อย่าลืมฉัน ตอนที่ 8
สุริยง พยายามสลัดความคิดออกจากสมอง พลางกลับมาทำงานตามปกติ ในขณะที่เธอหันไป หยิบแฟ้มด้านหลังโต๊ะทำงาน จึงไม่ทันสังเกตเห็นเขมชาติ ที่เดินมาหยุดตรงด้านหน้า และจ้องมองมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยอคติ ก่อนจะหลับตา เหมือนพยายามทำใจ ครั้นเมื่อลืมตามาอีกที แววตานั้นก็แปรเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
“สุริยง”
และเมื่อสุริยงหันมา
“ผมขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ”
โดยไม่ปล่อยให้เธอได้ทันตั้งตัว เขมชาติก็โผพรวดเข้ามากอดอย่างแรง ทำเอาสุริยงยืนตัวเกร็ง
อยู่ท่าเดิม ในขณะที่วิบูลย์ ที่เดินถือแฟ้ม และ ตัวอย่างผ้าในมือโผล่มาเห็นเข้า ก็ชะงักเท้ากึก พลันรีบหลบไป
ก่อนทั้งคู่จะหันไปเห็น
ครั้นสุริยงรู้สึกตัว ก็รีบผลักเขมชาติออก
“ผู้อำนวยการคะ ขอบคุณเฉยๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเยอะขนาดนี้”
สุริยง ทำเสียงดุ พร้อมกับเดินถอยออก
เขมชาติ มองหน้าสุริยง เหมือนพยายามจะจับอาการ หากก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ
“ก็ผมดีใจ ก็เลยลืมตัว” พลางยื่นมือมาจับมืออีก สุริยงสะดุ้งนิดๆ “ ผมซึ้งใจจริงๆ ที่คุณเปลี่ยน
ใจไม่ลาออกเพื่อให้คุณเกนยอมทำงานกับผม ขอบคุณมากนะ วดี”
สุริยงรีบดึงมือกลับ
“ดิฉันยังไม่เปลี่ยนใจ” เขมชาติชะงัก “ แค่เลื่อนเวลาออกไป ถ้าคุณเกนหลงทำงานเองได้ หรือ
ดิฉันได้งานใหม่ ดิฉันยังยืนยันว่าจะลาออกค่ะ”
สุริยงยืนยันหนักแน่น ก่อนจะหันหลังไปทำงานต่อ แล้วก็นึกได้หันมาอีกที
“อ้อ ดิฉันชื่อสุริยง ผู้อำนวยการจะเรียกสั้นๆว่า “สุ” ก็ได้ค่ะ”
“ผมขอโทษ ก็เรียกแต่ “วดี” ติดปากมาตั้งหลายปี ไม่เคยลืมชื่อนี้ จู่ๆจะให้ลืมมันก็ต้องใช้เวลา
หน่อย”
“ดิฉันให้เวลา ถ้าผู้อำนวยการตั้งใจ ไม่นานลืมได้แน่ค่ะ”
จบประโยคก็หันกลับไปทำงานต่อ ลับหลังสุริยง เขมชาติมองด้วยความไม่พอใจแกมหมั่นไส้
รถตู้เกนหลงมาจอดเทียบที่หน้าโรงแรม พนักงานรีบวิ่งมาทำหน้าที่เปิดประตู เกนหลงเดินลงมา
พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น และเมื่อมองเห็นชื่อ ที่หน้าจอ รอยยิ้ม ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า พลาง
รีบกดรับ เดินไปคุยไป
“สวัสดีค่ะคุณอร”
อรทัยยิ้มพอใจ แววตาแพรวพราว พลางส่งเสียงหวานแว่วมาตามสาย
“คุณเกน พรุ่งนี้คุณเกนว่างมั้ยคะ ? พอดีเพื่อนอรที่เป็นดีไซเนอร์ เขามีงานเปิดตัวคอลเลคชั่น
ใหม่ อรจะชวนคุณเกนไปงานด้วยกันค่ะ”
เกนหลงหยุดยืน แล้วยิ้มอย่างรู้ทัน
“เกนก็อยากไปนะคะ แต่พอดีพรุ่งนี้นัดช่างดูงานก่อสร้างโรงแรมใหม่ แล้วก็ต้องเตรียมตัวทำงาน
กับเขมด้วย เกนจะเริ่มงานวันจันทร์นี้แล้วค่ะ”
อรทัยหุบยิ้ม ชักสีหน้า ก่อนที่เกนหลงจะพูดต่อ
“อยากจะศึกษางานก่อนเริ่มทำ ขอบคุณคุณอรที่ชวน แต่เกนไปไม่ได้จริงๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง
นะคะ สวัสดีค่ะ”
เกนหลงวางสาย พลางส่ายหน้าอย่างขัดใจ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย ขัดใจจริงๆ”
อัมพิกาเดินเข้ามาเห็นพอดี อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามน้องสาว
“หงุดหงิดอะไร?”
อรทัย หันมา “ก็เกนหลงน่ะสิคะ ตั้งแต่กลับจากเขาใหญ่ อรชวนไปไหนก็อ้างว่ายุ่งตลอดเลย”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนฉลาด คงรู้ตัวแล้วว่าเรากำลังจะจับคู่ให้ ก็เลยชิ่ง”
อัมพิกาวิเคราะห์
“อรก็ว่างั้น แล้วนี่ก็จะไปทำงานกับเขมชาติ สงสัยแผนจับคู่ของเราจะยากแล้วหล่ะค่ะ อ้อ
อีกอย่าง ตอนอยู่เขาใหญ่เกนหลงบอกว่านังสุริยงมันทำงานเป็นเลขาให้เขมชาติอยู่นะคะ”
อรทัยรีบรายงานข้อมูลเพิ่ม อัมพิกาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ เลขาเขมชาติ ?”
“ใช่ค่ะ ดูท่าทางเกนหลงจะปลื้มมันซะด้วย ไม่เข้าใจ ดูไม่ออกหรือไงว่ามันเป็นคนยังไง ปลื้มมัน
อยู่ได้ ทั้งคุณพ่อ พี่เอื้อ นี่ก็เกนหลงอีกคน”
อัมพิกาฟังแล้วก็คิด คิดแล้วก็พูดยิ้มๆ
“แล้วเขมชาติล่ะปลื้ม มันด้วยหรือเปล่า ?”
“เขมชาติเกี่ยวอะไรด้วยคะ?”
อรทัยไม่วายสงสัย
“กับเอื้อ มันยังเปลี่ยนจากเกลียด กลายมาเป็นแบบทุกวันนี้ได้ แล้วนี่เป็นเลขากับเจ้านายอยู่
ใกล้ชิดกันเกือบทุกวัน คิดเหรอว่านังสุริยงจะปล่อยให้ผู้ชายอย่างเขมชาติหลุดมือ”
อรทัยสะอึก จิกตา ร้อนใจขึ้นมาทันที อัมพิกายื่นหน้ามาสั่ง
“ส่งคนไปสืบ พี่อยากรู้ว่าระหว่างเขมชาติกับสุริยงมีอะไรที่มันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องหรือ
เปล่า ถ้ามีงานนี้สนุกแน่”
รอยยิ้มของอัมพิกา แฝงไปด้วยความร้ายกาจ
“คุณเขมกับคุณสุจับมือกันยังไง คุณจะอยากรู้ไปทำไม”
สมคิดเอ่ยถามวิบูลย์ เมื่อนั่งคุยกันอยู่ในห้อง วิบูลย์หน้าตาขัดข้องใจอย่างแรง
“ก็แค่สงสัย ดีกรีความหนิดหนม หรือนัยยะในการจับมือ มันสื่ออะไรออกมาบ้าง ก็เท่านั้นเอง
ตกลงที่คุณสมคิดเห็นเขาจับมือสมานฉันท์ เขาจับกันยังไง”
“ก็จับแบบทั่วๆไป” พลางลุกมาหา “คุณเป็นคุณสุนะ ผมเป็นคุณเขม แล้วเขาก็จับกันแบบนี้” ว่า
แล้วก็จับมือวิบูลย์หมับ
วิบูลย์ยังไม่สิ้นความคาใจ
“แค่นี้เองเหรอ? ทำไมแค่นี้ล่ะ”
สมคิด ถึงกับปล่อยมือเลย
“เอ๊า ถ้าไม่ใช่แค่นี้ แล้วจะให้แค่ไหน? นี่ๆ ตกลงคุณมีอะไรในใจ บอกมาเลยดีกว่า หะ ? มีอะไร ?”
