xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” เดินตามรอยทักษิณ สุดท้ายจำต้องอยู่ต่างประเทศ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนเพื่อไทยประเมินเส้นทาง “ยิ่งลักษณ์” เดินทางออกนอกประเทศ หลัง คสช.อนุญาต แม้ถูก ป.ป.ช.ดักหน้าลงมติผิดอาญา มาตรา 157 แต่สกัดไม่ได้ เชื่อไปครั้งนี้กลับแน่ สร้างความไว้วางใจ ส่วนขั้นตอนจาก ป.ป.ช.ไปอัยการสูงสุดจนถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้เวลาอีกเป็นเดือน ช่วงนี้หากขอเดินทางออกต่างประเทศอีกครั้ง คสช.คงไม่ขัด แต่ครั้งนี้อาจไปยาว

ข่าวการขอเดินทางไปต่างประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ได้ขออนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกกล่าวถึงกันอย่างมากในช่วงค่ำของวันที่ 16 กรกฎาคม 2557

เช้าวันที่ 17 กรกฎาคม ได้รับการยืนยันจากพันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำหนังสือไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้า คสช. เพื่อขออนุญาตเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศแถบยุโรปในช่วงวันที่ 20 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคม 2557 โดยจะเดินทางไปพร้อมกับเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย

“ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการปฏิบัติที่ผิดเงื่อนไข หรือแสดงออกใดๆ ที่เป็นการขัดต่อแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะทำงานที่รับผิดชอบจึงไม่ขัดข้องตามที่แจ้งความประสงค์มาของนางสาวยิ่งลักษณ์” พันเอกวินธัยให้เหตุผล

เป็นอันว่า คสช.อนุญาต

แม้การอนุญาตในครั้งนี้จะมีเงื่อนไข โดยให้รายงานรายละเอียดการเดินทาง และยืนยันว่าจะไม่มีการลี้ภัย
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. อนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปต่างประเทศ
หวั่นซ้ำรอยทักษิณ

แต่ความกังวลของคนทั่วไป ที่เกรงว่าการเดินทางครั้งนี้อาจจะซ้ำรอยกับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศเพื่อร่วมงานพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน เมื่อ 5 สิงหาคม 2551 และไม่ได้เดินทางกลับมา จนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก

โดยเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ คาดหมายกันว่าจะไปร่วมงานวันเกิดของพันตำรวจโททักษิณ ในวันที่ 26 กรกฎาคม ที่คาดหมายว่าจะเป็นประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แกนนำกลุ่มเสรีไทย ขอเข้าพบรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทยออกมาปฏิเสธ

เป็นอันว่าประเทศฝรั่งเศสเป็นศูนย์รวมงานฉลองวันเกิดให้กับพันตำรวจโททักษิณ ที่จะมีทั้งคนสำคัญจากประเทศไทยและคนที่หนีไปต่างประเทศไปพบปะกันในงานดังกล่าว ส่วนจะหารือกันในเรื่องใด หรือจะไปดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในต่างประเทศอย่างที่เคยแสดงเจตนาไว้คงเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป
ชีวิตในต่างแดนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีไปต่างประเทศก่อนศาลพิพากษาจำคุก(ภาพจาก Internet)
ดาบ ป.ป.ช.สกัด

แต่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน (17 กรกฎาคม) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. 7 คน ลงมติเอกฉันท์ว่า การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกสูงกว่าราคาตามท้องตลาด อันมีลักษณะเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และมีการทุจริตทุกขั้นตอน ทั้งการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การสวมสิทธิเกษตรกร โกงความชื้น โกงตาชั่ง นำข้าวมาเวียนเข้าโครงการ การลักลอบนำข้าวออกจากคลัง

นางสาวยิ่งลักษณ์ รับรู้รับทราบจากผลการปิดบัญชีโครงการ รับรู้ว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอน และมีชาวนาเข้าร่วมโครงการนับล้านครอบครัวไม่ได้รับเงิน เกิดความเสียหายและฆ่าตัวตาย จึงมีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องรับทราบและยับยั้งโครงการ

แต่ยังดึงดันที่จะดำเนินโครงการต่อไป ก่อให้เกิดความเสียหายไปเรื่อยๆ การกระทำดังกล่าวจึงมีมูลความผิดต่อตำแหน่งตามมาตรา 157 ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (พ.ร.ป. ป.ป.ช.) มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต จึงได้ส่งรายงาน เอกสารพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 70 ต่อไป

