ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 8
ยศสรัล วีด้านั่งรถมาด้วยกันอย่างเงียบๆ ภายใต้บรรยากาศอึดอัด ยศสรัลชำเลืองมองวีด้าที่เชิดหน้าไม่สนใจ แล้วยศสรัลก็ทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยขึ้น
“ทำไมน้องผมถึงบอกว่าชอบคุณ”
“คุณก็ต้องไปถามน้องคุณสิคะ ไม่ใช่มาถามชั้น”
“ผมถามคุณ เพราะอยากรู้ว่าคุณ ไปยั่วอะไรนายเล็กรึเปล่า”
วีด้าหันมาทั้งตัว “เรียกว่ายั่วเลยเหรอคะ ชั้นคิดว่าชั้นก็แค่ จิตใจดี รักเด็ก แล้วคุณเล็กก็เป็นเด็กน่ารัก”
ยศสรัลโมโหจึงแตะเบรคอย่างแรง
“หมายความว่าไง ที่ว่ารักเด็ก”
วีด้าหันมองไปทางข้างหลัง “คุณจะบ้าเหรอ เบรครถกลางถนนแบบนี้ได้ไง รีบออกรถเลยนะ”
“ก็ชอบกวนประสาทนักนี่ ผมก็จะกวนคุณบ้าง เป็นไง กลัวเหรอ”
“ได้ เอาสิ เก่งจริงอย่าออกรถนะ” วีด้าหันไปนั่งกอดอก
ยสสรัลมองแล้วแอบยิ้มก่อนจะเข้าเกียร์ถอยหลังทำให้รถวิ่งถอยหลัง
วีด้าตกใจจนเลิกลัก “นี่นายจะบ้าเหรอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
วีด้าตะโกนลั่น “ชั้นบอกให้หยุด”
รถหยุดทันที วีด้าหันมามองหน้ายศสรัลด้วยความโกรธจัด
“ถ้าอยากตายก็เชิญคนเดียว อย่าเอาชั้นเข้าไปเกี่ยวด้วย”
วีด้าเอามือจับประตูรถเพื่อจะเปิดลง ยศสรัลกระชากรถออกเดินหน้าทันที
“จอดเดี๋ยวนี้นะ ชั้นจะลง”
ยศสรัลขับรถหน้าตาเฉย รถวิ่งไปอย่างเร็ว เสียงวีด้าตะโกนลั่นว่า “ชั้นบอกให้จอด”
รถวิ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดรถซึ่งตอนนี้เหลือรถวีด้าจอดอยู่คันเดียว
วีด้าพูดเสียงห้วนโดยไม่มองยศสรัล “ขอบคุณ” วีด้าหันไปจะเปิดประตูทันที
ยศสรัลกดล็อคทำให้วีด้าเปิดไม่ออก เธอหันมามองหน้ายศสรัล
“คุณจะทำอะไร”
ยศสรัลโน้มตัวเข้ามาหาวีด้า “แค่อยากจะบอกว่า....อย่ามายุ่งกับน้องชายผม”
วีด้าทำเฉย
“จริงๆผมไม่อยากให้คุณมายุ่งกับครอบครัวผมเลยด้วยซ้ำ”
วีด้าโพล่งออกมาอย่างเหลืออด “คิดว่าฉันอยากยุ่งกับพวกคุณก่อนเหรอ”
ยศสรัลอึ้ง วีด้าก็อึ้งที่หลุดพูดออกมา
ยศสรัลบีบแขนวีด้า “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
วีด้าไม่ตอบ
“คุณต้องการอะไร”
“ปล่อยชั้น”
“ตอบผมมา คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ปล่อย ชั้นเจ็บ!” วีด้ามีสายตาแข็งกร้าว
ยศสรัลรู้สึกตัวแต่ยังไม่ปล่อย วีด้าสะบัดหลุดก็ตบใส่ทันทีด้วยความโมโหแล้วก็ตวาดใส่
“เปิดประตู!”