วิบูลย์เริ่มอึกๆอักๆ สมคิดรุกต่อ
“บอกมาเถอะน่า”
ในที่สุดวิบูลย์ก็ตัดสินใจบอก
“ ก็ เมื่อกี๊ ผมเห็นคุณเขมกอดกับคุณสุ”
สมคิดถึงกับอึ้ง พลางถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณเขมเนี่ยนะ กอดกับคุณสุ กอดกันยังไง ?”
“ก็ นี่เลย คุณสมคิดเป็นคุณสุนะ” พลางยืนสลับที่กัน สมคิดพยักหน้า “ผมเป็นคุณเขม แล้วคุณเขมก็กอดคุณสุแบบนี้”
จบประโยควิบูลย์ก็สวมกอดสมคิด เหมือนที่เห็นเขมชาติกอดสุริยง ทันใดนั้นมาลัยก็เปิดประตู
ผั้วะเข้ามา
“คุณวิบูลย์คะ”
เมื่อเงยหน้าเห็นวิบูลย์กอดอยู่กับสมคิดก็ร้องโวยวาย
“ว้าย”
วิบูลย์ สมคิด ตกใจ รีบผละออกจากกัน
มาลัยก้มหน้าอายแทน
“คุ..คุณสมคิด คุณวิบูลย์ ทะ ทำอะไรกันคะ ตายแล้ว ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไงคะ”
สมคิด รีบปฏิเสธ
“เฮ้ย มะ..ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ เราสองคนแค่จำลองเหตุการณ์นิดหน่อย ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งจริงๆ”
“ไม่มีก็ไม่มีค่ะ มาลัยจะพยายามเชื่อ” พลางเบือนหน้ามาทางวิบูลย์ “คุณวิบูลย์คะ คุณเขมชาติ
เชิญให้ไปพบค่ะ”
มาลัยรายงานสั้นๆ ในณะที่ วิบูลย์กับสมคิดมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
เรื่องอะไร ?
วิบูลย์ถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเข้ามาพบเขมชาติในห้อง และได้รับคำบัญาจากเจ้านายหนุ่ม
“คุณเขมจะให้ผมไปซื้อของมาแต่งห้องทำงานให้คุณเกนหลง ?”
“ใช่ คุณเกนจะมาเริ่มงานวันจันทร์ ผมจะให้เขาทำงานห้องข้างๆผม พรุ่งนี้ผมอยากให้คุณไปดูซื้อของมาแต่งเพิ่ม พาสุริยงไปด้วย ไปช่วยกันเลือก”
“แต่พรุ่งนี้วันเสาร์ เป็นวันหยุดนะครับ”
วิบูลย์ออกตัว
เขมชาติหันขวับมาทันที
“ก็จ่ายโอทีไปสิ บอกเขาว่าผมสั่ง ถ้าคุณทำให้เขาไปด้วยไม่ได้ คุณจะต้องเดือดร้อน”
“อ้าว”
วิบูลย์หน้าเหวอ
หากเมื่อวิบูลย์เดินมาบอกความแก่สุริยง หญิงสางก็ตอบกลับไปยิ้มๆ
“สุไปเป็นเพื่อนได้ค่ะ คุณวิบูลย์จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน”
วิบูลย์ ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ขอบคุณมากเลยครับคุณสุ งั้นพรุ่งนี้ผมไม่รับที่บ้านนะครับ”
“เราเจอกันเช้าๆหน่อยนะคะ รีบซื้อ รีบกลับ วันหยุดจะได้อยู่กับลูกๆน่ะค่ะ”
“ได้เลยครับ สัก 9 โมงครึ่งนะครับ โชคดีจริงๆที่คุณสุว่าง ไม่งั้นผมซวยแน่”
สุริยงพยักหน้ายิ้มๆ
“ใครบอกว่าว่าง พรุ่งนี้หนูเล็กต้องพาไก่กับไข่ไปเรียนว่ายน้ำ”
นภาที่กำลังเรียงขนมใส่กล่อง โดยมีชื่นคอยช่วย โพล่งออกมาทันทีที่ฟังความจากลูกสาว
ในขณะที่อาทิตย์กำลังช่วยไก่ไข่จัดชุดว่ายน้ำไปเรียนอยู่ด้านหลัง
“พ่อกับแม่ก็ต้องเอาขนมไปส่งที่บองมาเช่ ส่วนชื่นก็ต้องเอาไปส่งที่อ.ต.ก. ไม่มีใครว่างเลย ถ้า
หนูเล็กไปส่งไม่ได้ ก็คงจะต้องงด พรุ่งนี้ไม่ต้องว่ายน้ำ”
ไก่กับไข่ที่กำลังจัดชุดว่ายน้ำใส่กระเป๋าถึงกับชะงักกึก ก่อนจะหันหน้ามองกัน และพร้อมใจกัน
หันหน้ามาทางสุริยง ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
“แม่หนูเล็กครับ”
เด็กแฝดส่งสายตาเว้าวอน สุริยงเห็นแล้วก็คิด ก่อนจะตอบออกมา
“ให้ไปว่ายเถอะค่ะ หนูเล็กรู้แล้วว่า จะให้ใครพาไป”
ไก่กับไข่หันมามองหน้ากัน “ใคร”
“ได้ครับ ผมพานายสองคนไปเรียนว่ายน้ำเอง ไม่ต้องห่วง”
เอื้อตอบผ่านทางโทรศัพท์ ทำเอาสุริยงถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางรีบตอบกลับไป
“ขอบคุณคุณเอื้อมากค่ะ คลาสมีตอน 10 โมง รบกวนด้วยนะคะ “
“ด้วยความยินดีครับ” พลางรีบถามต่อเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “แล้วพรุ่งนี้ที่บอกว่าจะต้องไปทำ
ธุระให้ที่ทำงาน หนูเล็กไปกับใครครับ ?”
เสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน สุริยงเดินออกมาในชุดลำลอง ดูน่ารักแปลกตา ไม่เคร่งขรึมเหมือน
ตอนแต่งชุดทำงาน ชื่นรีบตามมา
“เดี๋ยวชื่นเปิดประตูให้ค่ะ”
ชื่นรีบวิ่งนำออกมา แล้วก็ไขกุญแจเปิดประตูใหญ่ พอเลื่อนออก เห็นเขมชาติ ที่อยู่ในชุดลำลอง
เช่นเดียวกัน ยืนพิงประตูอยู่ ชื่นถึงกับตาค้าง
“อู้ว ว้าว หล่อจัง”
สุริยง เงยหน้าเห็นเขมชาติก็แปลกใจ
“ผู้อำนวยการ”
ชื่นอึ้งเป็นคำรบสอง พลางทวนตำแหน่งเบาๆ “ เป็นผู้อำนวยการซะด้วย”
เขมชาติหันมายิ้มสบายๆ
“พอดีเมื่อคืนวิบูลย์เขาโทร.มาบอกผมว่าวันนี้มีธุระด่วนมาก แล้วก็สำคัญมาก เลยไปไม่ได้น่ะ
ครับ”
สุริยงมองด้วยความแปลกใจ เขมชาติยิ้มใส แต่แววตามีความเจ้าเล่ห์ซ่อนอยู่
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 8 (ต่อ)
แต่สิ่งที่สุริยงไม่รู้เลย ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา ในขณะที่วิบูลย์กำลังปั่นงานหัวฟูอยู่ที่ห้องทำงาน จนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มกว่า ในขณะที่เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ชื่อเขมชาติปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
“สวัสดีครับคุณเขม”
“ทำอะไรอยู่ ?”
