“ประยุทธ์” ยันยังจำเป็นต้องคงกฎอัยการศึกไว้ วอนอย่ากังวล กำลังพยายามทำสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็ว ปลื้มคนแห่เข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปฯจำนวนมาก ชมรักชาติจริง จี้ กสทช. แก้ปัญหาทีวีดิจิตอล เร่งแจกคูปองให้เร็ว พร้อมอ้อนประชาชนให้รักน้อยๆ แต่รักนานๆ
วันนี้ (5 ก.ย.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ช่วงหนึ่ง ว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. คณะรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อรับหน้าที่ โดยจะมีการประชุม ครม. นัดแรกในวันที่ 9 ก.ย. จากนั้นก็จะต้องมีการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. เป็นต้นไป
ในส่วนของการบริหารราชการแผ่นดิน หลังจากวันที่ 9 ก.ย. หลังจากการแถลงนโยบายก็จะมอบหน้าที่การบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นของคณะรัฐมนตรีต่อไป โดย คสช. ก็จะเป็นผู้ประสานงาน และติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการให้เชื่อมต่อกัน ระหว่างระยะที่ 1 กับระยะที่ 2
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องสภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นที่น่ายินดี วันนี้มีผู้สมัคร 7,000 กว่าคนแล้ว แล้วก็ยังไม่ได้รวมในยอดของผู้สมัครทางไปรษณีย์อีก ตนว่าเยอะพอสมควร มีทั้งนิติบุคคลส่งมา แล้วก็คัดสรรมาของจังหวัด ในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน วันนี้ก็มีผู้สมัครมากมาย เป็นที่น่ายินดี ตนให้แนวทางในการคัดสรรแล้ว ว่าจะต้องมีคุณภาพ เราก็จะได้คนมา 250 คน คนเหล่านี้่คืออนาคตของประเทศชาติด้วยส่วนหนึ่ง ที่จะต้องเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร ไม่ใช่เฉพาะสภาปฏิรูปฯ เป็นคนชี้ทุกอย่าง มันคงต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ รัฐบาล และประชาชน ว่าแต่ละส่วน แต่ละฝ่าย จะทำกันอย่างไรให้ประเทศชาติไปข้างหน้าให้ได้ วันนี้ก็ต้องขอให้สถานการณ์สงบ อย่าเพิ่งมาตอบโต้ อย่าเพิ่งมาพูดจาให้มันเสียหาย ว่าเดี๋ยวก็ทำไม่ได้ ตนว่ามันยังไม่ได้เริ่มทำเลย
ในสภาปฏิรูปฯ ไม่ใช่แต่ละกลุ่ม 11 กลุ่มนั้นได้ข้อยุติมาแล้วก็คือจบ ทั้งหมดต้องเอาข้อเสนอที่แต่ละกลุ่มเสนอมา เข้าสภาปฏิรูปฯ พิจารณาร่วมกันก่อน เพื่อผ่านประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ได้มีโอกาสถูกคัดสรรเข้ามา ต้องขอขอบคุณ แสดงว่าทุกคนรักชาติ รักแผ่นดินจริงๆ เดี๋ยวตนจะไปหาทางว่าคนเหล่านี้จะเชื่อมต่อกันอย่างไร อาจจะเป็นคณะเล็ก คณะย่อยได้หรือไม่ แต่ละจังหวัดไปรวบรวมไว้ แล้วไปส่งข้อมูลเข้าทางศูนย์ดำรงธรรม หรือ กอ.รมน. ทั้งหมดก็จะรวบรวมข้อมูลทุกพื้นที่เข้ามา แล้วก็ส่งให้เลขาธิการรัฐสภา เพื่อนำส่งสภาปฏิรูปฯ ไปเป็นข้อพิจารณาเพิ่มเติม โดยที่ท่านเหล่านี้ก็สามารถติดตามการดำเนินการและชี้แจงเพิ่มเติมมาได้ว่าถูกต้องหรือไม่ แต่อย่าทำให้เกิดความวุ่นวาย ตนก็ยังยืนยันอยู่ว่าไม่อยากให้มีการประท้วง ไม่อยากให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า อย่ากังวลเรื่องกฎอัยการศึก ตนพยายามทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ตนทราบดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ประชาชนอาจจะมองไม่เห็น แต่พวกเรามองเห็น เพราะเรามีคณะทำงาน มีคนติดตาม ประเมินสถานการณ์ตลอด
ส่วนกรณีการออกอากาศของระบบทีวีดิจิตอล ควรไปหารือกัน ให้ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) กสท. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์) ไปดำเนินการ ส่วน คสช. ก็จะดูแลให้ในภาพรวมให้ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาของท่าน ซึ่งต้องรอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย แล้วคำนึงถึงประชาชนว่าทำอย่างไรถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด การแจกคูปองเร่งรัดให้ทำให้เร็วกว่าเดิม อนุมัติไปแล้วก็ต้องรีบดำเนินการ ให้ถึงประชาชนให้ได้โดยเร็ว
“คงเจอกันอีกนาน นานพอสมควร อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนแล้วกัน รักพวกเรา รักพวกผมก็รักน้อยๆ แต่รักนานๆ ก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
คำต่อคำ : รายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันที่ 5 กันยายน 2557
สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านนะครับ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยนะครับ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมานี้นั้น คณะรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อรับหน้าที่แล้ว โดยจะมีการประชุม ครม. นัดแรกในวันที่ 9 กันยายน จากนั้นก็จะต้องมีการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน เป็นต้นไป การชี้แจงหรือการแถลงนโยบายต่างๆ นั้นก็คงจะหลังวันที่ 9 ไป นัดเวลากับสภานิติบัญญัติฯ อีกครั้งหนึ่ง
ในส่วนของการบริหารราชการแผ่นดินต่อไปนี้ หลังจากวันที่ 9 หลังจากการแถลงนโยบายไปแล้วนั้น ก็จะเป็นการมอบ หรือส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีต่อไป โดย คสช.ก็จะเป็นผู้ประสานงาน และติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการให้เชื่อมต่อกัน ระหว่างระยะที่ 1 กับระยะที่ 2
สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินนั้น ผมอยากจะพูดถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในการที่จะต้องช่วยกันในการขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มภาคเกษตรกร หรือภาคเกษตรกรรม กลุ่มเศรษฐกิจ พาณิชย์ ท่องเที่ยว อื่นๆ อีกด้วย และข้อสำคัญคือ ข้าราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม ทั้งหมดนั้นต้องมีส่วนร่วมในการที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทย แต่ละกลุ่มจะมีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย รายย่อยอีกหลายประเภท ต่างวัย ต่างระดับ ครู นักเรียน นิสิต นักศึกษา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อสม. ทุกพวกทุกส่วนที่เป็นคนไทยด้วยกันต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทย
วันนี้เราต้องมาคำนึงถึง 3 เสาหลักของอาเซียน ซึ่งกำหนดไว้แล้วว่า ได้แก่ เสาแห่งความมั่นคง เสาแห่งเศรษฐกิจ เสาแห่งสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ภายในกรอบของอาเซียน และประชาคมโลกในอนาคต เพราะฉะนั้นในทุกกลุ่มที่ว่านั้นจะต้องมีพื้นฐานงานด้านความมั่นคงลงไปด้วย ในภาพรวมภาพใหญ่นะครับ และในกลุ่มของตนเอง กลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มสังคมและวัฒนธรรมก็ต้องมีภาพของความมั่นคงใส่ไปด้วย เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ สร้างความเข็มแข็ง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตนและส่วนรวมประเทศชาติ โดยปราศจากความขัดแย้ง ให้มีความเผื่อแผ่ แบ่งปัน มีจิตสำนึกเป็นสาธารณะ ไม่เอารัดเอาเปรียบ เห็นอกเห็นใจกัน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันดูแลกัน รัฐบาลนั้นผมเคยเรียนแล้วว่าไม่สามารถจะดูแลเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ เพราะว่าเรามีงบประมาณจำกัดของรัฐ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องเฉลี่ยงบประมาณเหล่านั้น ซึ่งมีไม่มากนักให้เพียงพอบนพื้นฐานของความทั่วถึงและเป็นธรรมทุกพื้นที่ ผู้มีรายได้น้อยอาจมองว่าผู้มีรายได้มากเอารัดเอาเปรียบ ให้มองว่าเขามีการลงทุนมาก ใช้เวลา เขาก็ต้องมีผลตอบแทนที่มากกว่า แล้วประเด็นสำคัญเป็นรายได้หลักของรัฐนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเขาทำโดยสุจริตเราก็ต้องช่วยกัน อย่าไปตำหนิว่ากล่าวอะไรเลย เว้นแต่ผู้ที่ร่ำรวยโดยไม่สุจริตก็ว่ากันไป