ยศสรัลฟิวขาดจึงจับวีด้าดึงเข้าหาตัว วีด้ายังดิ้นและโกรธจนน้ำตาคลอ แล้วเธอก็หยุดดิ้น ยศสรัลคลายออก วีด้ามองยสสรัลด้วยความโกรธจัด
ยศสรัลพยายามคุมตัวเอง “ผมขอโทษ” แล้วเขาก็กดเปิดประตู
วีด้าวิ่งลงออกไปแล้วรีบขึ้นสตาร์ทรถ ยศสรัลรีบลงจากรถตัวเองมายืนมองจ้องไปก็เห็นวีด้านั่งร้องไห้ในรถ
ยศสรัลเรียกเบาๆ “คุณวีด้า” ยศสรัลเดินเข้าไปหา
วีด้าเงยขึ้นมองยศสรัลด้วยความโกรธ เธอขับรถเฉี่ยวจนยศสรัลต้องกระโดดหลบ ยสสรัลมองตามอย่างสับสนเพราะไม่เข้าใจวีด้า
วีด้าลงนั่งบนที่นอน ด้วยความสับสนและหงุดหงิดตัวเอง เธอนึกถึงคำพูดที่ตนหลุดพูดออกไป
“คิดว่าฉันอยากยุ่งกับพวกคุณก่อนเหรอ”
วีด้านึกโมโหตัวเอง
“ชั้นพูดอะไรออกไป... ..เธอต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้นะวีด้า”
วีด้าหงายหลังลงบนที่นอน เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
ยศสรัลคิดถึงธัญกรกับวีด้า
“ผมชอบคุณนะ ผมชอบคุณ”
ยศสรัลหงุดหงิด เมื่อนึกถึงคำพูดของวีด้า
“คิดว่าชั้นอยากยุ่งกับพวกคุณก่อนเหรอ”
ยศสรัลสงสัยมากขึ้น
คนเต็มห้องประชุม
บัญชาถาม “ปัญหาของเรือยอร์ชรุ่นก่อน มันเป็นยังไง แล้วบริษัทฯที่ส่งมามันจะรับผิดชอบรึเปล่า”
“ผมให้สรัลเป็นคนตามเรื่องนี้ครับคุณพ่อ” คัชพลบอก
“ว่าไงสรัล เรื่องไปถึงไหนแล้ว” บัญชาถาม
ยศสรัลนั่งเหม่อจึงไม่ได้ฟัง ทุกคนหันมองยศสรัล บัญชาโมโหจึงขึ้นเสียง
“สรัล! ชั้นพูดกับแก ไม่ได้ยินรึไง”
ยศสรัลรู้สึกตัว
“ขอโทษครับคุณพ่อ”
บัญชาโมโหจึงเอาแฟ้มงานกระแทกลงบนโต๊ะ ยศสรัลอายทุกคน คัชพลมองอย่างสังเกตว่าน้องชายเป็นอะไร
วีด้านั่งทำงานโดยเซ็นต์เอกสารไปเรื่อยๆ
ธัญกรที่อยู่ในห้องนอนเดินไปเดินมา เขาตัดสินใจโทรศัพท์หาวีด้า
วีด้าที่ทำงานมองโทรศัพท์ เธอคิดก่อนรับสายธัญกร
“ว่าไงคะ”
“ผมจะโทรมาขอโทษเรื่องเมื่อคืน ที่ผมทำตัวไม่ดี”
“ทีหลังน่ะอย่าเมาขนาดนั้น มันอันตราย” วีด้าเตือน
“คุณเป็นห่วงผมเหรอ ถ้าใช่ ผมจะเมาทุกวัน ให้คุณไปรับกลับอีก”
“ถ้าเห็นแบบนั้นซ้ำอีก ชั้นก็ไม่สนใจแล้วล่ะ ถ้าไม่ห่วงตัวเอง ชั้นก็ไม่รู้จะห่วงไปทำไม”
“ผมแค่พูดเล่นน่ะครับ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณได้มั้ย”
วีด้าคิด “ได้สิ”
“งั้นไปทานข้าวกันนะ ในฐานะเพื่อน ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียว ไม่มีใครอยู่บ้านเลย”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ สงสัยคุณจะมีเวลาว่างมากเกินไป น่าจะหาอะไรทำนะ”
“ไม่ใช่ผมไม่อยากทำ แต่คุณพ่อผมน่ะสิ ผมมันไว้ใจไม่ได้ตรงไหน”
วีด้าคิดบางอย่าง “คุณก็ต้องพิสูจน์ให้เค้าเห็นสิ ว่าคุณทำได้” วีด้านึกถึงบัญชา “เอาแบบนี้ ชั้นรับนัดคุณ เย็นนี้เจอกัน”
“จริงนะ”
“จริงสิ ให้หัดเริ่มเป็นผู้นำเลยแล้วกัน ลองไปคิดดูนะ ว่าจะพาชั้นไปร้านไหน ไปทานอะไร ชั้นให้คุณตัดสินใจทั้งหมดเลย”
ธัญกรหัวเราะ “ได้ เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกนะ”
ธัญกรดีใจ เขาวางสายแล้วก็ยิ้มไม่หุบ ธัญกรวิ่งเข้าห้องน้ำแล้ววิ่งออกมาเอาโทรศัพท์กลับเข้าไปด้วย
วีด้าที่แต่งตัวสบายๆ ตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ธัญกรยิ้มอย่างมีความสุข
“ร้านหรูๆ คุณคงทานประจำ ผมเลยพามาทานร้านอะไร อยากให้คุณประทับใจ ในความแตกต่าง”
วีด้ายิ้มรับ
“หรืออาจจะทำให้คุณผิดหวังไปเลย ก็ไม่เป็นไร มันก็ต้องเสี่ยง”
“คุณนี่นิสัยกล้าได้กล้าเสีย คล้ายๆคุณใหญ่เลยนะ”
ธัญกรเซ็ง “ทำไมต้องพูดถึงพี่ใหญ่ตอนนี้ด้วยอ่ะ เซ็งเลย”
“ทำไมต้องเซ็งล่ะ” วีด้าถาม
“ถ้าเค้ารู้ว่าผมชวนคุณออกมา ผมตายแน่”
“ก็เราเป็นเพื่อนกัน ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“นั่นสิเน๊อะ แต่เราไม่พูดถึงเค้าดีกว่า”
วีด้าแกล้ง “เอ...มองๆไป วีด้าว่าคุณ หน้าคล้ายคุณใหญ่เหมือนกันนะ”
“นี่....แกล้งผมเหรอเดี๋ยวผมเอาคืนมั่งหรอก”
วีด้าหัวเราะสนุกสนาน ธัญกรก็หัวเราะอย่างมีความสุข