วิบูลย์ตอบสวนกลับไป
“ก็ตรวจเอกสารสัญญาที่คุณเขมเพิ่งจะส่งมาให้ผมน่ะสิครับ ปึกหนาขนาดนั้น เอามาให้ตอนหกโมงเย็น กว่าผมจะตรวจเสร็จคงจะเกือบเช้า”
เขมชาติ ตอบกลับมาทางปลายสาย “ดี”
เล่นเอาวิบูลย์ถึงกับผงะ “อ้าว”
เขมชาติพูดยิ้มๆด้วยความพอใจ
“งั้นคุณก็ตรวจเอกสารไป ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวผมให้แม่บ้านจัดอาหารไปส่งให้อย่างดี พร้อม
อุปกรณ์อาบน้ำ นอนที่ออฟฟิศเลยก็ได้ ส่วนงานที่ผมสั่งให้ไปทำวันนี้ ผมจัดการเอง”
เขมชาติยิ้มร้าย ทุกอย่างเข้าล็อกตามที่วางไว้เป๊ะ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสุริยง รอยยิ้มนั้นก็ปลี่ยน
เป็นยิ้มใสๆ แววตาซื่อๆราวกับคนละคน
“วิบูลย์ไปไม่ได้ ผมก็เลยจำเป็นต้องไปเอง คุณคงจะไม่รังเกียจนะครับ”
สุริยงคิด พลางพยักหน้า “ค่ะ เอ้อ”
เขมชาติกุลีกุจอเปิดประตูให้สุริยง
“รีบไปกันเถอะครับ จะได้ไม่เสียเวลา ผมรู้ว่าวันนี้วันครอบครัว คุณต้องอยู่กับลูกๆ ทั้งลูกจริง ลูกเลี้ยง ผมไม่กล้ารบกวนนานหรอกครับ เกรงใจ”
สุริยงมองหน้าเขมชาติ พลางพยักหน้ารับ ก่อรนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถ เขมชาติยิ้มปิดประตูให้
พ้นสายตาสุริยง เขมชาติก็ค่อยๆ หุบยิ้ม..ตาเปลี่ยนเป็นสะใจที่หลอกไปด้วยกันจนได้
ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ สุริยงส่งรูปให้พนักงานดู เขมชาติโผล่พรวดมา แล้วก็แกล้งทำเป็นจับมือสุริยงลากไปดูของ
“ผมชอบตัวนี้ คุณว่าคุณเกนจะชอบหรือเปล่า ?”
สุริยงตกใจ แต่ไม่ทันตั้งตัวก็โดนเขมชาติลากไป สุริยงพยายามบิดเอามือออก
“ผู้อำนวยการคะ ดิฉันเดินเองได้ค่ะ”
เขมชาติทำเป็นไม่ได้ยิน ลากเดินมาถึงเก้าอี้จนได้
“ตัวนี้ คุณลองนั่งดูสิ ว่าสบายหรือเปล่า”
เขมชาติถือโอกาสหันมา และจับตัวสุริยงนั่งลง พลางเดินอ้อมมาข้างหลังแล้วทำเป็นจับไหล่ให้เธอนั่งพิง
“นั่งสบายๆนะครับ พิงมาเลย”
สุริยงอาจจะขัดขืน แต่เขมชาติก็กดไหล่กับเก้าอี้
“เป็นไงครับ สบายหรือเปล่า”
สุริยง กรอกตานิดๆ พลางตอบประชดกลับไป
“ถ้าผู้อำนวยการไม่กดไหล่ดิฉันแรงขนาดนี้ ก็คงจะสบายค่ะ”
เขมชาติ ทำเป็นเพิ่งรู้สึกตัว
“ อุ๊ย ขอโทษ งั้นผมนวดให้นะ เจ็บมากหรือเปล่า ?”
เขมชาติทำเนียนนวดไหล่ให้สุริยงอย่างนุ่มนวล สุริยงชะงักนิดๆ แอบหน้าแดงเล็กๆ พลางรีบ
ปัดมือเขมชาติและลุกขึ้น
“ไม่เจ็บค่ะ”
เขมชาติมองหน้าสุริยง เหมือนจะหยั่งเข้าไปในความรู้สึก
“ไม่เจ็บ แล้วทำไมหน้าแดง ? หรือว่าเขิน”
สุริยง รีบเก็บอาการ “ ดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้อายขนาดนั้น ถ้าจะหน้าแดงก็คงจะเป็นเพราะโกรธ
หรือ ร้อน หรือไม่ ผู้อำนวยการก็ตาฝาด”
เขมชาติเชิดหน้านิดๆ ที่สุริยงไม่ยอมรับ พลางตั้งท่าจะเดินออกไป ขณะที่กำลังเดินผ่านเขมชาติที่แอบปรายตามอง และในวินาทีนั้น แผนร้ายก็ผุดขึ้นมาในใจ
จากนั้นเขมชาติ ก็จงใจยื่นขาออกมา แล้วก็แกล้งขัดเขาสุริยงเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจ สุริยงสะดุด พลางร้องเสียงหลง
“ว้าย”
สุริยงหน้าขมำ เขมชาติดึงตัวไว้ ไม่ให้ล้ม
“ระวัง”
ก่อนที่ทั้งคู่ จะเซล้มลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่แถวนั้น โดยที่เขมชาตินั่งลงก่อนและดึงสุริยงมานั่งลงบนตักในจังหวะพอดิบพอดี
สุริยงนั่งอยู่บนตักเขมชาติในจังหวะเหมือนกอดกัน ไม่ทันสังเกตว่า ที่มุมหนึ่งของร้านมีนักสืบ ที่แต่งตัวเหมือนลูกค้าทั่วไป แฝงตัวมาแอบถ่ายรูปไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะหลบมากดโทรศัพท์โทร.ออก
“ผมได้รูปที่ต้องการแล้วนะครับ เดี๋ยวจะรีบเอาไปให้วันนี้เลย”
นักสืบรีบวางสาย และเดินออกไปจากร้านทันที
เขมชาติแสร้งโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหู
“ผมขอโทษ”
ในขณะที่สุริยงตั้งหลักได้ รีบลุกพรวดขึ้น แล้วก็หันมาสวนกลับทันที
“คุณตั้งใจ”
เขมชาติตีหน้าซื่อ พลางย้อนถาม
“ผมตั้งใจ ? ตั้งใจทำอะไร”
“ก็ ตั้งใจทำให้สะดุด แล้วก็”
เขมชาติ ทำเป็นขำ
“คุณคิดว่าผมตั้งใจจะหลอกแต๊ะอั๋งคุณอย่างงั้นเหรอ ? ฮึๆๆ ผมจะทำแบบนั้นทำไม ถ้าผมทำผมมีแต่เสียกับเสีย เพราะถ้ามีคนรู้จักคุณเกนมาเห็น ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “
สุริยงยังมองไม่วางใจ
เขมชาติได้ทีรีบพูดต่อ
“คุณเองก็ไม่ใช่สาวๆ แล้วก็ไม่ใช่สาวโสด ผมไม่คิดจะแลกคุณเกนกับแม่หม้ายลูกติดหรอกน่าไม่ต้องห่วง”
สุริยงแอบจี๊ด
“ผมขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ แต่ถ้าอ้อมค้อม กลัวว่าคุณจะไม่เข้าใจ ผมไม่อยากให้คุณคิดมาก ตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อน เป็นเจ้านายลูกน้อง ผมไม่ได้คิดอย่างอื่นจริงๆ สบายใจได้”
พูดจบเขมชาติ ก็รีบดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลับหลังสุริยงก็ยิ้มร้าย “สะใจจริงๆ”
สุริยงเชิดหน้า แอบจี๊ดเบาๆ แต่พยายามไม่ใส่ใจ
ทันทีที่ครูสอนว่ายน้ำเป่านกหวีด เด็กๆ ที่ว่ายตีน้ำกระจาย ก็หยุดหันมาทางครู ไก่กับไข่ ก็ว่ายอยู่รวมในกลุ่มนั้นด้วย ในขณะที่เอื้อนั่งรออยู่ที่ริมสระ ทันใดนั้นเสียงเกนหลงก็ดังขึ้น
“พี่เอื้อ”
เอื้อหันไปมองทางต้นเสียง ก็เห็นเกนหลงเดินมา ในชุดลำลองกึ่งสปอร์ต ดูน่ารัก สดใส
ทะมัดทะแมง
“อ้าว เกน มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย ?”
