xs
xsm
sm
md
lg

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 8

สำนักงานตำรวจ...มาซารุจ้องฮารุเขม็ง คาดคั้นถาม

“โอะนิซึกะถูกทำร้ายในถิ่นมิอุระ แต่คุณจะปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง”
ฮารุตอบอย่างเบื่อหน่ายและหงุดหงิด
“ไนท์คลับมิอุระไม่ใช่เขตหวงห้าม ใครๆ ก็เข้าออกก็ได้ทั้งนั้น”
“แก้ตัวได้ดี” เคนจ้องหน้า พูดกวนๆ
“ผมไม่จำเป็นต้องยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำ” ฮารุเสียงแข็ง
“ตามรูปคดี...เหมือนเป็นการล้างแค้นส่วนตัว” เคนบอก
“ผมเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่อันธพาล” ฮารุหันไปหามาซารุ “ผมขอตัวก่อนนะ...เพราะถ้า
ตำรวจมีหลักฐานว่าผมทำผิดป่านนี้ผมคงอยู่ในห้องขังแล้ว”
ฮารุลุกขึ้นอย่างไม่เกรงใจมาซารุ กำลังจะกลับ
“ให้ความร่วมมือได้แค่นี้ หวังว่าตำรวจจะจับตัวคนร้ายตัวจริงได้ซะที”
ฮารุกับมาซารุจ้องหน้ากันเขม็ง ไม่ยอมซึ่งกันและกัน

ฮารุเดินมาตามทาง ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ชุนที่เดินมาด้วยชวนคุย
“โชคดีนะครับที่ตำรวจไม่มีหลักฐานทำอะไรเรา”
“ตราบใดที่เรายังไม่ล้ม...มาซารุก็จะหาทางเล่นงานเราอีกจนได้”
ฮารุชะงัก หยุดเดินเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จนชุนต้องหยุดเดินไปด้วย
“มีอะไรเหรอครับ”
“คนของเราเสียชีวิตในถิ่นโอะนิซึกะ...โอะนิซึกะก็ถูกทำร้ายในถิ่นเรา”
“ตำรวจมุ่งประเด็นแก้แค้นมาที่มิอุระกับโอะนิซึกะ แกคิดว่าใครจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้”
ชุนครุ่นคิด นึกขึ้นได้
“มิซาว่าบุกถล่มโอะนิซึกะเพื่อโยนความผิดให้เรา”
“นิสัยลอบกัด มีแต่อันธพาลไร้เกียรติอย่างไอ้ทาคาโอะที่กล้าทำ ไม่มีโอะนิซึกะกับมิอุระ...มิซาว่าก็จะครอบครองธุรกิจทั้งหมดในเมืองนี้”
ฮารุแค้น ขบกรามแน่นจนสันนูน แค้นมาก

ในห้องป้ายบรรพบุรุษโอะนิซึกะ...โคจินั่งนิ่งขรึมอยู่บนเบาะ มายูมิเปิดประตูเดินเข้ามานั่งบนเบาะข้างโคจิ สีหน้าหม่นเศร้า
“ฟุมิโกะบอกว่าอาโคจิมีเรื่องจะคุยกับฉัน”
โคจิมองดาบประจำตระกูล ที่วางเรียงกันอยู่ตรงหน้าป้ายบรรพบุรุษ พูดโดยไม่มองมายูมิ
“โอะนิซึกะ...คือสายเลือดนักรบซามูไรที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เกียรติและศักดิ์ศรีของเราได้มาจากเลือดที่เหล่านักรบพร้อมสละชีวิต เพื่อปกป้องเมืองนี้จากอำนาจชั่ว”
“การตายเยี่ยงวีรบุรุษในการต่อสู้ เป็นจุดหมายอันทรงเกียรติของนักรบ” มายูมิเปรยออกมา พอรู้มาบ้าง
“หน้าที่ของนายหญิงแห่งโอะนิซึกะก็มีเกียรติไม่แพ้กัน”
มายูมิชำเลืองมองโคจิ ไม่เข้าใจ
“เวลาที่โซเรียวออกไปจัดการอันธพาลข้างนอก นายหญิงของบ้านจะต้องเข้มแข็งเช่นเดียวกับนักรบ เพื่อปกป้องคนในครอบครัวและรักษาเกียรติยศของตระกูลแทนสามี”
“เข้มแข็งแต่โดดเดี่ยว...เพราะไม่รู้ว่าสามีจะมีชีวิตรอดกลับมารึเปล่า อย่างนั้นใช่มั้ยคะ”
มายูมิแววตาหม่นเศร้า ทั้งที่พยายามทำตัวเข้มแข็ง
“ทุกชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว...ไม่ว่าคุณมายูมิจะรู้สึกยังไง นายหญิงแห่งโอะนิซึกะก็ต้องแข็งแกร่ง เพื่อยืนเคียงข้างโซเรียวให้ได้”
โคจิหันมาสบตามายูมิ หน้าตาจริงจัง มายูมินิ่ง ไม่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่นั้น

ในห้องพัก...จุนโกะหยิบถ้วยน้ำชามาจิบ หันไปหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน แล้วตกใจ
“โอนิซึกะโซเรียวถูกยิง ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อาการปางตาย”
จุนโกะลดหนังสือพิมพ์ลง ครุ่นคิดด้วยความเป็นห่วงริว เพราะอย่างน้อยเขาก็เคยช่วยเหลือเธอมาก่อน

จุนโกะเดินมาที่ทางเดินในโรงพยาบาล เข้าไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลด้านหนึ่ง กำลังจะถามถึงริว แต่เห็นพยาบาลยังต้อนรับคนอีกคน จุนโกะจึงยืนรีๆ รอๆ อยู่...อาคิโกะถือตะกร้าผลไม้ และกล่องขนมหลายกล่องอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล เธออยู่ในชุดเรียบหรู สวมแว่นอำพราง เพื่อให้ไม่สะดุดสายตาคนทั่วไป
“คุณริว โอะนิซึกะ พักรักษาตัวอยู่ห้องไหนคะ”
“ญาติคนไข้ไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลของคนไข้ในโรงพยาบาล ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
จุนโกะชะงักไปนิดหนึ่ง ตัดสินใจเดินออกไปเพราะรู้สึกว่ายังไม่เหมาะที่จะไปเยี่ยมตอนนี้ อาคิโกะทำเป็นโอดครวญกับพยาบาล
“แล้วฉันจะเอาของเยี่ยมไปให้ริวยังไง”
อาคิโกะหันไปมองพยาบาลอย่างนึกขึ้นได้
“คุณพยาบาลช่วยฉันหน่อยได้มั้ยคะ”

น้ำเสียงอาคิโกะอ้อนวอน ขอร้อง พยาบาลทั้งสองหันมองกัน สองจิตสองใจ

หน้าห้องพักฟื้นริว...คัตสึกับเซกิ รับตะกร้าผลไม้และกล่องขนมมาจากพยาบาล
ทั้งสองยืนห่างจากประตูหน้าห้องพักฟื้นริวออกไปเล็กน้อย
“ของเยี่ยมจากใครครับ” คัตสึถามอย่างสงสัย
“มีคนเอามาฝากแล้วก็รีบไป ฉันไม่ทันถามชื่อค่ะ”
เซกิหันมาบอกคัตสึ
“ตรวจให้ละเอียด...เพื่อความปลอดภัยของโซเรียว”
คัตสึพยักหน้ารับรู้ แล้วช่วยเซกิตรวจผลไม้ ตะกร้า เปิดกล่องขนม ที่พยาบาลเอามาให้ อาคิโกะยืนอยู่มุมหนึ่ง แอบมองคัตสึกับเซกิ ที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจของเยี่ยมอยู่ พอสบโอกาส เธอจึงรีบเดินปรี่ไปยังประตูห้องพักฟื้นริวอย่างรวดเร็ว และเงียบมาก จังหวะที่อาคิโกะยื่นมือจะไปเปิดประตูห้องพักริว มือใครคนหนึ่งคว้าหมับที่ข้อมือ อาคิโกะชะงัก เงยหน้าขึ้นมองตกใจ

ไทชิพาตัวอาคิโกะออกมายืนหลบอยู่มุมหนึ่ง อาคิโกะฮึดฮัด ต่อว่าไทชิอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเธอต้องคอยขัดขวางไม่ให้ฉันเจอริว”
“ฉันขัดขวางทุกคนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากท่านโคจิ”
“เธอเคยสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน”
ไทชิ นึกถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก ที่เขาปลอบใจอาคิโกะ
“ไม่เป็นไรนะ...ฉันจะเป็นเพื่อนเล่นกับเธอแทนนกตัวนั้น”
“ไทชิไม่ใช่นก ไม่อยู่ในกรง บินไม่ได้”
“แต่ฉันยอมทำทุกอย่างได้เพื่ออาคิโกะ”

ไทชินิ่ง จำได้ไม่เคยลืม อาคิโกะย้ำ
“ถ้าเธอทำทุกอย่างได้เพื่อฉัน...เธอก็ต้องเปิดทางให้ฉันไปเจอริว”
“มิตรภาพกับการทำตามหน้าที่ มันคนละเรื่องกัน อย่าเอาน้ำใจที่ฉันมีต่อเธอมาบีบบังคับ”
ไทชิหันไปเห็นมายูมิกับนานะเดินมาหยุดคุยกันอยู่หน้าห้องพักฟื้นริว จึงรีบผละจากอาคิโกะเข้าไปสมทบคัตสึกับเซกิ โค้งตัวเคารพมายูมิ อาคิโกะเห็นไทชิเปิดประตูให้มายูมิเข้าไปในห้องอย่างนอบน้อม เธอมองตามด้วยความแค้นคุกรุ่น
“มายูมิ...นังมารหัวใจ”
“รักคือการให้ แต่บางครั้ง...อาจต้องแย่งชิง”
อาคิโกะหันขวับ แปลกใจที่เห็นยูจิยืนอยู่ข้างหลังแล้ว
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นานพอที่จะรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับริวโอะนิซึกะ”
อาคิโกะเชิดหน้า มองยูจิด้วยสายตาประเมิน

ห้องพักในอพาร์ทเม้นท์หรู...อาคิโกะพายูจิเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ทันสมัย ยูจิกวาดสายตามองการตกแต่งในห้องเหมือนชื่นชม แต่ความจริงแอบสำรวจระวังตัว
“อพาร์ทเม้นท์นี้เป็นของตระกูลโอะนิซึกะ...ริวยกให้ครอบครัวฉันหนึ่งห้อง ถือเป็นโบนัสจากบริษัทที่พ่อฉันช่วยดูแลอยู่”
ยูจิเดินไปโดยรอบห้อง ส่งสายตามองไปรอบๆ อาคิโกะนิ่งมองท่าทางของยูจิอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“คราวก่อนคุณมาหาฉัน เพื่อขอให้ฉันช่วยส่งข่าวเรื่องริวให้คุณทราบ...พูดมาตามตรง คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ต้องการให้เราสองคนสมหวัง” ยูจิยิ้มเย็น มีมาด
“สมหวัง” อาคิโกะชะงัก
“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับริว...ถ้าคุณมีโอกาสทำให้ริวรัก ผมก็จะกำจัดศัตรูหัวใจได้โดยไม่ต้องออกแรง”
อาคิโกะเพิ่งเข้าใจ
“ผู้กองชอบคุณหมอมายูมิ”
“ร่วมมือกัน...แล้วเราจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ”
ยูจิเดินมาหยุดที่เคาน์เตอร์ที่มีไวน์วางอยู่ ถือวิสาสะเปิดตู้หยิบแก้วไวน์มาสองแก้ว เปิดไวน์แล้วรินลงลงในแก้วทั้งสอง ยกไวน์แก้วหนึ่งส่งให้อาคิโกะ แล้วยกแก้วไวน์อีกแก้วไปชนแก้วของเธอเบา ๆ อาคิโกะมองแก้วไวน์ในมืออย่างลังเล

ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล...ริวนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง มายูมิตรวจวัดความดันให้ด้วยตัวเอง มีพยาบาลคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ มายูมิวางที่วัดความดัน และหยิบชาร์ทขึ้นมาจดอาการของเขา ก่อนจะหันไปกำชับพยาบาล
“ความดันต่ำเล็กน้อย...แจ้งฝ่ายโภชนาการเพิ่มโปรตีนในอาหารเหลวให้คุณริว 25 เปอร์เซ็นต์”
“ค่ะคุณหมอ”
พยาบาลจดคำสั่งมายูมิลงในแฟ้มเอกสารอย่างละเอียด มายูมิเห็นพยาบาลอีกคนกำลังเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้ริว เธอจึงรีบเข้าไปทำแทน
“ฉันจัดการให้เอง”
พยาบาลงง ๆ แต่ก็ยอมปล่อยให้มายูมิเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้ริวด้วยตัวเอง พยาบาล เหลียวมองนาฬิกาติดผนังในห้อง จึงเตือนมายูมิ
“อีก 10 นาที ต้องพลิกตัวให้คุณริวเปลี่ยนท่านอนเพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับค่ะ”
“เดี๋ยวฉันทำเอง เธอสองคนไปดูแลคนไข้ห้องอื่นเถอะ”

พยาบาลทั้งสองลังเล แต่สุดท้ายก็รับคำแล้วเลี่ยงออกไป ปล่อยให้มายูมิดูแลริวอยู่ในห้องคนเดียว

หน้าห้องพักฟื้นยามเย็น...ไทชิรายงานอาการของริวให้โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ ทราบ
 
“อาการโซเรียวยังทรงตัวครับ คุณมายูมิคอยเปลี่ยนน้ำเกลือ พลิกตัวเช็ดตัว และดูแลโซเรียวด้วยตัวเอง”
โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ หน้าเคร่งเครียด ฟังไทชิ
“คุณมายูมิคงเป็นห่วงโซเรียวมาก” คาซูมะถามเสียงเครียด
“ว่างจากงานเมื่อไหร่ คุณมายูมิจะรีบมาเฝ้าโซเรียวทันทีเลยครับ” คัตสึบอก
“ความรัก...สร้างสุขและทุกข์ได้อย่างน่าอัศจรรย์” มาซาโตะถอนใจ สงสารมายูมิ
โคจิกำชับไทชิ คัตสึ เซกิ
“คุ้มกันโซเรียวให้ดี คอยดูแลคุณมายูมิด้วย”
“ครับ” ทั้งสามรับคำหนักแน่น
โคจิมองเข้าไปในห้อง เป็นห่วงทั้งริวและมายูมิ

มายูมิเปิดเสื้อริวออก แล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำ บิดหมาด แล้วเช็ดตัวให้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดไล่ตั้งแต่ต้นคอ เรื่อยลงมายังหน้าอกของเขาอย่างแผ่วเบา มือมาหยุดอยู่บนหน้าอกด้านซ้ายของเขา ทำให้เธอนิ่งไปพักหนึ่ง
“หัวใจคุณเต้นแรงเหมือนหัวใจฉัน...ได้ยินเสียงหัวใจของเรามั้ยคะริว”
มายูมิเช็ดวนที่หน้าอกของเขาอย่างนุ่มนวล
“ฉันอยากเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง นิทานของฉันกับคุณ...”
มายูมิยิ้มชื่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเล่าให้เขาฟัง

สวนสวยบริเวณบ้านโอะนิซึกะในอดีต...มายูมิวัย 8 ขวบเดินเข้าไปในสวน ชมดอกไม้และบรรยากาศสดชื่นอย่างเพลิดเพลิน ริววัย 12 ปีใส่หน้ากากยักษ์โบราณแบบญี่ปุ่นกระโดดออกมาดักหน้า
“แฮ่...”
“ว๊าย...”
มายูมิตกใจ ประเคนหมัดทั้งสองไล่ทุบริวอั่ก ๆ
“ออกไปนะไอ้ยักษ์บ้า อย่ามายุ่งกับฉัน”
ริววิ่งหลบไปมา หลบได้บ้าง โดนทุบบ้าง วิ่งหนีไปรอบ ๆ สวน
“โอ๊ย...นี่คน เจ็บ ไม่ใช่ยักษ์”
“สมน้ำหน้า อยากแกล้งฉันดีนัก”
มายูมิเงื้อหมัดจะทุบอีก ริวหมุนตัวหลบ แล้วคว้าข้อมือเธอล็อคไว้
“เธอเดินเข้ามาในบ้านโอะนิซึกะเอง”
“ถ้าพ่อไม่แวะมาคุยธุระกับลุงอิจิโร่ ฉันก็ไม่อยากมาหรอก...ปล่อยนะ”
เสียงทากาฮาชิดังขึ้น
“มายูมิ”
ทากาฮาชิกับอิจิโร่เข้ามา มายูมิสะบัดมือหลุดจากริว แล้วรีบวิ่งไปหาทากาฮาชิ อิจิโร่จ้องริวด้วยสายตาดุ เคร่งขรึม
“ริว...สุภาพบุรุษต้องไม่รังแกผู้หญิง ขอโทษหนูมายูมิซะ”
“ครับคุณลุง”
ริวหันไปหามายูมิ แล้วก้มศีรษะขอโทษมายูมิอย่างเลี่ยงไม่ได้ยังใส่หน้ากากเหมือนเดิม
“ผมขอโทษ”
มายูมิจ้องมองริว งอน ๆ ไม่พอใจ

ในห้องพักฟื้นริวปัจจุบัน...มายูมิอมยิ้มของริวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“ฉันแค้นนายหน้ากากยักษ์จอมเกเรคนนั้นแค้นทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าตา จนวันที่พ่อบอกว่าจะให้ฉันหมั้นกับริว โอะนิซึกะ ภาพนายหน้ากากยักษ์จอมเกเรก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง”
มายูมิจับมือริวขึ้นมากุมไว้ ยิ้มชื่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอเคยมีร่วมกับริว

“คุณจำวันที่เราเจอหน้ากันครั้งแรกได้มั้ยคะ”

ในอดีต...มายูมิเจอริวแอบเข้ามาหลบในห้องน้ำหญิง
 
“แก...ไอ้โรคจิต”
มายูมิเล่นงานริวในห้องน้ำหญิง
“ไอ้บ้ากาม ไอ้วิปริต”
มายูมิตามมาเล่นงานริวข้างหลังโรงแรม
“แกตาย”
มายูมิกระโดดคร่อมตัวริวอย่างลืมตัว หวังจะล็อคไว้ให้อยู่
“โอว...พระเจ้าช่วยคนสวยทับ จุ๊บ ๆ”
เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้น มายูมิหลุดขำออกมาเบา ๆ อย่างอดไม่ได้
“ความกะล่อนของคุณ ทำให้ฉันอารมณ์ร้อนจนควบคุมสติไม่อยู่ ฉันเคยเข้าใจว่านั่นคือความโกรธ แต่วันนี้...ฉันรู้แล้วว่าอารมณ์ร้อนเหล่านั้น...คืออานุภาพของความรัก”
มายูมิดึงมือริวมาแนบแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา อบอุ่น
“ฉันนึกถึงบทกลอนใต้ต้นซากุระของคุณ นึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมายังบทกลอนนั้น...”
มายูมินึกถึงเหตุการณ์ที่ริวรับดอกซากุระจากมือเธอรีบยกขึ้นจรดจมูก สูดกลิ่นหอมของดอกซากุระ ชื่นชมเป็นบทกลอน
“ซากุระแย้มสะพรั่ง
ดุจดังตะวันฉายฉาน
หัวใจนักรบผลิบาน
จำนรรค์กลิ่นกรุ่นดรุณี...”
ริวจ้องหน้ามายูมิ
“ไม่มีดอกไม้ใด หอมเท่าดอกไม้ที่ถูกคุณสัมผัสเลย...มายูมิ”
มายูมิยังคงซบแก้มแนบมือของริว นึกถึงวันคืนที่มีความสุขร่วมกับเขา
“คุณบอกว่า...ไม่มีดอกไม้ใดหอมเท่าดอกไม้ที่ฉันสัมผัส ตอนนี้ฉันกำลังสัมผัสคุณ...คุณตื่นเสียทีสิคะริว”
ริวยังคงนอนนิ่ง ไม่รู้สึกตัว ไม่มีอาการตอบสนอง มายูมิเศร้ารอคอย

ทางเดินในโรงพยาบาลยามค่ำคืน...นานะเดินตามมายูมิพยายามเข้ามาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“เธอทำงานสลับกับเฝ้าคุณริวทั้งวัน ทั้งคืน ไม่ได้นะมายูมิ”
“ฉันไม่เคยเอาเวลางานไปทำเรื่องส่วนตัว”
“ฉันเป็นห่วงเรื่องที่เธอแทบไม่ได้พักผ่อนต่างหาก ใจเธอคิดว่าไหว...แต่ร่างกายคนเราไม่ใช่เครื่องจักร”
มายูมินิ่งไป เข้าใจความเป็นห่วงของนานะ
“รักษาสุขภาพบ้างนะมายูมิ...ถ้าเธอล้มป่วยไปอีกคนใครจะดูแลคุณริว”
“ฉันอยากให้ริวฟื้นขึ้นมาเห็นฉันเป็นคนแรก ฉันจะต้องไม่เป็นไร ขอบคุณที่เป็นห่วงฉันนะนานะ”
มายูมิยืนยัน เสียงแข็ง นานะเหนื่อยใจ

ห้องทำงานมาซารุวันใหม่...ยามาโมโต้นั่งอยู่ตรงโซฟารับรอง มาซารุกับเคนยืนห่างออกไปอย่างเกรง ๆ ขณะรายงานความคืบหน้า
“ไอ้ริวมันกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้วครับ”
ยามาโมโต้แววตาเหี้ยม
“ถ้ายังมีลมหายใจก็มีโอกาสรอด ถึงมันจะกลายเป็นผักก็ต้องสับให้เละ”
“ผู้กองยูจิกำลังหาทางอยู่ครับ” เคนรีบบอก
ยามาโมโต้พอใจ
“กำจัดริวได้แล้ว ก็รีบจัดการสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะกับ ฮารุ มิอุระให้สิ้นซาก...เราจะใช้มิซาว่าเป็นฉากหน้าเพื่อครอบครองเมืองนี้”
มาซารุชะงักนิดหนึ่ง ไม่ค่อยเห็นด้วย
“ผมเกรงว่าทาคาโอะจะเหิมเกริมเกินกว่าที่เราจะควบคุมได้”
“คนทรยศ...คือคนที่หมดประโยชน์” ยามาโมโต้แววตาเหี้ยมเกรียมมองมาซารุ “เมื่อไหร่ที่ไอ้ทาคาโอะทรยศ รู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”

ฮิโระกับลูกน้องตำรวจคนหนึ่ง ช่วยกันหอบแฟ้มเอกสารเดินคุยมาด้วยกัน ฮิโระหันไปเห็นมาซารุกับเคนกำลังโค้งตัวคำนับยามาโมโต้หน้าห้องอย่างนอบน้อม จึงหยุดหลบมองอยู่มุมหนึ่ง ตำรวจลูกน้องต้องหยุดด้วยอย่างงง ๆ ฮิโระเห็นยามาโมโต้แตะไหล่มาซารุอย่างกันเอง เดินคุยไปด้วยกันโดยมีเคนและการ์ดของยามาโมโต้ตามไป ฮิโระมองตามด้วยความแปลกใจ
“ท่านมาซารุกับท่านยามาโมโต้ดูสนิทสนมกันมาก”
“มีข่าวลือว่าท่านมาซารุเป็นญาติกับภรรยาลับคนนึงของท่านยามาโมโต้”

ฮิโระรู้สึกเอะใจ สงสัย

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 8 (ต่อ)

ฮิโระแอบย่องเข้ามาในห้องทำงานมาซารุ แล้วรีบปิดประตู กันคนอื่นผ่านมาเห็น
ฮิโระตรงมายังโต๊ะทำงานของมาซารุ เปิดลิ้นชักค้นหาอะไรบางอย่าง เขานึกถึงคำพูดของตำรวจที่บอกกับเขา
“ท่านมาซารุจะไปดื่มน้ำชาที่บ้านท่านยามาโมโต้นาน ๆ ครั้ง แต่ช่วงนี้รู้สึกจะไปบ่อยกว่าปกติ”
ฮิโระไล่อ่านเอกสารในลิ้นชัก จนเจอแฟ้มเอกสารสีดำซุกซ่อนอยู่ด้านล่างสุด เขาดึงแฟ้มเอกสารสีดำออกมาเปิดอ่านด้วยความสงสัย แล้วอึ้งไปอย่างไม่คาดคิด