วีด้ากับธัญกรนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์ในโทรศัพท์แข่งกันอยู่ในรถเปิดประทุนของธัญกรอย่างสนุกสนาน
“เฮ้ ชนะแล้ว” ธัญกรดีใจ
“แข่งต่อ เอาใหม่ เอาใหม่เลย” วีด้าบอก แล้วทั้งคู่ก็แข่งกันต่อ
ธัญกรเล่นต่อโดยกำลังเป็นต่อ วีด้าชำเลืองแล้วแกล้งเอามือไปปัด ธัญกรดึงหนี วีด้าปัดใส่อีก แล้วก็หัวเราะเฮฮา
“อย่ามาขี้โกง แพ้แล้วพาลเหรอ”
“ไม่เอาไม่เล่นแล้ว” วีด้าคิดแล้วตัดสินใจ “ชั้นมีไอเดียอะไรดีๆ”
“คุณอยากไปไหนต่อเหรอ”
“ชั้นอยากให้คุณไปทำงานกับชั้น”
ธัญกรอึ้งไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
ธัญกรกับวีด้าเดินคุยกัน
“ถ้าคุณมาทำงานกับวีด้า คุณใหญ่น่าจะพอใจ รวมทั้งครอบครัวคุณด้วย แล้วก็จะเป็นการฝึกตัวเอง สนใจมั้ย”
ธัญกรคิด “แต่ผมต้องไปเป็นลูกน้องคุณผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณมากกว่า”
“ก็เพื่อนไง เพื่อนร่วมงาน ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรนะ”
“เดี๋ยว” ธัญกรวิ่งตาม “ตกลง ยังไงผมก็ได้เจอคุณทุกวัน”
วีด้าหัวเราะ “งั้น สัมภาษณ์เลย เรียนจบอะไรมา”
“บริหารธุรกิจครับ”
“ดี ตรงสาขา เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่”
“อยากรู้จริงๆเหรอ”
ทั้งสองคนเดินคุยกันต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงที่ค่อยๆ หมดลง
ยศสรัลพูดเสียงดังอย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่ได้ แกจะไปทำงานกับคุณวีด้าไม่ได้”
ทุกคนอยู่ที่โต๊ะอาหาร ธัญกรหยุดกินขนมปังแล้วก็วางลงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” ธัญกรถาม
“วีด้าเค้าก็บอกพี่เรื่องนี้แล้วด้วยพี่ก็ไม่ขัดข้องอะไร” คัชพลว่า
“พ่อก็เห็นด้วยนะ ดีซะอีก ให้คนอื่นเค้าเป็นคนฝึกเจ้าเล็กมันมันจะได้รู้จักรับผิดชอบอะไรได้บ้าง”
คัชพลพูดกับธัญกร “แกก็อย่าไปทำให้เสียแล้วกัน ชั้นอายคุณวีด้าเค้า”
ยศสรัลค้าน “แต่ผมไม่เห็นด้วย”
“แกมีเหตุผลอะไร” บัญชาถาม
ยศสรัลเงียบเพราะพูดไม่ออก
“ถ้าเล็กไปทำงานกับเค้า มันก็จะยิ่งทำให้เราใกล้ชิดเค้ามากขึ้น เป็นโอกาสของพี่ใหญ่แกด้วย”
“พี่ว่าแกอคติส่วนตัวมากกว่าแกไม่ชอบคุณวีด้า ถามจริงๆเถอะ มีเหตุผลอะไรที่ไม่ชอบเค้า เค้าไปทำอะไรให้แก”
ยศสรัลเครียด “ผมรู้สึกว่าเค้าพยายามเข้าหาครอบครัวเรา”
“โธ่ สรัล ก็เค้าชอบกับพี่ชายเราไง เค้าทำแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว มองอีกมุมเขาก็แสดงน้ำใจกับเรานะ”
“แล้วพี่รัล ก็เคยแนะนำผมเอง ให้ไปหัดเริ่มงานจากที่อื่น”
ยศสรัลนิ่งไม่รู้จะเถียงยังไงเพราะหลายเสียงรุมเหลือเกิน
“เอาเป็นว่าชั้นอนุญาต” บัญชาพูดกับธัญกร “แกไปทำงานกับคุณวีด้าได้”
ธัญกรยิ้มดีใจ “ขอบคุณครับทุกคน”
ยศสรัลมองทุกคนในบ้านที่มีความสุขแล้วนิ่งคิดแบบทั้งเครียดทั้งสงสัย
ธัญกรกดรีโมทกุญแจรถแล้วกำลังจะเดินไปเปิดประตู แต่ยสสรัลมาเรียกไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งไป เล็ก”
ธัญกรหันมาทำหน้าเหนื่อยหน่าย
“คิดยังไง จะไปทำงานกับคุณวีด้า” ยศสรัลถาม
“ก็เค้าชวนผม” ธัญกรบอก
“แล้วแกก็ไป”
“ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ แล้วพี่ไม่อยากให้ผมทำงานเหรอ”
“พี่จะดีใจมากที่แกทำงาน แต่ไม่ใช่กับคุณวีด้า”
“ทำไม ทำไมผมไม่ควรไปทำงานกับเค้า”
ยศสรัลจ้องหน้าน้องชาย “เพราะแกชอบเค้า”
ธัญกรอึกอัก “พี่พูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง”
ยศสรัลเดินเข้าไปใกล้น้องชายแล้วพูดเสียงไม่ดังมาก “วันที่แกเมา แล้วคุณวีด้ามาส่ง แกพูดบ้าๆอะไรออกมา แกจำไม่ได้เหรอ”
ธัญกรอึกอัก ยศสรัลเดินเข้าไปใกล้
“พี่ได้ยินกับหู แกบอกว่าแกชอบคุณวีด้า” ยศสรัลว่า
ธัญกรหลบตาพี่ชาย “ผมกับเค้าเป็นแค่เพื่อนกัน ผมชอบเค้าในฐานะเพื่อน”
“พี่ไม่เชื่อ คิดให้ดีนะเล็ก พี่ไม่อยากให้แกมีปัญหากับพี่ใหญ่ อย่าเอาตัวเข้าไปพัวพันกับคุณวีด้า”
“พี่ห่วงแทนพี่ใหญ่ หรือว่า พี่เองก็ชอบคุณวีด้า ก็เลยหึงผม”
ยศสรัลเดือด “เล็ก!”