“เกนมีนัดกับบริษัทติดตั้งสระว่ายน้ำน่ะค่ะ เขานัดให้เกนมาดูระบบบำบัดน้ำเสียที่เค้าติดตั้งให้สระนี้ ที่จริงนัดกันไว้ตอนสิบเอ็ดโมงแต่เกนมาสำรวจก่อน แล้วพี่เอื้อล่ะคะ มาทำอะไร ?”
“พาน้องชายมาเรียนว่ายน้ำครับ เด็กแฝดคู่โน้นน่ะครับ “
เอื้อพยักหน้าไปทางกลุ่มเด็กๆในสระ เกนหลงหันตาม เห็นไก่กับไข่อยู่รวมกลุ่มกับเด็กคนอื่น
แต่ดูออกว่าเป็นแฝดคู่เดียวที่เรียนอยู่
เกนหลงประหลาดใจ
“เด็กสองคนนี้เนี่ยนะคะ น้องชาย” พลางหันมา พอเอื้อยิ้ม เกนหลงก็นึกได้ “อ๋อ นึกออกแล้ว ลูกคุณสุใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ”
เกนหลงหันไปดูอีกที ไก่กับไข่กำลังแกล้งกัน เกนหลงยิ้ม
“น่ารักจังเลย ท่าทางจะแสบไม่ใช่เล่น”
“สุดๆครับ” หันไปเห็นว่าครูเลิกสอนพอดี “อ้าว เลิกพอดี เดี๋ยวพี่ไปพาเด็กๆไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพามาแนะนำให้รู้จัก”
เอื้อยิ้มอย่างกันเอง และเดินไป เกนหลงยิ้มรับและมองตาม เห็นเอื้อเดินไปแล้วก็จับตัวไก่กับไข่
ขึ้นจากน้ำ แล้วก็อุ้มพากันไปห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นภาพที่น่ารักมาก
เกนหลงยิ้มเมื่อเห็นเอื้อในอีกมุมที่ไม่เคยเห็น
เมื่อไก่กับไข่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เอื้อก็แนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกับเกนหลง
“ไก่ ไข่ นี่ อาเกนหลงครับ “
เกนหลง รีบแย้ง
“พี่ดีกว่าค่ะ พี่เกนหลง จะได้เหมือนกับพี่เอื้อไงคะ”
ไก่ กับไข่ รับมุก
“สวัสดีครับพี่เกนหลง”
“สวัสดีค่ะ”
เกนหลงยิ้มให้คู่แฝดอย่างเอ็นดู ครั้นเห็นไก่กับไข่ทำท่ากระซิบกระซาบกันเอง เกนหลง ก็หันมาถามเอื้อ
“เขากระซิบอะไรกันคะ”
“ไม่มีใครรู้หรอกครับ เขาจะรู้กันแค่สองคน แต่ถ้าเขาสนิทกับเรามากขึ้น เขาจะมากระซิบบอกเอง”
เกนหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นไก่กับไข่หันมากระซิบกระซาบกับเอื้อ เกนหลงมองด้วย
ความแปลกใจ
เอื้อฟังแล้วตอบ
“ได้ๆ ไม่ลืมๆ”
“มีอะไรเหรอคะ ?” เกนหลงถามด้วยความสงสัย
“พอดีเมื่อเช้าคุณยาย แม่หนูเล็กน่ะครับ บ่นว่าอยากทานเค้ก ไก่กับไข่ก็เลยชวนผมไปซื้อเค้กแอบไปให้คุณยายน่ะครับ”
“โห น่ารักจัง คุณยายจะต้องดีใจมากๆแน่ๆ เอางี้ดีกว่า” พลางนั่งคุกเข่าแล้วคุยกับไก่ไข่ “พี่เกน
ว่า ถ้าซื้อเค้กให้เฉยๆมันธรรมดาไป ถ้าจะให้พิเศษมากๆ ไก่ กับ ไข่ จะต้องทำเอง”
เด็กแฝดเลิกคิ้ว “ทำเอง”
พลาง มองหน้ากันงงๆ เอื้อเองก็งง ในขณะที่เกนหลงยิ้มสนุก
สุริยงยืนคุยอยู่กับพนักงานในร้านดอกไม้
“ดอกไม้ที่เลือกไว้ พรุ่งนี้เข้าไปจัดได้เลยนะคะ”
พนักงานยิ้มให้ พลางรับคำเสียงใส “ได้ค่ะ”
สุริยงยิ้มๆ พลางหันกลับมามองหาเขมชาติ พลันก็ถึงกับชะงัก เมื่อเห็นเขมชาติเดินมาพร้อมกับ
ยื่นดอกไม้ให้หนึ่งช่อ
“ผมให้”
สุริยงมองอย่างงงๆ พลางหวนนึกถึงตอนที่เขมชาติปาแจกันและด่าเรื่องเอาดอกไม้เข้าบริษัท
เขมชาติดูเหมือนจะรู้ทันความคิด
“รับไปเถอะน่า ไม่ต้องกลัวผมจะปาทิ้ง..ผมบอกแล้วไงว่า ผมยุติสงครามแล้ว”
เมื่อเห็นว่าสุริยง ยังทำท่าคล้ายไม่วางใจ เขมชาติก็รีบหว่านล้อมต่อ
“จะว่าไป ผมไม่ได้ให้ดอกไม้ผู้หญิงมานานมากแล้ว เพราะทุกครั้งที่ผมเห็นดอกไม้ ทำให้ผม
คิดถึงเธอคนนั้น”
สุริยงรีบเบือนฃหน้าหนี ประหนึ่งเป็นปฎิกริยาต่อต้านตัวเอง เหมือนจะไม่ยอมรับว่า นั่นคือสิ่งที่
ฝังอยู่ในตัวตนของเธอเอง
“แต่วันนี้ ตอนนี้ ผมจะเริ่มต้นใหม่ อดีตจะไม่ทำให้ผมเจ็บปวดอีกต่อไป”
เขมชาติแสร้งปั้นหน้า ให้ดูเหมือนตัดใจได้จริงๆ สุริยงหันมามองหน้า เริ่มเชื่อ ก่อนที่จะถูก
เขมชาติคว้ามือมารับดอกไม้
“รับไว้สิถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่มาช่วยผมในวันนี้”
สุริยง จำยอมต้องรับ
“ขอบคุณค่ะ .เรื่องดอกไม้ในห้องคุณเกนหลงเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เขมชาติพยักหน้ารับ “ขอบคุณมากครับ”
สุริยงยิ้มรับนิดๆ แล้วก็หันหลัง เตรียมจะเดินไป หากเขมชาติรีบเรียกไว้
“วดี “
สุริยงวางหน้านิ่ง แล้วเดินต่อไป โดยไม่หันกลับมา เขมชาติกัดฟันกรอด ที่ไม่สำเร็จตามที่คิด
ในที่สุดก็เรียกใหม่
“สุริยง”
สุริยงหยุดเดิน และหันมา ขมชาติเดินตรงมาหา
