xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปภากโรภิกขุ บวชพระแหละดี ไม่มีเรื่องยุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ต้องถือว่าเป็น “2 ตัวละครเอก” ที่สปอร์ตไลท์ฉายจับและติดตามความเคลื่อนไหวในทุกฝีก้าวเลยทีเดียวก็ว่าได้ สำหรับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศไทย และ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)

พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจทำรัฐประหารเพื่อคืนความสุขให้กับคนในชาติ และขณะนี้กำลังตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตกับย่างก้าวที่สำคัญก่อนเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน ด้วยการเร่งสร้างผลงานในทุกมิติ แต่มิติที่ถือว่ามีความสำคัญยิ่งคือการประกาศใช้ธรรมนูญชั่วคราวในการปกครองประเทศ การจัดตั้งสภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และการตัดสินใจนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเสียเอง

ขณะที่นายสุเทพหลัง พล.อ.ประยุทธ์ทำรัฐประหาร เขาก็แช่แข็งตัวเองและประกาศยุติการเคลื่อนไหวในนาม กปปส.ที่ตนเองเป็นแกนนำหมายเลข 1 ไปเสียเฉยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นปริศนาที่สังคมงุนงงสงสัย เมื่อจู่ๆ แบบปัจจุบันทันด่วน เขาตัดสินใจบรรพชาอุปสมบทเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 ที่วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ โดยมีพระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเจ้าอาวาสวัดท่าไทร เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ฉายาว่า “พระปภากโร” ซึ่งหมายถึงผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง

การตัดสินใจบวชแบบฟ้าแล่บของพระสุเทพได้รับการเปิดเผยเป็นครั้งแรกในทวิตเตอร์ @Theptai ของ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อมีการโพสต์ภาพนายสุเทพขณะครองผ้าเหลืองในเพศบรรพชิต พร้อมข้อความระบุว่า “ลุงกำนันตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบ ที่วัดท่าไทร และจะไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์” และ “ขออนุโมทนาบุญกับหลวงลุงด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ”

แน่นอน ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แน่ชัดของพระสุเทพว่าทำไมถึงตัดสินใจบวช เพราะแม้แต่บุคคลใกล้ชิด เช่น นายธานี และ นายเชน เทือกสุรรณ น้องชาย ยังไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่าพระสุเทพจะบวช เพราะไม่ได้บอกใครเลย และมีเพียงอดีตแกนนำ กปปส. บางคนเท่านั้นที่ร่วมพิธี

“ความจริงแล้ว พระสุเทพ มีความประสงค์จะไปบวชที่วัดสวนโมกขพลาราม ใน อ.ไชยา แต่เนื่องจากเป็นช่วงเข้าพรรษาแล้วทางวัดสวนโมกข์ ไม่มีการบวชพระภิกษุสงฆ์ หลังเลยวันเริ่มต้นเข้าพรรษาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังพิธีอุปสมบทเสร็จสิ้น ได้ประสานขอไปจำพรรษาที่วัดสวนโมกขพลารามทันที โดยคนใกล้ชิดไม่แน่ใจว่าจะเป็นการบวชตลอด 1 พรรษาหรือไม่ เนื่องจากพระสุเทพไม่เคยปรารภให้ใครทราบ”นายเทพไทอธิบายและให้ข้อมูล

ด้าน พระอธิการสุชาติ ปัญญาทีโป เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล(สวนโมกขพลาราม) ต.เลม็ด อ.ไชยา กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่านายสุเทพจะบวช เมื่อช่วงบ่ายน้องสาวคนหนึ่งของนายสุเทพได้เดินทางมาพบและแจ้งว่าพระสุเทพบวชฉุกเฉินจะมาขอจำพรรษาและปฏิบัติธรรมที่วัดอยู่เงียบๆ จึงรีบให้พระลูกวัดและโยมในวัดจัดเตรียมกุฏิรับรองไว้ให้ เนื่องจากกุฏิหลังอื่นมีพระบวชพรรษาจำอยู่แล้ว 70 รูปเต็มหมดแล้ว กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น.พระสุเทพเดินทางมาพร้อมกับผู้ติดตามอีก 1 คน

