**มากันครบเซ็ต!! ทีมกุนซือข้างกายของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งแต่งตั้งไปสดๆ ร้อนๆ
โดยเฉพาะพี่น้อง“3 ป.”ที่นาทีนี้แพ็กกันแน่นเปรี้ยะ นำโดย “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.
ขณะเดียวกันยังมีเหล่าอดีตขุนพลเศรษฐกิจแต่ละยุคกรีฑากันมาพร้อมหน้า ชูธงนำโดย “หม่อมอุ๋ย”หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ วิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
นอกจากนี้ ยังมีอดีตท็อปบูต สายขงเบ้งตบท้ายพร้อมเพรียง ทั้ง “บิ๊กโด่ง”พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.อ.นพดล อินทปัญญา อดีต ผบ.พล.1 รอ. และนายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ประวิตร และ“บิ๊กหนุ่ย”พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รอง ผบ.ทบ. เพื่อนซี๊หัวหน้า คสช.
โดยอารมณ์ของสังคม โดยเฉพาะคอการเมืองไม่ค่อยเซอร์ไพรส์เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่มีสายสาแหรก คอนเนกชั่น เดียวกันเกือบยกโขยง พอจะเดาทางได้ว่า ทีมงานนี้ หนนี้ ก็เพียงแค่นำตัวละครหลังฉากออกมาหน้าม่านให้เห็นตัวเป็นๆ เท่านั้น
**การใหญ่วันนี้ ยังเป็น“พี่น้องบูรพาพยัคฆ์”คอนโทรลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ !!
จับปฏิกิริยาคนในสังคมกับทีมงานกุนซือข้างกาย“บิ๊กตู่”ไม่ค่อยกระตุกกระชาก หวือหวาเท่าไหร่ ด้วยเพราะส่วนใหญ่เคยได้ยินได้เห็นคนเหล่านี้กันมาบ้าง ทั้งหน้าฉาก หลังฉาก บางคนเคยนั่งเป็นเสนาบดีมีชื่อเสียงในแต่ละยุคแต่ละสมัยมาแล้ว ที่สำคัญบางคนเพิ่งจะเป็นรัฐมนตรีใน “รัฐบาลขิงแก่”มาหยกๆ จะบอกว่าเหล้าเก่าในขวดใหม่ ก็ทำนองนั้น
**ชาวบ้านชาวช่องหลายคนเห็นชื่อแล้วยังเสียวๆ กลัวล้มไม่เป็นท่า เหมือนเมื่อครั้ง “รัฐบาลขิงแก่” เข้าบริหารประเทศอยู่เหมือนกัน กลัวจะกลับไปวังวนเดิมๆ ยืนอยู่บนที่เก่า บรรยากาศที่คุ้นเคย ประเภทความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ มานั่งเป็นไม้ประดับเพื่อคั่นเวลา รอสตาร์ทเดินหน้ากันใหม่
กลัวรูปแบบวิธีการ จะไปซ้ำกับสิ่งที่เคยผิดพลาดมาในอดีต แตะนู่นไม่ได้ แตะนี่ไม่ได้ เกรงใจคนนั้น เกรงใจคนนี้ สุดท้ายไม่ได้อะไร นอกจากย่ำอยู่กับที่เพื่อรอให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ฟื้นคืนสู่อำนาจ
แต่ในเมื่อวัดใจเลือกใช้บริการทีนี้ ก็ต้องวัดขนาดหัวใจของ “บิ๊กตู่”เหมือนกันว่าจะใจเด็ดพอหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการพลิกโฉมประเทศครั้งใหญ่แบบสุดซอย กล้าเปลี่ยนแปลงแบบเลิกเกรงใจ เพื่อพาประเทศไทยไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนตลอดไป
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ตลอดจนบิ๊กข้าราชการระดับสูงต้องกล้าสังคายนา หากเห็นว่าไม่ได้เรื่องได้ราวเลิกสนว่าเด็กใคร คอนเนกชั่นใคร ถ้าเก่ง ถ้าดี ต้องกล้าใช้งาน แต่ถ้าจะมาอีหรอบตั้งคนมาเพื่อต้องการเขี่ยคนในระบอบทักษิณพ้นเก้าอี้เท่านั้น อาจจะได้ผลแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่คงทนถาวร พอฟื้นเดี๋ยวพวกก็กลับมาใหม่