โถงบ้านโอะนิซึกะ...ฮิโระวางแฟ้มเอกสารสีดำไว้ตรงหน้าโคจิ คาซูมะ มาซาโตะ
“พวกคุณคงสนใจ”
ทั้งสามแปลกใจ มาซาโตะหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่าน ไม่คาดคิด
“หลักฐานทางการเงินที่ยามาโมโต้โอนให้มาซารุ”
คาซูมะรับแฟ้มจากมาซาโตะมาอ่านตกใจ
“ทำไมยามาโมโต้ถึงโอนเงินให้มาซารุหลายครั้ง”
“ยามาโมโต้เคยโดนฟ้องในคดีพัวพันสิ่งผิดกฎหมายกับมิซาว่าและซะโต้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่คดีกลับถูกยกฟ้อง ...เพราะอย่างนี้นี่เอง...มันมีอำนาจสั่งการตำรวจ” โคจิแทรกขึ้น
“หลังจากท่านโอะซะมุถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิต ท่านมาซารุก็เข้ามารับตำแหน่งแทนโดยการสนับสนุนของยามาโมโต้” ฮิโระเสริม
“ถ้ามาซารุยอมให้เศษเงินของคนชั่วซื้อเกียรติและศักดิ์ศรี จนมองไม่เห็นหายนะของบ้านเมือง โอะนิซึกะคงต้องรับศึกหนักอีกแล้ว” โคจิครุ่นคิด
ทุกคนหน้าเคร่งเครียด

หน้าห้องพักฟื้นริวในโรงพยาบาล...เสียงดนตรีโคโตะดังขึ้นเป็นจังหวะเพลงรักหวาน ๆ ไพเราะมาก ไทชิ คัตสึ เซกิ ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง หันมองตามเสียงดนตรีที่ดังแว่วออกมาจากห้องพักริวเคลิ้มไปกับเสียงดนตรี นานะเดินมาถึง แปลกใจที่ได้ยินเสียง
ในห้องพักฟื้น มายูมิกำลังบรรเลงโคโตะอย่างใช้สมาธิ อยู่ข้าง ๆ เตียงริว เธอเล่นโคโตะ สลับกับชำเลืองมองริวที่นอนอยู่นิ่ง มายูมิยิ้มให้กำลังใจตัวเอง...ใบหน้าริว หนังตากระตุกนิดหนึ่ง เหมือนมีอาการตอบสนองเกิดขึ้น มายูมิไม่ทันเห็น มายูมิบรรเลงโคโตะ และเฝ้ามองปฏิกิริยาตอบสนองของเขาอย่างมีหวัง รอคอยให้ฟื้น แต่ริวยังนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว จนเธอบรรเลงโคโตะจบเพลง มายูมิลุกขึ้นมาหาริวข้างเตียง ยิ้มเศร้า
“ฉันอยากให้เสียงเพลงนำทางคุณกลับมา...กลับมาหาฉันนะคะริว” มายูมิพูดเสียงแผ่ว “ฉันรักคุณนะคะริว”
มายูมิทรุดตัวลงกอดเขาน้ำตาไหล น้ำตาของเธอหยดลงบนมือขวาของเขาจู่ ๆ มือริวก็เริ่มขยับ มายูมิเห็นมือขยับได้ ทั้งตกใจและดีใจมาก
“ริว”
ริวค่อย ๆ สะลึมสะลือลืมตาเป็นครั้งแรก หลังจากที่ไม่ได้สติไปหลายวัน
“คุณฟื้นแล้ว...คุณกลับมาหาฉันแล้ว...”
มายูมิโผกอดด้วยความตื่นเต้น น้ำตาไหลด้วยความดีใจ ริวงง ๆ มองมายูมิเหมือนคนแปลกหน้า จำไม่ได้ เขาพูดออกมาเสียงแหบพร่า
“คุณเป็นใคร”
มายูมิชะงัก มองหน้าริวอึ้ง ๆ
“คุณจำฉันไม่ได้เหรอคะ...ฉันมายูมิไงคะ”
“มายูมิ...”
ริวพยายามนึกทบทวนความทรงจำ จู่ ๆ ก็เริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมา เขาเอามือขวากุมหัวอย่างทรมาน
“โอ๊ย...”
“ริว...คุณเป็นอะไร” มายูมิตกใจ
“ปวดหัว...ปวด...อ๊าก”
ริวทุรนทุราย ร้องลั่นก่อนหมดสติไปอีกครั้ง มายูมิประคองด้วยความตกใจ

“ริว”

ในห้องฉุกเฉิน...อาจารย์ฮาร่าตรวจม่านตาทั้งสองข้างของริวอย่างเร่งรีบโดยมีมายูมิคอยเฝ้าดูอาการอยู่ด้วย
 
“อาการเลือดคั่งในสมอง ต้องรีบผ่าตัดด่วน”
“ฉันขอผ่าตัดเคสนี้ค่ะ”
“แน่ใจเหรอ...หมอมายูมิ”
“ฉันกับริวคือชีวิตเดียวกันแล้ว ริวยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องฉัน ฉันขอเป็นคนต่อชีวิตให้ริวด้วยตัวเอง...ฉันพร้อมค่ะ”
มายูมิยืนยันหนักแน่น มุ่งมั่นมาก

โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ เดินมาที่หน้าห้องผ่าตัด หน้าตาเคร่งเครียด ไทชิ คัตสึ เซกิ ก้มศีรษะทำความเคารพสามทหารเสือ แล้วเฝ้ารอการผ่าตัดด้วยความเป็นห่วง นานะมองเข้าไปในห้องทอดถอนใจ
“ชีวิตของคุณริว ขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะมายูมิ”

ริวนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ท่ามกลางอุปกรณ์การแพทย์รอบตัว มายูมิสูดลมหายใจยาว เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ก่อนหยิบหน้ากากขึ้นมาปิดปาก
หน้าห้องผ่าตัด โคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ไทชิ คัตสึ เซกิ เฝ้ารอด้วยความเป็นกังวล นานะคอยภาวนาให้การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี

มายูมิผ่าตัดริวด้วยความเคร่งเครียด พยาบาลคนหนึ่งคอยเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ พยาบาลอีกคนส่งมีดผ่าตัดอีกขนาดหนึ่งให้
หน้าห้องผ่าตัด ไทชิ คัตสึ เซกิ เริ่มเดินไปมาด้วยใจระทึก โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ นิ่งขรึมเครียดมาก
มายูมิหันไปเห็นเครื่องวัดความดันของริว แล้วตกใจ
“เลือดออกมาก...ความดันโลหิตลดลงเรื่อย ๆ” มายูมิหันไปบอกพยาบาล “ให้เลือดเพิ่มขึ้น เร่งน้ำเกลือด้วย...”

มายูมิเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าอิดโรย เอาหน้ากากที่คลุมหน้าออก ทุกคนรุมเข้าไปถามมายูมิด้วยความเป็นห่วงริว
“อาการโซเรียวเป็นยังไงบ้างครับ” โคจิถามเสียงเครียด
“ปลอดภัยแล้วค่ะ...จากนี้ก็รอแค่ให้ริวฟื้น”
“เย้...โซเรียวไม่เป็นอะไรแล้ว” คัตสึดีใจ
“คนดีผีคุ้ม ไชโย...” เซกิก็ดีใจด้วย
คัตสึกับเซกิ กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ คาซูมะโล่งใจ
“วิญญาณบรรพบุรุษโอะนิซึกะต่างหากที่คุ้มครองโซเรียว”
“ขอให้โซเรียวปลอดภัย พวกเราก็สบายใจ” มาซาโตะยิ้ม
“เธอเก่งมาก...มายูมิ”
นานะเข้าไปแตะแขนมายูมิเบา ๆ อย่างชื่นชม มายูมิเดินผละออกไปดื้อ ๆ โดยไม่พูดอะไรกับใคร ไทชิอึ้งๆ แล้วจะตาม
“คุณมายูมิ”
โคจิรีบโบกมือห้ามไม่ให้ไทชิตามไป ต้องการให้มายูมิได้คิดอะไรด้วยตัวเอง

มายูมิเดินหนีออกมาที่สวนสาธารณะของโรงพยาบาล ด้วยความเศร้า เจ็บปวด เครียด เพราะอึดอัดที่ต้องทนเข้มแข็งต่อหน้าคนอื่นมาตลอด เสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหลัง
มายูมินึกว่าเป็นนานะ พูดทั้งที่ยืนหันหลัง
“ขอฉันอยู่คนเดียวเถอะนานะ”
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ มายูมิเอะใจจึงหันไปดู พบยูจิยืนยิ้มรออยู่ ยูจิยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มายูมิ ยิ้มอบอุ่น
“สำหรับซับน้ำตาที่ไหลอยู่ข้างในใจ”
มายูมิรับผ้าเช็ดหน้ามาอึ้ง ๆ
“ไม่มีใครแข็งแกร่งได้ตลอดเวลา เมื่อถึงคราวอ่อนแอก็แค่ยอมรับ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป”
มายูมิสับสน ทำตัวไม่ถูก
“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ ผมยินดีรับความเศร้าและเจ็บปวดทั้งหมดของคุณไว้ ในฐานะ เพื่อนที่หวังดี”
“ขอบคุณมากค่ะผู้กองยูจิ ขอบคุณ”
มายูมิระบายความอึดอัดทั้งหมดออกมาเป็นน้ำตา ร้องไห้เงียบ ๆ ไม่สะอื้น ยูจิยืนอยู่เป็นเพื่อนมายูมิ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษผู้หวังดี

โถงในบ่อนมิซาว่า...ทาคาโอะตาลุกวาวเมื่อรู้เรื่องจากนาบุ
“ไอ้ยูจิไปหาผู้หญิงของริว”
“คนของเราแจ้งมา ผู้กองยูจิสนใจหมอมายูมิจริง ๆ ครับ ถ้าท่านยามาโมโต้รู้เรื่องนี้ มาซารุกับลูกชายต้องเดือดร้อนแน่”
“ปล่อยให้มันลุ่มหลงกับความรักโง่ ๆ ไปก่อน”
“ทำไมล่ะครับ” นาบุไม่เข้าใจ
“ยิ่งถลำลึก ก็ยิ่งยากจะถอนตัว เมื่อถึงวันนั้น...ไอ้ผู้กองขี้ยาจะตายน้ำตื้นเพราะผู้หญิง โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย”

ทาคาโอะยิ้มร้าย เจ้าเล่ห์

ฮารุ เดินนำลูกน้องมิอุระมาถึงหน้าห้องพักฟื้นริว ชุนถือกระเช้าดอกไม้สวยงาม ตามมายืนขนาบข้างฮารุ ไทชิ คัตสึ
 
เซกิเห็นดังนั้น จึงรีบก้าวออกไปขวาง ลูกน้องโอะนิซึกะหลายคน คอยจ้องอย่างระแวงไม่ไว้ใจพวกมิอุระ
“ท่านโคจิไม่อนุญาตให้คนนอกเยี่ยมโซเรียว” ไทชิบอกทันที
“เสียมารยาท” ชุนไม่พอใจ
“มารยาทเอาไว้ใช้กับมิตร” คัตสึโต้
“หมายความว่าพวกเราเป็นศัตรู”
“ชุน” ฮารุปราม เมื่อชุนจะเอาเรื่อง
ฮารุปราม ชุนจึงเงียบ แต่สีหน้าไม่พอใจพวกโอะนิซึกะ มายูมิกับโคจิเปิดประตูเดินออกมาจากห้องริวพอดี เห็นทั้งสองกลุ่มกำลังจ้องกันอย่างไม่พอใจ ขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง ฮารุทันเห็นร่างริวนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องแวบหนึ่ง มายูมิมองฮารุและเหล่าลูกน้องอย่างหวั่นเกรง กลัวจะมีเรื่อง
“คุณฮารุ”
ฮารุเอากระเช้าดอกไม้จากชุน ยื่นให้มายูมิรับไป
“ผมเพิ่งหาเวลาว่างได้ ขอโทษที่มาเยี่ยมช้าไปสักนิด”
“แค่มิอุระมีน้ำใจ พวกเราก็ซาบซึ้งมากค่ะ”
“ตอนนี้เรามีกฎห้ามคนนอกเข้าเยี่ยม เพื่อความปลอดภัยของโซเรียว ต้องขอโทษท่านฮารุด้วย”
“ผมเข้าใจ แค่คุณมายูมิยอมรับกระเช้าดอกไม้จากผม ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว”
ฮารุจ้องมายูมิ สายตากรุ่มกริ่ม คัตสึ เซกิ เห็นสายตาฮารุ ไม่ค่อยพอใจ

เซกิถามโคจิอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านโคจิไม่ควรยอมให้คุณมายูมิคุยกับฮารุตามลำพัง”
“เห็นสายตาฮารุก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรกับคุณมายูมิ” คัตสึเห็นด้วย
โคจิเคร่งขรึม
“เราต้องให้เกียรติมิอุระ และเชื่อมั่นในการตัดสินใจของว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะ”
“ผมเชื่อในตัวคุณมายูมิ แต่ไม่ไว้ใจฮารุ”
ไทชิเป็นห่วงมายูมิ

ริมระเบียงในโรงพยาบาล ฮารุเอ่ยปากกับมายูมิ ทันทีที่ทั้งสองแยกมาคุยกันตามลำพัง
“ช่วงนี้คุณคงเหนื่อยกับการดูแลโอะนิซึกะโซเรียวมาก”
“ฉันไม่เคยรู้สึกเหนื่อย เพราะฉันเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้ริวหายเป็นปกติ”
“คุณเป็นผู้หญิงแกร่ง ที่ยืดหยัดเป็นกำลังใจให้คนรักได้อย่างน่าชื่นชม ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ผมยินดีช่วยเต็มที่”
ฮารุยิ้มหวานให้มายูมิ แววตาเสน่หา มายูมิวางมาดนิ่ง ไม่สนใจสายตาของฮารุ
“ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีที่มิอุระ มีให้กับโอะนิซึกะ”
“มันเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ผมมีให้คุณต่างหาก”
“ฉันคงรับไว้ไม่ได้”
“แต่ผมรอได้...ถ้าอะไรเกิดขึ้น ผมพร้อมที่จะดูแลคุณเสมอ”
“ฉันเป็นหมอ...ฉันจะใช้ความรู้ทางอาชีพและหัวใจของฉันรักษาริว โอะนิซึกะโซเรียวจะต้องกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม”
มายูมิก้มศีรษะลาฮารุ แล้วเดินเชิดจากไปอย่างหยิ่งทะนง ฮารุมองตามมายูมิ ทึ่งในความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของเธอ

ชุนบ่นกับฮารุอย่างหงุดหงิด ขณะพวกมิอุระกำลังเดินทางกลับ
“พวกโอะนิซึกะแสดงท่าทางเหมือนไม่ไว้ใจเรา”

โคจิบอกไทชิ คัตสึ เซกิ ด้วยสีหน้าเครียด
“เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้โอะนิซึกะกับมิอุระไม่กล้าไว้ใจกัน”

ชุนเถียงกับฮารุอย่างไม่ยอมแพ้
“แต่พวกโอะนิซึกะฆ่าคนของมิอุระก่อน”

โคจิอธิบายกับลูกน้องอย่างทำใจ
“ไม่มีหลักฐาน...เราปรักปรำว่ามิอุระวางแผนทำร้ายโซเรียวไม่ได้”

ฮารุชะงัก หยุดเดิน ตัดบทบอกชุน
“เราไม่รู้ว่าโอะนิซึกะฆ่าคนของเรารึเปล่า แต่มิอุระไม่ได้ลอบทำร้ายโอะนิซึกะฉันถึงต้องมาที่นี่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”

ชุนไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดฮารุ แต่ไม่กล้าคัดค้าน

ค่ำคืนนั้น มายูมิปรับการหยดของน้ำเกลือ และตรวจสายน้ำเกลือ ขณะที่ริวนอนอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัว สะลึมสะลือ มายูมิตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นริวรู้สึกตัว
 
“ริว...คุณรู้สึกตัวแล้ว”
“มายูมิ” ริวเสียงพร่า
“คุณจำฉันได้...คุณไม่ลืมฉัน...” มายูมิดีใจ
ริวจะขยับแขนซ้ายพยุงตัวลุกขึ้น แต่ต้องชะงัก รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทางร่างกายด้านซ้าย เขาพยายามจะขยับแขนอย่างยากเย็น แต่ก็ขยับไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมแขนซ้ายของผมขยับไม่ได้”
มายูมิคิดถึงสิ่งที่ตัวเอง อธิบายอาการหลังผ่าตัดของริว
“สมองซีกขวาของริวเสียไปบางส่วน มีผลทำให้ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง จนสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายซีกซ้าย”
มายูมิอึกอัก ไม่กล้าบอกริว
“ริวคะ... คือ...”
ริวตกใจ ไม่เข้าใจ
“ร่างกายข้างซ้ายของผมขยับไม่ได้เลย ทำไม”
“ฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ”
“ผมเป็นอัมพาตใช่มั้ย” ริวตะคอกเสียงดัง “ใช่มั้ย”
“แค่ชั่วคราวค่ะ...เดี๋ยวก็หาย” มายูมิจำใจบอก
“ขยับตัวไม่ได้อย่างนี้ จะหายได้ยังไง”
ริวพยายามใช้แขนข้างขวายันตัวลุกขึ้นแล้วทรุดลงไป ริวไม่ยอมแพ้ พยายามยันตัวลุกขึ้นอีกอย่างยากเย็น จนเริ่มหงุดหงิด ใช้แขนขวาปัดข้าวของรอบตัวกระจัดกระจาย ยอมรับตัวเองไม่ได้ ริวตะโกนลั่น
“ทำไม...ทำไม...”
ไทชิ คัตสึ เซกิ เปิดประตูเข้ามาในห้อง เข้าไปช่วยมายูมิจับตัว ริวใช้แขนขวาผลัก ปัดตัวทุกคนออกห่าง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ใจเย็นก่อนครับโซเรียว” ไทชิพยายามบอก
“ออกไปให้หมด ออกไป”
ริวยังคงคุ้มคลั่ง อาละวาด ปัดข้าวของรอบตัวกระจัดกระจาย ด้วยความช็อกและรับไม่ได้ จนมือขวาไปฟาดโดนราวเหล็กแขวนขวดน้ำเกลือ
“อ๊าก”
ริวเจ็บมือ หมดแรง เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มายูมิน้ำตาไหล เข้าไปสวมกอดริวจากด้านหลัง สงสารริวมาก
“ตั้งสติให้ดีนะคะริว ฉันเป็นหมอ ฉันต้องรักษาคุณจนหาย คุณต้องหายค่ะ เชื่อใจฉันนะคะอะนะตะที่รักของฉัน”
ริวสงบลงไปได้เมื่อได้ยินคำที่มายูมิเรียก แต่เขายังใช้มือขวากำจิกผ้าห่มแน่นจนมือสั่น เศร้า และเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญ”
มายูมิกอดริวแน่นทั้งน้ำตา ต้องการส่งผ่านกำลังใจทั้งหมดไปถึงตัวริว

ห้องทำงานมาซารุ ในสำนักงานตำรวจ มาซารุถามยูจิด้วยความสงสัย
“เรื่องที่ให้ไปตามเก็บไอ้ริวถึงไหนแล้ว”
“อีกไม่นานเกินรอ ริวโอะนิซึกะต้องกลายเป็นศพ”
“ปากเก่งแต่ไม่เคยได้เรื่อง”
ยูจิเงยหน้าขึ้นมองมาซารุ มีแววตาไม่พอใจ
“ฉันรู้ว่าแกใช้งานเป็นข้ออ้างไปหาแม่มายูมินั่น”
“ผมต้องทำให้มายูมิไว้ใจ เพื่อเป็นทางเข้าถึงตัวไอ้ริว”
“ฉันเชื่อคนที่ผลงาน อย่าทำให้ฉันผิดหวังอีก เพราะท่านยามาโมโต้จะไม่พอใจมาก”
“ผมทราบแล้ว”
ยูจิรับคำ ด้วยใบหน้าหงุดหงิด ไม่ค่อยพอใจ

ยูจิเข้ามาในห้อง ปิดประตูเสียงดังด้วยความโมโห อาการปวดหัวกำเริบเมื่อเกิดความเครียด
เขาตรงไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชัก ค้นหาขวดยา แล้วหยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก แต่ปรากฏว่าเป็นขวดเปล่า ยาหมดแล้ว ยูจิเขวี้ยงขวดยาทิ้งอย่างหงุดหงิด อารมณ์เสียมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เครียด กดดัน สับสน คิดถึงความสุขเวลาที่ได้คุยอยู่กับมายูมิตามลำพัง ยูจิทรุดลงนั่งกับพื้น อาการปวดหัวและเครียดเริ่มทุเลาลง
“คุณทำให้โลกของผมสวยงามที่สุดคุณต้องเป็นของผมคนเดียว..มายูมิ”

เช้าวันใหม่...มายูมินั่งลงตรงเก้าอี้ทำงานของริวกอดกรอบรูปหนึ่งไว้กับตัว มองรูปของเธอในชุดเสื้อกาวน์แพทย์หญิง ในกรอบรูปที่ตั้งบนโต๊ะทำงานตรงหน้า มีรูปของเธอมากมายหลายชุด ในอิริยาบถต่าง ๆ อยู่ในกรอบอย่างดี ตั้งวางเรียงรายบนโต๊ะ มายูมิเอากรอบรูปที่กอดไว้กับตัวมาดู เป็นรูปริว
“7 ปีที่ผ่านมา คุณอยู่กับฉันตลอดเวลา ไม่เคยทิ้งฉันไปไหน”
มายูมิใช้มือเช็ดฝุ่นที่ติดอยู่บนกรอบรูปริวอย่างทะนุถนอม
“ต่อจากนี้ไป...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันสัญญาจะอยู่กับคุณตลอดชีวิต”
มายูมิวางกรอบรูปของริวไว้คู่กับรูปของเธอ ยิ้มอย่างให้กำลังใจตัวเอง เคาะประตูดังขึ้นไม่นานนัก ฟุมิโกะก็เปิดประตูเข้ามา
“มีอะไรเหรอฟุมิโกะ”
ฟุมิโกะอึกอักก่อนบอก
“คุณอาคิโกะมาขอพบคุณมายูมิค่ะ”
มายูมินิ่วหน้า สงสัยในการมาเยือนของอาคิโกะ

อาคิโกะแสร้งตีสีหน้าตกใจ ไม่คาดคิด
“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณมายูมิเป็นว่าที่คู่หมั้นของริว”
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณแต่แรก”
“เรื่องอย่างนี้มันพูดยาก ฉันเข้าใจและดีใจที่ริวได้คู่ครองที่แสนดีอย่างคุณ”
“มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”
มายูมิถามตรง ๆ สีหน้าเรียบนิ่ง อาคิโกะทำเสียงเศร้า เล่นละครใส่มายูมิ
“ตอนนี้คนของโอะนิซึกะเปลี่ยนไป ไม่ยอมให้ฉันเจอริวเหมือนแต่ก่อน ฉันเป็นห่วงริวมาก... แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เยี่ยม”
อาคิโกะบีบน้ำตา น้อยเนื้อต่ำใจ
“ฉันรู้สึกเหมือนคนหมดค่า พอริวหมดรัก...ลูกน้องริวก็พาลรังเกียจ ฉันอยากมาขอความเห็นใจพาฉันเข้าไปเยี่ยมริวหน่อยได้มั้ยคะ”
มายูมิยื่นถุงกำมะหยี่ที่ใส่เข็มกลัดรูปผีเสื้อคืนให้อาคิโกะ ด้วยท่าทางนิ่ง สุขุม
“ฉันขอคืนเข็มกลัดรูปผีเสื้อ เพราะฉันไม่คู่ควรที่จะได้รับ”
“แต่ฉันกับริวเต็มใจซื้อให้คุณนะคะ” อาคิโกะแสร้งเสียดาย
“เรื่องที่คุณเคยเล่าให้ฉันฟังทั้งหมด ฉันไม่สนว่ามันจะจริงหรือเปล่า ตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับริวในบ้านนี้ ริวไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกว่าเขามีคนอื่นนอกจากฉัน”
อาคิโกะปั้นหน้าใสซื่อ ฟังมายูมิ แต่แอบกำถุงเข็มกลัดในมือแน่น แอบแค้น
“ส่วนเรื่องที่คุณอยากไปเยี่ยมริว...ฉันจะช่วยคุณเอง”
“จริงเหรอคะ”

