xs
xsm
sm
md
lg

ทางมืดทางสว่างประเทศไทยกับกฎอัยการศึก

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์

http://twitter.com/indexthai2

indexthai2@gmail.com

“จุดประสงค์ของการประกาศกฎอัยการศึกก็เพื่อทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง เพราะสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหารัฐบาลใหม่ หรือเป็นกรรมการใดๆ ทั้งสิ้น หน้าที่นอกจากนี้เป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องที่ต้องไปจัดการกันเองภายใต้รัฐธรรมนูญ” (20 พฤษภาคม 2557)
http://www.youtube.com/watch?v=yONdrcBOdGA

ประวัติศาสตร์ชาติไทยคนไทยไม่เคยขัดแย้ง ไม่เคยแตกแยก ไม่เคยหยาบคาย ไม่เคยรุนแรงกันมาก่อน ระยะต่อมา อาจจะนิยมพรรคการเมืองคนละขั้ว แต่ก็ไม่เคยขัดแย้งแตกแยกกันอย่างเลวร้ายเหมือนทุกวันนี้เรื่องเลวร้ายทั้งหลายไม่ได้เกิดโดยประชาชนด้วยกันเอง แต่เกิดจากมิจฉาทิฐิของคนที่มาเป็นผู้นำของประเทศ ที่กิเลสหนา อยากมั่งคั่งร่ำรวย อยากมีอำนาจ อยากมีชื่อเสียงอย่างผิดปกติทำให้ประเทศไทยเสื่อมไปทุกด้าน ไม่ว่าด้านการเมือง เป็นเจ้าของ ส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ สามารถคุมได้ทั้งสภาฯ ล่างและสภาฯ บน อยากจะออกกฎหมายอะไรก็ทำได้ง่ายดาย ไม่ว่าออกกฎหมายปล้นประเทศ หรือขายสมบัติชาติให้ต่างชาติเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

หาเสียง ด้วยมุสา คำลวง และซื้อเสียงใส่ร้ายฝ่ายตรงกันข้าม ผู้คนรอบข้างและผู้คนทุกระดับชั้นจนได้เสียงข้างมาก เป็นจัดตั้งรัฐบาล ได้อำนาจในการบริหารประเทศจากนั้นก็ใช้อำนาจหาประโยชน์ส่วนตนแต่อย่างเดียวอย่างไม่มีความละอายแก่ใจ ใช้เงินทองและโอกาสที่ได้มาในทางมิชอบ ซื้อคนซื้อทุกอย่าง สังคมและความยุติธรรมเหลวเละอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หาความเป็นธรรมได้ยาก องค์กรอิสระตั้งขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ดี ก็ถูกกวาดต้อนไปเป็นของตนเองหมด

การจะแก้ปัญหาใดๆ ไม่ว่าการบริหารจัดการทั่วไป การบริหารประเทศ หรือแม้แต่ปฏิวัติรัฐประหาร หรือการกฎอัยการศึก ต้องทราบว่าต้นเหตุของปัญหามาจากอะไร

การแตกแยกของคนในชาติ เป็นเรื่องที่เลวร้ายของสังคมไทยสมัยนี้ ต้องทราบว่ามีต้นเหตุมาจากอะไร หากทราบต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ ก็ทำการแก้ไขที่ต้นเหตุนั้น ก็จะทำให้การแก้ปัญหานั้นประสบผลสำเร็จ

ไม่มีใครค้นหาว่าต้นเหตุความแตกแยกของคนไทยมาจากไหนและอย่างไร ได้แต่ตำหนิและต่อว่าคน ว่าไทยแตกแยกกัน ไม่รัก ไม่สามัคคีกัน

การแตกแยกของคนในชาติเริ่มเมื่อปี 2544 ด้วยรายการโทรทัศน์และวิทยุนายกฯ (ทักษิณ) พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ เผยแพร่ไปทั่วประเทศ

ปกตินักการเมืองก็พูดเก่งอยู่แล้ว ยิ่งเป็นผู้นำประเทศพูดแล้ว คนจะเชื่อเต็มร้อย พูดถึงความห่วงใยประเทศ อยากให้ประเทศเจริญ อยากให้คนไทยหายจากความยากจน พูดถึงความทันสมัยของโลก จะทำให้ประเทศไทยเจริญเท่าเทียมอารยประเทศ เน้นการพูดให้ถูกใจมากกว่าพูดให้ถูกต้องจะมีใครทราบได้ว่าสิ่งที่ทักษิณพูดเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ ยากที่จะหาคนที่มีพื้นฐานตามทันข้อมูลที่ทักษิณพูด ได้แต่ปากหวอฟังและเชื่อแต่อย่างเดียว การพูดในเช้าวันเสาร์ไม่ใช่พูดแค่ 1 หรือ 2 เสาร์ แต่พูดทุกเสาร์เป็นเวลา 4-5 ปีที่เป็นรัฐบาล แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ยังโฟนอินหรือวิดีโอลิงก์มาหาคนไทย เป็นการตอกย้ำให้คนผู้คนให้หลงเชื่ออย่างยากที่จะถอนตัวได้