สำหรับภาคอุตสาหกรรม การแปรรูปในรูปของผลประโยชน์ให้รัฐ ภาษีมันมีหลายขั้นตอนนะครับ ไม่ใช่เก็บภาษีตรงนี้ที่เดียวพอ เขาทำเป็นวัตถุดิบเพื่อการอุตสาหกรรมต่อไปมันก็มีการเก็บภาษีแต่ละขั้นตอนไปอีก ในการที่ผลิตสินค้าแต่ละประเภท มันก็เท่ากับเสียภาษีหลายระดับด้วยกัน เขามีรายได้มากเขาก็ต้องเสียมากธรรมดานะครับ ก็จะมีการปรับปรุงภาษีอีกครั้งหนึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้ สำหรับผู้มีรายได้น้อย ผมเห็นใจจริงๆ นะครับ แต่ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเอง เราก็จะไม่สามารถเข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ เพราะฉะนั้นถ้าคนไทยทุกคน หรือส่วนใหญ่ สามารถเข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ สัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปัจจุบัน เราก็จะมีรายได้ให้กับรัฐมากขึ้น เมื่อมีมากขึ้น งบประมาณที่ได้มา ก็สามารถจะไปเฉลี่ย ไปดูแลคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้อย่างที่ทุกคนต้องการได้มากขึ้น
เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไร รัฐบาลนี้ก็มีหน้าที่ทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถเข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ ไม่ต้องกลัว การเสียภาษีมันต้องเป็นธรรมอยู่แล้ว รายได้น้อยก็เสียน้อย รายได้มากก็ต้องเสียมาก เพราะฉะนั้นเรามีนโยบายว่า ทำอย่างไร รัฐบาลที่เราจะมีต่อไปจะเพิ่มรายได้ และยกระดับอาชีพให้ได้ ส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยได้พยายามพัฒนาปรับปรุงตนเอง รวมกลุ่มกัน ถ้าท่านกระจัดกระจายกันไป มันก็ไม่สามารถที่จะบริหารจัดการได้ เรื่องงบประมาณ เรื่องการช่วยเหลือ กองทุนต่างๆ ไม่ได้ ท่านต้องรวมกลุ่มของท่านให้ได้ด้วยตัวของท่านเอง เพื่อจะได้ง่ายในการบริหารจัดการ รัฐจะได้ช่วยเหลือได้ สร้างโอกาสได้ ยกระดับตัวเองได้ ให้หลุดพ้นจากความยากจนด้วยความพอเพียงก่อน พอเพียงก็คือว่า พอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน จากนั้นค่อยขยับขยายลงทุนขยายกิจการ เกษตรกรก็ต้องลดรายจ่าย ทำบัญชีครัวเรือน บางคนบอกว่าทำแล้วยังไงมันก็เป็นหนี้อยู่เสมอ ก็ค่อยๆ ทำไป เดี๋ยวสักวันมันก็ต้องลดหนี้ลงได้ แบบค่อยเป็นค่อยไปนะครับ อะไรที่ไม่จำเป็น ผมก็อยากให้มีการอดออมไว้ก่อน
ลูกหลานนี่สำคัญ ต้องสอนให้เขารู้จักฐานะตนเอง ลูกต้องไม่รบกวนพ่อแม่จนเกินไป จนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ต้องช่วยพ่อแม่สร้างฐานะก่อน ก็ต้องอดทนเพื่อวันข้างหน้าเราจะได้เจริญเติบโตขึ้นมาเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ในอนาคต อย่าไปหลงติดการพนัน สุรา ยาเสพติด ใช้ของราคาแพงเกินตัว พ่อแม่ก็จะไม่เกิดหนี้สินนอกระบบ ต้องกู้เงินมาให้ลูกใช้เรียนหนังสือด้วย และซื้อรถซื้อมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมันเกินฐานะ
ท้ายสุดพ่อแม่ทำไง ก็ต้องขายที่ขายนา วันนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่ไม่มีที่ทำกินเข้าไปอีก ก็เดือดร้อนไปหมด รัฐก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรเพราะที่ดินก็จำกัดนะครับ
ขณะนี้ลูกคงต้องช่วยพ่อแม่ด้วยการศึกษาเล่าเรียนก่อน เป็นคนดี ไม่ติดยา ไม่ไปหลงฟุ้งเฟ้อกับเรื่องอบายมุขต่างๆ เมื่อลูกดูแลตัวเองได้ พ่อแม่ก็ไม่เป็นภาระ พ่อแม่ก็ส่งเรียนหนังสือเท่าที่สามารถทำได้ มีสิ่งเดียวที่คนรายได้น้อยจะให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานได้ก็คือ การศึกษาเท่านั้นเอง เพื่อเขาจะได้พัฒนาตัวเองได้ในอนาคต เพราะจะให้เป็นทรัพย์สมบัติอะไรถึงลูกหลาน ในขณะที่ฐานะก็ไม่ดีมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นอยากให้ลูก อย่างที่ผมบอกในค่านิยม 12 ประการที่พูดไปแล้วต้องดูแลพ่อแม่ และอยู่ในระเบียบวินัย เคารพครูบาอาจารย์กตัญญู สิ่งเดียวที่ท่านทำได้คือ อย่าทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ อย่าทำให้ผู้ปกครองเป็นทุกข์ เพราะว่ามันเป็นทุกข์ที่ ผมอยากจะใช้คำว่า ทุกข์ยั่งยืน พอหมดจากพ่อแม่ไปแล้ว ตัวเอง ลูกหลานก็ลำบากต่อไปอีก
เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ถ้าหากเรารอรับอย่างเดียวมันไม่ทั่วถึงหรอกครับ มันเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว บรรเทาความเดือดร้อน ในเรื่องของการใช้รัฐสวัสดิการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสาธารณสุข ในเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยาอะไรต่างๆ เหล่านี้ ถ้าประเทศเรามีรายได้มาก มีภาษีจากการค้าขาย การส่งออก การแปรรูป จากวัตถุดิบที่เราผลิตได้มากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะมีเงินก้อนใหญ่มาทำทุกเรื่องได้ ทั้งการพัฒนาประเทศ รัฐสวัสดิการ สาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีเพียงพอในทุกพื้นที่
ในส่วนของการดูแลข้าราชการ ผู้สูงอายุ สำคัญนะครับ พ่อแม่ วัฒนธรรมไทยเป็นอย่างนั้นต้องดูแลผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นความอบอุ่นในสังคมไทย ในเรื่องของการรักษาพยาบาลหลายๆ ประเทศในโลกยังไม่มีความพร้อม ประเทศเราถือว่าดีมากในขั้นตอนขณะนี้อาจจะยังไม่มากนัก แต่ยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ถือว่าดีกว่าหลายๆ ประเทศในโลก บางประเทศนั้นยังไม่มีความพร้อม รายได้ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ก็ด้วยการเมือง การปกครองอะไรต่างๆ ด้วย ก็ทำให้ต้องมีรัฐสวัสดิการ แต่ว่าตัวเองไม่พร้อม จะเห็นว่าบางประเทศในโลกนี้กำลังจะล้มละลายจากการใช้รัฐสวัสดิการมากมายเหลือเกินไป เกินกำลังของตัวเอง เราต้องช่วยกันขับเคลื่อน รายได้มากตอบแทนรัฐบาลให้มาก อย่าหลีกเลี่ยงภาษี อันนี้ขอร้องจริงๆ นะครับ อย่าหลีกเลี่ยงภาษี และก็เผื่อแผ่คนรายได้น้อย ไม่กดราคา ไม่เอากำไรมากนัก ซื่อสัตย์ต่อตนเองผู้อื่นด้วย คนระดับกลางก็ต้องช่วยรัฐให้มากขึ้น คนรายได้น้อยก็ต้องพยายามยกระดับตัวเอง หางานที่สุจริตมีรายได้ที่เหมาะสม ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข หรือความไม่โปร่งใสอะไรก็แล้วแต่ ในการประกอบอาชีพ รัฐบาลนั้นจะทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ มุ่งผลสัมฤทธิ์ เพื่อประเทศชาติ ข้าราชการก็ต้องมีจิตใจที่ให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนต้องตระหนักเสมอว่า เราคือครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวของคนไทยประเทศไทย ต่อไปครอบครัวเราก็ใหญ่ขึ้นไปเป็นครอบครัวอาเซียน เราจะต้องเอาครอบครัวเราไปคบค้าสมาคมกับครอบครัวอื่นเขา ทั้งประชาคมอื่นๆ ต้องไปแข่งขันด้วย ขณะเดียวกันต้องแข่งขันการค้ากับเขาด้วย เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ในโลกนี้อีกต่อไป วันนี้โลกไร้พรมแดน
