พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และผู้บัญชาการทหารบก กล่าวในการแถลงยุทธ์ศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ทหาร 2558-2562 ที่ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ซึ่งจัดขึ้นโดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ว่า ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมฟังการแถลงในวันนี้ จากการรับฟังในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ตนมีความสุขที่เราได้มีแนวร่วมในการทำงานในระยะนี้ วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าทำงานในที่ทำเนียบรัฐบาล และเป็นงานแรกที่ออกข้างนอก ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็แปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาก็เหมือนเดิม เป็นปัญหาเดิมทั้งสิ้นที่เราทราบดีว่า เราต้องหยุดปัญหาทั้งหมดให้ได้ เหมือนกับหยุดเลือดที่มันกำลังไหล หรือว่าหยุดต้นไม้ของเราที่ไม่เจริญเติบโต ใส่ปุ๋ยให้งอกงาม ปรับประชาธิปไตยของเราให้เหมาะสมกับคนไทย ให้ได้รับการยอมรับจากสากล
ทั้งนี้ สิ่งที่นักศึกษาวปอ. กล่าวมาทั้งหมด ทั้งสองส่วนเป็นคำแนะนำที่ดียิ่ง เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของ คสช. รัฐบาลในช่วงของการปฏิรูปที่ดีอยู่แล้วในปัจจุบัน อยากจะบอกว่า ยินดีจริงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตนรับราชการมาเป็นปีที่ 38 ก็จะเกษียณอยู่แล้วอีกไม่กี่วัน มีประสบการณ์พอสมควร แต่ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ทางด้านทหาร วันนี้ตนมีความพึงพอใจ ที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ทหาร เหล่าทัพทั้งหมด ตำรวจ และ เอกชน ประชาชน ทุกส่วนมีความเห็นในแนวทางเดียวกัน ก็คือในเรื่องงานของความมั่นคง ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในแต่ละส่วน
ในส่วนของการปฏิบัติงานในวันนี้ เราจะต้องร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ต้องร่วมมือกันในทุกมิติ คือด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมวัฒนธรรม ซึ่งมันก็เป็นสามเสาหลักของอาเซียนในปัจจุบัน แล้วเราก็จะก้าวเข้าสู่การเป็นสมาคมอาเซียน เรามีเวลาจำกัด ดังนั้น จึงต้องมีวันนี้ ต้องมีเวลาคืนความสุขให้กับประเทศไทย ถ้าช้ากว่านี้มันก็แก้ไม่ได้ และเราก็ก้าวไปสู่การเป็นสมาคมอาเซียนไม่ได้อย่างมีเกียติยศและศักดิ์ศรี เห็นตัวเลขเมื่อกี้ไหม ตัวเลขการประเมินคุณภาพ การศึกษา การแข่งขัน มันอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำหมดทั้งสิ้น ต้องทบทวน ตนไม่ได้ว่าใครเก่ง ใครไม่เก่ง ความผิดของใคร แต่เป็นหน้าที่ของเราต้องมาแก้ไข ในวันนี้ต้องแก้ไขให้ได้ ทั้งหมดต้องเอาความรู้ทั้งหมดมาร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องทุจริต ตนว่ามันแก้ได้ สภาพแวดล้อมภายในภายนอก ภายในประเทศก็การทุจริตคอร์รัปชัน ความขัดแย้งการเมืองอะไรต่างๆแล้วแต่ ภายนอกประเทศ ก็เรื่องของสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงของโลก การแข่งขัน มาตรการทางการค้าต่างๆ มากมาย ทั้งหมดทั้งความมันคงเศรษฐกิจสังคม ทั้งสามอันเรียกว่า สามเสาหลักของอาเซียน
