xs
xsm
sm
md
lg

คสช.แจงโรดแมป ผช.ทูตทหาร แบ่ง 5 ทีมดักข่าวบิดเบือน มุ่งโฟกัสเคลื่อนไหวในชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(แฟ้มภาพ)
ทีมโฆษก คสช.แจงโรดแมป ผช.ทูตทหาร ตปท. รับมีข้องใจสภาปฏิรูป ขอแจม ร่วมถึงร่วมงานทำลายอาวุธสงครามที่ยึด ถามแผนปรองดอง แจงยังไม่คุยโครงการใหญ่ ชี้ 90% ลดเตือนมาไทย เผยแก้ไฟใต้ให้มีประสิทธิภาพขึ้น แบ่ง 5 คณะทำงานติดตามแพร่ข่าว กันบิดเบือน ไม่อยากให้เต้นตาม “จารุพงศ์” หมายจับ “เจ๊เพ็ญ” ตามหลักฐาน ให้น้ำหนักในชาติเป็นหลัก โยน พนง.สอบสวนดูคดี บก.ฟ้าเดียวกัน



วันนี้ (9 ก.ค.) ที่กองทัพบก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ปณต แสงเทียน เจ้ากรมข่าวทหารบก พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ด้านต่างประเทศ ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจต่อผู้ช่วยทูตทหาร 20 ประเทศ ครั้งที่ 3 โดยครั้งนี้มีตัวแทน 5 ประเทศที่ไม่มีผู้ช่วยทูตทหาร แต่เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ได้แก่ อิสราเอล บังกลาเทศ บรูไน เนปาล ยูเครน

พล.ต.ปณตกล่าวถึงโรดแมปของ คสช.ว่า ระยะที่ 1 การร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จะทำคู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหาประเทศ โดยเดือน ก.ค. 2557 จะมีการนำร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และบังคับใช้ ระยะที่ 2 การจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) และการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาตินั้น แบ่งเป็นห้วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 57 ตั้ง สนช. ครม. และสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติ ช่วงเดือน ต.ค. 57 จัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ โดยห้วงเดือน ต.ค.57 - ก.ค. 58 สภาปฏิรูปแห่งชาติจะจัดทำข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และ ก.ค. 58 รัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้วเสร็จ สำหรับระยะที่ 3 ซึ่งเป็นห้วงที่รัฐธรรมนูญฉบับถาวรมีผลบังคับใช้จะแบ่งเป็นห้วงเดือน ส.ค.-ต.ค. 58 บังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร จัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา และภายในปี 2558 จะเสร็จสิ้นทุกกระบวนการที่นำไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมงานโฆษก คสช. แถลงภายหลังการชี้แจงผู้ช่วยทูตทหารว่า ผู้ช่วยทูตทหารหลายประเทศยังมีคำถามหลายประเด็น โดยเฉพาะการตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยเสนอความเห็นขอให้มีองค์กรต่างประเทศเข้าร่วมด้วยเพื่อช่วยดูรายละเอียด เพราะประเทศเหล่านั้นอาจมีผลประโยชน์ในแง่ของเศรษฐกิจของประเทศเขาเองด้วย ซึ่งทีมโฆษก คสช.ได้ชี้แจงว่าเรื่องการตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ รายละเอียดจะอยู่ในระยะที่ 2 หลังจากที่มี สนช.แล้วจะมีการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติขึ้นมาได้ ทั้งนี้ยังได้สอบถามถึงการดำเนินการการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในระยะแรก ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าเป็นช่วงที่ต้องการทำให้สังคมทุกระดับ มีปฏิสัมพันธ์ ทัศนคติที่ดีและเกิดความรักสามัคคีกันในระดับหนึ่ง เพื่อเป็นพื้นฐานดำเนินการในการปฏิรูปประเทศขั้นต่อไป

