00 เริ่มดิ้นกันพล่านเหมือนกัน สำหรับเรื่องคดีอาวุธสงครามที่ใช้ก่อเหตุยิงถล่มองค์กรอิสระ ป.ป.ช.และ กปปส.รวมทั้งองค์กรอิสระอื่น หรือแม้แต่ยิงถล่มศาล รับรองว่าถ้าสาวไปเรื่อยๆ ก็ต้องเป็นพวกเดียวกัน นั่นแหละ และถ้าสาวกันแบบเอาจริง ไม่ตัดตอนแค่พวกกระจอกปลายแถวอย่างที่เห็นคงต้องเจอของดีแน่นอน คงอาจไปไม่ถึงคนหน้าเหลี่ยมๆหรอก แต่ระดับหัวโจกคงรับหน้าตัดตอนเอาไว้ก่อน อย่างไรก็ดี ที่จริงคนทั่วไปเขารู้กันมานานแล้วว่าเป็นฝีมือของพวกไหน ตำรวจก็รู้ เพียงแต่เมื่อก่อนอาจหลิ่วตา หรือถึงขั้นร่วมลงมือด้วยหรือเปล่า มาวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างจึงเปลี่ยนเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า
00 จะเรียกว่ากำลังเลยโค้งสุดท้ายเริ่มเข้าทางตรงกันแล้วสำหรับการชิงดำเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ ระหว่าง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และคนที่ชี้ชะตานาทีนี้คงไม่ใช่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.หรอก แต่ต้องพิจารณาจากคนที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งหากเป็นวงการสีกากี ก็ต้องไม่มองข้าม คนชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ น้องชาย "พี่ใหญ่" ประวิตร วงศ์สุวรรณ ดังนั้น เมื่อย้อนไปดูความสัมพันธ์ ก็น่าจะเห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าใครจะมา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ยังให้น้ำหนักไปทางคนแรกมากกว่า
00 ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ก็ไฟเขียวผ่านตอดให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วย พี่สาวคนสำคัญอย่าง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เดินทางออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว นอกเหนือจากคนสำคัญในครอบครัวชินวัตรแล้วตามรายงานบอกว่า ยังมีคนในครอบครัว และในพรรคเพื่อไทยเดินทางออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับทีมของ ยิ่งลักษณ์ ก็มีลูกชายร่วมเดินทางไปด้วย อ้างว่าจะไปเที่ยวยุโรปให้ฉ่ำปอด มีกำหนดกลับวันที่ 10 ส.ค. ส่วนจะกลับจริงหรือไม่ ก็ต้องรอให้ถึงวันนั้นเสียก่อน อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันในแง่มุมการเมืองการยื่นคำขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศของคนในครอบครัวชินวัตรเที่ยวนี้ ก็ถือว่าเป็นการ “สร้างแรงกดดัน” ได้พอสมควร หนึ่งกดดันจากพวก ทักษิณ ชินวัตร เพื่อต้องการหยั่งเชิงเอาไว้ล่วงหน้าก่อน พอในช่วงเวลาคับขันจวนตัวก็อาจใช้เป็นข้ออ้างอีกรอบว่า “นี่ไงเคยไปมาแล้ว ก็กลับเข้ามาตามกำหนดไงละ” ไม่หนีไปไหนหรอก
00 อย่างไรก็ดี งานนี้ แรงกดดันกลับตกมาที่ คสช. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะคนไฟเขียวให้ออกไป และช่วยไม่ได้ที่สังคมจะตั้งคำถามว่า “ให้ไปทำไม” มีนอกมีในอะไรกันหรือเปล่า เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ตั้งคำถามว่า “ทำไมไม่แตะครอบครัวทักษิณ” ไม่มีการเรียกมาพบ ไม่ยกเลิกหนังสือเดินทาง ไม่ถอดยศ เพราะหากเทียบกับกรณีของ จักรภพ เพ็ญแข จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รวมถึงคนอื่นๆที่เพียงแค่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.หรือแม้ว่ามีหมายจับคดีความผิดคดีอาญา แต่ก็ยังเป็นข้อกล่าวหา ศาลยังไม่ตัดสินให้ผิด แต่ กรณีของ ทักษิณ ชินวัตร นี่ชัดเจนศาลสั่งจำคุกแล้ว มีหมายจับยาวเป็นหางว่าว ก็ต้องถามว่า “ทำไม”
00 แต่ข่าวการอนุญาตให้ ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกต่างประเทศได้ ผ่านไปแค่ครึ่งวัน ที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ 7-0 ชี้ว่า ยิ่งลักษณ์ รู้เห็นเป็นใจในการโกงจำนำข้าว ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ จึงมีมูลความผิดต่อตำแหน่ง ตามมาตรา 157 ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต จึงได้ส่งรายงาน เอกสารพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 70 ต่อไป เมื่อผลออกมาอย่างนี้ ก็ต้องมาวัดใจ ”บิ๊กตู่” ที่เป็นหัวหน้าคสช. ว่า จะเพิกถอนคำสั่งอนุญาตออกนอกประเทศ หรือยังจะปล่อยให้ ”น้องปู” ไปลั๊ลลา โดยอ้างว่า อัยการฯ ยังไม่ได้พิจารณาว่าฟ้อง หรือไม่ฟ้อง