ในส่วนด้านเศรษฐกิจทุกคนทราบดีว่าเรามีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมาก แต่อย่าลืมว่า 6 เดือนแรกนั้น มันติดลบอยู่ แต่นี่ผ่านมา 4 เดือนก็ดีขึ้นมา ไม่ติดลบเหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเราก็พยายามขับเคลื่อนตรงนี้ให้ได้ พร้อมทั้งมองว่าปัญหาเศรษฐกิจของเราคือความเข้มแข็ง ในการแข่งขันกับนานาชาติ และประเทศเราหลักคือการส่งออก แต่สินค้าไม่ค่อยมีการพัฒนา ไม่มีนวัตกรรมใหม่ วันนี้เราต้องแก้ไขเรื่องพวกนี้ให้ได้ ต้องสร้างธุรกิจเอสเอ็มอี ให้แข็งแรง ปรับปรุงทุกระบบทั้งใหญ่ กลาง เล็ก
"วันนี้คนไทยบางคนยังไม่รู้ตัวเองเป็นเอ็สเอ็มอี หรือเปล่า แต่เขามีกองทุนให้กู้ คือเข้ามาแล้วกลัวอย่างเดียวคือ กลัวการเสียภาษี อย่างนี้ผมว่าไม่ได้ วันนี้เราต้องทำให้คนไทยทุกคน เข้ามาอยู่ในระบบภาษีให้ได้ พอผมพูดคำว่าภาษี ก็ตกใจกันหมด คนรวยก็ตกใจ คนจนก็ตกใจ แล้วนี่รัฐบาลมีรัฐมนตรีชื่อสมหมาย ภาษี อีก ยิ่งตกใจไปใหญ่ สงสัยต้องเปลี่ยนนามสกุลแล้ว " นายกฯกล่าว ติดตลก
นายกฯ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่ต้องการเม็ดเงินการลงทุนอย่างเดียว เราต้องส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ขยายการลงทุนของเราเอง ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในสิ่งที่เราต้องการ และขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการทั้งหมด 11 คณะ โดยตั้งใหม่หมด ตามแนวทางเดิมทั้งของ คสช. ทั้งหมด วันนี้ถ้าเราสามารถลดหนี้สาธารณะได้ เราก็จะสามารถพัฒนาประเทศได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่สามารถลดอะไรได้สักอย่าง
ส่วนปัญหายางพารา ที่เริ่มมีการเดินขบวน เราก็แก้ปัญหาทั้งระบบอยู่ แต่ไม่รู้เกษตรกรจะใจเย็นพอหรือไม่ จะขอราคายางที่ 90-100 บาท ขอถามว่า ตอนนี้เราขายได้แค่ 60-70 บาท แล้วจะไปขายให้ใครในโลกนี้ สนับสนุนปลูกยางพารากันอย่างนี้ คงต้องไปขายที่ดาวอังคารแล้ว ไม่รู้เป็นความคิดของใคร ดังนั้นเราต้องใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตบ้าง ราคายางจะขึ้น หรือลง อยู่ที่นายทุน ใครที่เป็นเศรษฐีก็ให้มาช่วยรัฐบาล ดูแล มาช่วยซื้อของเอาไปขาย ช่วยมากระตุ้นสินค้าที่ตกต่ำให้ขึ้นมาให้ได้ วันนี้บริษัทต่างๆ เข้ามาก็พยายามบอกให้ซื้อยาง ทำถุงมือยาง ทำถนน ซึ่งความจริงมันไม่ค่อยคุ้ม เพราะมันแพง เรื่องนี้มีหลายคนเสนอว่าทำไมไม่ทำโน่น ทำนี้ แต่อยากบอกว่าถ้าเข้ามาทำแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึงเรื่องการศึกษา ว่า จากการประเมินผลด้านการศึกษาเราอยู่อันดับท้ายๆ และกระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงที่ใช้งบประมาณมากที่สุด ส่วนใหญ่ใช้ด้านบุคลากร และเคยมีผู้รู้บอกว่า บางโรงเรียน ผู้อำนวยการดูแลเด็กแค่ 30 คน แต่มี ซี 8 ต้องปรับตรงนี้ให้ได้ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช. ศึกษา ที่มาในวันนี้ต้องช่วยดู จะปรับจะรวมอย่างไรก็ต้องทำ จะได้ช่วยลดบุคคลกร ทุกวันนี้บางครอบครัวยากจน แต่ พ่อแม่ต้องเสียเงิน ค่ากวดวิชา ทั้งๆ ที่บอกว่า เรียนฟรี แต่กลับไปจ่ายค่าเรียนกวดวิชาแพงกว่าอย่างนี้ไม่ได้ แต่ที่พูดมาไม่ได้ตำหนิกระทรวงศึกษาฯ