เพื่อไทยเดือด

ไม่มีใครคิดว่าการลงมติของ ป.ป.ช.จะออกมารวดเร็ว เพราะก่อนหน้านี้แม้กระทั่งนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็คาดหมายกันว่ากว่า ป.ป.ช.จะลงมติในคดีดังกล่าวได้น่าจะประมาณเดือนกันยายน

“ตอนนี้พวกเราก็บ่นกันทุกคนว่างานนี้เป็นการชิงตัดหน้าการได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ ยิ่งลักษณ์หรือไม่” แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยกล่าว

โดยหลังจากที่ ป.ป.ช.มีมติดังกล่าว พันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ออกมากล่าวว่า เรื่องการเดินทางไม่เกี่ยวกับ คสช. ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. อัยการสูงสุดและศาลพิจารณา หากมีการประสานมาที่ คสช. เพื่อขอให้ระงับการเดินทางของนางสาวยิ่งลักษณ์ ถือเป็นดุลพินิจของ คสช.

นับเป็นเรื่องที่น่าฉงนไม่น้อยกับกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อ คสช.อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ภายในวันเดียวกัน ป.ป.ช.กลับมีมติว่าการกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นความผิดต่อตำแหน่งตามมาตรา 157 ก่อนกำหนดเดินทางในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้

จากนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงตอบโต้การลงมติของ ป.ป.ช. พร้อมทั้งยืนยันว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางส่วนตัว และมีกำหนดการไปกลับที่ชัดเจนและมีการเตรียมการล่วงหน้าแล้วก่อนที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งด่วน วันนี้ตนเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้วควรจะมีสิทธิเสรีภาพเยี่ยงประชาชนคนไทยทั่วไป ขอยืนยันว่าจะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย

ขณะที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า ทาง ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะไปยับยั้งในส่วนนี้ เป็นไปตามที่ คสช.มีคำสั่งออกมาว่าองค์กรใดที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมหรือศาลก็ทำหน้าที่ไป

“ป.ป.ช.-อัยการ-ศาล” อาจเป็นเดือน

นักวิชาการด้านกฎหมายรายหนึ่งกล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ไปเมื่อ ป.ป.ช.ลงมติแล้ว จะต้องส่งเรื่องไปที่อัยการสูงสุดภายใน 14 วัน จากนั้นอัยการจะพิจารณาสำนวนดังกล่าวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 30 วัน ขั้นตอนต่อไปจึงอยู่ที่การพิจารณาของศาลว่าจะใช้ระยะเวลาแค่ไหน

แต่หากอัยการสูงสุดไม่ส่งฟ้อง ทาง ป.ป.ช.ก็สามารถตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการฟ้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เอง

คราวนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ คสช.ว่าจะอนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์เดินทางไปต่างประเทศได้หรือไม่ และผู้ที่จะให้คำตอบในเรื่องนี้ได้คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะหากการเดินทางในครั้งนี้ของนางสาวยิ่งลักษณ์ออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีก ก็จะเหมือนกับกรณีของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผลเสียที่จะตามมานั่นคือความน่าเชื่อถือของ คสช.จะหายไปในทันที

สิ่งที่จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกคือคลิปสนทนาที่อื้อฉาวระหว่างคนแดนไกลกับพลเอกที่เข้ามาทำงานการเมืองท่านหนึ่ง ว่าได้ตกลงอะไรกันไว้ก่อนหน้านี้

2 ทางเลือก “ยิ่งลักษณ์”

ขณะที่อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง วิเคราะห์สถานการณ์ในขณะนี้ว่า เมื่อ ป.ป.ช.ออกมากล่าวโทษนางสาวยิ่งลักษณ์เร็วกว่าที่คาด นั่นแสดงถึงเป็นความต้องการสกัดกั้นการเดินทางออกนอกประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์จากฝ่ายของ ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่ คสช.ได้อนุญาตแล้ว แต่คงไม่สามารถกระทำได้เพราะอำนาจนี้อยู่ที่ คสช.

