xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปราบพวกหมิ่นสถาบันฯ งานใหญ่มัดใจมวลชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ตั้งแต่โชว์บท ลับ ลวง พราง ภาคสอง “แอ่น แอ๊น”แบบเหนือเมฆ มาจนวันนี้ โดนใช้บทเรียน รัฐประหาร19 กันยายน 2549 เป็นบทเรียนปิดจุดบอด มาจนวันนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังเอาสถานการณ์ได้อยู่หมัด

ทั้งบล็อกแกนนำ กักบริเวณ สงบสติอารมณ์ในค่ายทหาร ลงสัตยาบันเป็นลายลักษณ์อักษร ห้ามออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง มีแค่แกนนำแถวสี่ แถวห้า ที่ยังออกมาตอดเล็กตอดน้อยเท่านั้น แต่ยังไม่ส่งแรงกระเพื่อมรุนแรง ถึงขั้นต้องใช้“หมัดเหล็ก”

ณ วันนี้ สถานการณ์โดยรวมยังไม่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ คสช.

ขณะเดียวกัน“ท็อปบูต”ภายใต้การบังคับบัญชาของ “4 เสือ” ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ดอชา ผบ.ทบ. “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) “บิ๊กเข้” พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทบ.) ยังได้รับดอกไม้ มากกว่า ก้อนอิฐ

จากผลงานประจักษ์ กับบท “ฮีโร่”เข้ามาหย่าศึกระหว่าง กปปส. และแนวร่วมระบอบทักษิณ อันมีแดงทั้งแผ่นดิน และพรรคเพื่อไทย เป็นกลจักร ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าจนเลือดนองท้องช้าง

กับอีกผลงานชิ้นโบว์แดง ที่ชาวบ้านแทบจะกระโดดกอด จูบ “คสช.” ก็คิวมาเร็ว เคลมเร็ว ควบคุมอำนาจการบริหารประเทศได้ไม่กี่วัน ก็ปลดล็อกจ่ายเงินค่าจำนำข้าว ที่ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กองทิ้งเอาไว้มาหลายเดือน กว่า 9 หมื่นล้านบาท กว่า 8 แสนราย ตามปฏิทินที่กางกันไว้น่าจะจ่ายหมดได้ประมาณปลายๆ เดือนมิถุนายน

ช่วงนี้ไปไหนมาไหน ก็มีแต่ฉากชาวนาแห่มาให้กำลังใจ “ท็อปบูต” ประหนึ่งอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ลดโทนภาพหนักๆ กับฉากทหารถือปืนทั่วกรุง ทั่วประเทศ ไปได้ไม่น้อย ไม่มีใครออกมาตำหนิติเตียนให้ได้ยินสักประโยค ตามประสารัฐประหารแบบไทยๆ

ฉากนี้เรียกว่า “บิ๊กตู่ แอนด์ เฟรนด์”ได้ใจจากกระดูกสันหลังของชาติ ไปพรึบพรับ

ทั้งนี้ ทั้งนั้น ชอตนี้ก็ต้องยกให้กับความเหนือชั้นของทีมขงเบ้ง “บิ๊กตู่” ที่ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาผสม โดยเฉพาะการหยิบจับเรื่องง่ายๆ แต่เห็นผลชัดเจนมาทำก่อน อย่างเรื่องจำนำข้าว ที่ก่อนหน้านี้ติดขัดเรื่องอำนาจของครม. ที่ “ยิ่งลักษณ์”ไม่กล้าทำ แต่พอมาถึงยุค คสช. ที่มีอำนาจเต็ม ก็เคาะโต๊ะ อนุมัติจ่ายได้ทันที

แม้ทหารจะไม่มีความชำนาญในเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่ก็ไม่ใช่งานยากระดับเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะมีกลไกของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงบประมาณ และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นหัวเรือใหญ่ ที่มีข้อมูลพร้อมเดินเครื่องได้ทันที เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียว

นาทีนี้กระบวนการขั้นตอนก่อนหน้านี้ ติดขัดตรงไหน ชาวบ้าน ชาวนา ไม่สนใจ รู้อย่างเดียวเบื้องหน้า“ท็อปบูต”กลายเป็น “ขวัญใจ”ไปแล้ว

แล้วก็ดูเหมือน “คสช.”จะจับจุดหาแนวร่วมถูกทาง กับปฏิบัติการรุกคืบเข้าไปแก้ไขปัญหาปากท้อง และพืชผลทางการเกษตรไว้ลำดับต้นๆ เพราะรู้ว่า เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ โดยมีตั้ง“ตุ๊กตา”คือ เก็บกวาดปัญหาที่“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ทิ้งเอาไว้กองพะเนิน ด้วยการคลายเงื่อนทีละปมทีละเปลาะ กับคิวล่าสุดที่ก็เข้าไปสางปัญหาราคายางตกต่ำกันแล้ว 

เน้นหนักไปที่ประชาชนชาวรากหญ้าเพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่ง!!

