ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ถ้าเอ่ยชื่อ “ฉาย บุนนาค” คนทั่วไปคงไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นรู้จักกันดี เพราะเป็นนักลงทุนขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังความร้อนแรงของราคาหุ้นนับสิบๆ บริษัท
“ฉาย” เป็นนักลงทุนขาใหญ่รุ่นใหม่ อายุยังน้อย แต่มีรูปแบบการเล่นหุ้นชนิดบู๊ล้างผลาญ เข้าไปอยู่เบื้องหลังการจุดพลุราคาหุ้นอย่างโฉ่งฉ่างจนถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)กล่าวโทษในความผิดสร้างราคาหุ้นหลายคดี
ล่าสุดถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษร่วมกับพวกอีก10 คน สร้างราคาหุ้น บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด(มหาชน) และยังเกี่ยวโยงกับการสร้างราคาหุ้นอีก 12 บริษัท
ระหว่างปี 2532-2536 นายสอง วัชรศรีโรจน์หรือ “เสี่ยสอง” เป็นนักลงทุนขาใหญ่ ชื่อเสียงดังกระฉ่อน และสามารถทำให้เกิดความเชื่อว่า ถ้าเสี่ยสองเข้าไปซื้อหุ้นตัวไหน หุ้นตัวนั้นจะต้องขึ้น นักลงทุนรายย่อยจึงตามแห่เข้าไปซื้อหุ้นที่เสี่ยสองซื้อ
ส่วนใน พ.ศ.นี้ นายฉาย บุนนาค เป็นขาใหญ่ที่มาแรงที่สุด สามารถตักตวงเงินจำนวนมหาศาลภายในพริบตาจากการสร้างราคาหุ้น และหุ้นแต่ละตัวที่เข้าไปปั่น จะต้องมีเงินติดไม้ติดมือกลับออกมาระดับร้อยล้านบาท
การปั่นหุ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิธีการแทบไม่แตกต่างกันเลย เสี่ยสองหรือขาใหญ่รายอื่นๆ รวมทั้งนายฉายก็ใช้หลักการเหมือนๆ กัน โดยจะเจรจาตกลงร่วมมือกับเจ้าของบริษัทจดทะเบียน และดึงพนักงานบริษัทโบรกเกอร์ร่วมขบวนการด้วย รวมทั้งการตั้ง “นอมินี” เพื่อสร้างภาพลวงตา
หุ้นที่เป็นเป้าหมายในการปั่นจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก จำนวนหุ้นหมุนเวียนมีน้อย ทำให้ง่ายต่อเกมการปั่น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อตั้งมากว่า 39 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีใครปราบปรามขบวนการปั่นหุ้นได้
การดำเนินคดีปั่นหุ้นเกิดขึ้นน้อยมาก และยังไม่มีนักลงทุนขาใหญ่คนใดต้องติดคุกติดตารางในความผิดปั่นหุ้น ทั้งที่ในตลาดหลักทรัพย์มีหุ้นปั่นนับร้อยบริษัทก็ตาม
แม้แต่นายฉาย บุนนาค ซึ่งถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษในหลายคดี แต่เมื่อคดีถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ก็ถูกสั่งไม่ฟ้องบ้าง หรือดีเอสไอสรุปสำนวนส่งอัยการ แต่อัยการก็สั่งไม่ฟ้องอีก คดีจึงไม่เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล
ก่อนหน้า ก.ล.ต.กล่าวโทษนายฉายในคดีปั่นหุ้น ไมด้า –เมดดาลิสท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) และหุ้นบริษัท แมกซ์เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนความรู้สึกของนักลงทุน เพราะนักลงทุนในตลาดหุ้นรู้ดีว่า หุ้นไมด้าฯ และหุ้นแมกซ์ฯ มีพฤติกรรมผิดปกติอย่างไร ใครเป็นคนปั่น นอกจากนั้นยังมีการลงโทษปรับผู้ร่วมขบวนการปั่นไปแล้วอีกด้วย
แต่นายฉายกลับหลุดในชั้นอัยการ