“เราต่างมีความหลังที่ต้องลืม และมีความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่ .. หวังว่าเราจะเริ่มไปด้วยกัน”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ตราบใดที่การเริ่มต้นของผู้อำนวยการตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง และ
ความถูกต้อง ดิฉันก็พร้อมจะเริ่มอยู่แล้วค่ะ”
สุริยงพูดยิ้มๆ เริ่มสนิทใจมากขึ้น เขมชาติยิ้มรับ สุริยงหันหลังเดินไปต่อ โดยไมทันรู้ตัวว่าทำดอกไม้ร่วงหล่นจากช่อตกลงที่พื้นหนึ่งดอก เขมชาติปรายตามามองแล้วก็มองตามสุริยง พลางยิ้มเหยียด พร้อมกับก้าวเท้ามาเหยียบดอกไม้ที่หล่นอยู่และขยี้อย่างไม่เห็นค่า
การกระทำ กับคำพูด ช่างดูแตกต่างกันเหลือเกิน
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 8 (ต่อ)
แม้จะเป็นร้านเค้กร้านเล็กๆ แต่ก็มีการจัดแต่ง ประดับประดาร้านได้อย่างน่ารัก ไก่กับไข่ ยืนมองของตกแต่งหน้าเค้ก รวมถึงดอกไม้ที่ทำจากน้ำตาลที่วางเรียงรายกันด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว”
เกนหลง ยื่นหน้ามาอธิบาย
“ ที่นี่เขาให้เราแต่งหน้าเค้กเองได้ ไก่ ไข่ เลือกขนมเค้กตรงนี้นะครับ จะเอาก้อนขนาดไหน”
ไก่กับไข่ชี้อันที่ตัวเองชอบ เอื้อมองตาม เกนหลงยิ้มหวานให้คู่แฝด
“โอเค พี่เกนจะสั่งเค้าให้ ขั้นต่อไปไก่ กับ ไข่ ก็ไปเลือกของแต่งหน้าเค้กตรงโน้น แล้วเราจะไปแต่งหน้าเค้กให้คุณยายกัน”
“ครับ”
ไก่กับไข่ รับคำ แล้วก็รีบวิ่งไปเลือกของอย่างสนุกสนาน
เอื้อ มองตามแล้วยิ้ม
“ปกติไม่ค่อยมีใครสั่งนายสองคนนี้ได้นะ บอกให้ทำอะไรแล้วไปง่ายๆแบบนี้ หายากมาก
โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่มีทาง เกนนี่ไม่ธรรมดา”
“แล้วพี่เอื้อหล่ะคะ ถ้าเกนบอกจะทำหรือเปล่า?”
เกนหลงย้อนถามยิ้มๆ พร้อมยื่นเค้กเปล่าให้ “ ถ้าทำก็เลือกเลยค่ะ”
เอื้อหัวเราะขำๆ เหมือนโดนมัดมือชกแบบฉลาดๆ เอื้อเลยต้องหันไปเลือกเค้ก พลางบ่นเสียง
อ่อยๆ
“ทำก็ทำ”
เอื้อ เกนหลง รวมทั้งคู่แฝด ไก่กับไข่ แยกกันแต่งหน้าเค้กกันคนละก้อน ของใครของมัน เอื้อกับ
เกนหลงต้องมานั่งในมุมเด็ก ร่วมกับไก่และไข่ ทั้งสี่คน ต่างก็แต่งเค้กอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะ ไก่กับไข่ ที่ดูจะ
ตั้งใจมาก
แต่จังหวะที่ไก่บีบครีมแรงไปหน่อย ทำให้ครีมกระเด็นเข้าหน้าแฝดผู้น้อง ไข่สะดุ้งแล้วก็ไม่ยอม
หันมาบีบใส่หน้าแฝดพี่เป็นการเอาคืน และทั้งสองคนก็ขำกันเอง เริ่มสนุกกับการบีบครีมใส่หน้ากันเองแทนเค้ก
จนเอื้อหันมาทำเสียงปราม ไก่กับไข่หันมาตกใจก็บีบครีมใส่หน้าเอื้อ เกนหลงหัวเราะ ไก่กับ ไข่ เลยหัวเราะตาม
เอื้อปรายตามองหมั่นเขี้ยวเหมือนตัวเองโดนรุม พลางคิดหาทางเอาคืน พลันเอื้อก็เอามือปาดครีมแล้วก็ป้ายหน้า
ทั้งสามคน จนเกนหลง รวมถึงคู่แฝดไก่กับไข่ หน้าเลอะครีม เอื้อขำร่วนด้วยความสะใจ ในขณะเดียวกัน ก็แลดู
เป็นธรรมชาติ เหมือนได้ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่
เกนหลงยื่นขนมเค้กที่บรรจงแต่งหน้าเอง ตรงหน้าเขมชาติ ที่รับมาอย่างแปลกใจ
“วันนี้วันเกิดผมเหรอ?”
ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ที่ริมสระน้ำภายในบ้านเขมชาติ เกนหลงส่ายหน้าขำๆ
“ไม่ใช่สักหน่อย ท่าทางจะทำงานหนักเกินไปนะคะ จำวันเกิดตัวเองไม่ได้”
“ผมจำของตัวเองไม่ได้ไม่เป็นไร จำของคุณเกนได้ก็พอ”
เขมชาติป้อนคำหวาน เกนหลงยิ้มรับ
“เจอมุกนี้เข้าไป สงสัยเค้กจะจืดไปเลย”
เขมชาติ หัวเราะขำ
“ตกลงเอาเค้กมาให้ผมเนื่องในโอกาสอะไรครับ เฉลยได้หรือยัง ?”
“โอกาสที่เกนได้เจอกับพี่เอื้อ แล้วก็ไก่ กับ ไข่ ลูกชายของคุณสุค่ะ”
เขมชาติชะงักกึก แอบระแวงตามประสาคนมีแผล
“แล้วไปเจอกันได้ยังไงครับ ?”
เกนหลงตอบเรียบๆ
“เจอกันโดยบังเอิญที่สระว่ายน้ำค่ะ เด็กสองคนนั้นน่ารักมากเลยนะคะ เขาอยากจะซื้อเค้กไปให้
คุณยาย เกนก็เลยชวนไปร้านเค้กที่แต่งหน้ากันเอง เด็กๆ สนุกกันมาก แล้วเกนก็ทำมาให้คุณหนึ่งอัน”
“ขอบคุณครับที่คิดถึง”
เขมชาติยิ้ม พลางหันไปวางเค้ก ก่อนจะเลียบๆเคียงๆถาม
“โลกเรานี่มันมีความบังเอิญเยอะจริงๆ แล้ววันนี้ที่เจอกับคุณเอื้อคุยอะไรกันบ้าง ? ทำอะไร
กันบ้าง ? แล้วเป็นยังไงบ้าง ?”