นอกจากนั้นยังมีผู้ช่วยทูตทหารบางประเทศสอบถามถึงโครงการขนาดใหญ่ ทางทีมโฆษกฯ ได้ชี้แจงว่า โครงการเร่งด่วนจะดำเนินการตามแผนงบประมาณปี 57 ที่เหลือเวลาบริหาร 3-4 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้น โครงการใหญ่จึงยังไม่ได้มีการพิจารณา แต่โครงการบริหารจัดการน้ำที่เป็นไปตามแผนปี 57 จะเป็นลักษณะการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตรงกับความต้องการกับประชาชนมากที่สุด สำหรับการพิจารณางบประมาณในภาพรวมนั้น ทีมโฆษกฯ ได้ชี้แจงว่า ในลำดับต่อไปขึ้นอยู่กับสภาพรูปแบบการบริหารราชการในขณะนั้น โดยขณะนี้ คสช.ยังบริหารงานงบประมาณตามขั้นตอนปกติ โดยให้หน่วยงานเสนอขึ้นมาเพื่อพิจารณาตามลำดับขั้น เมื่อยังไม่มีรัฐบาลก็อยู่ในอำนาจการอนุมัติของ คสช.

ทีมงานโฆษก คสช.กล่าวว่า เรื่องการเตือนนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย หลายประเทศก็ได้ลดระดับการแจ้งเตือนดังกล่าวแล้ว ซึ่งมากกว่า 90 เปอเซ็นต์ นอกจากนี้ยังได้มีการสอบถามถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนใต้ ทีมโฆษก คสช.ชี้แจงว่า โครงสร้างยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีการเน้นรูปแบบการปฏิบัติราชการให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริงกับหน่วยราชการ กำกับดูแลให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับการพูดคุยเจรจาสันติภาพมีแผนและแนวทางในการดำเนินการต่อ ภายใต้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญของไทย

ขณะที่ พล.ต.ปณตชี้แจงว่า กรณีการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะที่แบ่งออกเป็น 5 คณะทำงาน ด้านสื่อวิทยุสื่อโทรทัศน์ ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ด้านข่าวสารสื่อสังคมออนไลน์ และด้านข้อมูลข่าวสารสื่อต่างประเทศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันว่าไม่ใช่การปิดกั้นข่าวสาร และกระทบสิทธิการรับรู้ข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรรู้ แต่เป็นการติดตาม รายงานข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อประชาชน หรือองค์กรหน่วยงาน เพื่อประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องแก้ไขอย่างเป็นระบบ และจะได้ข้อมูลถูกต้อง รวดเร็ว เหมาะสม ปราศจากการบิดเบือนจนนำไปสู่ความเกลียดชังบุคคล หรือองค์กรหน่วยงาน ทั้งนี้ยังจะเน้นหนักการทำงานเสริมประสิทธิภาพฝั่งภาครัฐ เพื่อให้การตอบกลับข่าวสารทันท่วงที ส่งผลการรับรู้จากภาครัฐรวดเร็วขึ้น โดยการทำงานคงอยู่ในลักษณะการแลกเปลี่ยนรับฟังด้วยเหตุผลข้อเท็จจริง โดยเน้นผลประโยชน์ของประเทศชาติที่ควรเป็นไปอย่างเหมาะสม

สำหรับการเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น พล.ต.ปณตกล่าวว่า การเคลื่อนไหวใดที่เป็นไปในลักษณะของการปลุกปั่น และไปกระทำการในต่างประเทศถือว่ามีข้อจำกัดในตัวเองอยู่แล้ว เพราะในหลายประเทศจะไม่ยอมให้ใครไปเคลื่อนไหวแบบนี้ เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่นได้ ที่สำคัญยังเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคข่าวสารส่วนใหญ่มีวิจารณญาณพอที่จะแยกแยะได้ และคงไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเชื่อถือทุกข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย จนไม่อยากให้มีการขยายผลสร้างกระแสเกินกว่าเหตุ

