หลายคนคงได้เห็นภาพการจัดงานคืนความสุขที่ท้องสนามหลวงที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศแล้ว และคงได้เห็นภาพสามัคคีชุมนุมบนเวทีที่มีทั้งคนเสื้อแดงและกปปส.ซึ่งผมคิดว่ามีนัยที่สำคัญ
เพราะนั่นเท่ากับว่า คสช.คุณสมชายไม่ได้มองว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นปัญหาของบ้านเมืองเพียงฝ่ายเดียว ใครที่เคยคิดว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณก็คงต้องคิดกันใหม่เสียที
เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว ตามมุมมองของ คสช.ปัญหาของชาติบ้านเมืองนั้นเกิดจากความขัดแย้งไม่ลงรอยของคนในบ้านเมือง ไม่ได้เทน้ำหนักไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือ ทหารเขายืนข้างประเทศไทย อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยลั่นวาจาไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั่นแหละ
เลิกมโนและเลิกคิดกันได้แล้วครับว่า เขาจะเข้ามาจัดการระบอบทักษิณ
ลองอ่านคำปรารภในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ดูสิครับว่า อธิบายเหตุผลในการเข้ายึดอำนาจว่าอย่างไร แล้วใครคือปัญหาในมุมมองของ คสช.
โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งประกอบด้วยคณะทหารและตํารวจได้นําความกราบบังคมทูลว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จนลุกลามไปสู่แทบทุกภูมิภาคของประเทศ ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่างๆ ขาดความสามัคคีและมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน บางครั้งเกิดความรุนแรง ใช้กําลังและอาวุธสงครามเข้าทําร้ายประหัตประหารกัน สวัสดิภาพและการดํารงชีวิตของประชาชนไม่เป็นปกติสุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองชะงักงัน กระทบต่อการใช้อํานาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล นับเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้รัฐจะแก้ไขปัญหาด้วยกลไกและมาตรการทางกฎหมาย เช่น นํากฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาวะต่างๆ มาบังคับใช้ ยุบสภาผู้แทนราษฎรและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และฝ่ายที่ไม่ได้เป็นคู่กรณี เช่น องค์กรธุรกิจภาคเอกชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง กองทัพ และวุฒิสภา ได้พยายามประสานให้มีการเจรจาปรองดองกัน แต่ก็ไม่เป็นผลสําเร็จ กลับจะเกิดข้อขัดแย้งใหม่ในทางกฎหมายและการเมือง เป็นวังวนแห่งปัญหาไม่รู้จักจบสิ้น ในขณะที่ความขัดแย้งได้ขยายตัวกว้างขวางออกไป และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นจลาจลได้ทุกขณะซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ความสะดวกสบายของประชาชนผู้สุจริต กระทบต่อการทํามาหากินและภาวะหนี้สินของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การป้องกันปัญหาจากภัยธรรมชาติ ความเชื่อถือในอํานาจรัฐ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งยังเปิดช่องให้มีการก่ออาชญากรรมและความไม่สงบอื่นเพิ่มขึ้น อันจะเป็นการทําลายความมั่นคงของชาติ และความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงจําเป็นต้องเข้ายึดและควบคุมอํานาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
เห็นได้ชัดนะครับว่า คสช.มองว่า ความขัดแย้งของคนในชาติต่างหากที่เป็นปัญหา แม้ว่ารัฐบาลจะยุบสภาแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้ คสช.ต้องเข้ามายึดอำนาจ ไม่ใช่เพราะความเหิมเกริมของระบอบทักษิณหรือการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง
ย้ำกันตรงนี้อีกที
“ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่างๆ ขาดความสามัคคีและมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน บางครั้งเกิดความรุนแรง ใช้กําลังและอาวุธสงครามเข้าทําร้ายประหัตประหารกัน สวัสดิภาพและการดํารงชีวิตของประชาชนไม่เป็นปกติสุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองชะงักงัน กระทบต่อการใช้อํานาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล นับเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้รัฐจะแก้ไขปัญหาด้วยกลไกและมาตรการทางกฎหมาย เช่น นํากฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาวะต่างๆ มาบังคับใช้ ยุบสภาผู้แทนราษฎรและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และฝ่ายที่ไม่ได้เป็นคู่กรณี เช่น องค์กรธุรกิจภาคเอกชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง กองทัพ และวุฒิสภา ได้พยายามประสานให้มีการเจรจาปรองดองกัน แต่ก็ไม่เป็นผลสําเร็จ”