ทางเลือกของนางสาวยิ่งลักษณ์ในครั้งนี้สามารถทำได้ 2 แนวทาง ทางแรกคือการเดินทางออกไปในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้แล้วไม่เดินทางกลับมา ถ้าเป็นอย่างนี้ คสช.ลำบากแน่ในด้านความศรัทธาของประชาชน

อีกแนวทางหนึ่งคือไปแล้วกลับมาตามกำหนดคือ 10 สิงหาคม สูตรนี้จะทำให้ คสช.ไม่เสียหาย และสร้างความไว้วางใจให้กับ คสช.และคนในสังคม เมื่อกลับมาแล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งกว่า ป.ป.ช.จะมีการส่งเรื่องไปที่อัยการสูงสุดและจากอัยการสูงสุดไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น่าจะใช้เวลาอีกเป็นเดือน โดยในระหว่างนี้อาจมีการขอเดินทางออกต่างประเทศอีกครั้ง และครั้งนี้คงไม่เดินทางกลับมา

แนวทางที่ 2 นับเป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดในเวลานี้ และจากนี้ไปการเดินทางของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะกลายเป็นภาระความรับผิดชอบของ คสช. หากการเดินทางในครั้งนี้ของนางสาวยิ่งลักษณไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีก คสช.ต้องรับผิดเต็มๆ

“ต้องไม่ลืมว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมาไม่เคยขัดต่อคำร้องใดๆ ของฝ่ายทหาร เสนออะไรมาอนุมัติให้ทั้งหมด ดังนั้นความสัมพันธ์กับทางกองทัพถือว่าดี อีกทั้งฝ่ายทหารก็ทราบดีว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็นเพียงตัวแทนของคุณทักษิณเท่านั้น ไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ หากปล่อยไปก็คงจะไม่ไปร่วมต่อต้าน คสช.”

ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเดิมพันที่สูงมากของ คสช. ด้านหนึ่งเพื่อต้องการลดแรงกดดันจากฝ่ายที่คัดค้าน อีกด้านหนึ่งเพื่อแสดงให้เห็นว่าการบริหารประเทศของ คสช.นั้น ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพของฝ่ายตรงข้าม
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งร่วมพิธีสาบานเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนที่ 18 ที่เกาหลีใต้(ภาพจาก Internet)
สุดท้ายคือไม่อยู่

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยยังประเมินต่อไปอีกว่า ข้อกังวลเรื่องการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่มีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายจักรภพ เพ็ญแข ขับเคลื่อนในนามของกลุ่มเสรีไทยนั้น คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากประเทศต่างๆ ก็ทราบถึงเหตุการณ์ในการยึดอำนาจของ คสช.ครั้งนี้เป็นอย่างดี ว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันกันมาก การจะให้เคลื่อนไหวอย่างเสรีในประเทศเหล่านั้นคงไม่มีใครยอม

อีกทั้งกำลังหนุนภายในประเทศไทยอย่างกลุ่มคนเสื้อแดง หรือกลุ่ม นปช.วันนี้พิสูจน์ชัดว่า ไม่สามารถปฏิบัติการได้เหมือนปี 2553 เหตุการณ์ที่ถนนอักษะนั้นชัดเจนว่าไม่มีการตอบโต้ในการสลายการชุมนุม เรื่องนี้อดีตนายกฯ ทักษิณทราบดีว่าหมดเงินไป 2-3 พันล้านบาท แต่ผลงานที่ออกมานั้นไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ธุรกิจของตระกูลชินวัตรยังมีอยู่ในเมืองไทย ที่ชัดเจนที่สุดคือบริษัท เอสซี แอสเซท จำกัด (มหาชน) ของคุณหญิงพจมาน ภรรยาของพันตำรวจโททักษิณ

“ถ้าให้ประเมินในวันนี้ เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วนายกฯยิ่งลักษณ์คงไม่อยู่ในประเทศไทย เพราะคดีความที่อยู่กับ ป.ป.ช.มีอีกมาก แต่ละคดีนั้นต่อสู้ลำบากเพราะทุกอย่างชัดเจนว่ามีการกระทำผิดจริง การที่จะให้คุณยิ่งลักษณ์ต้องติดคุกนั้นคงเป็นเรื่องที่คุณทักษิณไม่ยอม ดีที่สุดก็ต้องไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนจะไปด้วยวิธีใดนั้นเรื่องแบบนี้สังคมไทยรู้กันดี” แหล่งข่าวกล่าวทิ้งท้าย

กำลังโหลดความคิดเห็น