วันนี้เรามีหลายเรื่องที่ต้องพัฒนาเราไม่สามารถอยู่ในโลกนี้เพียงผู้เดียวได้ ผมย้ำคำนี้นะครับ บางคนบอกเราเข้มแข็งพอแล้ว ไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยใคร เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ผมว่าเราต้องหยุดคิดเรื่องนี้ไว้ก่อน นั้นคือความภาคภูมิใจ นั้นคือประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของเรา แค่เราต้องเรียนรู้ว่าเราจะพัฒนาตนเองอย่างไร ผมอยากให้มีการพัฒนามากที่สุด ในขณะนี้คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทุกคนมีความหมาย ทุกคนเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ต้องเพิ่มการเรียนรู้ในทุกระดับ ปรับทัศนคติการอยู่ร่วมกัน เคารพกฎหมาย ลดความขัดแย้ง เห็นต่างแต่ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ อย่าไปขัดแย้งขนาดใหญ่ ยกพวกตีกัน หรือขัดแย้งทุกเรื่องทุกราว ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ตอนนี้มันก็พัฒนาประเทศไปไม่ได้ ต้องหารือกัน มีความพึงพอใจ ไม่ใช่ว่าจะต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะได้สัก 50-60-70 แต่สิ่งที่สัมฤทธิ์ออกมาก็คือ เราสามารถจะดูแลคนจำนวนมากได้ แต่เราก็จะต้องไม่ทิ้งคนส่วนน้อยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าส่วนน้อยจะเอามาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ยอม ส่วนใหญ่จะเอามาก ส่วนน้อยก็ไม่ยอม ไปไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นต้องดูว่า ประโยชน์มันอยู่ตรงไหนกัน วันนี้ได้แค่นี้ วันหน้ามันก็พัฒนามากขึ้น ถ้าเรารวมกันได้อย่างที่ว่านะครับ
เรื่องความมีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม สำคัญนะครับ เพราะเราประกอบเป็นสังคมแห่งสันติสุข เพราะฉะนั้นการเป็นคนที่มีคุณธรรม เป็นองค์กรที่มีจริยธรรม มันก็เป็นสังคมแห่งสันติสุข พูดคุยหารือกันในทุกระดับ ลดความขัดแย้ง ไม่ใช่การโต้เถียงกันจนบานปลายไป แล้วก็ข้อสำคัญคือ เราอย่าให้คนที่ไม่ดีนั้นได้มาชี้นำเรา ถ้าเราไม่เรียนรู้ ไม่พัฒนาตนเอง เราก็ไม่สามารถจะรวบรวมศักยภาพ หรือพลังของคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียวได้ การพัฒนาเรื่องอื่นๆ ก็ไม่เกิด เราก็สู้กับการแข่งขันภายนอกไม่ได้ เพราะเราเสียเวลาอยู่กับการทะเลาะขัดแย้งกันเองมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ดีก็มีนะครับ ที่ขัดแย้งมากก็มี เพราะฉะนั้นทำยังไงจะลดต่างๆ ทั้งหมดให้มาดีด้วยกันทั้งหมด ดีมาก ดีน้อย ก็ว่ากันไป แต่อย่าขัดแย้ง
หลายประเทศที่มีการพัฒนาด้านศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ไปมาก ก็เจริญเร็ว จะเห็นได้ว่ารอบๆ บ้านเราก็มีนะครับ บางประเทศสามารถที่จะขึ้นไประดับต้นๆ ของโลกได้ ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อที่เพียงเล็กน้อย เพราะเขาใช้สติปัญญาของเขา และไม่ขัดแย้ง แล้วเชื่อฟังกฎหมาย เคารพกฎหมาย และเดินไปตามนโยบายของรัฐ ทุกคนเขาไปได้ รัฐก็สามารถดูแลได้ทั่วถึง เราก็ต้องสร้างความโปร่งใสให้ทุกฝ่าย ไม่มีการทุจริต ไม่โกงกิน ไม่ยอมรับในสิ่งที่มันผิดกฎหมาย เราก็จะได้รับความเชื่อมั่นในการลงทุน ตรงนี้ต้องระวังนะครับ
ความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างประเทศเขาดูหลายมิติด้วยกัน ดูทั้งสภาพสังคม ดูทั้งกฎหมายของเรา ดูทั้งการปฏิบัติตามกฎหมาย ดูทั้งความเชื่อมั่นในการลงทุนที่เกิดความมีเสถียรภาพของรัฐบาล เหล่านี้เป็นความเชื่อมั่นการลงทุนทั้งสิ้น เราอยากให้ใครเขามาลงทุนมากๆ ในประเทศเราในบ้านเรา เราก็ต้องดูว่าเราต้องการอะไร แล้วจะไม่ไปทำให้สังคมมีผลกระทบอย่างไร ไม่ไปทำให้เกิดมลภาวะอย่างไร แต่เราก็ต้องมีแรงจูงใจให้เขาเข้ามาด้วยก็คือความมีเสถียรภาพ ซึ่งเราได้เปรียบหลายประเทศในโลกอยู่แล้วนะครับ เพราะคนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจ เป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส อย่าไปเปลี่ยนแปลงตัวเราเองเลยนะครับ ไปเป็นคนขี้โมโหก้าวร้าว ทุกคนต้องปรับเปลี่ยน ผมเองก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเหมือนกัน ให้มีสติ มีอะไรต่างๆตลอดเวลา เราต้องระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้นะครับ
ในเรื่องของความเชื่อมั่นนั้นไม่ใช่การค้าอย่างเดียว มันเป็นเรื่องของการอุตสาหกรรม ในเรื่องของการท่องเที่ยว และอื่นๆ หลายประเทศ ท่านเห็นอยู่แล้วว่าเขาเจริญอย่างไร เขามีความขัดแย้งกันหรือไม่ ถ้าเรามามองว่าทุกอย่าง รัฐต้องเป็นคนทำทั้งหมด ทุกฝ่ายเรียกร้องทั้งหมด มันไปไม่ได้ ทุกคนต้องมีสัดส่วนร่วมมือกันในทุกปัญหา ในทุกการแก้ปัญหา ในการที่จะเดินหน้าประเทศไทยไปข้างหน้า วันนี้จากสถิติ หรือจากสื่อต่างๆ ก็ลงว่า การค้าการส่งออกเราลดลงอะไรทำนองนี้ ก็อย่าเพิ่งตกใจ เราก็พยายามที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทำไมถึงส่งออกลดลง เราต้องมาพิจารณาดูว่า สินค้าบางประเภทของเราๆ ยังคงใช้เทคโนโลยีเดิมในการผลิต คุณภาพยังเหมือนหลายๆ ปีมาแล้ว อาจจะเป็นสิบปีมาแล้ว ยังเป็นแบบเดิมส่งออกไป วันนี้หลายประเทศเขาพัฒนาหมดแล้ว ถ้าเราไม่พัฒนามันจะตกยุคนะครับ
เพราะฉะนั้นเราถึงมีกองทุนต่างๆ ส่งเสริมเอสเอ็มอีเหล่านี้ เพื่อจะมีการพัฒนาคุณภาพ ในเรื่องของบีโอไอเช่นกัน ปรับปรุงเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องจักรให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ไม่ใช่ของผลิตออกมาแล้ว พอมาดูโรงงานแล้วเกิดความไม่เชื่อมั่น โหโรงงานดูไม่ได้เลย ไม่ได้ ต้องพัฒนาตัวเองปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ถ้าเราไม่ปรับปรุงคุณภาพเราเน้นปริมาณอย่างเดียว เราก็ขายไม่ออก ขณะเดียวกันเรามีปัญหาความขัดแย้งในประเทศอีก เสถียรภาพก็ไม่เกิด ทุกอย่างนี่คือสิ่งสำคัญทุกอย่างมันลดความเชื่อมั่นลง การแข่งขันมากขึ้น วันนี้ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ ทั้งทวิภาคีระหว่างประเทศต่อประเทศ หรือพหุภาคีคือขนาดใหญ่หลายประเทศด้วยกัน มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในข้อจำกัดทางด้านการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาษี บางอย่างเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนในแต่ละประเทศได้รับผลประโยชน์มากขึ้น บางอย่างภาษีเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นภาษีเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ ราคามันก็ขึ้นอยู่กับต้นทุนกับราคาขาย ถ้าเราต้นทุนสูงด้วยค่าแรงงานบ้าง ค่าวัตถุดิบบ้างอะไรบ้าง มันทำให้ราคาสูงโดยอัตโนมัติ
เพราะฉะนั้นเราสู้เขาไม่ได้แน่นอน ขายไม่ออก เพราะราคาแพงกว่า ยิ่งคุณภาพไม่ดีแล้ว มันยิ่งไปกันใหญ่ วันนี้ต้องเร่งรัดพัฒนาในเรื่องของการผลิต ขีดความสามารถในการผลิตให้มีเทคโนโลยีให้มีความสำคัญมากขึ้น ควบคุมคุณภาพให้มากขึ้น สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ต่างประเทศมากขึ้น
มาตรการกีดกันทางการค้าของแต่ละประเทศเขาก็ไม่อยากให้มีการแข่งขัน การลงทุน การค้าขายในสิ่งที่เขาผลิตเองในประเทศบางอย่างเขาก็จำกัดให้เข้าได้เท่านี้ บางอย่างก็ไม่ให้เข้าเลย ก็เหมือนกัน เราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน เราต้องพัฒนาร่วมกันให้ได้ ต้องเข้มแข็ง รวมกลุ่มกันให้ได้ เราจะได้ขยายได้พัฒนาในทุกมิติ มันจะได้สู้เขาได้ในอนาคต นี่เขาเรียกความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจ มันหลายขั้นตอนนะครับ หลายอย่างตั้งแต่วัตถุดิบเอง ซึ่งเราได้เปรียบอยู่แล้วหลายอย่าง เรามีวัตถุดิบจำนวนมาก แต่พอขั้นตอนการแปรรูป เพื่อจะไปค้าขายเพื่อเพิ่มมูลค่า มันไม่พัฒนา บางทีเราเร่งไปแล้วตลอด 3 เดือน 4 เดือนที่ผ่านมา พยายามทำอย่างนี้อยู่แล้ว