อาคิโกะตาโตด้วยความดีใจ มายูมินิ่งขรึม ตัดสินใจบางอย่างแล้ว

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 8 (ต่อ)

บริเวณสวนสาธารณะร่มรื่น...ริวนอนหลับตาหนุนตักมายูมิอยู่ มือของเธอลูบใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา ราวกับตั้งใจปลุกให้ตื่นริวรู้สึกตัว
 
“มายูมิ...”
มายูมินั่งอยู่ข้างริว ยิ้มหวาน ขณะเขาลืมตาตื่นมามองเธอ ริวใช้แขนซ้ายยันตัวเองลุกขึ้น ก่อนนึกได้ว่าตัวเองหายเป็นปกติแล้ว มองมือ มองขา และลองขยับแขนขาทั้งสองข้างของตัวเองให้แน่ใจ ตื่นเต้นมาก
“มายูมิ...ผมขยับตัวได้แล้ว ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
มายูมิยิ้มให้ริวอย่างอ่อนหวาน แล้วลุกเดินออกไป
“คุณจะไปไหน”
ริวรีบลุกตามไป มายูมิเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ริวรีบก้าวเร็ว ๆ ตาม
“เดี๋ยวก่อน...มายูมิ”
มายูมิเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ริวเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่จู่ ๆ เขาก็เกิดสะดุดขาตัวเองล้มลง
ใช้แขนซ้ายยันตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้ ร่างกายด้านซ้ายกลับขยับไม่ได้ ลุกขึ้นไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมขยับตัวไม่ได้”
ริวตกใจ ตะโกนเรียกมายูมิที่เห็นเพียงด้านหลัง อยู่ไกลออกไป
“อย่าทิ้งผมไปนะมายูมิ...มายูมิ”
ร่างมายูมิหายวับไปต่อหน้าต่อตา ทุกอย่างดับวูบ

ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล...ริวสะดุ้งตื่นจากฝัน ร้องตะโกนเสียงดัง
“มายูมิ”
ไทชิวิ่งเข้ามาในห้อง เมื่อได้ยินเสียงร้องของริว
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“มายูมิอยู่ไหน”
ริวมองหามายูมิ และลนลานจะลงจากเตียง ทั้งที่ร่างกายด้านซ้ายขยับไม่ได้ ทุลักทุเลมาก ไทชิเข้าไปช่วยประคองริว ห้าม
“คุณมายูมิไม่อยู่ อีกสักพักก็คงมาครับ”
“มายูมิทิ้งฉันไปแล้วใช่มั้ย”
ริวยิ่งคุ้มคลั่ง ไทชิพยายามล็อคตัวไว้
“คุณมายูมิไม่ได้ทิ้งโซเรียวนะครับ”
“โกหก ฉันไม่เชื่อ ฉันจะไปหามายูมิ”
“แต่โซเรียวยังไม่แข็งแรง”
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน ออกไป ไป”
ริวใช้แขนขวาปัดฟาดไทชิ ยื้อยุดโกลาหลกันอยู่ตรงนั้น มายูมิเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“ริว”
“มายูมิ”
ริวดีใจมากที่เห็นมายูมิ อาการคุ้มคลั่งเริ่มลดลง
“ผมคิดว่าคุณทิ้งผมไปแล้ว”
ริวเสียงเศร้า ท่าทางอ่อนแอและน่าสงสารมาก
“ฉันไม่มีวันทิ้งคุณไปไหน ฉันจะรักษาและจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”
มายูมิโผเข้าไปกอด ทั้งรักและเป็นห่วง พยายามส่งผ่านความรักและความอบอุ่นไปให้เขามากที่สุด
“ไม่ต้องกลัวนะคะริว คุณจะต้องหาย”
ริวยังคงอยู่ในอาการผวาอ่อนแอ ทุกข์ทรมานใจในอ้อมกอด มายูมิกอดแนบแน่น หวังส่งผ่านความรักและความอบอุ่นไปถึงริวให้มากที่สุด อาคิโกะเดินตามเข้ามาจ้องมายูมิกอดริวเขม็ง แววตาไม่พอใจ ไทชิหันไปมองอาคิโกะ เพิ่งนึกขึ้นได้
“เธอเข้ามาได้ยังไง”

หน้าห้องพักฟื้น...มายูมิบอกไทชิด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ฉันเป็นคนอนุญาตให้เขาเข้ามาเยี่ยมริว”
“แต่ท่านโคจิสั่งห้ามคนนอก...”
ไทชิยังพูดไม่จบ มายูมิแทรกขึ้น
“อาคิโกะเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนบริษัท ถือว่าเธอเป็นคนของโอะนิซึกะ ถ้าอาโคจิไม่เข้าใจ...ฉันจะรับผิดชอบเอง”
มายูมิตัดบท ราวกับเป็นคำขาด ไทชิต้องก้มศีรษะรับคำ ไม่สามารถขัดมายูมิได้

ในห้องพักฟื้น...ริวนอนเหม่อมองเพดาน เครียดกับอาการอัมพาตของตัวเอง อาคิโกะยิ้มหวาน คอยเอาใจอยู่ข้าง ๆ ลุกไปเทน้ำใส่แก้วมาให้
“คุณสลบไปหลายวัน ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ ร่างกายจะได้สดชื่น”
อาคิโกะยื่นแก้วน้ำให้แต่กลับถูกริวปัดทิ้งด้วยมือขวาจนแก้วน้ำกระเด็น อารมณ์ของริวตอนนี้แปรปรวน หงุดหงิด เพราะรับไม่ได้เรื่องที่ตัวเองเป็นอัมพาต

“ผมไม่ดื่ม”

เสียงแก้วน้ำตกลงพื้น แตกกระจาย ดังออกมาจากในห้อง
 
ไทชิรีบแง้มประตูเข้าไปดู กลัวว่าจะเกิดเรื่อง แต่ต้องชะงักมื่อเห็นอาคิโกะกุลีกุจอเก็บเศษแก้วบนพื้นไปทิ้ง รีบเช็ดมือให้สะอาด แล้วกลับมาคอยเอาใจริวต่อด้วยความเต็มใจ
“ร่างกายผมไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“ถ้าจิตใจของคุณเข้มแข็ง ร่างกายคุณก็จะแข็งแรงเร็วขึ้น อดทนหน่อยนะคะ”
ริวตวาดอาคิโกะด้วยความอึดอัด และทรมานใจมาก
“รู้มั้ยว่าการอยู่ในโลกที่เราเคลื่อนไหวไม่ได้ มันเจ็บปวดแค่ไหน”
อาคิโกะอึ้งไปนิดหนึ่ง เห็นใจกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ
“ฉันอาจไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคุณ แต่ฉันพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ”
อาคิโกะค่อย ๆ ยื่นมือเข้าไปแตะมือเขา พอเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีรำคาญ ขัดขืน เธอจึงฉวยโอกาสกุมมืออย่างแนบแน่น เพื่อให้กำลังใจ

ไทชิอึ้งเมื่อเห็นอาคิโกะกุมมือริว สายตาที่อาคิโกะมองริว บ่งบอกถึงความรู้สึกรักที่มีให้ริวเพียงคนเดียว มายูมิยืนมอง ห่างออกมาจากด้านหลังไทชิเล็กน้อย มายูมิสลดลงเมื่อเห็นความห่วงใยที่อาคิโกะมีต่อริว เธอตัดใจเดินเลี่ยงไป

หน้าเคาน์เตอร์ในโรงพยาบาล...มายูมิเซ็นเอกสาร แล้วยื่นให้พยาบาลรับไป นานะตรงเข้ามาหาอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เธอยอมให้อาคิโกะเข้าไปดูแลริวได้ยังไง”
“เขาไม่ใช่คนนอก”
“แต่เธอก็รู้ว่าเขารักริว”
“ใครรักและหวังดีกับริว ถือเป็นเรื่องดี สิ่งสำคัญสำหรับฉันตอนนี้ไม่ใช่การแย่งชิง ฉันอยากให้ริวได้รับความรักจากทุกคนให้มากที่สุด เพื่อเขาจะได้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง”
มายูมิยิ้ม ยืนยันในความคิดของตัวเอง นานะมองมายูมิด้วยความเป็นห่วง ราวกับรู้ว่าลึก ๆ แล้วมายูมิไม่ได้สบายใจอย่างที่พูด

ริมสระน้ำ ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มายูมิยืนเหม่อมองสระน้ำตรงหน้าอย่างสับสน เธอนึกถึงตอนที่เห็นอาคิโกะกุมมือให้กำลังใจริวในห้องพักฟื้น มายูมิหน้าเศร้า ต่างจากคนที่มั่นใจต่อหน้านานะเมื่อครู่ ยูจิถือตุ๊กตาฮินะ ขยับท่าทางตามคำพูดของตัวเอง ออกมาตรงหน้ามายูมิ
“ปล่อยความโศกเศร้า เปลี่ยนเป็นความหาญกล้าให้โชคดีนำพา ให้เวลาสุขใจ...”
“ตุ๊กตาฮินะ”
มายูมิไล่สายตาไปตามมือจนเงยหน้าขึ้นมาเจอยูจิ
“มีความเชื่อว่า การปล่อยตุ๊กตาฮินะลงน้ำ จะช่วยขจัดเคราะห์ร้ายไปกับตุ๊กตา หรือจะอธิษฐานกับตุ๊กตา ขอให้มีเราความสุข”
“ตุ๊กตาฮินะ ใช้ในเทศกาลฮินะมะสึริ วันเด็กผู้หญิง ไม่ใช่เหรอ”
“วันนี้ผมเห็นคุณเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังโดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ผมอยากให้คุณเข้มแข็ง”
ยูจิยื่นตุ๊กตาให้ยิ้มอย่างอบอุ่น มายูมิรับตุ๊กตาฮินะไปด้วยความซาบซึ้ง ในความหวังดีของเขา
“ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้ฉัน”
“เพื่อนที่หวังดี อย่างผม เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อคุณเสมอ”
ยูจิยิ้มให้กำลังใจมายูมิ แต่แววตาร้ายลึก แฝงความต้องการที่มากกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อน

มายูมิกับยูจิเดินคุยกัน ท่ามกลางความร่มรื่นในสวนสาธารณะ
“ฉันให้พยาบาลจัดอาหารคำเล็ก ๆ ให้ริว เพื่อตรวจสอบการเคี้ยว การกลืน และต้องระวังอาการสำลักอาหารเข้าหลอดลม” มายูมิเล่า
“อาการคุณริวตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ทางร่างกาย ถ้าหมั่นกายภาพบำบัด โอกาสหายเป็นปกติมีสูง แต่สภาพจิตใจย่ำแย่มาก”
มายูมิหยุดเดิน กอดตุ๊กตาฮินะแน่น เศร้าสงสารริว ยูจิหันไปปลอบแสร้งเห็นใจ
“ผมเชื่อว่าคุณจะต้องรักษาเขาจนหาย”
“ฉันก็บอกตัวเองอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่า”
ยูจิประคองมือทั้งข้างของมายูมิที่ถือตุ๊กตาฮินะขึ้นมา
“เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อในความรัก อานุภาพของความรักทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ”
“คุณเป็นผู้สุภาพบุรุษ มีจิตใจดี ถ้าคุณรักใครสักคน เธอคนนั้นคงโชคดีมาก”
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นรักผม เหมือนที่ผมรักเธอ ผมคงมีความสุขที่สุด”
ยูจิสบตามายูมิ แววตาเต็มไปด้วยความรักที่ต้องการบอกให้เธอรับรู้ มายูมิยิ้มตอบ เข้าใจว่าเขาเป็นเพียงเพื่อนที่หวังดีคนหนึ่ง