ลองฟังดูสิครับว่า เขามองใครเป็นตัวปัญหาที่ต้องเข้ามารัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศ
ข้อความในคำปรารภนั้นสะท้อนชัดเจนว่า ปัญหาการเข้ามาทำการรัฐประหารของทหารนั้นไม่ได้อยู่ที่การมองว่าระบอบทักษิณเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง หรือมองว่า มีการทุจริตอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นในรัฐบาลของระบอบทักษิณ แต่มองว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลสร้างความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองจนไม่สามารถใช้กลไกปกติระงับยับยั้งได้
แต่ปัญหาของบ้านเมืองเกิดขึ้นมาจากการที่ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมหรือ เพราะในคำปรารภของรัฐธรรมนูญชั่วคราวสะท้อนออกมาอย่างนี้ คณะรัฐประหารจะมองแค่ว่า การที่ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมนั้นเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยไม่มองถึงต้นเหตุของปัญหาเช่นนั้นหรือ
ทำไมคณะรัฐประหารไม่ตั้งคำถามเสียก่อนว่า ถ้ารัฐบาลมีธรรมาภิบาล ไม่แสวงหาผลประโยชน์เชิงนโยบาย ไม่ทุจริตคอร์รัปชันประชาชนจะลุกขึ้นมาขับไล่หรือไม่
ท่านไม่มองเลยหรือที่กล่าวหาว่า ประชาชนทั้งสองฝ่ายใช้กำลังและอาวุธสงครามประหัตประหารกันนั้น ประชาชนอีกฝ่ายถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว ตั้งแต่การใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุมตั้งแต่การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาจนถึงการชุมนุมของ กปปส. และในยุคที่ฝ่ายระบอบทักษิณปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาชุมนุมนั้น ก็ได้ใช้อาวุธสงครามยิงใส่ประชาชนฝ่ายตรงข้ามและสถานที่ราชการหลายครั้ง
ทำไมไม่แยกแยะว่าฝ่ายไหนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายไหนใช้ความรุนแรง ฝ่ายไหนปลุกปั่นประชาชนด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ
ทหารไม่ได้จำบทเรียนหรือครับว่า ในช่วงที่ฝ่ายระบอบทักษิณชุมนุมนั้น ได้ทำการปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยหลอกลวงชนรากหญ้าให้เข้าใจว่าเป็นสงครามทางชนชั้นระหว่างอำมาตย์กับไพร่ หลอกลวงคนรากหญ้าว่าชนชั้นสูงกำจัดระบอบทักษิณเพราะอิจฉาที่ระบอบทักษิณทำให้ชนชั้นล่างกินดีอยู่ดีขึ้น แล้วมีการใช้กองกำลังติดอาวุธยิงใส่จนนายทหารและพลทหารเสียชีวิตหลายรายจนเป็นเหตุให้ทหารต้องใช้กำลังเข้าปราบปรามและเกิดเป็นคดีความจนถึงขณะนี้
หลายคนห่วงว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะให้อำนาจของ คสช.เกินขอบเขต แต่ผมกลับห่วงมากกว่าคือทัศนคติของผู้มีอำนาจที่เขามองว่า ประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลคือตัวปัญหา ไม่ใช่รัฐบาลที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ขาดหลักธรรมาภิบาล และโกงกินทุจริตคอร์รัปชันอย่างใหญ่หลวง
ส่วนการใช้อำนาจของ คสช.ถ้าเกินขอบเขตเมื่อไหร่ ก็ให้ไปศึกษาจุดจบของเผด็จการในอดีตได้เลยครับ
เพราะนั่นเท่ากับว่า คสช.คุณสมชายไม่ได้มองว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นปัญหาของบ้านเมืองเพียงฝ่ายเดียว ใครที่เคยคิดว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณก็คงต้องคิดกันใหม่เสียที
เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว ตามมุมมองของ คสช.ปัญหาของชาติบ้านเมืองนั้นเกิดจากความขัดแย้งไม่ลงรอยของคนในบ้านเมือง ไม่ได้เทน้ำหนักไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือ ทหารเขายืนข้างประเทศไทย อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยลั่นวาจาไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั่นแหละ
เลิกมโนและเลิกคิดกันได้แล้วครับว่า เขาจะเข้ามาจัดการระบอบทักษิณ
ลองอ่านคำปรารภในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ดูสิครับว่า อธิบายเหตุผลในการเข้ายึดอำนาจว่าอย่างไร แล้วใครคือปัญหาในมุมมองของ คสช.
โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งประกอบด้วยคณะทหารและตํารวจได้นําความกราบบังคมทูลว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จนลุกลามไปสู่แทบทุกภูมิภาคของประเทศ ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่างๆ ขาดความสามัคคีและมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน บางครั้งเกิดความรุนแรง ใช้กําลังและอาวุธสงครามเข้าทําร้ายประหัตประหารกัน สวัสดิภาพและการดํารงชีวิตของประชาชนไม่เป็นปกติสุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองชะงักงัน กระทบต่อการใช้อํานาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล นับเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้รัฐจะแก้ไขปัญหาด้วยกลไกและมาตรการทางกฎหมาย เช่น นํากฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาวะต่างๆ มาบังคับใช้ ยุบสภาผู้แทนราษฎรและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และฝ่ายที่ไม่ได้เป็นคู่กรณี เช่น องค์กรธุรกิจภาคเอกชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง กองทัพ และวุฒิสภา ได้พยายามประสานให้มีการเจรจาปรองดองกัน แต่ก็ไม่เป็นผลสําเร็จ กลับจะเกิดข้อขัดแย้งใหม่ในทางกฎหมายและการเมือง เป็นวังวนแห่งปัญหาไม่รู้จักจบสิ้น ในขณะที่ความขัดแย้งได้ขยายตัวกว้างขวางออกไป และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นจลาจลได้ทุกขณะซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ความสะดวกสบายของประชาชนผู้สุจริต กระทบต่อการทํามาหากินและภาวะหนี้สินของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การป้องกันปัญหาจากภัยธรรมชาติ ความเชื่อถือในอํานาจรัฐ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งยังเปิดช่องให้มีการก่ออาชญากรรมและความไม่สงบอื่นเพิ่มขึ้น อันจะเป็นการทําลายความมั่นคงของชาติ และความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงจําเป็นต้องเข้ายึดและควบคุมอํานาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
เห็นได้ชัดนะครับว่า คสช.มองว่า ความขัดแย้งของคนในชาติต่างหากที่เป็นปัญหา แม้ว่ารัฐบาลจะยุบสภาแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้ คสช.ต้องเข้ามายึดอำนาจ ไม่ใช่เพราะความเหิมเกริมของระบอบทักษิณหรือการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง
ย้ำกันตรงนี้อีกที
“ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่างๆ ขาดความสามัคคีและมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน บางครั้งเกิดความรุนแรง ใช้กําลังและอาวุธสงครามเข้าทําร้ายประหัตประหารกัน สวัสดิภาพและการดํารงชีวิตของประชาชนไม่เป็นปกติสุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองชะงักงัน กระทบต่อการใช้อํานาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล นับเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้รัฐจะแก้ไขปัญหาด้วยกลไกและมาตรการทางกฎหมาย เช่น นํากฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาวะต่างๆ มาบังคับใช้ ยุบสภาผู้แทนราษฎรและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และฝ่ายที่ไม่ได้เป็นคู่กรณี เช่น องค์กรธุรกิจภาคเอกชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง กองทัพ และวุฒิสภา ได้พยายามประสานให้มีการเจรจาปรองดองกัน แต่ก็ไม่เป็นผลสําเร็จ”