ต้องเลิกคิดว่าจะทำแค่บล็อกคนในระบอบทักษิณอย่างเดียว เพราะบทเรียนมีมาแล้วว่าล้มครืน แต่ต้องคิดล้างวงจรอุบาวท์ให้หมดสิ้นแบบตีหัวงูให้แดดิ้นไม่กลับมาแว้งกัด แม้กระทั่งฝั่งตัวเองที่แทรกแซงอยู่ตามบอร์ด ตามหน่วยงานต่างๆ ถ้าไม่ได้เรื่องต้องไม่ใช้ ล้มระบบเด็กใครเด็กมันแบบลาขาด อย่าคิดว่าอยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณจะเอาหมด เพราะชาติจะอยู่กับที่
เช่นเดียวกับสภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่อาจจะมีการแต่งตั้งกันเร็วๆ นี้ ต้องเฟ้นหาคนดีคนเก่งมาทำงาน อย่าเอาของขึ้นรา มาแช่ตู้เย็นเพื่อรับประทานใหม่ เพียงเพราะเคยมีผลงานปราบระบอบทักษิณมาขอความดีความชอบ อย่าให้คนนินทาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกันมาเตี๊ยมกันทั้งเรื่อง สุดท้ายกลายเป็นโอละพ่อ
**โจทย์นี้โจทย์ใหญ่ ท้าทาย แต่ต้องทำให้ได้เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชน ทำให้คนรู้สึกว่าทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ ไม่ใช่ คมช.ภาค 2
ถ้าหวยจะออกมาอีหรอบเดียวกับคณะทำงานที่ปรึกษาคสช. ที่ล้วนแต่ออกมาในแนว “เฟรนด์ ออฟ คสช.” ฟันธงรอได้เลยแต่หัววัน โดนตราหน้าว่า เล่นพรรคเล่นพวก ตั้งเฉพาะคนสนิทของตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากสมัย น.ช.ทักษิณ วางเครือข่ายไว้ตามหน่วยงานต่างๆ
**ดังนั้นระบบคละ ยึดเอาคนดี คนเก่ง คนชั่วไม่เอา น่าจะดีกว่า และได้รับการยอมรับจากสังคม ส่งผลดีต่อรูปธรรมที่จะออกมาในอนาคต
เหมือนกับเสียงสดุดีท็อปบูตชั่วโมงนี้ ที่ลือเลื่องทั่วคุ้งทั่วแคว หลังจากเป็นฮีโร่ ล็อกคอจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนาได้ ต้องไม่หลงใหลในลาภยศ สรรเสริญ จนติดกับดัก พลันที่เสร็จสิ้นต้องโละกงล้ออุบาทว์ประชานิยมนี้ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย ไม่ใช่เก็บไว้ในลิ้นชัก แต่ต้องทำให้สาบสูญไปจากสารบบ
ทีมกุนซือด้านเศรษฐกิจ อย่าทำตัวเป็นเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ต้องโชว์กึ๋นโคตรเซียนที่ได้รับความไว้วางใจ คิดนโยบายให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ไม่เข้าใกล้ไปเฉียดเอานโยบายประชานิยมที่รัฐบาลในอดีตทำๆกันมาดัดแปลง หรือเปลี่ยนชื่อเพี่อสร้างยี่ห้อให้ตัวเอง แล้วบอกว่า หนีพ้นระบอบทักษิณแล้ว
เรื่องความโปร่งใส การเข้าถึง และการตรวจสอบการทำงาน คสช. เองปัจจุบันก็ชักเริ่มอื้ออึง ดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฝั่งต้านที่ตั้งคำถามว่า มีมากแค่ไหน หมกเม็ดกันบ้างหรือไม่ เพราะเป็นคณะทำงานที่ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง กลัวโดนเล่นงานกลับ เรื่องนี้ก็สำคัญอย่าย่ามใจ ต้องตอบ ต้องเคลียร์ให้ได้แบบหมดเปลือกว่า ไม่มีลับลมคมใน ไม่รู้วันนี้วันหน้าก็ต้องรู้ ยังไงใบบัวก็ปิดช้างไม่มิด เพี่อสร้างภูมิต้านที่ดีควรจะออกมาเปิดเผยให้เห็นเป็นระยะ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ
**การบ้านข้อสำคัญที่ได้วัดระดับความอัจฉริยะของบรรดาทีมงานกุนซือทั้งหลายทั้งปวง ที่ถูกดึงมาก็คราวนี้คือ ช่วงเวลามีจำกัด ต้องคิดเร็ว ทำเร็ว ช้าไม่ได้ เพราะยิ่งช้ายิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวทัน แล้วสร้างกระแสออกมาต่อต้านจนโจมตีว่าเป็นพวกหลงใหลอำนาจไม่ยอมลงจากเก้าอี้
โดยเฉพาะพี่น้อง“3 ป.”ที่นาทีนี้แพ็กกันแน่นเปรี้ยะ นำโดย “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.