ไนต์คลับมิซาว่ายามค่ำคืน...ทาคาโอะกับมาซารุนั่งคุยกันตรงโซฟาในห้องรับรอง เคนวางซองสีน้ำตาลตรงหน้าทาคาโอะ แล้วถอยหลังไปยืนด้านหลังมาซารุ
“ค่าสินค้าล็อตล่าสุด”
ทาคาโอะหยิบซองสีน้ำตาลมาเปิดดู ยิ้มกริ่ม ก่อนส่งให้นาบุรับไปเก็บ
“ฝากขอบคุณท่านยามาโมโต้ด้วย”
“จำไว้ ใครทำให้แกขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้” มาซารุเตือน
ทาคาโอะนิ่ง แต่สายตาแค้น
“มิซาว่าไม่เคยลืมบุญคุณใคร ผู้กองยูจิคงกำลังหาทางจัดการริวอยู่สินะ”
“ไม่ใช่หน้าที่ของแก”
“ถ้าท่านยามาโมโต้ใจร้อน พวกเราจะซวยกันหมด”
“ยูจิจัดการไอ้ริวได้แน่” มาซารุหันมองหาจุนโกะ “จุนโกะยังไม่มาทำงานเหรอ”
ทาคาโอะปรายตามองนาบุ ให้ตอบแทน
“วันนี้จุนโกะติดธุระสำคัญครับ”
“แล้วฉันไม่สำคัญรึไง” มาซารุหงุดหงิด
“อย่าเพิ่งหัวเสียสิครับ จุนโกะไม่ว่าง ไนท์คลับผมก็ยังมีสาวสวยให้ท่านเลือกอีกเยอะ”

มาซารุยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มอย่างไม่สบอารมณ์ ทาคาโอะสบตานาบุ สายตามีเลศนัย

ในห้องพัก...จุนโกะในชุดนอน นั่งมองตัวเองในกระจก
 
เห็นร่องรอยบอบช้ำตามใบหน้า คอ และแขนของตัวเอง เธอแววตาทุกข์ทรมานใจมาก ยูจิเปลือยครึ่งท่อน เข้ามายืนอยู่ด้านหลัง จุนโกะสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นยูจิในกระจก
“ตกใจอะไร”
“เปล่าค่ะ”
จุนโกะละล่ำละลักตอบอย่างหวาดกลัว ยูจิลูบไล้เรือนผมของเธออย่างแผ่วเบา
“เธอเป็นผู้หญิงที่ใช้จริตมารยาเก่ง เหมาะจะทำงานให้ฉัน”
“งานอะไรคะ”
“วางยา ริว โอะนิซึกะ” ยูจิพูดเสียงเย็น
“ไม่...ฉันทำไม่ได้” จุนโกะตกใจไม่คาดคิด
“ทำไม” ยูจิตวาด
“ฉันยอมคุณทุกอย่าง ยกเว้นงานนี้”
ยูจิหัวเสีย กระชากตัวจุนโกะขึ้นมา แล้วตบถลาไปกองกับพื้น
“ฉันไม่อยากฆ่าใคร”
ยูจิตรงเข้าไปกระชากผมจุนโกะอย่างแรง
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน”
ยูจิตบซ้ำอีก จนจุนโกะเลือดไหลกลบปาก
“อย่าทำอะไรฉันเลยค่ะ ได้โปรด...”
ยูจิขยับเข้าไปหาจุนโกะ เอามือบีบหน้าเธอจนหน้าแหงนเจ็บปวด
“คนที่ขัดคำสั่งฉัน มันมีจุดจบยังไงรู้มั้ย”
“อย่าบังคับฉันเลยนะคะ ฉันกลัวแล้ว...ฉันทำไม่ได้ ฉันกลัว...”
จุนโกะขอร้องทั้งน้ำตา สั่นกลัวยูจิมาก
“คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ ผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ เกิดมาเป็นได้แค่ที่รองรับอารมณ์”
ยูจิกระชากจุนโกะขึ้นมา แล้วโยนโครมเข้าไปที่เตียงเขาถลาเข้าไปหาเหมือนที่ดับอารมณ์ เสื้อผ้าจุนโกะถูกฉีกโยนลงมาที่พื้น

ห้องพักฟื้น...มายูมิถือตุ๊กตาฮินะเดินเข้ามาในห้อง เห็นไทชิยืนเฝ้าริวที่นอนหลับอยู่
“โซเรียวทานยาและหลับไปได้สักพักครับ”
มายูมิพยักหน้ารับรู้ ไทชิจึงเลี่ยงออกจากห้อง มายูมิมองริวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใย เอาตุ๊กตาฮินะขึ้นมาอธิษฐาน
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืนความเข้มแข็งให้ริว ขอให้ชายคนเดียวที่ฉันรักกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม”
มายูมิวางตุ๊กตาฮินะข้างตัวริว มองเขาด้วยความหวัง
“ฉันจะใช้ความรักรักษาคุณจนหาย อะนะตะ ที่รักของฉัน”
มายูมิดึงผ้าห่มมาห่มให้ริวอย่างอบอุ่น ยิ้มให้อย่างมีกำลังใจ

ห้องพักฟื้นริววันใหม่...ไทชิ คัตสึ เซกิ ช่วยประคองริวที่ลุกขึ้นนั่งพิงหมอนบนเตียง โดยมีอาคิโกะยืนขนาบข้างด้านซ้ายมือ
“ต้องหมั่นพลิกตัวขยับบ่อย ๆ เส้นจะได้ไม่ยึด ให้อาคิโกะช่วยนวดนะคะ”
อาคิโกะถือวิสาสะ ยื่นมือไปบีบนวดแขนซ้ายให้ริวอย่างเอาใจ ริวใช้มือขวาปัดมืออาคิโกะออกอย่างนุ่มนวล ปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนมองตุ๊กตาฮินะข้างตัวอย่างแปลกใจ ไทชิหันมาบอก
“ตุ๊กตาฮินะของคุณมายูมิครับ”
ริวยิ้มนิด ๆ รู้สึกดีที่มายูมิทำให้ อาคิโกะแอบชักสีหน้าไม่พอใจ หมั่นไส้มายูมิ
“มายูมิอยู่ไหน” ริวถามขึ้น
“ออกตรวจคนไข้ครับ” คัตสึบอก
“ตรวจคนไข้ หรือ แอบไปคุยกับใคร” อาคิโกะพูดลอยๆ
ริวชำเลืองมองอาคิโกะ สงสัยคำพูดของเธอ อาคิโกะใส่ไฟเนียนๆ
“คุณมายูมิไม่ได้บอกเหรอคะว่าผู้กองยูจิมาหาเธอบ่อย ๆ ตอนที่คุณยังไม่ฟื้น”
“เพื่อนมาให้กำลังใจเพื่อน ไม่เห็นแปลก”
ไทชิอธิบาย เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของริว อาคิโกะสวน
“ผู้กองยูจิเป็นเพื่อนกับคุณมายูมิตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเป็นห่วงแทนริวจริงๆ”

ท่าทางริวหงุดหงิด เครียด ๆ แต่ไม่พูดอะไร ไทชิจ้องอาคิโกะด้วยความไม่พอใจ

สวนบริเวณโรงพยาบาล...อาคิโกะโวยวาย เมื่อถูกไทชิดึงตัวออกมาคุยตามลำพัง
 
“เมื่อไหร่เธอจะหยุดใส่ร้ายคุณมายูมิซะที”
“ฉันพูดความจริง”
“งั้นเธอต้องยอมรับความจริง โซเรียวไม่มีวันรักเธอ”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่อยากฟัง”
อาคิโกะปรี่เข้าไปทุบไทชิ โกรธจนลืมตัว ไทชิยืนให้ทำร้าย ไม่ตอบโต้หรือเดินหนี
“เธอต้องฟัง จำให้ขึ้นใจ ริว โอะนิซึกะ รักมายูมิคนเดียว”
“ฉันบอกให้หยุด”
อาคิโกะทุบเข้าไปตรงไหล่ที่ไทชิบาดเจ็บเต็ม ๆ จนเลือดซึมชุ่มออกมาที่เสื้อ เธอชะงัก เริ่มมีสติ และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“เจ็บมั้ย”
ไทชิกุมแผล ฝืนข่มความเจ็บปวดไว้ แต่อาคิโกะดูออก
“เธอยอมให้ฉันทำร้าย ยอมเจ็บตัวทำไม...”
“คนเรายอมทำทุกอย่างเพื่อคนรัก”
“คนรัก” อาคิโกะอึ้งๆ
“สำหรับฉัน ความรักคือความปรารถนาดี ที่ไม่เคยต้องการอะไรตอบแทน”
“แต่เราเป็นเพื่อนกัน แค่เพื่อนเท่านั้น”
อาคิโกะไม่ยอมรับรักไทชิ เดินสะบัดหนีไป ไทชิทรุดตัวลงนั่งตรงม้านั่งในสวนสาธารณะราวอย่างคนหมดแรง เอาดาบตันโตะที่พกติดตัวออกมาดูกำดาบตันโตะในมือแน่น ไทชิมองดาบในมือ...เศร้า เจ็บปวดกับความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้

ค่ำนั้น ลูกน้องไดกิช่วยอาคิโกะยกกระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่ง เดินนำอาคิโกะออกไป ไดกิเข้ามาพอดี มองกระเป๋าเสื้อผ้าของอาคิโกะอย่างแปลกใจ
“ช่วงนี้หนูต้องใช้สมาธิท่องบทหนังเรื่องใหม่ จะย้ายไปนอนอพาร์ทเม้นท์สักพักนะคะ”
ไดกิพยักหน้ารับรู้ ก่อนนึกขึ้นได้
“พ่อมัวแต่วุ่นเรื่องธุรกิจของโอะนิซึกะ ไม่มีเวลาไปเยี่ยมโซเรียวเลย”
“อาการดีขึ้นมากค่ะ เหลือแค่กายภาพบำบัดให้ร่างกายด้านซ้ายเคลื่อนไหวเหมือนเดิม”
“ไทชิล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
อาคิโกะชะงักไปนิดหนึ่ง อ้อมแอ้มตอบ ไม่อยากพูดถึงไทชิสักเท่าไหร่
“หายแล้วมั้งคะ”
“ไทชิเป็นคนกตัญญู ดูแลพ่อกับลูกมาตลอด ลูกไม่ควรแล้งน้ำใจกับเขานะ”
“ถ้าเจอไทชิหนูจะรีบเอาความห่วงใยของคุณพ่อไปให้ คุณพ่อจะได้สบายใจ”
อาคิโกะตัดบทแล้วเดินผละไปทันที ไดกิมองตามอาคิโกะ เอือมระอากับความเอาแต่ใจของลูกสาว

มายูมิเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงมองริวที่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีตุ๊กตาฮินะวางอยู่ข้างตัว เธอเอามือช้อนมือริวขึ้นมากุมไว้
“ฉันจะอธิษฐานขอพรจากตุ๊กตาฮินะทุกวัน ขอให้อะนะตะกลับมายืนเคียงข้างฉันเหมือนเดิม”
มายูมิจุมพิตที่หลังมือของริวอย่างนิ่มนวล ริวพูดขึ้น
“อยากให้ผมหาย แต่กลับไม่มาดูแล”
มายูมิแปลกใจ หันไปเห็นริวลืมตามองเธออยู่
“นึกว่าคุณหลับไปแล้ว”
“ถ้าไม่หลับ คุณคงไม่มา”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ”
น้ำเสียงริวแฝงความน้อยใจ
“ปล่อยให้รอทั้งวัน”
“ขอโทษค่ะ วันนี้มีคนไข้ฉุกเฉินเยอะมาก”
“คุณก็เลยยอมให้คนอื่นมาเฝ้าผม”
“อาคิโกะไม่ใช่คนอื่นนะคะ เธอเป็นห่วงคุณ ฉันก็เลย...”
“ผมไม่ชอบ”
ท่าทางริวเริ่มหงุดหงิด อารมณ์คนป่วยแปรปรวนง่าย
“ไม่ต้องให้ใครมาดูแลผม ไม่ต้องทำเหมือนผมเป็นคนพิการไร้ค่า”
มายูมิขยับเข้าไปกอดริว หวังให้เขาใจเย็น
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียดูถูกตัวเองสิคะ”
“ครึ่งหนึ่งของร่างกายผมขยับไม่ได้ คุณคิดว่าผมควรจะภูมิใจเหรอ”
ริวพูดด้วยสีหน้าและแววตาเจ็บปวด ทดท้อกับโชคชะตาของตัวเอง
“คุณยังเหลือร่างกายอีกครึ่งหนึ่งที่ขยับได้ ยังเหลือหัวใจที่เต้นแรงเหมือนหัวใจฉัน ยังมีฉันอยู่เคียงข้างคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงจริงจังของมายูมิ ทำให้ท่าทางหงุดหงิดของริวเริ่มสงบลง
“สิ่งที่ทำให้ฉันทรมานใจที่สุด คือการเห็นคุณเป็นเจ้าชายนิทรา ฉันสัญญากับตัวเองว่าถ้าคุณฟื้น ฉันจะรักษาคุณให้หายและฉันมั่นใจว่าจะต้องทำได้ค่ะ”

