว แต่ตอนนี้เข้าที่เข้าทางแล้ว เราเลิกกัน แหวนนี่ ถือว่า เป็นของขวัญค่าเสียเวลาเป้ยนะคะ”
เป้ยจะออกไป แต่ต้องผงะ เพราะมีตำรวจสวนเข้ามา อติเทพก็อึ้ง
“คุณอติเทพ นี่คือหมายจับ เราขอเชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพัก ในข้อหาฆาตกรรมคุณพิมพ์พิลาศและข้อหาปลอมแปลงเอกสารด้วยครับ”
อติเทพหน้าเสีย
“เชิญคุณปาริฉัตรด้วยนะครับ”
เป้ยซีดไปด้วย
บริษัทซิกส์เซนส์...ติณห์ ยืนจิบกาแฟกับณัฐเดช
“เรื่องการสะกดจิตหมู่แบบนั้น มันต้องเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติแน่ๆ ฉันกับญาณินได้รับสารจากนิมิตรตอนนั่งสมาธิ ถึงไปช่วยทัน เราคงต้องรอดูกันต่อไป ว่ามันคืออะไร แล้วพระเบื้องบทท่านจะให้เราช่วยอีกหรือเปล่า”
“ภารกิจของซิกส์เซนส์กำลังเริ่มอีกแล้วล่ะสิ”
“อือ..แล้วฉันก็กลายเป็นคนมีเซนส์ไปกะเขาด้วยแล้ว..”
“โอเค..ยินดีต้อนรับสู่ความพิเศษ ภาระอันยิ่งใหญ่ ที่อาจนำมาทั้งเรื่องที่ชอบและที่ไม่ชอบ”
วรวรรธเดินเข้ามา รีบร้อน
“พี่ณัฐ ไปกับผมหน่อยครับ เทปวงจรปิดในเรือนกล้วยไม้ของคุณพิมพิลาศ ผมว่า..มันมีอะไรที่ดูแปลกๆ”
“แปลกยังไง” ติณห์ถาม
“ภาพคุณอติเทพ..”
“ใช่ เราก็ดูด้วยกัน ก็เห็นกันทุกคนไม่ใช่เหรอ ว่านายอติเทพเป็นคนปล่อยงู”
“ใช่ครับ..แต่พอขยายดูดีๆทุกรายละเอียดแล้ว ผมเจออะไร ที่ไม่ธรรมดาเลย”
“มีการตัดต่อเหรอ..” ติณห์ถาม
“ไม่นะ เราดูดีแล้วนี่นา ว่ามันไม่ใช่การตัดต่อ” ณัฐเดชแปลกใจ
“หรือมีการถ่ายติดวิญญาณ..”
“ผมอยากให้พี่มาดูอีกทีดีกว่าครับ”
สามหนุ่มมองหน้ากัน
สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ห้องปฎิบัติการตรวจคอมพิวเตอร์ ณัฐเดชกับวรวรรธเปิดประตูเข้ามาในห้อง ที่มีจอมอนิเตอร์ เครื่องไม้เครื่องมือพิสูจน์วัตถุพยานจำพวกกล้อง เทป CD ต่างๆ
“สวัสดีไอ้วุฒิ”
“เอ้า มาๆ เชิญๆ มาดูดีๆ มีรางวัล”
เจ้าหน้าที่ Play ภาพในจอให้ดู ทั้งหมดตั้งใจจดจ้องภาพในจอ
จุนจีกับกรรัมภาเดินเล่นคุยกันมาที่เรือนกล้วยไม้
“นายอติเทพเป็นคนฆ่าคุณย่าพิมพ์พิลาศ คนอะไร แปลกจริงๆ เลวออกนอกหน้า เลวทั้งหน้าฉาก หลังฉาก”
“เราถึงจับเขาได้ง่ายๆไง เพราะเขาแสดงเจตนาเปิดเผยว่าอยากได้สมบัติคุณย่าใจจะขาด แถมยังปองร้ายผมตลอดเวลา”
“แก้มนึกว่าเรื่องนี้มันจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่านี้”
“เสียดาย ที่ตัวเองยังไม่ได้ใช้ฝีมือคนมีสัมผัสพิเศษมากพอ.. เพื่อคลี่คลายคดีหรือไง”
กรรัมภาหยุดกึก เหลือบมองจุนจี เห็นสายตาจุนจีเหล่กรุ้มกริ่มมา กรรัมภาเขินรีบหลบตาทำฟอร์มโง่