ยศสรัลโกรธ แต่ธัญกรไม่สนใจ เขาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ยศสรัลมองตามด้วยความหนักใจ
วีด้าที่อยู่ในออฟฟิศพูดกับกฤษ
“ฝากคุณกฤษสอนงานคุณธัญกรด้วยนะคะ วีด้าต้องรีบไปขึ้นเครื่อง”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณวีด้า” กฤษบอก “เชิญคุณธัญกร ตามผมไปแผนกโน้นเลยครับ”
ธัญกรเหวอ เขาหันไปมองวีด้า วีด้าเดินไป
“ไปสิครับ” กฤษบอก
ธัญกรยิ้มจ๋อยก่อนจะเดินตามไป
เรือสำราญจอดอยู่ไกลๆ ที่ท่าเรือ แขกกระจายอยู่ภายในโรงแรม คัชพลและวีด้ายืนคู่กันให้นักข่าวถ่ายรูป แสงแฟลชจากล้องพรึ่บพรั่บขณะให้สัมภาษณ์คู่กัน
“ข่าวว่างานนี้ถือเป็นการจับมือกันของสองยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจ ให้ได้มาร่วมงานกันใช่ไหมคะ”
“ก็ใช่ครับ ทางเราถือเป็นเกียรติมา ที่คุณวีรดาไว้ใจให้เราดูแลแขกระดับเอลิสท์ของบริษัทเธอครับ” คัชพลบอก
“ถ้าโปรเจ็คท์นี้ประสบความสำเร็จ นั่นแสดงว่าเราจะได้เห็นความร่วมมือในโปรเจคท์ต่อไปใช่ไหมครับ”
คัชพลกับวีด้ามองหน้ากันแล้วยิ้ม
จอคอมพิวเตอร์เป็นภาพถ่ายทอดสดข่าวธุรกิจ นักข่าวรุมยื่นไมค์สัมภาษณ์คัชพลกับวีด้า
“แน่นอนค่ะ เป็นความตั้งใจของวีด้า ว่าต่อไป ทุกบริษัทในเครือของเราคงต้องผูกติดอยู่กับ Prime Enterprise แล้วค่ะ” วีด้าพูด
คัชพลกับวีด้ามองตากันหวานซึ้ง บัญชาดูข่าวในอินเตอร์เน็ตแล้วยิ้มก่อนจะพยักหน้าพอใจ
ลูกน้องของดนัยที่เป็นชายและหญิงสองคนกางหนังสือพิมพ์ซุบซิบกัน
“มิน่า ตอนพี่ดนัยของแต่งงาน คุณวีด้าถึงปฏิเสธ”
“เป็นเพราะไปเลือกควงไฮโซด้วยกันนี่เอง น่าสงสารพี่ดนัยนะ”
ทั้งสองคนคุยเสร็จแล้วหันกลับมาเจอดนัยยืนตรงหน้า ทั้งสองคนขอโทษแล้วรีบเผ่น ดนัยเจ็บปวดใจ
วีด้าเดินออกจากลิฟท์บริษัทกับเลขา นักข่าวที่ยืนรอซุบซิบกันอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง
“ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วจับมือกันทางธุรกิจ รายอี่นมีหนาวแน่”
“นั่นไง คุณวีด้าลงมาแล้ว”
นักข่าวเดินมารุมวีด้า
“คุณวีด้าคะ ข่าวที่ว่าคุณวีด้ากับคุณคัชพลเปิดตัวคบหากัน เป็นจริงรึเปล่าคะ”
“เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะมาถามฝ่ายหญิงนะคะ ควรจะไปถามคุณคัชพลดีกว่า วีด้าขอตัวก่อนนะคะ”
วีด้าพยักหน้าให้เลขา
นักข่าวถามต่อ “แต่พวกเราอยากรู้ว่า...”
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีคุณวีด้าต้องรีบไปประชุม ขอแค่นี้ก่อนนะคะ”
เลขาพาวีด้าเดินออกไปทันที นักข่าวมองหน้ากันแล้วพูด
“งั้นเราต้องไปถามคุณคัชพล!!”