เรื่องที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือว่า ปัญหาของการประกอบการธุรกิจการค้า ถ้าต่างประเทศเขามาต่อว่าช้า เสียเวลา ขั้นตอนมาก บางเรื่องควรเป็นเรื่องที่ควรจะวันเดียวเสร็จ บางทีใช้เวลาเป็นเดือนอย่างนี้ไม่ได้ ผมให้ทุกสถานที่ปรับลดเวลาทางธุรการให้เร็วที่สุด ในลักษณะ One Stop Service จดทะเบียนแรงงานอะไรต่างๆ ต้องแก้ไขให้ได้ ต้องดำเนินการให้ทุกกิจการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นไปตามยุทธศาสตร์ ไม่สะเปะสะปะ ยุทธศาสตร์ของไทยเดินหน้าไปอย่างไร จะเป็นประเทศอย่างไร อุตสาหกรรม เกษตรกรรม 5 ปี 10 ปี จะเกิดอะไรขึ้น จะทำอย่างไร ถ้าเราเดินตามยุทธศาสตร์ที่ว่าได้ เราก็จะเกิดความก้าวหน้าในการพัฒนาไปตามลำดับ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ก็ถ้าเดินไปตามนี้มันก็จะไม่มีปัญหา
ถ้าเอาการเมืองมาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ บริหารประเทศด้วยมันมีปัญหามาโดยตลอด ฉะนั้นรัฐบาลต้องมีความชัดเจนในระดับนโยบาย แล้วกำหนดผู้ขับเคลื่อนว่าใครจะขับเคลื่อนเรื่องใด อย่างไร ใครเป็นหลัก ใครเป็นรอง ใครเป็นเสริม เข้าใจให้ตรงกัน จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ นี่คืองบประมาณของรัฐ และต่างฝ่ายต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เติมช่องว่าง งบประมาณใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ความไว้วางใจซึ่งกันและกันก็จะเกิดขึ้นทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น
ช่องทางการติดต่อสื่อสารวันนี้ ประชาชนกับรัฐก็มีศูนย์ดำรงธรรม กอ.รมน.ก็พร้อมที่จะรับเรื่องร้องเรียน ติดต่อราชการ หาความรู้ ให้รายละเอียด และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้มาติดต่อราชการทุกจังหวัดให้รวดเร็วขึ้น วันนี้ผมได้รับรายงานมาว่า ก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ ขอบคุณกระทรวงมหาดไทย ขอบคุณศูนย์ดำรงธรรม และ กอ.รมน.จังหวัด รวมความไปถึงสำนักงานปฏิรูปอะไรต่างๆ ปฏิรูปปรองดองที่ตั้งไว้แล้วเดิม วันนี้กำลังขับเคลื่อนงานทุกงานอยู่ จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนา สร้างความเข้าใจมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น
ในส่วนของศูนย์การเรียนรู้ของกรมวิชาการเกษตร วันนี้ที่สั่งการลงไปแล้ว สามารถตั้งได้ 882 ศูนย์ระดับอำเภอ ยังมีอีกมาก ก็กำลังพัฒนาเพื่อจะให้มันครบทุกอำเภอ ครบทุกพื้นที่ จะทำให้มากขึ้นโดยเร็ว ก็จะมีข้อมูลให้เกษตรกรได้เรียนรู้ว่าจะปลูกอะไรให้เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศ มันแตกต่างกันนะครับแต่ละภาค แต่ละพื้นที่ มันก็ต่างกัน บางพื้นที่แล้งซ้ำซาก บางพื้นที่ทำนาได้ 2-3 ครั้ง อยู่ในเขตชลประทาน บางพื้นที่ไม่ได้อยู่ในเขตชลประทาน แต่ทุกคนก็อยากจะปลูกสินค้าเกษตรกรรมที่มีราคา ที่เป็นที่ต้องการ มันก็เสีย 2 อย่าง คือปลูกไปก็ไม่ได้ผล รัฐก็ต้องเสียค่าประกันความเสียหายอีก แล้วปลูกไปราคาก็ไม่ได้ เสียเวลา เสียแรงเปล่าๆ
เพราะฉะนั้นท่านต้องไปปรึกษากับศูนย์การเรียนรู้ที่ว่า ว่าจะทำยังไง จะปลูกอะไรดี ปรึกษาเขาเถอะครับ เขามีความรู้ ให้คำแนะนำต่างๆ ได้มากมาย ถ้าไม่มีปัญหา เราก็สามารถที่จะปรับนโยบาย เพื่อจะเพิ่มเติม เพื่อจะแก้ไขเป็นเรื่องๆ ได้ ถ้าท่านกระจัดกระจายอยู่แบบนี้ มันช่วยยาก เพราะไม่รู้ใครเป็นใคร ขึ้นบัญชีให้เรียบร้อย การทำเกษตรกรรมในแต่ละพื้นที่ว่าใครปลูกข้าว ปลูกยาง บางคนไม่มาลงทะเบียนกับกระทรวงเกษตรที่เขาจัดทำอยู่ ก็ต้องไปทำนะครับ ไม่ต้องไปเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ถ้าไม่จดทะเบียนความช่วยเหลือก็เป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นถ้าเราปล่อยให้ทำตามยถากรรมเหมือนเดิมเหมือนรัฐดูแลไม่ได้ โซนนิ่งต่างๆก็ไม่เกิดขึ้น ก็เป็นแต่เพียงนามธรรม พูดไปอย่างนั้นละโซนนิ่งๆ ทำไม่ได้ เพราะประชาชนไม่เห็นด้วย ประชาชนไม่เห็นด้วยคือไม่เข้าใจ เราต้องให้ศูนย์เหล่านี้สร้างการเรียนรู้ให้ได้ ว่าทำอย่างนี้มันจะเกิดผลอย่างนี้ จะดีอย่างนี้ มีการปรับปรุงเทคโนโลยีอย่างไร เมล็ดพันธุ์พืชจะทำอย่างไร ปุ๋ยจะทำอย่างไร ปลูกไว้ที่ไหน มีตลาดที่ไหน ไปขายที่ไหน ราคาควรเท่าไหร่ วันนี้คนไม่ทราบว่ารัฐไปขายได้เท่าไหร่
เพราะฉะนั้นเวลาผลิตอะไรออกมา ก็อยากได้ราคาสูง รัฐก็ต้องไปอุดหนุนแล้วเอามากองกันอยู่กับรัฐ พอเอาไปขายใครราคาก็ตกหมด เราก็พยายามทุกอย่างที่จะทำให้ราคาที่สูงขึ้น อันนี้มันเป็นระบบที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันนะครับ เราก็ไม่อยากให้เกษตรกรที่มีรายได้น้อยถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยรัฐไม่สามารถอุดหนุนได้ทุกอย่าง
เรื่องยางก็เช่นเดียวกันนะครับต้องระวังกันหน่อย วันนี้ราคายางก็พยายามเต็มที่ที่จะแก้ปัญหา ผมว่าเป็นเรื่องหนักพอสมควรเรื่องยาง เรื่องข้าว เรื่องผลิตผลทางเกษตรอื่นๆบางอย่าก็ดีขึ้น บางอย่างก็ลดลง มันเป็นไปตามราคาตลาด เพราะฉะนั้นถ้าเรายืนราคาเดิมต่อไปโดย ไม่มีการปรับปรุงตัวเอง ไม่มีการโซนนิ่ง ไม่มีการควบคุมให้มันพอเพียง ให้มันทัดเทียม ก็เป็นปัญหาอย่างนี้ตลอดไป เราก็แก้ไม่ได้ ทุกคนตายไปแล้วก็แก้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาทั้งระบบนะครับ ขอให้เห็นใจด้วย การประท้วงต่างๆ ก็ให้มีเหตุมีผลนะครับ วันนี้เราก็มีความจำเป็นไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องผลิตผลอย่างเดียวมันแก้ไปทุกปัญหาเลยที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน บางอย่างก็มาก บางอย่างก็น้อย ต้องแก้มากก่อน น้อยก็ค่อยๆ แก้คู่ขนานกันไป ในส่วนของการดูแลสาธารณสุขรักษาพยาบาล เรามุ่งหวังถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ถ้าประชาชนเข้มแข็งประเทศชาติก็เข้มแข็ง เพราะฉะนั้นการดูแลสาธารณสุขรักษาพยาบาล ถ้าเรายังมีรายได้รัฐอยู่อย่างนี้ การดูแลจะไม่มาก ไม่เพียงพอจะเห็นได้ว่า มีปัญหาพอสมควร ในเรื่องของระบบของการดูแลประชาชน ทั้งสูงวัย ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กเล็กอะไรต่างๆ มีปัญหาหมด เพราะรัฐมันไม่มีเงินไง ผมพูดตั้งแต่ต้นมาแล้ว รัฐจะมีเงินรายได้จากที่ไหนบ้าง เพราะฉะนั้นเราจะช่วยกันตรงไหน ก็ต้องไปช่วยกัน ถือว่าช่วยชาติ ถ้าเราดูแลคนไม่ดี ทุกอย่างก็อ่อนแอ เด็กก็อ่อนแอ ผู้ใหญ่ก็อ่อนแอ คนสูงอายุก็อ่อนแอ ประเทศชาติก็อ่อนแอไปทั้งหมด
เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครเขาชี้นำ หรือมาปลุกระดมว่า มันเป็นเพราะอย่างนี้ ไอ้ที่จนเพราะอย่างนี้ เพราะคนนี้ เพราะคนนั้น ผมว่าอย่าให้เขามาชี้เลย ท่านคิดเอง ท่านมองเหมือนผมมอง บางคนที่ผ่านมา ผมขออนุญาตบางคนบอกว่า เพราะสถาบันทำให้เป็นอย่างนี้ ผมกราบเรียนท่านเลยนะครับ ท่านไม่เคยมาเกี่ยวข้อง ท่านต้องดูที่ว่า ที่ผ่านมาสถาบันทำหน้าที่อะไร ท่านทำทุกอย่างมาตั้งแต่อดีตนะครับ ในพื้นที่ที่รัฐบาลไปไม่ถึง ในที่รัฐบาลอาจจะไปดูแลได้ไม่มากนัก ท่านก็ไปเสริมตรงนั้นให้ ท่านไม่เคยที่จะไปแย่งความรัก ความชอบอะไรจากใคร เพราะท่านถือว่า ทุกคนคือคนไทยของท่านทั้งสิ้น ท่านต้องมีหน้าที่ในการดูแลคน คนมีรายได้น้อย คนที่มีความเดือดร้อนเป็นหลักก่อน ช่วยรัฐบาลมาทุกรัฐบาล
เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเข้าใจกรณีนี้นะครับ ต้องมีสติใคร่ครวญหาเหตุผล อย่าไปเชื่อตามเขาปลุกปั่นอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้ไปล่วงละเมิดท่านพันต่อไปถึงกฎหมาย บอกไปบังคับคนต่างๆ ไม่ใช่เลย กฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องพระองค์ท่านเท่านั้นเอง เพราะพระองค์ท่านไม่สามารถจะดูแลพระองค์เองได้ จะให้ท่านมาตอบโต้ ท่านมาชี้แจงอธิบายใครไม่ได้ แต่เราต้องมองว่าทำอะไรดี อดีตไม่ใช่แก้สมัยนี้ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเมื่อเรายังไม่เป็นประเทศ เป็นอาณาจักร เป็นอะไรต่างๆ เหล่านั้น จนกระทั่งเป็นประเทศมาเมื่อ 200 กว่าปี
