xs
xsm
sm
md
lg

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อย่าลืมฉัน ตอนที่ 5

งานแต่งงาน ถูกจัดขึ้นในบรรยากาศอบอุ่น ทว่าหรูหราอยู่ในที ภายในงานมีแขกบางตา ด้วยเหตุที่เจ้าของงาน เลือกเชิญเฉพาะแขกที่สนิทสนมกันจริงๆ

อัมพิกาและอรทัยอยู่ในชุดราตรีหรูหรา มีรสนิยม
“เอื้อมาหรือยัง ?”
อัมพิกาหันมาทางอรทัย ฝ่ายถูกถามกวาดสายตามองหา
“ยังไม่เห็นเลยค่ะ วันนี้ต้องขึ้นพูดอวยพรด้วย ทำไมยังไม่มาอีกนะ”
อัมพิกาหันอีกทางช่วยมองหา แล้วก็ต้องสะดุดกึก
“นั่นไง” อัมพิกาหน้าเชิด “เหตุผลที่ทำให้พี่ชายเรามาช้า”
อรทัยหันไปมองตามแล้วก็อึ้ง หน้าตึงขึ้นมาทันทีเช่นเดียวกัน
เอื้อกับสุริยง เดินเคียงเข้างานมาพร้อมกัน ทั้งสองคนเดินไหว้ทักทาย และรับไหว้มาตามทาง เอื้อดูเป็น
ธรรมชาติ ในขณะที่สุริยงเดินตัวลีบ อย่างเจียมตัว แขกเหรื่อในงาน พากันมองสุริยงด้วยสายตาแปลกๆ และหันไป
ซุบซิบกัน จนเธอรู้สึกอึดอัด แต่ยังฝืนยิ้ม

ในขณะเดียวกันเขมชาติและเกนหลงเดินควงกันเข้ามาอย่างสง่างาม เกนหลงหยุดให้ช่างภาพ และ
นักข่าว ถ่ายรูปอย่างรู้งาน เขมชาติยิ้มนิดๆ แสงชัตเตอร์รัวไม่ยั้ง
เขมชาติปรายตามองเข้าไปในงาน..ในใจแอบคิดถึงสุริยง

เอื้อเดินนำสุริยง มาถึงมุมที่อัมพิกาและอรทัย ยืนอยู่ คนที่ยืนอยู่รอบๆข้างแอบชำเลืองมอง อย่างสอด
รู้สอดเห็น
สุริยง ยกมือไหว้อัมพิกา
“สวัส...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี อัมพิกา ก็หันไปพูดกับบริกร ที่เดินผ่านมาพอดี
“หยุดก่อน!”
สุริยงชะงัก.. อัมพิกาเอื้อมมือข้ามไปหยิบแก้วแชมเปญและพูดกับบริกร โดยไม่สนใจสุริยง
“ขอบใจ”
จากนั้นแล้วก็หันไปคุยกับคุณหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“คุณหญิงขนิษฐา..สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ..ไม่ได้เจอกันนานเลย”
สุริยงหน้าชาวูบ ยกมือไหว้ค้างอยู่อย่างนั้น อรทัยหัวเราะเยาะ แล้วก็เชิดใส่ซ้ำอีกที ก่อนจะหันไป
คุยกับแขกไฮโซอีกคน ที่ยืนอยู่แถวนั้น
สุริยงค่อยๆ ลดมือลง มองไปรอบๆ เห็นสายตาของแขกเหรื่อ ที่มองแล้วก็ซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน
เอื้อมองด้วยความสงสาร “หนูเล็ก”
สุริยง พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ “ขอตัวไปห้องน้ำนะคะ”
พูดจบก็เดินออกไปเลย เอื้อมองตามไปด้วยความเป็นห่วง

ในขณะที่บริเวณหน้างาน เขมชาติ กับเกนหลง ฝ่ากลุ่มนักข่าวเข้ามาด้านใน เขมชาติกวาดตามองไป
รอบๆ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับสุริยงที่เดินแทรกคนออกมาจากในงาน เขมชาติชะงักมองตามอย่างลืมตัว
สุริยงอยู่ในชุดราตรีอย่างหรู ดูสวยสง่า แปลกตาและ โดดเด่น ต่างจากที่เขมชาติคุ้นตา เขมชาติ
ลืมตัวเดินตามสุริยงไปเหมือนโดนสะกด ในขณะที่เกนหลงเดินไปอีกทางเพื่อจะเดินเข้าไปในงาน ครั้นเดินไปได้สักพักก็
รู้สึกตัวหันมาไม่เห็นเขมชาติ พลางกวาดตามองหา จนเห็นเขมชาติเดินไปอีกทาง
“เขมคะ เขม”
เกนหลงเรียกเบาๆ ทว่าเขมชาติไม่ได้ยิน เธอจึงร้องเรียกดังขึ้น “เขม”
เขมชาติ รู้ตัว สะดุ้งนิดๆ ก่อนจะหันกลับมา ”ครับ ?”
“คุณจะไปไหนคะ ทางเข้างานอยู่ทางนี้”
เขมชาติอึกอัก ละล้าละลัง
“เอ่อ.. ผมขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวจะรีบตามเข้าไป”
พูดจบก็รีบเดินตามสุริยงไปทันที เกนหลงมองตามเล็กน้อยแล้วก็เดินเข้างานไป อย่างไม่ติดใจสงสัย
ใดๆ เลย
เกนหลงเดินเข้ามาในงาน แขกเหรื่อในงานมองตามด้วยความสนใจ เกนหลงมองไปที่โต๊ะเครื่องดื่มและ
เดินไปหยิบแก้วคอกเทล ทันใดนั้นก็มีมือของชายหนุ่มอีกคนยื่นมาหยิบแก้วเดียวกัน
เกนหลงเงยหน้ามอง แล้วพบว่าชายหนุ่มเจ้าของมือ เป็นหนุ่มหน้าตี๋อายุสี่สิบกว่า ที่กำลังยืนส่งยิ้ม
กว้างมาให้ เกนหลงตกใจนิดๆ รีบดึงมือกลับ
“ขอโทษค่ะ”
พลันก็รีบหันหน้าหนีทันที ในจังหวะหันมานั่นเอง เกนหลง ก็ชนเข้ากับผู้ชายอีกคนที่เดินผ่านมาพอดี
เกนหลงเซ ชายคนนั้นคว้าแขนเอาไว้ได้ พลางดึงตัวขึ้นมาได้ทัน เกนหลงเงยหน้ามองแล้วก็อึ้ง
“พี่เอื้อ”
เอื้อ เองก็ตกใจไม่แพ้กัน “เกนหลง”
เกนหลง ยิ้มกว้าง
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นึกว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
“จำได้สิ ใครจะลืมสาวฮอตประจำบอสตัน” เอื้อกระเซ้า
“ไม่จริง คนที่ฮอตน่ะพี่เอื้อต่างหาก เกนได้ยินชื่อเสียงพี่เอื้อตั้งแต่ยังไม่ได้ไปเรียน เพื่อนๆที่นี่เขาลือกัน
ให้แซดว่าที่บอสตันมีรุ่นพี่คนหนึ่งหล่อมาก เป็นลูกชายเจ้าของธนาคารอีกต่างหาก เรียกว่าฮอตข้ามทวีป”
เอื้อถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เกนหลงหัวเราะตาม
ในขณะที่ที่อัมพิกามองหาเอื้อ แล้วมาสะดุดเข้ากับเอื้อที่คุยอยู่กับเกนหลง สายตาของอัมพิกาพุ่งมา
อย่างแรง ราวกับเหยี่ยว อรทัยเดินมาพอดี อัมพิกาพยักเพยิดไปทางเอื้อ อรทัยหันไปมองด้วยความสนใจ
เกนหลงเหมือนนึกขึ้นได้
“ อ้อเกือบลืม ยินดีด้วยนะคะพี่เอื้อ”
“ ยินดี ?” เอื้อขมวดคิ้ว สงสัย
“ก็ยินดีกับงานวันนี้ไงคะ ..แอบแต่งซะเงียบเลย นี่ถ้าเพื่อนๆ รู้ มีหวังอกหักกันกระจาย”
เกนหลงยิ้มร่าเริง เอื้ออ้าปากจะแย้ง แต่ไม่ทัน เกนหลงพูดต่อ
“แล้วนี่เจ้าสาวพี่เอื้ออยู่ไหนคะเนี่ย ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย” ถามพลางมองหา
“เจ้าสาวพี่ ยังหาไม่เจอเลยครับ” เอื้อเล่นสำนวน
เกนหลงหันขวับ

“หาไม่เจอ แปลว่าอะไรคะ ?”