อ่านต่อหน้าที่ 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
คัชพลเดินออกมาหน้าบริษัท นักข่าววิ่งเข้าไปรุม
“คุณคัชพลคะ”
“สรุปคุณเป็นแฟนกับคุณวีด้ารึเปล่าคะ เพราะคำตอบจากคุณวีด้ายังคลุมเคลือ เธอให้มาถามคุณเอง”
คัชพลยิ้ม “คุณวีด้าให้สัมภาษณ์อย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ สรุปว่ายังไงกันคะ”
คัชพลยิ้มด้วยความภูมิใจ “ครับ เรากำลังดูใจกันอยู่”
นักข่าวหันไปยิ้มแย้มให้กันเพราะพอใจในคำตอบ
“คบหากันมานานรึยังคะ”
“ได้ซักระยะแล้วล่ะครับ” คัชพลตอบ
“แล้วคิดจะมีข่าวดีเมื่อไหร่คะ”
“ข่าวดีเรื่องอะไรครับ”
“เช่นแต่งงานไงคะ”
คัชพลหัวเราะ “ยังไม่เร็วขนาดนั้นหรอกครับ เรายังต้องศึกษากันอีกมาก”
“หวงชีวิตโสดเหรอคะ หรือว่าคุณเองยังไม่มั่นใจ เหมือนสาวๆคนอื่นที่ผ่านมา”
คัชพลยิ้ม “จริงๆครั้งนี้ผมมั่นใจครับ แต่คงต้องใช้เวลา ให้เค้ามั่นใจในตัวผม”
“แสดงว่าข่าวที่ว่าคุณเลิกเจ้าชู้ก็เป็นจริง”
คัชพลยิ้ม
“คุณวีด้า ต่างจากคนอื่นยังไงคะ คุณถึงมั่นใจขนาดนั้น”
“เพราะเค้าเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นผู้หญิงในแบบฉบับที่ผมตามหามานาน แค่นี้ก่อนนะครับ ผมขอตัว”
คัชพลยิ้มแย้มแล้วเดินออก นักข่าวยิ้มพอใจกับข่าวที่ได้
ยศสรัลอ่านหนังสือพิมพ์แล้ววางลงกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิด แล้วก็หยุดคิดอะไรได้
“ผู้หญิงไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรเลย ฉลาดจริงๆนะวีด้า”
ยศสรัลเปิดงานทำแต่แล้วก็ทำไม่ได้จึงนั่งหงุดหงิดโมโหตัวเอง
เลขาเอาดอกไม้เข้ามาให้วีด้า
โอ๋ยิ้ม “ดอกไม้จากคุณคัชพลค่ะ”
วีด้ารับมาดูแล้วอ่าน
“วันนี้ทั้งวัน เราอาจไม่เจอกัน แต่ผมอยากบอกว่าคิดถึงคุณทุกลมหายใจ รักนะครับ”
วีด้าทำสีหน้าเรียบเฉยแล้ววางดอกไม้ลงบนโต๊ะทำงาน
ดนัยเอาหนังสือพิมพ์ลง
“คัชพล”
ดนัยลุกไปสงบสติอารมณ์ริมหน้าต่างห้องทำงาน
เกรซถือ น.ส.พ. วิ่งมาเจอกับวีด้าที่เดินมาพร้อมธัญกร
“วีด้า แกอ่านข่าวของแกกับคุณคัชพลรึยัง”
ธัญกรหงุดหงิด เกรซหันมองธัญกร
“เกรซ คุณธัญกรเป็นน้องชายของคุณคัชพล มาทำงานกับชั้นที่นี่ไปทานข้าวด้วยกันไม๊”
เกรซจ๋อย “ชั้นขอตัวดีกว่า ต้องรีบเข้าบริษัท”
“งั้นชั้นไปก่อนนะ”
ทั้งสองคนเดินไป เกรซมองตามอย่างอึ้งๆ
“เอาน้องชายมาทำงานด้วยเหรอ” เกรซถาม
เกรซเหนื่อยกับเพื่อนมากจึงถอนใจแล้วหันไปมองเลขาก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้
ธัญกรทานอาหารกลางวันกับวีด้า โดยที่ธัญกรมีสีหน้าไม่สบายใจแล้วก็เขี่ยอาหารไปมา
“ทำไมไม่ทานล่ะคะคุณเล็ก เป็นอะไรไปเหรอคะ” วีด้าถาม
“ผมว่าพี่ใหญ่เค้าให้สัมภาษณ์เกินไปหน่อยนะ ไปบอกว่าคบหาดูใจกันอยู่ คุณไม่กลัวจะเสียเหรอ”
“มันก็ไม่แปลกอะไร วันนี้ไม่เป็นข่าว พรุ่งนี้ก็ต้องเป็นอยู่ดี”
ธัญกรพูดด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ “แต่ก็ไม่เห็นต้องประกาศให้คนรู้เลย”
“ไม่ชอบให้ชั้นพูดถึงคุณใหญ่ แต่คุณกลับมานั่งบ่นซะเอง แล้วอีกอย่าง เราเป็นเพื่อนกันนะ ทำไมต้องทำเหมือนหึงด้วย”
“ผมรู้ ไม่ต้องย้ำผมหรอก” ธัญกรงอน
วีด้ายิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง “บ่ายนี้ชั้นว่างสอนงานคุณต่อได้มีอารมณ์ตั้งใจเรียนงานรึเปล่า”
ธัญกรพยักหน้างอนๆ วีด้ายิ้มขำ
วีด้าขับรถเข้ามาจอดแล้วรอประตูเปิด เธอหันไปมองรถที่มารออยู่หน้าบ้าน วีด้าลงจากรถก็เห็นดนัยมายืนคอยอยู่ ทั้งสองคนมองหน้ากัน
วีด้ากับดนัยต่างก็นิ่งเงียบ แล้วดนัยก็พูดขึ้นก่อน
ดนัยพูดเสียงแผ่ว “วีด้า...บอกผมได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
วีด้าเงียบ
“แค่ข่าวว่าคุณกับคุณคัชพลสนิทสนมกัน ผมก็พยายามไม่สนใจ แต่นี่ถึงกับประกาศคบหากัน แล้วที่สำคัญ คุณก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธข่าว มันหมายความว่ายังไงวีด้า”
วีด้าเงียบอีก
“หรือผมควรจะเป็นฝ่ายไปจากคุณ”
“วีด้ามีความจำเป็นค่ะ ...”