เพราะฉะนั้นวันนี้เราดูย้อนกลับไปนะครับ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปตัดสิน อย่าเพิ่งไปลงความเห็นว่า ใช่หรือไม่ใช่ตามที่คนเขามาชี้นำต้องไปดูว่า เขาชี้นำเพราะอะไร เพื่ออะไร วันนี้ประเทศไทยเข้มแข็งได้อยู่ 2 อย่าง 1.สถาบันพระมหากษัตริย์ 2.ความมั่นคง ซึ่งต่างประเทศอาจจะมีไม่เท่าเราตรงนี้ แต่เขาพัฒนา มันต้องไปทั้ง 2-3 อย่างด้วยกัน ในเรื่องของสถาบัน เรื่องของความมั่นคง เรื่องของการพัฒนาประเทศ มันต้องไปด้วยกันทั้งหมด เพราะเราเป็นคนไทย อย่าไปเอาของตะวันตกมาทั้งหมด ผมเคยพูดไปแล้วว่า อย่าทำลาย อย่าสร้างบ้านเมืองใหม่โดยที่ต้องทำลายของเก่าทิ้งทั้งหมด วันนี้ต้องดูว่า วันนี้ที่คนเขาเที่ยวบ้านเราเพราะของเก่า สมัยนี้สร้างอะไรไว้บ้างที่ให้คนเขามาดูเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ค่อยมีนะ มีแต่เขามาเที่ยวโบราณสถาน พระราชวัง นี่แหละคือสิ่งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทำไว้ให้ คิดตรงนี้แล้วกัน อย่าเอาท่านลงมาเลย อย่าทะเลาะเบาะแว้งกันเอาท่านลงมาเกี่ยวข้องไม่ได้ ผมคงไม่ยอมคนหนึ่ง เราต้องกลับมาดูตนเองก่อนจะโทษใครก็ตาม จะเพราะคนโน้นคนนี้ทำ ผมไม่อยากให้โทษกันตอนนี้แล้ว
เพราะฉะนั้นต้องมาดูแลตัวเองว่า ที่เรามีรายได้น้อย มีความขยันเพียงพอหรือไม่ พัฒนาตัวเองหรือยังหรือเปล่า หรือจะทำเพียงแค่พอกินพออยู่ไปวันๆ เลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ มีรายได้ไม่กี่ร้อยแล้วมันจะพัฒนาได้อย่างไร ไม่ได้อยู่ได้ก็โอเค ท่านต้องให้ลูกหลานพัฒนากว่าท่าน อย่าให้เขาต้องมาทำอะไรที่รายได้น้อยเหมือนท่าน จะทำได้อย่างไร เขาต้องเรียนรู้ต้องศึกษาให้เขาเรียนหนังสือมากๆ ถ้าไม่เรียนหนังสือมากๆก็คิดไม่ได้ ก็พัฒนาไม่ได้ๆ เป็นเรื่องธรรมดานะครับ
เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่าเราจะรวยขึ้นเร็วขึ้น ไปทำสิ่งผิดกฎหมาย ไปติดยา ค้ายาเสพติด ชีวิตต้องพังทลายยิ่งกว่าเดิมอีก ยิ่งกว่ายากจนอีก เหมือนเดิมไปติดคุก ติดคุกออกมาวนไปใหม่วงจรชีวิตเป็นอย่างนี้ ท่านต้องหาช่องทางสุจริตทำ ลำบากอดทนหน่อยนะ คนรวยปัจจุบันถ้าเขาสุจริตมาเขาลำบากมาก่อน เศรษฐีหลายคนก่อนจะรวยไปดูสิครับ พื้นฐานเขาไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิด ลำบากตั้งค่อนชีวิต เขาแสวงหาโอกาส เขาพัฒนาตนเอง นี้ผมพูดถึงเรื่องสุจริตนะ ทุกคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว สร้างเนื้องสร้างตัว มาจากไม่มีอะไรเหมือนกัน ถ้าเรามีความพยายามวันนี้ ถึงแม้จะไม่เหมือนอดีตเพราะการแข่งขันมากขึ้น โอกาสมันน้อยลง แต่เรามีความพยายามไม่มีอะไรที่จะไม่สำเร็จ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร เราต้องนึกถึงว่าเรามีโอกาสเสมอ อย่าไปเสียเวลาโทษคนรวย โทษใครก็แล้วแต่ว่าทำให้เราลำบากยากเข็ญจนถึงวันนี้ โทษไปโทษมาเวลาหมดก็แก่ก็ตายแล้ว เพราะงั้นเปล่าประโยชน์ ผมและรัฐบาลจะพยายามเต็มที่ ที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักที่สุด ด้วยวีธีการอันเหมาะสม ถูกต้อง ชอบธรรมโปร่งใส มีประสิทธิภาพ วันนี้เราต้องทำให้ 3 ระดับ ให้สอดคล้องกัน คือนโยบาย ขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ แล้วก็เข้าใจกันทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชน ทุกคนต้องสอดประสานกันใน 3 ระดับ ถ้าเราทำได้อย่างนี้ ประชาชนร่วมมือ รัฐบาลดี การขับเคลื่อนดี อะไรต่างๆ เหล่านี้ มันไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศหรอกครับ ประชาชนก็ต้องใจเย็นๆ ทุกอย่างมันเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเรามาแก้ภายใน 3 เดือน 4 เดือน หรือปีนึง มันน่าจะไม่ได้ แต่มันต้องวางพื้นฐานประเทศให้ได้ ใน 4 เดือนที่ผ่านมา ผมก็วางพื้นฐานไประดับหนึ่ง เร่งด่วน ต่อไปรัฐบาลก็ต้องวางพื้นฐานต่อ เพื่อจะต่อไปอนาคตให้ได้ จะทำยังไง จะอยู่กันได้อย่างสันติสุข และมีประเทศชาติที่เจริญทัดเทียมอาณาอารยประเทศต่อไป
เรื่องสภาปฏิรูปแห่งชาติ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า มีผู้สมัครทั้งสิ้น สปช.ตอนแรกเห็นมองว่าคนน้อย วันนี้เข้าไป 7,000 กว่าคนแล้ว แล้วก็ยังไม่ได้รวมในยอดของผู้สมัครทางไปรษณีย์อีก ผมว่าเยอะพอสมควร มีทั้งนิติบุคคลส่งมา แล้วก็ในเรื่องของคัดสรรมา ของจังหวัด ในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน วันนี้ก็มีผู้สมัครมากมาย เป็นที่น่ายินดีนะครับ ผมให้แนวทางในการคัดสรรแล้ว ว่าจะต้องมีคุณภาพ เราก็จะได้คนมา 250 คน 250 คนนี้คืออนาคตของประเทศชาติด้วยส่วนหนึ่ง ที่จะต้องเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเดินหน้าไปยังไง ไม่ใช่เฉพาะสภาปฏิรูปฯ เป็นคนชี้ทุกอย่าง มันคงต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย เรื่องของสภานิติบัญญัติฯ เรื่องของรัฐบาล เรื่องของประชาชน ว่าแต่ละส่วน แต่ละฝ่าย จะทำกันยังไงให้ประเทศชาติไปข้างหน้าให้ได้ วันนี้ก็ต้องขอให้สถานการณ์สงบนะครับ อย่าเพิ่งมาตอบโต้ อย่าเพิ่งมาพูดจาให้มันเสียหาย ว่าเดี๋ยวก็ทำได้ ทำไม่ได้ ผมว่ามันยังไม่ได้เริ่มทำเลย แต่ความตั้งใจของเรามีกรอบ มีแนวทางที่ชัดเจน เราจะทำเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นจะต้องมีข้อมูลนะครับ ใครที่ได้เป็นสมาชิกฯ ต้องมีข้อมูลของตัวเอง อย่าคิดว่าจะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก ตัวเองคิด อย่างเดียวไม่ได้ ท่านต้องมีเหตุผลประกอบมาด้วย ไม่อย่างนั้นมันตกลงหารือกันไม่ได้ ในสภาปฏิรูปฯ ไม่ใช่แต่ละกลุ่ม 11 กลุ่มนั้น ได้ข้อยุติมาแล้ว แล้วก็คือจบ ทำได้เลย ไม่ใช่ ทั้งหมดต้องเอาข้อเสนอที่แต่ละกลุ่มเสนอมา เข้าสภาปฏิรูปฯ พิจารณาร่วมกันทั้งหมดจำนวนสมาชิก ผ่านประธานสภานิติบัญญัติฯ เป็นมติของสภาปฏิรูปฯ
อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ได้มีโอกาสถูกคัดสรรเข้ามา ขอบคุณนะครับ ขอบคุณ แสดงว่าทุกคนรักชาติ รักแผ่นดินจริงๆ สมัครมามากมาย คนเหล่านี้เดี๋ยวไปหาทางว่าจะเชื่อมต่อกันยังไง อาจจะเป็นคณะเล็ก คณะย่อยได้มั้ย แต่ละจังหวัด ไปรวบรวมไว้ แล้วไปส่งข้อมูลเข้าทางศูนย์ดำรงธรรม หรือเข้าทาง กอ.รมน. ทั้งหมดเราก็จะรวบรวมทุกพื้นที่ ทุกคน เข้ามา แล้วก็ส่งให้เลขาธิการรัฐสภา ก็นำส่งสภาปฏิรูปฯ ไปเป็นข้อพิจารณาเพิ่มเติม ท่านก็ติดตามด้วยนะครับ ผมคิดว่าในการพิจารณา หรือในการทำงานของแต่ละวัน เขาคงแจ้งให้ทราบว่าเขาทำอะไรไปแล้วบ้าง กำลังหารือเรื่องอะไร ได้ข้อยุติชั้นต้นมายังไง ท่านก็ชี้แจงเพิ่มเติมมาได้ ว่าเรื่องนี้ น่าจะแบบนี้มั้ย แต่อย่าทำให้มันเกิดความวุ่นวายก็แล้วกันนะ ผมก็ยังยืนยันอยู่นะว่า ไม่อยากให้มีการประท้วงกัน ไม่อยากให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แล้วไม่ต้องคำนึงถึงวันหน้าว่าเราจะได้อะไร นั่นสำคัญ ทุกคนต้องเป็นอย่างนั้นนะครับ
ผลการปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรป่าไม้ในห้วงเดือนที่ผ่านมา มีจำนวนมาก หลายพื้นที่ เช่น ที่เกาะช้าง จ.ตราด ป่าทับกวาง ป่ามวกเหล็ก สระบุรี แล้วก็พื้นที่อื่นๆ อีก คสช.ก็จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ก็ต้องคำนึงถึงรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์ด้วย
ผลการจับกุมยาเสพติดในห้วงสิงหาคม ที่ผ่านมานั้น จับกุมได้ 2 หมื่นกว่าคดี 22,886 คดี ผู้ต้องหา 20,000 กว่าราย ยาบ้า 2 ล้าน เกือบ 3 ล้านเม็ด เฮโรอีน 21 กิโลฯ ยาไอซ์ 31 กิโลฯ กัญชาประมาณพันกว่ากิโลกรัม และมีการอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด 180 ราย มูลค่า 107 ล้านบาท และมีการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามข้อร้องเรียน 26 ราย และมีการขยายผลติดตามผู้เกี่ยวข้องต่อไป อันนี้เป็นอันตรายมากนะครับ
