xs
xsm
sm
md
lg

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 4

ญี่ปุ่นสวยงามยามค่ำคืน...จุนโกะอยู่ในห้องพัก เก็บเสื้อผ้าในตู้ใส่กระเป๋าเสื้อผ้า และกวาดเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้งเทลงในกระเป๋า อย่างเร่งรีบ ร้อนรน

เธอเอากล่องใส่เงินที่ซ่อนอยู่หลังตู้ลงมาเปิด นับเงินทั้งหมดใส่กระเป๋าเงินสะพาย ก่อนนึกขึ้นได้
“ตั๋วรถไฟ”
จุนโกะกวาดสายตามองหาตั๋วรถไฟตรงหน้าโต๊ะแป้ง เห็นตั๋วรถไฟตกอยู่กับพื้น จึงรีบหยิบขึ้นมา ยิ้มอย่างโล่งใจ แล้วหอบกระเป๋าเสื้อผ้า เปิดประตูออกมาอย่างเร่งรีบ นาบุยืนอยู่พร้อมกับลูกน้องมิซาว่า หน้าตาเหี้ยมเกรียมมาก
“จะไปไหน” นาบุถามเสียงเข้ม จุนโกะหน้าตื่น ตกใจมาก

จุนโกะถูกนาบุเหวี่ยงติดฝาผนัง เธอถูกซ้อม ทาคาโอะตามมายืนตรงหน้า สะบัดมีดพกประกายวาววาบควงมีดเล่นไปมาอย่างใจเย็นใกล้หน้า
“คิดจะหนีฉันเหรอ”
จุนโกะมองมีดพกด้วยความหวาดกลัว
“ฉันเปล่า...”
ทาเคโอะตวาด
“โกหก ถ้าฉันไม่มา ป่านนี้คงหนีออกนอกเมืองไปแล้ว”
จุนโกะหันขวับไปจ้อง สายตาไม่พอใจ
“ฉันไม่อยากถูกตำรวจจับ ทำงานให้แล้ว...ยังจะเอาอะไรอีก”
นาบุเงื้อมือตบ จุนโกะจนล้มไปกองกับพื้นอีกครั้ง เธอเช็ดเลือดที่มุมปากด้วยความตกใจ
“เธอต้องอยู่ต่อ ยังไปไหนไม่ได้”
“แต่พวกมิอุระเห็นหน้าฉันแล้ว”
“มิอุระที่เธอกำลังพูดถึง ตอนนี้อยู่ในคุกทั้งหมด ไม่มีใครเอาผิดกับเธอได้”
“จะให้อยู่ต่อไปทำไม ปล่อยฉันไปเถอะ”
ทาเคโอะยิ้มเหี้ยม
“เพราะเธอเป็นที่โปรดปรานของไอ้แก่มาซารุ ตราบใดที่เธอยังทำงานอยู่กับฉัน ความสัมพันธ์ระหว่างมิซาว่ากับมาซารุมันก็ง่ายในทุกเรื่อง”
จุนโกะมองทาเคโอะด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกอะไรมากนัก ติดอยู่ที่หวาดกลัวอยู่มาก
“ฮึๆ มิซาว่าอย่างฉันไม่ใช่คนโหดเหี้ยมอะไร ในเมื่อเธอทำงานดี ฉันก็มีรางวัลให้”
ทาคาโอะหันไปพยักหน้า นาบุยิ้มเอาเข็มฉีดยาออกมาถือในมือ จุนโกะลนลานหนี ถอยกรูดไปติดผนัง
“ไม่นะ...ฉันไม่ต้องการ”
“ไม่ได้ถาม”
ทาคาโอะตวาด เดินเข้าไปหาจุนโกะ แล้วดึงร่างเธอขึ้นมา จ้องหน้าเขม็ง
“ต่อไปนี้...เธอจะไม่มีวันหนีไปไหน เธอจะต้องทำงานอยู่กับมิซาว่าด้วยความยินดีและเต็มใจ”
นาบุถือเข็มฉีดยาย่างสามขุมเข้าไปหาจุนโกะ
“ไม่...อย่านะ”
จุนโกะพยายามกระเสือกกระสนหนี แต่ถูกลูกน้องมิซาว่าพากันล็อกตัวไว้ ทาคาโอะยิ้มเหี้ยม
“เธอจะขาดมันไม่ได้”
นาบุยิ้มเย็น ปักเข็มลงที่แขนจุนโกะสุดแรง จุนโกะกรีดร้องอย่างทรมานแสนสาหัส
“อ๊าย...”
ทาคาโอะนั่งลงข้างจุนโกะ กระซิบข้างหูเสียงนุ่มนวล เยือกเย็น
“ชีวิตเธออยู่ในกำมือของมิซาว่า ทางเดียวที่จะรอดคือปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ...ทำตามความต้องการของฉันทุกอย่าง”
จุนโกะตาปรือ เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์ยา จนหมดสติไป ทาคาโอะมองร่างไร้สติของจุนโกะอย่างพึงพอใจ

ทาคาโอะเดินออกมาจากที่พักของจุนโกะแล้วหันมาสั่งนาบุ
“โอะนิซึกะมีสัมพันธ์ดีกับมิอุระ ริวต้องหาทางช่วยไอ้ฮารุแน่ๆ”
“น่าจะให้ผมเก็บนังจุนโกะไปซะ”
“ผู้หญิงคนนี้ยังทำประโยชน์ให้เราได้อีกเยอะ จะฆ่าทิ้งให้เสียของทำไม”
นาบุคิดตาม เริ่มเข้าใจ
“เล่นงานไอ้ฮารุได้แล้ว ถึงเวลาสะสางบัญชีเก่า...ริว โอะนิซึกะ”
“มีแผนยังไงครับ”
“จุดอ่อนของผู้ชาย...อยู่ที่คนที่ตัวเองรัก ยิ่งรักมาก ยิ่งทุกข์มาก”
“โอะนิซึกะโซเรียวพัวพันกับผู้หญิงอยู่สองคน หมอมายูมิว่าที่คู่หมั้นกับอาคิโกะดาราสาว แต่ไม่รู้ว่าใครคือตัวจริงกันแน่”
“ก็ไม่จำเป็นต้องรู้นี่”
“หมายความว่า...”
“แค่ผู้หญิงสองคน มันยากตรงไหนเหรอ”
สายตาทาคาโอะร้ายลึก เจ้าเล่ห์ นาบุยิ้มเหี้ยมรับรู้ความหมายทางสายตาของเจ้านาย
“ทราบแล้วครับ”
“เด็ดหัวใจของ ริว โอะนิซึกะ ได้...ก็เหมือนฆ่ามันให้ตายทั้งเป็น”

ทั้งสองยิ้มร้าย อำมหิต

บ้านโอะนิซึกะเช้าวันใหม่...ริวหันมาถามย้ำอาคิโกะอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
 
“จะให้ผมไปเป็นประธานงานเปิดอาคารใหม่ของมูลนิธิเด็กกำพร้า”
“มูลนิธิที่โอะนิซึกะเคยช่วยจัดงานหาทุนให้ไงคะ”
“วันนี้ผมมีงานประมูลที่ดินหลายแห่ง”
“ท่านผู้อำนวยการมูลนิธิและเด็ก ๆ ทุกคนอยากเจอคุณมากนะคะ แต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรค่ะ”
หน้าอาคิโกะสลดลงเล็กน้อย โคจิแทรกขึ้น
“โซเรียวควรจะไปงานของมูลนิธิเด็กกำพร้านะครับ เพราะโอะนิซึกะเป็นประธานจัดงานมาตั้งแต่แรก”
“แล้วงานประมูลวันนี้”
“แค่ผม มาซาโตะ คาซูมะ ไปดำเนินการแทนได้ครับ ถ้าได้ข้อสรุปแล้วจะรีบรายงานให้ทราบเด็ก ๆ คงดีใจมากที่ผู้มีพระคุณของพวกเขาจะไปร่วมงานนี้ด้วย”
อาคิโกะยิ้มชื่นขึ้นมาทันที ริวนิ่ง ลึก ๆ แล้วไม่อยากออกงานร่วมกับอาคิโกะ

ในมูลนิธิเด็กกำพร้า...ริวตัดริบบิ้นดอกไม้เปิดอาคารมูลนิธิเด็กกำพร้าท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน อาคิโกะประคองกอดแขนริว เดินเคียงข้างเข้าไปชมด้านในอาคารพร้อมผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ ไทชิ คัตสึ เซกิ ตามคุ้มกันริวไม่ห่าง...ผู้อำนวยการมูลนิธิพาริวเดินเยี่ยมชมห้องนอน...ห้องเรียน...ห้องสมุดของเด็กในมูลนิธิ นักข่าวคอยเก็บภาพคู่ของริวกับอาคิโกะด้วยความสนใจ
ผู้อำนวยการนำริวกับอาคิโกะเข้ามาดูเด็ก ๆ ทานอาหารในโรงอาหารอย่างเอร็ดอร่อย อาคิโกะหันไปเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งนั่งกินข้าวอยู่เงียบ ๆ ไม่สนใจใคร เธอจึงพาริวตรงเข้าไปนั่งข้างเด็กชาย ยิ้มอบอุ่น
“อร่อยไหมจ้ะ” อาคิโกะถามอ่อนโยน
เด็กชายพยักหน้ารับ เริ่มรู้สึกถึงความเป็นกันเองจากรอยยิ้มของอาคิโกะ เธอป้อนอาหารให้เด็กชาย ท่าทางใจดี รักเด็กมาก ริวหันไปดูแลเด็กคนอื่น ที่กำลังทานอาหาร เด็กผู้หญิงคนหนึ่งปากมอมแมม ริวช่วยเช็ดปากให้ด้วยความเอ็นดู ทุกคนมองอาคิโกะกับริวด้วยสายตาชื่นชม นักข่าวถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ และถือโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ทั้งคู่
“ท่าทางคุณริวกับคุณอาคิโกะ รักเด็กมากนะครับ”
“เด็กคืออนาคตของชาติ ถ้าได้รับความรัก ความอบอุ่น และการดูแลเอาใจใส่ที่ดี เขาจะโตขึ้นเป็นบุคลากรที่เข้มแข็งของบ้านเมืองต่อไป” ริวตอบเรียบๆ
นักข่าวหันมาถามอาคิโกะ
“หลังจากแต่งงาน คุณอาคิโกะอยากมีลูกกี่คนคะ”
อาคิโกะทำทีอึ้ง ก่อนปรายตามองริวอย่างเสน่หา สื่อความหมายทางสายตาให้นักข่าวรู้ พูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“การแต่งงานเป็นเรื่องอนาคต...ถึงเวลานั้นจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ค่ะ”
ท่าทางกำกวมที่อาคิโกะมีต่อริว ทำให้นักข่าวส่งเสียงฮือฮา เข้าใจว่าทั้งคู่รักกัน ริวเริ่มหงุดหงิด แต่พยายามเก็บอาการ แล้วหันไปให้ความสนใจกับเด็ก ๆ เหมือนตั้งใจไม่ให้สัมภาษณ์อีก อาคิโกะมองตามริว รู้ทัน แล้วหันกลับมาปั้นสีหน้ายิ้มแย้มกับนักข่าวอย่างอารมณ์ดี ไทชิเฝ้ามองการกระทำของอาคิโกะมาตลอด เหนื่อยใจกับเธอมาก

ริวยืนคุยอยู่กับผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ เพื่อไถ่ถามทุกข์สุขของเด็ก ๆ ที่จับกลุ่มเล่นกิจกรรมกันอยู่รอบ ๆ อาคิโกะกระซิบซาบบอกริวอย่างสนิทสนม ริวพยักหน้ารับรู้ อาคิโกะจึงหันไปยิ้มให้ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ราวกับขอตัวเลี่ยงออกไป ไทชิมองตามอาคิโกะ สองจิตสองใจว่าจะตามไปดูแลดีหรือไม่

ในห้องน้ำ...อาคิโกะปิดก๊อกน้ำตรงอ่างล้างมือ เช็ดมือ และเติมเครื่องสำอางอยู่ตรงหน้ากระจก พนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งใส่หมวกมิดชิด ก้มหน้าก้มตาถูพื้น จนไม้ถูพื้นมากระแทกโดนรองเท้าของเธอ
“ระวังหน่อยสิ...รองเท้าฉันสกปรกหมด” อาคิโกะหันขวับไปตวาด ไม่พอใจ
“ขอโทษค่ะ”
พนักงานเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าเหี้ยมเกรียม ปรี่เข้าไปจับตัวอาคิโกะ เธอตกใจ ดิ้นด้วยความตื่นตระหนก
“แกเป็นใคร...ปล่อยฉันนะ”
อาคิโกะเหวี่ยงเครื่องสำอางใส่หน้าคนร้าย จนคนร้ายเอียงหน้าหลบ เธอสะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุมรีบวิ่งหนี คนร้ายรีบตาม