ขั้นตอนกล่าวโทษการปั่นหุ้นแต่ละครั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและ ก.ล.ต. ต้องตรวจสอบรวบรวมข้อมูลหลักฐานอย่างแน่นหนา จนมั่นใจว่า พฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคา จึงร้องทุกข์กล่าวโทษไปยังดีเอสไอ และแก๊งปั่นหุ้นไม่น่าจะรอดพ้นเงื้อมือกฎหมาย
ก.ล.ต.คงไม่เที่ยวร้องทุกข์กล่าวโทษใครง่ายๆ เพราะถ้าไม่มีหลักฐานมัดแน่นจริงๆ คงเอาผิดนักปั่นไม่ได้
เมื่อมีการกล่าวโทษคนกลุ่มใดในความผิดปั่นหุ้น ต้องเชื่อได้ว่า ก.ล.ต.มีการกลั่นกรองมาอย่างดีแล้ว และหุ้นที่ถูกกล่าวโทษ ก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์รู้ดีว่ามีพฤติกรรมปั่นจริง
ดังนั้น จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า หุ้นปั่นที่ ก.ล.ต.กล่าวโทษ เหตุใด ดีเอสไอจึงไม่สั่งฟ้อง หรือเหตุใดอัยการจึงสั่งไม่ฟ้อง
คดีปั่นหุ้นต้องถูกตัดตอนในชั้นพนักงานสอบสวนหรือชั้นอัยการ
ปี2536 เสี่ยสองเคยถูกกล่าวโทษคดีปั่นหุ้นบริษัท รัตนการเคหะ จำกัด บริษัทเงินทุน เฟิร์สซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด และบริษัท กฤษฏานคร จำกัด และทำให้นายตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ผู้ทำคดีหุ้นปั่นทั้ง 3 บริษัทต้องถูกย้ายกระเด็นกระดอน เพราะถูกแรงบีบจากการเมือง
และแม้ว่า เสี่ยสองจะถูกตัดสินลงโทษจำคุก แต่ก็ไม่มีการติดตามตัวเสี่ยสองมาลงโทษอย่างจริงจัง จนคดีหมดอายุความ
คดีนายฉาย ไม่มีใครรู้ได้ว่า จะมีการวิ่งเต้นหรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ทำให้คดีถูกตัดตอนไป เพราะการสั่งไม่ฟ้องนายฉาย เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับพฤติกรรมของนายฉายในตลาดหุ้น
นายฉายและแก๊งปั่นหุ้น มีคิวที่ ก.ล.ต.จะกล่าวโทษอีกหลายคดี แต่ปัญหาขณะนี้คือ แม้จะรวบรวมข้อมูลหลักฐานจนแน่นหนา เมื่อส่งไปให้ดีเอสไอ หรือดีเอสไอส่งต่อไปยังชั้นอัยการแล้วจะเจอความเห็นสั่งไม่ฟ้องอีกหรือไม่
และถ้าคดีถูกตัดตอนไปในขั้นตอนดีเอสไอหรืออัยการ คงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.
เพราะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ในการปราบปรามแก๊งปั่นหุ้น พยายามปกป้องไม่ให้นักลงทุนต้องตกเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นในตลาดหลักทรัพย์ อุตส่าห์เฝ้าติดตามจนหาหลักฐานมัดตัวนักปั่นหุ้นได้
แต่กล่าวโทษไปเท่าไหร่ ดีเอสไอปล่อยบ้าง อัยการสั่งไม่ฟ้องบ้าง ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ต้องเหนื่อยเปล่า ไม่นานคงท้อแท้ และจำใจปล่อยให้แก๊งปั่นหุ้นลอยนวลไป
ใครใคร่ปั่นหุ้นปล่อยให้ปั่นอย่างเสรี นักลงทุนที่เดินเข้าตลาดหุ้นต้องระวังกันเอง จะหวังใครคุ้มครองไม่ได้
เพราะ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯช่วยไม่ไหวแล้ว จับแก๊งปั่นหุ้นกี่รายๆ ไปถึงดีเอสไอและอัยการก็หลุดหมด จะไปไล่จับนักปั่นหุ้นให้เหนื่อยเปล่าทำไม
พฤติกรรมปั่นหุ้นที่ครึมโครมในช่วงนี้ เป็นเพราะนักปั่นไม่เกรงกลัวก.ล.ต.หรือตลาดลักทรัพย์ โดยหากพลาดพลั้งถูกกล่าวโทษยังไปรอตัดตอนคดีที่ดีเอสไอหรืออัยการได้
สงสารแมลงเม่าตาดำๆ ที่มัวเมากับการเล่นหุ้น ทุกคนมีสิทธิ์ตกเป็นเหยื่อแก๊งปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยเท่าเทียม ถูกหลอกกินจนหมดเนื้อหมดตัวแล้ว ยังร้องให้ใครช่วยไม่ได้อีกต่างหาก