มาตรการตรวจค้นเรือนจำทำอย่างต่อเนื่อง ยึดโทรศัพท์ได้ 600 กว่าเครื่อง ยาบ้าพันกว่าเม็ด ยาไอซ์ 528 กรัม และในส่วนเจ้าหน้าที่ก็มีการลงโทษไป นี่ก็เป็นความก้าวหน้านะครับ เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคมไทย
ด้านเศรษฐกิจก็มีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2558 จำเป็นต้องขับเคลื่อนในระยะนี้ด้วยงบประมาณของรัฐ การกระจายเงินไปสู่พื้นที่ สู่ประชาชน ด้วยโครงการของรัฐ งบประมาณรัฐต้องเริ่มก่อน ก็จะเร่งให้มีงบประมาณได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 คราวนี้ก็จะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการอยู่ ก็คงเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อวานนี้ เดี๋ยวคงนำเข้า สนช.ก็จะมีผลดำเนินการได้ทันทีในไตรมาสแรก
ได้มีการจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศที่จะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนการก่อสร้างเล็กๆ น้อยๆ การปรับปรุงซ่อมแซม ก็จะให้ทำในไตรมาสแรก อย่าไปเชื่อว่าใครได้รับโควต้า ผมพูดอีกครั้งหนึ่ง ทุกครั้งก็มีข่าวมาตลอดว่า มีคนรู้จักกับหัวหน้า คสช.เป็นเพื่อน หรืออะไรก็แล้วแต่กับรัฐมนตรีคนโน้นคนนี้ และได้โควต้ามา มีโครงการนี้โครงการนั้น ให้สมัครเข้ามา แล้วไปทำ แจ้งเข้ามาเลย ว่ามาจากใคร คนไหน ชื่ออะไร ผมจะสอบสวน เอาดำเนินคดีให้ได้ แอบอ้างไมได้ เพราะผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยสั่งใคร ไม่เคยมอบโควต้า ไม่มีโควต้า ท่านต้องมาแข่งขัน มีการประมูล มีการเปิดประมูล และทำสัญญาคิวอาร์ให้มันถูกต้องชัดเจน
ฉะนั้น โครงการขนาดใหญ่ก็ต้องทำต่อเนื่อง ใน 1 ปี งบประมาณที่ออกไปแล้ว ปี 58 ท่านต้องมีการใช้จ่ายของทุกกระทรวงทบวงกรม รายไตรมาสให้มันมีผลสัมฤทธิ์ด้วย ผมเคยบอกแล้วว่า ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ต้องเห็นได้ว่า 1 ปีข้างหน้า ใช้งบประมาณมันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง และก็สอดคล้องกับไอ้ 5 ปี ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจต่อไปๆ ก็ว่ากันไป รัฐบาลทุกรัฐบาลน่าจะต้องคิดแบบผมคิดนะ มันถึงจะมีการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักงบประมาณต้องเคร่งครัดนะครับ ผมก็สั่งไปแล้วว่า การเปลี่ยนแผนงานโครงการจากเรื่องก่อสร้าง ไปเป็นเรื่องจัดซื้อวัสดุภัณฑ์ไม่ได้ มันต้องเป็นหมวดเดียวกัน ถ้ามันมีเหตุผล ถ้าไม่มีเหตุผลก็ไม่ให้เปลี่ยนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นท่านต้องไปบริหารงบประมาณของท่านให้ได้ในแต่ละกระทรวง ทบวง กรม
การใช้จ่ายงบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินต้องมีความคุ้มค่า เป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งหมด โดยส่วนรวม เพราะว่างบประมาณเรามีจำกัด ก็อย่างที่ผมพูดมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า มันต้องอะไรรายได้รัฐมันจะมากขึ้น โดยประชาชนไม่เดือดร้อน และมาแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง และมีการกระจายงบประมาณลงไปสู่ประชาชนทุกภูมิภาคอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม
ในเรื่องของการพิจารณางบประมาณ ผมเรียนไปแล้วว่า ขณะนี้เสร็จไปแล้วทั้ง 19 กระทรวง และก็มีส่วนราชการที่ไม่สังกัดกระทรวงอีกจำนวนหนึ่ง ภาพรวมก็ปรับลดไปได้ประมาณ 4496 ล้านบาท และได้พิจารณาโดยกรรมาธิการชุดใหญ่ไปแล้ว 3-4 กันยาฯ ที่ผ่านมา ก็จะพิจารณาแล้วเสร็จวันที่ 5 และจะเสนอ สนช. วันที่ 11 และเข้าวาระการประชุมในวันที่ 17 ในเรื่องของการส่งเสริมการลงทุน ได้ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปจัดตั้งศูนย์บริการการค้าการลงทุน การประกอบธุรกิจแบบ One Stop Service ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ลดขั้นตอนการทำธุรการที่ไม่จำเป็น ประหยัดเวลาให้กับผู้ประกอบการ ผู้ลงทุนที่ไม่ต้องเดินทางไปติดต่อหลายหน่วยงาน มันทำให้เสียเวลา ลดขั้นตอนลง ลดเวลาลง รวมทั้งเป็นศูนย์ข้อมูลให้ผู้ประกอบการรับทราบว่า วันนี้ความเคลื่อนไหวมันเป็นอย่างไร ต้องพัฒนาตนเองนะครับ ทั้งผู้ร่วมทุน ผู้ลงทุนไทย ไม่อย่างนั้นเราก็สู้ต่างชาติที่เขาจะมาลงทุนไม่ได้อยู่ดีในอนาคต ได้ให้บีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการอภิวัฒน์การลงทุนอย่างเร่งด่วน แต่จะต้องมีการกลั่นกรองที่ดี มีอนุกรรมการอยู่ 2 คณะ ที่จะเตรียมการมาก่อนเข้าที่ประชุมใหญ่ เพื่อขออนุมัติอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย และจะเร่งรัดให้ดำเนินการให้ได้โดยเร็วจากผู้ประกอบการใหม่ๆ หรือการขอขยายกิจการของผู้ลงทุนภายในประเทศ ไม่ว่าจะสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนไทย และกำชับให้บีโอไอได้พิจารณาดูว่านี่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อมของไทยด้วย
ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติ คือแรงจูงใจ เมื่อวันที่ 28 ที่ผ่านมา ได้พบกับผู้บริหารประธานเจ้าหน้าที่ นายชิเงะ โนบุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารก่อตั้งบริษัท Nidec Corporation ได้เดินทางไปพบผมที่กองบัญชาการ ซึ่งบริษัทที่น่าสนใจมากนะครับ เป็นบริษัทที่ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ได้มีการพูดคุยกัน ท่านยินดีจะให้ผมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโอกาสต่อไป วันนี้ก็ดำเนินกิจการอยู่แล้ว ท่านจะมีการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งผมได้คุยกับท่านว่า ทำไม เรามีแบรนด์ของคนไทยอะไรต่างๆ มันต้องเริ่มด้วยสถาบันวิจัยต่างๆ เช่น เรื่องรถยนต์ ท่านก็แนะนำว่า ประเทศไทยอย่าไปแข่งขันในเรื่องของรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ ไปใช้เรื่องมอเตอร์ดีกว่า ในเรื่องของรถไฟฟ้า เรื่องเหล่านี้ที่ดำเนินการพัฒนา เขาพร้อมจะช่วยเหลือเรา ก็ฝากไว้ด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเชื่อมต่อประสานกันดูว่า จะทำได้อย่างไร เขาเชื่อมั่นนะครับต่อเสถียรภาพของไทย และยืนยันว่าจะไม่ย้ายการผลิตจากประเทศไทย และจะเพิ่มให้มากขึ้น
ในภาพรวมบรรดานักลงทุนญี่ปุ่น ทั้งตะวันตก ตะวันออกต่างๆ ที่เราพบทั้งยุโรป อเมริกา หรือใครต่างๆ ก็มีความเข้าใจ พูดกันในห้องเป็นชั่วโมง เขาก็พอใจในการทำงานของ คสช.ในเรื่องของการค้า การลงทุน การเมืองก็เป็นเรื่องของการเมืองไป แล้วก็มั่นใจว่าเราจะแก้ปัญหาประเทศไทยอย่างยั่งยืน มีเสถียรภาพ มันก็ทำให้เป็นผลดีกับการค้าขายต่อไปในอนาคต
เรื่องการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี เราได้มีการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา มีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน จะส่งเสริมกันอย่างไร เอสเอ็มอี นี่คือธุรกิจขนาดย่อม ขนาดกลางและขนาดย่อม บางคนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นเอสเอ็มอี ท่านต้องไปศึกษาดูว่าร้านค้าแบบนี้ เอสเอ็มอีหรือเปล่า มันมีหลายประเภทด้วยกัน ประเภทเกี่ยวกับเรื่องเกษตรกรรม เกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว การบริการ อุตสาหกรรมมีหมดนะครับ ท่านก็ไปดูว่า กิจการของท่านอยู่ในกลุ่มไหน ท่านก็ไปสมัครเข้าไป บางคนบอกว่ารู้ว่าตัวเองเป็นเอสเอ็มอี แต่ไม่สมัคร เพราะกลัวจะเสียภาษี อ้าว อย่างนี้มันไม่ได้นะ ก็ไปสมัคร ภาษีเขาคงไม่ได้เรียกมากมายอะไรหรอก เพื่อเขาจะได้ช่วยเหลือท่านได้ ถ้าท่านไม่สมัครเป็นสมาชิกแล้วท่านจะมาให้รัฐช่วยตรงไหน ได้ยังไง มันไม่มีช่องทางนะ ไปสมัครเสียให้ครบ วันนี้ก็อยากจะให้สมัครเพิ่มอีก วันนี้มันมีตั้ง 2 ล้านกว่าราย ยังไม่ได้จดทะเบียน ไม่ได้ขึ้นบัญชีอีกเยอะแยะไปหมด ท่านไปขึ้นเถอะครับ มันจะได้มีการพัฒนาตนเอง ผมบอกแล้วว่า ถ้าทุกคนไม่เข้าสู่ระบบภาษี มันไปไหนไม่ได้ ประเทศไทยไปไม่ได้ เงินส่วนหนึ่งเก็บภาษีมาจากคนมีรายได้มาก รายได้ปานกลาง ต้องมาเลี้ยงคนขนาดใหญ่ มันไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ก็ได้มาก เสียมาก ได้กลาง เสียกลาง ได้น้อย เสียน้อย มันจะได้ยกระดับเอาเงินทั้งหมดเป็นก้อนใหญ่มา แล้วก็ดูแลทั้งหมดกันไปตามสัดส่วนที่เหมาะสม