คนร้ายตามมาล็อคตัวอาคิโกะไว้ได้ทัน
“ว๊าย...ช่วยด้วย”
คนร้ายพยายามปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง อาคิโกะกัดมือคนร้าย หวังสู้สุดแรง
“อ๊าก...”
คนร้ายสะบัดออกจากปากอาคิโกะด้วยความเจ็บปวด เงื้อมืออีกข้างจะตบ ไทชิปราดเข้ามา ถีบคนร้ายจนหงายหลัง เสียหลักไปทางหนึ่ง
“ใครส่งแกมา”
คนร้ายไม่ตอบชักมีดสั้นที่เหน็บเอวอยู่ออกมา พุ่งเข้าไล่แทง ไทชิเอี้ยวตัวหลบมีดคนร้ายอย่างคล่องแคล่ว
 
อาคิโกะยืนหลบอยู่ตรงมุมเก้าอี้ที่วางซ้อนกัน มองการต่อสู้ของไทชิกับคนร้ายด้วยความตื่นตระหนก

เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง วิ่งหน้าตื่นมาหาผู้อำนวยการมูลนิธิ
 
“ท่านผู้อำนวยการคะ แย่แล้วค่ะ”
ริวหันขวับไปถามด้วยความสงสัย

ไทชิเซเสียหลักจากแรงปะทะ คนร้ายอาศัยจังหวะนั้น เงื้อมีดปรี่เข้าหาไทชิ
“ไทชิ...ระวัง” อาคิโกะตกใจ
ไทชิคว้าเก้าอี้เด็กที่วางอยู่ใกล้ตัว รับมีดที่คนร้ายปักเข้ามาได้พอดี ไทชิเหวี่ยงเก้าอี้ฟาดคนร้ายจนเซ แล้วใช้เก้าอี้ฟาดซ้ำจนคนร้ายล้มกลิ้งไปทางอาคิโกะ เจ้าหน้าที่วิ่งมา
“คนร้ายอยู่ทางนี้ค่ะ”
หลายคนตามเข้ามา คนร้ายรีบผลักชั้นเก้าอี้เข้าใส่อาคิโกะที่ยืนตะลึงอยู่ ไทชิตกใจ
“อาคิโกะ”
ชั้นเก้าอี้กำลังล้มลงมาทับอาคิโกะ ไทชิถลาเข้ามาผลักตัวเธอออกไปได้ทัน แต่ตัวเขาเอง กลับโดนเก้าอี้ล้มทับเสียเอง ริว คัตสึ เซกิ ลูกน้องโอะนิซึกะวิ่งตามเจ้าหน้าที่เข้ามา
“ไทชิ อาคิโกะ”
“ริว...ช่วยฉันด้วย...คนร้ายมันจะจับตัวฉัน”
อาคิโกะโผเข้าไปกอดริว ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ริวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่เจอตัวคนร้ายแล้ว ลูกน้องโอะนิซึกะช่วยกันรื้อเก้าอี้ออก ประคองตัวไทชิลุกขึ้น คัตสึกับเซกิ แยกกันสำรวจจนทั่ว ก่อนกลับมา
“มันหนีไปแล้วครับ”
อาคิโกะกอดริวแน่น ราวกับตกใจกลัวไม่หาย ไทชิมองอาคิโกะกอดริวด้วยสายตาตัดพ้อ เจ็บตัว ช้ำหัวใจ

หน้าบ้านอาคิโกะ...ริวประคองอาคิโกะมาส่งถึงหน้าบ้าน โดยมีลูกน้องโอะนิซึกะตามมาอารักขา ไทชิพูดขึ้น
“เสียดายที่จับตัวคนร้ายไม่ได้ เลยไม่รู้ว่ามันใคร”
“คุณแน่ใจเหรอว่าไม่มีศัตรู” ริวหันไปถาม
“ฉันทำงานวงการบันเทิงอย่างเดียว ไม่เคยยุ่งเรื่องธุรกิจที่ต้องมีปัญหากับใคร”
“หรือคนร้ายเล่นงานคุณอาคิโกะ เพราะคิดว่าเป็นคนรักของโซเรียว” เซกิสงสัย
“อาคิโกะไม่ใช่คนรักของฉัน” ริวสวนขึ้นทันที
อาคิโกะสีหน้าตึงขึ้นมาทันที แต่พยายามข่มเก็บอาการไม่พอใจไว้ สาวใช้ออกมาก้มศีรษะแสดงความเคารพริวกับอาคิโกะ ก่อนรายงาน
“ท่านไดกิออกไปธุระนอกเมือง จะกลับค่ำ ๆ ค่ะ”
อาคิโกะสายตาเจ้าเล่ห์ นึกแผนรั้งริวขึ้นมาได้ทันที
“ฉันไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว กลัวคนร้ายมันย้อนกลับมาอีก”
อาคิโกะผวากอดแขนริวแสร้งทำเป็นกลัวไม่หาย
“ผมจะให้ไทชิกับลูกน้อง คอยดูแลความปลอดภัยให้”
“แต่ฉันจะอุ่นใจมากกว่าถ้ามีคุณอยู่ด้วย อยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าพ่อจะกลับได้ไหมคะริว...นะคะ” อะคิโกะอ้อน
ไทชิเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากเห็นท่าทางออดอ้อนที่อาคิโกะมีต่อริว

ในห้องพักแพทย์...มายูมินั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เปิดแฟ้มเอกสารค้างไว้ แต่กลับเหม่อไม่ได้สนใจ นานะคุยงานกับพยาบาล หันมาเห็น จึงยื่นมือมาแตะแขนมายูมิเบา ๆ ให้รู้สึกตัว
“ช่วงนี้เธอใจลอยบ่อย ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าจ้ะ”
มายูมิปฏิเสธ ทำทีจะอ่านเอกสาร แต่นานะปิดเอกสารของมายูมิอย่างรู้ทัน
“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเธอบอกว่าเปล่า...แสดงว่ามีปัญหาแล้วล่ะ”
มายูมิอึกอัก ปิดเพื่อนไม่ได้ แต่ไม่รู้จะเล่ายังไง
“เพื่อนแท้มีไว้แบ่งปันทุกข์สุขร่วมกัน มีเรื่องไม่สบายใจก็เล่าให้ฉันฟังสิ ถึงฉันจะช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่ก็เป็นผู้รับฟังที่ดีได้...”
มายูมิเริ่มเหม่ออีกเสียงของนานะเบาลง เสียงของอาคิโกะกลับชัดขึ้นในความคิด
“7 ปี ที่ฉันกับริวคบกัน เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนมีความสุขมากเราเจอกันทุกวัน...ยิ้มและหัวเราะกันทุกวัน”
แล้วมายูมิก็นึกถึงคำพูดของริว
“7 ปีที่ผมแค่ไม่เคยมาพบให้คุณเห็นหน้าแต่ไม่ได้หมายความว่าผมหายไป เพราะผมเฝ้ามองคุณอยู่ตลอดเวลา”
มายูมิหลุดปากออกมาด้วยความโกรธและผิดหวังในตัวริว
“โกหก...ฉันไม่เชื่อ”
นานะอึ้ง เหวอ คิดว่ามายูมิว่าตัวเอง
“ฉันไม่เคยโกหกเธอนะมายูมิ”
“ฉันไม่ได้ว่าเธอ ขอโทษนะ...นานะ”
มายูมิรีบลุกออกไปจากห้อง นานะกับพยาบาลมองหน้ากัน งุนงงกับท่าทางของมายูมิ

มายูมิเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นซากุระ เอามือจับกิ่งที่มีดอกซากุระไว้ บีบกิ่งนั้นแน่นราวกับต้องการระบายความอึดอัดที่ซ่อนอยู่ภายในออกมา สายตาโกรธระคนเจ็บช้ำ
“ฉันจะไม่ใจอ่อน จะไม่หลงเชื่อคุณอีก...ริว โอะนิซึกะ”

ห้องรับแขกบ้านอาคิโกะยามเย็น...ริวสำลักน้ำชาจนอาคิโกะรีบเข้ามาช่วยลูบหลังด้วยความเป็นห่วง
“ชาร้อนเกินไปหรือคะ” อาคิโกะก้มศีรษะรู้สึกผิด “ฉันขอโทษค่ะ”
“ผมสำลักเอง ไม่ใช่ความผิดคุณ”
“นึกว่าฝีมือชงชาของฉันแย่ซะอีก”
“ฝีมือชงชาของคุณไม่เคยมีที่ติ”
“แต่ฉันก็ไม่เคยถูกใจ หรืออยู่ในสายตาของคุณเลยสักครั้ง...”
อาคิโกะส่งสายตาตัดพ้อริว นึกถึงอดีต

ในอดีต ริวเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย...ในสถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง ไดกิพาอาคิโกะมาแนะนำให้อิจิโร่และทุกคนรู้จัก อาคิโกะก้มศีรษะทำความเคารพอิจิโร่และผู้ใหญ่ทุกคน ก่อนจะก้มศีรษะทักทายริวกับทาเคชิ เธอน่ารัก สดใสเป็นธรรมชาติ ทาเคชิก้มศีรษะรับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ผิดกับริวที่ยิ้มแย้มให้อาคิโกะอย่างเป็นมิตร

อาคิโกะนึกถึงอดีตแล้วยิ้มพูดขึ้น

“ฉันประทับใจในความร่าเริงและอารมณ์ดีของคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน”

โรงเรียนมัธยมในอดีต...อาคิโกะมัดผมสวยและแต่งหน้าให้เด่นขึ้น เดินสวนกับริวและทาเคชิ
 
อาคิโกะยิ้มหวานให้ ริวยิ้มตอบเหมือนจำได้ แล้วหันไปคุยกับทาเคชิอย่างเดิม ไม่ได้สนใจเธอเลย อาคิโกะหยุดมองตามริว ยิ้มสุขใจคนเดียว

อาคิโกะยิ้มสุขใจ เมื่อได้นึกถึง
“รอยยิ้มของคุณ...ทำให้ฉันพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้คุณมองเห็นฉัน และจดจำฉันได้”

หน้าโรงเรียนมัธยมในอดีต อาคิโกะถือกล่องของขวัญเล็ก ๆ น่ารัก ดักรอจะเอาให้ริวอย่างใจจดใจจ่อ ริวเดินออกมาจากโรงเรียน เธอถือของขวัญตรงเข้าไปหาเขา แต่กลับถูกสาวนักเรียนหลายคนแทรกเบียดเข้าไปรุมล้อมริว จนของขวัญของอาคิโกะหลุดมือ หล่นลงพื้น และถูกเหยียบ อาคิโกะก้มเก็บของขวัญที่บิดเบี้ยวสกปรกขึ้นมา มองตามริวที่ยังคงถูกสาว ๆ รุมล้อมอย่างหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ด้วยสีหน้าเศร้า

อาคิโกะเสียงเศร้า
“ยิ่งคุณเป็นกันเองกับทุกคนมากเท่าไหร่...ฉันยิ่งถูกผลักให้ห่างไปจากคุณเรื่อย ๆ”
อาคิโกะขยับเข้าใกล้ริวมาก ยิ้มหวานอย่างมีเสน่ห์
“ฉันมุ่งมั่นที่จะก้าวไปเป็นคนที่ทุกคนให้ความสนใจ วันนี้ฉันคือ...อาคิโกะ คุโด นางเอกเบอร์หนึ่งของประเทศที่ทุกสายตาต้องหันมามอง”
ริวจะผละออก แต่อาคิโกะขยับกอดเขาแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามแขน รุกไล่ไปจนถึงใบหน้าหล่อเหลาของเขา อาคิโกะเชิดหน้าเข้าหาใกล้มาก ยิ้มยั่วยวน ริวจ้องมองใบหน้างดงามของเธออึ้ง เหมือนตกอยู่ในภวังค์
“แต่สายตาคู่เดียวที่ฉันรอคอยให้เขามองฉันคือคุณ...ริว โอะนิซึกะ”
ริวยังมีสติอยู่บ้าง แต่เสียงเหมือนละเมอ
“ทำแบบนี้ไม่ดีนะอาคิโกะ”
“นักธุรกิจตระกูลดังของเมือง คู่ควรกับดาราสาวคนเก่งอย่างฉัน เราสองคนเหมาะสมกันที่สุด”
อาคิโกะเลื่อนมือมาโอบคอริวไว้ จะโน้มหน้าเข้ามาประทับริมฝีปากที่แก้ม ริวรู้สึกตัว รีบผละออกจากอาคิโกะไม่ยอมหวั่นไหว
“ผมควรพูดกับคุณตรง ๆ ซะที”
“เรื่องอะไรคะ” อาคิโกะยิ้มใสซื่อ
“ผมมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว คุณไม่ควรทำเหมือนเราเป็นคู่รักกันต่อหน้าคนอื่น เพราะผมเกรงใจคู่หมั้นตัวจริง”
อาคิโกะอึ้งไปพักหนึ่ง เจ็บแปลบเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงใจ แต่พยายามสกัดกลั้นความรู้สึกนั้นกลั่นเป็นเสียงหัวเราะ สดใส
“ฉันก็แค่ลองใจคุณเล่น...อย่าเพิ่งเครียดสิคะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียภาพพจน์ เลิกเล่นแบบนี้ได้แล้ว”
“ดุจัง...เวลาอยู่กับว่าที่คู่หมั้นคุณดุอย่างนี้หรือเปล่า”
ริวนิ่ง นึกถึงมายูมิแล้วใบหน้าสดชื่นขึ้นทันที อาคิโกะหมั่นไส้ แต่ยังคงตีหน้ายิ้ม
“ฉันอยากจะรู้จักว่าที่คู่หมั้นของคุณแล้วสิ เธอคงน่ารักมากถึงทำให้คุณมั่นคงได้ขนาดนี้”
“ถ้ามีโอกาส ผมจะแนะนำให้รู้จัก”
“ขอบคุณค่ะ...งั้นเรามาดื่มชาฉลองให้ความรักของคุณกับว่าที่คู่หมั้น กันดีกว่า”
อาคิโกะกับริวยกถ้วยชาของตัวเองขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างจิบชา อาคิโกะแววตาร้ายลึก