จุดนี้ก็ได้ผลทันตา อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ประชาชนที่เคยมีความรู้สึกต่อต้าน “ท็อปบูต”มาตลอด มีทัศนคติที่ดีขึ้นมา

จากนี้ก็เลยต้องติดตามต่อไปว่า การตลาดพะยี่ห้อ“คสช.”จะพิชิตใจสร้างแนวร่วมได้แค่ไหนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ส่วนระยะยาวยังต้องรอการพิสูจน์ โดยเฉพาะเรื่องใหญ่อย่างการปฏิรูป ที่หลายคนกำลังใจจดใจจ่ออยู่ว่า รูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร และทิศทางจะออกมาแบบไหน จะสมการรอคอยหรือไม่

ต้องยอมรับว่า นาทีนี้ มีหลายคนเริ่มระแวงเรื่อง“สภาปฏิรูป”และ “สภานิติบัญญัติ”อย่างมากว่า จะคลอดออกมาหน้าตาเดิมๆ เหมือนสมัย “รัฐบาลขิงแก่”ที่ไปไม่สุดซอย ก็สืบเนื่องจากกรณีที่มีการเรียกน้ำย่อยเปิดเผยรายชื่อคณะที่ปรึกษา คสช. ออกมาชิมลาง ซึ่งคนมองว่า ส่วนใหญ่ยังเป็นพวกหน้าเดิมๆ ทำให้ภาพหลอนเรื่องความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ออกมาเขย่าขวัญ สั่นประสาทไม่น้อย กลัวจะซ้ำแผลเก่าเหมือนกัน

ยิ่งเคยกล่าวหาว่า“ทักษิณ”ตั้งพวกพ้องตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ จุดนี้ก็ต้องระวัง ไม่ให้เดินเหยียบรอยเท้า ต้องเฟ้นเอาตัวเลือกใหม่ๆ หน้าตาดี ไร้มลทิน มาทำหน้าที่ปฏิรูป ทำหน้าที่นิติบัญญัติ ไม่อย่างงั้นจะเข้าอีหรอบ “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” ตรงนี้เป็นอีกบทพิสูจน์

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนเรื่องที่จะผูกใจคนไทยแบบพร้อมเทคะแนนให้ล้นพ้น ซึ่งก็เป็นโจทย์ที่ คสช. ทำได้ แต่ต้องทุ่มสรรพกำลังแบบเต็มตัว และแบบทำจริง คือ การปราบพวกจาบจ้างสถาบันฯ ที่ยังลอยนวลอยู่ในสังคม โดยหลายคนยกมือเชียร์ท่วมหัว ให้ลากคอมาเข้าคุกเข้าตะรางให้จงได้ เพราะปล่อยให้ทำร้ายน้ำใจคนไทยมาเนิ่นนานแล้ว

ปัญหานี้คาราคาซังมานาน ถูกปล่อยปละ ละเลย ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง มีการจาบจ้วงอย่างเอิกเกริก ชั่วโมงนี้ ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้ล้างบาง สังคายนากันยกใหญ่ ตามคิวที่เริ่มมีสัญญาณ คสช. ออกประกาศให้คดีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่ในอำนาจ ศาลทหาร 
             
     งานนี้อาจะมีคนสะดุ้ง เพราะศาลทหารเป็นศาลเดี่ยว ตัดสินไม่ยืดเยื้อ ไม่มีอุทธรณ์ ไม่มีรอลงอาญา หากผิดต้องติดคุกอย่างเดียว คิวนี้ “คสช.”ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู กำราบกันให้จดจำ เด็ดขาด ไม่มีหย่อนยาน เลิกใช้วิธีขู่ให้กลัว แต่ต้องหวดกันให้เห็นกลางแจ้ง

อย่าแทงกั๊กเกรงใจ เพราะว่ากันตามสภาพจริงๆ อย่างไรเสียคนเสื้อแดงที่จมปลัก รัก “ทักษิณ”แบบหัวปักหัวปำ ก็ไม่มีทางจะหันมารัก “ท็อปบูต”ได้อยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนกลางๆ ในสังคม ยังรอชมแอกชั่น ไล่ปราบพวกหมิ่นสถาบันฯ อย่างไม่กระพริบตา

แน่นอนว่า หากทำสำเร็จ “คสช.”จะชนะใจ และได้แนวร่วมจำนวนมาก แทบจะทั้งชาติ ที่สำคัญ ยังเป็นเกียรติประวัติของ คสช. ที่จะทำให้คนจดจำในฐานะที่เข้ามาแก้ปัญหาจนลุล่วงสำเร็จ ลบภาพลักษณ์เผด็จการทหาร ที่เข้ามายึดอำนาจบริหารประเทศ 
              
   อย่างน้อยๆ ก็มีผลงานประจักษ์แก่สายตา ไม่เหมือนคณะรัฐประหารในอดีต ที่ผ่านๆ มา ซึ่งล้มครืนไม่เป็นท่าเกือบทั้งสิ้น


 ตั้ง อาชีวะ
  อั้ม เนโกะ
กำลังโหลดความคิดเห็น