มายูมิกอดริวแนบแน่น ด้วยความรักที่มีต่อเขา ริวอึ้งอยู่ในอ้อมกอดมายูมิ ซาบซึ้งใจกับความรักและห่วงใยที่เธอมีให้

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 8 (ต่อ)

จุนโกะอยู่ในห้องพักกำลังแต่งหน้าเหมือนเตรียมตัวออกไปทำงาน พยายามใช้แป้งพัฟปกปิดร่องรอยบอบช้ำตามใบหน้า คอ และแขน จุนโกะชะงักนึกเป็นห่วงริว
 
“ริว...ผู้กองยูจิต้องหาทางทำร้ายคุณจนได้ ฉันจะช่วยคุณยังไงดี”
จุนโกะตัดสินใจ

อพาร์ทเม้นท์หรูของโอะนิซึกะเช้าวันใหม่...เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ในขณะที่อาคิโกะกำลังยกหม้อใส่ข้าวต้มขนาดเล็กมาวางบนโต๊ะ อาคิโกะวางหม้อข้าวต้ม แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที แปลกใจที่เห็นยูจิยืนรออยู่
“ผู้กองยูจิ”
“ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้า”
อาคิโกะผายมือเชิญ ยูจิเดินตามอาคิโกะเข้ามาในห้อง ได้กลิ่นหอมอบอวล
“กลิ่นอาหารหอมออกไปนอกห้องเลยนะครับ”
“ฉันกำลังทำข้าวต้มสมุนไพรไปให้ริวค่ะ”
“ขอผมตามไปสอบปากคำโอนิซึกะโซเรียวที่โรงพยาบาลนะครับ ผมกำลังจะจับตัวคนร้ายมาลงโทษ”
“ถ้าเป็นเรื่องของริว ฉันเต็มใจช่วย ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
อาคิโกะเข้าห้องนอน ปิดประตูไป ยูจิสบโอกาส รีบหยิบหลอดใส่ผงยาเล็ก ๆ ออกมาจากเสื้อ มองไปที่หม้อข้าวต้ม

บริเวณล็อบบี้รับแขกของอพาร์ทเม้นท์ ยูจิช่วยอาคิโกะถือตะกร้าใส่หม้อข้าวต้มเดินมาด้วยกัน เดินผ่านล็อบบี้รับแขก ยูจิคิดหาทางเลี่ยงจากอาคิโกะ
“เมื่อกี้เพิ่งมีวิทยุตามตัว ผมคงไปโรงพยาบาลกับคุณไม่ได้แล้ว”
“อ้าว...”
“คราวหน้าผมจะมารบกวนใหม่นะครับ”
ยูจิยื่นตะกร้าใส่หม้อข้าวต้มคืนให้อาคิโกะยิ้มกลบเกลื่อน
“ข้าวต้มหอมมาก คุณต้องป้อนคุณริวให้ทานให้หมดนะครับ”
ยูจิรีบเดินแยกไป อาคิโกะรับตะกร้าใส่หม้อข้าวต้มงง ๆ กับท่าทางยูจิ เธอเดินออกไป บริเวณโซฟาในล็อบบี้ จุนโกะลดหนังสือที่บังหน้าตัวเองลง เธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง นึกถึงเหตุการณ์ที่ยูจิจะให้เธอวางยาริว
“เธอเป็นผู้หญิงที่ใช้จริตมารยาเก่ง เหมาะจะทำงานให้ฉัน”
“งานอะไรคะ”
“วางยาริว โอะนิซึกะ” ยูจิพูดเสียงเย็น
จุนโกะนึกรู้แผนการของยูจิ
“คุณริวกำลังตกอยู่ในอันตราย”
จุนโกะรีบวางหนังสือ ครุ่นคิดหาทางช่วยริว

มายูมิกำลังจะไปทำงาน แต่ริวอ้อนยังไม่อยากให้ไป
“อยู่กับผมอีกสักพักไม่ได้เหรอ”
“ฉันต้องไปทำงานแล้วค่ะ”
อาคิโกะเปิดประตูเดินเข้ามา เห็นริวกำลังอ้อนมายูมิ จึงแทรกขึ้นเนียน ๆ
“ฉันทำข้าวต้มสมุนไพรบำรุงสุขภาพมาให้ ไม่ต้องห่วงนะคะคุณมายูมิ เดี๋ยวฉันจะดูแลริวให้เอง”
“เสร็จงานแล้วฉันจะรีบมาหาคุณค่ะ”
มายูมิบอกริว แต่มือขวาของริวยังคงจับมือมายูมิไว้ไม่ยอมปล่อย อาคิโกะมองทั้งสองจับมือกันต่อหน้าต่อตา เจ็บจี๊ด แต่ไม่แสดงออกให้ทั้งคู่เห็น
“ทานข้าว ทานยา พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ”
มายูมิยิ้มหวาน ถอนมือออกจากการเกาะกุมของริว เดินออกไปจากห้อง ริวมองตามมายูมิด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“ทานข้าวต้มเลยนะคะ เดี๋ยวอาคิโกะป้อน”

อาคิโกะจัดแจงเตรียมตักข้าวต้มใส่ถ้วยที่เตรียมมาด้วย ริวนอนนิ่ง ไม่สนใจ

ไทชิยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง เศร้า ๆ เจียมตัว
 
“ทำใจได้เร็ว ก็หายเจ็บเร็วนะเพื่อน” คัตสึปลอบ
เซกิตบไหล่ไทชิเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ จุนโกะปลอมตัวมาในชุดแม่บ้านทำความสะอาด มีผ้าปิดปาก เข็นรถขนอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามา หลบสายตาทั้งสามก่อนเอ่ยปาก
“ขออนุญาตเข้าไปทำความสะอาดค่ะ”
ไทชิมองชุดจุนโกะและอุปกรณ์ทำความสะอาด จึงเปิดทางให้ จุนโกะรีบเข็นรถขนอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าไปในห้องทันที

ในห้องพักฟื้น...อาคิโกะยกถ้วยข้าวต้มมาอยู่ข้าง ๆ ริว ถือช้อนกำลังจะป้อนริว จุนโกะเข้ามาในห้อง รีบบอกเสียงดัง
“ขออนุญาตค่ะ”
อาคิโกะชะงัก หันมองจุนโกะอย่างหงุดหงิด
“มาทำความสะอาดอะไรตอนนี้ ไม่เห็นเหรอว่าคนป่วยกำลังจะทานข้าว”
จุนโกะทำหูทวนลม เอาไม้ถูกพื้นมาถูพื้นอย่างไม่สนใจ อาคิโกะโมโห แต่ไม่อยากแสดงอาการต่อหน้าริวมากนัก
“รีบทานเถอะค่ะริว เดี๋ยวจะได้ทานยา”
อาคิโกะใช้ช้อนตักข้าวต้มพอดีคำ ยื่นไปให้ริว จุนโกะตกใจ ตัดสินใจผลักไม้ถือพื้นถูเข้าไปกระแทกเท้าอาคิโกะอย่างแรง
“ว๊าย...”
อาคิโกะทั้งเจ็บและตกใจ ทำให้ปล่อยถ้วยข้าวต้มตกลงพื้นแตกกระจาย ไทชิ คัตสึ เซกิ กรูกันเข้ามาในห้องทันที เห็นอาคิโกะกำลังชี้หน้าต่อว่าจุนโกะอยู่
“ซุ่มซ่าม เห็นมั้ยว่าข้าวต้มฉันหกหมดเลย”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
จุนโกะรีบก้มลงเก็บเศษถ้วยใส่ถังขยะ อาคิโกะโมโหไม่หาย
“ขอโทษแล้วมันช่วยอะไรได้มั้ย”
“ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้หรอกอาคิโกะ”
ไทชิปราม แล้วเข้าไปช่วยจุนโกะเก็บเศษถ้วยที่แตก แวบหนึ่ง...ไทชิเห็นสายตาจุนโกะ เขามองอย่างรู้สึกคุ้น ๆ จุนโกะกลัวไทชิจำได้ ทำเนียนยกเศษถ้วยใส่ถังขยะ แล้วยกถังขยะออกไป ไทชิมองท่าทางจุนโกะ รู้สึกมีพิรุธ จึงเดินตามออกไป

จุนโกะยกถังขยะเดินหนีออกมาตามทางเดินในโรงพยาบาล ไทชิเดินตามมาด้วยความสงสัย
จุนโกะหันไปเห็นรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“เดี๋ยวก่อน”
จุนโกะเดินเลี้ยวหายเข้าไปทางหัวมุม โดยไม่สนใจเสียงเรียก ไทชิเร่งฝีเท้าตามมาถึงตรงหัวมุม เจอแต่ถังขยะวางอยู่ ไม่เห็นจุนโกะแล้ว ไทชิยิ่งรู้สึกสงสัยมาก

ในห้องพักฟื้นริวโคจิ เดินเข้ามาในห้อง แปลกใจที่เห็นคัตสึกับเซกิ ช่วยกันทำความสะอาดห้องอยู่
“มีเรื่องอะไร”
“ก็นังแม่บ้านสิคะ เอาไม้ถูพื้นมากระแทกอาคิโกะจนถ้วยข้าวต้มตกแตกแล้วก็หนีไปหน้าตาเฉย” อาคิโกะรีบบอกอย่างโมโห
โคจิกวาดสายตามองรอบ ๆ สายตาสะดุดอยู่กับกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง วางอยู่บนรถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาด โคจิเอะใจ รีบหยิบขึ้นมาดู อ่านข้อความในโน้ต
“โอะนิซึกะโซเรียวถูกวางยา...จากผู้หวังดี”
“วางยา” ริวชะงัก
โคจิก้มลงมองเศษข้าวต้มที่ยังมีหลงเหลืออยู่บนพื้น แล้วหันไปสั่งคัตสึกับเซกิ
“ไปตามคุณมายูมิมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
อาคิโกะมองทุกคนด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

มายูมิยื่นเอกสารผลตรวจให้โคจิด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ผลตรวจหาสารพิษ มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไซยาไนด์ปะปนอยู่”
“มีคนตั้งใจวางยาฆ่าโซเรียว” โคจิพึมพำ
อาคิโกะหน้าตาตื่น กลัวความผิดมาก
“ฉันไม่รู้เรื่องนะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าริว”
ริวมองหน้าอาคิโกะ
“ไม่มีใครคิดว่าเธอจะทำแบบนั้น”
“แล้วยาพิษนั่นมาอยู่ในข้าวต้มได้ยังไง”
โคจิหันมาสั่งไทชิ
“ไทชิ...พาอาคิโกะออกไปก่อน”
ไทชิก้มศีรษะรับคำ แล้วประคองตัวอาคิโกะที่ยังคงช็อคตกใจเดินออกไป
“ศัตรูเข้าถึงตัวทุกคนที่อยู่รอบตัวโซเรียว” โคจิหนักใจ
“แล้วผู้หวังดีที่เข้ามาช่วยริวเป็นใคร ทำไมถึงรู้ว่าริวตกอยู่ในอันตราย” มายูมิสงสัย
โคจิหน้าเครียด
“คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวหนักขึ้นเรื่อย ๆ ศัตรูอยู่ในที่มืด เราคงต้องหาทางปกป้องโซเรียวให้ปลอดภัยมากกว่านี้”