เรามาเป็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาทุกปัญหาให้ได้ และการศึกษาต้องมีความเข้มแข็ง เพราะหากการศึกษาไม่ดี คนก็ไม่เข็งแรง สังคมก็อ่อนแอ และจะทำให้เกิดความขัดแย้ง ถูกชักจูงหรือไปเป็นเครื่องมือของใครก็แล้วแต่
" การศึกษาถ้าจะให้เด็กมีความสนใจ ครูก็ต้องเก่ง และมีวิธีการสอนที่เหมาะสม ให้มีความผูกพันกันระหว่างครูกับเด็กนักเรียน แต่ปัจจุบันความผูกพันระหว่างครูกับเด็กไม่มี เด็กเห็นครูเป็นแค่คนที่มาทำหน้าที่แทนพ่อเวลาไปทำงานเท่านั้น โดยมองว่า ครูเป็นลูกจ้าง เพราะกินภาษีที่พ่อจ่าย ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วง เราต้องสร้างระบบความสัมพันธ์ของครูและนักเรียนขึ้นมาใหม่ สิ่งที่พูดมา จะแก้ไม่ได้วันนี้ ไม่ใช่แค่ให้เด็กท่องบัญญัติ 10 ประการ แต่จะต้องมีการสร้างค่านิยม 12 ประการ ที่ผมเขียนมา หลังจากนี้จะให้กระทรวงศึกษาไปทำให้คล้องจอง เพื่อให้เด็กท่องกันให้ได้ และจะให้เอาไปไว้ในข้อสอบด้วย"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การส่งเสริมคนดีวันนี้ บอกว่ามีทั้งคนดี และคนไม่ดีแล้ว คนดีเป็นอย่างไร คนดีคือ คนไม่โกง ไม่ทุจริตและวันนี้เป็นอย่างไร คนดี จากดีกลายเป็นไม่ดี ดีน้อย กลายเป็นไม่มีดีอีกเลย ลักษณะแบบนี้คนไทยต้องปรับแก้ใหม่ ต้องมองโลกให้สวยขึ้นมาอีก มองคนให้ดี ถ้าเรามองคนไม่ดีตลอด ก็จะไม่ดี เพราะเราไม่ชอบขี้หน้า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงสอนพวกเราไว้หลายคน สอนว่า ถ้าเราเห็นใครไม่ดี เราลองหาจุดที่ดีของเขา เติมส่วนที่ดีให้กับเขาสักหน่อย เติมจนกว่าจะพอใจ หากเติมหมดแล้ว เขายังไม่ดี แสดงว่าเขาไม่ดีจริง แต่ถ้าเราบอกไม่ดีตั้งแต่ต้น ก็ทำให้ไม่อยากมองหน้า ตนก็ได้พยายามเติมตลอด บางคนก็ยังไม่ดี ก็มีเลยกลับไปคิดว่า เราไม่ดีเองหรือเปล่า ที่แก้ใครไม่ได้ กลับไปแก้ตัวเองดีกว่า ฉะนั้นต้องสอดแทรกทั้งหมด อนาคตของชาติไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นของรุ่นลูก รุ่นหลาน วันนี้ถ้าเราไม่ช่วยกันทำยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตลูกหลานจะยิ่งกว่านี้ จะตีกันยิ่งกว่านี้ และเราจะกลายเป็นที่สุดท้ายในอาเซียน ที่สุดท้ายในสังคมโลก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีสิ่งที่ดีอยู่หลายอย่าง มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีวัฒนธรรมที่งดงาม บางคนบอกว่า ไม่ต้องมีแล้วโลกใหม่ต้องปรับใหม่เท่าเทียมกัน ขอถามว่า ที่คนต่างประเทศเข้ามาในไทย เพราะอะไร เพราะเราเป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้สิทธิเสรีภาพทุกคน เขามาเพราะแบบนี้หรือ แต่ที่เขามาเพราะเรามีบ้านเมืองที่งดงาม มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ มีวัฒนธรรมที่น่าเยี่ยมชม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มีคนบอกว่าเป็นนายกฯแล้ว ให้พูดน้อยๆ เดี๋ยวจะล้ำเส้นเกินไป แต่ก็อดพูดไม่ได้ เพราะพูดเป็นทางการกันแล้ว ก็ขอพูดในทางปฏิบัติ ตนเป็นนักปฏิบัติ อย่างเรื่องขยะ วันนี้ให้มีการนำร่องไปแล้วที่ จ.สระบุรี อยุธยา ทราบว่าประชาชนบางส่วนไม่เห็นชอบ ตรงนี้ให้คุยกันต่อไป หากไม่กำจัดขยะให้ได้ ไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ แต่เรื่องการแยกขยะ เคยสอนครอบครัวบอกให้แยก แต่ทำไมพอถึงเวลารถขยะมาเก็บ ก็กวาดรวมกันหมด แล้วจะแยกไปทำไม