เอื้อ ยิ้มขำๆ
“ก็แปลว่า งานนี้ไม่ใช่งานพี่ แต่เป็นงานของลูกชายคุณลุง บอร์ดของธนาคาร แต่ครอบครัวพี่เป็น
เจ้าภาพจัดเลี้ยงพิเศษให้ พี่ยังไม่ได้แต่งงาน”
“อ้าว..ตอนคุณพ่อบอกว่าเป็นงานแต่งของครอบครัวรัตนชาติ เกนก็คิดว่าเป็นของพี่เอื้อแน่ๆ คิดไป
เองนะเนี่ย อายจัง”
พูดพลางยกมือขึ้นปิดหน้า นึกขำอายตัวเอง เอื้อขำกับอาการเขินๆ ของเกนหลงอย่างอารมณ์ดี
“พี่จะถือว่าเป็นการยินดีล่วงหน้า ถ้าแต่งจริงเมื่อไหร่ จะส่งการ์ดให้เกนเป็นคนแรก”
เกนหลงพยักหน้ายิ้มรับอายๆ
“แล้วนี่เกนมาคนเดียวเหรอครับ ? “
เกนหลงชะงักนิดๆ พลางรู้สึกว่าเขมชาติหายไปนานแล้ว

สุริยงหลบออกมายืนที่ริมระเบียงของโรงแรม พลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และปล่อยออกมาช้าๆ
เริ่มสบายใจขึ้น ทันใดนั้นเสียงเขมชาติก็ดังขึ้น
“จะมาจับผู้ชายรวยๆ ตามงานแต่งงาน มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงได้มายืนกลุ้มอยู่คนเดียว”
สุริยงหันขวับมา เห็นเขมชาติยืนอยู่ นึกแปลกใจนิดๆ เขมชาติเดินเข้ามาหา
“ต้องลองไปตาม “งานศพ” อาจจะพอมีโชค ได้พ่อหม้ายรวยๆ แก่ๆ ติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง”
สุริยง ยิ้มนิดๆ พลางพูดสวนกลับไปอย่างทันท่วงที
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเอาไว้ ถ้าได้ไปงานศพของ” มองหน้าเขมชาติ เหมือนจะบอกว่า “คุณ” ..
หากแต่ยั้งปากไว้ได้ทัน “คนรู้จัก ดิฉันจะลองดูนะคะ”
เขมชาติ รู้ว่าถูกประชด หากยังทำเสียงเข้ม
“ไม่ต้องมาย้อน”
สุริยงเถียงนิ่มๆ
“ดิฉันไม่ได้ย้อน แค่สมยอมตามคำตัดสิน ในเมื่อผู้อำนวยการคิดว่าดิฉันมาที่นี่เพื่อจับคนรวยๆ.. ดิฉัน
ก็แค่ยอมรับ ยอกย้อนตรงไหนไม่ทราบ”
แววตาเขมชาติ ที่มองสุริยงนั้น ฉายแววดูแคลนอย่างไม่ปกปิด
“ได้แต่งตัว ใส่เครื่องเพชร เดินอยู่ในแวดวงของคนชั้นสูงเข้าหน่อย องค์ไฮโซลงหรือไง ถึงได้กล้าเถียง
เสียงแข็งแบบนี้ อย่าลืม ผมเป็นเจ้านายของคุณ ไม่ใช่เพื่อนเล่น”
สุริยงนิ่ง เขมชาติได้ที ใส่ต่อ
“ที่มาวันนี้ คงอยากประกาศความเป็นเมียเจ้าสัวให้คนอื่นรู้หล่ะสิ ขนาดเขาไม่ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ ก็ยัง
จะยึดติดอยู่กับอดีต จมไม่ลง น่าสมเพช”
สุริยงลอยหน้าลอยตาโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ ก็คงไม่ต่างกับบางคน เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่ปล่อยวาง ยึดติด หมกหมุ่น ประชดประชันไม่
เว้นแต่ละวัน น่าสมเพชไม่น้อยไปกว่ากัน”
พูดจบก็หันหลัง จะเดินเข้างานไป หากกลับโดนเขมชาติคว้าข้อมือสุริยงไว้ ก่อนที่จะกระชากกลับมา
“ผมยังไม่สั่งให้ไป คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
เขมชาติจ้องหน้าสุริยงด้วยความโกรธแค้น

เกนหลง และเอื้อเดินมาตามทาง เกนหลงมองหาเขมชาติ และก็เห็นเขมชาติยืนอยู่ โดยยังไม่เห็นว่า
กำลังอยู่คุยกับใคร
เกนหลงยิ้ม และหันมาทางเอื้อ
“เจอแล้วค่ะ”
เกนหลงรีบเดินนำไป โดยมีเอื้อเดินตามมาไม่ห่าง

เขมชาติยังจับมือสุริยงไว้แน่น สุริยงพยายามบิดมือออก
“ปล่อย”
เขมชาติ ยิ่งบิด ยิ่งดึงสุริยงเข้ามา พลางจ้องหน้าในระยะประชิด “ไม่ปล่อย”
- พลันเสียงของเกนหลง ก็ดังขึ้น
“เขมคะ”
เขมชาติทิ้งมือสุริยงอย่างไม่มีเยื่อใย สุริยงชะงัก เกนหลงเดินเข้ามา ยังไม่ทันเห็นสุริยง ทืยืนหันหลังอยู่
“อยู่หลบตรงนี้นี่เอง “
เขมชาติ หันมาตอบยิ้มๆ
“ ผมกำลังจะเข้าไป”
เขมชาติชะงักกึก เมื่อมองเห็นเอื้อเดินตามหลังเกนหลงเข้า พลองย้อนนึกถึงตอนที่เห็นเอื้อนั่งกินข้าว
กับสุริยงด้วยท่าทีสนิทสนม
เขมชาตินิ่งไป สุริยงหันมาด้วยความแปลกใจ แต่คนที่แปลกใจมากกว่าคือเกนหลงและเอื้อที่เรียกขึ้น
พร้อมกัน
“คุณสุ”
“หนูเล็ก”
แล้วทั้งคู่ ก็หันมามองหน้ากันงงๆ
เกนหลงมองเอื้อกับสุริยงด้วยความแปลกใจ/ เอื้อก็มองสุริยงกับเขมชาติด้วยความสงสัย ในขณะที่
เขมชาติจ้องมองเอื้อกับสุริยงด้วยความไม่พอใจ .
สุริยงได้แต่ยืนอึ้งมองทั้งสามคนสลับกันไปมา

อรทัยพลิกข้อมืดูนาฬิกา แล้วก็เงยหน้ามองไปทางที่เอื้อยืนอยู่เมื่อครู่ แต่ไม่เห็นพี่ชายยืนอยู่ที่เดิมแล้ว
“พี่เอื้อหายไปไหน? จะได้เวลาขึ้นพูดอวยพรแล้วนะคะ”
อัมพิกาช่วยมองหาไปทั่วงาน หากก็ไม่เห็นเอื้อ

เอื้อหันมาถามเกนหลงด้วยความสงสัย
“เกนรู้จักกับหนูเล็ก..เอ่อ สุริยงด้วยเหรอครับ ?”