ดนัยเมินหน้า “ผมได้ยินอยู่ประโยคเดียวจากคุณ พูดกับผมตรงๆได้มั้ยวีด้า ผมไม่เข้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา คุณโกรธผม หรือผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ผมทำอะไรผิด ทำไมคุณไม่บอกผมตรงๆ ที่ผมยังอยู่ เพราะคุณบอกว่าขอเวลา แต่นี่มันอะไรกัน คุณกำลังทำร้ายผมนะวีด้า ผมกำลังเสียใจ”
วีด้าไม่มองหน้าแล้วก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ดนัยคะ วีด้าไม่อยากให้คุณ ต้องมาเสียเวลาอีกแล้ว ถ้าคุณจะมีใครวีด้าจะไม่โทษคุณเลย”
ดนัยอึ้งเพราะพูดไม่ออก
“นี่เป็นวิธีบอกเลิกของคุณรึเปล่า”
“อย่าคิดอย่างงั้นสิคะ”
“งั้นผมขอถามอีกคำเดียว... ว่าคุณรักผมบ้างรึเปล่าวีด้า...คุณเคยรักผมบ้างมั้ย”
วีด้าน้ำตาร่วงแต่ไม่ตอบคำถามอะไร
“ผมคิดว่ามันก็คงเป็นแค่น้ำตาเพราะความสงสาร ..ผมว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ” ดนัยลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังก้าวเดินออกไป
วีด้ายืนขึ้นเรียก “ดนัย”
ดนัยหยุดแล้วหันกลับมามองอย่างมีความหวัง
“วีด้าขอโทษ”
ทุกอย่างเงียบงันไปครู่หนึ่ง ดนัยหลับตาลงหันตัวกลับแล้วเดินออกไปเงียบๆ วีด้ายืนร้องไห้อยู่ที่เดิม ดนัยเดินห่างออกไปจากวีด้า
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
ดนัยยืนอยู่คนเดียวอย่างเหงาหงอยสร้อยเศร้า เขาคิดถึงความสุขในอดีต
ดนัยคิดถึงตอนที่วีด้ากับดนัยเล่นร่าเริง อ่านหนังสือ กอดคอกันสนุกสนานในคอนโดมีเนียม
พอคิดถึงอดีตรักอันหวานชื่นดนัยก็เจ็บปวดและทรมานใจ
วันต่อมา วีด้านั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะ เธอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งตัดสัมพันธ์กับดนัยแล้วก็รู้สึกหดหู่
เสียงดนัยที่คุยกับเธอเมื่อวานย้อนกลับมา
“งั้นผมขอถามอีกคำเดียว... ว่าคุณรักผมบ้างรึเปล่าวีด้า...คุณเคยรักผมบ้างมั้ย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น โอ๋ เลขาเดินเข้ามาสังเกตวีด้าก่อนเปิดวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
โอ๋เห็นวีด้ายังเหม่อ “คุณวีด้าคะ.. คุณวีด้า”
“....มีอะไรคะ”
“เอกสารเสนอเซ็นค่ะ”
วีด้ายิ้มแล้วเซ็นเอกสารใจยังลอย เลขารับเอกสารคืนแล้วเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ดังวีด้าจึงหยิบมาดูเห็นหน้าจอเป็นชื่อคัชพล วีด้าจ้องหน้าจอนิ่งก่อนจะกดรับ
“สวัสดีค่ะ..”
เสียงคัชพลดังเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณวีด้า”
คัชพลนั่งคุยโทรศัพท์สีหน้ายิ้มแย้มอยู่ในรถที่จอดอยู่
“คิดถึงคุณจังเลย”
วีด้าคุยโทรศัพท์ที่ห้องทำงาน
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณไม่สบายรึเปล่า น้ำเสียงคุณ”
“เปล่าหรอกค่ะ วีด้ายุ่งงานนิดหน่อย คุณใหญ่มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้คุณวีด้าว่างไหมครับ คือคุณพ่อผมอยากจะเชิญคุณทานข้าว”
วีด้าตกใจเล็กน้อย คิด “ได้สิคะ... วีด้าก็อยากจะเจอคุณพ่อคุณเหมือนกัน”
คัชพลดีใจ “จริงเหรอครับ ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
วีด้ากดวางสายแล้วทำสีหน้านิ่งด้วยความชิงชัง
“ในที่สุดเราก็จะได้คุยกันแล้วสินะ นายบัญชา!!”
