ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้นำท้องถิ่น ผอ.โรงเรียน และชาวบ้านรอบวัดรุมสวดยับ “เจ้าอาวาสวัดดอนใคร” ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สร้างแต่ปัญหาเรื้อรังกระทบชุมชนมากว่า 14 ปี ร้องเรียนเจ้าคณะตำบล อำเภอ ยันจังหวัดก็เหมือนเป่าปี่กลางทุ่งนามาตลอด วอนให้มหาเถรสมาคมยื่นมือเข้าไปจัดการก่อนความขัดแย้งบานปลาย
นายนพรัตน์ แปะหลง ชาวบ้านข้างวัดดอนใคร ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ชาวบ้านในชุมชนข้างวัดดอนใคร มีปัญหาความขัดแย้งกับเจ้าอาวาสชื่อ พระครูสุกิจจานุโยค หรือ พระขำ มาอย่างยาวนานประมาณ 14 ปีแล้ว ซึ่งมีตัวอย่างชี้ชัด ประกอบด้วย มีการตัดไม้ในวัดแล้วมีรถมาขนไม้ออกไปนอกวัดช่วงเวลากลางคืน มีการถมบ่อน้ำโบราณในวัด ซึ่งชาวบ้านห้ามว่าอย่าถมก็ไม่ยอมรับฟัง
“ที่กระทบจิตใจชาวบ้านมากคือ มีการตัดต้นโพธิ์โบราณที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และเป็นที่ฝังอัฐิอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนที่ชาวบ้านเคารพนับถืออย่างมากคือ พ่อท่านผอม เป็นต้น” นายนพรัตน์ กล่าวและเสริมว่า
เจ้าอาวาสวัดดอนใคร เดิมทีก็เป็นคนในชุมชนข้างวัด แต่บวชเป็นพระครั้งแรกไปบวชที่วัดท้าวราษฎร์ในเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีพระผู้ใหญ่บวชให้ ปัจจุบันพระผู้ใหญ่ท่านนั้นเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากบวชเสร็จได้กลับมาจำพรรษาที่วัดดอนใคร ต่อมา พ่อท่านผอม เจ้าอาวาสรูปก่อนมนณภาพลง ในวัดช่วงเวลานั้นมีพระจำพรรษาอยู่ 2 รูปคือ พระขำ และ พระโม่ง ชาวบ้านรอบวัดและพระผู้ใหญ่ได้มีการเปิดให้ชาวบ้านลงมติว่า จะเลือกพระรูปใดเป็นเจ้าอาวาส
“ชาวบ้านลงมติเลือกให้พระโม่ง 100 กว่าเสียง แต่ให้พระขำ 18 เสียง ชาวบ้านจึงนิมนต์พระโม่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนใคร พระขำ จึงได้หายออกไปจากวัดประมาณ 2 เดือน โดยไปอยู่ที่วัดท้าวราษฎร์ ในเมืองนครศรีธรรมราช และพระขำ ก็กลับมาที่วัดดอนใครอีกครั้ง พร้อมกับใบคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนใครจากพระผู้ใหญ่ ทำให้ชาวบ้านงุนงงไปตามๆ กันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้ไปต่อต้านพระขำ แต่อย่างใด”
นายนพรัตน์ กล่าวด้วยว่า หลังจากวันนั้นมาชาวบ้านก็ทำตัวกับวัดตามปกติเหมือนเดิมดังที่เคยปฏิบัติมา แต่แล้วสิ่งที่ชาวบ้านคิดไม่ถึงในหลายๆ เรื่อง และเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็ได้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แถมมีต่อเนื่องมากมายจนทำให้ชาวบ้านหมดศรัทธาต่อพระขำ โดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น โรงธรรมวัดที่ชาวบ้านเอาไว้ทำประโยชน์ พระขำ ก็ทุบทำลายหมด ต้นโพธิ์ที่ชาวบ้านนับถือก็ทำลาย บ่อน้ำกินน้ำใช่ที่มีมาตั้งแต่สร้างวัดดอนใคร พ่อท่านผอม สร้างไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้ได้กิน พระขำก็นำดินมาถมปิดบ่อน้ำ
“ไม่เพียงเท่านั้น ประตูวัดก็เอาทรายมาปิดไม่ให้ชาวบ้านเข้าวัด สนามฟุตบอลที่เด็กนักเรียนวัดดอนใคร ได้ใช้เล่นกีฬา ใช้ออกกำลังกายก็เอาต้นปาล์มมาปลูกกลางสนาม ไม่ให้ใครมาเล่นกีฬา พระเก่าแก่ วัตถุโบราณหลายชิ้นในวัดหายไปโดยไม่มีคำอธิบาย ปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ชาวบ้านได้เคยร้องเรียนไปยังเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดแล้ว แต่เรื่องเงียบหาย ไม่มีการแก้ไขปัญหา”
นายนพรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นมายาวนานมากแล้ว จึงอยากขอให้ทางมหาเถรสมาคม เข้ามาแก้ไขปัญหา เพราะในระดับตำบล อำเภอ และจังหวัดไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากพระขำ ยังจะบวชเป็นพระต่อไป ชาวบ้านก็ไม่ติดใจ แต่ขอให้ยอมลงจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอนใคร หากยังอยู่ในตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อไป ชาวบ้านก็ไม่ให้ความเคารพ มีแต่จะขยายความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ด้านนายสุภาพ ผิวเหมาะ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนใคร กล่าวว่า เจ้าอาวาสวัดดอนใคร ไม่ยอมฟังใครเลย มีแต่ใช้อำนาจมาตลอด ห้ามเด็กนักเรียน ห้ามคนในชุมชนใช้สนามกีฬา เด็กนักเรียนจะซ้อมกีฬาเพื่อไปแข่งขันก็ต้องไปขอใช้สนามโรงเรียนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น โรงเรียน วัด และชุมชนควรจะพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ควรเกิดความขัดแย้งต่อกัน
“ที่สำคัญที่ดินสร้างสนามกีฬาเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ของชุมชน แต่เจ้าอาวาสใช้อำนาจสั่งห้ามใช้ และนำต้นปาล์มมาปลูกในสนามกีฬา ทำอย่างนี้ได้อย่างไร” ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนใครกล่าว
นายสุภาพ กล่าวอีกว่า วัดดอนใคร สมัยพ่อท่านผอมเป็นเจ้าอาวาสองค์แต่ก่อน ถือเป็นวัดที่ผู้คนให้ความเคารพอย่างกว้างขวางมาก แต่ตอนนี้กำลังตกต่ำลงทุกวัน ก่อนที่พระขำ จะมาอยู่วัดดอนใคร วันพระชาวบ้านจะเข้ามาทำบุญกันเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ไม่มีใครเข้าวัด และเมื่อเข้าช่วงเข้าพรรษาเมื่อก่อนจะมีพระมาบวชหลายรูป บางทีมีวัดอื่นมาขอพระที่วัดดอนใครไปจำพรรษาด้วย แต่ตั้งแต่พระขำมาอยู่ไม่มีพระมาบวชเข้าพรรษามาหลายปีแล้ว
“เมื่อวัดไม่มีพระทำพิธีกรรมทางศาสนา ผมได้ไปนิมนต์พระจากวัดอื่นมาจำพรรษา แต่เจ้าอาวาสก็มีปัญหากับพระที่มาจำพรรษาด้วยอีก พระที่มาจำพรรษาก็ต้องออกไปจากวัดดอนใคร ผมทำแบบนี้มา 3-4 ปีติดต่อกัน และทุกครั้งที่ไปนิมนต์พระมาจำพรรษก็ต้องมีปัญหากับเจ้าอาวาสทุกครั้ง ผมจึงหยุด จากปัญหาที่เกิดขึ้นผมได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด”
ด้านนายสมทรง ขำสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านที่พระขำ ก็รู้จักกันดี ความคิดของตนต่อจากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น พระขำ มาทางไหนก็ควรกลับไปทางนั้น จริงๆ แล้วก็สงสารพระขำ เพราะอายุเยอะแล้ว ควรจะอยู่ให้ชาวบ้านรัก มากกว่าจะมีปัญหากับชาวบ้าน ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างพระขำ กับชาวบ้านมีมายาวนาน 14 ปีแล้ว ควรจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขปัญหา
“ที่ผ่านมา ชาวบ้านในชุมชนเสียชีวิตลงจะมาเผาศพในวัด หากเจ้าอาวาสไม่ชอบใจก็ไม่ให้เผา พระจากวัดอื่นมาจำพรรษาในวัดก็มีปัญหากับเจ้าอาวาส” นายสมทรง กล่าวก่อนจะบอกด้วยว่า
หากพระขำ ยังจะบวชเป็นพระต่อไปก็ได้ แต่ขอให้ลงจากตำแหน่งเจ้าอาวาส และให้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ และให้มีการเลือกตั้งกรรมการวัดให้ถูกต้อง ที่ผ่านมา ไม่มีกรรมการวัด เพราะเจ้าอาวาสไม่มีการแต่งตั้ง แม้ชาวบ้านในชุมชนจะเรียกร้องก็ตาม หลายครั้งที่มีการพูดคุยกันเพื่อให้มีการตั้งแต่งตั้งกรรมการวัดให้ถูกต้อง เจ้าอาวาสรับปาก แต่ไม่ทำตามสัญญา ปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไข
“นับวันมีแต่พระขำ จะหาเรื่องขัดแย้งกับชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น ผมจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพราะในระดับพื้นที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรให้ได้แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวตบท้าย
