xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หมายจับ"รองฯโรมานอฟ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เมื่อวันที่ 23ก.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. ) ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

การออกหมายจับครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีผู้มาร้องเรียนกับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดี กับ พ.อ.อภิวันท์ ในขัอหาดังกล่าว เพราะมีพฤติการณ์หมิ่นเบื้องสูง จากการขึ้นปราศรัยบนเวทีนปช. เมื่อวันที่ 29 ม.ค.54

หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว หากยังไม่มีการเข้ามอบตัว

พ.อ.อภิวันท์ เกิดที่ จ.นนทบุรี เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. แล้วไปต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ต่อมาได้ทุนจากกองทัพบก ไปศึกษาต่อที่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งอิลลินอยส์ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ในสาขาวิศวกรรมโยธา จนมีคำ "ด็อกเตอร์" นำหน้าชื่อ

เป็น ส.ส.จังหวัดนนทบุรีครั้งแรก เมื่อปี 2539 ในนามพรรคความหวังใหม่ สมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นอดีตคนสนิทของ เสนาะ เทียนทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย หลังจากนายเสนาะ ลาออกจากพรรค จึงเข้าร่วมกับกลุ่มคนสนิทของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค และได้เป็น ส.ส.อีก ในหลายสมัย ( ปี 2544, 2548, 2551 ) และในการเลือกตั้งปี 2557 ที่ผ่านมา ก็ลงเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 23

เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี หลายกระทรวง ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุด คือ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 (พ.ศ. 2551-2554)

พ.อ.อภิวันท์ เริ่มเป็นที่รู้จักในสังคม จากการเข้าร่วมเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และเป็น 1 ใน 9 ผู้ถูกจับกุม จากการไปร่วมปราศรัย หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พักอาศัยอยู่ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 และยังเป็นผู้ตั้งฉายาบ้านพักสี่เสาฯว่าเป็น "วิมานสีม่วง"

จากบทบาทการเป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ปราศรัยโจมตีอำมาตย์ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากแกนนำกลุ่ม นปช. ในพรรคพลังประชาชน (ขณะนั้น) ขึ้นเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในปี 2551

ในช่วงที่มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น บทบาทในสภา พ.อ.อภิวันท์ ขึ้นนั่งบัลลังก์ในฐานะรองประธานสภา ขณะเดียวกันที่นอกสภา ก็ใส่เสื้อแดง ร่วมกับพวกไพร่ ขึ้นเวทีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ปราศรัยโจมตีอำมาตย์ พาดพิงสถาบันเบื้องสูง ผ่านไปทาง"ป๋าเปรม" ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง

ประเด็นที่ฮือฮา คือ การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนพาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูง ว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ เพราะขณะนี้ความแตกแยกของประเทศไทย ก็เหมือนกับรัสเซียในยุราชวงศ์โรมานอฟ และ ฝรั่งเศสในเหตุการณ์คุกบาสตีล ในจีนยุคราชวงศ์เหี้ยนเต้ ที่ประชาชนคนรากหญ้า ออกมาต่อสู้กับกลุ่มอำมาตย์ เป็นการต่อสู้ทางชนชั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไข แต่ในเมืองไทย สามารถแก้ไขได้ ถ้าผู้มีอำนาจเข้าใจปัญหา และมีจิตสำนึก เพราะขณะนี้ประชาชนในกทม.ให้การตอบรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นนายกรัฐมนตรี และคนที่เหนือกว่านายกรัฐมนตรี ควรจะพิจารณา

ราชวงศ์โรมานอฟ ที่ พ.อ.อภิวันท์ ยกขึ้นมาเปรียบเปรยนั้น เป็นราชวงศ์สุดท้ายของรัสเซีย ที่ถูกโค่นล้มเมื่อปี ค.ศ.1917 โดยพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย และมีการสังหารพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 พร้อมด้วยพระราชินีอเล็กซานดรา พระราชโอรส และพระราชธิดา อย่างโหดเหี้ยม
 
จึงเป็นที่มาของฉายา "รองฯโรมานอฟ" ที่สื่อตั้งให้พ.อ.อภิวันท์ พร้อมยกให้เป็นหัวแถวของกลุ่ม "แดงล้มเจ้า"

ในช่วงทำศึกโค่นรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถือว่าเป็นตัวแทนกลุ่มอำมาตย์นั้น บรรดาแกนนำเสื้อแดงถือว่า มีบทบาทในพรรคสูงมาก การปราศรัยใส่ไม่ยั้ง รุนแรง คาบลูกคาบดอก และช่วงนี้เอง ที่แกนนำกลุ่มแดงล้มเจ้าหลายคน ถูกแจ้งความดำเนินคดี ตามมาตรา 112 ในข้อหาหมิ่นสถาบันฯ และ พ.อ.อภิวันท์ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

หลังจากอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภา เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งใหม่ในปี 54 ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย ต่อกลุ่มคนเสื้อแดงก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พยายามจะลบภาพแดงล้มเจ้า ออกจากพรรคเพราะเกรงจะเกิดกระแสต้าน ทำให้แกนนำเสื้อแดงถึงกับออกมาโวย ทำนองว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล"

โดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ขณะนั้นนั่งเป็นประธานพรรคเพื่อไทย ก็ลาออกจากสมาชิกพรรค ด้วยข้ออ้างที่ว่า ไม่ต้องการถูกเหมารวมว่าเป็นพวกล้มเจ้า เพราะเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ดื่มน้ำพิพัฒนสัตยา จึงต้องรัก และเทิดทูนสถาบันฯ

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนั้นผ่านไปด้วยชัยชนะของพรรคเพื่อไทย พ.อ.อภิวันท์ ก็หมายมั่นว่าจะได้นั่งบัลลังก์ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา โดยมีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงให้การสนับสนุน ถึงขั้นมีการยกขบวนกันไปที่พรรค กดดัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตอนนั้นชัดแล้วว่า จะขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรี 

แต่ก็มีแกนนำพรรคบางกลุ่ม โดยเฉพาะ กลุ่มส.ส.ภาคอีสาน เห็นว่าภาพลักษณ์ของ"รองฯโรมานอฟ" เป็นแดงล้มเจ้า สุมหัวอยู่กับพวกแดงเผาบ้านเผาเมือง ที่ก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย คนไทยรับไม่ได้ ขาดความสง่างาม หากขึ้นมาดำรงตำแหน่งก็จะสร้างปัญหาในการประชุมสภา ไม่จบไม่สิ้น

ก่อนที่จะมีการตั้งประธานสภา จึงมีข่าวแว่วว่า ยิ่งลักษณ์ได้ล็อบบี้กดดันให้ พ.อ.อภิวันท์ ถอนตัว โดยอ้างว่า การตั้งพ.อ.อภิวันท์ ให้มีตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายนิติบัญญัติ จะกลายเป็นจุดอ่อนที่บั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลเพื่อไทย และคงอิหลักอิเหลื่ออยู่ไม่น้อย หากพ.อ.อภิวันท์ ที่ถูกประทับตราว่า "รองฯโรมานอฟ" จะต้องเผชิญหน้ากับ "ป๋าเปรม" พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งสังคมรู้กันดีว่า เป็นนายทหารที่จงรักภักดี และปกป้องสถาบันฯ ในงานรัฐพิธีต่างๆ 

สุดท้าย "รองฯโรมานอฟ" ก็ต้องอกหัก ถูก "ขุนค้อน" สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่เคยเป็นรองประธานสภามาเช่นกัน ปาดหน้าคว้าตำแหน่งประธานสภาไปครอง แบบที่ตัวเองต้องยอมกลืนเลือด ประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งอีกต่างหาก

เมื่อพลาดจากตำแหน่งรองประธานสภา พ.อ.อภิวันท์ ก็ยังมีความหวังอยู่ที่ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นกลุ่มเสื้อแดง หวังสูง เล็งไปที่ ตำแหน่ง รมว.มหาดไทย กันเลยทีเดียว

แต่ก็ถูกประกาศิตจากผู้มีอำนาจในพรรคตัวจริงอย่าง "หญิงอ้อ" คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ สั่งการเองว่าไม่เอา"เสื้อแดง" เป็นรัฐมนตรี และไม่ต้องการให้คนกลุ่มนี้ เข้ามามีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง รองฯโรมานอฟ ก็เลยต้องกินแห้วไปอีกรอบ

ถึงวันนี้ พ.อ.อภิวันท์ ที่อายุ 65 ปีแล้ว นอกจากจะไปไม่ถึงฝันในตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ หรือตำแหน่งรัฐมนตรี กลับถูกแจ้งข้อกล่าวหา คดีอาญาโทษหนัก

ชีวิตในบั้นปลายของการทุ่มเท รับใช้ "ระบอบทักษิณ" ได้มาถึงทางสองแพร่งแล้ว ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิตที่เหลืออยู่ ว่าจะเลือกเข้ามอบตัวเพื่อสู้คดี หรือจะหนีเตลิดไปสมทบกับ จักรภพ เพ็ญแข และ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่ไปตั้ง "องค์กรเสรีไทยเพื่อสสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย" รออยู่ที่ต่างประเทศแล้ว    

ถ้าตัดสินใจหนี คดีนี้มีอายุความ 15 ปี ต้องรอให้อายุ 80 ปี ถึงจะกลับมาแผ่นดินเกิดได้


กำลังโหลดความคิดเห็น