ผ่าประเด็นร้อน
ในโอกาสครบรอบ 2 เดือนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าควบคุมอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมเป็นต้นมา ต้องยอมรับผ่านโรดแมปขั้นแรกที่บอกว่าเป็นขั้นตอนแรกของการสร้างความมั่นคงและปรองดอง ก่อนนำไปสู่ขั้นตอนที่ 2 มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีรัฐบาล มีสภาปฏิรูปประเทศ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 นั่นคือประชาธิปไตยที่ยั่งยืน มีการเลือกตั้งไม่เกินเดือนตุลาคมปี 2558
สิ่งที่ได้เห็นต่อไปนี้ก็คือ มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่มีการแย้มออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้แล้วว่ามี 50 มาตรา หรือไม่เกินนี้ ซึ่งหากพิจารณาถึงความสำคัญแล้วก็ต้องบอกว่าสำคัญทุกมาตรา แต่เชื่อว่าสิ่งที่สังคมตั้งคำถามและจับตามองเป็นพิเศษพร้อมกันไปด้วยก็คือ มาตราที่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมว่าจะเจาะจงเฉพาะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ หรือว่าจะครอบคลุมไปถึงส่วนอื่นๆ โดยอ้างในเรื่องการปรองดองเพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปพร้อมๆ กันหรือไม่
หากเป็นการนิรโทษกรรมในส่วนแรก คือ คสช.ก็คงเป็นเรื่องปกติถือเป็นธรรมเนียมที่พอใครก่อรัฐประหารยึดอำนาจสำเร็จ ใช้วิธีนอกรัฐธรรมนูญก็ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตัวเอง ที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สังคมกำลังจับตามองน่าจะเป็นประเด็นหลังมากกว่าว่าจะมีการนิรโทษกรรมครอบคลุมไปถึงกรณีอื่นด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะหากมีการอ้างว่าเป็นเรื่องการเมือง หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการรัฐประหารของ คสช. หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ กำลังจับตามองว่าอาจหมายรวมไปถึงคดีความผิดของ “ทักษิณ ชินวัตร” รวมไปถึงคนในพรรคเพื่อไทยบางคนที่กำลังหลบหนีไปเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ เช่น อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และอดีต ส.ส.สุนัย จุลพงศธร เป็นต้น
สิ่งที่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวออกจากคนของพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะทำให้เห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะส่วนตัวก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากตัวบุคคลและตำแหน่งแล้วก็น่าจะมีความเชื่อมโยงถึงกันบ้าง เริ่มจาก อำนวย คลังผา อดีตประธานวิปรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมดังกล่าวข้างต้น โดยเขาขยายความให้ครอบคลุมไปถึงคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและคนที่ครอบครองอาวุธสงครามในช่วงการชุมนุมที่ถูกดำเนินคดีในเวลานี้ด้วย
ขณะเดียวกันยังได้เห็นการเคลื่อนไหวของ สิงห์ทอง บัวชุม ที่ระบุว่าเป็นฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ได้เข้ามายื่นหนังสือถึงหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้เร่งรัดคดีของฝ่าย กปปส.บ้าง อ้างว่ายังมีความพยายามยื้อคดีมีการส่งฟ้องระดับแกนนำสำคัญไปถึงศาลน้อยมาก พร้อมตั้งข้อสังเกตกรณีที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.ที่ไปบวชเป็นพระภิกษุอยู่เวลานี้ว่าเป็นการประวิงเวลาออกไป
นอกจากนี้ การเดินทางออกนอกประเทศของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมจนถึง 10 สิงหาคม ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้โอกาสในช่วงร่วมฉลองวันเกิดของพี่ชายครบรอบ 65 ปีมีการปรึกษาหารือกันถึงสถานการณ์ข้างหน้าทางการเมืองด้วยอยู่แล้ว แม้ว่าจากปากคำของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือว่าสายตรงคนหนึ่งที่บอกว่าตอนนี้ต้อง “นิ่ง” เพื่อรอวันเลือกตั้งในปีหน้าก็ตาม แต่ในทางลึกก็ยังมีการเคลื่อนไหวออกมาให้เห็นออกมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มชัดขึ้น
นี่ยังไม่นับกรณีของ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และ จักรภพ เพ็ญแข ที่ออกไปตั้งองค์กรเสรีไทยฯ อยู่ต่างประเทศในเวลานี้ หรือแม้แต่คำพูดเมื่อเร็วๆ นี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เองที่เคยเรียกร้องให้ “คนที่อยู่แดนไกล” ให้กลับมาสู้คดีโดยรับรองว่าจะให้ความเป็นธรรม ก็สามารถมองได้ว่าเขาได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างแล้วถึงให้กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
ดังนั้น แม้ว่าภาพภายนอกที่เห็นจะเหมือนว่า ทักษิณ ชินวัตร จะสั่งให้หยุดรอเอาไว้ชั่วคราว เพื่อรอการเลือกตั้งในปีหน้าเพื่อรอโอกาสกลับมามีอำนาจอีกรอบในปีหน้า แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นบ้างแล้ว อีกด้านหนึ่งเหมือนกับว่าต้องการต่อรองอะไรบางอย่าง ซึ่งคนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง !!