"จริงๆ หนักใจอยู่ในการทำงาน ซึ่งระยะที่สองที่ทำในเรื่องการปฏิรูป 11 เรื่อง สิ่งไหนทำได้ก็ทำก่อน ทำจริง และมีผลภายใน 1 ปี และมีผลยั่งยืน เกิน 1 ปีไปแล้วรัฐบาลไหนมาก็ส่งไป วางพื้นฐานประเทศไว้ให้ได้ เรามาช่วยกันก่ออิฐ ถือปูน ใส่เหล็กเข้าไปให้แข็งแรง ที่จะยุบลงมาจะได้ไม่ยุบ สามอำนาจยังไม่ทันล้ม ก่อน 22 พ.ค. ผมไม่ได้ไปแย่งอำนาจใครมา เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม เราเลยมาทำแทน" (เสียงหัวเราะ) พล.อ.ประยุทธ กล่าว และว่า คราวหน้าพูด จะเก็บบัตรดีกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอให้มั่นใจในการทำงานของพวกเรา ทั้งคสช. รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน ต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศชาติ วันนี้อย่าเพิ่งโทษว่าเป็นความผิดใคร เราต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ โดยใช้หลักความพอเพียงตราหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมถึงปัญหาภาคใต้ ต้องเน้น เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา วันนี้บางคนไม่เข้าใจกองทัพ มองว่าทหารตายทุกวัน สู้เค้าไม่ได้หรืออย่างไร นั่นคือสิ่งที่ สมช.ต้องอธิบายกันต่อไป ความจริงมันไม่สู้กับเรา มันแอบยิงเรา ถามว่าต้องทำอย่างไร ต้องไปแอบยิงกลับหรือ วันนี้ไม่รู้ใครเป็นใคร บ้านเมืองเละไปหมด ถ้าเรายิงกันเละทั้งเมือง แล้วใครเขาจะมา ต่างชาติจะเข้ามา นั่นคือสิ่งที่ต้องระวัง ฉะนั้นเราต้องแก้ให้ได้ด้วยการพัฒนา ซึ่งต้องใช้เวลา ซึ่งมีคนเจ็บคนตาย วันนี้คิดว่าไม่เสียใจหรือที่ลูกน้องตาย ลูกทหาร เมียทหาร ไม่มีหัวใจหรืออย่างไร พูดจากันให้เสียหายไปหมด รวมถึงเรื่องการใช้เงิน อย่าเอาเรื่องเงินมาเป็นตัววัด เรื่องนี้สู้กันในสายเลือดมาตลอดมาเป็นร้อยปี ก็พยายามจะเร่งรัดให้ดีที่สุด ให้เร็วที่สุด วันนี้สิ่งที่น่าพอใจคือ ยังไม่ลุกลามไปต่างประเทศ ต่างประเทศไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องคุยเรื่องสันติภาพ เพื่อต้องการให้โลกภายนอกเห็นว่า เราไม่ได้ใช้กำลังอย่างเดียว แต่ใช้กฎหมาย บางคนบอกเราไม่ต้องไปคุยกับใคร ไม่ต้องสันติภาพกับใคร เอาทหารกวาดล้างให้หมด นั่นแหละจะเข้าเงื่อนไขของยูเอ็นทันที เค้าไม่ต้องพูด ถ้าใช้กำลังทางทหารเมื่อไร เมื่อนั่นจะยิงกันสนั่นทั้งเมือง แล้วเป็นการรบกับประชาชน ใช้ทหารไปกวาดล้างประชาชน ยิ่งประชาชนที่นับถือกันคนละศาสนาจะเข้าเงื่อนไขที่ต่างชาติจะส่งกำลังเข้ามาในไทยทันที ต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า เรื่องนี้ต้องเข้าใจ อย่าใจร้อน วันนี้มันมีพวกมีอิทธิพล ค้าของเถื่อนผิดกฎหมายผสมกันอยู่ด้วย เราต้องค่อยๆ แก้กันไป ทหารตายทุกวันเจ็บปวดทุกวัน แต่เราเป็นทหารต้องอดทน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอชื่นชมการแถลงยุทธศาสตร์ของนักศึกษา วปอ. ที่ทำและทุ่มเทมา จะไม่เสียเปล่า ตนจะนำไปดำเนินการ ซึ่งหลายๆ อย่างตรงกับนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ขอบคุณที่จะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ประเทศชาติ ผนึกกำลังคืนสันติสุขให้ประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง นโยบายรัฐบาล จริงใจ จริงจังและยั่งยืน วิธีการทำงานแบบทำจริง ทำทันที มีผล ยั่งยืน ส่วน 3 ป. โปร่งใส ปรองดอง เป็นธรรม เราจะทำอย่าดีที่สุด วันนี้ต้องเร่งรัดพัฒนาประเทศชาติให้ได้โดยเร็ว ขอบคุณคนไทยทุกคน ถ้าใครไม่คิดอย่างนี้ คิดว่าไม่ใช่แหละ มันไม่ใช่ แสดงว่า 2 ชาติที่แล้วไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ถ้าสองชาติที่แล้วเกิดเป็นคนไทย ต้องลำบากเหมือนพวกเรา แต่ต้องพัฒนาชาตินี้ของพวกเราให้ดีกว่าชาติหน้า
ทั้งนี้ สิ่งที่นักศึกษาวปอ. กล่าวมาทั้งหมด ทั้งสองส่วนเป็นคำแนะนำที่ดียิ่ง เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของ คสช. รัฐบาลในช่วงของการปฏิรูปที่ดีอยู่แล้วในปัจจุบัน อยากจะบอกว่า ยินดีจริงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตนรับราชการมาเป็นปีที่ 38 ก็จะเกษียณอยู่แล้วอีกไม่กี่วัน มีประสบการณ์พอสมควร แต่ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ทางด้านทหาร วันนี้ตนมีความพึงพอใจ ที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ทหาร เหล่าทัพทั้งหมด ตำรวจ และ เอกชน ประชาชน ทุกส่วนมีความเห็นในแนวทางเดียวกัน ก็คือในเรื่องงานของความมั่นคง ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในแต่ละส่วน
ในส่วนของการปฏิบัติงานในวันนี้ เราจะต้องร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ต้องร่วมมือกันในทุกมิติ คือด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมวัฒนธรรม ซึ่งมันก็เป็นสามเสาหลักของอาเซียนในปัจจุบัน แล้วเราก็จะก้าวเข้าสู่การเป็นสมาคมอาเซียน เรามีเวลาจำกัด ดังนั้น จึงต้องมีวันนี้ ต้องมีเวลาคืนความสุขให้กับประเทศไทย ถ้าช้ากว่านี้มันก็แก้ไม่ได้ และเราก็ก้าวไปสู่การเป็นสมาคมอาเซียนไม่ได้อย่างมีเกียติยศและศักดิ์ศรี เห็นตัวเลขเมื่อกี้ไหม ตัวเลขการประเมินคุณภาพ การศึกษา การแข่งขัน มันอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำหมดทั้งสิ้น ต้องทบทวน ตนไม่ได้ว่าใครเก่ง ใครไม่เก่ง ความผิดของใคร แต่เป็นหน้าที่ของเราต้องมาแก้ไข ในวันนี้ต้องแก้ไขให้ได้ ทั้งหมดต้องเอาความรู้ทั้งหมดมาร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องทุจริต ตนว่ามันแก้ได้ สภาพแวดล้อมภายในภายนอก ภายในประเทศก็การทุจริตคอร์รัปชัน ความขัดแย้งการเมืองอะไรต่างๆแล้วแต่ ภายนอกประเทศ ก็เรื่องของสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงของโลก การแข่งขัน มาตรการทางการค้าต่างๆ มากมาย ทั้งหมดทั้งความมันคงเศรษฐกิจสังคม ทั้งสามอันเรียกว่า สามเสาหลักของอาเซียน
ในส่วนด้านเศรษฐกิจทุกคนทราบดีว่าเรามีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมาก แต่อย่าลืมว่า 6 เดือนแรกนั้น มันติดลบอยู่ แต่นี่ผ่านมา 4 เดือนก็ดีขึ้นมา ไม่ติดลบเหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเราก็พยายามขับเคลื่อนตรงนี้ให้ได้ พร้อมทั้งมองว่าปัญหาเศรษฐกิจของเราคือความเข้มแข็ง ในการแข่งขันกับนานาชาติ และประเทศเราหลักคือการส่งออก แต่สินค้าไม่ค่อยมีการพัฒนา ไม่มีนวัตกรรมใหม่ วันนี้เราต้องแก้ไขเรื่องพวกนี้ให้ได้ ต้องสร้างธุรกิจเอสเอ็มอี ให้แข็งแรง ปรับปรุงทุกระบบทั้งใหญ่ กลาง เล็ก