มายูมิเครียด เป็นห่วงริว

สวนบริเวณโรงพยาบาล...ไทชิเดินออกมาส่งอาคิโกะที่ยังมีท่าทางกระวนกระวาย
 
“ฉันไม่ได้คิดร้ายกับริวจริง ๆ นะไทชิ”
“ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำ แต่ฉันสงสัยว่าเป็นฝีมือใคร”
ไทชิหยุดเดิน กำชับอาคิโกะ
“กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันจะเข้าไปดูแลโซเรียว”
อาคิโกะนิ่ง ไม่ได้รับคำ ไทชิมองอาคิโกะอย่างห่วง ๆ ก่อนหันหลังเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล อาคิโกะนึกทบทวนคำพูดของไทชิเมื่อครู่
“ฝีมือใคร”
อาคิโกะนึกถึงเหตุการณ์ที่ยูจิมาหาเธอที่อพาร์ทเมนต์
“ผู้กองยูจิ”

ในห้องทำงานยูจิ...นาฬิกาติดผนัง เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลา 23.45 น. ยูจินั่งทำงานอยู่คนเดียวในห้อง เอามือกุมศีรษะนิดหนึ่งอย่างมีอาการทางประสาท ปวดหัว เริ่มกำเริบอีกครั้ง เขาเปิดลิ้นชักหยิบขวดยาขึ้นมาจะกิน แต่ยาหมดแล้ว ยูจิเก็บขวดยาไว้ที่ลิ้นชักตามเดิม เริ่มหงุดหงิด ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วเคนเปิดประตูเดินเร็ว ๆ เข้ามา ทำความเคารพ ยูจิเลื่อนแฟ้มเอกสารที่วางซ้อนกันหลายแฟ้มให้เคน
“กลับไปแก้มาใหม่ พรุ่งนี้เอามาให้ตรวจอีกที”
เคนก้มศีรษะรับคำ แล้วยกแฟ้มเอกสารทั้งหมดมาไว้กับตัว
“ดึกแล้ว ผู้กองยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ฉันอยากสรุปสำนวนคดีที่เหลือให้เสร็จก่อน พ่อฉันล่ะ”
“ท่านมาซารุไปงานเลี้ยงที่กรมครับ”
ยูจิพยักหน้ารับรู้ ไม่ค่อยใส่ใจนัก

อาคิโกะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะตำรวจที่อยู่เฝ้าเวร
“ฉันมาขอพบผู้กองยูจิ”
ตำรวจยังไม่ทันตอบ เคนยกแฟ้มเอกสารหลายแฟ้มเดินออกมา ตำรวจจึงรีบปรี่เข้าไปช่วย
“ให้ผมช่วยนะครับหมวด”
“ขอบใจ เอาไปไว้ที่รถฉันด้วย วันนี้อยู่เวรกลางคืนคนเดียวเหรอ”
“ใช่ครับ”
ตำรวจนึกขึ้นได้ หันกลับไปที่โต๊ะอีกที ไม่พบอาคิโกะแล้ว เคนสงสัย
“มีอะไร”
“เมื่อกี้มีผู้หญิงมาหาผู้กองยูจิครับ”
เคนกวาดสายตามองจนทั่ว ไม่เห็นใคร
“คงกลับไปแล้วมั้ง”
เคนเดินออกไปอย่างไม่สนใจ ตำรวจรีบยกแฟ้มวิ่งตามไป อาคิโกะก้าวออกมาจากมุมซ่อนตัว สบโอกาส

อาคิโกะผลักประตู ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้ายูจิด้วยความไม่พอใจ
“คุณเป็นคนวางยาริว”
ยูจิลุกจากเก้าอี้อย่างใจเย็น เดินมาประจันหน้าอาคิโกะ
“หมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกนะครับ”
“ถ้าตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็โดนโทษหนักเหมือนกัน”
ยูจินิ่ง หยั่งเชิงมองอาคิโกะ
“คุณเข้ามาตีสนิทฉัน เพื่อหาโอกาสทำร้ายริว คุณเป็นคนใส่ยาพิษลงไปในข้าวต้ม ต้องการฆ่าริว”
“หลักฐาน” ยูจิจ้องหน้า
“นี่ไงหลักฐาน”
อาคิโกะเงื้อมือตบหน้ายูจิเต็มแรง ยูจิโกรธ แววตาแข็งกร้าว อาการเครียดและเก็บกดกำเริบขึ้น
“คุณจะฆ่าริว ฉันจะแจ้งความจับคุณ”
อาคิโกะเงื้อมือจะตบยูจิอีกครั้ง แต่ถูกยูจิคว้ามือ ล็อกร่างไว้
“คิดเหรอว่าจะทำอะไรผมได้”
“คุณมันชั่วที่สุด”
อาคิโกะเหวี่ยงมืออีกข้างเข้ามาทุบยูจิด้วยความโกรธ ทุบๆ ไม่ยั้งไม่นับ ความเจ็บกระตุ้นให้ยูจิเริ่มคลั่ง ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาผลักร่างอาคิโกะลงไปนอนบนโต๊ะทำงาน จนเอกสารบนโต๊ะปลิวกระจัดกระจาย
“จะทำอะไร”
“เดี๋ยวก็รู้”
อาคิโกะพยายามพลิกตัวหนี แต่ถูกยูจิกระชากกระดุมเสื้อจนขาดหลุดลุ่ย กระจายไปเต็มพื้น อาคิโกะหวีดร้อง
“อ๊าย...”
ยูจิปรี่เข้ามาโถมทับตัว แต่อาคิโกะดิ้นรนขัดขืน ทั้งข่วนทั้งทุบสู้สุดแรง
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”
ยูจิล็อกร่างอาคิโกะ เอามือปิดปากหมับ แน่นมาก
“บนตึกนี้มีแค่คุณกับผม ต่อให้กรีดร้อง ก็ไม่มีใครได้ยิน”

อาคิโกะตกใจและตื่นกลัวมาก

ริวรู้สึกตัวตื่น หันไปเห็นมายูมินอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง เขาเลื่อนมือขวาไปแตะแขนปลุก
 
“มายูมิ...”
มายูมิรู้สึกตัวตื่นขึ้น เห็นริวมองอยู่
“คุณดูแลคนไข้ทั้งวันก็เหนื่อยแล้ว ไม่น่าลำบากมานอนเฝ้าผมอย่างนี้”
“ฉันเป็นห่วงคุณ”
“คนของโอะนิซึกะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายผมหรอก”
“ศัตรูของคุณ ไม่ปล่อยให้โอะนิซึกะโซเรียวรอดชีวิตเหมือนกัน พวกมันต้องกลับมาเล่นงานคุณอีกแน่”
ริวเครียด เจ็บใจตัวเอง
“ผมปกป้องผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ ยังจะเป็นภาระให้คุณอีก”
“ถ้าคุณเป็นห่วงฉัน คุณจะต้องเข้มแข็งและลุกขึ้นมาปกป้องฉันให้ได้ ปกป้องคิมิที่รักของคุณ”
มายูมิกุมมือริวอย่างให้กำลังใจ ยังไม่หมดหวัง ไม่ยอมอ่อนแอให้ริวเห็น ริวมองมายูมิทั้งรักและเป็นห่วง แต่ก็ยังทดท้อกับอาการทางร่างกายของตัวเอง

สำนักงานตำรวจตอนกลางคืน...อาคิโกะนั่งซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในห้อง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เนื้อตัวบอบช้ำ ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจและอับอายมาก ยูจิติดกระดุมเสื้อตัวเองเสร็จ จึงหันกลับมามองอาคิโกะด้วยสายตาเย้ยหยัน อาคิโกะคว้าแฟ้มใกล้มือเขวี้ยงเข้าใส่ยูจิด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้ชั่ว...”
ยูจิหลบทัน แล้วปรี่เข้าไปบีบคออาคิโกะ ดันติดผนังด้านหลัง อาคิโกะพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่กลับถูกยูจิล็อกแน่นกว่าเดิม
“ปล่อยฉัน...” เริ่มหายใจไม่ออก “อ๊อก...”
“ถ้าอยากตาย ผมจะฆ่าคุณตอนนี้ก็ได้”
อาคิโกะกลัวความบ้าคลั่งของยูจิจนท่าทีเริ่มอ่อนลง ยูจิพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาเลือดเย็น
“ต่อไปนี้คุณต้องทำตามคำสั่งผม ไม่งั้น ข่าวดาราดาวรุ่งอย่างอาคิโกะ คุโด มีสัมพันธ์สวาทกับหนุ่มนิรนาม จะดังไปทั่วเมือง”
ยูจิยิ้มร้ายอย่างถือไพ่เหนือกว่า อาคิโกะแอบกำมือจิกแน่นด้วยความคับแค้น เจ็บใจที่พลาดท่าให้กับยูจิ

โถงบ้านโอะนิซึกะเช้าวันใหม่มาซาโตะวางถ้วยน้ำชาลง ก่อนปรึกษาโคจิกับคาซูมะ
“เราควรเพิ่มกำลังคุ้มกันให้มากกว่าเดิม เพื่อความปลอดภัยของโซเรียว”
“ศัตรูของโอะนิซึกะมีอยู่รอบด้าน พวกมันอยู่ในที่สว่าง ขณะที่เราอยู่ในที่มืดเพิ่มกำลังคุ้มกันเท่าไหร่ก็คงไม่ได้ผล” โคจิบอกอย่างหนักใจ
“แต่เราไม่มีวิธีอื่น” คาซูมะแย้ง
“ตอนนี้โซเรียวอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยตัวเองได้” โคจินิ่งครุ่นคิดตัดสินใจ “เราต้องย้ายโซเรียวไปรักษาตัวในที่ที่ปลอดภัย...กับคนที่เราไว้ใจได้”
“ใคร” คาซูมะแปลกใจ

ประเทศไทย ไร่องุ่นของแพรวดาว...บรรยากาศทิวทัศน์หุบเขาสวยงามเต็มไปด้วยธรรมชาตินานาพันธุ์ที่สงบและอุดมสมบูรณ์ มายูมิยืนหันมองบรรยากาศรอบ ๆ อย่างแปลกตา โดยมีโคจิกับริวนั่งอยู่ตรงโต๊ะรับแขก
“ไร่องุ่นของพี่เซโกะอากาศเย็นสบายดีจังเลยค่ะ” มายูมิพูขึ้นอย่างชื่นใจ
“ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวของประเทศไทย อากาศทางภาคเหนือจะลดลง และเย็นสบายกว่าภาคอื่น” โคจิอธิบาย
“พี่เซโกะโชคดีที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนรักใหม่ที่นี่”
ริวกับโคจิสบตากัน มีความลับที่มายูมิยังไม่รู้ ขณะเดียวกันนั้นเสียงแพรวดาวดังขึ้น
“ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ”
แพรวดาวเข้ามาพร้อมกับทาเคชิที่อยู่ในชุดชาวไร่ สวมหมวกปิดเกือบครึ่งหน้า มายูมิดีใจ
“พี่เซโกะ”
“มายูมิ”
มายูมิกับแพรวดาวโผเข้าไปสวมกอดกันด้วยความดีใจ
“ฉันดีใจที่ได้เจอพี่เซโกะอีกครั้ง”
“พี่ก็ดีใจ มายูมิดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และสวยขึ้น”
“แต่พี่สะใภ้ของผมยังสวยไม่เปลี่ยน รู้งี้เมื่อเจ็ดปีก่อนแย่งจีบก็ดีหรอก” ริวแหย่
“ป่วย...แต่ก็ยังปากดีเหมือนเดิมนะริว”
ทาเคชิเอาหมวกออก ก่อนก้มศีรษะทักทายโคจิซึ่งเป็นผู้อาวุโส
“คอนนิจิวะ...สวัสดีครับอาโคจิ”
โคจิก้มศีรษะรับ
“นึกว่าลืมการทักทายของเมืองเราไปแล้ว”
“มันอยู่ในสายเลือดครับ”
“พี่ทาเคชิ”

มายูมิอึ้ง ตกใจ เมื่อเห็นทาเคชิ
 
 
จบตอนที่ 8 
กำลังโหลดความคิดเห็น