xs
xsm
sm
md
lg

ปราชญ์ยุคก่อน“สอน”ผู้มีอำนาจ”ยุคนี้!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

“ความคิด”เป็นจุดเริ่มต้นของ “การทำ” โดยมี “การถาม” และ “การตอบ” เป็น “กำลังเสริม” ที่มีชีวิตชีวา และสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้โลกวิวัฒน์ทั้งด้านดีด้านร้ายอย่างรวดเร็ว

“ความคิด” มี “ชีวิต”อิสระยิ่งนัก เพราะ “แต่งงาน” กับ “เสรีภาพ” ทำให้เผด็จการทุกรูปแบบ และคุกกักขัง “ความคิด”ไม่ได้

ความคิด-จึงดำรงอยู่ในโลกอย่างสง่างาม จากอดีตตราบปัจจุบันสู่อนาคต

หากการคิด-การถาม-การตอบ-การทำอยู่ในตัวมนุษย์ที่ชั่วร้าย ย่อมเกิดการคิดและการทำที่ชั่วร้ายสามานย์ เพื่อผลประโยชน์ของคนชั่วและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงสังคมส่วนรวม

การคิดและการทำถ้าอยู่ในตัวมนุษย์ดีๆ จะก่อเกิดผลงานอันประเสริฐ และเกิดผลประโยชน์มากมายมหาศาล กับมวลมนุษยชาติและสังคมโดยส่วนรวม

มนุษย์ช่างคิด-ช่างฝัน-ช่างถาม-ช่างทำนั้น มีทั้งคนดีคนชั่วที่มีชื่อเสียงระดับชาติและระดับโลก!

มองย้อนกลับไปยัง 2,500 กว่าปี ปราชญ์ชาวจีนผู้ยิ่งใหญ่ 2 คน นาม”เล่าจื๊อ”กับ”ขงจื๊อ”ได้ใช้การคิด-การถาม-การตอบ-การทำ สร้างผลงานจนผู้คนรู้จักกันทั้งโลก

คนไทยรู้จัก เล่าจื๊อ น้อยกว่าขงจื๊อ แต่ถ้าเอ่ยถึง “คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง” ที่บรรจุตัวอักษรจีน 5,000 อักษร แบ่งออกเป็น 81 บท มีเนื้อหาด้านปรัชญาบุคคล การใช้ชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติ อีกทั้งปรัชญาการเมืองที่ชอบธรรม ลัทธิ“เต๋า” จึงเป็นหนึ่งใน “มรรค” หรือ “หนทาง” แห่ง “ธรรม” ที่มีอิทธิพลต่อชาวจีนและชาวโลก

เล่าจื๊อมีถ้อยคำอมตะมากมาย เช่น “ผู้พูด-ไม่รู้ ผู้รู้-ไม่พูด” หรือ “ผู้ฉลาด-ไม่รู้มาก ผู้รู้มาก-ไม่ฉลาด” และ ”การเดินทางไกลนับหมื่นลี้ (5,000 กิโลเมตร) เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ”

ส่วนปราชญ์ขงจื๊อก็มีคำสอน ฝังรากลึกในสังคมเอเชียตะวันออก นานถึง 20 ศตวรรษ โดยมีปรัชญาหลักที่เน้น ทั้งศีลธรรมส่วนตัวและศีลธรรมการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสม ต่อความสัมพันธ์ในสังคม รวมทั้งความยุติธรรมและความบริสุทธิ์ใจ เช่น “บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่องที่ชอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม” หรือ “กล้าหาญแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นก่อการร้าย ซื่อตรงแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นภัยแก่คนอื่น” และ “ย่อมเป็นการยากที่เราจะพัฒนาจิตใจให้มีความมั่นคงได้ ตราบเท่าที่เรายังมีความละโมบโลภมากในจิตใจ”

ขงจื๊อยังสอนว่า “สติ-ทำให้เรื่องใหญ่ๆกลายเป็นเรื่องเล็ก อคติ-ทำให้เรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่” ที่สำคัญ ขงจื๊อระบุว่า “คนเราหากไม่ยึดถือสัจจะแล้ว จะสามารถสร้างอนาคตได้อย่างไรเล่า?”

