แฉแก๊งหากินผลประโยชน์ใน รฟม. หวังผลักดันให้เกิดการประมูลรถไฟฟ้า เดินหน้า สบช่องนโยบายกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า ผลักดันแนวทางการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า และการเดินรถตามที่กลุ่มผลประโยชน์ต้องการ เบื้องหลังเคยพลาดหวังจากสายสีม่วงมาแล้ว “บิ๊กคมนาคม” จี้ติดจับตาเคลื่อนไหวกลุ่มหาผลประโยชน์ใน รฟม. และ รฟท.
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย ”ASTVผู้จัดการรายวัน” ถึงนโนบายของ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้มีนโยบายที่จะเร่งรัดดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ตามแผนแม่บทของ รฟม. คือ 1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) 23 กม. 2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ) รวม 27 กม. 3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่และแบริ่ง-สมุทรปราการ) รวม 25 กม. 4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 36 กม. 5.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) 37.5 กม. 6.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) 19.8 กม.
โดยให้ดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดทั้งในด้านความสะดวกและปลอดภัย แต่จะต้องเป็นประโยชน์และเป็นธรรมต่อ รฟม. และผู้ประกอบการด้วยแผนดำเนินการนี้จะเปิดกว้างให้ใช้รูปแบบ PPP คือ ให้รัฐและเอกชนร่วมลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและภาระของรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ขบวนการใต้ดินที่จะหาประโยชน์ในรฟม. พยายามผลักดันให้มีการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า ซึ่งโยงใยกับกลุ่มอำนาจรัฐบาลเก่า อาศัยผู้บริหาร รฟม. และ รฟท. ผลักดัน หวังใช้โอกาสที่รัฐบาลต้องเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ กำหนดแนวทางการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถที่ตนเองต้องการเพื่อสนองผลประโยชน์ของกลุ่มตน เพราะหลังจากที่ผิดหวังมาจากสายสีม่วง ที่ไม่สามารถผลักดันให้รัฐเป็นผู้จัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเองได้ ก็พยายามผลักดันให้รัฐเป็นผู้ลงทุนจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า และเดินรถเองในโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ
สำหรับขบวนการนี้ รู้ดีว่าค่าจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเป็นผลประโยชน์ที่สามารถทำได้ทันที ส่วนค่าบริหารจัดการเดินรถเป็นผลประโยชน์ระยะยาว จึงหวังผลักดันให้หน่วยงานของรัฐ เช่น รฟม.หรือ รฟท.จัดตั้งบริษัทเดินรถเพื่อเป็นแหล่งเก็บเกี่ยวระยะยาว โดยอ้างความโปร่งใสและผลประโยชน์ของประชาชนมาบังหน้า ซึ่งหากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไป รฟม.หรือบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเดินรถก็จะเป็นเหมือน รฟท.หรือ ขสมก.ที่มีแต่หนี้ และไม่สามารถบริหารจัดการได้ แต่เป็นขุมทรัพย์สำคัญของกลุ่มผลประโยชน์
“ขณะนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงคมนาคม ได้จับตาการเคลื่อนของกลุ่มผลประโยชน์ใน รฟม.และได้หาวิธียับยั้งขบวนการที่แอบแฝงและเข้ามาหาผลประโยชน์ใน รฟม. รวมถึง รฟท. ด้วย “ แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม กล่าวย้ำ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงโครงการที่น่าจับตามองที่สุดขณะนี้ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งขณะนี้ได้ทำการก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% จะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ แต่ รฟม.ยังไม่มีผู้ให้บริการเดินรถ ขบวนการนี้ต้องการผลักดันให้รัฐเป็นผู้จัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเองและจ้างเอกชนเดินรถเท่านั้น (แบบ PSC) เพราะหากเอกชนเป็นผู้ลงทุนระบบรถไฟฟ้าเอง ผลประโยชน์ที่กลุ่มของตนต้องการจะหายไป หรือหากให้รัฐจัดตั้งบริษัทเดินรถเองได้ก็จะได้ผลประโยชน์ในระยะยาวจากการเดินรถและซ่อมบำรุงโดยไม่ได้ สนใจว่าจะเป็นผลเสียและภาระต่อรัฐขนาดไหน แม้ว่าขณะนี้ผู้ให้บริการเดินรถในปัจจุบัน คือ BMCL และ BTS ยืนยันว่ายินดีจะเจรจาเพื่อเป็นผู้ดำเนินการส่วนต่อขยายให้แก่ รฟม.เพราะสามารถทำได้โดยเร็ว ประหยัด และสะดวกปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชนผู้ใช้บริการ แต่กลุ่มผลประโยชน์นี้อ้างว่าเพื่อให้เกิดการแข่งขันและความโปร่งใส ต้องประมูลเท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและผลการศึกษาฯของ รฟม.ที่ระบุไว้ว่า การเจรจากับผู้ให้บริการรายเดิมจะเป็นประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ในส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสายสีชมพูและสายสีส้ม ขณะนี้ รฟม.ศึกษาและวางแผนว่าจะเป็นผู้จัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเองและจ้างเอกชนเดินรถ และอยู่ระหว่างเสนอ กระทรวงคมนาคม ส่วนสายสีแดง รฟท. อยู่ระหว่างประมูลจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเอง โดยไม่มีการเดินรถและซ่อมบำรุงมาเกี่ยว ซึ่งผลการประมูลปรากฎว่าราคาค่าระบบรถไฟฟ้าที่เอกชนเสนอมีราคาสูงมาก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่ขบวนการใต้ดินนี้ต้องการ
แหล่งข่าวได้ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆของประเทศไทยประสบปัญหาความล่าช้า ทั้งงานก่อสร้างโยธา และการหาผู้ให้บริการเดินรถ ซึ่งแต่ละโครงการใช้เวลากว่า 10 ปีจึงจะเปิดเดินรถได้ และมักประสบปัญหาก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่มีรถไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ) หากรัฐบาลไม่ดำเนินการให้เด็ดขาด ปล่อยให้ขบวนการนี้ลอยนวล สร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มของตน โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียวคงจะเป็นเหมือนสายสีม่วงและสายสีแดงอีก คือสร้างเสร็จแต่เปิดให้บริการไม่ได้
สำหรับการคัดเลือกเอกชนให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นั้นล่าสุดพบว่า คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (คณะกรรมการมาตรา 13) ยังไม่ประชุมต่อหลังจากที่ กระทรวงคมนาคมสั่งการให้พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ เพราะ ก.คมนาคมทราบว่ามีกลุ่มผลประโยชน์พยายามผลักดันให้เกิดการประมูลทั้งที่รู้ว่าจะทำให้เกิดผลเสียต่อประชาชน และทำให้รัฐเสียหาย โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ได้มีหนังสือเมื่อ 24 ก.ย. 2557 ให้คณะกรรมการมาตรา 13 ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆในการคัดเลือกให้แล้วเสร็จเรียบร้อยภายในเดือนกันยายนนี้ โดย ก.คมนาคมได้สั่งการให้ รฟม.และคณะกรรมการมาตรา 13 เร่งรัดการคัดเลือกเอกชนในโครงการนี้เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด ต่อเชื่อมกับระบบเดิมเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยสูงสุด แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะใช้วิธีใด ระหว่างวิธีเจรจาตรงกับ BMCL หรือใช้วิธีประมูล
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย ”ASTVผู้จัดการรายวัน” ถึงนโนบายของ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้มีนโยบายที่จะเร่งรัดดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ตามแผนแม่บทของ รฟม. คือ 1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) 23 กม. 2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ) รวม 27 กม. 3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่และแบริ่ง-สมุทรปราการ) รวม 25 กม. 4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 36 กม. 5.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) 37.5 กม. 6.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) 19.8 กม.
โดยให้ดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดทั้งในด้านความสะดวกและปลอดภัย แต่จะต้องเป็นประโยชน์และเป็นธรรมต่อ รฟม. และผู้ประกอบการด้วยแผนดำเนินการนี้จะเปิดกว้างให้ใช้รูปแบบ PPP คือ ให้รัฐและเอกชนร่วมลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและภาระของรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ขบวนการใต้ดินที่จะหาประโยชน์ในรฟม. พยายามผลักดันให้มีการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า ซึ่งโยงใยกับกลุ่มอำนาจรัฐบาลเก่า อาศัยผู้บริหาร รฟม. และ รฟท. ผลักดัน หวังใช้โอกาสที่รัฐบาลต้องเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ กำหนดแนวทางการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถที่ตนเองต้องการเพื่อสนองผลประโยชน์ของกลุ่มตน เพราะหลังจากที่ผิดหวังมาจากสายสีม่วง ที่ไม่สามารถผลักดันให้รัฐเป็นผู้จัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเองได้ ก็พยายามผลักดันให้รัฐเป็นผู้ลงทุนจัดซื้อระบบรถไฟฟ้า และเดินรถเองในโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ
สำหรับขบวนการนี้ รู้ดีว่าค่าจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเป็นผลประโยชน์ที่สามารถทำได้ทันที ส่วนค่าบริหารจัดการเดินรถเป็นผลประโยชน์ระยะยาว จึงหวังผลักดันให้หน่วยงานของรัฐ เช่น รฟม.หรือ รฟท.จัดตั้งบริษัทเดินรถเพื่อเป็นแหล่งเก็บเกี่ยวระยะยาว โดยอ้างความโปร่งใสและผลประโยชน์ของประชาชนมาบังหน้า ซึ่งหากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไป รฟม.หรือบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเดินรถก็จะเป็นเหมือน รฟท.หรือ ขสมก.ที่มีแต่หนี้ และไม่สามารถบริหารจัดการได้ แต่เป็นขุมทรัพย์สำคัญของกลุ่มผลประโยชน์
“ขณะนี้ผู้ใหญ่ในกระทรวงคมนาคม ได้จับตาการเคลื่อนของกลุ่มผลประโยชน์ใน รฟม.และได้หาวิธียับยั้งขบวนการที่แอบแฝงและเข้ามาหาผลประโยชน์ใน รฟม. รวมถึง รฟท. ด้วย “ แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม กล่าวย้ำ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงโครงการที่น่าจับตามองที่สุดขณะนี้ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งขณะนี้ได้ทำการก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% จะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ แต่ รฟม.ยังไม่มีผู้ให้บริการเดินรถ ขบวนการนี้ต้องการผลักดันให้รัฐเป็นผู้จัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเองและจ้างเอกชนเดินรถเท่านั้น (แบบ PSC) เพราะหากเอกชนเป็นผู้ลงทุนระบบรถไฟฟ้าเอง ผลประโยชน์ที่กลุ่มของตนต้องการจะหายไป หรือหากให้รัฐจัดตั้งบริษัทเดินรถเองได้ก็จะได้ผลประโยชน์ในระยะยาวจากการเดินรถและซ่อมบำรุงโดยไม่ได้ สนใจว่าจะเป็นผลเสียและภาระต่อรัฐขนาดไหน แม้ว่าขณะนี้ผู้ให้บริการเดินรถในปัจจุบัน คือ BMCL และ BTS ยืนยันว่ายินดีจะเจรจาเพื่อเป็นผู้ดำเนินการส่วนต่อขยายให้แก่ รฟม.เพราะสามารถทำได้โดยเร็ว ประหยัด และสะดวกปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชนผู้ใช้บริการ แต่กลุ่มผลประโยชน์นี้อ้างว่าเพื่อให้เกิดการแข่งขันและความโปร่งใส ต้องประมูลเท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและผลการศึกษาฯของ รฟม.ที่ระบุไว้ว่า การเจรจากับผู้ให้บริการรายเดิมจะเป็นประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ในส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสายสีชมพูและสายสีส้ม ขณะนี้ รฟม.ศึกษาและวางแผนว่าจะเป็นผู้จัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเองและจ้างเอกชนเดินรถ และอยู่ระหว่างเสนอ กระทรวงคมนาคม ส่วนสายสีแดง รฟท. อยู่ระหว่างประมูลจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าเอง โดยไม่มีการเดินรถและซ่อมบำรุงมาเกี่ยว ซึ่งผลการประมูลปรากฎว่าราคาค่าระบบรถไฟฟ้าที่เอกชนเสนอมีราคาสูงมาก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่ขบวนการใต้ดินนี้ต้องการ
แหล่งข่าวได้ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆของประเทศไทยประสบปัญหาความล่าช้า ทั้งงานก่อสร้างโยธา และการหาผู้ให้บริการเดินรถ ซึ่งแต่ละโครงการใช้เวลากว่า 10 ปีจึงจะเปิดเดินรถได้ และมักประสบปัญหาก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่มีรถไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ) หากรัฐบาลไม่ดำเนินการให้เด็ดขาด ปล่อยให้ขบวนการนี้ลอยนวล สร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มของตน โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียวคงจะเป็นเหมือนสายสีม่วงและสายสีแดงอีก คือสร้างเสร็จแต่เปิดให้บริการไม่ได้
สำหรับการคัดเลือกเอกชนให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นั้นล่าสุดพบว่า คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (คณะกรรมการมาตรา 13) ยังไม่ประชุมต่อหลังจากที่ กระทรวงคมนาคมสั่งการให้พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ เพราะ ก.คมนาคมทราบว่ามีกลุ่มผลประโยชน์พยายามผลักดันให้เกิดการประมูลทั้งที่รู้ว่าจะทำให้เกิดผลเสียต่อประชาชน และทำให้รัฐเสียหาย โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ได้มีหนังสือเมื่อ 24 ก.ย. 2557 ให้คณะกรรมการมาตรา 13 ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆในการคัดเลือกให้แล้วเสร็จเรียบร้อยภายในเดือนกันยายนนี้ โดย ก.คมนาคมได้สั่งการให้ รฟม.และคณะกรรมการมาตรา 13 เร่งรัดการคัดเลือกเอกชนในโครงการนี้เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด ต่อเชื่อมกับระบบเดิมเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยสูงสุด แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะใช้วิธีใด ระหว่างวิธีเจรจาตรงกับ BMCL หรือใช้วิธีประมูล