ในเรื่องของการพัฒนา ตั้งแต่ก่อตั้งมา ท่านจะขยายกิจการอย่างไร ท่านจะเติบโตอย่างไร เราต้องการให้จากเล็กไปกลาง กลางไปใหญ่ ที่ผ่านมามันไปไม่ได้ เล็กก็คือเล็ก กลางก็คือกลาง ใหญ่ก็คือใหญ่ อยู่แค่นี้ ถ้าท่านทำให้เป็นระบบของท่าน รวมกลุ่มกันให้ได้ แล้วก็เสนอช่องทางมา รัฐก็จะเชื่อมต่อให้ท่าน หางบประมาณมาเป็นกองทุนให้ท่าน หรือให้สิทธิประโยชน์อะไรก็ได้ เรายังให้ที่อื่นได้เลย เอสเอ็มอีสำคัญนะ เพราะมันเป็นกลไกหลักของประเทศ ทั้งเรื่องของการจ้างงาน เรื่องของที่จะไปส่งเสริมธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นเครือข่าย
เป้าหมาย ต้องการจะเพิ่มสัดส่วนจีดีพีของเอสเอ็มอีให้ได้ 3.8 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มการจดทะเบียนนิติบุคคลเอสเอ็มอีขึ้นอีก 5 หมื่นราย ให้ได้ ผมว่ามากกว่านี้นะ ถ้าได้มากกว่า 5 หมื่น ผมดีใจมากเลย ประเทศชาติจะได้ไปได้ อย่ากังวลเรื่องภาษีนะครับ เพราะฉะนั้นเราได้กำหนดแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะส่งเสริมปี 58-59 เป็นอะไรบ้าง เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง (High growth) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ เช่น ก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม บริการด้านการศึกษา การเกษตร ขนส่ง ลอจิสติกส์ ท่องเที่ยว บริการด้านสุขภาพ ประเทศไทยเป็นที่นิยมมาก ด้านสมุนไพร เครื่องสำอาง เทคโนโลยี ด้านพลังงาน แล้วก็กลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย (High Impact) ได้แก่ เครื่องจักรกล อุตสาหกรรมอาหาร ยาง ผลิตภัณฑ์ยาง บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ อัญมณี ค้าปลีก เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อจะวางรากฐานสำคัญให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ไปสู่อนาคตต่อไป
การส่งเสริมตลาดสำหรับข้าว ได้อนุมัติลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้ลงนามไปแล้ว ในการขายข้าวแบบจีทูจีกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ สาระสำคัญก็คือว่า ไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ตกลงจะค้าขายข้าวกันในปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี ถึงปี 2559 เงื่อนไขขึ้นอยู่กับภาวะตลาดข้าวโลกด้วยนะครับ และผลผลิตในทั้งสองประเทศ ซึ่งก็เชื่อมั่นว่าทางกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ก็คาดว่าฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวในปี 57 ประมาณ 1.45 ล้านตัน แล้วก็มีแผนจะเปิดประมูลข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ก็อย่าไปทำให้ราคามันตกก็แล้วกัน อย่าไปรอว่าเมื่อไรจะซื้อ ถ้าท่านไม่ช่วยกันวันนี้ จะไปช่วยกันวันไหน อย่าไปเอาประโยชน์มากนัก คนรวยก็เผื่อแผ่แบ่งปันเขาบ้าง
ด้านสังคมนะครับ ก็ได้ให้เร่งรัดการดูแลในเรื่องของคำเรียกร้อง ร้องเรียน ที่มีคนร้องเรียน วันนี้รวมแล้วทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นกว่าเรื่องนะ นี่เฉพาะที่นี่นะ ก็ยังมีที่ศูนย์ดำรงธรรมอะไรอีกเยอะแยะไปหมด ผมก็จะมอบไป ให้ไปแก้กันให้ได้ และตอบปัญหา บางทีเขาถามมาว่าเป็นอย่างไรให้เขาเข้าใจ เพื่อจะลดความกดดัน ลดความไม่เข้าใจกัน ประชาชนอย่างน้อยก็ต้องได้คำตอบไป ว่าอย่างไร เมื่อไหร่จะทำอย่างไร ประชาชนก็ต้องเข้าใจว่าบางอย่างมันให้อย่างที่ต้องการไม่ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว ความจำเป็นของกฎหมายบ้าง ความเป็นธรรมบ้าง เราต้องมองด้วยความไว้วางใจกัน รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชนต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน เรื่องความโปร่งใสเราต้องเร่งรัดเรื่องนี้นะครับ ไม่ใช่เรานิ่งดูดาย
ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา มีการตรวจสอบหลายๆ โครงการ โดยมี คตร.ร่วมกับองค์การต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย ได้นำระบบบริหารจัดการมาตรวจสอบความโปร่งใสขององค์กร ที่เดียวกับ Cost โดยได้ไปคุยปรึกษากับทาง Cost ที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้ โดยผู้แทนจากประเทศกลุ่มยุโรปได้มาพบกับประธาน คตร.เมื่อ 3 กันยายนที่ผ่านมา จะหารือในเรื่องการจัดทำโครงการนำร่องที่ให้เขาไปตรวจสอบโครงการหาดใหญ่ 3 โครงการก่อน ที่มีการลงทุนสูง มูลค่าเป็นหมื่นล้าน ก็เข้าไปตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นการวางแผนในเรื่องการออกแบบ การก่อสร้าง ต้องระมัดระวังด้วยเจ้าหน้าที่ในเรื่องเหล่านี้หรือใครที่เกี่ยวข้องอย่าให้ผิดพลาดมา
ด้านกฎหมายกระบวนการยุติธรรม กฎหมายไม่ทันสมัย หรือกฎหมายที่ยังไม่มีกฎหมายใหม่ๆ ก็ยังพยายามดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องของการดำเนินชีวิตของประชาชน การประกอบธุรกิจ หรือกิจการต่างๆ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการของ คสช.ฝ่ายกฎหมายรวบรวมไว้แล้ว ที่ผ่านมามีจำนวนมากพอสมควรที่ทำไว้แล้ว นำเสนอไว้มี 11 ฉบับ สัปดาห์นี้อีก 5 ฉบับ สำคัญได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.รับขนทางอาการระหว่างประเทศ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ ร่าง พ.ร.บ.รับขนคนโดยสารระหว่างประเทศ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่าง พ.ร.บ.มาตรช่างตวงวัด บางอย่างติดค้างมา บางอย่างไม่ทันสมัยไม่สอดคล้องกับสากล ก็เร่งดำเนินการไปก่อนทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ชาติทั้งสิ้น กฎหมายอีกหลายฉบับต้องปรับปรุงแก้ไข เช่น กฎหมายเกี่ยวกับป้องกันทุจริตคอร์รัปชัน การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเยี่ยงทาส อันนี้ต้องแสดงให้ต่างชาติเขาเห็น ไม่งั้นเราจะถูกปรับลดความเชื่อถือลงไปเรื่อยๆ
การที่จะรู้ใจกับต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ก็พยายามทำทุกอย่าง เอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวง รัฐมนตรี ก็ทำทุกอย่างเพื่อจะสร้างความประทับใจในเรื่องของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเร็วๆนี้ก็ได้พบกับท่านเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ได้หารือที่ฟินแลนด์ ชี้แจงการเมืองของไทย และขอให้ฟินแลนด์พิจารณายกเลิกข้อแนะนำด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นอย่างไร สงบเรียบร้อยอย่างไร เชิญมาท่องเที่ยว เพื่อมาเดินทางในประเทศไทยด้วย
ฝ่ายฟินแลนด์ก็ต้องเข้าใจทางการไทย และยังพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และการให้คำแนะนำทางการเมืองระหว่างไทยและฟินแลนด์ครั้งที่ 2 ที่ฟินแลนด์ในช่วงปี 58 จะเห็นความร่วมมือตามลำดับ