“ค่ะ คุณสุเป็นเลขาของเพื่อนเกนค่ะ” พลางหันไปทางเขมชาติ “เขมคะ นี่พี่เอื้อรุ่นพี่เกนที่บอสตัน
ค่ะ”

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 5 (ต่อ)

เขมชาติชะงักนิดๆ ในขณะที่เกหลง หันมาพูดกับเอื้อ
“พี่เอื้อคะ นี่เขมชาติ เจ้านายคุณสุค่ะ”
เขมชาติกับเอื้อมองหน้ากัน แววตาท้าทายกันอยู่ในที
เขมชาติ ยื่นมือมาก่อน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เอื้อ ยื่นมือมาจับ “ เช่นกันครับ” จากนั้นก็รีบปล่อยมือ แล้วกันมามองสุริยง “ไม่คิดว่าเจ้านายคุณจะ
อายุรุ่นเดียวกัน นึกว่าจะอายุมากกว่านี้”
“ผมก็ไม่คิดว่าจะมาเจอ “เลขา” กับ “เพื่อน” ในงานแบบนี้เหมือนกัน “ เขมชาติจงใจเน้นคำว่า
“เพื่อน”
“คุณเอื้อกับดิฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกันค่ะ”
เขมชาติสะอึก แต่ยังรักษาท่าที ด้วยการนิ่งไว้ ทั้งที่ในใจระทึกอย่างอยากรู้ เกนหลงถามตรงไปตรงมา
“ไม่ได้เป็นเพื่อน..หรือว่า”
เขมชาติชักสีหน้า..ไม่พอใจ เอื้อตอบแทน
“ คุณสุริยงเป็นภรรยา”
เขมชาติสะอึก เอื้อพูดต่อ
“ของคุณพ่อพี่ครับ”
เขมชาติช็อก เกนหลงก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ภรรยาของคุณพ่อ” พลางมองทั้งสองคน “งั้น...คุณสุก็”
สุริยง พูดต่อ
“สุเป็นแม่เลี้ยงของคุณเอื้อค่ะ คุณเอื้อเป็นลูกของภรรยาคนแรก ส่วนสุเป็นภรรยาคนที่สามของ
เจ้าสัวชวลิต รัตนชาติค่ะ “
เขมชาติช็อก อย่างนึกไม่ถึง พลางมองเอื้อกับสุริยงด้วยความอึ้ง ในขณะที่เอื้อกับสุริยงหันมายิ้มให้
กัน อย่างชาชิน ค่าที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยเหลือเกิน
“ถึงว่า..คุณสุถึงได้มาร่วมงานนี้ด้วย..บังเอิญจังเลยนะคะ” เกนหลงพูดยิ้มๆ
พลันก็ข้อความเข้ามาที่มือถือของเอื้อ เอื้อกดอ่าน ในจังหวะนั้น เขมชาติ ก็แอบปรายตามองสุริยงอย่างหมั่นไส้ และเมื่อเอื้อเงยหน้าขึ้นมา เขมชาติก็รีบดึงสายตากลับมาทำปกติ
“ผมต้องเข้าไปในงานแล้ว ต้องขึ้นไปกล่าวอวยพร เข้าไปด้วยกันหนูเล็ก” เดินมาหาสุริยง พร้อมกับตั้ง
แขนขึ้นให้ควง “เชิญครับ”
เขมชาติปรายตามาเห็น ก็อดที่จะเจ็บแปลบขึ้นมาไม่ได้ พลางก็หันมาทางเกนหลง แล้วก็จับมือเกนหลงมาควง ตัดหน้า
“ ไปครับคุณเกน”
-เกนหลงยิ้มรับแล้วก็ควงแขนเขมชาติเดินนำหน้าไปอย่างหวาน สุริยงปรายตามองตามนิดๆแล้วก็ยิ้มอย่างรู้ทัน พลางหันมายิ้มให้เอื้อ และควงแขนเขาเดินตามไป

เขมชาติเดินควงเกนหลงมาตามทาง พลางปรายตามาทาง เห็นสุริยงที่เดินควงเอื้อตามมา
ด้านหลัง ท่าทางมีความสุขมากมาย เขมชาติเบือนหน้าหนีอย่างไม่พอใจ

อรทัยและอัมพิกานั่งอยู่ที่โต๊ะเจ้าภาพหน้าเวที ที่มีวงดนตรีสามชิ้น กำลังบรรเลงเล่นเพลงซึ้งๆ ทั้งสอง
คนมองหาเอื้อ ทันใดนั้นอรทัยก็ชะงักกึก ตาวาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเขมชาติ ที่เดินควงเกนหลงเข้ามาในงาน
“เขมชาติตัวจริง หล่อมาก” อรทัยทำหน้าเคลิ้ม
เขมชาติและเกนหลง เดินเลี่ยงไปอีกมุมของงาน ทันทีที่เขมชาติกับเกนหลงเบี่ยงตัวไป เผยให้เห็นเอื้อ
เดินควงแขนมากับสุริยง
อรทัยรีบดึงพี่สาวให้หันมาดู
“พี่อัม”
อัมพิกาหันมาเห็นเอื้อควงสุริยง มีนักข่าวถ่ายรูปตลอดทาง แขกเหรื่อหันไปมองเป็นตาเดียว อัมพิกา
นึกแค้นใจ
“อร ไปลากพี่ชายเรามา ชักจะลดตัวลง “ต่ำ” มากไปแล้ว “
“ค่ะ”
อรทัยหันไปมองจิก แล้วก็ลุกเดินอาดๆเข้าไปทันที

อรทัยก็เดินปราดเข้ามาที่เอื้อกับสุริยง พลางวางหน้าเชิด
“พี่เอื้อคะ พี่อัมรออยู่ที่โต๊ะวีไอพี โต๊ะที่เขาจัดไว้ให้คนในครอบครัวเรา พวกเห็บหมัดที่เข้ามาเกาะขอใช้
นามสกุล ไม่เกี่ยว”
สุริยงสะอึก เอื้อหันมาทางสุริยงด้วยความสงสาร ก่อนจะหันมาทางอรทัย และพูดเบาๆ ทว่าหนักแน่น
“อร พูดจาให้มันดีๆหน่อย”
อรทัยยักไหล่
“ นี่ดีแล้วนะคะ ไม่งั้น..ยิ่งกว่านี้แน่ “ จากนั้นก็หันมาทางสุริยง “ แต่พี่เอื้อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวก
คางคกอยากจะขึ้นวอ หนังมันจะหนาเป็นพิเศษ ต่อให้เรา “ด่า” ยังไง..มันก็ไม่รู้สึก”
“อร “ เอื้อเสียงแข็ง สุริยง รีบตัดบท
“คุณเอื้อไปกับคุณอรเถอะค่ะ หนูเล็กไปยืนอยู่กับแขกคนอื่นได้ค่ะ”
อรทัยหน้าเชิด ก่อนที่จะเดินเข้ามาแทรกระหว่างเอื้อกับสุริยง พร้อมกับเบียดสุริยงออก แล้วควงเอื้อ
ลากให้เดินไปเลย เอื้อมองตามสุริยงด้วยความเป็นห่วง สุริยงยืนอึ้ง หันมาเห็นสายตาของคนรอบข้างที่มองอยู่

เกนหลงยืนมองอรทัยควงเอื้อไปอย่างงงๆ
“เอ๊ะ ? พี่เอื้อเดินอยู่กับใคร ? ที่หน้าเวทีเกิดอะไรขึ้น ?”
เขมชาติ ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองตาม เห็นเอื้อควงอยู่กับอรทัยมานั่งที่โต๊ะวีไอพี เอื้อหยิบโทรศัพท์มาส่ง
ข้อความ

สุริยงเดินแทรกแขกเหรื่อเข้ามาภายในบริเวณงาน ระหว่างเดิน ก็มีเสียงซุบซิบแว่วมาตลอดทาง
“คนนี้ไงเมียคนสุดท้ายของเจ้าสัว.. ต๊าย ยังเด็กอยู่เลย”
“มีลูกกับเจ้าสัว 2 คน ได้มรดกเท่าคุณเอื้อ คุณอร คุณอัม เขาบอกว่าตอนเปิดพินัยกรรม คุณอร คุณอัม
กรี๊ดลั่นบ้านเลยนะคุณ”
เขมชาติ ที่ยืนอยู่กับเกนหลง ได้ยินอย่างชัดเจน
“ตกลง.เมียคนสุดท้ายของเจ้าสัวกิ๊กอยู่กับคุณเอื้อจริงหรือเปล่า ? เมื่อกี๊เห็นเดินควงกันเข้ามาด้วยนะ
ร้ายไม่ใช่เล่น “
เขมชาติเบ้หน้า เหยียดมุมปากอย่างดูถูก เห็นคล้อยตามเสียงซุชซิบ
“ถ้าจะกิ๊กกันจริงๆ ก็น่าจะไปทำให้มันไกลหูไกลตาคนอื่นหน่อย ไปเมืองนอก เลย ชาวบ้านจะได้ไม่เอา
มานินทา”

สุริยงชะงักเท้า อย่างสิ้นสุดความอดทน พลางตัดสินใจหันหลังและเดินออกจากงานไปทันที เขมชาติหันมาเห็นพอดี

เสียงข้อความเข้าในมือถือของเกนหลงดังเตือนขึ้นมา เกนหลงเปิดอ่าน แล้วมองไปที่หน้าเวที เห็นเอื้อมองมาด้วยแววตาเป็นห่วง เกนหลงพยักหน้ารับ อย่างรู้กันสองคน