พล.ต.ปณตกล่าวอีกว่า กรณีการออกหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข นักเคลื่อนไหวเครือข่ายกลุ่มเสื้อแดง ข้อหาเกี่ยวกับอาวุธสงคราม เป็นไปตามพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสม ทั้งกรณีของนายจักรภพ และการถอนหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของกลุ่มเสื้อแดง 6 คน มีข้อจำกัดในการเปิดเผยข้อมูล เพราะทุกอย่างอยู่ในสำนวนคดีไม่สามารถเปิดเผยให้เห็นถึงขั้นตอนการกระทำความผิดของบุคคลนั้นๆ ได้ อีกทั้งไม่ต้องการให้เห็นภาพสังคมเกิดความแตกแยกจากความไม่เป็นธรรมอีกแล้ว

พล.ต.ปณตกล่าวต่อไปว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คสช.ได้เชิญ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และนายวีระ สมความคิด ที่ไปจัดกิจกรรมที่เข้าข่ายเป็นกิจกรรมทางการเมืองมาทำความเข้าใจ และได้ปล่อยตัวไปแล้ว จึงขอความร่วมมือบุคคลทั่วไปหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่เข้าข่ายกิจกรรมการเมืองในช่วงนี้ ซึ่งหากตรวจพบว่าไม่ได้ขอนุญาตจาก คสช.ก่อน เจ้าหน้าที่ก็จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพบต่อไป

ทางด้าน พ.อ.วินธัยกล่าวว่า กรณีการออกหมายจับผู้ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศเป็นไปตามกระบวนการและองค์ประกอบตามกฎหมาย แต่ คสช.ยังให้ความสำคัญกับการโฟกัสในประเทศเป็นหลัก ส่วนพื้นที่ภายนอกประเทศยังไม่เห็นน้ำหนักที่ชัดเจน ทราบแต่เพียงว่าผู้รับผิดชอบโดยตรงคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว ทาง คสช.จึงไม่ได้เพ่งเล็งหรือให้น้ำหนักในเรื่องนั้น

พ.อ.วินธัยกล่าวอีกว่า ทางผู้ช่วยทูตทหารยังได้เสนอแนะว่าที่ผ่านมาทาง คสช.มีการจับอาวุธได้จำนวนมาก หากมีการทำลายอาวุธสงครามเหล่านั้น ก็ขอให้ทางผู้ช่วยฑูตทหารเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เพราะการทำลายอาวุธสงครามเป็นสิ่งที่ดี ถือเป็นการทำลายอาวุธสงครามนอกระบบ ซึ่งทีมโฆษก คสช.บอกว่าอาวุธสงครามที่ตรวจจับได้ อยู่ในแผนที่จะมีการทำลายอยู่แล้ว รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด เช่น ตู้ม้า และยาเสพติด แต่เรื่องของอาวุธจะต้องมีกระบวนการสืบสวนสอบสวนที่จะต้องรอให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อน

นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยกรณีที่มีการจับกุมกลุ่มบุคคลหน้าสถานทูตสหรัฐฯ และการเชิญบุคคลมารายงานตัว โดยได้ชี้แจงว่า ในปัจจุบันการเชิญบุคคลเข้ามารายงานตัวแทบจะไม่มีแล้ว และผู้ที่มารายงานตัวส่วนใหญ่ก็เป็นการเรียกมาทำความเข้าใจ แต่กลับบ้านกันหมดแล้ว สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมในลักษณะที่ชุมนุมในช่วงนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียกมาตักเตือน ทำความเข้าใจ และมีเงื่อนไขร่วมกัน เพื่อไม่ให้ดำเนินการในลักษณะนี้อีก จะมีเพียงส่วนน้อยที่ถูกต้องข้อกล่าวหา แต่หากใครมีการชุมนุมอยู่ก็จะต้องถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการ

ทีมงานโฆษก คสช.กล่าวอีกว่า ได้มีการสอบถามถึงการควบคุมตัว นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน ได้ชี้แจงว่าเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ทหารของหน่วยในระดับพื้นที่ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยกระทำผิดในลักษณะรวมกลุ่มต่อต้านมาครั้งหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ได้ตักเตือน โดยไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่อาจพบการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงต้องเชิญตัว ส่วนรายละเอียดจะมีการตั้งข้อกล่าวหาหรือไม่ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ได้เกิดจากการดำเนินการของ คสช.ในส่วนกลาง


กำลังโหลดความคิดเห็น