00 จะเรียกว่ากำลังเลยโค้งสุดท้ายเริ่มเข้าทางตรงกันแล้วสำหรับการชิงดำเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ ระหว่าง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และคนที่ชี้ชะตานาทีนี้คงไม่ใช่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.หรอก แต่ต้องพิจารณาจากคนที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งหากเป็นวงการสีกากี ก็ต้องไม่มองข้าม คนชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ น้องชาย "พี่ใหญ่" ประวิตร วงศ์สุวรรณ ดังนั้น เมื่อย้อนไปดูความสัมพันธ์ ก็น่าจะเห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าใครจะมา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ยังให้น้ำหนักไปทางคนแรกมากกว่า
00 ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ก็ไฟเขียวผ่านตอดให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วย พี่สาวคนสำคัญอย่าง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เดินทางออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว นอกเหนือจากคนสำคัญในครอบครัวชินวัตรแล้วตามรายงานบอกว่า ยังมีคนในครอบครัว และในพรรคเพื่อไทยเดินทางออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับทีมของ ยิ่งลักษณ์ ก็มีลูกชายร่วมเดินทางไปด้วย อ้างว่าจะไปเที่ยวยุโรปให้ฉ่ำปอด มีกำหนดกลับวันที่ 10 ส.ค. ส่วนจะกลับจริงหรือไม่ ก็ต้องรอให้ถึงวันนั้นเสียก่อน อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันในแง่มุมการเมืองการยื่นคำขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศของคนในครอบครัวชินวัตรเที่ยวนี้ ก็ถือว่าเป็นการ “สร้างแรงกดดัน” ได้พอสมควร หนึ่งกดดันจากพวก ทักษิณ ชินวัตร เพื่อต้องการหยั่งเชิงเอาไว้ล่วงหน้าก่อน พอในช่วงเวลาคับขันจวนตัวก็อาจใช้เป็นข้ออ้างอีกรอบว่า “นี่ไงเคยไปมาแล้ว ก็กลับเข้ามาตามกำหนดไงละ” ไม่หนีไปไหนหรอก
00 อย่างไรก็ดี งานนี้ แรงกดดันกลับตกมาที่ คสช. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะคนไฟเขียวให้ออกไป และช่วยไม่ได้ที่สังคมจะตั้งคำถามว่า “ให้ไปทำไม” มีนอกมีในอะไรกันหรือเปล่า เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ตั้งคำถามว่า “ทำไมไม่แตะครอบครัวทักษิณ” ไม่มีการเรียกมาพบ ไม่ยกเลิกหนังสือเดินทาง ไม่ถอดยศ เพราะหากเทียบกับกรณีของ จักรภพ เพ็ญแข จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รวมถึงคนอื่นๆที่เพียงแค่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.หรือแม้ว่ามีหมายจับคดีความผิดคดีอาญา แต่ก็ยังเป็นข้อกล่าวหา ศาลยังไม่ตัดสินให้ผิด แต่ กรณีของ ทักษิณ ชินวัตร นี่ชัดเจนศาลสั่งจำคุกแล้ว มีหมายจับยาวเป็นหางว่าว ก็ต้องถามว่า “ทำไม”
00 แต่ข่าวการอนุญาตให้ ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกต่างประเทศได้ ผ่านไปแค่ครึ่งวัน ที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ 7-0 ชี้ว่า ยิ่งลักษณ์ รู้เห็นเป็นใจในการโกงจำนำข้าว ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ จึงมีมูลความผิดต่อตำแหน่ง ตามมาตรา 157 ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต จึงได้ส่งรายงาน เอกสารพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 70 ต่อไป เมื่อผลออกมาอย่างนี้ ก็ต้องมาวัดใจ ”บิ๊กตู่” ที่เป็นหัวหน้าคสช. ว่า จะเพิกถอนคำสั่งอนุญาตออกนอกประเทศ หรือยังจะปล่อยให้ ”น้องปู” ไปลั๊ลลา โดยอ้างว่า อัยการฯ ยังไม่ได้พิจารณาว่าฟ้อง หรือไม่ฟ้อง