อาคิโกะเข้ามาในครัวกระแทกถาดใส่ถ้วยชาลงด้วยความไม่พอใจ หงุดหงิดมาก
“เธอกำลังทำอะไร”
อาคิโกะหันหลังกลับไปเห็นไทชิยืนอยู่ แสร้งทำหน้างง ๆ ไม่รู้เรื่อง
“ชีวิตจริงไม่ใช่ละคร ต่อให้แสดงละครตบตาเก่งแค่ไหนก็ต้องมีคนรู้จักตัวตนของเธอ โซเรียวดูคนออก อย่าพยายามทำให้ตัวเองแย่ไปกว่าเดิมเลย...อาคิโกะ”
“คงมีไทชิคนเดียวที่รู้จัก และห่วงใยฉันจริง ๆ”
อาคิโกะเสเปลี่ยนเรื่อง ขยับเข้าใกล้ไทชิอย่างห่วงใย
“โดนเก้าอี้ล้มทับ เจ็บมากหรือเปล่า”
“นิดหน่อย”
“ดีขึ้นหรือยัง”
อาคิโกะพูดพร้อมเอามือแตะแผ่นหลังไทชิอย่างเบามือ ไทชิสะดุ้งเจ็บเล็กน้อย
“ห่วงฉันด้วยเหรอ”
“ถ้าวันนี้ไทชิไม่ช่วยฉันไว้ ฉันคงโดนคนร้ายจับตัวไปแล้ว ขอบคุณที่ปกป้องฉันนะ”
อาคิโกะกระซิบข้างหูไทชิอย่างแผ่วเบา ยั่วยวน หลอกให้เขาหลงเคลิ้ม แล้วจะผละเดินไป ไทชิคว้าแขนไว้
“ไม่ต้องรีบหรอก...โซเรียวกลับไปแล้ว”
อาคิโกะตกใจ เผลอตวาด
“ทำไมเธอไม่รีบบอกฉัน”
“ก็เธอไม่ได้ถาม”
อาคิโกะสะบัดแขนจากไทชิอย่างไม่พอใจ รีบออกไปดูให้แน่ใจ

อาคิโกะปรี่เข้ามาในห้องรับแขก ไม่เจอริวแล้ว เห็นแต่ลูกน้องโอะนิซึกะยืนเฝ้าตรงประตูสองคน ทั้งสองก้มศีรษะให้อาคิโกะ แล้วยืนนิ่งอย่างเดิม ไทชิตามเข้ามาอย่างใจเย็น
“ริวไปไหน”
ไทชินิ่ง ไม่ตอบ ยิ่งทำให้อาคิโกะร้อนใจอยากรู้ เธอเสียงดังขึ้น
“ฉันถามว่าริวไปไหน”

ไทชิยังคงเงียบ ไม่ยอมตอบ อาคิโกะหงุดหงิด หัวเสียมาก

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 4 (ต่อ)

โถงบ้านทากาฮาชิยามค่ำคืน...เมกุมิกับมิยูกิช่วยกันบีบนวดไหล่และแขนให้ทากาฮาชิอย่างเอาอกเอาใจ
 
มายูมิช่วยทามาโกะจัดดอกไม้อยู่อีกมุม
“ศิลปะของการจัดดอกไม้ไม่ใช่แค่จัดให้สวย แต่เป็นการทำสมาธิ สร้างจิตใจให้สงบ เพื่อวางองค์ประกอบทุกอย่างให้สมดุล...เข้าสู่สภาวะธรรมชาติมากเท่าไหร่ เราก็จะเข้าใจแง่มุมชีวิตมากขึ้น” ทามาโกะสอน
“การจัดดอกไม้ช่วยทำให้เรามีสมาธิดีเหมือนกันนะคะ”
ทากาฮาชิพูดขึ้น
“กิจกรรมอะไรก็ทำให้เรามีสมาธิได้ ถ้าเราสนใจที่จะศึกษามันจริง ๆ”
“วันก่อนพี่มายูมิเล่นโคโตะเพราะมาก ชื่อเพลงอะไรเหรอคะ” เมกุมินึกได้
มายูมิจัดดอกไม้ไปเรื่อย ๆ ทำเป็นไม่ได้ยิน
“บ้านนี้เงียบเหงามานาน...พี่มายูมิเล่นโคโตะเพลงรักหวานซึ้งให้พวกเราฟังอีกได้มั้ย” มิยูกิถาม
มายูมิละมือจากการจัดดอกไม้ ลุกหนีไปดื้อ ๆ เพราะไม่อยากถูกรบเร้า ทั้งหมดมองหน้ากันงง ๆ

ในสวนข้างบ้านทากาฮาชิ...เซกิตบยุงเสียงดัง...เพี้ยะ จนริวและคัตสึที่ซุ่มด้วยกันในสวน สะดุ้งไปด้วย
“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวคนในบ้านตกใจ” คัตสึดุ
“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”
ริวส่ายหน้าเซ็ง ทั้งสองยิ้มแหยๆ ชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“บ้านคุณมายูมิเหตุการณ์สงบดีนะครับ” เซกิมองรอบๆ
“ยังไงฉันก็ต้องมาดูให้เห็นกับตาว่าปลอดภัย”
“เรื่องซุ่มมองสาวนี่ถนัดนัก” คัตสึแซว
ริวหันขวับมามองหน้า
“ว่าใคร”
“ผมว่า...” คัตสึหันรีหันขวาง รีบชี้ “ไอ้เซกิ”
“อ้าว อยู่ดี ๆ มาโยนอุนจิให้ซะงั้น” เซกิงงๆ
“ชู่ว...”
ริวส่งเสียงเตือนเมื่อเห็นร่างใครบางคนเดินออกมาจากบ้านมายูมิ คัตสึกับเซกิ รีบก้มหลบลงตรงพุ่มไม้ทันที

มายูมิ เดินหงุดหงิดเรื่องที่ถูกรบเร้าให้เล่นโคโตะออกมา
“ฉันไม่อยากเล่นโคโตะ...ไม่อยากได้ยินมันอีก”
มายูมิถอนใจแรงเพื่อระบายความอึดอัดภายในใจ สักพักจึงเดินเล่นในสวนคนเดียวอย่างผ่อนคลาย

ริวอมยิ้มมองตามมายูมิ
“แค่เห็นเธอก็สุขใจ โว้..โว...” คัตสึแซว
ริวหันขวับ คัตสึชะงัก เซกิหัวเราะคิกคักเย้ยคัตสึ ริวปลายตามองเซกิอีกคน เซกิจึงรีบปิดปากเงียบอย่างรู้หน้าที่ มายูมิเดินห่างออกไป ริวมองจนแน่ใจ
“คงไม่มีอะไรแล้วกลับกันเถอะ”
“ไม่มองอำลาอีกสักสองสามนาทีหรือครับ” เซกิขัดขึ้น
ริวผละไปอย่างสุดเซ็ง คัตสึ เซกิ ขำ ๆ ตามไป เงาดำของคนสองคนวูบผ่านไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

มายูมิกำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน จู่ ๆ ก็มีคนร้ายชุดดำปรี่เข้ามาขวาง มายูมิชะงัก ตกใจ จะหนีไปอีกทาง ก็ถูกคนร้ายชุดดำอีกคนดักอยู่
“พวกแกต้องการอะไร”
คนร้ายทั้งสองหัวเราะร้าย พุ่งเข้ามาจับตัว มายูมิต่อสู้กับคนร้ายทั้งสองด้วยหมัด เตะ ต่อย อยู่สักพัก ก่อนหมุนตัวถีบคนร้ายคนหนึ่งจนเสียหลัก คนร้ายอีกคนอาศัยจังหวะนั้นล็อกแขนมายูมิรวบไพล่หลังไว้ มายูมิพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทันใดนั้นกระถางต้นไม้ ลอยหวือเข้ามากระแทกกลางหลังคนร้ายเข้าอย่างจัง จนหน้าคะมำ
“อย่ายุ่งกับผู้หญิงของฉัน”
ริวรีบตรงเข้าไปหามายูมิด้วยความเป็นห่วง
“คุณบาดเจ็บหรือเปล่า”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ”
มายูมิสะบัดเสียงใส่ ยังโกรธริวอยู่ คัตสึกับเซกิ ปราดเข้ามาคุมเชิงคนร้ายทั้งสอง เซกิแสยะยิ้ม
“โซเรียวคิดไว้ไม่ผิด คนร้ายต้องบุกมาบ้านคุณมายูมิ”
คนร้ายทั้งสองพยักหน้านัดแนะกัน กระชากมีดดาบออกมา คนร้ายคนหนึ่งพุ่งไปจัดการคัตสึ กับเซกิ คนร้ายอีกคนพุ่งเข้าเล่นงานริวกับมายูมิ
ริวดึงตัวมายูมิไปหลบอยู่ด้านหลัง แล้วคว้ากิ่งไม้ขนาดพอดีมือบริเวณนั้น ตั้งรับการต่อสู้กับคนร้ายและคอยบอกมายูมิ
“กลับเข้าไปหลบในบ้านก่อน”
“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณ”
“ตรงนี้มันอันตราย”
“ฉันไม่กลัว”
“นี่คุณเป็นอะไร...มายูมิ”
มายูมิเชิดใส่ริว คนร้ายเงื้อดาบเข้ามาใกล้มายูมิ ริวจึงคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้ ขณะที่ต่อสู้กับคนร้ายไปด้วย

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

ในบ้าน...เมกุมิกับมิยูกิได้ยินเสียงการต่อสู้นอกบ้าน มิยูกิรีบหันไปบอกทากาฮาชิ
 
“เสียงเหมือนคนต่อสู้กันข้างนอก”
ทากาฮาชิกับทามาโกะตกใจ นึกขึ้นได้
“มายูมิ”

คนร้ายตามเข้ามาตวัดดาบใส่ริวกับมายูมิ ริวพามายูมิเอี้ยวตัวหลบ มีดดาบพลาดไปฟาดฟันต้นไม้กระจุยกระจาย มายูมิผละตัวออกจากริวได้ ขณะคนร้าย ตวัดดาบเข้าหา ริวควงกิ่งไม้ตีตอบโต้กลับอย่างเหนือชั้น แล้วกระโดดเตะคนร้ายล้มลงดาบในมือคนร้ายกระเด็นไถลไปกับพื้น คัตสึคว้ากระถางต้นไม้ รับดาบที่คนร้ายอีกคนฟาดฟันลงมา เซกิคว้ากระถางเล็ก ๆ แถวนั้น เขวี้ยงเข้าใส่คนร้ายกระโดดหลบวูบอย่างคล่องแคล่ว...ริวกระโจนเข้าคว้าดาบของคนร้ายหันมาเขวี้ยงใส่ คนร้ายกระโดดหลบ มีดดาบพุ่งไปปักอยู่ตรงต้นไม้ ฉิวเฉียด เสียงทากาฮาชิดังขึ้น
“มายูมิ...เกิดอะไรขึ้น”
มายูมิหันขวับเมื่อได้ยินเสียงพ่อ คนร้ายอาศัยจังหวะนั้น ซัดดาวกระจายเข้าใส่มายูมิ ริวเห็นตกใจ
“มายูมิ”
ริวกระโดดโผเข้าไปกอดมายูมิ จนทั้งคู่ล้มกลิ้งกอดกันไปกับพื้น ดาวกระจายปักอยู่บนพื้น มายูมิอึ้งอยู่ในอ้อมกอดริวใบหน้าทั้งสองแนบชิดกันมาก ทากาฮาชิ ทามาโกะ เมกุมิ มิยูมิเข้ามาเห็นมายูมิกับริวนอนกอดกันอยู่กับพื้น มายูมิรีบผลักริวออกจากตัวแล้วลุกขึ้นไปหาพ่อกับแม่
“มีคนร้ายบุกเข้ามาในบ้านเราค่ะ”
คัตสึกับเซกิ วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ
“มันหนีไปได้ครับ” เซกิรายงาน
ริวเดินไปดึงมีดที่ปักอยู่ตรงต้นไม้ และดึงดาวกระจายที่ปักอยู่บนพื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บใจ ทากาฮาชิถามขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไร...โอะนิซึกะโซเรียว”
ริวหน้าตาไม่ค่อยสบายใจนัก