ขณะเดียวกันยังมีเหล่าอดีตขุนพลเศรษฐกิจแต่ละยุคกรีฑากันมาพร้อมหน้า ชูธงนำโดย “หม่อมอุ๋ย”หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ วิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
นอกจากนี้ ยังมีอดีตท็อปบูต สายขงเบ้งตบท้ายพร้อมเพรียง ทั้ง “บิ๊กโด่ง”พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.อ.นพดล อินทปัญญา อดีต ผบ.พล.1 รอ. และนายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ประวิตร และ“บิ๊กหนุ่ย”พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รอง ผบ.ทบ. เพื่อนซี๊หัวหน้า คสช.
โดยอารมณ์ของสังคม โดยเฉพาะคอการเมืองไม่ค่อยเซอร์ไพรส์เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่มีสายสาแหรก คอนเนกชั่น เดียวกันเกือบยกโขยง พอจะเดาทางได้ว่า ทีมงานนี้ หนนี้ ก็เพียงแค่นำตัวละครหลังฉากออกมาหน้าม่านให้เห็นตัวเป็นๆ เท่านั้น
**การใหญ่วันนี้ ยังเป็น“พี่น้องบูรพาพยัคฆ์”คอนโทรลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ !!
จับปฏิกิริยาคนในสังคมกับทีมงานกุนซือข้างกาย“บิ๊กตู่”ไม่ค่อยกระตุกกระชาก หวือหวาเท่าไหร่ ด้วยเพราะส่วนใหญ่เคยได้ยินได้เห็นคนเหล่านี้กันมาบ้าง ทั้งหน้าฉาก หลังฉาก บางคนเคยนั่งเป็นเสนาบดีมีชื่อเสียงในแต่ละยุคแต่ละสมัยมาแล้ว ที่สำคัญบางคนเพิ่งจะเป็นรัฐมนตรีใน “รัฐบาลขิงแก่”มาหยกๆ จะบอกว่าเหล้าเก่าในขวดใหม่ ก็ทำนองนั้น
**ชาวบ้านชาวช่องหลายคนเห็นชื่อแล้วยังเสียวๆ กลัวล้มไม่เป็นท่า เหมือนเมื่อครั้ง “รัฐบาลขิงแก่” เข้าบริหารประเทศอยู่เหมือนกัน กลัวจะกลับไปวังวนเดิมๆ ยืนอยู่บนที่เก่า บรรยากาศที่คุ้นเคย ประเภทความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ มานั่งเป็นไม้ประดับเพื่อคั่นเวลา รอสตาร์ทเดินหน้ากันใหม่
กลัวรูปแบบวิธีการ จะไปซ้ำกับสิ่งที่เคยผิดพลาดมาในอดีต แตะนู่นไม่ได้ แตะนี่ไม่ได้ เกรงใจคนนั้น เกรงใจคนนี้ สุดท้ายไม่ได้อะไร นอกจากย่ำอยู่กับที่เพื่อรอให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ฟื้นคืนสู่อำนาจ
แต่ในเมื่อวัดใจเลือกใช้บริการทีนี้ ก็ต้องวัดขนาดหัวใจของ “บิ๊กตู่”เหมือนกันว่าจะใจเด็ดพอหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการพลิกโฉมประเทศครั้งใหญ่แบบสุดซอย กล้าเปลี่ยนแปลงแบบเลิกเกรงใจ เพื่อพาประเทศไทยไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนตลอดไป
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ตลอดจนบิ๊กข้าราชการระดับสูงต้องกล้าสังคายนา หากเห็นว่าไม่ได้เรื่องได้ราวเลิกสนว่าเด็กใคร คอนเนกชั่นใคร ถ้าเก่ง ถ้าดี ต้องกล้าใช้งาน แต่ถ้าจะมาอีหรอบตั้งคนมาเพื่อต้องการเขี่ยคนในระบอบทักษิณพ้นเก้าอี้เท่านั้น อาจจะได้ผลแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่คงทนถาวร พอฟื้นเดี๋ยวพวกก็กลับมาใหม่
ต้องเลิกคิดว่าจะทำแค่บล็อกคนในระบอบทักษิณอย่างเดียว เพราะบทเรียนมีมาแล้วว่าล้มครืน แต่ต้องคิดล้างวงจรอุบาวท์ให้หมดสิ้นแบบตีหัวงูให้แดดิ้นไม่กลับมาแว้งกัด แม้กระทั่งฝั่งตัวเองที่แทรกแซงอยู่ตามบอร์ด ตามหน่วยงานต่างๆ ถ้าไม่ได้เรื่องต้องไม่ใช้ ล้มระบบเด็กใครเด็กมันแบบลาขาด อย่าคิดว่าอยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณจะเอาหมด เพราะชาติจะอยู่กับที่