คนเคาะกระจกรถคัชพล คัชพลหันมาที่ด้านข้างแล้วหยิบกระเป๋าเอกสารมาดูก่อนจะรีบเปิดรถแล้วก้าวลงไป
ชายสองคนเดินลงมาจากรถอีกคันคนหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารเช่นกัน คัชพลก็ลงมาจากรถพร้อมกระเป๋า คัชพลกับชายเจ้าของบ่อนคนที่ถือกระเป๋าเดินมาเช็คแฮนด์กันแล้วเปิดกระเป๋าให้กันดู ในกระเป๋าของคัชพลเป็นเงินใบละ 100 ดอลล่าร์เต็ม ในกระเป๋าของชายอีกคนเป็นเงินไทยใบละพันเต็มกระเป๋า
ทั้งสองฝ่ายปิดกระเป๋าแล้วแลกกระเป๋ากัน
“เงินล็อตนี้น้อยหน่อย แต่ล็อตหน้าจะมากกว่านี้”
“ไม่มีปัญหา ตราบใดที่คุณยังขนเงินมาขายให้บ่อนเราในราคาดีๆแบบนี้ ยังไงเราก็ต้องทำธุรกิจกันอีกนาน”
คัชพลกับเจ้าของบ่อนยิ้มให้กันแล้วต่างก็แยกย้ายขึ้นรถขับออกไป
วีด้าหยิบ Flash drive ขึ้นมาโดยที่นักสืบนั้งตรงข้ามวีด้า
“ข้อมูลของบริษัท Prime Enterprise ทั้งหมด รวมถึงงบต่างๆ ที่ผมแฮ็คมาได้ตอนนี้ มีเท่านั้นครับ”
“คุณทำได้ยังไง” วีด้าถาม
“ผมสมัครเข้าไปเป็นพนักงานฝ่ายไอทีครับ เลยเจาะข้อมูลเหล่านี้มาได้พอสมควร”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เกือบลืมไป..” นักสืบหยิบซองเอกสารอีกซอง “ทุกเสาร์ต้นเดือน ผมเห็นนายบัญชาจะมีนัดกับคนกลุ่มหนึ่งที่ดูจะเป็นความลับ” นักสืบยื่นเอกสาร “นี่น่าจะพอมีประโยชน์ได้บ้างครับ”
วีด้าเปิดซองก็เห็นเป็นรูปบัญชาถูกแอบถ่ายขณะเดินคุยกับปิติโดยมีชายฉกรรจ์เดินตามหลังกำลังจะเข้าห้องพิเศษในร้านอาหารสุดหรู
“ไม่ทราบเลยเหรอคะว่าคนพวกนี้เป็นใคร” วีด้าถาม
“ผมกำลังตามสืบอยู่ครับ แต่มันก็มีกลิ่นแปลกๆตรงที่พวกนี้เหมือนจะเป็นนักธุรกิจ แต่ทำไมผมหาข้อมูลการทำธุรกิจของพวกเขาไม่ได้เลย”
“ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่ รีบแจ้งฉันด่วนเลยนะคะ”
“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
นักสืบลุกแล้วเดินออกไป วีด้าหยิบFlash drive ขึ้นมามอง
ตกกลางคืน วีด้ากำลังนั่งดูคอมพิวเตอร์พิจารณาดูเอกสารของบริษัท Prime Enterpriseวีด้าเปิดอีกหน้าต่างหนึ่งเพื่อเข้าเวปของกระทรวงพาณิชย์และเวปของตลาดหลักทรัพย์แล้วพิมพ์ชื่อบริษัท Prime ลงไป วีด้าขมวดคิ้วเพ่งมองหน้าจอ
วีด้ายิ้มร้าย “งบการเงิน ไม่ตรงกับที่แจ้งในตลาดหลักทรัพย์จริงๆด้วย”
วีด้าครุ่นคิดก่อนหยิบเอกสารอีกซองมาเปิดดู วีด้าหยิบรูปถ่ายบัญชากับพวกออกมาดูอีกครั้งแล้วก็สงสัย
วีด้ายืนพิงโต๊ะทำงานธัญกรอยู่พร้อมกับมองดูเวลา ธัญกรรีบเดินมาแต่ไกล ธัญกรเห็นวีด้ายืนกอดอกมองเขาอยู่ก็ยิ้มดีใจ
“คุณมาดักเจอผมเหรอครับ”
วีด้าพูดไม่จริงจัง “เปล่าค่ะ แค่อยากรู้ว่าคุณเล็กจะมาถึงออฟฟิศกี่โมง”
ธัญกรหน้าเสียทันที
“เอ่อ...ผมขอโทษครับ คือรถมันติด”
“นั่นไม่ควรจะเป็นเหตุผลนะ”
ธัญกรจ๋อย “ผมจะปรับปรุงครับ”
วีด้ายิ้ม “ดีค่ะ ตั้งใจทำงานด้วยนะ แล้วกลางวันเนี้ย คุณทานข้าวคนเดียวนะ ชั้นติดงาน”
วีด้าเดินออกแล้วก็นึกขึ้นได้จึงหยุดแล้วหันมา
“อ้อ..แต่เย็นนี้ ชั้นจะไปทานข้าวบ้านคุณ แล้วเจอกันนะ”
วีด้าพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ธัญกรคิดตามแล้วพิงกำแพงอย่างเซ็งๆ
ณ สวนหย่อมภายในโรงพยาบาลจิตเวชมีผู้ป่วยเดินไปมาและแสดงกริยาตามอาการป่วยของตัวเอง กานดากำลังนั่งฮัมเพลงอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจโลกรอบข้าง วีด้านั่งกุมมือกานดา
“แม่คะ หนูกำลังจะได้เจอศัตรูแล้ว หนูต้องรู้ให้ได้ ว่ามันทำอะไรที่ผิดกฏหมาย และหนูจะหาทางเล่นกันงานมัน”
กานดาไม่รับรู้อะไรจึงยังคงลอยๆต่อไป
ยศสรัลกับเลขาเดินมาถึงหน้าลิฟท์ พอลิฟท์เปิดออกก็มีพนักงานสาวสองคนหอบแฟ้มเอกสารออกมาแล้วเดินชนกับยศสรัลแฟ้มตกกระดาษกระจาย
พนักงานตกใจ “ว้าย!”
