นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นท้วงติง กรณีที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ( คสช.) เห็นชอบยุทธศาสตร์ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ปีงบประมาณ 2558 - 2565 รวม 4 ด้าน 5 แผนงาน ประกอบด้วยแผนงานที่ 1 การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง ซึ่งประกอบด้วยโครงการดังต่อไปนี้
1. รถไฟทางคู่สายเดิม (สร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้นอีก 1 ทาง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 ทาง) ประกอบด้วย
1.1ชุมทางถนนจิระ (โคราช) - ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท
1.2. ประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,292.53 ล้านบาท
1.3. นครปฐม - หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,038.43 ล้านบาท
1.4. ลพบุรี - ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,842.44 ล้านบาท
1.5. มาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ (โคราช) ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,855.08 ล้านบาท
1.6. หัวหิน –ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 89 กม. วงเงิน 9,436.51 ล้านบาท
โดยแต่ละเส้นทางดังกล่าวข้างต้น มีวงเงินโครงการ ทั้งค่าก่อสร้าง + ค่าที่ดิน + ค่าที่ปรึกษา เท่ากับวงเงินก่อสร้างรถไฟทางคู่ ในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
2. รถไฟทางคู่สายใหม่ 2 ทางเป็นการก่อสร้างรถไฟทางคู่โดยใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ซึ่งเท่ากับรางของรถไฟความเร็วสูง แต่มีความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่ารถไฟความเร็วสูงที่มีความเร็วสูงสุด 250 –300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 2 เส้นทาง คือ
2.1 หนองคาย-โคราช-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด รวมระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 392,570 ล้านบาท
2.2 เชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี-แหลมฉบัง รวมระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 348,890 ล้านบาท
ทั้งนี้ วงเงินโครงการ ของรถไฟทางคู่สายใหม่ทั้ง 2 สาย มีราคาเฉลี่ย 532.66 ล้านบาท เท่ากันทั้งสองเส้นทาง ซึ่งถือว่าเป็นราคาค่อนข้างสูง เพราะมีราคาพอๆ กับวงเงินโครงการรถไฟความเร็วสูงในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่การก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้งสองสายดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ดังนั้นวงเงินโครงการ ควรจะต้องถูกกว่านี้
" ดังนั้นผมขอให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ทบทวนวงเงินก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ทั้งสองสาย ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนในการคิดราคา"
ทั้งนี้วงเงินโครงการรถไฟความเร็วสูงในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 1. สายกรุงเทพฯ –เชียงใหม่ 521 ล้านบาทต่อกิโลเมตร 2. สายกรุงเทพฯ –นครราชสีมา 666 ล้านบาท ต่อกิโลเมตร 3. สายกรุงเทพฯ –หัวหิน 553 ล้านบาท ต่อกิโลเมตร และ 4. สายกรุงเทพฯ –ระยอง 456 ล้านบาทต่อกิโลเมตร
1. รถไฟทางคู่สายเดิม (สร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้นอีก 1 ทาง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 ทาง) ประกอบด้วย
1.1ชุมทางถนนจิระ (โคราช) - ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท
1.2. ประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,292.53 ล้านบาท
1.3. นครปฐม - หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,038.43 ล้านบาท
1.4. ลพบุรี - ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,842.44 ล้านบาท
1.5. มาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ (โคราช) ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,855.08 ล้านบาท
1.6. หัวหิน –ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 89 กม. วงเงิน 9,436.51 ล้านบาท
โดยแต่ละเส้นทางดังกล่าวข้างต้น มีวงเงินโครงการ ทั้งค่าก่อสร้าง + ค่าที่ดิน + ค่าที่ปรึกษา เท่ากับวงเงินก่อสร้างรถไฟทางคู่ ในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
2. รถไฟทางคู่สายใหม่ 2 ทางเป็นการก่อสร้างรถไฟทางคู่โดยใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ซึ่งเท่ากับรางของรถไฟความเร็วสูง แต่มีความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่ารถไฟความเร็วสูงที่มีความเร็วสูงสุด 250 –300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 2 เส้นทาง คือ
2.1 หนองคาย-โคราช-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด รวมระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 392,570 ล้านบาท
2.2 เชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี-แหลมฉบัง รวมระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 348,890 ล้านบาท
ทั้งนี้ วงเงินโครงการ ของรถไฟทางคู่สายใหม่ทั้ง 2 สาย มีราคาเฉลี่ย 532.66 ล้านบาท เท่ากันทั้งสองเส้นทาง ซึ่งถือว่าเป็นราคาค่อนข้างสูง เพราะมีราคาพอๆ กับวงเงินโครงการรถไฟความเร็วสูงในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่การก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้งสองสายดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ดังนั้นวงเงินโครงการ ควรจะต้องถูกกว่านี้
" ดังนั้นผมขอให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ทบทวนวงเงินก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ทั้งสองสาย ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนในการคิดราคา"
ทั้งนี้วงเงินโครงการรถไฟความเร็วสูงในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 1. สายกรุงเทพฯ –เชียงใหม่ 521 ล้านบาทต่อกิโลเมตร 2. สายกรุงเทพฯ –นครราชสีมา 666 ล้านบาท ต่อกิโลเมตร 3. สายกรุงเทพฯ –หัวหิน 553 ล้านบาท ต่อกิโลเมตร และ 4. สายกรุงเทพฯ –ระยอง 456 ล้านบาทต่อกิโลเมตร