xs
xsm
sm
md
lg

ฟลอร์นี้คิว “น้องตู่” “ป๋าป้อม” คอยไปก่อน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ตั้งแต่พี่น้อง “3 ป.” แห่งบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผงาดเข้ามาเรือล่องแป๊ะคุมอำนาจการบริหารประเทศ

ทุกคนต่างทราบดีว่า ผู้ที่ทรงอิทธิพลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ มักจะเป็นพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” อยู่เสมอ

ตั้งแต่การฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ 1 ที่เกือบค่อน ครม. ล้วนแต่มาจากคอนเนกชั่นฝั่ง “บิ๊กป้อม” แทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่ “บิ๊กป้อม” ให้ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ตามไลน์ “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น” เป็นคนจัดหา ทั้ง“ลุงหมาย” นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง นายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายพรชัย รุจิประภา รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายจักรมณฑ์ ผาสุกวานิช รมว.อุตสาหกรรม เป็นต้น

ต่อเนื่องมาจนถึงแม่น้ำอีก 2 สายอย่าง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพลทั้งทหารและตำรวจในคอนเนกชั่น “ป่ารอยต่อ” ของ “บิ๊กป้อม” เข้าไปนั่งกันอยู่ครึ่งค่อน สนช. และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่พบว่า มีหลายคนเป็นพวกจูนติดกับฝั่งพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์รายนี้ทั้งสิ้น

ขณะที่การขับเคลื่อนงานต่างๆ แม้ “บิ๊กตู่” จะมีความเป็นตัวเองสูง แต่เรื่องใหญ่ๆ โดยเฉพาะมิติทางการเมือง มักจะปรึกษาและรับฟัง“บิ๊กป้อม” ในฐานะที่ต่อติดได้หลายสาย และมีเหลี่ยมคูทางการเมืองมากพรรษากว่าอยู่เสมอ

ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดๆ ในรัฐบาล หรือการตัดสินใจดำเนินการเรื่องสำคัญๆ เป็นอันรู้กันว่า “บิ๊กป้อม” คือ หนึ่งในเสียงที่มีน้ำหนักตัดสินใจ ดังนั้น ถนนทุกสายจึงมักจะพุ่งตรงไปเข้าหาพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์เวลาต้องการดำเนินการเรื่องต่างๆ เพราะหาก “บิ๊กป้อม” เคาะโต๊ะนั่นหมายความว่า “บิ๊กตู่” มีโอกาสเคาะตามด้วยสูง

แม้แต่เมื่อครั้งยังอยู่ในคราบ คสช. ประกาศ คสช.เกือบทุกฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นข้อกฎหมาย การปลดล็อกกฎหมายบางตัว ล้วนต้องผ่านตา “บิ๊กป้อม” ก่อนเผยแพร่ออกอากาศทั้งนั้น ในฐานะทีมงานกลั่นกรองชั้นสุดท้าย

เหตุการณ์ที่ตอกย้ำผู้มากบารมีในรัฐบาลชุดปัจจุบันได้มากที่สุด ย้อนกลับไปตอน สนช.กำลังถกเถียงกันเรื่องว่า มีอำนาจในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเอาไว้หรือไม่ ซึ่งสมาชิก สนช.ก๊ก “ป่ารอยต่อ” นำโดย “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนรัก “บิ๊กป้อม” เป็นคนออกตัวเลยว่า ไม่สามารถถอดถอนได้

คำพูดของ “บิ๊กกี่” ถูกตีความว่า เป็นเหมือนโฆษกกลายๆของ “บิ๊กป้อม” ที่สะท้อนออกมาถึงบริบทของฝ่ายผู้มีอำนาจได้เป็นอย่างดีว่า กำลังคิดอะไรกันอยู่ โดยเฉพาะกระแสข่าวช่วงนั้นที่ว่า มี “บิ๊กดีล” เกิดขึ้นระหว่าง “ผู้มากบารมี” กับ “คนแดนไกล” ขึ้นแล้ว

จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทุกคนเชื่อว่า จะไม่มีใครถูกถอดถอนได้ ต่อให้กลุ่ม 40 ส.ว. จะกระเหี้ยนกระหือรืออยากถอนรากถอนโคนมากแค่ไหนก็ตาม เพราะสมาชิก สนช.สายทหารที่ส่วนใหญ่ขึ้นตรงกับ “ผู้มากบารมี” ไม่เอาด้วย ตามนโยบาย “ปล่อยผีเพื่อปรองดอง” ดังนั้น ทำให้ยากที่เสียงถอดถอนจะไต่ไปถึง 132 เสียง

ทว่าปฏิกิริยาของสังคมหลังจากรับทราบกระแสข่าวดังกล่าวกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้มีอำนาจคิด กลับสวิงกลับไปยังรัฐบาลและ คสช.อย่างจัง โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ที่ถูกกดดันอย่างหนักจากรอบด้านว่า ระวัง “เสียของ” จากการปล่อยผีครั้งนี้ ทำให้ในช่วงโค้งสุดท้ายมีท่าทีที่เครียดอย่างเห็นได้ชัดกับเรื่องดังกล่าวเวลาถูกถาม