“นี่...เดินยังไงไม่เห็นคุณสรัลหรือไง”
พนักงานทั้งสองยกมือไหว้ขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ”
ยศสรัลนั่งลงช่วยเก็บแฟ้ม
เลขางง “อุ๊ย คุณสรัลไม่ต้องเก็บค่ะ เดี๋ยวดิชั้นช่วยเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรครับ”
ยศสรัลช่วยเก็บต่อ
มณฑิตาเดินเข้ามาเห็นพอดีก็หยุดมอง ยศสรัลช่วยเก็บเสร็จก็ส่งเอกสารให้ พนักงานทั้งสองรีบไหว้เพื่อขอบคุณ ยศสรัลยิ้มแล้วก็เดินเข้าลิฟท์ไปกับเลขาพนักงานทั้งสองหันกลับมองเพ้อตาม
“หืม...น่ารักจริงๆเลย ปรกติแค่เดินผ่านชั้นก็แย่แล้ว นี่ยังมาช่วยเก็บของอีก โอ๊ยยย ปวดใจ”
“แล้วทำไมต้องปวดใจ”
“ก็ปวดใจที่มีคู่หมั้นแล้วน่ะสิ”
“แหม...ก็แค่หมั้นเอาใจผู้ใหญ่ ฉันว่านะถ้าคุณสรัลกับคู่หมั้นต่างคนต่างเจอคนใหม่ที่ตัวเองรัก ก็คงทางใครทางมันนั่นแหล่ะ”
พนักงานทั้งสองหันกลับมาก็เจอมณฑิตายืนหน้านิ่งอยู่ ทั้งสองตกใจมากจึงรีบสะกิดกันให้ยกมือไหว้แล้วเดินหนีทันที มณฑิตายังยืนนิ่งด้วยสีหน้าครุ่นคิด
มณฑิตาที่นั่งที่โซฟาวางถ้วยกาแฟลงแล้วนั่งมองหน้ายศสรัลที่นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“สรัลไม่ต้องไปดุพนักงานสองคนนั้นหรอกนะคะที่เขาพูดถึงเราลับหลังแบบนั้น”
“ผมก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรเขาอยู่แล้ว เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับงาน” ยศสรัลว่า
มณฑิตารู้สึกสะดุดหูกับคำพูดของยศสรัล
“นี่สรัลไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ”
ยศสรัลตัดบท “มณมานี่มีธุระอะไรหรือเปล่า”
มณฑิตารู้สึกเจ็บจี๊ดที่ยศสรัลไม่สนใจความรู้สึกเธอเลย เธอแอบกำมือด้วยความเจ็บใจแต่ก็ซ่อนอารมณ์ไว้
“คุณแม่คุณชวนมณไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้ค่ะ มณเลยมาที่นี่ก่อนจะได้ไปพร้อมกัน”
“แต่นี่เพิ่งบ่ายสามเองนะ”
มณฑิตายิ้มและมีสีหน้านิ่ง “ทำไมล่ะคะ มณก็อยากมาเฝ้าคู่หมั้นของมณ คุณก็ทำงานไปซิคะ มณคอยได้”
ยศสรัลเบื่อ มณฑิตาจิบกาแฟเหมือนไม่สนใจอะไร
“ที่จริงมณควรจะมาเฝ้าสรัลบ่อยๆนะคะ จะได้กันพวกที่ชอบเข้ามาวุ่นวายกับคุณด้วย”
มณฑิตายิ้ม ยศสรัลอึดอัดมากขึ้นแล้วก็หยิบแฟ้มทำงานวุ่นวาย
คัชพลขับรถเข้ามาจอดที่ลานหน้าบ้าน คัชพลลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้วีด้า
“เชิญครับ”
วีด้าก้าวลงจากรถแล้วหันกลับไปมองหน้าประตู
ภาพตอนที่พ่อของเธอโดนซ้อมที่หน้าประตูลอยขึ้นมา
คัชพลเรียก “วีด้าครับ”
วีด้ารู้สึกตัวจึงหันกลับมายิ้มให้ก่อนหันไปมองบ้านด้วยความกลัว คัชพลกระซิบปลอบ
“ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณพ่อคุณแม่ท่านใจดี”
วีด้ายิ้มแล้วตัดสินใจก้าวเดิน คัชพลประคองให้เธอเดินเข้าไป
อ่านต่อตอนที่ 9