ที่เยอรมนี เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ก็ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการธุรกิจเยอรมนี ภาคเอเชียแปซิฟิก สอบถามมุมมองของเขา ของภาคธุรกิจต่อเมืองไทย เขาก็เข้าใจ มีความพอใจในความก้าวหน้า
อธิบดีกรมยุโรปก็ได้เป็นผู้แทนของเราหารือกับเอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทนอียู ประจำประเทศไทย และผู้อำนวยการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ ฝ่ายต่างประเทศของอียู ทางอียูได้เห็นว่า ได้มีการติดตามสถานการณ์เมืองไทยใกล้ชิด ตระหนักถึงความซ้ำซ้อนทางสถานการณ์ ก็เป็นกำลังใจให้เราแก้ปัญหา แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงเป็นเรื่องของสากลโลกอยู่แล้วนะ ก็ต้องเข้าใจกัน เราเป็นเราแต่เราก็ต้องฟังเขา ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าไปโกรธแค้น
ปลัดกระทรวงต่างประเทศก็ได้พูดคุยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน นายสก็อต มาร์เซียล รองผู้ช่วยอำนวยการของรัฐ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกแปซิฟิก เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มีรองปลัดกระทรวง อธิบดีกรมอัยการร่วมด้วย สหรัฐฯ ก็ได้ติดตามการดำเนินการตามโรดแมปของเรามาทุกประการ และเข้าใจการพัฒนาการเมืองของไทย แต่ยังมีความกังวลอยู่บ้าง ทั้งนี้ก็ยอมรับว่าการเข้ารับหน้าที่ของรัฐบาลวันนี้ รัฐบาลเฉพาะกาล ไม่ใช่ว่ารัฐบาลชั่วคราวนะ เฉพาะกาลเพื่อแก้ปัญหาปฏิรูป ก็จะเป็นโอกาสให้ 2 ฝ่าย สามารถดำเนินความร่วมมือได้มากขึ้น คือเรากับสหรัฐฯ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ก็มีความประสงค์จะร่วมมือกับไทยต่อไป
เรื่องอื่นๆ กรณีการออกอากาศของระบบทีวีดิจิตัล อันนี้ผมว่า ไปหารือกันให้ กสทช.ไปดำเนินการในเรื่องของ คสช.ก็จะดูแลให้ในภาพรวม ผมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาของท่าน ต้องรอบคอบ และเป็นไปตามกฎหมาย และคำนึงถึงประชาชนด้วยว่าทำอย่างไร เขาจะได้รับประโยชน์สูงสุด การแจกคูปองเร่งรัดให้ทำให้เร็วกว่าเดิม อนุมัติไปแล้ว ต้องเร่งดำเนินการให้ถึงประชาชนให้ได้โดยเร็ว จะได้ลดปัญหาอื่นๆไป
นอกจากนั้นก็คงมีเรื่องสำคัญที่อยากจะกราบเรียนพวกเราก็คือเรื่องกฎอัยการศึก อย่ากังวลกฎอัยการศึกนักเลย ผมพยายามที่จะทำให้ทุกสถานการณ์มันคลี่คลายได้โดยเร็ว ท่านก็ทราบดีว่า มันยังมีอะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจจะมองไม่เห็นแต่พวกเรามองเห็น เพราะพวกเรามีคณะทำงาน มีคนติดตามสถานการณ์ มีการประเมินสถานการณ์ตลอด ผมไม่ได้อยากจะประกาศถือไว้นะ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็จะต้องมีการลดไปตามลำดับ ในระยะเวลาข้างหน้า เมื่อไร ผมจะบอกท่านเอง แต่เราต้องมีมาตรการที่ทำให้เกิดความมีเสถียรภาพก็ต้องรอฟัง อย่าเพิ่งไปพูดกันล่วงหน้า เดี๋ยวจะขยับขยายไปเรื่องโต้แย้งกันไปอีก
เรื่องหนังสือ เรื่องอะไรต่างๆก็เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองไปว่ากัน ผมไม่ไปทะเลาะด้วย ท่านจะเขียน จะออกอะไรก็ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ก็ขอร้องกัน ผมคิดว่าฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม เขาคงไม่ได้ไปอ่านหนังสือหรอก เขาใช้กฎหมาย ใช้หลักฐาน เขาคงไม่ไปเอาอะไรมาจับ แล้วก็ไปชี้ถูกชี้ผิดได้ ไม่ได้นะ เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย
เรื่องการแต่งตั้งผมพูดไปแล้วนะ ทุกกระทรวงนะ วันนี้ทุกกระทรวงรัฐมนตรียังไม่ได้เข้าไปทำงาน ท่านจะไปทำงานวันที่ 9 หลังจากการประชุมวันที่ 9 ครม.นัดแรก การประชุมวันแรกหลักๆ ก็คงเป็นเรื่องของการแถลงเรื่องนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องไปแถลงต่อ สนช. ให้การสอดรับกันใน ครม.ก่อน แล้วนำไปสู่ สนช.ในวันเวลาอันใกล้นี้ เพื่อไปทำงานได้เต็มรูปแบบ เพราะฉะนันวันที่ 9 เป็นวันเริ่มต้นการทำงานของทุกกระทรวง ก็อยากให้มันครบ เพราะว่าการทำงานจะเห็นได้ว่าเราพยายามเดินตามกฎหมาย ตามกติกา ตามรัฐธรรมนูญ เราจะไม่ทำงานก่อนถวายสัตย์ วันนี้ถวายสัตย์แล้วก็ต้องไม่ทำงานก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะฉะนั้น เราแถลงวันที่ 9 ก็หลังจากนั้นก็จะเข้าไปทำงานตามกระทรวง วันนี้อย่าให้ใครไปเรียกร้องอะไรก่อนล่วงหน้านะครับ ไอ้โน่น ไอ้นี่ คนนั้นชอบนี่ คนนี้ชอบนั่น เราต้องติดดินให้มากที่สุดนะ เราต้องติดดิน เราเป็นข้าราชการ เราเป็นรัฐบาล ต้องติดดิน ดูแลประชาชนนะครับ
เรื่องน้ำท่วม ผมก็เป็นห่วงนะ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่าสถานการณ์น้ำวันนี้เป็นอย่างไร เรามีการช่วยเหลือและมีการดูแลอย่างไร แล้วจะผูกพันไปสู่การบริหารจัดการน้ำในภาพรวม เรื่องน้ำท่วม ฝนแล้งอย่างไร ในวันข้างหน้าด้วย ถนนหนทาง ในส่วนของ คสช. ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย กรม ปค.เขาจะสรุปกว้างๆ อย่าตื่นตระหนกนะครับ บางพื้นที่มันเป็นพื้นที่ที่ยังไงก็ต้องท่วม เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ เดิมไม่มีคนอยู่ วันนี้ประชาชนมากขึ้น ก็ไปอยู่ในพื้นที่ที่น้ำมันเคยท่วม ยังไงมันก็ต้องท่วม สมัยก่อนเห็นมั้ยว่าพื้นที่ไหนน้ำท่วม เขาจะสร้างบ้านให้สูงๆ แต่วันนี้มีลูกมีหลานมากขึ้น ก็ต่อเติมใต้ถุนกันอยู่ มันก็ท่วมอยู่ดีข้างล่าง ไม่งั้นสมัยก่อนเขาจะมีเรือไว้ทำไมทุกบ้าน ต้องไปแก้ระบบตั้งแต่น้ำเหนือ น้ำเหนือแก้ยังไง จะระบายกันยังไง จะเดรนออกมาข้างนอกยังไง จะเข้าเหมือนที่ท่านทรงสั่งไว้เดิม ก็คือเรื่องกระเพาะหมู เรื่องอ่างพวง เรื่องที่เราจะต้องกระจายน้ำออกไปข้างนอก ไม่ให้มันบ่าลงไปอยู่ในแม่น้ำสายหลักมากๆ คูคลองมันก็ล้นหมด มันก็ท่วมหมด คนไทยแต่ก่อนมีคลองจำนวนมากนะครับ เพราะฉะนั้นประเทศไทย คนไทย สมัยก่อนเขาตั้งหมู่บ้านริมคลอง เขาก็ตั้งบ้านให้สูงๆ วันนี้ไม่มี เพราะว่าที่มันจำกัดก็เลยต่อใต้ถุนเตี้ย น้ำมันก็ท่วมทุกปีจะทำอย่างไร แต่ถ้าไม่น้ำท่วมก็ไม่มีน้ำ มันก็ต้องไปชั่งน้ำหนักกันจะทำอย่างไร เพราะเรามีการจัดระเบียบจัดที่อยู่อะไรต่างๆ ให้มันดี ไม่มีผลกระทบมากก็แล้วกัน เรื่องอื่นๆ ผมก็ยืนยันว่า จากที่พูดคุยกับคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการโปรดเกล้ามาแล้ว ทุกคนมีความตั้งใจและมีความร่วมมือ เข้าใจถึงสถานการณ์ วันนี้เราต้องทำอะไรด้วยความรวดเร็ว ด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และรับฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน ก็อย่ากังวลเรื่องเหล่านี้ มีอะไรอีกไหมที่อยากจะรู้อยากจะทราบ
เรื่องสุดท้ายเรื่องนักกีฬาเอเชียนเกมส์ ซึ่งจะต้องเดินทางไปแข่งขันที่เกาหลีใต้ในเร็ววันนี้ ก็ขอแสดงความห่วงใยก็คือ ให้มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง และเป็นกำลังใจให้ก็คือ อวยพรให้ได้เหรียญทางมาเยอะๆ นะครับ จะได้ดูแลกันได้ หลายๆ คนก็มีความหวังว่า สามารถที่จะได้รับรางวัล เพื่อจะเป็นอนาคตของเขาต่อไป ทุกคนต้องช่วยกันแข่งขันกันขึ้นมา
ผมอยากจะให้ได้มากกว่า.. วันนั้นประกาศความหวัง 13 เหรียญทองใช่ไหม แหมตั้งน้อยไปหน่อยไหม ตั้งซัก 20 ไม่ได้หรอ เพราะฉะนั้นก็ลองดูแล้วกัน อย่าให้คิดให้มันเกินไป ถ้าคิดน้อยมันก็ได้น้อย มันจะได้น้อยกว่าที่คิด ถ้าคุณมากแล้วน้อยไปหน่อยก็ไม่เสียใจไง ต้องคิดแบบนั้น คิดไกลกว่านั้นหน่อย มีอะไรอีกไหมก็ถามอีกแล้วกัน คงเจอกันอีกนาน นานพอสมควร อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนแล้วกัน รักพวกเรา รักพวกผมก็รักน้อยๆ แต่รักนานๆ ก็แล้วกัน ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