ที่สำคัญ หลายจังหวะ “บิ๊กตู่” พูดแบบคาบลูกคาบดอกเสียด้วย โดยเฉพาะการลั่นวาจาว่า จะไม่ปรองดองกับคนผิดกฎหมาย เหตุนี้ทำให้สัญญาณจากฝั่งผู้มีอำนาจไปยัง สนช.ในระยะหลังเริ่มรวน มีการแปรรหัสไม่ชัดว่า สุดท้ายหมายถึงอะไรระหว่าง “ปล่อย” กับ “เชือด” ทำเอา สนช.สายทหารและตำรวจลังเล

มีการตีความกันว่า งานนี้อาจเกิดรายการ “น้องตู่” ขอขัดไม่ตามใจ “พี่ป้อม” ขอส่งสัญญาณสอยด้วยตัวเอง หลังประเมินกระแสตั้งแต่เกิดข่าวมี “ใบสั่ง” ไม่เชือด ความนิยมรัฐบาลร่วงกราวรูด คนกันเองยืนชี้หน้าด่า พร้อมกับคำเตือนที่ลอยแว่วมาจากทั่วสารทิศว่า ระวัง “เสียของ” ที่สำคัญตัว “บิ๊กตู่” เองที่โดนด่าเต็มๆ อยู่คนเดียว

งานนี้เลยต้องขอตัดสินใจ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่รับทั้งก้อนอิฐและดอกไม้!!!

จะเกิดข้อขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กับอายุ 1 ปีกว่าๆ บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ “บิ๊กตู่” ปวารณาไว้แล้วว่า จะไม่ขอกลืนน้ำตัวเองแปลงร่างเป็นนักการเมืองในอนาคต เรื่องแบบนี้ตามใจพี่ไม่ได้
เข้าอีหรอบ “เรื่องนี้ผมขอ”!!!

และสำหรับ “บิ๊กป้อม” เองก็ยังมีเวลาได้แสดงบนฟลอร์การเมืองอีกเยอะ หลังลือหนาหูมานานว่า เตรียมตั้งพรรคลงเล่นการเมืองกรุยทางสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีตามคำทำนายทายทักของหมอดูประจำกาย

ดังนั้น จับตาได้เลยว่า หลังจากนี้หลายๆ เรื่องสำคัญ “บิ๊กตู่” จะเริ่มตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะเดิมพันเรื่องนี้สุ่มเสี่ยง พลาดพลั้งอาจกลายเป็นทรราชได้ คงไม่ปล่อยให้พี่สุดที่เลิฟชี้นำเหมือนแต่ก่อนทุกเรื่องไป

แต่ขณะเดียวกัน ก็จะค่อยๆ ปูพรมทีละสเต็ปให้พี่ใหญ่แบบกลายๆ เพื่อสร้างแบรนด์ทางการเมือง ดังจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา “บิ๊กป้อม” ถูกมอบหมายให้รับผิดชอบงานสำคัญๆ ที่เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีที่ คสช.ตั้ง “บิ๊กป้อม” เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ที่มีอำนาจมากมายก่ายกอง สามารถเรียกแต่ละกระทรวงมาให้ข้อมูลที่คณะกรรมการชุดนี้สงสัยได้ ที่สำคัญ ยังสามารถเสนอให้หัวหน้าคสช.เรียกประชุมร่วม ครม.กับคสช.เพื่อปรึกษาหารือได้อีกด้วย

ทั้งที่ความเป็นจริง “บิ๊กตู่” สามารถนั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้เอง แต่กลับเลือก “บิ๊กป้อม” มาทำหน้าที่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า พี่ชายสุดที่เลิฟของตัวเองมีคอนเนกชั่นหลายสาย มีบารมีกับคนหลายกลุ่ม ช่ำชองเกมการเมืองและลูกตุกติกของข้าราชการมากกว่า และยังเป็นที่รู้กันทั่วของแวดวงนี้ว่า เป็นตัวบิ๊กของรัฐบาล ให้คุณให้โทษได้เลย

แล้วนอกจากงานด้านความมั่นคง งานด้านเศรษฐกิจปากท้องเอง “บิ๊กป้อม” ก็เข้าไปมีส่วนด้วย ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่เพิ่งจะเคาะโต๊ะสั่งนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ จนอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทางภาคใต้ออกมาวี้ดว้ายกระตู้วู้

เวทีปัจจุบันจึงถือเป็นการบ่มเพาะตัวเองสร้างเครือข่ายอำนาจให้มั่นคงเพื่อเตรียมตัวลงเล่นเต็มตัวในฐานะเบอร์หนึ่ง ไม่ใช่เบอร์สองเหมือนตอนนี้ ส่วนฟลอร์นี้ต้องปล่อย “น้องตู่” โชว์ฟอร์มไปก่อน!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น