"วันนี้คนไทยบางคนยังไม่รู้ตัวเองเป็นเอ็สเอ็มอี หรือเปล่า แต่เขามีกองทุนให้กู้ คือเข้ามาแล้วกลัวอย่างเดียวคือ กลัวการเสียภาษี อย่างนี้ผมว่าไม่ได้ วันนี้เราต้องทำให้คนไทยทุกคน เข้ามาอยู่ในระบบภาษีให้ได้ พอผมพูดคำว่าภาษี ก็ตกใจกันหมด คนรวยก็ตกใจ คนจนก็ตกใจ แล้วนี่รัฐบาลมีรัฐมนตรีชื่อสมหมาย ภาษี อีก ยิ่งตกใจไปใหญ่ สงสัยต้องเปลี่ยนนามสกุลแล้ว " นายกฯกล่าว ติดตลก
นายกฯ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่ต้องการเม็ดเงินการลงทุนอย่างเดียว เราต้องส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ขยายการลงทุนของเราเอง ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในสิ่งที่เราต้องการ และขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการทั้งหมด 11 คณะ โดยตั้งใหม่หมด ตามแนวทางเดิมทั้งของ คสช. ทั้งหมด วันนี้ถ้าเราสามารถลดหนี้สาธารณะได้ เราก็จะสามารถพัฒนาประเทศได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่สามารถลดอะไรได้สักอย่าง
ส่วนปัญหายางพารา ที่เริ่มมีการเดินขบวน เราก็แก้ปัญหาทั้งระบบอยู่ แต่ไม่รู้เกษตรกรจะใจเย็นพอหรือไม่ จะขอราคายางที่ 90-100 บาท ขอถามว่า ตอนนี้เราขายได้แค่ 60-70 บาท แล้วจะไปขายให้ใครในโลกนี้ สนับสนุนปลูกยางพารากันอย่างนี้ คงต้องไปขายที่ดาวอังคารแล้ว ไม่รู้เป็นความคิดของใคร ดังนั้นเราต้องใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตบ้าง ราคายางจะขึ้น หรือลง อยู่ที่นายทุน ใครที่เป็นเศรษฐีก็ให้มาช่วยรัฐบาล ดูแล มาช่วยซื้อของเอาไปขาย ช่วยมากระตุ้นสินค้าที่ตกต่ำให้ขึ้นมาให้ได้ วันนี้บริษัทต่างๆ เข้ามาก็พยายามบอกให้ซื้อยาง ทำถุงมือยาง ทำถนน ซึ่งความจริงมันไม่ค่อยคุ้ม เพราะมันแพง เรื่องนี้มีหลายคนเสนอว่าทำไมไม่ทำโน่น ทำนี้ แต่อยากบอกว่าถ้าเข้ามาทำแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึงเรื่องการศึกษา ว่า จากการประเมินผลด้านการศึกษาเราอยู่อันดับท้ายๆ และกระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงที่ใช้งบประมาณมากที่สุด ส่วนใหญ่ใช้ด้านบุคลากร และเคยมีผู้รู้บอกว่า บางโรงเรียน ผู้อำนวยการดูแลเด็กแค่ 30 คน แต่มี ซี 8 ต้องปรับตรงนี้ให้ได้ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช. ศึกษา ที่มาในวันนี้ต้องช่วยดู จะปรับจะรวมอย่างไรก็ต้องทำ จะได้ช่วยลดบุคคลกร ทุกวันนี้บางครอบครัวยากจน แต่ พ่อแม่ต้องเสียเงิน ค่ากวดวิชา ทั้งๆ ที่บอกว่า เรียนฟรี แต่กลับไปจ่ายค่าเรียนกวดวิชาแพงกว่าอย่างนี้ไม่ได้ แต่ที่พูดมาไม่ได้ตำหนิกระทรวงศึกษาฯ
เรามาเป็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาทุกปัญหาให้ได้ และการศึกษาต้องมีความเข้มแข็ง เพราะหากการศึกษาไม่ดี คนก็ไม่เข็งแรง สังคมก็อ่อนแอ และจะทำให้เกิดความขัดแย้ง ถูกชักจูงหรือไปเป็นเครื่องมือของใครก็แล้วแต่