“เขมคะ พี่เอื้อบอกว่า “ฝากคุณสุด้วย” เขมเห็นคุณสุมั้ยคะ?”
เกนหลงก็หันมาบอกเขมชาติ
“เห็น เพิ่งเดินออกไป คงจะหน้าบางทนเสียงนินทาไม่ได้” เขมชาติตอบพลางแค่นหัวเราะเยาะเย้ย
เกนหลงส่ายหน้าแล้วรีบคว้าข้อมือเขมชาติลากออกไปเลย
“คุณเกน จะไปไหน ?”
เขมชาติถามงงๆ เกนหลงไม่ตอบ หากรีบลากเขมชาติออกไปเลย
ในขณะที่บริเวณหน้าเวที เอื้อมองตามเกนหลงไป เสียงพิธีกรดังขึ้น
“ขอเชิญคุณเอื้อขึ้นมากล่าวอวยพรให้บ่าวสาวด้วยครับ”
แขกเหรื่อในงานปรบมืออย่างพร้อเพรียงกัน เอื้อเดินขึ้นไปบนเวที ดนตรีรับ เสียงแฟรชรัว เอื้อขึ้นไปยืน
อยู่บนเวที ด้วยท่าทีที่สง่างาม

สุริยงเดินออกมาที่หน้าโรงแรม บรรยากาศเงียบๆ ต่างจากในงานแต่งโดยสิ้นเชิง สุริยงรู้สึกเบาๆ สบาย
ใจ ที่เดินหลุดออกมาได้ ทันใดนั้นเสียงเกนหลงดังขึ้น
“คุณสุคะ คุณสุ”
สุริยงหันมา เห็นเกนหลงกับเขมชาติเดินออกมา เขมชาติมองมาด้วยแววตาดูถูก
“คุณสุจะไปไหนคะ ?”
“กลับบ้านค่ะ” สุริยงตอบสั้นๆ
“แล้วกลับยังไงคะเนี่ย ?”
“แท็กซี่ค่ะ”
“งั้น...กลับพร้อมกันนะคะ เดี๋ยวให้เขมไปส่ง”
เกนหลงเสนอ เขมชาติหันขวับ สุริยงชะงักวูบ แล้วทั้งคู่ ก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ ผมเนี่ยนะ ?”
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ”
เขมชาติหันขวับมาทางสุริยง รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่โดนปฎิเสธ
“ขอบคุณคุณเกนมากนะคะที่ชวน สุกลับเองได้”
เขมชาติ สวนขึ้นมาทันที
“ไม่ได้ คุณเกนบอกให้ผมไปส่งคุณ ผมก็ต้องทำตาม ถึงแม้ผมจะไม่อยากสนใจว่าคุณกลับบ้านยังไง
แต่ผมก็ต้อง “จำใจ” ไปส่ง”
สุริยงกับเขมชาติมองหน้ากันนิ่ง เกนหลงรีบตัดบท
“เขมเลิกพูดเล่นเถอะค่ะ ยิ่งพูดจะยิ่งไม่ยอมกันไปอีกใหญ่” ก่อนจะหันมาทางสุริยง “พี่เอื้อฝากให้เกน
ดูแลคุณสุค่ะ อย่าปฎิเสธเลยนะคะ เพื่อความสบายใจของทุกคน”
สุริยงอึกอัก แต่พอมองหน้าเกนหลงแล้วก็ใจอ่อน พยักหน้า เขมชาติรีบสรุป น้ำเสียงไม่วายประชด
ประชัน
“ก็แค่นี้ ทำเป็นเล่นตัวเพิ่มมูลค่าอยู่ได้”
สุริยงสะอึก เกนหลงหันมาปรามเขมชาติด้วยสายตาและเอานิ้วชี้ทาบปากตัวเองเป็นสัญญาณบอกให้
หยุด เขมชาติยักไหล่ แต่ก็ยอมหยุดแต่โดยดี
“รอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมเอารถมารับ”
เขมชาติปรายตามามองสุริยงด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็เดินแยกไป สุริยงปรายตาตามนิดๆ นึกหวั่นใจ
อยู่ลึกๆ
“เดี๋ยวให้เขมไปส่งคุณสุก่อน แล้วค่อยไปส่งเกนทีหลัง บ้านคุณสุอยู่แถวไหนคะ ?”

รถของเขมชาติแล่นมาจอดเทียบที่หน้าบ้านของเกนหลง เกนหลงลงจากรถ และเดินมาหาเขมชาติที่
นั่งอยู่ในรถ เขารีบลดกระจกลง เกนหลงมองไปข้างหลัง

“ต้องขอโทษคุณสุด้วยนะคะที่เขมขับด้วยความเคยชิน ขึ้นทางด่วนมาบ้านเกนก่อน เลยต้องไปส่งคุณสุ
ทีหลังเลย”
สุริยงที่นั่งอยู่ข้างหลัง มองเขมชาติ อย่างนึกรู้ว่าจงใจ แต่ก็หันมายิ้มกับเกนหลง
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเกนจะเข้าไปทำงานวันไหนก็โทร.มานะคะ สุพร้อมเสมอ”
“ขอบคุณค่ะ” เกนหลง ยิ้มและหันมาทางเขมชาติ “ฝากส่งคุณสุด้วยนะคะ” พลางก้มลง พุดเบาๆ
“แล้วอย่าหาเรื่องชวนคุณสุทะเลาะนะคะ”
“ คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยชวนใครทะเลาะ ถ้าไม่จำเป็น”
เกนหลงส่ายหน้าระอาใจ แล้วก็โบกมือให้สุริยง
“ไปก่อนนะคะคุณสุ” ก่อนจะหันมาพูดกับเขมชาติ “แล้วเจอกันนะคะ”
เขมชาติยิ้มส่งจนเกนหลงเดินเข้าบ้านไป จากนั้นก็หุบยิ้มทันที และหันมาออกคำสั่ง
“ย้ายมานั่งหน้า ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณ”
“จะให้ดิฉันกลับแท็กซี่เองก็ได้นะคะ คุณเกนไม่อยู่แล้ว คุณไม่ต้อง “จำใจ” ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ “
สุริยงไม่วายประชด
“ผม “สั่ง” ให้มานั่งข้างหน้า ถ้าไม่มาก็ไม่ต้องไปไหน จอดมันอยู่ตรงนี้ สะใจดี”
สุริยงเชิดหน้า มองเขมชาติอย่างงเอือมระอา พลางถอนใจเบาๆ เขมชาติชะงักนิดๆปรายตามามอง
เห็นสุริยงชักสีหน้าเหมือนตัวเองเป็นเด็กๆ
สุริยงเปิดประตูแล้วก็เดินมานั่งข้างหน้า ยังไม่ทันจะปิดประตูดี รถก็กระชากออกไป
สุริยงตกใจรีบรีบประตู “ว้าย” พลางรีบคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดแทบไม่ทัน

สุริยงนั่งเงียบอยู่ในรถ วางมือไว้บนตัก เขมชาติปรายตามาเห็นความนิ่งสงบของสุริยง นึกหมั่นไส้ จน
ทนไม่ได้ ในที่สุดก็ตัดสินใจหักรถจอดที่ข้างทาง สุริยงงง หากยังไม่ทันจะได้อ้าปาก
“ลงจากรถ”

สิ้นเสียง ก็ลงจากรถทันที สุริยงยังนั่งนิ่ง

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 5 (ต่อ)