โถงบ้านโอะนิซึกะ...โคจิ มาซาโตะ คาซูมะ มองดาบกับดาวกระจายที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด คาซูมะครุ่นคิด
“คนร้ายบุกเล่นงานผู้หญิงสองคนของโอะนิซึกะโซเรียวในวันเดียวกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่”
“สิ่งที่ผมกังวลกำลังเป็นจริง” ริววิตก “ต่อไปนี้...มายูมิคงไม่ปลอดภัย”
“มันเป็นวิถีของสายเลือดนักรบ พยายามหลีกเลี่ยงแค่ไหนก็ต้องเกิดขึ้น เส้นทางเดียวของนักรบ...คือเผชิญหน้ากับศัตรู ว่าที่นายหญิงของโอะนิซึกะต้องยอมรับ” โคจิถอนใจ
“เรื่องภายในของโอะนิซึกะ ไม่ควรให้ถึงตำรวจ เพราะท่านมาซารุกำลังจ้องเล่นงานเราอยู่” มาซาโตะแนะ
ริวพยักหน้ารับรู้อย่างหนักใจ โคจิเห็นอาการ
“โซเรียวสั่งให้คนไปคอยคุ้มกันคุณมายูมิที่บ้านแล้ว แต่ทำไมยังดูไม่ค่อยสบายใจ”
“วันนี้มายูมิพูดจาแปลก ๆ เหมือนไม่พอใจผม”
คาซูมะหัวเราะนิดๆ
“ฮึ ๆ อารมณ์ผู้หญิงแปรปรวนยิ่งกว่าคลื่นลมในมหาสมุทร...คาดเดายากคิดไปก็เหนื่อยเปล่า”
ริวทอดถอนใจ คิดไม่ตก

บริเวณสวนซากุระเช้าวันใหม่...มายูมิเดินเหม่อมองไปที่บริเวณเดิมที่เคยมากับริว มายูมิยกจี้ดอกเดซี่ขึ้นมอง คิดถึงวันที่ริวพาเธอมาที่สวนซากุระ และเอาดอกซากุระจากมือเธอไปดม
“ซากุระแย้มสะพรั่ง
ดุจดังตะวันฉายฉาน
หัวใจนักรบผลิบาน
จำนรรค์กลิ่นกรุ่นดรุณี...”
ริวจ้องหน้า

“ไม่มีดอกไม้ใด หอมเท่าดอกไม้ที่ถูกคุณสัมผัสเลย...มายูมิ”

มายูมินึกถึงเหตุการณ์ที่เธอกับริวล้มกลิ้งกอดกันไปกับพื้น มายูมิอึ้งอยู่ในอ้อมกอดของเขา

มายูมิลังเลต่อความรู้สึกที่ริวมีต่อเธอ มายูมินึกถึงคำพูดของอาคิโกะ
“7 ปี ที่ฉันกับริวคบกัน เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนมีความสุขมากเราเจอกันทุกวัน...ยิ้มและหัวเราะกันทุกวัน”
มายูมิเริ่มสับสน กับข้อมูลที่ได้รับมาจากริวและอาคิโกะ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่ใต้ต้นซากุระนั้น มองไปรอบๆ ด้วยสายตาเหม่อลอย
มายูมิเปิดประตูห้องเข้ามา มองจี้ดอกเดซี่อีกครั้งอย่างครุ่นคิด ทามาโกะเดินมามองมายูมิอย่างเข้าใจในความคิด
“เรื่องของหัวใจ...ควรให้หัวใจตัดสิน ไม่ใช่พยายามหาเหตุผล”
มายูมิหันไปเห็นทามาโกะ ตกใจ ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“แม่เห็นประตูห้องแง้มอยู่ก็เลยเดินเข้ามาดู มายูมิเป็นยังไงบ้าง”
“หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหรอคะ”
“หมายถึงทุกเรื่องที่ทำให้ลูกของแม่ไม่สบายใจ”
ทามาโกะมองจี้ดอกเดซี่ในมือลูกสาว มายูมิรีบเอาสร้อยเก็บไว้ในกล่องไม้แกะสลักสวยงาม
“แม่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลูกบ้าง แต่นับจากวันนี้...จะมีเรื่องราวอีกมากมายเกิดขึ้นกับลูกอีกแน่นอน”
“เพราะหนูเป็นว่าที่คู่หมั้นของ ริว โอะนิซึกะ ใช่ไหมคะ”
“ทุกคนมีหน้าที่ติดตัวมาพร้อมกับชาติกำเนิด...เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถใช้สติปัญญา เหตุผล และหัวใจ เดินไปตามลิขิตนั้นได้อย่างมีความสุขนะลูก”
“ถ้าหนูไม่มีความสุขล่ะคะ”
ทามาโกะกุมมือมายูมิไปแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของมายูมิเอง
“ให้ใจถามใจ...ให้ใจตอบคำถามใจ”
มายูมินิ่ง ครุ่นคิด

บ้านโอะนิซึกะ...คัตสึกับเซกิ ตกใจที่เห็นอายะโกะจัดอาหารกล่องมากมาย หลากหลายเมนู มาให้ริว ไทชิตื่นเต้น
“โอ้โฮ...โซเรียวจัดเมนูง้อคุณมายูมิเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ไม่รู้ว่าโกรธอะไร แต่ง้อไว้ก่อนดีที่สุด” ริวพูดเรียบนิ่ง
อายะโกะยิ้มกว้าง
“สุภาพบุรุษตัวจริงต้องอย่างนี้ค่ะป้าเชียร์เต็มที่ อยากอุ้มโอะนิซึกะเบบี๋แล้ว”
“กว่าโซเรียวจะโผล่หน้าไปให้ผู้หญิงเห็น ก็ปาเข้าไปตั้ง 7 ปี ป้าอายะโกะซ้อมอุ้มแตงแทนอุ้มลูกโซเรียวไปก่อนเถอะ” เซกิแทรกขึ้น
คัตสึกับเซกิ หัวเราะชอบใจ ริวตัดบท
“จะไปกันได้หรือยังครับคุณคัตสึ คุณเซกิ”
“ขออีกห้าขำ ฮ่า ๆ ”
คัตสึ ชะงัก เมื่อเห็นสีหน้าดุ ถมึงทึงของริว
“แค่สามขำก็ได้...ไม่บอกผ่าน รีบไปด่วนแล้วครับ”
คัตสึกับเซกิ กุลีกุจอหอบกล่องข้าวกันอย่างเร่งรีบ ไทชิกับอายะโกะ ทั้งขำ ทั้งเอือมระอา

บ้านทากาฮาชิ...มายูมิเข้ามาในห้องรับแขกตกใจ เห็นยูจินั่งรออยู่พร้อมช่อดอกลิลลี่สีขาวข้างตัว โดยมีทากาฮาชินั่งอ่านหนังสือเงียบขรึม ไม่ได้ชวนคุย มายูมินั่งลง ก้มศีรษะทักทายยูจิ ท่าทางเกรงสายตาทากาฮาชิอยู่บ้าง
“คนนิจิวะ...สวัสดีค่ะผู้กองยูจิ”
ยูจิก้มศีรษะทักทายมายูมิ
“ขอโทษที่มารบกวนครับ”
ทากาฮาชิพูดขึ้นลอย ๆ ขณะอ่านหนังสือเสียงเหมือนรำพึง
“รู้ตัว”
มายูมิมองทากาฮาชิอย่างรู้ทัน ก่อนหันไปยิ้มรับหน้ายูจิ
“ผมไปหาคุณที่โรงพยาบาล ถึงรู้ว่าคุณมายูมิลาป่วย”
ทากาฮาชิพึมพำเบา ๆ ทำทีอ่านหนังสือต่อไม่รู้ไม่ชี้
“คนป่วยต้องการพักผ่อน...ไม่ได้ต้องการให้ใครมากวน”
มายูมิพยายามไม่สนใจพ่อ
“ไม่สบายเป็นอะไรมากไหมครับ”
ทากาฮาชิจะพูดขัดขึ้นอีก แต่มายูมิจ้องสายตาดุ จนทากาฮาชิชะงัก
“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ แต่ถ้าได้ออกไปสูดอากาศนอกบ้านจะดีมาก ผู้กองยูจิรอฉันแต่งตัวแป๊บนึงนะคะ”
มายูมิหยิบช่อดอกลิลลี่จากยูจิไปประคองกอดอย่างชื่นชอบ ก่อนลุกกลับไปแต่งตัวบนห้อง ตั้งใจประชดทากาฮาชิ
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้ที่บริสุทธิ์อ่อนโยนเหมือนจิตใจผู้กองค่ะ”

ทากาฮาชิมองตามมายูมิ วางหนังสือลงอย่างหงุดหงิด ยูจินั่งนิ่ง ทำตัวไม่ถูก

ในร้านอาหารกึ่งรีสอร์ท วิวทิวทัศน์สวยงามบรรยากาศร่มรื่น สวยงาม
 
มายูมิกับยูจินั่งทานอาหารอยู่ตรงมุมสงบ ห่างจากโต๊ะอื่นออกมาเพียงสองคน
“ที่นี่บรรยากาศดีนะคะ มองไปทางไหนก็สดชื่น”
“ผมดีใจที่คุณชอบ และเปิดใจยอมรับผม...”
“เปิดใจ” มายูมิชะงัก
“หมายถึงมิตรภาพใหม่ของเราไงครับ แค่คุณมายูมิยอมรับผมเป็นเพื่อน ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว”
มายูมิยิ้ม ๆ ยูจิถามตรง ๆ อย่างรู้สึกผิด ไม่สบายใจ
“ท่าทางพ่อคุณไม่ชอบให้ผู้ชายมาหาที่บ้าน ผมจะเป็นต้นเหตุทำให้คุณกับพ่อผิดใจกันหรือเปล่าครับ”
“พ่อเป็นแบบนี้กับทุกคนค่ะ อย่าไปสนใจเลย”
“ยกเว้นว่าที่คู่หมั้นของคุณ”
มายูมิอึ้งไปเล็กน้อย พูดไม่ออก

อีกมุมในร้าน...ริวก้าวเข้ามาพร้อมกับไทชิ คัตสึ เซกิ ริวกวาดสายตาไปยังมุมต่าง ๆ มองหาโต๊ะมายูมิ เขานึกถึงคำพูดของทากาฮาชิ
“มายูมิเพิ่งออกไปกับผู้กองยูจิได้สักพัก โซเรียวมาช้าไปนิดเดียว”
“โซเรียวครับ” ไทชิพูดขึ้น
ริวหันมองตามสายตาไทชิ เห็นมายูมินั่งหันหลังพูดคุยกับยูจิอยู่มุมหนึ่ง

มายูมิ ขอร้องยูจิตรง ๆ
“อย่าพูดถึงคนอื่นได้ไหมคะ ฉันไม่อยากได้ยิน”
ยูจิเห็นว่าริวเดินมาหยุดมองอยู่มุมหนึ่ง แต่ยูจิแสร้งทำเป็นไม่เห็น
“ขอโทษที่ทำให้คุณไม่สบายใจ”
ยูจิก้มศีรษะขอโทษมายูมิ แล้วแกล้งปัดแก้วน้ำของตัวเองตกบนโต๊ะ น้ำจนกระเด็นเลอะมือตัวเอง ยูจิบ่นตัวเอง
“ซุ่มซ่ามจริง ๆ”
ยูจิจะเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบผ้ามาเช็ด แต่ไม่ถึง มายูมิจึงหยิบผ้าเช็ดมือ ไปช่วยเช็ดให้
“ฉันช่วยเช็ดให้ค่ะ”
“ผมเช็ดเองดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ยูจิกับมายูมิยื้อแย่งผ้าเช็ดมือกันไปมา จนมายูมิเสียหลัก ยูจิจึงรีบประคองกอดมายูมิไว้ มายูมิอึ้ง ถูกยูจิกอด

คัตสึกับเซกิ โมโหมาก เซกิโวย
“เฮ้ย...ตั้งใจกอดว่าที่นายหญิงของฉันนี่หว่า”
“สอยมันเลยไหมครับ อ้าว...โซเรียว”
คัตสึหันไปเห็นริวเดินลิ่วตรงไปหายูจิอย่างไม่รอช้า โดยมีไทชิตามไปติด ๆ

ริวปรี่เข้ามาต่อยยูจิเปรี้ยง จนเสียหลักล้มลง
“อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของโอะนิซึกะ”
“ผู้กองยูจิ”
มายูมิตกใจรีบปรี่เข้าไปช่วยประคองยูจิ ก่อนหันมาต่อว่าริว
“ทำเกินไปแล้วนะ”
“น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนที่กล้ามายุ่งกับผู้หญิงของผม”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ ไม่มีวันอยู่ใต้คำสั่งคุณ”
ริวโมโห คว้าแขน มายูมิยื้อ ขัดขืน
“จะพาฉันไปไหน”
“เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ...ปล่อย”
“ค่อย ๆ พูดจากันนะครับโอะนิซึกะโซเรียว”
ยูจิทำทีเข้าไปห้าม ยิ่งทำให้อารมณ์โกรธของริวพลุ่งพล่าน เงื้อหมัดต่อยยูจิอีกเปรี้ยง จนเสียหลักไปอีกทาง
“อย่ายุ่ง”
“หยุดบ้าซะที”
มายูมิผลักริวอย่างหมดความอดทน
“คุณมันป่าเถื่อน เอาแต่ใจ ชอบใช้ความรุนแรง ฉันเกลียดคุณ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
ริวขบกรามแน่น จ้องมายูมิกับยูจิด้วยความโมโห
“จะไปไหนก็ไป”
ริวยังคงนิ่ง มายูมิไล่อีก
“จะไปไหม...ถ้าคุณไม่ไป ฉันจะไปเอง”
มายูมิทำเหมือนจะดึงยูจิออกไป
“ไม่ต้อง...”