" การศึกษาถ้าจะให้เด็กมีความสนใจ ครูก็ต้องเก่ง และมีวิธีการสอนที่เหมาะสม ให้มีความผูกพันกันระหว่างครูกับเด็กนักเรียน แต่ปัจจุบันความผูกพันระหว่างครูกับเด็กไม่มี เด็กเห็นครูเป็นแค่คนที่มาทำหน้าที่แทนพ่อเวลาไปทำงานเท่านั้น โดยมองว่า ครูเป็นลูกจ้าง เพราะกินภาษีที่พ่อจ่าย ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วง เราต้องสร้างระบบความสัมพันธ์ของครูและนักเรียนขึ้นมาใหม่ สิ่งที่พูดมา จะแก้ไม่ได้วันนี้ ไม่ใช่แค่ให้เด็กท่องบัญญัติ 10 ประการ แต่จะต้องมีการสร้างค่านิยม 12 ประการ ที่ผมเขียนมา หลังจากนี้จะให้กระทรวงศึกษาไปทำให้คล้องจอง เพื่อให้เด็กท่องกันให้ได้ และจะให้เอาไปไว้ในข้อสอบด้วย"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การส่งเสริมคนดีวันนี้ บอกว่ามีทั้งคนดี และคนไม่ดีแล้ว คนดีเป็นอย่างไร คนดีคือ คนไม่โกง ไม่ทุจริตและวันนี้เป็นอย่างไร คนดี จากดีกลายเป็นไม่ดี ดีน้อย กลายเป็นไม่มีดีอีกเลย ลักษณะแบบนี้คนไทยต้องปรับแก้ใหม่ ต้องมองโลกให้สวยขึ้นมาอีก มองคนให้ดี ถ้าเรามองคนไม่ดีตลอด ก็จะไม่ดี เพราะเราไม่ชอบขี้หน้า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงสอนพวกเราไว้หลายคน สอนว่า ถ้าเราเห็นใครไม่ดี เราลองหาจุดที่ดีของเขา เติมส่วนที่ดีให้กับเขาสักหน่อย เติมจนกว่าจะพอใจ หากเติมหมดแล้ว เขายังไม่ดี แสดงว่าเขาไม่ดีจริง แต่ถ้าเราบอกไม่ดีตั้งแต่ต้น ก็ทำให้ไม่อยากมองหน้า ตนก็ได้พยายามเติมตลอด บางคนก็ยังไม่ดี ก็มีเลยกลับไปคิดว่า เราไม่ดีเองหรือเปล่า ที่แก้ใครไม่ได้ กลับไปแก้ตัวเองดีกว่า ฉะนั้นต้องสอดแทรกทั้งหมด อนาคตของชาติไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นของรุ่นลูก รุ่นหลาน วันนี้ถ้าเราไม่ช่วยกันทำยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตลูกหลานจะยิ่งกว่านี้ จะตีกันยิ่งกว่านี้ และเราจะกลายเป็นที่สุดท้ายในอาเซียน ที่สุดท้ายในสังคมโลก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีสิ่งที่ดีอยู่หลายอย่าง มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีวัฒนธรรมที่งดงาม บางคนบอกว่า ไม่ต้องมีแล้วโลกใหม่ต้องปรับใหม่เท่าเทียมกัน ขอถามว่า ที่คนต่างประเทศเข้ามาในไทย เพราะอะไร เพราะเราเป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้สิทธิเสรีภาพทุกคน เขามาเพราะแบบนี้หรือ แต่ที่เขามาเพราะเรามีบ้านเมืองที่งดงาม มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ มีวัฒนธรรมที่น่าเยี่ยมชม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มีคนบอกว่าเป็นนายกฯแล้ว ให้พูดน้อยๆ เดี๋ยวจะล้ำเส้นเกินไป แต่ก็อดพูดไม่ได้ เพราะพูดเป็นทางการกันแล้ว ก็ขอพูดในทางปฏิบัติ ตนเป็นนักปฏิบัติ อย่างเรื่องขยะ วันนี้ให้มีการนำร่องไปแล้วที่ จ.สระบุรี อยุธยา ทราบว่าประชาชนบางส่วนไม่เห็นชอบ ตรงนี้ให้คุยกันต่อไป หากไม่กำจัดขยะให้ได้ ไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ แต่เรื่องการแยกขยะ เคยสอนครอบครัวบอกให้แยก แต่ทำไมพอถึงเวลารถขยะมาเก็บ ก็กวาดรวมกันหมด แล้วจะแยกไปทำไม