คนหลงใหลในน้ำลายของทักษิณมากที่สุด ไม่ทราบว่าที่ทักษิณพูดนั้นเป็นจริงหรือเท็จขนาดไหน เกิดความเชื่อมากกว่าจะมีความเข้าใจ เชื่อแล้ว ยากที่จะไปเปลี่ยนแปลงความเชื่อได้

คนทำสื่อมีความสามารถชักจูงโน้มน้าวให้คนเชื่อได้ง่าย คนที่ทำสื่อจะมีรายได้ดีมาก มีรถราคาแพงใช้ คนทำสื่อสามารถทำโฆษณาชวนเชื่อผ่านคลื่นและมีจำนวนผู้ฟังมาก ไม่ว่าขวัญชัย โก๊ะตี๋ หรืออย่างนุช พจมานชินวัตรในภาพ

วิทยุชุมชนท้องถิ่นโจมตีสถาบันเป็นส่วนใหญ่

พวกเขาสามารถปลุกระดมให้คนไปฆ่าคนไทยด้วยกันเอง หรือไปถีบพระได้ คนอีกกลุ่มได้รับผลประโยชน์ ตำแหน่งหน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทองจากทักษิณ หลงใหลทักษิณ ทำงานรับใช้ทักษิณตามผลประโยชน์ที่ได้รับ สมมติว่าได้ 100 บาท ก็ทำงานตอบแทน 100 บาท แต่ถ้าได้ 100 ล้านบาท อันนี้ทุ่มสุดตัวยอมตายถวายชีวิต ผลิตข้อมูลและวาทกรรมทุกอย่างทั้งจริงและเท็จมานำเสนอ ที่ทำให้ภาพทักษิณดูดี และก็ผลิตข้อมูลและวาทกรรมทุกอย่างทั้งจริงและเท็จให้ฝ่ายตรงกันข้ามเป็นคนร้าย

เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะเข้าใจต้องยอมรับ

ตัวอย่างการพูดให้ถูกใจ มีเฮ ของ เลิศ ไม้เก่าซึ่งตอนนี้ถูก กอ.รส.ควบคุมตัวแล้วhttp://www.youtube.com/watch?v=1aunfLV38ms

‘การพูดให้ถูกใจ’ ของเสธ.แดง แม้จะบอกถึงการฆ่าคนไทยด้วยกัน คนฟังก็เฮ
https://www.facebook.com/photo.php?v=1495964020618496&set=vb.100006147364754&type=2&theater

ทักษิณเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่ประเทศไทยต้องเข้าโครงการไอเอ็มเอฟรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และแลกกับความช่วยเหลือทางการเงินจากไอเอ็มเอฟ รัฐบาลชวน 2 ได้รับการสรรหามาเป็นรัฐบาลต่อจากรัฐบาลชวลิต ออกกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับการขายรัฐวิสาหกิจเพื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟด้วยกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับใช้แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชวลิต คนทั่วไปเรียกว่ากฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ คนไทยเศร้าใจมากที่อาจจะต้องขายรัฐวิสาหกิจใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ

หมดวาระรัฐบาลชวน 2

มีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หาเสียงว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะมายกเลิกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ เพื่อไม่ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจ

พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นรัฐบาลในปี 2544

ปลายปี 2544 หลังเป็นรัฐบาลได้ 10 เดือน ก็ทำการแปรรูปขาย ปตท.ได้สำเร็จ ในราคาที่ต่ำเรี่ยติดพื้นปตท.เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้น

ราคาน้ำมันสูงขึ้นหลังมีการแปรรูป ปตท.เข้าตลาดหุ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นมั่งคั่งร่ำรวย ราคาน้ำมันเป็นต้นทุนของทุกอย่าง ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นหลายเท่า ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทั่วประเทศ

การมาของรัฐบาลทักษิณ มีการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เงินไหลออกจากอเมริกาเข้าไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งเข้ามายังประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดในปี 2546

เมื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้ว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายรัฐวิสาหกิจจึงไม่มีความจำเป็นจะมีอยู่ต่อไป และยกเลิก

