xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คสช.โปรดทบทวนอีกครั้ง ยึด “ท่อก๊าซปตท.” คืนรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ผู้ตรวจการแผ่นดินออกมาย้ำชัดๆ อีกครั้งว่าปตท.ฮุบเอาท่อก๊าซฯสมบัติแผ่นดินไปครอบครองอย่างไม่ต้องสงสัย และขอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ทบทวนการคืนท่อก๊าซของปตท. เพราะยังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แถมพฤติการณ์ของกระทรวงการคลัง พลังงาน และ ปตท. เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายฉบับ และไม่รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน

ตามหนังสือ ลงวันที่ 4 ก.ย. 2557 ระบุว่า ระบบท่อส่งก๊าซบนบกและในทะเลที่ยังไม่คืนให้กระทรวงการคลัง มีมูลค่า 32,613.45 ล้านบาท แต่บริษัท ปตท. กลับยื่นคำร้องรายงานสรุปการดำเนินการตามคำพิพากษา และมติครม. 18 ธ.ค. 2550 ต่อศาลว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ และรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งไม่เป็นไปตามขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญในการแบ่งแยกทรัพย์สิน จึงเป็นกรณีที่กระทรวงการคลัง พลังงาน และ ปตท. ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นไปตามมติ ครม.

แม้ต่อมา สตง. จะทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลัง ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษา แต่ก็ไม่ดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยรวม จึงถือว่าไม่ปฏิบัติตามมติครม. อาจมีผลเป็นความผิดวินัยตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เป็นความรับผิดทางแพ่ง (ละเมิด) ตามพ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา หรือเป็นความผิดในคดีปกครองที่อาจถูกฟ้องต่อศาลปกครองให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนการกระทำที่ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. ได้

นอกจากนี้ การรายงานผลดำเนินการตามคำพิพากษาของ ปตท. ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 25ธ.ค. 2551 เป็นการรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุด เพราะไม่เป็นไปตามมติครม.วันที่ 18 ธ.ค.2550 ที่ให้ สตง. เป็นผู้ตรวจสอบ และรับรองความถูกต้อง

อีกทั้งการตีความว่า ระบบท่อก๊าซที่ไม่ได้คืนให้กระทรวงการคลัง เป็นเพราะ ปตท. เป็นผู้จ่ายเงินค่าก่อสร้าง ทำให้ทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามมาตรา 1304 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมาย เพราะทรัพย์สินดังกล่าวได้มาและใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการก่อนที่จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นบมจ.ปตท. จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ

ดังนั้น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของปตท. ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2544 มีมูลค่าสุทธิ 68,569.69 ล้านบาท ที่ต้องแบ่งแยกและคืนให้กับกระทรวงการคลัง ก่อนที่จะแปรสภาพไปเป็นบมจ.ปตท. ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในปี 2550 แต่ไม่ปรากฏว่า กระทรวงการคลังและพลังงาน ได้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินของ ปตท. ให้กลับมาเป็นของแผ่นดิน หรือกระทรวงการคลังอย่างครบถ้วนแต่อย่างใด

“จึงถือว่าพฤติการณ์ของกระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อันเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏบัติตามมาตรา 9 (2) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 จึงถือเป็นกรณีที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และ ปตท. ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติหรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่เป็นธรรมตามมาตรา 13 (1) (ก) (ข) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552”

ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีข้อเสนอต่อรองหัวหน้า คสช. ขอให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และ ปตท. ดำเนินการดังต่อไปนี้

1.ทบทวนการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของบมจ.ปตท.ด้วยการหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษา ตามความเห็นของสตง. ในประเด็นทรัพย์สินที่ยังไม่ได้แบ่งแยกเนื่องจากการใช้อำนาจมหาชนตามพ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2521 และประเด็นเรื่องความเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของท่อก๊าซทั้งบนบกและ
ในทะเล และให้ สตง.รับรองความถูกต้องการแบ่งแยกทรัพย์สินให้เป็นไปตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2550 ต่อไป

2.ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและโอนทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศ (ปตท.) ให้กระทรวงการคลัง ตามมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของปตท. ณ วันที่ 30 ก.ย.2544 จำนวน 68,569,690,569.82 บาท ทั้งจำนวน รวมทั้งค่าตอบแทน ผลประโยชน์อื่นใดจากการใช้ทรัพย์สินของปตท. ได้แก่ ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์และทรัพย์สินอื่น และสิทธิหรือสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่บมจ.ปตท.ได้อาศัยใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายให้ครบถ้วนต่อไป และ3.พิจารณานำข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียน ความเห็นและข้อเสนอดังกล่าว ไปเป็นข้อมูลประกอบในการปฏิรูปพลังงานต่อไป

หลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินออกมาชี้เปรี้ยง นายคุรุจิต นาครธรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และกรรมการ บมจ.ปตท. ก็ยืนกรานว่าปตท.ในฐานะลูกหนี้ได้คืนท่อก๊าซฯครบถ้วนแล้วตามคำสั่งศาลแล้ว และคิดว่าเรื่องนี้ต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความ

ส่วนความเคลื่อนไหวของ "เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน" มีอันต้องสะดุดลงอีกครั้ง โดยต้องหยุดเดินในพื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2557 เนื่องจากทหารจังหวัดทหารบกชุมพรขอให้หยุดเดินโดยอ้างว่ามีการแจกเอกสารที่ผิดกฎอัยการศึก คือ พิมพ์เขียวปฏิรูปพลังงาน เครือข่ายขาหุ้นฯ จึงขอหยุดเดินชั่วคราวเพื่อไว้อาลัยต่อการบังคับใช้กฎอัยการศึก และเพื่อให้สังคมทบทวนต่อการใช้อำนาจเผด็จการของทหาร

นอกจากนี้ ยังมี "กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงาน" ที่นำโดยนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว.กรุงเทพฯ ออกมาแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ปฏิรูปพลังงานโดยขอให้ดูทั้งระบบ และให้แก้ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน ควรปรับปรุงด้วยการปรับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าการตลาด และเนื้อน้ำมัน ไม่ใช่การลดภาษีสรรพสามิตและเทศบาลลงซึ่งไม่ได้แก้ไขที่โครงสร้าง
       


กำลังโหลดความคิดเห็น