เขมชาติลงยืนอยู่ข้างๆ รถ ในขณะที่สุริยงยังนั่งอยู่ในรถ เขมชาติมองด้วยความรำคาญ เดินมาเปิด
ประตูผั้วะ
“ลงมาคุยกันให้รู้เรื่อง” พูดพลางเปิดประตูคาไว้
สุริยงจำใจต้องลงมาคุย
“ เรื่องอะไรคะ ?”
เขมชาติมองหน้า สายตาดูถูก
“ชีวิตคุณ หิวเงินนักหรือไงหะ ? ทำไมถึงต้องตะเกียกตะกายไม่มีที่สิ้นสุดๆ หมดจากพ่อ นี่จะหันมาคว้า
ลูกเลี้ยงเลยเหรอ”
สุริยงหน้าชา เหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ หญิงสาวกล้ำกลืนความเสียใจ แล้วตอบกลับยิ้มๆ น้ำเสียง
ประชดประชัน
“ก็โลกเราทุกวันนี้ ตัดสินกันที่เงินนี่คะ ถ้าดิฉันอยากมีตัวตนอยู่ในสังคม ก็ต้องสะสมเงินเอาไว้มากๆ
ส่วนเรื่องลูกเลี้ยงคุณก็คงจะคิดเหมือนคนอื่น ข้อนี้.ดิฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
เขมชาติ จ้องหน้าสุริยงด้วยความเกลียดชัง
“ไม่ต้องอธิบาย เพราะการกระทำมันอธิบายทุกอย่างหมดแล้ว ถ้าคุณจะกลับมา เพื่อทำให้ผมเกลียด
คุณมากขึ้น อย่ากลับมาดีกว่า”
สุริยงสะอึก จุก ขอบตาร้อนขึ้นมาทันที แต่พยายามกลั้นไว้
“ถ้าเกลียดกันมาก ผู้อำนวยการไล่ดิฉันออกไปเลยสิคะ”
เขมชาติมองหน้าสุริยง เห็นความเฉยเมย เหมือนไม่มีเยื่อใยผูกพัน ยิ่งนึกแค้นใจ
“ผมไล่ออกแน่ แต่ก่อนจะไล่ออก คุณต้องทำสิ่งที่ผมมอบหมายให้สำเร็จ สอนงานทุกอย่างให้คุณเกน
หลง และที่สำคัญ สอนให้เขารักผมมากๆ”
สุริยงชะงัก เขมชาติพูดต่อ
“คุณเคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่เงินจนเกินไป คงจำได้ว่า..ความรักเป็นยังไง”
สุริยงตอบยิ้มๆ
“เรื่องความรัก มันสอนกันไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าผู้อำนวยการรักเธอมากพอ เธอจะรักคุณเอง”
ตอบเสร็จ ก็หันหลังจะขึ้นรภ ในขณะที่เขมชาติพูดสวนขึ้นมา
“ผมเคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง”
สุริยงชะงักกึก
“รักมาก มากเกินกว่าคำว่า “พอ” แล้วทำไมเธอทิ้งผมไปแต่งกับผู้ชายแก่ เพียงเพราะเงิน”
สุริยงหันมาเห็นเขมชาติพูดด้วยความเจ็บปวด ในใจพลุ่งพล่าน อยากจะอธิบายมากมาย แต่ปาก
กลับปิดสนิท จนพูดไม่ออก เขมชาติเดินมาข้างๆ พูดอย่างหนักแน่น ทว่ามีแววเย้ยหยันอยู่ในที
“ผมรักคุณเกนมากกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ผมมั่นใจว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งผมไปแต่งงานกับผู้ชายอื่น
เพราะเงิน”
สุริยงยิ้มจริงใจ
“ดีใจด้วยนะคะ ที่คุณได้เจอคนที่เหมาะสม ดิฉันจะพยายามทำให้คุณเกนรักคุณ แต่จะมากน้อยแค่
ไหน ก็คงจะขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
สุริยงหันมาเปิดประตู เขมชาติยื่นมือมาปิดประตูกลับไป
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว..กลับเองก็แล้วกัน ผมไม่ชอบไปบ้านคนที่ไม่คุ้นเคย”
สุริยงสวนต่ออย่างทันกัน
“เหมือนดิฉันเลยค่ะ ดิฉันก็ไม่ชอบให้คนไม่คุ้นเคยไปส่งบ้าน”
“อวดดี งั้นก็เชิญหาแท็กซี่กลับเองแล้วกัน”
พูดจบ เขมชาติก็เดินกลับไปด้านคนขับ ขึ้นรถ และขับออกไปทันที ทิ้งสุริยงไว้ตามลำพัง เธอมองตาม
ท้ายรถไป ทันใดนั้นรถก็จอด สุริยงมองตามด้วยความสงสัย เขมชาติลดกระจกรถลง แล้วก็โยนกระเป๋าถือของสุริยง
ออกมาจากรถ ก่อนที่รถของเขมชาติก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว.....
สุริยงมองดูกระเป๋าที่ตกอยู่ แล้วก็เดินไปเก็บขึ้นมา ก่อนที่จะมายืนรอรถแท็กซี่อย่างพยายามทำใจ
เขมชาติขับรถไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองสุริยงผ่านกระจกข้าง เห็นสุริยงยืนอยู่คนเดียว แววตา
แอบสงสาร หากก็รีบฝืนทำใจแข็ง เบือนหน้าหนีและขับไปอย่างไม่ไยดี

หลังกลับจากงานเลี้ยง อัมพิกากับอรทัย ก็มานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกในบ้าน อรทัยหันมาถามอัมพิกาด้วยความแปลกใจ
“พี่อัม เจอคนที่เหมาะสมกับพี่เอื้อแล้วเหรอคะ ใครคะ ?”
“เกนหลง พงษ์สุภา”
“อ๋อ เกนหลงคนที่เราเห็นคุยกับพี่เอื้อใช่มั้ยคะ?”
อัมพิกาพยักหน้า อรทัยพูดต่อ
“เคยเห็นตามหนังสือ วันนี้เพิ่งได้เห็นตัวจริง ก็สวยดี ข่าวว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ลูกใครนะ ?”
“ลูกคุณพงษ์เจ้าของโรงแรมแล้วก็คอนโดแถวสุขุมวิท ตระกูลผู้ดีเก่า เศรษฐีที่ดินที่ผันตัวมาทำธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ ประวัติการเงินดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาหนี้สิน”
อัมพิกาบรรยายสรรพคุณยาวเหยียด
“โห..พี่อัมนี่สุดยอดเลยค่ะ ข้อมูลเป๊ะแบบนี้ สงสัยจะเอาจริง”
อรทัยพูดยิ้มๆ ในใจนึกทึ่งพี่สาว
“พี่ชักจะทนไม่ไหว ถ้าปล่อยไว้ นังแม่เลี้ยงขัดดอกมันต้อง “จับ” เอื้ออยู่หมัดแน่ๆ แค่นี้ก็แทบจะหน้ามืด
ไม่ฟังใครอยู่แล้ว”
“ดีค่ะ อรสนับสนุนเต็มที่ เพราะอรแว่วๆมาว่า เกนหลงกำลังกิ๊กๆอยู่กับเขมชาติ..ถ้าพี่เอื้อกับแยกสอง
คนนี้ออกจากกันได้ อรจะดีใจมาก”
อรทัยยิ้มเจ้าเล่ห์ อัมพิกาหันมามองน้องสาวคนเล็ก พลางยิ้มอย่างรู้ใจ
“อยากรู้เรื่องพี่กับเกนหลงไปทำไม ?”
เอื้อถามน้องสาว ในขณะที่ทั่งคู่นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกที่คอนโดของเอื้อ อรทัยแต่งตัวเปรี้ยวจัด
ในขณะที่เจ้าของคอนโด ยังอยู่ในชุดนอน
“พี่อัมให้อรมาถาม เขาเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่ดูดี แล้วก็ดู “เหมาะสม” กับพี่เอื้อ ก็เลยให้อรมาเลียบๆ
เคียงๆถาม เผื่ออนาคตข้างหน้าจะชวนมาทานข้าว เม้าธ์มอยกันตามประสาหญิงๆ”
เอื้อ ที่กำลังยกแก้วกาแฟดื่ม ถึงกับชะงักเลย พลางหันมา
“จะจับคู่ให้พี่หรือไง ไม่ต้องเลย เกนเขามีแฟนแล้ว เมื่อคืนไม่เห็นหรือไง ว่าเขาควงมากับใคร ?”
พลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“ก็เพราะเห็นนี่แหละ เลยรีบมาหา อรจะยุให้พี่เอื้อจีบเกนหลง แล้วอรนี่แหละ จะเป็นคน “เสียบ” คุณ
เขมชาติเอง”
เอื้อ ถึงกับสำลักกาแฟ อรทัยส่ายหน้า หันไปหยิบกระดาษทิชชูมาส่งให้
“นี่ยัยอร คิดอะไรบ้าๆ แล้วยังจะพูดจาน่าเกลียด นี่ถ้าคนอื่นมาได้ยินจะคิดว่าครอบครัวเราเป็นยังไง
หะ ?”
“แล้วทีพี่เอื้อควงอีนังแม่เลี้ยงไปงานเมื่อคืน ทำไมไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดไม่ดีกับครอบครัวเราบ้าง ?”
เอื้อสะอึก พูดไม่ออก เลยรีบวางแก้ว แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“พาลไปกันใหญ่ พี่ไม่คุยกับเราแล้ว อาบน้ำแล้วไปทำงานดีกว่า “
เอื้อลุกเดินไปห้องน้ำ..อรทัยพูดสวนกลับไป
“พี่เอื้อมีวิธีคิดแบบพี่ อรก็มีวิธีคิดแบบอร วันก่อนพี่เอื้อประกาศขอทำตามใจตัวเอง วันนี้อรก็จะขอ
ประกาศทำตามใจตัวเองเหมือนกัน”
เอื้อส่ายหน้าแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป ทันทีที่ประตูปิดลงอรทัยรีบพุ่งไปที่โทรศัพท์มือถือของเอื้อ พลาง
กดไล่ดูเบอร์
“เขมชาติๆๆ ไม่มี”
อรทัยรำพึงกับตัวเอง ก่อนที่จะลองกดดูอีกทีแล้วก็สะดุด เมื่อเห็นข้อความส่งไปหาเกนหลง
“ฝากคุณสุด้วย สุ จะใช่นังสุริยงหรือเปล่า แล้วเกนหลงรู้จักกับนังนั่นได้ยังไง”
อรทัยครุ่นคิด นึกอยากรู้ขึ้นมาทันที

