ผ่าประเด็นร้อน
มีรายงานยืนยันแน่นอนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ไฟเขียวให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รวมทั้งคนในครอบครัว เช่นลูกชาย รวมไปถึงเครือญาติคนสำคัญอย่าง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เดินทางออกนอกประเทศ ตามคำร้องขอว่าจะเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวในประเทศแถบยุโรป โดยยืนยันว่าจะกลับถึงไทยวันที่ 10 สิงหาคม
แม้ว่าในคำสั่งอนุญาตดังกล่าวจะมีเงื่อนไขว่าต้องรายงานรายละเอียดการเดินทาง รวมไปถึงคำยืนยันว่าจะไม่มีการ “ลี้ภัย” หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในต่างแดน เพื่อต่อต้าน คสช.ก็ตาม อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากสถานการณ์ความเป็นจริงก็ต้องบอกว่า “คงต้องให้ไป” เพราะยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะห้าม หรือกักตัวพวกเขาเอาไว้
หากพิจารณาจากคดีความหลายคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้หลายคดี โดยเฉพาะโฟกัสกันไปที่คดีที่อยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากข้อหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ก็ยังอยู่ในขั้นไต่สวน ซึ่งมีการกำหนดวันคร่าวๆออกมาแล้วว่า ในราวเดือนกันยายนถึงจะสามารถสรุปชี้ขาดได้ หรือหากมองในแง่ร้าย หากชี้มูลความผิด ก็ยังมีหลายขั้นตอนกว่าไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยังมีหลังจากนั้นอีก กว่าศาลฎีกาฯ จะตัดสินออกมา เรียกว่าลากยาวเป็นปี ยังมีขั้นตอนที่เรียกว่า “ยื้อ” กันได้อีกพักใหญ่
อย่างไรก็ดี ในเรื่องเฉพาะหน้ากลายเป็นว่า ความกดดันอาจหักมุมกลับมาที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างหาก เนื่องจากถูกสังคมตั้งคำถามว่า “ปล่อยไปทำไม” มั่นใจได้อย่างไรว่าจะกลับมาตามกำหนด อาจซ้ำรอยพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ก่อนหน้านี้เคยทำทีไปขอชมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน เจตนาเพื่อหลบหนีคุกมาจนถึงทุกวันนี้
แต่แรงกดดันที่เป็นคำถามจากภายนอกก็คือ ทำให้ข้อสงสัยในเรื่องที่ “ไม่แตะครอบครัวทักษิณ” ถูกนินทา นำมาปะติดปะต่อให้มีน้ำหนักมากขึ้น อ้างว่าที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการเรียกรายงาน มีการทลายเครือข่าย มีการสั่งเบรกกิจกรรม ห้ามพรรคการเมือง และคนในเครือข่ายทักษิณ ให้หยุดเคลื่อนไหว แต่ก็เหมือนว่าทุกอย่างเริ่มหยุดนิ่งกับที่ ไม่ได้รุกคืบหน้าให้มากไปกว่านี้
ที่สำคัญระดับตัวหลักๆของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงคนอื่นๆ เช่น เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และรวมถึงคนใกล้ชิด ที่มีข้อกล่าวหาอื้อฉาวยังไม่มีการแตะต้องอย่างจริงจัง ที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ การที่ไม่แตะ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในเรื่องของการไม่เรียกมารายงานตัว ไม่ออกหมายจับ ไม่ทำเรื่องขอตัวมาดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน หรือแม้แต่การถอดยศ ริบเครื่องราชฯ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่กำลังถูกไล่ล่า ไม่ว่าจะเป็น จักรภพ เพ็ญแข จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นต้น แม้ว่าคนพวกนี้ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายตามข้อกล่าวหาคดีอาญา แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ดำเนินคดีในศาล คดียังไม่ถึงที่สุด ตามหลักการก็ยังไม่ถือว่ามีความผิดด้วยซ้ำ
แต่กรณีของ ทักษิณ ชินวัตร คดีถึงที่สุดแล้ว ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาความผิดด้วยการจำคุก 2 ปี รวมทั้งมีคดีที่ศาลฎีกาฯยึดทรัพย์จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทจากทุจริต ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยชอบมาแล้ว คำถามก็คือ ทำไม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงไม่ดำเนินการให้เหมือนกับคนอื่นๆ มันติดขัดอยู่ตรงไหน นั่นเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบกลับมา
สำหรับการเดินทางไปทัวร์ยุโรปเที่ยวนี้ของคณะยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แน่นอนว่าในกำหนดการต้องไปพบกับทักษิณ ชินวัตร แน่นอนส่วนจะเป็นที่ ฝรั่งเศสหรือประเทศไหนก็ตามไม่ใช่ประเด็น แม้ว่าข้ออ้างหรือเหตุผลว่าต้องการไปร่วมฉลองอวยพรวันเกิดครบรอบ 65 ปี ของพี่ชายก็ตามซึ่งก็ฟังขึ้น แต่ในวงสนทนานอกจากการไต่ถามเรื่องสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว ยังต้องปิดห้องคุยกับแบบภายใน อย่างน้อยก็ต้องมีการกำหนดท่าที่การเคลื่อนไหวในเวลานี้ และต่อเนื่องไปจนถึงหลังเดือนตุลาคม ปี 58 ที่เป็นโรดแมปขั้นที่สามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ
ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกคนกำลังจับตามองกันอยู่!!
ดังนั้น นาทีนี้หากแยกเฉพาะกรณีการขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคนในครอบครัวในครั้งนี้ ไม่มีปัญหา และไม่มีเหตุผลที่ต้องกักตัวเอาไว้ อีกทั้งยังมั่นใจว่า เธอยังไม่มีความจำเป็นในเรื่องการขอลี้ภัย รวมไปถึงศักยภาพในการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะพิจารณาตามปฏิทินเวลา ทั้งในเรื่องคดีอาญาจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่เสี่ยงคุกตะราง ก็ยังถือว่ายังมีเวลาอีกนาน ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากโรดแมปการเลือกตั้งที่กำหนดในเดือนตุลาคม ปี 58 ก็ต้องบอกว่า อีกไม่นาน แค่อึดใจเดียวเท่านั้น และมีโอกาสที่จะกลับมาใหญ่ได้อีก
อย่างไรก็ดี หากเงื่อนไขเปลี่ยน มี “ข้อมูลใหม่” จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในโครงการรับจำนำข้าวออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง จะได้รับไฟเขียวอีกหรือเปล่า และถึงตอนนั้นเธอจะกลับมาหรือเปล่า!!