“เชอะ นึกว่าฉันเป็นคนขี้อวด ชอบโชว์พรสวรรค์รึไง”
จุนจีคว้าตัวกรรัมภามาพูดใกล้ๆ
“อ้าว ไม่รู้เหรอ เห็นปกติคุณเป็นคนชอบโชว์”
กรรัมภาเอนตัวหนี มองหน้าจุนจีที่แกล้งยื่นเข้ามาใกล้ แทบหัวใจจะวาย
“อะไรนะ ฉันชอบโชว์อะไรยะ”
“ก็โชว์ว่า..ผมเป็นไอดอลขวัญใจคุณ ที่คุณรักหลงใหลคลั่งไคล้สุดๆ รักผมมากมายจะตายอยู่แล้วไงนี่ เขารู้กันทั้งประเทศ หรือรู้ทั้งโลกแล้ว”
“แล้วไงล่ะ มันเรื่องธรรมดานี่นา แฟนคลับปาร์คจุนจีมีเต็มไปทั้งโลก ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นไปดูคุณร้องเพลง ก็ต้องเอาป้ายไฟไปถือ แค่ใส่เสื้อพิมพ์เลิฟปาร์คจุนจี มีแฟนคลับติ่งหูศิลปินคนไหนไม่ทำแบบนี้มั่งล่ะ”
“แล้วถ้าไม่ใช่ในฐานะแฟนคลับล่ะ”
“อะไรนะ”
จุนจีช้อนตัวแก้มอุ้มขึ้น กรรัมภาแทบช็อค
“เหว๋อ! ทำอะไรน่ะ”
แล้วจุนจีก็อุ้มพากรรัมภาเข้าเรือนกล้วยไม้ไป มีสายตาคนแอบมองอยู่ทั้งคู่อยู่อย่างประสงค์ร้ายที่พุ่มไม้ด้านนอก
ณัฐเดชกับวรวรรธดูที่จอภาพ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
“ก็เหมือนเดิม เห็นนายอติเทพปล่อยงูฆ่าคุณพิมพ์พิลาศ ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติตรงไหนนี่ครับ”
“ต้องมีสิ”
ทั้งหมดพยายามจับผิด จนถึงภาพขณะที่อติเทพปล่อยงูไปกัดพิมพ์พิลาศ
“ขยายภาพหน่อยครับ พี่วุฒิ”
วุฒิทำตาม
“ดูแสงกับเงาที่ตัวของคุณอติเทพสิครับ”
“ที่หน้า ค่อนข้างสว่างเต็ม และเงาของตัวเขา..เป็นสีดำเข้ม”
“เงาของวัตถุทุกอย่าง ดูนะครับ มันจะเป็นเงาซ้อนๆเลือนๆ เพราะมีทางแสงมาจากไฟฟ้าดวงนี้ กับดวงนี้ แต่เงาของอติเทพเป็นเงาเข้ม จากแสงอาทิตย์ ตอนกลางวัน ที่ส่องมาจากทางนี้ทางเดียว”
ได้ยินอย่างนั้น ณัฐเดชตกใจหันมามองหน้ากันทันที
“ภาพสิ่งแวดล้อม เป็นภาพที่เกิดตอนกลางคืน แต่ตัวนายอติเทพ เป็นภาพเมื่อกลางวัน มันไม่เข้ากัน มันถูกตัดต่อ”
“แค่นั้นยังไม่พอครับ แล้วดูตรงนี้นะครับ พี่วุฒิ ถอยภาพหน่อย ถอยๆ ช้าๆ ขยาย เลื่อนเฟรมไปนิด...ซ้ายครับ..ซ้าย หยุด”
วุฒิทำตามที่วรวรรธขอ ซูม ขยายภาพ เลื่อนไปที่กระจก
“พี่ณัฐดูให้ดีๆ ในเรือนกล้วยไม้วันนั้น ไม่ได้มีแค่นายอติเทพกับคุณพิมพ์พิลาศแค่สองคนครับ แต่ยังมีบุคคลที่สาม”
ณัฐเดชกับวุฒิตะลึง
“ไหน…บุคคลที่สามอยู่ตรงไหน”
“เห็นหรือยังครับ”
วรวรรธชี้ไปตรงจุดนั้น ณัฐเดชและเจ้าหน้าที่วุฒิเพ่งตาดู แล้วก็เห็นคนๆนั้นในเงาสะท้อนกระจกชัดเจน
“นั่น...นั่นไงครับพี่นัท ตรงกระจกสะท้อน”
“สมชาย” ณัฐเดชโพล่งขึ้นมา
อ่านต่อตอนที่ 21