เกนหลง หลิ่วตาล้อๆ
“ซักยังกะหึง รู้มั้ยคะ คนเจ้าชู้มักจะเป็นคนขี้หึง ยิ่งหึงมากยิ่งเจ้าชู้มาก ระแวงว่าอีกฝ่ายจะแอบ
มีคนอื่นอยู่ลับหลังเหมือนตัวเอง”
เขมชาติแอบสะอึกนิดๆ แล้วก็รีบกลบเกลื่อน
“ไม่ใช่ผมแน่นอน” พลาง ดึงมือเกนหลงมาจับไว้ “เพราะไม่ว่าจะต่อหน้าต่อหน้าหรือลับหลัง
ผมมีคุณเกนคนเดียวเท่านั้น”
เขมชาติยิ้มอย่างมั่นใจ เพราะคิดไปเองว่าสิ่งที่กำลังทำกับสุริยงนั้นเพียงเพื่อแก้แค้น แต่ “ความรัก” ที่แท้จริงคือเกนหลงคนเดียวเท่านั้น เกนหลงสัมผัสความจริงจังนั้นได้แล้วก็ยิ้มตาม
เกนหลงเริ่มรู้สึกวางใจและมั่นใจในตัวเขมชาติมากขึ้น กำแพงที่เคยมีดูเหมือนจะค่อยๆบางลง
อัมพิกานั่งมองรูปสุริยง ที่นั่งตักเขมชาติในร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วก็ยิ้มอย่างร้ายกาจ
“สันดานคน มันเปลี่ยนไม่ได้จริง ๆ”
“ชาติก่อนอรคงทำกรรมกับมันไว้มาก ชาตินี้มันเลยจ้องแต่จะแย่งผู้ชายที่อรรักไปเป็นของมัน
ตั้งแต่พ่อ พี่ชาย แล้วนี่มันยังจะมาอ่อยเขมชาติอีก ลำพังเกนหลงคนเดียว อรก็แทบจะหาที่เสียบเข้าหาเขมไม่ได้
นังสุริยงดันโผล่มาอีก”
อรทัยที่ยืนยู่ห่างๆ พูดอย่างหงุดหงิด อัมพิกาวางรูปแล้วก็ยิ้ม
“ดีออก ที่นังสุริยงมันแสดงธาตุแท้ของมันออกมา ลองคิดดูถ้าเอื้อกับเกนหลงได้เห็นรูปพวกนี้.
จะรู้สึกยังไง”
อัมพิกาเลื่อนรูปทั้งกองที่เก็บภาพตอนเขมชาติอยู่กับสุริยงในร้านเฟอร์นิเจอร์ ทั้งจับมือ นวด จับ
ไหล่ และนั่งตักกัน อรทัยคิดตามแล้วก็ยิ้ม
“จริงด้วย รูปออกจะโจ๋งครึ่มขนาดนี้ ถ้าเห็นแล้วไม่รู้สึกอะไรก็บ้าแล้ว เรื่องนี้พี่อัมไม่ต้องห่วงอร
จัดการเอง”
“ดี เพราะพี่ก็มีเรื่องต้องไปจัดการเหมือนกัน”
สุริยงเดินออกมาจากห้องน้ำ ภายในห้องนอน และเตรียมจะเดินไปนอนบนเตียง แต่ก็ไม่ก่อนที่
จะเหลือบมาเห็นกล่องขนมเค้กของเอื้อวางอยู่บนโต๊ะทำงาน สุริยงหยิบมาดูเห็นโน้ตเขียนไว้ว่า
“ผมแต่งหน้าขนมเค้กเอง ทำใจหน่อย ให้นายธนาคารมาแต่งหน้าเค้ก ก็ดีที่สุดเท่านี้ เก็บไว้ทาน
พรุ่งนี้เช้านะครับ เอื้อ”
สุริยงยิ้ม แล้วก็หันไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะหันมาที่เตียง และสะดุดเข้ากับดอกไม้ของเขมชาติ
เธอพยายามจะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องหันมาหยิบแจกันที่อยู่ข้างๆ แล้วนำช่อดอกไม้ไปปักไว้ พลาง
นึกถึงหน้าเขมชาติตอนให้ดอกไม้ ดูอ่อนโยน คุ้นเคย เหมือนเขมชาติคนเก่า ความอ่อนไหวเริ่มวูบเข้ามาในใจ
สุริยงหลับตา ส่ายหน้านิดๆ พยายามไม่คิดถึงมัน พลางหันหลังให้ดอกไม้ เดินไปนอนเหมือนไม่
อยากสนใจ
แม้จะมีคนพยายามไม่สนใจ แต่ดอกไม้ของเขมชาติ ก็ยังได้อยู่ในแจกัน ในขณะที่ที่ขนมเค้กของเอื้อ ถูกวางไว้ที่เดิม เหมือนไม่ได้รับการใส่ใจจากคนรับ
เขมชาติมายืนส่งเกนหลง ที่หน้าประตูบ้าน
“พรุ่งนี้ผมขอเป็นเจ้ามือพาคุณเกนไปทานข้าวเย็น เป็นการตอบแทนสำหรับขนมเค้ก”
เกนหลงยิ้มรับ
“ได้เลยค่ะ คุณเป็นคนเลือกร้านนะคะ”
“ครับ พรุ่งนี้ผมไปรับที่บ้าน ขับรถดีๆนะครับ ถึงแล้วโทร.หาผมด้วยนะ”
เกนหลงยิ้มแล้วรีบขับรถออกไป เขมชาติมองตามไปด้วยความรัก ชื่นชม อย่างเห็นได้ชัด พลัน
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขมชาติหยิบมาดูชื่อ ก่อนจะกดรับ
“คุณสมคิด โทร.มาซะดึกเลย มีอะไรครับ?”
สมคิด ตอบมาทางปลายสาย
“พรุ่งนี้เช้าคุณเขมอยู่บ้านหรือเปล่าครับ ? พอดีมีแขกพิเศษอยากจะขอเข้าพบเป็นการ
ส่วนตัวครับ”
เขมชาติ ขมวดคิ้ว พลางถาม “ใคร ?”
อัมพิกายืนอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านเขมชาติ ด้วยท่าทีที่ สงบ สง่า ราวกับพญาสิงห์ ในขณะที่
สมคิดเดินนำเขมชาติเข้ามาทางด้านหลัง
“เมื่อวานคุณอัมพิกาให้เลขาติดต่อมาหาผม ผมสอบถามว่าเรื่องอะไร คุณอัมพิกาบอกแค่ว่า
เรื่องส่วนตัว...ผมให้รออยู่ทางโน้นครับ”
“ผมคุยเอง” เขมชาติหันไปบอกสมคิด
“ครับ”
จากนั้นสมคิด ก็เดินเลี่ยงออกมา หากก็ยืนรออยู่ที่มุมหนึ่ง พลางแอบมองทั้งสองคนด้วย
ความแปลกใจ
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ คุณอัมพิกา รัตนชาติ”
เมื่ออัมพิกาหันมา เขมชาติก็รีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
อัมพิการับไหว้ พลางบอกจุดประสงค์การมาเยือน
“สวัสดีค่ะ แหม เรียกซะเต็มยศเลย พี่ไม่กล้ามาใช้งานคุณเขมชาติหรอกค่ะ ที่มาวันนี้เพราะมี
เรื่องอยากจะแจ้งให้ทราบ และมีเรื่องอยากจะเตือน”
เขมชาติชะงักนิดๆ อย่างแปลกใจ
“พี่ต้องขอโทษที่ขอมาพบที่บ้านในวันหยุด และติดต่อผ่านทางผู้ช่วย ไม่ใช่เลขา ที่ทำแบบนี้
เพราะกลัวว่าจะโดนกีดกัน จากพวกวัวสันหลังหวะ”
“คุณอัมพิกาหมายถึง เลขาของผม ที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของคุณใช่มั้ยครับ”
เขมชาติหมายถึงสุริยง อัมพิกายิ้มอย่างเยือกเย็น