ริวเดินผละไปอย่างเดือดดาลมาก ไทชิ คัตสึ เซกิ รีบตามไป มายูมิโกรธและโมโหริวเช่นกัน

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 4 (ต่อ)

ริมทะเลสาบในสวนสาธารณะ...มายูมิม้วนผ้าเช็ดหน้าเป็นปม เอาผ้าเช็ดหน้ามาอังไอร้อนที่ปากให้พออุ่น แล้วเอาไปประคบแก้มให้ยูจิ
 
“ประคบไว้ก่อนนะคะ จะช่วยคลายอาการปวดได้บ้าง”
“ขอบคุณครับ”
ยูจิช่วยมายูมิจับผ้าเช็ดหน้าประคบแก้มตัวเอง แสร้งกุมมือของเธอโดยไม่ตั้งใจ มายูมิชะงักสบตายูจิแวบหนึ่ง แล้วค่อย ๆ เลื่อนมือตัวเองออก ให้ยูจิจับผ้าเช็ดหน้าประคบแก้มเอง
“ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องเจ็บตัว”
“ผมเข้าใจครับ...ถ้าผมมีว่าที่คู่หมั้นน่ารักอย่างคุณมายูมิ ผมก็คงหวงเหมือนคุณริว หรืออาจจะหวงมากกว่าด้วยซ้ำ”
“เขาไม่มีสิทธิ์ ถ้าเขาจะไปไหนกับใครฉันก็ไม่สน”
“คุณพูดเหมือนคุณริวมีคนอื่น”
ท่าทางมายูมิอึดอัดใจ ไม่อยากพูดถึงริวอีก ยูจิจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหมครับ”
มายูมิมองหน้ายูจิ นึกทบทวนอดีต

ในอดีต...มายูมิวิ่งตามขโมยที่กระชากกระเป๋าเพื่อน ยูจิเข้ามาช่วยจนบาดเจ็บ...มายูมิพายูจิมาทำแผลที่ห้องพยาบาลเป็นจุดเริ่มต้นมิตรภาพของทั้งคู่

มายูมิรู้สึกผิด
“วันนั้นผู้กองเจ็บตัวเพราะมาช่วยฉัน วันนี้ก็ต้องเจ็บตัวเพราะฉันอีก”
“ผมถือว่ามันเป็นโชคชะตา โชคชะตาทำให้ผมได้เจอคุณมายูมิ”
“โชคชะตา”
“ที่ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า Destiny ไงครับ...อาจจะเป็นกุศลที่เราเคยทำ
ร่วมกัน หรือสัญญาที่ติดตัวมา เราถึงได้มีโอกาสได้พบเจอกันแบบนี้”
มายูมิอมยิ้ม ขำความคิดยูจิ
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“คิดให้ใจเราเป็นสุข ดีกว่าคิดเรื่องแย่ๆ ที่ทำให้ทุกข์ใจ”
“ผู้กองยูจิมองโลกในแง่ดีจังเลยค่ะ”
“เพราะโลกนี้มีสิ่งดี ๆ น่ารักสดใสมากมายให้มอง...อย่างน้อยก็มีคนที่อยู่ข้างผมคนนึงละ”
ยูจิยิ้มมองมายูมิ สายตาหวาน มายูมิอึ้งก่อนหลบสายตาของยูจิ มายูมิเริ่มสับสนและหวั่นไหวกับความเป็นสุภาษบุรุษของยูจิ

บ้านโอะนิซึกะ...เสียงดนตรีโคโตะพิณญี่ปุ่นถูกบรรเลงเสียงดังสนั่นลั่นบ้านทำนองมั่ว ๆ ไม่เป็นเพลง...โคจิเดินปรี่เข้ามา เห็นไทชิ คัตสึ เซกิ ยืนสลอน เอามือปิดหูกันอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ท่ามกลางเสียงโคโตะดังอึกทึกครึกโครมจากข้างใน ไทชิส่ายหน้า
“เป็นเอามาก”
“โอย...แก้วหูชั้นนอกกับชั้นในตีกันพั่บ ๆ” คัตสึบ่นๆ
“งานนี้คงมีคนหูตึงกันทั่วถึง” เซกิถอนใจ
โคจินิ่งคิดนิดหนึ่ง คาดเดาอย่างรู้ทัน

ริวหลับหูหลับตาบรรเลงโคโตะอย่างระบายอารมณ์เต็มที่ ฟังไม่เป็นเพลง สุดท้าย...เขาจบการบรรเลงด้วยการทุบโคโตะระเบิดอารมณ์...ปึง ทันใดนั้นเสียงโคจิดังขึ้น
“รู้สึกดีขึ้นมั้ย”
ริวปรายตามองโคจิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมตอบ โคจิจึงตอบเอง
“หรือหงุดหงิดกว่าเดิม”
ริวถอนลมหายใจแรง ราวกับยอมรับอารมณ์หงุดหงิดที่เก็บกลั้นไม่ได้
“ต่อให้พังโคโตะทิ้ง ก็ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น เพราะต้นเหตุอยู่ที่ใจเรา”
“ผมเป็นคนป่าเถื่อนเอาแต่ใจ ชอบใช้ความรุนแรง อย่างที่มายูมิบอกไง”
“ยอมรับในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา คือการยอมแพ้ จมอยู่กับความคิดโทษตัวเอง คือการฆ่าตัวตาย”
ริวมองโคจิอย่างงุนงง ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่
“วางใจให้สบาย แล้วออกไปเดินเล่นกันดีกว่า”
โคจินิ่งรอคำตอบจากริว

ริวเดินตามโคจิมาที่แปลงดอกดาวเรืองหน้าบ้านของเขา แล้วชะงักมอง เมื่อเห็นแปลงดาวเรืองออกดอกบานสะพรั่ง เหลืองอร่ามเจิดจ้า
“แปลงดอกดาวเรืองของทาโร่ อาโคจิดูแลดอกดาวเรืองทั้งหมดนี้เองเหรอ”
“ความทรงจำดี ๆ ควรค่าแก่การจดจำ ดอกดาวเรืองทุกดอกในแปลงนี้ คือความรักและความใส่ใจของคน ๆ หนึ่ง มอบให้กับคนที่รัก”
โคจิยื่นมือไปแตะดอกดาวเรืองที่บานสวย
“ความหมายของดอกดาวเรืองคือ ชัยชนะอย่างสง่างาม แต่หากใช้ดอกดาวเรืองแทนความรัก มันกลับหมายถึง...การตกเป็นทาสรัก”
ริวนิ่งฟังโคจิด้วยความสนใจ โคจินึกถึงเหตการณ์ที่ทาโร่ปลูกดอกดาวเรืองอย่างมีความสุข “ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่มีหัวใจ...”
โคจินึกถึงเหตุการณ์ที่ทาโร่นำดอกดาวเรืองมาให้แพรวดาว

“รักคือรัก...ความรักไม่มีเงื่อนไข...”

โคจินึกถึงเหตุการณ์ที่แพรวดาวตะลึงกับสวนดอกดาวเรืองตรงหน้า คิดว่าทาเคชิเป็นคนทำให้ ทาโร่แอบมองอย่างเจียมตัว
 
“รักคือการให้...แม้จะไม่อาจเอื้อม ก็เพียงพอและสุขใจ”
โคจินึกถึงเหตุการณ์ที่ทาโร่ยืนมองดอกดาวเรืองอย่างเจ็บช้ำใจ
“รักคือการเสียสละ...ยอมแลกได้แม้เลือดเนื้อและวิญญาณ ไม่ว่าจะเลือกความรักแบบไหน ท้ายสุดแล้ว...รักแท้คือรักที่สละความเห็นแก่ตัว คือการมอบความปรารถนาดีให้คนรัก ไม่ใช่การครอบครองเป็นเจ้าของอย่างขาดสติ”
โคจิยื่นดอกดาวเรืองให้ริวยิ้มเป็นนัย
“รู้รึยัง…รักของโซเรียวคืออะไร”
ริวรับดอกดาวเรืองจากโคจิมามองอย่างครุ่นคิด

ห้องทำงานริวยามค่ำคืน...ริววางดอกดาวเรืองไว้หน้ารูปของมายูมิในอิริยาบถต่าง ๆ บนโต๊ะทำงาน เขานึกถึงคำพูดของมายูมิที่ตอกย้ำกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เด็ดขาด
“เรื่องของเรามันจบไปตั้งแต่เจ็ดปีที่แล้ว ทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝัน งานหมั้นของเราจะไม่มีวันเกิดขึ้น”
ริวนึกถึงเหตุการณ์ที่มายูมิพูดท้าทาย
“ผู้หญิงทุกคนอยากแต่งงานเพราะความรัก...ทำให้ฉันรักคุณสิ ฉันจะแต่งงานกับฉันรักเท่านั้น ทำให้ฉันเห็นสิว่า คุณรักฉัน”
ริวนึกถึงเหตการณ์ที่มายูมิผลักเขาอย่างหมดความอดทน
“คุณมันป่าเถื่อน เอาแต่ใจ ชอบใช้ความรุนแรง ฉันเกลียดคุณ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
ริวถอนหายใจ เครียด คำพูดโคจิแทรกขึ้นในความคิด
“รู้รึยัง…รักของโซเรียวคืออะไร”
“เส้นทางของนักรบคือการเผชิญหน้ากับศัตรู ความรักของ ริว โอะนิซึกะ...คือการไม่ยอมแพ้ ผมจะเอาชนะใจคุณให้ได้...มายูมิ”
ริวจ้องรูปมายูมิอย่างมุ่งมั่นมาก

ทาคาโอะอยู่ในห้องทำงานใช้มีดพกบรรจงแกะสลักแอปเปิ้ลลูกหนึ่งหน้าตาเรียบเย็นคาดเดายาก คุยกับนาบุ
“แค่ผู้หญิงสองคนยังจัดการไม่ได้ คิดว่าตัวเองยังมีประโยชน์อีกมั้ย”
นาบุรีบก้มศีรษะขอโทษทาคาโอะ ท่าทางเกรงกลัว
“ผมขอโทษที่ทำงานพลาดครับ แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าผู้หญิงที่โอะนิซึกะโซเรียวเป็นห่วงมากที่สุดคือหมอมายูมิ เพราะไอ้ริวถึงขนาดไปดักรอพวกเราที่บ้านทากาฮาชิ”
ทาคาโอะนิ่งทบทวน
“มายูมิ ทากาฮาชิ...ว่าที่คู่หมั้นที่ ริว โอะนิซึกะ ไม่เคยใส่ใจมาหลายปี”
“ใช่ครับ”
ทาคาโอะครุ่นคิด นึกรู้
“แผนเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูเพื่อปกป้องผู้หญิงของตัวเอง โอะนิซึกะโซเรียวฉลาดมาก ... แต่ก็ไม่มากไปกว่าฉันรู้ ฮึ ๆ”
“ให้ผมจัดการหมอมายูมิอีกครั้งมั้ยครับ”
“ถ้าเสนออะไรที่ฉลาดกว่านี้ไม่ได้ ก็อย่าแสดงความโง่ออกมา”
นาบุก้มหน้าหลบสายตาดุของทาคาโอะ ไม่กล้าเสนอความคิดเห็น
“ฉันจะหยุดให้มันตายใจ...ปล่อยให้ความรักของ ริว โอะนิซึกะ งอกเงยไปเรื่อย ๆ เพราะเวลาที่สูญเสียคนรัก...มันจะได้เจ็บปวดและทุกข์ทรมานเจียนตาย”

ทาคาโอะหั่นฉับแอปเปิ้ลจนผ่าเป็นสองซีก แววตาร้ายกาจ เหี้ยมมาก

วอร์ดฉุกเฉินในโรงพยาบาลวันใหม่ มายูมิตรวจอาการคนป่วยสีหน้าเคร่งเครียด
 
พยาบาลมองอุปกรณ์บนหัวเตียง รีบหันมาบอกด้วยความตกใจ
“ไม่มีความดันเลือดเลยค่ะ”
“เจาะแขนให้น้ำเกลือด่วน ขอเลือดกรุ๊ปเอบีเนกาทีฟ”
“สอดท่อเข้าจมูกคนป่วยด้วย”
อาจารย์ฮาร่าเข้ามาช่วยตรวจคนป่วยและกำชับพยาบาล มายูมิงุนงง
“อาจารย์ฮาร่า”
“ไปพักเถอะ เดี๋ยวผมดูแลเคสนี้ต่อจากคุณเอง เมื่อคืนรับผู้ป่วยฉุกเฉินจนไม่มีเวลาพักเลยไม่ใช่เหรอ”
“ขอบคุณค่ะ”
มายูมิยิ้มชืด หน้าตาอิดโรยอย่างมาก

