ASTVผู้จัดการรายวัน- “เรกูเลเตอร์” ลุ้น”คสช.”เดินหน้าเปิดเสรีท่อก๊าซฯ ลดผูกขาดปตท. แนะโปร่งใสยิ่งขึ้นควรให้ปตท.แยกท่อก๊าซออกมา พร้อมแก้ไขมติเปิดทางให้กฟผ.ซื้อเชื้อเพลิงจากรายอื่นได้ พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่สั่ง 3 การไฟฟ้าทบทวนตัวเลขลงทุน
นางพัลลภา เรืองรอง กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เรกูเลเตอร์ได้จัดทำร่างระเบียบการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่จะเปิดเสรีให้มีการใช้ท่อ และคลังจากรายอื่นๆ((Third Party Access) จากปัจจุบันที่บมจ.ปตท.ผูกขาดรายเดียวเพื่อเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)
อย่างไรก็ตามเพื่อความโปร่งใสมากขึ้นบมจ.ปตท.ควรจะแยกท่อก๊าซทั้งบนบกและทะเลออกมา และต้องมีการแก้ไขมติเดิมให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ซื้อเชื้อเพลิงจากรายใดก็ได้เพื่อปลดล็อคการต้องซื้อจากปตท.รายเดียวซึ่งจะทำให้ระบบมีการแข่งขันที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“เรกูเลเตอร์จะกำหนดกติกาให้ทุกรายมีการจ่ายค่าผ่านท่อ คลังในราคาเดียวกันและ เปิดให้ทุกบริษัทเข้ามาใช้ท่อ และคลังฯ ได้อย่างเสรี โดยปราศจากการกีดกันจาก ปตท. ซึ่งการทำแค่แยกบัญชีออกมาก็ได้แต่ถ้าจะให้โปร่งใสจริงก็ควรจะแยกท่อก๊าซฯออกมาตั้งบริษัทใหม่โดยส่วนของราคาค่าผ่านท่อเดิมจะอิงกับราคาก๊าซรวมทั้งอ่าวไทยและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) แต่อนาคตจะเป็นการนำเข้าแอลเอ็นจีก็จะทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อเป็นทางเลือกการซื้อก๊าซฯ ซึ่งปตท.เองก็จะต้องไปออกกฏหมายลูกรองรับในเรื่องของเทคนิคต่างๆ รวมถึงหน่วยงานอื่นๆเพื่อให้กติกานั้นสอดรับกันทั้งระบบ “นางพัลภากล่าว
นอกจากนี้เรกูเลเตอร์อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ซึ่งคงต้องขอหารือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ว่าจะให้กระบวนการเดินหน้าหรือไม่ อย่างไร แต่เรกูเลเตอร์คงจะทำแผนให้เสร็จเพื่อนำเสนอเนื่องจากกระบวนการใกล้เสร็จเหลือเพียงให้การไฟฟ้า 3 แห่ง(กฟผ. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง)
ไปทบทวนตัวเลขแผนการลงทุนใหม่ซึ่งเห็นว่าที่เสนอมานั้นสูงเกินเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าค่าไฟฟ้าฐานจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเฉลี่ยที่ 3.20 บาทต่อหน่วย
“การศึกษานี้ก็จะทำให้เสร็จเลยแล้วก็เสนอคสช.ว่าจะเดินหน้าหรือไม่อย่างไร หลังจากนั้นก็คงเสนอกพช.ต่อไป โดยโครงสร้างค่าไฟใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งบิลค่าบริการในบิลค่าไฟที่เรียกเก็บซ้ำซ้อนจะลดลงจากเก็บที่ 38 บาทต่อบิลก็จะลดลง 10 บาทต่อบิลเหลือ 28 บาทต่อบิล เป็นต้น”นางพัลลภากล่าว
นางพัลลภา เรืองรอง กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เรกูเลเตอร์ได้จัดทำร่างระเบียบการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่จะเปิดเสรีให้มีการใช้ท่อ และคลังจากรายอื่นๆ((Third Party Access) จากปัจจุบันที่บมจ.ปตท.ผูกขาดรายเดียวเพื่อเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)
อย่างไรก็ตามเพื่อความโปร่งใสมากขึ้นบมจ.ปตท.ควรจะแยกท่อก๊าซทั้งบนบกและทะเลออกมา และต้องมีการแก้ไขมติเดิมให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ซื้อเชื้อเพลิงจากรายใดก็ได้เพื่อปลดล็อคการต้องซื้อจากปตท.รายเดียวซึ่งจะทำให้ระบบมีการแข่งขันที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“เรกูเลเตอร์จะกำหนดกติกาให้ทุกรายมีการจ่ายค่าผ่านท่อ คลังในราคาเดียวกันและ เปิดให้ทุกบริษัทเข้ามาใช้ท่อ และคลังฯ ได้อย่างเสรี โดยปราศจากการกีดกันจาก ปตท. ซึ่งการทำแค่แยกบัญชีออกมาก็ได้แต่ถ้าจะให้โปร่งใสจริงก็ควรจะแยกท่อก๊าซฯออกมาตั้งบริษัทใหม่โดยส่วนของราคาค่าผ่านท่อเดิมจะอิงกับราคาก๊าซรวมทั้งอ่าวไทยและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) แต่อนาคตจะเป็นการนำเข้าแอลเอ็นจีก็จะทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อเป็นทางเลือกการซื้อก๊าซฯ ซึ่งปตท.เองก็จะต้องไปออกกฏหมายลูกรองรับในเรื่องของเทคนิคต่างๆ รวมถึงหน่วยงานอื่นๆเพื่อให้กติกานั้นสอดรับกันทั้งระบบ “นางพัลภากล่าว
นอกจากนี้เรกูเลเตอร์อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ซึ่งคงต้องขอหารือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ว่าจะให้กระบวนการเดินหน้าหรือไม่ อย่างไร แต่เรกูเลเตอร์คงจะทำแผนให้เสร็จเพื่อนำเสนอเนื่องจากกระบวนการใกล้เสร็จเหลือเพียงให้การไฟฟ้า 3 แห่ง(กฟผ. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง)
ไปทบทวนตัวเลขแผนการลงทุนใหม่ซึ่งเห็นว่าที่เสนอมานั้นสูงเกินเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าค่าไฟฟ้าฐานจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเฉลี่ยที่ 3.20 บาทต่อหน่วย
“การศึกษานี้ก็จะทำให้เสร็จเลยแล้วก็เสนอคสช.ว่าจะเดินหน้าหรือไม่อย่างไร หลังจากนั้นก็คงเสนอกพช.ต่อไป โดยโครงสร้างค่าไฟใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งบิลค่าบริการในบิลค่าไฟที่เรียกเก็บซ้ำซ้อนจะลดลงจากเก็บที่ 38 บาทต่อบิลก็จะลดลง 10 บาทต่อบิลเหลือ 28 บาทต่อบิล เป็นต้น”นางพัลลภากล่าว