“พี่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นพูดถึงครอบครัวเรายังไง แต่เรื่องแรกที่พี่อยากจะแจ้งให้คุณเขมทราบ
คือ ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะใช้นามสุกลรัตนชาติ แต่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของเรา”
จากคำพูดของอัมพิกา สิ่งที่เขมชาติสัมผัสได้ ก็คือความเกลียดชังอย่างรุนแรง
“เขาเป็นได้อย่างมากก็แค่ “นางบำเรอ” ที่มีทะเบียนสมรสของคุณพ่อพี่ ผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีที่
แต่งงานเพราะเงิน”
“ทำไมคุณอัมพิกาถึงมั่นใจอย่างนั้น สุริยา “ เขมชาติเกือบจะหลุดปากเรื่องเดิมของสุริยง หากก็
ชะงักปากได้ทัน “สุริยงอาจจะแต่งงานเพราะความรักก็ได้”
“ผู้หญิงที่ยอมแต่งงานกับเพื่อนพ่อเพื่อแลกกับเงินสองร้อยล้านจะรักใครเป็น นอกจากรัก
ตัวเอง”
เขมชาติถึงกับอึ้ง ก่อนที่จะโพล่งออกมาด้วยความแปลกใจ
“สองร้อยล้าน”
ในขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งของบ้าน สมคิดก็ยังเฝ้ายืนสังเกตการณ์ต่อด้วยความอยากรู้
เมื่อเห็นเขมชาติอึ้งไป อัมพิกาจึงรีบใส่ไฟต่อ
“พ่อของสุริยง เป็นเพื่อนกับคุณพ่อ เมื่อก่อนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็เจ๊ง ไม่มีเงินมาจ่าย
หนี้ให้ธนาคาร ด้วยความสงสารคุณพ่อเลยยื่นข้อเสนอขอลูกสาวมาเป็นนางบำเรอ” พูดพลางเหยียดปากอย่างดู
แคลน “ทางโน้นก็ระริกระรี้รีบเอาลูกสาวใส่พานมาให้ เพื่อแลกกับหนี้สองร้อยล้าน”
เขมชาติอึ้งเป็นคำรบสอง อัมพิกาเห็นเขมชาติฟังอย่างตั้งใจ และกำลังช็อกับสิ่งที่ได้รู้ ก็รีบป้อน
ข้อมูลต่อเนื่อง
“ได้ข่าวว่า อยากแต่งจนตัวสั่น ถึงกับลาออกจากมหาวิทยาลัย ทั้งๆที่เหลืออีกแค่เทอมเดียวก็
จบ แต่ก็ยอมลาออกมาแต่งงาน คงกลัวคุณพ่อเปลี่ยนใจ เลยรีบตะครุบจับไว้ไม่ยอมปล่อย พอคุณพ่อเสียมันก็รีบ
เบนเข็มมาที่เอื้อทันที ฟังแล้วคุณเขมก็คิดเองแล้วกัน ว่าผู้หญิงคนนี้จะแต่งงานเพราะความรักหรือเปล่า”
“เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง” เขมชาติรำพึงเบาๆ
“นี่แค่บางส่วน เรื่องของสุริยงยังมีอีกมากที่คุณเขมอาจจะคิดไม่ถึ .บอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้...
ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิด”
เขมชาติฟัง นิ่ง และเริ่มเชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง
“ผมก็ไม่ได้คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนดีขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า ผมคิดไม่ผิด”
อัมพิกามองหน้าเขมชาติ แล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ เขมชาติเบือนหน้ามองออกอีกทาง แววตาเต็ม
ไปด้วยความดูถูก และชิงชัง
อัมพิกายิ้มสะใจ
รูปถ่ายของเขมชาติและสุริยง ถูกวางอยู่ตรงหน้าเอื้อ เอื้อมองอึ้งๆ ในขณะที่อรทัยยืนยิ้มสะใจอยู่ตรงหน้า
“นี่มันเข้าไปเริ่มงานได้ไม่นาน แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า เขมชาติมีเกนหลงอยู่ทั้งคน มันยังกล้าทำแบบนี้ พี่
เอื้อตาสว่างสักที เลิกยุ่งกับมันได้แล้ว”
เอื้อมองหน้าอรทัย
“พี่ว่าเรานั่นแหละ ที่เลิกยุ่งกับหนูเล็กเขาได้แล้ว รู้หรือเปล่าว่าทำแบบนี้มันเป็นการละเมิดสิทธิ
ส่วนบุคคล ดีไม่ดี หนูเล็กเขาฟ้องร้องขึ้นมา เราจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งชื่อ”
“อ้าว อรเอารูปพวกนี้มาให้ดู เพราะหวังดี อยากให้พี่เอื้อรู้ว่ามันสำส่อน อ่อยผู้ชายไปทั่ว ไม่ใช่
ให้พี่เอื้อมาว่าอร แล้วยังเข้าข้างมันอีก”
“ขอบใจที่หวังดี แต่พี่รู้จักหนูเล็กดีพอ และรูปพวกนี้มันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง”
เอื้อหยิบรูปมาดูทีละใบ พลางอธิบาย
"รูปนี้ ดูจากมือก็รู้ว่าเขมชาติเป็นคนจับมือหนูเล็ก แล้วก็ลากไป ถ้าดูให้ละเอียด จะเห็นว่าหนูเล็กไม่ยินดี เพราะมือดูเกร็งๆฝืนๆ แล้วก็ไม่ได้จับมือเขมชาติ"
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 8 (ต่อ)
อรทัยชะงักรีบหยิบรูปมาเพ่งดู พยายามจะคิดตาม เอื้อพูดต่อ
“ส่วนรูปนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะท่านั่งมันไม่ได้สบาย หรือสวีทแม้แต่นิดเดียว หนูเล็กก็
หน้าตาตกใจ ยิ่งกว่านั้นคนรอบข้างไม่เห็นมีคนสนใจมอง แสดงว่าเหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นเร็วมาก จนคนที่
อยู่แถวนั้นไม่ได้สนใจ”
เอื้อวางรูปไว้ตรงหน้าอรทัย ฝ่ายหลังเงยหน้าขึ้นมามอง และเริ่มเห็นจริงตามพี่ชายพูด หากด้วย
ความกลัวเสียหน้า ก็ยังดันทุรังไป
“มันอาจจะเล่นละครก็ได้ ทำเป็นไม่อยากจะจับมือ ไม่อยากนั่งตัก แต่จริงๆระริกระรี้จนตัวสั่น”
“หนูเล็กเค้าไม่เหมือนเรา อย่าเหมารวม”
เอื้อเหน็บน้องสาว
“นี่พี่เอื้อด่าอร หาว่าอรบ้าผู้ชายหรือไงหะ?”