ลองฟังดูสิครับว่า เขามองใครเป็นตัวปัญหาที่ต้องเข้ามารัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศ
ข้อความในคำปรารภนั้นสะท้อนชัดเจนว่า ปัญหาการเข้ามาทำการรัฐประหารของทหารนั้นไม่ได้อยู่ที่การมองว่าระบอบทักษิณเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง หรือมองว่า มีการทุจริตอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นในรัฐบาลของระบอบทักษิณ แต่มองว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลสร้างความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองจนไม่สามารถใช้กลไกปกติระงับยับยั้งได้
แต่ปัญหาของบ้านเมืองเกิดขึ้นมาจากการที่ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมหรือ เพราะในคำปรารภของรัฐธรรมนูญชั่วคราวสะท้อนออกมาอย่างนี้ คณะรัฐประหารจะมองแค่ว่า การที่ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมนั้นเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยไม่มองถึงต้นเหตุของปัญหาเช่นนั้นหรือ
ทำไมคณะรัฐประหารไม่ตั้งคำถามเสียก่อนว่า ถ้ารัฐบาลมีธรรมาภิบาล ไม่แสวงหาผลประโยชน์เชิงนโยบาย ไม่ทุจริตคอร์รัปชันประชาชนจะลุกขึ้นมาขับไล่หรือไม่
ท่านไม่มองเลยหรือที่กล่าวหาว่า ประชาชนทั้งสองฝ่ายใช้กำลังและอาวุธสงครามประหัตประหารกันนั้น ประชาชนอีกฝ่ายถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว ตั้งแต่การใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุมตั้งแต่การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาจนถึงการชุมนุมของ กปปส. และในยุคที่ฝ่ายระบอบทักษิณปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาชุมนุมนั้น ก็ได้ใช้อาวุธสงครามยิงใส่ประชาชนฝ่ายตรงข้ามและสถานที่ราชการหลายครั้ง
ทำไมไม่แยกแยะว่าฝ่ายไหนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายไหนใช้ความรุนแรง ฝ่ายไหนปลุกปั่นประชาชนด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ
ทหารไม่ได้จำบทเรียนหรือครับว่า ในช่วงที่ฝ่ายระบอบทักษิณชุมนุมนั้น ได้ทำการปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยหลอกลวงชนรากหญ้าให้เข้าใจว่าเป็นสงครามทางชนชั้นระหว่างอำมาตย์กับไพร่ หลอกลวงคนรากหญ้าว่าชนชั้นสูงกำจัดระบอบทักษิณเพราะอิจฉาที่ระบอบทักษิณทำให้ชนชั้นล่างกินดีอยู่ดีขึ้น แล้วมีการใช้กองกำลังติดอาวุธยิงใส่จนนายทหารและพลทหารเสียชีวิตหลายรายจนเป็นเหตุให้ทหารต้องใช้กำลังเข้าปราบปรามและเกิดเป็นคดีความจนถึงขณะนี้
หลายคนห่วงว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะให้อำนาจของ คสช.เกินขอบเขต แต่ผมกลับห่วงมากกว่าคือทัศนคติของผู้มีอำนาจที่เขามองว่า ประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลคือตัวปัญหา ไม่ใช่รัฐบาลที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ขาดหลักธรรมาภิบาล และโกงกินทุจริตคอร์รัปชันอย่างใหญ่หลวง
ส่วนการใช้อำนาจของ คสช.ถ้าเกินขอบเขตเมื่อไหร่ ก็ให้ไปศึกษาจุดจบของเผด็จการในอดีตได้เลยครับ