“คุณเขมจะให้ผมหาโต๊ะทำงานใหม่มาให้คุณเกนหลง “
สมคิดถามโพล่งขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ในขณะที่คนถูกถาม กำลังวิ่งอยู่บนลู่ออกกำลังกายภายใน
บ้าน
“ใช่”
สมคิด หันมามองหน้าวิบูลย์ ที่ยืนถือสมุดเตรียมจดอยู่ใกล้ๆ กัน

“หาโต๊ะที่ดูสมศักดิ์ศรีคุณเกน ส่วน..คนเก่า..ก็หาโต๊ะเล็กๆให้นั่งสอนงาน ถ้าสอนหมดแล้วก็ย้ายไปให้
ไกลๆ”

สมคิดกับวิบูลย์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในที่สุด สมคิด ก็ตัดสินใจถามขึ้น

“ถามจริงๆเถอะครับ ทำไมคุณเขมถึงได้จงเกลียดจงชังคุณสุนักหนา ผมว่าเธอทำงานดีออก ลูกค้า
หลายคนก็ชม”
วิบูลย์ รีบเสริม
“โดยเฉพาะคุณโอลิวีเย่ ชมไม่ขาดปาก แกเคืองนะครับเนี่ยที่ต้องมาดีลงานกับคุณสมคิด แกอยากจะ
ดีลกับคุณสุจะตาย”
เขมชาติกดปิดเครื่องวิ่งทันที แล้วก็หันมาสั่งทั้งที่ยังยืนหอบอยู่
“ คุณบอกเขาไปเลยนะว่าบริษัทผมขาย “ผ้า” ไม่ได้ขาย “ผู้หญิง” ถ้าอยากได้ผู้หญิงก็ไปหาที่อื่น”
วิบูลย์สะดุ้ง รีบเดินไปหลบหลังสมคิด เขมชาติกำลังจะเดินไปห้องอาบน้ำ สีหน้าบอกบุญไม่รับ สมคิด
รีบเปลี่ยนเรื่อง
“นอกจากเรื่องโต๊ะแล้วคุณเขมมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่าครับ”
เขมชาติถอดเสื้อกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ พลางหยุด คิด แล้วก็สั่ง
“ประวัติของเอื้อ รัตนชาติ หาให้มากที่สุด และเร็วที่สุด ผมต้องการอ่านหลังจากอาบน้ำเสร็จ”
วิบูลย์เงยหน้า ตาเหลือก
“เอ่อ” เมื่อเห็นเขมชาติมองหน้า ก็รีบก้มหน้ารับคำ “ได้ครับ”
เขมชาติเดินไปสั่งงานไป
“ติดตามเมลล์ของลูกค้าที่จะมาเยี่ยมชมโรงงานสรุปว่าจะมาเมื่อไหร่ จากที่ไหน และมากี่คน คุณ
สมคิด”
“ครับ”
เขมชาติสั่งต่อ
“บอก “คนของคุณ” ด้วยว่า วันนี้ผมไม่เข้าบริษัท ไม่ต้องติดต่อผม เพราะผมไม่อยากคุยกับเขา”
เขมชาติพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไป สมคิดส่ายหน้า
“เฮ่อ..ไม่รู้คุณเขมจะเกลียดอะไรคุณสุนักหนา น่าสงสารจริงๆ”
วิบูลย์ เอียงหน้ากระซิบกระซาบ
“ผมว่าดวงต้องชงกันแน่ๆ วันหลังเราแอบเอาวันเดือนปีเกิดของสองคนนี้ไปเช็คดีกว่า เผื่อจะได้
คำตอบ”
ทันใดนั้นเขมชาติก็โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำอีกที
“คุณสมคิด ! คุณวิบูลย์”
“ครับ” ทั้งสมคิด และวิบูลย์รับคำพร้อมกัน
“ ห้ามบอกคนอื่นเรื่องที่ผมให้หาข้อมูลเด็ดขาด”
“ครับ”
เขมชาติผลุบเข้าไปห้องน้ำต่อ สมคิดกับวิบูลย์หันมามองหน้ากัน..แล้วก็มองไปที่ประตู
“จะโผล่มาอีกมั้ยเนี่ย?” สมคิดนึกระแวง

วิบูลย์กับสมคิด นั่งหน้าเครียด ทั้งคู่เปิดคอมพ์กันคนละเครื่อง พยายามหาข้อมูลของเอื้อ จากนั้นก็
โอนข้อมูลทั้งหมดที่หาได้เข้าไปในแท็บเล็ตของเขมชาติ

เขมชาติ เปิดข้อมูลเอื้ออ่านอย่างตั้งใจ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ พลางครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจกดโทร.ศัพท์
หาเกนหลง
“คุณเกนเหรอครับ...ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา คือผมมีโครงการจะเปิดโรงงานใหม่ทางภาคเหนือ
กำลังจะหาคนสนับสนุนโครงการ ตอนนี้ผมสนใจ ธนาคารรัตนชาติ ไม่ทราบว่าคุณเกนพอจะติดต่อคุณเอื้อ เพื่อปรึกษา
เรื่องนี้เป็นการส่วนตัวได้หรือเปล่าครับ ?”
เขมชาติพูดแล้วก็รอคำตอบ แววตาเจ้าเล่ห์ อย่างมีแผนบางอย่างแฝงอยู่

รถหรูของเขมชาติเข้ามาจอดเทียบที่หน้าธนาคารรัตนชาติ. เขมชาติและเกนหลงลงจากรถ
“พี่เอื้อยินดีมากเลยนะคะเขม พอเกนโทร.หา ก็ให้นัดวันนี้เลย”
เกนหลงบอกกับเขมชาติ
“ขอบคุณคุณเกนมากนะครับที่เป็นธุระให้”
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นเลี้ยงข้าวมือใหญ่ก็แล้วกันนะคะ”
“ได้เลยครับ ให้ผมเลี้ยงคุณตลอดชีวิตก็ยังได้ “
เกนหลงหัวเราะ ส่ายหน้า แล้วก็เดินเข้าธนาคารไป คล้อยหลังเกนหลง..เขมชาติค่อยๆหุบยิ้ม มอง
อาคารธนาคารใหญ่ที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่ขรึมขึ้น ก่อนที่จะเดินตามเกนหลงเข้าไป