แต่ทักษิณออกกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงรัฐวิสาหกิจแห่งชาติขึ้นมาแทน

ทำให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจออกมาอีก 4 บริษัทรวมกับการแปรรูป ปตท.มาก่อนหน้านี้ ก็เป็น 5 บริษัท

ปี 2547 แปรรูป AOT (ท่าอากาศยานไทย) TOP (ไทยออยล์) MCOT (อสมท)

ปี 2548 แปรรูป PTTAR (PTTGC พีทีทีโกลบอลเคมิคอล)

แม้จะได้ใช้หนี้ให้ไอเอ็มเอฟหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟแล้ว แต่รัฐบาลทักษิณก็มีการขายรัฐวิสาหกิจมาเป็นประวัติการณ์ ไม่เป็นไปตามที่เคยหาเสียงไว้แต่อย่างใด

ปี 2549 มีการแก้ไขกฎหมายกิจการโทรคมนาคม จากที่ต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49 เปอร์เซ็นต์ แล้วทักษิณก็ขายชินคอร์ป 49 เปอร์เซ็นต์ให้เทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์

ไม่มีใครมีเงินมากเท่าทักษิณ ทักษิณสามารถซื้อทีมฟุตบอลแมนซิตี้ที่อังกฤษได้ ประเทศไทยมีการตรวจสอบนักการเมืองร่ำรวยผิดปกติ แต่ก็ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ไม่มีใครพูดถึงว่าทักษิณเอาเงินออกนอกประเทศไปซื้อสมบัติที่ต่างประเทศได้อย่างไร

ไม่เหมือนที่ประเทศอังกฤษ ทักษิณบอกกับสื่อประเทศอังกฤษเองว่า อังกฤษอายัดเงินที่ขายแมนซิตี้ของเขา 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150,000 ล้านบาท ขนาดว่าถูกอายัดหรือยึดไปขนาดนี้ ยังมีเงินมาก่อกรรมทำเข็ญที่ประเทศไทยอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง คิดดูว่ามั่งคั่งแค่ไหน

ผู้เขียนเศร้าใจในเรื่องคนไทยแตกแยกกัน ไม่เคยนึกโกรธเกลียดอะไรคนเสื้อแดง นึกอยู่อย่างเดียวว่าเราแพ้ทักษิณมากกว่า ที่ไม่สามารถดึงคนไทยที่หลงผิดกับ น้ำลายของทักษิณอย่างบริสุทธิ์ใจออกมาได้

ส่วนคนรักทักษิณที่ได้ประโยชน์จากทักษิณ อันนี้ไม่สามารถดึงออกมาได้อยู่แล้ว อย่างไรเขาก็รักทักษิณตลอดไป

ต้องทราบถึงต้นเหตุการตายของคนไทย ว่า เกิดจากฝ่ายไหน เกิดอย่างไร จำนวนเท่าใด

หากไม่รวมการตายในกรณีภัยธรรมชาติหรืออื่นๆ พบว่าคนไทยถูกฆ่าตาย ในรัฐบาลของทักษิณและยิ่งลักษณ์มากที่สุด

กรณีมัสยิดกรือเซะตาย 32 ศพ

กรณีตากใบตาย 87 ศพ

สงครามยาเสพติดตาย 2,873 ศพ ที่ไม่เกี่ยวข้องยาเสพติดเลยตาย 1,503 ศพ

ตายในรัฐบาลอภิสิทธิ์ 91 ศพ (จากการปลุกระดมให้คนมาตายโดยฝ่ายทักษิณ)

ทนายสมชาย 1 ศพ

ตายในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 24 ศพ

เอกยุทธ 1 ศพ

รวม 3,109 ศพ

เมื่อคิดถึงต้นเหตุการตาย สามารถกล่าวได้ว่า ทักษิณคือต้นเหตุของการตายตามที่นำเสนอทั้งหมด การตายในรัฐบาลอภิสิทธิ์ และการตายในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีต้นเหตุมาจากมิจฉากรรมที่ต่อเนื่องของทักษิณ

สามารถกล่าวได้เช่นกันว่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์เป็นฆาตกรฆ่าคนไทย

ประเทศไทยเต็มไปด้วยความตาย

การแตกแยกของคนไทยในชาติ คือการตายทั้งเป็นของคนไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นกับประเทศไทย แต่เกิดขึ้นมาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว

ทุกวันของ 13 ปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่สังคมไทยไม่พูดถึงคำว่าทักษิณ

ได้มีการหาทางแก้ไขปัญหาของประเทศมาตลอด เช่นเกิดรัฐประหารในปี 2549 แต่หลังจากนั้นไม่นานทักษิณก็กลับมามีอำนาจอีก