ทั้งนี้ พระสุเทพไม่ได้บอกเหตุผลในการบวชแต่คงจะว้าวุ่นใจอยากจะสงบจิตใจอยู่สงบมากกว่า แจ้งว่าจะขออยู่จำพรรษาสักระยะหนึ่งและยังไม่มีกำหนดจะไปที่ไหนต่อ ซึ่งมีญาติโยมของท่านมาอยู่ด้วย 1 คนเพื่อช่วยดูแล เนื่องจากท่านยังเจ็บที่แขนยังห่มจีวรเองไม่ได้

“ญาติโยมในแถบนี้ยังไม่มีใครรู้ทราบเรื่องและไม่ได้บอกใคร แต่คงไม่อยากให้รบกวนท่าน เพราะท่านต้องการอยู่สงบเงียบๆ ซึ่งท่านถามว่าทางวัดมีกิจกรรมอะไรบ้างก็บอกว่ายังเหมือนสมัยก่อนตื่นนอนตี 4 ครึ่ง ทำวัตรเช้า เวลา 8 โมงฉันภัตหารเช้า และช่วงบ่ายไปทำสมาธิที่ลานหินโค้งหลังจากนั้นพักผ่อนตามสบาย พอ 6 โมงครึ่งตอนเย็นจะทำวัตรเย็นสวดมนต์ฟังเทปบรรยายธรรมของท่านอาจารย์พุทธทาส”พระอธิการสุชาติให้ข้อมูล

อย่างไรก็ตาม การบวชของนายสุเทพครั้งนี้ถือเป็นการบวชเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกนายสุเทพบวชและจำวัดที่สวนโมกข์เช่นกันเมื่อหลายสิบปีก่อน เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับนางจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ ภรรยาคนแรกของนายสุเทพ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ด้วยอายุเพียง 39 ปี โดยได้ไปบวชเรียนที่สวนโมกขพลาราม เป็นเวลา 40 วัน โดยมี พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ) หรือ พุทธทาสภิกขุ เป็นอาจารย์ และยังคงปฏิบัติเป็นศิษย์สวนโมกข์อย่างสม่ำเสมอ

“ในการบวชครั้งนั้นพระสุเทพได้สร้างอาคารที่สวนโมกข์นานาชาติถวายอาจารย์พุทธทาสไว้ด้วย”พระอธิการสุชาติเล่า

ด้าน นายณรงค์ เสมียนเพชร ประธานวัฒนธรรมอำเภอไชยา ไวยาวัจกรวัดธารน้ำไหล (สวนโมกข์) ให้ข้อมูลว่า ได้มีโอกาสเข้านมัสการและเรียนถามว่าจะบวชนานหรือไม่ ซึ่งพระสุเทพบอกว่าแล้วแต่ตามเหตุ ตามปัจจัย ถ้ามีเหตุการณ์ที่จะต้องลาสิกขา ก็จะลาสิกขา ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยอื่น ก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ  “ผมได้เรียนถามพระสุเทพว่าถ้านักข่าวมาถามเรื่องการเมืองท่านจะตอบว่าอย่างไร พระสุเทพ ได้ตอบว่าปัจจุบันนี้อาตมาไม่ใช่นักการเมือง อาตมาบวชเป็นพระ เว้นวรรคจากการเมืองชั่วคราว จะมาเยี่ยมก็ได้แต่มาพูดเรื่องธรรมะ ไม่พูดเรื่องการเมือง”ไวยาวัจกรวัดกล่าว

และแน่นอนว่า เมื่อพระสุเทพตัดสินใจก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ก็เป็นอันชัดเจนว่า บทบาทในทางโลกในฐานะแกนนำ กปปส.ก็เป็นอันต้องยุติลงไปโดยไม่มีกำหนด เพราะไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าพระสุเทพจะบวชนานขนาดไหน ซึ่งคงต้องอนุโมทนาสาธุให้กับการก้าวเข้าสู่เส้นทางธรรมในครั้งนี้ด้วย

เพียงแต่เมื่อสึกลาสิกขาบทแล้วก็อย่าลืมติดตามและตรวจสอบการทำงานของ คสช.ด้วยก็แล้วกันว่า เป็นไปตามแนวทางที่มวลมหาประชาชนต้องการหรือไม่





กำลังโหลดความคิดเห็น