พงศาวดาร “ซือหม่าเซียน” ได้เล่าขานไว้ว่า “เล่าจื๊อ” กับ “ขงจื๊อ”เป็นปราชญ์ในยุคเดียวกัน เล่าจื๊อทำงานกับราชวงศ์โจว ส่วน “ขงจื๊อ”เคยมาค้นคว้าหาตำรา ในห้องสมุดของแคว้นโจว ทั้งคู่จึงได้พบปะกัน โดยบังเอิญ

เล่าจื๊อกับขงจื๊อได้เสวนาแลกเปลี่ยน ทัศนคติและความเห็น ในหลายๆด้านเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งขงจื๊อได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “การได้เสวนากับท่านเล่าจื๊อ ถือเป็นการศึกษาที่ล้ำลึก และดีเยี่ยมกว่าหนังสือในห้องสมุดเสียอีก”

ในห้วงเวลาใกล้เคียงกันนั่นเอง การคิด-การถาม-การตอบ-การทำ ได้เกิดปราชญ์แห่งเอเธนส์ เมืองหลวงของประเทศกรีก นาม “โสเครตีส” ที่เป็นเจ้าวลีอมตะที่ว่า “ฉันรู้อยู่สิ่งเดียว คือรู้ว่า ฉันไม่รู้อะไรเลย”

ปราชญ์แห่งโลกซีกตะวันตก ที่ศึกษาในระบบน้อยมาก แต่กลับสามารถพัฒนาตนเอง จนกลายเป็นผู้มีสติปัญญาอันปราดเปรื่อง เพราะโสเครตีสใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการคิด-การถาม-การตอบ-การถก-การทำ จนเป็นที่ยอมรับทั่วกรุงเอเธนส์ ก่อนที่ชื่อเสียงจะขจรขจายไปทั่วโลก

โสเครตีส-คือปราชญ์ที่พร่ำสอน ให้มนุษย์เชื่อมั่นและศรัทธา ใน คุณธรรม ความดีและความจริง ดังคำสอนที่ว่า “ความรู้กับความเชื่อไม่เหมือนกัน” ทั้งยังย้ำว่า “มีการชักจูงคนอยู่ 2 ประเภท อย่างหนึ่งก่อให้เกิดความรู้ และอีกอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเชื่อโดยปราศจากความรู้”

โสเครตีสเป็นปราชญ์ที่สอนลูกศิษย์ แบบตรงประเด็นและไม่อ้อมค้อม เช่น “ความรู้คือคุณธรรมหรือความดี หน้าที่ของคนจึงอยู่ที่การรู้ว่าอย่างไรคือความดี เพื่อที่เขาจะได้ปรารถนาและแสวงหามัน ส่วนคนเลวนั้นคือคนไม่รู้อะไรคือความดี เพราะอวิชชาและความโง่เขลาเป็นความเลว”

“ท่านไม่ละอายหรือ ที่มาเอาใจใส่แต่ในทางหาทรัพย์ ชื่อเสียง และยศศักดิ์ โดยไม่ใช้ความเพียรพยายามที่จะค้นหาความจริง และความเข้าใจเกี่ยวกับความสุขสมบูรณ์ของจิต”

“สิ่งที่น่าคำนึงกันมากที่สุด มิใช่การมีชีวิตอยู่ไปวันหนึ่งๆ หากเป็นการอยู่อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมต่างหาก” และ “สิ่งที่เราถือว่ามีค่ามากที่สุด ไม่ใช่การมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่เป็นการมีชีวิตที่ดี” และ “ชีวิตอันปราศจากการค้นคว้าหาความจริงนั้น หาใช่ชีวิตสำหรับมนุษย์ไม่”

ยุคก่อนและยุคปราชญ์โสเครตีส ก็มีนักการเมืองโกงชาติแล้ว การละโมบหรือการโกง ได้สืบทอดมาจนถึงยุคพวกเรา โสเครตีสได้ต่อกรกับนักการเมืองขี้โกง โดยใช้การคิด-การถาม-การตอบ(โต้)-การถกเถียง-การทำ(ต่อสู้เปิดโปง)อย่างกล้าหาญ เช่น “เราควรจะทำอย่างไร ถ้าเราจะอุทิศชีวิตเพื่อการเมืองในกรุงเอเธนส์นี้ ถ้าท่านจะทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์แล้ว ท่านคำนึงบ้างหรือไม่ว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้ประชาชนอย่างเราๆเป็นคนดีขึ้นก่อน เพราะเราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของนักการเมืองคือสิ่งนี้”

โสเครตีสยังย้ำแล้วย้ำอีกว่า..