"จริงๆ หนักใจอยู่ในการทำงาน ซึ่งระยะที่สองที่ทำในเรื่องการปฏิรูป 11 เรื่อง สิ่งไหนทำได้ก็ทำก่อน ทำจริง และมีผลภายใน 1 ปี และมีผลยั่งยืน เกิน 1 ปีไปแล้วรัฐบาลไหนมาก็ส่งไป วางพื้นฐานประเทศไว้ให้ได้ เรามาช่วยกันก่ออิฐ ถือปูน ใส่เหล็กเข้าไปให้แข็งแรง ที่จะยุบลงมาจะได้ไม่ยุบ สามอำนาจยังไม่ทันล้ม ก่อน 22 พ.ค. ผมไม่ได้ไปแย่งอำนาจใครมา เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม เราเลยมาทำแทน" (เสียงหัวเราะ) พล.อ.ประยุทธ กล่าว และว่า คราวหน้าพูด จะเก็บบัตรดีกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอให้มั่นใจในการทำงานของพวกเรา ทั้งคสช. รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน ต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศชาติ วันนี้อย่าเพิ่งโทษว่าเป็นความผิดใคร เราต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ โดยใช้หลักความพอเพียงตราหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมถึงปัญหาภาคใต้ ต้องเน้น เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา วันนี้บางคนไม่เข้าใจกองทัพ มองว่าทหารตายทุกวัน สู้เค้าไม่ได้หรืออย่างไร นั่นคือสิ่งที่ สมช.ต้องอธิบายกันต่อไป ความจริงมันไม่สู้กับเรา มันแอบยิงเรา ถามว่าต้องทำอย่างไร ต้องไปแอบยิงกลับหรือ วันนี้ไม่รู้ใครเป็นใคร บ้านเมืองเละไปหมด ถ้าเรายิงกันเละทั้งเมือง แล้วใครเขาจะมา ต่างชาติจะเข้ามา นั่นคือสิ่งที่ต้องระวัง ฉะนั้นเราต้องแก้ให้ได้ด้วยการพัฒนา ซึ่งต้องใช้เวลา ซึ่งมีคนเจ็บคนตาย วันนี้คิดว่าไม่เสียใจหรือที่ลูกน้องตาย ลูกทหาร เมียทหาร ไม่มีหัวใจหรืออย่างไร พูดจากันให้เสียหายไปหมด รวมถึงเรื่องการใช้เงิน อย่าเอาเรื่องเงินมาเป็นตัววัด เรื่องนี้สู้กันในสายเลือดมาตลอดมาเป็นร้อยปี ก็พยายามจะเร่งรัดให้ดีที่สุด ให้เร็วที่สุด วันนี้สิ่งที่น่าพอใจคือ ยังไม่ลุกลามไปต่างประเทศ ต่างประเทศไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องคุยเรื่องสันติภาพ เพื่อต้องการให้โลกภายนอกเห็นว่า เราไม่ได้ใช้กำลังอย่างเดียว แต่ใช้กฎหมาย บางคนบอกเราไม่ต้องไปคุยกับใคร ไม่ต้องสันติภาพกับใคร เอาทหารกวาดล้างให้หมด นั่นแหละจะเข้าเงื่อนไขของยูเอ็นทันที เค้าไม่ต้องพูด ถ้าใช้กำลังทางทหารเมื่อไร เมื่อนั่นจะยิงกันสนั่นทั้งเมือง แล้วเป็นการรบกับประชาชน ใช้ทหารไปกวาดล้างประชาชน ยิ่งประชาชนที่นับถือกันคนละศาสนาจะเข้าเงื่อนไขที่ต่างชาติจะส่งกำลังเข้ามาในไทยทันที ต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า เรื่องนี้ต้องเข้าใจ อย่าใจร้อน วันนี้มันมีพวกมีอิทธิพล ค้าของเถื่อนผิดกฎหมายผสมกันอยู่ด้วย เราต้องค่อยๆ แก้กันไป ทหารตายทุกวันเจ็บปวดทุกวัน แต่เราเป็นทหารต้องอดทน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอชื่นชมการแถลงยุทธศาสตร์ของนักศึกษา วปอ. ที่ทำและทุ่มเทมา จะไม่เสียเปล่า ตนจะนำไปดำเนินการ ซึ่งหลายๆ อย่างตรงกับนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ขอบคุณที่จะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ประเทศชาติ ผนึกกำลังคืนสันติสุขให้ประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง นโยบายรัฐบาล จริงใจ จริงจังและยั่งยืน วิธีการทำงานแบบทำจริง ทำทันที มีผล ยั่งยืน ส่วน 3 ป. โปร่งใส ปรองดอง เป็นธรรม เราจะทำอย่าดีที่สุด วันนี้ต้องเร่งรัดพัฒนาประเทศชาติให้ได้โดยเร็ว ขอบคุณคนไทยทุกคน ถ้าใครไม่คิดอย่างนี้ คิดว่าไม่ใช่แหละ มันไม่ใช่ แสดงว่า 2 ชาติที่แล้วไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ถ้าสองชาติที่แล้วเกิดเป็นคนไทย ต้องลำบากเหมือนพวกเรา แต่ต้องพัฒนาชาตินี้ของพวกเราให้ดีกว่าชาติหน้า