ในห้องพักแพทย์...นานะเอาแก้วเครื่องดื่มใส่มือให้มายูมิ แล้วนั่งลงข้าง ๆ
“เธอดูเพลียๆ นอนน้อย...โหมทำงานหนักเหมือนอยากจะลืมอะไร”
“เปล่า”
“ระวังจะเป็นลมไปนะ พักผ่อนน้อยแบบนี้”
“ขอบใจที่เป็นห่วงจ้ะ”
“จิบโกโก้อุ่นสักหน่อย จะได้ผ่อนคลาย”
“ขอบใจนะ...นานะ”
มายูมิจิบเครื่องดื่มอย่างว่าง่าย นานะเป็นห่วง
“อาจารย์ฮาร่าคงเห็นเธอเหนื่อย ๆ เลยช่วยดูคนป่วยแทน ฉันว่าเธอกลับไปพักที่บ้านเลยดีมั้ย”
“ได้โกโก้อุ่นของเพื่อนรัก เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว”
นานะถอนใจเอือมระอา
“เฮ้อ...จะมีใครกำราบหมอมายูมิจอมดื้อรั้นได้บ้างมั้ยเนี่ย”
เสียงริวดังขึ้น
“ผมรับอาสา...”
มายูมิหันไปเห็นริวยิ้มหวานก้าวเข้ามาหาเธอในห้อง ก่อนหันไปขอความช่วยเหลือนานะ ที่นั่งยิ้มต้อนรับริว
“นานะ...ช่วยฉันไล่ตานี่ออกไปที” มายูมิกระซิบ
“เพื่อนต้องช่วยเพื่อน แต่เพื่อนไม่ยุ่งเรื่องในครอบครัวของเพื่อนจ้ะ”
“ฉันกับเขาไม่ใช่...”
ป่วยการจะอธิบาย มายูมิคืนแก้วเครื่องดื่มใส่มือนานะ แล้วเดินสวนริวออกไปอย่างรวดเร็ว
“มายูมิ”
“ถ้าเอาแต่เรียก แล้วจะปราบม้าพยศได้เหรอคะ”
นานะโบกหลังมือไล่ริวให้ตามไป

บริเวณสวนสวยของโรงพยาบาล...ริวเดินไล่ตามมายูมิมาจนทัน และคว้าข้อมือมายูมิไว้
“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
“แต่ท่าทางที่คุณเป็นอยู่นี่มันไม่ใช่...หรือเพราะผมไม่ใช่ผู้กองหน้าเต้าเจี้ยว คุณก็เลยพูดคะ ขา หวาน ๆ ด้วยไม่ได้”
“ฉันดีกับคนที่ควรดี ร้ายกับคนที่ควรร้าย ฉันไม่ใช่คนอ่อนหวานแสนดีเหมือนผู้หญิงคนนั้นของคุณ”
“ผู้หญิงคนนั้น...อาคิโกะไม่เกี่ยว ไปพาดพิงถึงเขาทำไม”
“ก็คุณว่าผู้กองยูจิก่อน”
“เดือดร้อนแทนกันมากสินะ”
มายูมิจะตอบโต้ริว ชะงัก เมื่อเห็นพยาบาลเข็นรถพาคนป่วยผ่านมา จนทำให้ริวชะงักไปด้วย มายูมิรีบสะบัดมือหลุดจากริว พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหให้เบาลง
“หมดธุระของคุณแล้ว กรุณากลับไปเถอะค่ะ”
“ผมขออนุญาตพ่อคุณ มารับคุณไปซ้อมเคนโด้ที่บ้าน ก่อนจะพากลับไปส่งอย่างปลอดภัย”
“อยู่กับคุณน่าจะอันตรายมากกว่า”
“ถ้าคุณไม่ยอมไปกับผม พ่อคุณอาจสงสัยว่าเราทะเลาะเพราะอะไร คราวนี้คุณคงต้องตอบคำถามท่านอีกยาว”

มายูมิจ้องริวอย่างหงุดหงิด ถูกมัดมือชก

โรงซ้อมเคนโด้...มายูมิตวัดดาบไม้เล่นงานริวอย่างเอาเป็นเอาตาย ริวตั้งรับได้และตอบโต้โดยไม่ออมมือ
 
มายูมิหลบทัน หมุนตัวตีกลับอย่างคล่องแคล่ว หนักแน่น ทั้งสองปะทะดาบไม้กันอย่างดุเดือด เหมือนต้องการระบายอารมณ์ใส่กันมากกว่าที่จะตั้งใจฝึกซ้อม
อีกมุม...ไทชิ คัตสึ เซกิ นั่งมองริวกับมายูมิฝึกซ้อมอย่างอึ้ง ทึ่ง หวาดเสียว
“โซเรียวกับคุณมายูมิไปกินดีวัวที่ไหนมา ออกแรงกันไม่ยั้งเลย” เซกิเปรยๆ
คัตสึทำหน้าสยอง
“เป็นคู่รักรุนแรงแห่งปี เห็นแล้วสยอง...บรื๋อ”
“ทะเลาะกันรึเปล่า” ไทชิรู้สึกแปลกๆ

ริวควงดาบไม้เล่นงานอย่างหนักหน่วง มายูมิหอบๆ เพราะเหนื่อยจากการทำงานไม่ได้พักเมื่อคืน แต่ยังสูดลมหายใจจะสู้ต่อ มายูมิตั้งรับดาบไม้ของริว แล้ววาดดาบไม้ของตนพุ่งเข้าใส่ ริวโดนดาบไม้ของมายูมิเข้าที่แขนส่วนล่าง ชะงักไป โคจิตะโกน
“โคเทะ”
โคจิยกมือให้คะแนนมายูมิ ขณะที่จ้องมองมายูมิกับริวฝึกซ้อมกัน
“ท่าทางเหนื่อยๆ...พักก่อนมั้ย” โคจิถามมายูมิ
มายูมิจ้องริว
“ไม่ค่ะ...เข้ามาเลย”
ริวบุกตีดาบไม้เข้าใส่ มายูมิตั้งรับอย่างไม่เกรงกลัว ถอยร่นไปเรื่อย ๆ
“ฝีมือดีขึ้น...แต่ยังขาดพลังที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้”
มายูมิโหมตีดาบไม้เข้าใส่แรงขึ้น อย่างไม่พอใจ
“ฉันมีพลังต่อสู้เสมอกับคนพาลเสมอ”
“พลัง...ไม่ใช่แรงอารมณ์”
“คุณหาเรื่องแกล้งฉัน เพราะไม่พอใจผู้กองยูจิ”
“คิดไปเองทั้งนั้น”
“รึไม่จริง”
“งั้นผมคิดของผมเองบ้าง”
มายูมิตีดาบไม้ใส่ แต่ริวรับได้
“ที่คุณพูดถึงอาคิโกะ ก็เพราะหึงผม”
มายูมิปรี๊ด...เหวี่ยงดาบไม้ของตัวเองฟาดดาบไม้ของเขาด้วยความโมโห จนดาบไม้ของทั้งคู่กระเด็นหลุดมือไปด้วยกัน มายูมิหอบเหนื่อยปนโมโห จ้องหน้าริวแล้วตาเหมือนจะหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
“เหนื่อยก็พักบ้างก็ได้”
แต่มายูมิยังไม่วายสูดลมหายใจมุ่งมั่น
“ฉันมาซ้อมเคนโด้ตามหน้าที่แล้ว กรุณาให้คนของคุณไปส่งฉันที่บ้านด้วย”
มายูมิเดินสะบัดออกไปอย่างฉุนเฉียว ริวโมโห รีบตาม โคจิ ไทชิ คัตสึ เซกิ เลิกลั่ก งงว่าเกิดอะไรขึ้น

ในห้องเปลี่ยนเสื้อ...มายูมิเปิดตู้เสื้อผ้า แต่ริวตามเข้ามาปิดตู้เสื้อผ้า ปัง มายูมิหันมาต่อว่าด้วยความไม่พอใจ
“เลิกยุ่งกับฉันซะที”
“ผมต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่ออาทิตย์ก่อนเรายังเข้าใจดีกันอยู่เลย ทำไมจู่ๆ คุณถึงเปลี่ยนไปทำดีกับไอ้ผู้กองนั่น”
“ฉันไม่เคยเปลี่ยน ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าความจริงฉันกับผู้กองยูจิคบหาดูใจกันมานานแล้ว ก่อนที่คุณจะกลับเข้ามาในชีวิตฉัน”
“หมายความว่าไง”
“เจ็ดปีที่คุณไม่สนใจฉัน แต่มีคนอื่นที่เขา เห็นค่า และ เห็นใจ ฉันรู้จักกับผู้กองยูจิมาตั้งแต่เรียนแพทย์แล้ว”
“เป็นไปไม่ได้”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด...ผู้หญิงอย่างฉันจะเลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเอง พฤติกรรมที่ผู้กองคนนั้นปฏิบัติกับฉัน...มันต่างจากโอนิซึกะโซเรียว โดยสิ้นเชิง”
“มันทำอะไรกับคุณ” ริวชักโกรธ
“สุภาพบุรุษ...อ่อนโยน ตรงข้ามกับนิสัยเอาแต่ใจตัวแย่ ๆ ของใครบางคน ผู้กองยูจิเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่คนป่าเถื่อนเอาแต่ใจ”
“นี่คุณเลือกมันใช่มั้ย”
“ถ้าคุณเป็นฉัน...คุณจะเลือกใคร ระหว่างสุภาพบุรุษที่น่ารักพร้อมจะเข้าใจและใส่ใจเราทุกอย่าง...ตลอดเวลามีแต่เราคนเดียวในหัวใจ” มายูมิประชด
ริวไม่พอใจมากกับทุกคำพูดของมายูมิ
“กับอีกคนหนึ่งที่ป่าเถื่อน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยคิดถึงหัวใจคนอื่น...แอบซ่อนผู้หญิงอีกคนนึงไว้ตลอดเวลา”
ริวจ้องหน้ามายูโกะ
“ผู้กองยูจิเป็นสุภาพบุรุษ...ส่วน ริว โอะนิซึกะ เป็นคนป่าเถื่อน”
“ใช่...”

“ได้...ถ้าคุณคิดว่าผมป่าเถื่อน ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าความจริงแล้วพวกป่าเถื่อนจะปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างคุณยังไง”

รอยฝันตะวันเดือด ตอนที่ 4 (ต่อ)

ริวโกรธที่ถูกมายูมิต่อว่า ตรงเข้ากอดปลุกปล้ำ มายูมิตกใจทุบตี
 
“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ริวไม่สนใจ ปลุกปล้ำมายูมิด้วยความโมโห มายูมิพยายามดิ้นรนขัดขืน พยายามหนี แต่ถูกริวดึงตัวเข้ามากอด
“ผู้ชายป่าเถื่อนเอาแต่ใจ มันไม่ฟังผู้หญิงหรอก แต่มันจะทำแบบนี้...”
ริวดึงมาจูบ มายูมิตกใจ ทุบตี แต่ริวไม่ยอมปล่อย ยังคงปลุกปล้ำมายูมิอย่างหน้ามืด
“อย่านะ...อย่า ปล่อยฉันนะ”
มายูมิตกใจสุดขีด ทุบตีริวแต่ต้านแรงไม่ไหว เธอดวงตาพร่ามัวมากขึ้น จนสติดับวูบ เป็นลมไป ริวรีบประคองกอดร่างมายูมิไว้ด้วยความตกใจ
“มายูมิ...มายูมิ”
ริวตกใจมองมายูมิสลบไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอด

ในห้องนอนริวเย็นนั้น...มายูมิค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือสายตาพร่ามัวของเธอค่อยแจ่มชัดขึ้น เห็นริวนอนจ้องหน้าเธออยู่ใกล้มาก สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิด มายูมิสะดุ้ง ตกใจที่เห็นตัวเองกับริวอยู่ในชุดยูกาตะหลวม ๆ นอนอยู่บนเบาะเดียวกัน เธอรีบลุกขึ้นดึงผ้าห่มมาบังร่างตัวเอง
“คุณทำอะไรฉัน”
“ก็...อย่างที่เห็น ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันในห้องสองคน คุณคิดว่ายังไง”
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
มายูมิปฏิเสธ แต่ก้มมองชุดยูกาตะที่ใส่อยู่เริ่มใจเสีย เธอพูดเสียงแผ่วกับตัวเอง
“ไม่...”
“ผมเสียใจที่หักห้ามใจไม่ได้...คุณสวยเหลือเกิน” ริวทำขรึม
มายูมิเริ่มสับสน มองตัวเองกับเขา
“ไม่จริง”
“ผมให้ป้าอายะโกะเอาเสื้อผ้าและชั้นในของคุณไปซักหมดแล้ว คุณจะรอให้ชุดของคุณแห้ง หรือใส่ชุดของคุณเซโกะไปก่อนก็ได้”
ริวพูดพลางขยับเข้าหา ดึงเธอมากอดไว้
“ผมขอโทษ”
มายูมิผลักร่างริวออก พลางถอยกรูด ตวาดกลับ
“ออกไป”
“ถ้าคุณเข้ามา ฉันจะร้องให้คนช่วย” ริวขยับเข้ามา
“เพิ่งรู้ว่าภรรยาของผมชอบแสดงออก...อยากให้คนทั้งบ้านเห็นว่าเราจี๋จ๋ากันขนาดไหนละสิ”
“ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ”
“แน่ใจเหรอ”
ริวไล่สายตามองมายูมิทั่วเรือนร่าง ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ผู้ชาย...ผู้หญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง”
มายูมิดึงผ้าห่มมาบังตัวเองอย่างมิดชิด อึ้ง สับสน พยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