เช่นเดียวกับสภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่อาจจะมีการแต่งตั้งกันเร็วๆ นี้ ต้องเฟ้นหาคนดีคนเก่งมาทำงาน อย่าเอาของขึ้นรา มาแช่ตู้เย็นเพื่อรับประทานใหม่ เพียงเพราะเคยมีผลงานปราบระบอบทักษิณมาขอความดีความชอบ อย่าให้คนนินทาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกันมาเตี๊ยมกันทั้งเรื่อง สุดท้ายกลายเป็นโอละพ่อ
**โจทย์นี้โจทย์ใหญ่ ท้าทาย แต่ต้องทำให้ได้เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชน ทำให้คนรู้สึกว่าทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ ไม่ใช่ คมช.ภาค 2
ถ้าหวยจะออกมาอีหรอบเดียวกับคณะทำงานที่ปรึกษาคสช. ที่ล้วนแต่ออกมาในแนว “เฟรนด์ ออฟ คสช.” ฟันธงรอได้เลยแต่หัววัน โดนตราหน้าว่า เล่นพรรคเล่นพวก ตั้งเฉพาะคนสนิทของตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากสมัย น.ช.ทักษิณ วางเครือข่ายไว้ตามหน่วยงานต่างๆ
**ดังนั้นระบบคละ ยึดเอาคนดี คนเก่ง คนชั่วไม่เอา น่าจะดีกว่า และได้รับการยอมรับจากสังคม ส่งผลดีต่อรูปธรรมที่จะออกมาในอนาคต
เหมือนกับเสียงสดุดีท็อปบูตชั่วโมงนี้ ที่ลือเลื่องทั่วคุ้งทั่วแคว หลังจากเป็นฮีโร่ ล็อกคอจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนาได้ ต้องไม่หลงใหลในลาภยศ สรรเสริญ จนติดกับดัก พลันที่เสร็จสิ้นต้องโละกงล้ออุบาทว์ประชานิยมนี้ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย ไม่ใช่เก็บไว้ในลิ้นชัก แต่ต้องทำให้สาบสูญไปจากสารบบ
ทีมกุนซือด้านเศรษฐกิจ อย่าทำตัวเป็นเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ต้องโชว์กึ๋นโคตรเซียนที่ได้รับความไว้วางใจ คิดนโยบายให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ไม่เข้าใกล้ไปเฉียดเอานโยบายประชานิยมที่รัฐบาลในอดีตทำๆกันมาดัดแปลง หรือเปลี่ยนชื่อเพี่อสร้างยี่ห้อให้ตัวเอง แล้วบอกว่า หนีพ้นระบอบทักษิณแล้ว
เรื่องความโปร่งใส การเข้าถึง และการตรวจสอบการทำงาน คสช. เองปัจจุบันก็ชักเริ่มอื้ออึง ดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฝั่งต้านที่ตั้งคำถามว่า มีมากแค่ไหน หมกเม็ดกันบ้างหรือไม่ เพราะเป็นคณะทำงานที่ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง กลัวโดนเล่นงานกลับ เรื่องนี้ก็สำคัญอย่าย่ามใจ ต้องตอบ ต้องเคลียร์ให้ได้แบบหมดเปลือกว่า ไม่มีลับลมคมใน ไม่รู้วันนี้วันหน้าก็ต้องรู้ ยังไงใบบัวก็ปิดช้างไม่มิด เพี่อสร้างภูมิต้านที่ดีควรจะออกมาเปิดเผยให้เห็นเป็นระยะ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ
**การบ้านข้อสำคัญที่ได้วัดระดับความอัจฉริยะของบรรดาทีมงานกุนซือทั้งหลายทั้งปวง ที่ถูกดึงมาก็คราวนี้คือ ช่วงเวลามีจำกัด ต้องคิดเร็ว ทำเร็ว ช้าไม่ได้ เพราะยิ่งช้ายิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวทัน แล้วสร้างกระแสออกมาต่อต้านจนโจมตีว่าเป็นพวกหลงใหลอำนาจไม่ยอมลงจากเก้าอี้