“เดี๋ยวๆ พี่ไม่ได้ด่าสักคำว่า “บ้าผู้ชาย” พี่บอกแค่ว่าหนูเล็กไม่เหมือนเรา แต่เราสรุปเองว่า เรา
บ้าผู้ชาย”
“พี่เอื้อ”
อรทัยเรียกพี่ชายเสียงดัง เอื้อรีบยกมือห้าม
“อย่ามาเหวี่ยง ตอนเด็กๆพี่ยังพอจะยอม แต่ตอนนี้โตๆกันแล้ว ถ้าคุยกันด้วยอารมณ์อย่าคุยกัน
ดีกว่า”
อรทัยอึ้งโกรธจนตัวสั่น อยากจะกรีดร้อง หากก็ร้องไม่ออก
“ส่วนรูปพวกนี้ พี่ไม่อยากให้มันหลุดรอดออกไปแม้แต่เกนหลง พี่ก็ไม่อยากให้เห็น”
เอื้อดักคออย่างรู้ทัน จนอรทัยสะอึก
“ถ้าไม่เชื่อ พี่จะบอกเขมชาติว่าเราส่งคนแอบสะกดรอยตาม คิดเอาเองแล้วกันว่าเขาจะรู้สึก
ยังไง”
“อ๊าย อรกับพี่อัมพยายามเตือนแล้วนะ พี่เอื้อไม่ฟังเอง คอยดู สักวันพี่จะต้องเสียใจเพราะมัน”
อรทัยทิ้งท้ายอย่างกราดเกรี้ยว แล้วก็เดินกระแทกส้นออกไป เอื้อได้แต่ส่ายหน้า คล้อยหลังอรทัย ที่ออกไปแล้ว เอื้อก็หันมาดูรูปเขมชาติกับสุริยงอีกครั้ง
แม้จะทำเป็นไม่แคร์ แต่เมื่ออยู่คนเดียว แววตาของเอื้อก็แสดงความหวั่นไหวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขมชาตินั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของอาทิตย์ “อาทิตย์คอนสตรัคชั่น” มีภาพอาทิตย์ตอนยังทำธุรกิจ พร้อมหัวข้อข่าว
“อสังหาซบ ผู้ลงทุนขนาดกลางทรุด”
“พิษเศรษฐกิจอาทิตย์คอนสตรัตชั่นล้มทั้งยืน”
เขมชาติอ่านหน้าเครียด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขมชาติหันไปดูเห็นชื่อเกนหลง เขมชาติหลับตาแล้วรีบปรับอารมณ์ ตัดความแค้นออก ก่อนจะกดรับสายด้วยน้ำเสียงร่าเริงขึ้น
“สวัสดีครับคุณเกน กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย”
เกนหลงในชุดราตรีสวย ตอบกลับมานิ่มๆ
“เกนก็คิดถึงคุณค่ะ คิดถึงตั้งแต่ยังไม่หิว จนตอนนี้หิวมาก”
เขมชาติทำหน้างง
“อ้าว หิวแล้วทำไมไม่ทาน”
พลันก็นึกได้ แล้วรีบลุกพรวดขึ้น
“แย่แล้ว ผมลืมนัด คุณเกนผมขอโทษ พอดีมีเรื่องด่วนเข้ามาก็เลยลืมไปเลย”
เขมชาติพูดไป พลางเดินไป แล้วก็แต่งตัวอย่างรีบเร่ง
“คุณเกนอย่าเพิ่งโกรธนะครับ ผมขอโทษ แต่เมื่อเช้าผมจองโต๊ะ จองร้านเอาไว้แล้ว คุณเกนอย่า
เปลี่ยนใจนะครั ผมจะรีบออกไปรับเดี๋ยวนี้”
เกนหลงส่ายหน้านิดๆ ไม่หงุดหงิด แต่แอบดุ
“ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ”
เขมชาติหน้าเสีย เกนหลงตอบกลับมาทางปลายสาย
“เดี๋ยวเกนให้คนขับรถไปส่งที่ร้าน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
เขมชาติถอนหายใจอย่างโล่งอก
“โอเคครับ ได้เลยครับ ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย เจอกันครับ”
เขมชาติรีบวางสายแล้วก็วิ่งถอดเสื้อออก หยิบเสื้ออีกตัว พร้อมกับสูทแล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย
เกนหลงเดินเข้ามาในร้านอาหาร ที่จัดแต่งในบรรยากาศหรูหรา ดูมีรสนิยม และสวยงาม พนักงานชาย รีบเดินเข้ามาต้อนรับ
“คุณเขมชาติรออยู่ทางนี้ครับ”
พลางเดินนำเกนหลงมาถึงมุมสวยงามของร้าน มองลงไปเห็นกรุงเทพ เกนหลงมองวิวแล้วก็ยิ้มพอใจ ทันใดนั้นก็มีเค้กก้อนเล็กๆยื่นเข้ามา หน้าเค้กเขียนว่า “I’m sorry”
“ผมขอเขาแต่งหน้าเค้กเองเลยนะ”
และเมื่อเกนหลงหันมา เขมชาติก็รีบสารภาพเสียงอ่อย
“ผมขอโทษ”
เกนหลง รับเค้กมาดู “เขียนแค่นี้เอง ทำมาเป็นคุย เกนยกโทษให้ก็ได้ เพราะตอนนี้หิวมาก
ขอทานก่อนนะคะ เรื่องโกรธเอาไว้ทีหลัง”
เขมชาติยิ้มกว้างโล่งอก รีบกุลีกุจอพามาที่โต๊ะ
“ได้เลยครับ ผมสั่งอาหารไว้ให้แล้ว รับรองว่าถูกใจแน่นอน”
เขมชาติ เลื่อนเก้าอี้ให้เกนหลง ก่อนที่ตัวเองจะนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน และเมื่ออาหารถูก
ลำเลียงมาเสิร์ฟ เกนหลงก็ลงมือรับประทานทันที ด้วยความหิว เขมชาติมองความเป็นธรรมชาติของเกนหลง
พลางก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
เมื่ออิ่มจากอาหารหลัก ขนมเค้กของเขมชาติ ก็ถูกนำมาจัดวางอยู่กลางโต๊ะ สองคนเริ่มมาดื่มชาเบาๆ หลังอาหาร
“คืนนี้เกนอยู่ดึกมากไม่ได้นะคะ เพราะพรุ่งนี้ต้องเริ่มทำงานกับคุณเป็นวันแรก. ลืมอีกหรือเปล่า?”
เขมชาติรีบบอก
“ไม่ลืมครับ จำได้แม่นมาก และผมก็เตรียมทุกอย่างไว้อย่างดี”
เขมชาติอวด
“ไม่ต้องดีมากก็ได้นะคะ เกนไปทำแค่วันเดียว คุณอาจจะอยากไล่ออกก็ได้
“ผมหาเหตุผลที่จะไล่คุณออกไม่ได้แน่นอน”
“มีสิคะ เกนเป็นคนทำงานช้านะคะ คิดแล้วคิดอีก คุณอาจจจะรำคาญ”
เขมชาติยิ้ม
“ช้าสิดี จะได้ช่วยรั้งผมไว้ ผมเป็นคนใจร้อน”
“ถ้าอยากได้คนรั้ง ต้องคุณสุเลยค่ะ รายนั้นทั้งหนักแน่น ทั้งเยือกเย็น”
เขมชาติสะอึก อารมณ์กรุ่นๆจากเรื่องที่เพิ่งได้ยินจากอัมพิกาวูบกลับมา
“อย่าเอาตัวคุณไปเทียบกับเขา แม้แต่ปลายก้อยของคุณ เขาก็เทียบไม่ได้”
“เขมก็พูดเกินไป เกนไม่ได้ดีกว่าคุณสุสักหน่อย”
สีหน้าของเกนหลง บ่งบอกว่าหมายความตามที่พูดจริงๆ
“ถึงคุณจะถ่อมตัว แต่ความจริงก็คือความจริง ผมผ่านอะไรมามาก ผมรู้ว่าเพชรกับพลอยมัน
ต่างกันยังไง ผมไม่โง่อีกต่อไป”
“ไม่โง่อีกต่อไป แสดงว่า เคยโง่มาก่อน”
เกนหลงย้อนถาม
“ใช่ ทั้งโง่ ทั้งงมงาย ดูคนไม่ออก โดนหลอกจนต้องเจ็บเกือบตาย แต่ผมตั้งใจไว้ว่าจะใช้
บทเรียนที่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด”
เกนหลงมองเขมชาติ และสัมผัสได้ถึงความเจ็บกับบางสิ่ง
“คุณเขมคะ ไม่มีใครหรอกนะคะที่จะไม่เคยโง่ แล้วก็ไม่มีใครที่จะสมหวังไปทุกอย่าง คนเรามี
ความหวังตั้งมากมาย มันก็ต้องมีทั้งสมหวังและผิดหวัง บทเรียนแต่ละบทที่เราได้รับเป็นสิ่งที่เราซื้อไม่ได้ จ้างใคร
มาสอนก็ไม่ได้ เราต้องเจอเอง ต้องเจ็บเอง ถึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง”
เขมชาติฟังแล้วก็คิดตาม
“ใช่ ต้องเจอเอง ต้องเจ็บเอง ถึงจะรู้ ความเจ็บนั้นมันเป็นยังไง”
เขมชาติคิดกับตัวเอง แววตาแข็งขึ้นเล็กน้อย เหม่อมองวิวกรุงเทพเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด เกนหลงมองเขมชาติ และในวูบนั้น เธอเห็นความเศร้าในแววตาชัดเจน เกนหลงสงสัย หากก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้กับตัวเอง
จบตอนที่ 8