คัตสึกับเซกิอยู่ในสวน ชะเง้อมองขึ้นไปบนห้องด้วยความสงสัย อยากรู้
“แฮปปี้เอนดิ้ง...เตรียมตัดชุดลูกน้องเจ้าบ่าวได้เลยใช่มั้ย” คัตสึพูดขำๆ
“หวังว่าโซเรียวจะไม่ถูกคุณมายูมิประเคนรักด้วยหมัด ศอก เข่า ซะก่อน”
“อืม...มีสิทธิ์เป็นไปได้”
ไทชิวางมือหนักลงบนบ่าของคัตสึกับเซกิ จากทางด้านหลัง
“เรื่องที่โซเรียวสั่งให้ไปทำ...ทำเรียบร้อยแล้วเหรอ”
คัตสึกับเซกิ สะดุ้งโหยง เพิ่งนึกขึ้นได้

มายูมิก้มหน้านิ่ง เคร่งเครียดมาก ริวพยายามเกลี้ยกล่อม
“ผมขอโทษที่ปลุกปล้ำ ทำให้คุณเสื่อมเสีย คุณจะโกรธเกลียดผมยังไงก็ได้ ผมขอยอมรับผิดทั้งหมด...เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”
มายูมิคิดนิดหนึ่ง
“คิดว่าฉันโง่เหรอ”
มายูมิเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่เขาพูด
“ฉันเป็นหมอ...ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”
“ก็เราสองคน...”
“เราไม่มีอะไรกัน”
“แล้วเสื้อผ้าของคุณ...”
“คุณอาจจะให้ใครมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันก็ได้”
“ไม่คิดว่าผมจะแก้ผ้าคุณด้วยตัวเองเหรอ”
มายูมิทั้งอาย ทั้งโกรธ
“ฉันจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันว่าแผนของคุณใช้ไม่ได้ผลกับฉัน”
มายูมิลุกขึ้น จะเดินออกจากห้อง ริวรีบเข้าไปรั้งตัวไว้
“เดี๋ยวก่อนมายูมิ”
“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน...ออกไปนะ”
มายูมิคว้าหมอนเข้าฟาด ริวยังคงยื้อยุดฉุดตัวไว้ไม่ยอมปล่อย มายูมิดิ้นรนขัดขืนสุดแรง ผลักริวออกไป
“ปล่อย”

มายูมิวิ่งไปที่ประตูห้องนอน

มายูมิเปิดประตูออกได้ แต่ยังดิ้นไม่หลุดจากการกอดรัดของริว ทั้งคู่กอดรัดกันอยู่ที่หน้าห้อง มายูมิทุบ จิก ข่วน
 
“ฉันบอกให้ปล่อย”
“โอ๊ย...”
ริวสะดุ้งจากการถูกข่วน ปล่อยมือ ทำให้มายูมิเสียหลัก
“ว้าย...”
“มายูมิ”
ริวคว้าตัวมายูมิไว้ แต่ก็ทำให้ทั้งคู่ยืนกอดกันแน่น แนบชิดอยู่ตรงหน้าห้องนั้น
“ผมชอบกอดคุณแบบนี้จัง”
“ปล่อยฉัน”
“ไม่...” ริวยิ้มๆ แกล้ง “นอกจากไม่ปล่อยแล้วผมยังจะทำเรื่องสนุกๆ กับคุณต่ออีกต่างหาก”
ริวช้อนตัวอุ้มมายูมิตรงไปที่เตียงวางเธอไว้ โดยประตูยังคงเปิดอยู่
“เมื่อสองสามชั่วโมงก่อนคุณหมดสติ เลยจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง...เดี๋ยวผมจะทบทวนให้ก็แล้วกันนะ”
ริวก้มไปเหมือนจะปล้ำ ทากาฮาชิ ทามาโกะ เข้ามาพร้อมไทชิ คัตสึ เซกิ ทามาโกะยกมือขึ้นทาบอกด้วยความอึ้ง เมื่อเห็นริวนอนกอดมายูมิอยู่ในชุดยูกาตะที่บางเบา
“มายูมิ”
“คุณพ่อ คุณแม่”
มายูมิตกใจที่เห็นทากาฮาชิกับทามาโกะ รีบผลักริวแล้วลุกขึ้น ไทชิ คัตสึ เซกิ รีบก้มหน้า ไม่มองการแต่งตัวของมายูมิ พยายามทำตัวให้เงียบที่สุด ทากาฮาชิรู้สึกอับอาย โกรธมาก

ริวแต่งตัวใหม่ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย โคจิเดินเข้ามาจ้องหน้าริว สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
“ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้มายูมิยอมรับเงื่อนไขการแต่งงาน”
“แต่ความจริงโซเรียวไม่ได้ล่วงเกินคุณมายูมิเลยแม้แต่ปลายเล็บ คุณมายูมิแค่เป็นลมสลบไป อายะโกะช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็พาไปนอนที่ห้องโซเรียว”
ริวพยักหน้ายอมรับ ครุ่นคิดบางอย่าง
“โซเรียวคิดจะรวบรัดคุณมายูมิด้วยวิธีนี้งั้นเหรอ”
“ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น”
“นอกจากจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา มันยังเป็นการไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง ทำให้ผู้หญิงเสื่อมเสีย”
“มีวิธีนี้เท่านั้นที่จะปราบพยศมายูมิได้ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“แต่...โซเรียวควรใช้หัวใจเปลี่ยนใจคุณมายูมิ”
“ผมตัดสินใจแล้ว อาโคจิช่วยผมหน่อย บอกกับคุณอาทากาฮาชิ โอะนิซึกะจะรับผิดชอบเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เอง”
ริวก้มศีรษะขอร้องโคจิ
“นะครับ...”
โคจิหนักใจ

ริวกับมายูมิเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ทั้งหมดนั่งคุยกันในโถงบ้าน บรรยากาศตึงเครียด ทากาฮาชิเคร่งขรึม หน้าตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“หนูกับโอะนิซึกะโซเรียวไม่มีอะไรกันค่ะ” มายูมิพยายามอธิบาย
“แต่ชุดที่ลูกกับโอะนิซึกะโซเรียวใส่เมื่อกี้...” ทามาโกะอับอายจนไม่กล้าพูด
“ทั้งหมดเป็นแผนของเขา...ถ้าพ่อกับแม่ไม่เชื่อ หนูจะเอาผลตรวจที่โรงพยาบาลมายืนยัน”
ทากาฮาชิหน้าเครียด
“ไม่มีอะไรจะล้างความเสื่อมเสียให้ตระกูลทากาฮาชิได้อีกแล้ว เกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง...ลูกสาวของพระอาทิตย์ถูกทำลายไปหมดแล้ว ตั้งแต่ลูกนอนกอดกับผู้ชายในชุดนอน”
มายูมิน้ำตาคลอรู้สึกผิดก้มศีรษะ
“หนูขอโทษค่ะพ่อ”
“โกะเมนนาไซ...ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลทากาฮาชิต้องเสียเกียรติและชื่อเสียง ขอให้คุณอาทั้งสองโปรดรับการขอโทษจากผมด้วย”
ริวก้มศีรษะขอโทษทากาฮาชิกับทามาโกะ โคจิสีหน้าเครียด
“โอะนิซึกะยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง สุดแท้แต่ท่านทากาฮาชิจะเห็นสมควร”
ทากาฮาชิหันไปปรึกษากับทามาโกะ มายูมินึกลุ้น ไม่สบายใจ ทามาโกะถอนใจอย่างปลง ๆ แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับทากาฮาชิ
“ผมขอให้โอะนิซึกะโซเรียวจัดการเรื่องพิธีหมั้นหมาย และจัดงานแต่งงานกับลูกสาวผมให้ถูกต้องตามประเพณี ก่อนที่ตระกูลทากาฮาชิจะถูกสังคมวิจารณ์ในทางเสื่อมเสีย”
“โอะนิซึกะจะรีบจัดงานแต่งงานของสองตระกูลให้สมเกียรติ และสมศักดิ์ศรีโดยเร็วที่สุด”
โคจิรับคำ มายูมิแย้งทันที
“แต่หนูยังไม่อยากแต่งงานนะคะพ่อ”
“เป็นว่าที่คู่หมั้นของโอะนิซึกะโซเรียว...จะช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งอยู่ดี ถึงเวลาที่ลูกต้องทำหน้าที่รักษาเกียรติให้ตระกูลแล้ว” ทากาฮาชิพูดเรียบนิ่ง
มายูมิหันไปหาทามาโกะให้ช่วย แต่สีหน้าทามาโกะบ่งบอกถึงความลำบากใจ ช่วยไม่ได้
“ผมขออนุญาตให้มายูมิย้ายมาอยู่บ้านโอะนิซึกะตั้งแต่คืนนี้ เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว และเพื่อความปลอดภัย” ริวบอกทันที
“ไม่มีทาง...ฉันจะไม่อยู่ที่นี่กับคุณ” มายูมิไม่ยอม
“คนร้ายบุกไปบ้านทากาฮาชิวันก่อน เพราะต้องการเล่นงานว่าที่นายหญิงของโอะนิซึกะ ถ้าคุณมายูมิอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่านะครับ” โคจิแนะ
ทากาฮาชิเห็นด้วย
“ถ้าท่านโคจิเห็นว่าเหมาะสม ผมก็ไม่ขัดข้อง...เพื่อความปลอดภัยของมายูมิ”
“คุณพ่อคะ” มายูมิอึ้ง

ทากาฮาชิหน้าเคร่งไม่สนใจเสียงคัดค้านของมายูมิ มายูมิหมดเรี่ยวแรง สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนตั้งตัวไม่ทัน

ในครัวบ้านโอะนิซึกะ...อายะโกะทอดถอนใจ สงสารมายูมิ
 
“สงสารคุณมายูมิถูกมัดมือชกให้แต่งงานทั้งที่ไม่เต็มใจ...แต่ฉันก็ดีใจที่จะได้อุ้มโอะนิซึกะตัวน้อยๆ”
“โธ่ป้า...เขาเพิ่งจะเตรียมแต่งงานกัน ยังไม่ได้ท้องป่อง” เซกิขัดขึ้น
“ท้องไม่ป่อง แต่คุณมายูมิงอนตุ๊บป่อง...ตุ๊บป่อง แน่นอน” คัตสึยิ้มๆ
“แผนหนึ่งจัดการไม่สำเร็จ โซเรียวใช้แผนสองรวบรัดคุณมายูมิจนได้” เซกิภูมใจในตัวนาย
ฟุมิโกะชะงักหันมาถาม
“การที่ท่านทากาฮาชิกับคุณทามาโกะมาที่นี่...มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญงั้นสิ”
คัตสึกับเซกิ เข้าไปประกบฟุมิโกะคนละข้าง ต้องการใกล้ชิดฟุมิโกะเนียน ๆ
“มันคือความตั้งใจเลยล่ะ” เซกิบอกเสียงหวาน
“โซเรียวให้พวกเราเชิญครอบครัวทากาฮาชิมาทานมื้อเย็นเพราะตั้งใจให้พ่อแม่คุณมายูมิมาจ๊ะเอ๋ภาพบาดตา...ด้วยตัวเอง” คัตสึเสริม
“น้องฟุมิโกะสนใจมาเล่นจ๊ะเอ๋กับพี่เซกิบ้างมั้ยล่ะ” เซกิยิ้มกรุ้มกริ่ม
อายะโกะแทรกขึ้น
“โซเรียวฉลาดแกมโกง แต่แกสองคนน่ะกะล่อน ออกไปจ๊ะเอ๋ไกล ๆ หลานฉันเลย”
อายะโกะตีคัตสึกับเซกิ ให้ออกห่างฟุมิโกะอย่างไม่ไว้ใจ เซกิขัดใจ
“หลานสาวป้าไม่ใช่ผลไม้ค้างปี จะแช่อิ่ม ดองเค็มไว้ทำไม”
ฟุมิโกะทั้งเขิน ทั้งขำ คัตสึกับเซกิ ที่วิ่งหนีอายะโกะ

หน้าบ้านโอะนิซึกะใกล้ค่ำ...มายูมิมาส่งทากาฮาชิกับทามาโกะที่รถด้วยความอาลัย
“เดี๋ยวแม่จะให้น้อง ๆ เก็บของใช้ของลูก ฝากมากับคนของโอะนิซึกะ”
“แม่คะ”
มายูมิโผเข้ากอดทามาโกะ น้ำตาริน ไม่อยากอยู่บ้านโอะนิซึกะ ทามาโกะใจหาย เป็นห่วงลูก แต่ต้องตัดใจ
“ผู้หญิงบ้านทากาฮาชิทุกคนจะต้องเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอเด็ดขาด”
“ลูกกำลังจะมีงานมงคล ทำหน้าตาให้สดชื่นหน่อย” ทากาฮาชิมองมายูมิตำหนิ
มายูมิมองทากาฮาชิด้วยความน้อยใจ
“หนูยอมแต่งงานและทนอยู่ที่นี่เพื่อรักษาเกียรติให้ตระกูลทากาฮาชิ แต่หนูจะไม่ฝืนยิ้ม...เพื่อหลอกทุกคนว่ากำลังมีความสุข ทั้งที่น้ำตามันไหลท่วมหัวใจหมดแล้ว”
ทากาฮาชิถอนหายใจยาว เห็นใจลูกสาวอยู่ไม่น้อย จำต้องเดินเข้าไปในรถเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นความเศร้าเสียใจของลูกสาว ทามาโกะยิ้มให้กำลังใจมายูมิ แล้วผละจากมาขึ้นไปนั่งกับทากาฮาชิตรงเบาะด้านหลัง คัตสึกับเซกิปิดประตูรถ แล้ววิ่งแยกไปขึ้นรถคนละฝั่งด้านหน้า มายูมิน้ำตาไหล มองรถแล่นออกไป เศร้ามาก