ภายในห้องทำงานของเอื้อ
“ถ้าคุณเขมไว้วางใจธนาคารของเรา .ผมยินดีบริการเต็มที่ครับ เรามีสิทธิพิเศษสำหรับสินเชื่อธุรกิจ
ขนาดใหญ่”
เอื้อพูดอย่างเป็นการเป็นงาน เขมชาติพยักหน้ารับฟัง
“ถามหนูเล็ก เอ่อ สุริยงได้เลยครับ เขารู้ดี เพราะช่วยคุณพ่อดูแลส่วนนี้มาตลอด”
เขมชาติ ชะงักกึก ก่อนจะตอบ
“ผมคงจะฝากให้คุณเกนดูแลมากกว่า เพราะอีกไม่นานเธอจะมาเป็นเลขาของผมแทน “แม่เลี้ยง” คุณ”
เกนหลงสะดุ้งนิดๆ
“อ้าว เหรอครับ”
เกนหลงรีบท้วงขึ้น “อุ๊ย ยังหรอกค่ะ เกนต้องขอทดลองงานก่อน ต้องศึกษาทั้งงานและศึกษาเจ้านายว่า
ผ่านหรือไม่ผ่าน” พลางหันไปมองหน้าเขมชาติ แล้วก็ยิ้มให้กัน
เอื้อ ยิ้มตาม
“ถ้าเกนเป็นเลขาคุณเขมก็ดีเลย หนูเล็กจะได้มาเป็นเลขาผม”
เขมชาติหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“คุณเขมโชคดีมากนะครับที่ได้หนูเล็กเป็นเลขา ผมชวนทีไรปฎิเสธทุกที ขนาดทำห้องส่วนตัวไว้ให้อย่าง
ดี ก็ยังไม่ยอมมา”
เขมชาติเหยียดมุมปากนิดๆ ด้วยความหมั่นไส้สุริยง แล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น จนมาสะดุดหยุดที่รูปถ่ายของชวลิต ขณะที่เพิ่งแต่งงานกับสุริยง
เขมชาติมองด้วยความสนใจ เอื้อหันมาเห็นพอดีก็พูดขึ้น
“รูปคุณพ่อผมเองครับ รูปนี้ถ่ายไว้ตอนที่ท่านไปเยี่ยมผมที่สวิส ..รู้สึกจะไม่กี่วัน..หลังจากจดทะเบียน
กับหนูเล็ก”
.เขมชาตินึกถึงตอนที่เพื่อนบอกว่าสุริยาวดีไปแต่งงานกับคนที่แก่กว่า เขมชาติเบือนหน้าหนี

อัมพิกากับอรทัยเดินหยุดที่หน้าห้องเอื้อ เลขาของเอื้อรีบยกมือสวัสดี
“ สวัสดีค่ะ”
อัมพิกาถามขึ้นอย่างวางท่า
“คุณเอื้ออยู่หรือเปล่า ?”
“อยู่ค่ะ กำลังคุยกับแขกอยู่ค่ะ”
“ใคร ?”
อรทัยถามด้วยความอยากรู้

“ผมรบกวนเวลาคุณเอื้อมานานแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะครับ ถ้าโครงการเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ผมจะ
มาปรึกษาอีกครั้ง..และอาจจะมีอีกหลายเรื่องที่อยากปรึกษา..ที่ไม่ใช่เรื่องงาน” เขมชาติแอบทิ้งท้าย พลางลุกขึ้นยืน
เอื้อยิ้ม
“ด้วยความยินดีเลยครับ หรืออยากให้ผมเล่าวีรกรรมของเกนหลงตอนอยู่บอสตันให้ฟังก็ยังได้ “
เกนหลงยิ้มเขินๆ
“แน้...ผู้ชายเขาชอบเม้าท์กันด้วยเหรอคะเนี่ย ไว้ใจไม่ได้จริงๆ “
พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง เห็นอรทัยและอัมพิกาเดินเข้ามา เอื้อถามขึ้นมาอย่าง
แปลกใจ
“พี่อัม น้องอร จะเข้ามาไม่เห็นบอกก่อนเลย “
สองพี่น้องไม่ตอบแต่มองหน้าเขมชาติและเกนหลง เอื้อนึกได้
“เอ่อ..พี่อัมครับ..นี่คุณเขมชาติ กับ เกนหลง” จากนั้นก็หันมาพูดกับเขมชาติ และและเกนหลง “นี่พี่อัม
พี่สาวผมเองครับ”
เขมชาติ กับเกนหลงยกมือสวัสดีพร้อมๆ กัน
อัมพิการับไหว้ “สวัสดีค่ะ”
“ส่วนนี่ก็..อรทัย น้องอร น้องสาวผมเอง”
เกนหลงยิ้มให้ แต่อรทัยไม่สนใจ พุ่งมือไปที่เขมชาติทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อรได้ยินชื่อคุณเขมมาตั้งนานแล้ว ดีใจที่เราได้รู้จักกันสักที “
เขมชาติ ยื่นมือมาจับ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
อรทัยยิ้มหวาน ส่งสายตาวิบวับอย่างตั้งใจ หากยังไม่ยอมปล่อยมือจากเขมชาติ อัมพิกาปรายตามา
มองแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ
เกนหลงรู้ทันมารยาแต่ยังรักษากริยาอย่างผู้ดี จึงเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ นิ่งๆ

เอื้อมองมืออรทัยที่จับเขมชาติไม่ปล่อยแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ หันไปมองเกนหลงด้วยความเกรงใจ

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 5 (ต่อ)

สมคิด สุริยง ยืนมองโต๊ะทำงานแบบชั่วคราวตัวเล็กๆ และเก้าอี้แบบพับ ที่ถูกยกมาวางไว้ข้างโต๊ะ
ทำงานใหม่ ที่ใหญ่โตและหรูหรา สมคิดหันมาถามสุริยงด้วยความเป็นห่วง
 
“คุณสุจะนั่งได้มั้ยครับเนี่ย ? ผมพยายามต่อรองกับคุณเขมขอโต๊ะเก้าอี้ที่มันดีกว่านี้ แต่ก็ไม่ยอม บอก
แต่ว่านั่งแป๊บเดียว เดี๋ยวคุณสุก็ย้ายไปอยู่กับผมแล้ว”
“ผู้อำนวยการพูดถูก สุอยู่อีกแค่ไม่นาน เดี๋ยวก็ไปแล้ว นั่งแค่นี้ก็พอค่ะ”
“งั้นก็ทนหน่อยนะครับ ย้ายไปช่วยผมเมื่อไหร่ รับรองว่าโต๊ะเก้าอี้ดีกว่านี้แน่”
“เอ่อ..สุหมายถึง” พลางหยิบใบลาออกจากกระเป๋าส่งให้สมคิด “สุขอลาออกค่ะ”
สมคิดตกใจ รีบเปิดกระดาษที่สุริยงยื่นให้ออกมาอ่าน “จดหมายลาออก ?? .. ดะ..เดี๋ยวนะครับคุณสุ
นี่..ล้อเล่นหรือเปล่า ? หรือว่า...น้อยใจเรื่องโต๊ะเก้าอี้ ?”
สุริยง ยิ้มขำ
“ไม่ใช่ค่ะ สุแค่เบื่อ และที่สำคัญ..งานของสุก็มีคนมาทำแทนแล้ว ก็เลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม สุคิดว่า
การลาออกคือทางออกที่ดีที่สุดค่ะ”
สุริยงตอบอย่างมั่นใจ ยิ้มน้อยๆ สมคิด ที่ยังช็อกอยู่ ยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“คุณสมคิดครับ คุณสมคิด”
เสียงวิบูลย์ดังมาแต่ไกล สมคิดกับสุริยงหันไป
“ลูกค้าตอบรับจะมาเยี่ยมชมโรงงานแล้วครับ นี่ครับ ผมปริ้นท์รายละเอียดมาจากเมล”
วิบูลย์ ที่เพิ่งวิงกระหืดกระกอบมา รีบส่งจดหมายให้ สมคิดรับมา ในใจยังกังวลเรื่องสุริยง แต่งานนี้
ก็สำคัญ ในมือสมคิดมีทั้งจดหมายลาออกและเอกสารของวิบูลย์
วิบูลย์พูดต่อด้วยความตื่นเต้น
“เขาบอกว่าจะมาอาทิตย์หน้า เราต้องรีบเตรียมงานแล้วนะครับ เดี๋ยวไม่ทัน คุณสมคิดจะเป็นคนโทร.
บอกคุณเขม หรือจะให้ผมโทร. หรือจะให้คุณสุโทร. ใครจะโทร.ดีครับ”
ทันใดนั้นเสียงเขมชาติก็ดังขึ้น
“มีเรื่องอะไร ? ส่งเสียงดังลั่นไปถึงข้างนอก”
วิบูลย์ตกใจ หันขวับมาเห็นเขมชาติยืนอยู่ข้างหลัง แล้วรีบรายงานด้วยความตื่นเต้น
“ลูกค้าส่งเมลล์ตอบรับว่าจะมาเยี่ยมชมโรงงานแล้วครับ” พลางหันมาหยิบกระดาษจดหมายจากมือ
สมคิด “นี่ครับ..เมลล์ของลูกค้า”
เขมชาติ ก้มดูแล้วก็งง
“จดหมายลาออก”
สมคิด กับสุริยงตกใจ ในขณะที่วิบูลย์งง. เขมชาติกวาดสายตาอ่าน
“จดหมายลาออกอะไรครับ ?”
สมคิดรีบสะกิดวิบูลย์ หน้าดุๆ
“หยิบผิด..เมลล์มันแผ่นนี้”
“อ้าว แล้ว..แผ่นนั้น..เป็นจดหมายลาออกของใครครับ?”
เขมชาติเงยหน้ามาทางสุริยง สุริยงยืนนิ่งๆ ไม่หวาดหวั่น
เขมชาติหันมาทางวิบูลย์
“เรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาประชุมที่ห้องประชุมใหญ่ด่วน”
“ครับ” วิบูลย์รับคำ พลางรีบวิ่งออกไป
เขมชาติ หันมาพูดกับสมคิด
“ คุณสมคิด เดี๋ยวคุณดำเนินการประชุมแจกงานไปตามที่เราตกลงกัน เอา “คนของคุณ” เข้าประชุม
ด้วย และช่วยบอกให้เขาเอาสมองมาทำงานสำคัญของบริษัท อย่าเอาไปคิดเรื่องไร้สาระ”
เขมชาติชูจดหมายลาออกขึ้นแล้วก็ขยำ พร้อมกับปาทิ้งผ่านหน้าสุริยงไปลงถังขยะ แล้วก็เดินผ่านเข้า
ห้องไปอย่างไม่ใยดี
สมคิดมองสุริยงด้วยความเห็นใจ สุริยงมองกระดาษจดหมายลาออกที่อยู่ในถังขยะ ด้วยอารมณ์ที่เซ็ง
สุดขีด

ทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง ยามที่อยู่เพียงลำพังภายในห้ง.เขมชาติเปลี่ยนจากใบหน้าเคร่งขรึมเป็น
ครุ่นคิด

สุริยงจะจะลาออกจริงหรือไม่


จบตอนที่ 5


อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

ภายในห้องประชุม ที่มีสมคิด รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการประชุม วิบูลย์ มาลัยนั่งข้างๆ สุริยง ส่วน
วิเวียน เจน และพนักงานคนอื่นๆนั่งเรียงกันไป
“อาทิตย์หน้าจะมีนักออกแบบตกแต่งภายในจากอังกฤษและฝรั่งเศสมาเยี่ยมชมโรงงาน ผมจะขอแบ่ง
งานตามนี้นะ ฝ่ายต้อนรับ วิบูลย์กับวิเวียนรับไป”
วิบูลย์กับวิเวียนพยักหน้ารับทราบ สมคิดแจกแจงต่อ
“ฝ่ายประสานงานโรงงาน ก็เป็นเจน แล้วเจนก็รับหน้าที่บรรยายภาษาไทยให้ลูกค้าฟังด้วยนะ”
เจน พยักหน้ารับทราบอย่างงงๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ค่ะ”
วิญญูนั่งอยู่ข้างๆ มองเจนอย่างไม่พอใจ อิจฉา แอบหมั่นไส้อยู่ลึกๆ
“ฝ่ายประสานงานทั่วไปก็ คุณสุ”
“แล้วประสานงานทั่วไป ต้องทำอะไรบ้างคะ ?”
สุริยงถามอย่างคนที่ไม่รู้จริงๆ สมคิดเงยหน้าตอบยิ้มๆ
“คุณเขมบอกว่า “ทำทุกอย่าง” อะไรที่ไม่มีใครทำก็คุณสุหรือ..อะไรที่ใครทำไม่ได้ก็ “คุณสุ” อีก
เช่นกัน ฟังดูดี ฟังดูมีความสำคัญนะครับ”
“สุจะพยายามคิดแบบนั้นค่ะ” สุริยงยิ้มแห้งๆ
สมคิดพูดต่อ
“หน้าที่หลักๆก็มีแค่นี้ ส่วนในรายละเอียดยิบย่อย ผมจะแจกงานให้อีกที ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปทำงาน
ได้”
พนักงานคนอื่นค่อยๆทยอยลุกขึ้น และเดินออกไป เหลือวิบูลย์ สมคิด และสุริยงที่กำลังจะลุกเดิน
ออกไป วิบูลย์รีบหันมาถามสุริยง
“คุณสุครับ คุณสุ จะลาออกจริงๆเหรอครับ ?”
สุริยงตอบยิ้มๆ
“จริงค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ สุจะอยู่ทำงานนี้ให้จบก่อน แต่สุยืนยันว่า ออกแน่ค่ะ”
สุริยงยืนยันเสียงแข็ง ทำเอาวิบูลย์พูดอะไรไม่ออก สุริยงดูนาฬิกา ได้เวลาเลิกงานพอดี
“คุณสมคิดคะ ถ้าวันนี้ไม่มีงานอะไรแล้ว สุขอตัวกลับเลยนะคะ”
“ครับ”
สุริยงยิ้มให้สมคิด แล้วก็เดินออกไป วิบูลย์หันมามองหน้าสมคิด ฝ่ายหลังยักไหล่ อย่างไม่รู้จะทำอะไร
ได้ดีไปกว่านี้

สุริยงเดินมาที่รถ อย่างสบายอารมณ์ จากนั้นก็เปิดรถเข้าไปนั่ง ก่อนที่จะบิดกุญแจสตาร์ทรถ แต่
ไม่ว่าจะสตาร์ทอีกทีก็ไม่ติด สุริยงเริ่มยิ้มไม่ออก

สุริยงยืนมองดูรถลาก ลากรถของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ วิบูลย์ยืนถือกระเป๋างานอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณคุณวิบูลย์มากนะคะ ที่ช่วยโทร.เรียกอู่มาลากรถไปซ่อม”
“ยินดีครับ..อู่นี้ซ่อมนี้ครับดี ไม่ต้องห่วง งานเนี้ยบ เร็ว ไม่วางยา แล้วคุณสุ กลับยังไงครับเนี่ย ?”
วิบูลย์ถามอย่างเป็นห่วง
“ก็คงจะแท็กซี่หรือไม่ก็รถเมล์ค่ะ”
“งั้นไม่ต้องเลยครับ บ้านคุณสุอยู่ไม่ไกลบ้านผม เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
วิบูลย์ขันอาสา
“ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นวิบูลย์เดินนำไป สุริยงเดินตาม พลันมือถือวิบูลย์ดังขึ้น วิบูลย์เห็นชื่อเขมชาติปรากฏอยู่หน้าจอ
จึงรีบกดรับ
“สวัสดีครับคุณเขม” พลันก็ทำเสียงตกใจ “หะ ? ไปโรงงานตอนนี้เหรอครับ ครับๆได้ครับ เอ่อแต่ว่า
คุณสุเธอรถเสียแล้วผมต้องไปส่งเธอที่บ้าน” สมคิดหยุดฟัง แล้วก็พยักหน้ารับ “โอเคครับๆ ได้ครับ สวัสดีครับ”
วิบูลย์วางสายแล้วหันมาทางสุริยง
“คุณเขมให้ผมเข้าไปดูงานที่โรงงานด่วน คงไปส่งคุณสุไม่ได้แล้วนะครับ”
สุริยงยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ สุกลับแท็กซี่ก็ได้ค่ะ”
วิบูลย์รีบบอก “แต่คุณเขมบอกว่าจะไปส่งคุณสุเองนะครับ”
สุริยง งง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณเขมให้บอกคุณสุว่ายืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวคุณเขมลงมา อ้อ..แล้วยังกำชับว่าถ้าคุณหนีกลับไปก่อน
ผมจะซวย คุณสุก็ช่วยยืนอยู่ตรงนี้หน่อยนะครับ ผมจะได้ไม่ซวย ผมไปโรงงานก่อนนะครับ”
วิบูลย์พูดจบก็รีบเดินไปที่รถทันที สุริยงมองตามวิบูลย์ด้วยความลังเล อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากก็
ตัดสินใจยืนรอ

เขมชาติยืนมองสุริยงจากห้องกระจกในบริษัท มีกระดาษจดหมายลาออกที่ยับยู่ยี่อยู่ในมือ เขมชาติก้ม
ดูจดหมาย และเงยหน้ามองสุริยงที่ยืนอยู่ พลางคิดว่าจะทำอย่างไรดี
กำลังโหลดความคิดเห็น