สุราษฎร์ธานี - กลุ่ม กปปส.จำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตร “พระสุเทพ ปภากโร” ในขณะที่ไวยาวัจกรวัดร้องขอแกนนำ สปปส. อย่านำการเมืองเข้ามายุ่งในสวนโมกข์ จะขัดต่อเจตนารมณ์ของท่านอาจารย์พุทธทาสที่วางไว้ให้สวนโมกข์เป็นแหล่งปฏิบัติธรรม ขณะที่พระสุเทพ เผยผ่านไวยาวัจกรวัด ช่วงนี้งดตอบเรื่องการเมืองขอพูดแต่เรื่องธรรมะ ขณะที่การบวชครั้งนี้ต้องการความสงบ
เช้าวันนี้ (17 ก.ค.) ที่ด้านหน้าสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี คึกคักไปด้วยกลุ่ม กปปส.และประชาชนทั่วไปจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมทำบุญตักบาตร “พระสุเทพ ปภากโร” ตลอดแนว 2 ข้างทางถนนสายเอเชีย 41 ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของสวนโมกขพลาราม รวมระยะทางทั้งขาไป และขากลับเกือบ 3 กิโลเมตร ซึ่งการการออกบิณฑบาตของพระสุเทพ ในวันนี้ มีพระอื่นๆ ร่วมด้วยประมาณ 4-5 รูป ซึ่งพระสุเทพ เดินบิณฑบาตด้วยอาการสำรวม และเดินด้วยเท้าเปล่าเช่นเดียวกับพระสงฆ์อื่นๆ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยา คอยอำนวยความสะดวก
สำหรับการบิณฑบาตในวันนี้ ปรากฎว่า มีประชาชนจำนวนมากที่รอใส่บาตร ทำให้ผู้ติดตามต้องแจ้งขอรถกระบะมาบรรทุกสิ่งของที่ประชาชนนำมาใส่บาตรเนื่องจากไม่สามารถที่จะถือกลับวัดได้หมด และเมื่อเดินทางกลับมาถึงประตูทางเข้าวัด ทางพระสุเทพ ก็ได้ให้ศีลให้พรแก่ประชาชนที่มาร่วมใส่บาตรในวันนี้ด้วย และทราบว่าในช่วงบ่ายวันนี้ (17 ก.ค.) พระสุเทพ มีกำหนดเดินทางไปร่วมงานศพในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายณรงค์ เสมียนเพชร ประธานวัฒนธรรมอำเภอไชยา ไวยาวัจกรวัดธารน้ำไหล (สวนโมกข์) เปิดเผยว่า พระอาจารย์มหาสุชาติ ปัญญาฎิโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล ได้จัดตึกกุฏิสมเด็จให้เป็นที่พักจำวัดของพระสุเทพ สำหรับกุฏิสมเด็จเป็นที่พักของพระอาคันตุกะที่มีสมณศักดิ์ มีพระผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเคยพักที่นี่ เช่น ท่านอาจารย์ปัญญานันภิกขุ และตนได้มีโอกาสเรียนถามพระสุเทพ ว่าการบวชครั้งนี้เกิดจากอะไร พระสุเทพ ตอบว่าท่านคิดคนเดียว ท่านคิดถึงความสงบ ทำอย่างไรให้เกิดความสงบ จึงคิดว่ามีวิธีเดียวที่จะทำให้เกิดความสงบทั้งกาย และใจก็คือ การบวช ท่านจึงเดินทางมาที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีคนสนิทไปรับที่สนามบินสุราษฎร์ธานี และพาไปพบท่านเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่วัดท่าไทร อ.กาญจนดิษฐ์ แล้วร้องขอให้ท่านเจ้าคณะจังหวัดบวชให้ โดยทางเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้จัดอัฐบริขารให้ทั้งหมด พร้อมระบุว่า ลูกเมียก็ไม่บอก ซึ่งตนดูแล้วว่าพระสุเทพ มีความว้าวุ่นหลายเรื่อง ท่านจึงต้องการความสงบ คืนแรกของการจำวัดนอนไม่หลับว้าวุ่นนิดหน่อย เหตุยังปรับตัวไม่ค่อยได้ นอนหลับประมาณ 23.00 น.
ซึ่งในขณะนี้ทุกค่ายทุกฝ่ายก็มองว่า “พระสุเทพ” บวชแล้วมาจำวัดที่สวนโมกข์ อาจจะทำให้สวนโมกข์วุ่นวายขึ้น ตนในฐานะที่ไวยาวัจกรของวัด และอยู่ใกล้สวนโมกข์มานาน เพื่อให้สวนโมกข์เป็นแหล่งปฏิบัติธรรมที่แท้จริง ดังนั้น อยากจะขอร้องแกนนำ กปปส ที่จะเดินมาเยี่ยมพระสุเทพด้วยความเคารพ หรือด้วยความคิดถึง หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ กรุณาอย่าถามเรื่องการเมือง ให้ถามเรื่องธรรมะ ซึ่งพระสุเทพ ได้บอกว่าขณะนี้ตัวท่านได้อ่านหนังสือเป็นศิษย์ท่านพุทธทาส เคยบวชที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2533 การกลับมาอยู่สวนโมกข์อีกครั้งเหมือนกลับบ้านเดิมท่านมีความสุข ดังนั้น ขอร้องทั้งนักข่าว และสมาชิก กปปส ทั่วประเทศที่เดินทางมาเยี่ยมท่านก็อย่าถามเรื่องการเมือง สวนโมกข์ก็จะสงบเรียบร้อยไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง สวนโมกข์จะเป็นแหล่งปฏิบัติธรรมตามเจตนารมณ์ของท่านอาจารย์พุทธทาสสร้างไว้
ประกอบกับทุกคนก็รู้อยู่ว่า สวนโมกข์เป็นที่ปฏิบัติธรรม การเมืองก็ไม่เคยเข้ามา สวนโมกข์ไม่เคยเลือกข้างตั้งแต่ท่านอาจารย์พุทธทาส และท่านอาจารย์โพธิ หรือพระภาวนาโพธิคุณ สวนโมกข์เปิดรับทุกค่ายทุกพรรคการเมือง ไม่เข้าข้างหนึ่งข้างใด สำหรับพระสุเทพ ตนได้มีโอกาสเข้านมัสการท่าน และเรียนถามท่านว่าท่านจะบวชนานหรือเปล่า ท่านก็บอกว่าแล้วแต่ตามเหตุ ตามปัจจัย ถ้ามีเหตุการณ์ที่จะต้องลาสิกขาท่านก็จะลาสิกขา ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยอื่นท่านก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ ส่วนที่คำถามว่าต่อไปนี้ สวนโมกข์จะสงบหรือไม่ ในเมื่อพระสุเทพ อดีตเป็นนักการเมืองมีชื่อเสียงทั้งหมด และเป็นบุคคลสำคัญที่รู้จักกันทั่วโลกไม่เฉพาะในประเทศไทย ในนามเลขาธิการ กปปส. ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวพระสุเทพเอง และตนเองก็ได้เรียนถามพระสุเทพ ว่าถ้านักข่าวมาถามเรื่องการเมืองท่านจะตอบว่าอย่างไร พระสุเทพ ได้ตอบว่าปัจจุบันนี้อาตมาไม่ใช่นักการเมือง อาตมาบวชเป็นพระ เว้นวรรคจากการเมืองชั่วคราว จะมาเยี่ยมก็ได้แต่มาพูดเรื่องธรรมะ ไม่พูดเรื่องการเมือง