ค่ำนั้น ไทชิก้มหน้าก้มตาพรวนดินและรดน้ำดอกไม้ในสวนหน้าบ้านอย่างขะมักเขม้น ไดกิเดินเข้ามาหยุดมองไทชิด้วยสายตาชื่นชม
“ไทชิ...เลิกงานแล้วแทนที่จะรีบกลับบ้านไปพักผ่อนยังจะแวะมาดูแลสวนให้อาอีกทำไม”
“ผมเป็นห่วงต้นไม้พวกนี้ครับ อุตส่าห์ปลูกมาตั้งนาน”
“คนสวนบ้านอาก็มี ใช้ให้เขาทำก็ได้”
“ทำเพราะหน้าที่กับทำเพราะสมัครใจมันไม่เหมือนกันครับ...คุณอาเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก อะไรที่ตอบแทนพระคุณได้ ผมก็ยินดี”
“คนกตัญญูรู้คุณอย่างไทชิ ทำอะไรก็จะมีแต่ความเจริญ ใครได้เป็นสามีถือว่าโชคดีมาก...มีใครอยู่ในใจบ้างหรือยัง อาจะช่วยทาบทามให้”
ไทชิชะงัก เศร้า เจียมตัว
“ผมยังไม่คิดเรื่องนี้ครับ”
“หนุ่มสาวยุคนี้ก็แปลก...มัวแต่ทำงานจนไม่สนใจชีวิตคู่ จะเอาอย่างโอะนิซึกะโซเรียวเหรอ”
“ท่านโคจิเพิ่งทาบทามสู่ขอคุณมายูมิให้โซเรียวเมื่อเย็นนี้ครับ โอะนิซึกะใกล้จะมีงานมงคลในอีกไม่นานนี้แล้ว”
“จริงเหรอ” ไดกิตื่นเต้น
ทันใดนั้นมีเสียงแตกดังเพล้ง...ไทชิกับไดกิหันไปเห็นอาคิโกะทำถ้วยชาหลุดมือทั้งถาด อาคิโกะช็อกกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะแตกสลาย
“อาคิโกะ...ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้ล่ะลูก”
ไทชิรีบเข้าไปช่วยเก็บเศษถ้วยชาบริเวณเท้าอาคิโกะด้วยความเป็นห่วง
 
อาคิโกะย่อตัวลงเหมือนจะเก็บเศษถ้วยชา แต่สายตากลับจ้องไทชิ ราวกับต้องการรู้รายละเอียดทั้งหมด

ไทชิหย่อนกระดาษห่อเศษแก้วทิ้งลงในถังขยะหลังบ้าน พอหันหลังกลับมาเจออาคิโกะยืนรออยู่
 
“ทำไมริวถึงรีบแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”
“ในฐานะองครักษ์ของโซเรียว ฉันบอกอะไรเธอไม่ได้ แต่ในฐานะเพื่อน ฉันอยากให้เธอตัดใจจากโซเรียวให้เร็วที่สุด”
“เธอก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับริว”
ไทชิเจ็บปวด กล้ำกลืน
“โซเรียวรักคุณมายูมิมาก รักจนไม่มีหัวใจเผื่อให้ใครอีก ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บปวดกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
ไทชิเตือนอาคิโกะด้วยความหวังดี ก่อนเดินจากไปอย่างเจ็บช้ำหัวใจ อาคิโกะยืนนิ่ง ครุ่นคิด แค้น ไม่ยอมแพ้
“สำหรับฉัน...ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ฉันจะทำให้ ริว โอะนิซึกะเป็นของฉันคนเดียว”
อาคิโกะแววตาเคียดแค้นชิงชัง

ไทชิเดินออกมาจากบ้านอาคิโกะโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ไทชิหน้าเครียด แววตาหม่นหมองเมื่อคิดถึงชีวิตรักที่ตัวเองแอบรักอาคิโกะอยู่

บริเวณโถงด้านล่างบ้านโอะนิซึกะ...อายะโกะจัดข้าวของเข้าที่เข้าทางอยู่ ริวเดินเข้ามามองหามายูมิ อายะโกะหันไปเห็น
“เห็นคุณมายูมิมั้ยครับ”
“ขึ้นไปบนห้องตั้งแต่ทานข้าวเสร็จ ไม่พูดไม่จากับใครเลยค่ะโซเรียว”
ริวไม่สบายใจ รีบเดินขึ้นไปบนห้อง อายะโกะมองตาม

ริวเข้ามาในห้องนอน แปลกใจที่ไม่เห็นมายูมิอยู่ในห้อง
“มายูมิ”
ริวมองซ้ายมองขวาหาแต่หาไม่เจอ
“มายูมิ...คุณอยู่ที่ไหน”
เสียงกุกกักดังมาจากในตู้เสื้อผ้า ประตูตู้เสื้อผ้าแง้มอยู่เล็กน้อย ริวสงสัยจึงเดินไปดูเปิดประตูตู้เสื้อผ้า เห็นมายูมิน้ำตาคลออยู่ เธอรีบปาดน้ำตาขณะนั่งอยู่ด้านในตู้
“ทำไมมานั่งอยู่ในนี้”
“ถ้าต่อไปนี้ฉันต้องอยู่ห้องนอนห้องเดียวกับคุณ ฉันก็จะอยู่แต่ในนี้ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
มายูมิคว้าประตูตู้ให้ปิดเหมือนเดิม แต่ริวยื้อไว้
“จะทำแบบนี้ทำไม ออกมาข้างนอกเถอะ อย่าไปแย่งที่นอนจิ้งจกแมลงสาบเลย”
“ฉันจะอยู่ตรงไหนก็เรื่องของฉัน คุณจะทำอะไรก็เชิญ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“ไม่อยากเห็นหน้า ผมหันหลังให้ก็ได้”
ริวแกล้งทำเป็นหันหลัง กวนอารมณ์ หนำซ้ำยังคุยต่อโดยไม่หันหน้ามาอีกต่างหาก
“คุณรู้มั้ย...ผมดีใจมากแค่ไหนที่มีโอกาสมีคุณอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ คุณจะเครียดไปทำไม ในเมื่อยังไงก็ต้องอยู่กับผม ทำใจให้สบายดีกว่า การได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ บางทีคุณอาจจะเห็นความดีในตัวผมบ้างก็ได้”
“ไม่มีทาง”
“เออจริง...ก็หันหลังคุยกันแบบนี้ คุณจะเห็นได้ไงเนอะ” ริวแกล้งยั่ว
“คนบ้า...”
“ฮ่าๆ ผมบ้ารักหมอดื้อ คุณหมอมายูมิที่ไม่ยอมรับใจตัวเองว่าหลงรักผม”
มายูมิยิ่งโมโหที่ถูกริวยั่ว จึงผลักประตูใส่หลังเขาจนหน้าคะมำ
“นี่แน่ะ ยั่วดีนัก...รู้จักฉันน้อยไป”
ริวหน้าคะมำไป หันหลังมามองมายูมิที่เผลอเดินออกมา
“ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน คุณไม่มีวันเป็นคนดีในสายตาของฉันแน่ๆ”
“ในที่สุดคุณก็ทนหันหลังคุยกันไม่ได้ ต้องหันหน้ามาคุยกับผม” ริวยิ้มๆ “รู้มั้ย...นอนคุยกับผมเนี่ย สนุกกว่าหันหน้าคุยอีกนะ”
ริวแกล้งทำเป็นปรี่เข้าไป จะอุ้ม มายูมิตกใจโวยวาย
“ว้าย...คุณจะทำอะไรฉัน”

ฟุมิโกะกับอายะโกะที่ช่วยกันจัดของในโถงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงด้านบนระหว่างมายูมิกับริว ฟุมิโกะหันไปมองอายะโกะด้วยสายตาสงสัย เสียงมายูมิดังมาอีก
“ปล่อยฉันลงนะ คนบ้า”
ฟุมิโกะชะเง้อมองตามเสียงร้องของมายูมิ ตื่นเต้นมาก
“โซเรียวกำลังเล่นอะไรกับคุณมายูมิคะป้า”
อายะโกะปราม
“อย่าสนใจเรื่องของเจ้านาย”
“แต่ว่า...”
“ไปเก็บของในครัวเถอะ”
“ค่ะๆ”
ฟุมิโกะเดินเลี่ยงออกไป แต่อายะโกะเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน

ริวอุ้มมายูมิที่ดิ้นรนไม่ยอม
“ถ้าคุณไม่ยอมปล่อย ฉันจะ...”
“จูบแก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก จมูก”
มายูมิโมโหมาก สุดทน กัดเข้าที่หัวไหล่เขา
“โอ๊ย”
สบโอกาส มายูมิจึงสะบัดตัวหลุดจากริวได้อย่างง่ายดาย มองอย่างเยาะเย้ย สะใจ
“สมน้ำหน้า”
“โอย...เจ็บนะ คุณจะเครียดอะไรกันนักหนา ผมก็แค่ยั่วคุณเล่น ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย ผมเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่คุณคิดหรอกน่า”
“คุณเจ็บแค่นี้ ยังไม่ถึงครึ่งที่ฉันรู้สึก”
“คุณคงรักผมมาก ถึงได้เจ็บปวดจนไม่ยอมให้อภัย”
มายูมิชะงัก ไม่ยอมรับความจริง
“ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่เคยคิดจะรัก”
ริวมองมายูมิด้วยสายตาจริงจังมากขึ้น ทำเอามายูมิต้องชะงักไป เขาจับไหล่เธอไว้ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม
“เรากำลังจะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ไม่พอใจอะไรก็ควรปรับความเข้าใจกัน”
“ไม่จำเป็น เพราะสิ่งที่เราทำ มันก็แค่ หน้าที่ มันเป็นความรับผิดชอบ เราทำเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลเท่านั้น”
“แต่ผมทำเพื่อหัวใจตัวเอง” ริวเน้นย้ำจริงจัง
มายูมิอึ้ง พยายามไม่ใจอ่อนกับเขา
“หัวใจผม...ที่อยู่กับคุณมายูมิ”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ ฉันไม่เห็นต้องรับรู้”
“จะมีวันที่คุณมีหัวใจให้ผมบ้างมั้ย”
“ไม่มีวัน”
“เข้มแข็ง...เด็ดเดี่ยว สมเป็นมายูมิที่ผมรัก นี่สิคือผู้หญิงตัวจริงของโอะนิซึกะโซเรียว”
ริวคว้าตัวมายูมิที่ไม่ทันตั้งตัวเข้ามากอดเต็มๆ ด้วยความรัก มายูมิดิ้นไม่ออก
“ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้...เดิมพันนี้ด้วยหัวใจของเรา”
มายูมิประหม่า หวั่นไหวเล็กน้อย แต่ยังทำใจแข็ง พยายามดันร่างริวออกไป แต่แล้วเป็นริวเองที่คลายกอดมายูมิ เขาก้าวขาขยับตัวออกมา มายูมิถอยอย่างระวังตัว ริวเดินผ่านเอาที่นอน หมอน ผ้าห่ม มาทำบังเกอร์สูง ขวางกั้นเขตในห้องนอนเป็นสองฝั่ง มายูมิสงสัย
“จะทำอะไร”
“เราจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ด้วยกัน แต่มีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่ก้าวก่ายกัน ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของสายเลือดซามุไร ผมจะไม่ทำร้ายคุณ ไม่แตะต้องตัวคุณ”
ริวทำบังเกอร์เสร็จ จึงย้ายไปอยู่อีกฝั่ง ปล่อยให้มายูมิอยู่อีกฝั่งตามลำพัง มายูมิรีบนั่งลงหลบหลังบังเกอร์ทันที ยังไม่ไว้ใจเขา
“ผมเอาที่นอน หมอน ผ้าห่มมากั้นเขตหมดแล้ว...เราสองคนไม่มีที่นอนแน่ๆ เดี๋ยวผมจะไปขอที่นอนจากป้าอายะโกะมาให้ใหม่”
“ไม่ต้อง ฉันจะนอนกับพื้นนี่แหละ”
“ผมนอนกับพื้นได้อยู่แล้ว แต่ห่วงคุณจะนอนไม่สบายตัว”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ ไม่ต้องมาสนใจฉัน”
“คุณอย่าดื้อนักได้มั้ย”
“เลิกยุ่ง เลิกตอแยฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า”

มายูมิทิ้งตัวลงนอนกับพื้น หันหลังให้ มายูมิหงุดหงิด สับสนและว้าวุ่นมาก ริวทอดถอนใจ มองมายูมิด้วยความเป็นห่วง
 
จบตอนที่  4 
กำลังโหลดความคิดเห็น