“ถ้าตราบใดที่นักการเมืองยังไม่ได้ทำให้ประชาชนเป็นคนดี รู้จักควบคุมกิเลสความปรารถนาของตนเองอย่างที่พลเมืองดีควรจะทำ ตราบนั้นนักการเมืองก็เลวเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบัน”

และ“ท่านสรรเสริญนักการเมือง ที่ปรนเปรอให้ประชาชนลุ่มหลง อยู่กับความเพลิดเพลินสนุกสนานตามที่ตนต้องการ โดยไม่คำนึงถึงคุณโทษใดเลย ประชาชนก็ยกย่องคนพวกนั้นว่า ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง โดยไม่เห็นว่าแท้ที่จริงนั้น บ้านเมืองของเรากำลังเสื่อมทรามลง และ”เน่า”จนถึงแก่นข้างใน นักการเมืองเหล่านั้นต่างหาก ที่ยัดเยียดระดมสร้างท่าเรือ อู่เรือ กำแพงเมือง สิ่งไร้สาระทั้งหลาย ด้วยเงินภาษีที่ขูดเลือดขูดเนื้อไปจากประชาชน โดยไม่คำนึงถึงความพอดี ความควรไม่ควรเลย”

“ไม่มีใครมีความสุขไปกว่าใครเลย ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการจะรวบอำนาจเผด็จการ หรือคนที่ถูกลงโทษอย่างทารุณ ทั้งสองคนมีความทุกข์ด้วยการทั้งคู่ จะเรียกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความสุขก็ไม่ได้ แต่คนที่มีความทุกข์กว่าก็คือ คนที่หลบหนีไปสร้างอำนาจจนกลายเป็นทรราชในที่สุด”

โสเครตีสจึงถูกทางการเอเธนส์จับติดคุกอย่างอยุติธรรม แม้ลูกศิษย์จะอาสาพาหนี แต่โสเครตีสไม่ยอมหนี จนถูกบังคับให้”ตาย”ด้วยการดื่มยาพิษ

โสเครตีสจึงได้ประกาศต่อหน้า”ความตาย”ว่า...

“ข้าพเจ้าไม่เคยเกรงกลัวความตายเลย แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวและกลัวอย่างยิ่งก็คือ กระทำสิ่งที่ชั่วและไม่ถูกต้อง” และ “ข้อสำคัญนั้น มิได้อยู่ที่ทำตนให้พ้นความตาย แต่ให้พ้นความชั่ว ความชั่วรุนแรงยิ่งกว่าความตายนัก” และ “ข้าพเจ้าจะไม่มีวันยอมให้ใครถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิด แม้จะเอาความตายมาขู่ ข้าพเจ้ายินดีตายเสียยิ่งกว่าที่จะยอม”

ปราชญ์โสเครตีสจึงยืดอกเดินไปสู่ความตายอย่างทรนง..

“ทุกคนยินดีสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อแลกกับความตาย แต่ข้าพเจ้ายินดีสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อแลกไว้ซึ่งความดีงาม”

โสเครตีสได้มอบวลีอมตะเป็นมรดก” ที่อยู่เหนือความตายตลอดกาลว่า“ท่านไม่อาจจะฝังโสเครตีสได้หรอก ท่านอาจจะฝังร่างกายข้าพเจ้าได้ แต่ไม่อาจฝังโสเครตีสได้”

“กาลเวลา”เป็น“เพชฌฆาต”ที่ฆ่าสรรพสิ่งมาแล้วมากมาย แต่“ฆ่า”เล่าจื๊อ-ขงจื๊อ-โสเครตีส..ไม่ได้!!!



กำลังโหลดความคิดเห็น