ที่เป็นเช่นนี้เพราะคิดแก้แต่ปลายเหตุของปัญหา

ไม่เคยแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา

ผู้มีอำนาจสูงสุด ถ้าเป็นผู้ที่มีสัมมาทิฐิก็จะนำความเจริญมาสู่ประเทศชาติได้มากที่สุด ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีแต่มิจฉาทิฐิก็จะนำความเสื่อมมาสู่ประเทศชาติมากที่สุดเช่นกัน

ทักษิณเป็นต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ เป็นต้นเหตุของการเกิดรัฐประหารในปี 2549 และกล่าวได้ว่ากฎอัยการศึกที่ออกมากลางปี 2557 ก็มีต้นเหตุมาจากทักษิณเช่นกัน

ทักษิณคิดทำแต่เรื่องใหญ่ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่คิดทำเพื่อประโยชน์ของตนอย่างเดียว

อะไรมาก่อน อะไรมาหลัง ใครผิดก่อนผิดหลัง

พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านบาท พ.ร.บ. ส.ว.มาจากการเลือกตั้งรวมทั้งการโยกย้ายข้าราชการประจำ นายถวิล เปลี่ยนศรีไม่เป็นธรรมและยังมีกรณีการจำนำข้าวที่ขาดทุนกว่า 4 แสนล้านบาทอีกด้วย

มวลมหาประชาชนทั้งประเทศเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงออกมาชุมนุมคัดค้าน เป็นกิจกรรมที่มีเหตุผลที่สมควร ภายหลังศาลก็ตัดสินแล้วว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวและนโยบายไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

จะเห็นว่ารัฐบาลทำผิดกฎหมายมาโดยตลอด หลายเรื่อง นอกจากไม่ยอมรับการตัดสินของศาลแล้ว ยังออกมาข่มขู่ศาลและป.ป.ช.อีกด้วย ข่มขู่ทั้งก่อนและหลังการตัดสินของศาล

มวลมหาประชาชนออกมาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ก็มีเพียงถูกกล่าวหาจากฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น

แค่เรื่องที่ศาลตัดสินว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องเรื่องเดียว รัฐบาลก็ต้องแสดงความรับผิดชอบลาออกทั้งคณะแล้ว แต่นี่ไม่ถูกต้องตั้งหลายเรื่องก็ยังดันทุรังอยู่เป็นรัฐบาลอยู่อีก จึงทำให้ปัญหาของประเทศชาติยืดเยื้อเรื้อรังต่อเนื่อง

หากรัฐบาลไม่ลุแก่อำนาจ ไม่ออกกฎหมายดังกล่าว ประชาชนก็ไม่ออกมาเคลื่อนไหว

เรื่องของคนตายและอาวุธ

ฝ่ายมวลมหาประชาชน และกปปส.ไม่ได้มีอาวุธ และเป็นฝ่ายที่ถูกฆ่าแต่ฝ่ายเดียวกว่า 200 วันที่ชุมนุมกันมา ถูกฆ่าตายไปแล้ว 24 ศพ บาดเจ็บเกือบ 800 คน

เรื่องถูกเรื่องผิด ยุติธรรมไม่ยุติธรรม เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่หากไม่สามารถตัดสินได้ก็ให้ศาลตัดสินก็จบเรื่องได้ แต่เมื่อศาลตัดสินแล้วก็ไม่จบ นี่ก็คือปัญหาเช่นกัน

นปช.เป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล ใช้ช่วยรัฐบาลตะแบงในสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ถูกต้อง

คนแก้ปัญหาและคนควบคุมกฎอัยการศึกก็ต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง ฝ่ายไหนถูกต้องมากที่สุด ไม่ใช่ว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีความผิดเหมือนกันหรือเท่ากัน แล้วสั่งให้ยุติแบบเดียวกัน ปัญหาอาจจะจบลงชั่วคราว หลังจากนั้นปัญหาก็จะเกิดขึ้นมาใหม่

กฎอัยการศึกคงช่วยคลี่คลายคนที่ตายจากปืนและระเบิดได้ ทำไมช่วงที่ผ่านมาตำรวจจึงไม่สามารถคลี่คลายเรื่องเหล่านี้ได้ อาวุธต่างๆ มาได้อย่างไร ใครเป็นผู้นำมา เชื่อว่าสามารถทำได้อย่างดี เนื่องจากมีการเข้าไปควบคุมสถานที่และจับกุมคนที่ก่อปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง

กฎอัยการศึกน่าจะพิจารณาทำในสิ่งที่การบริหารจัดการตามปกติทำได้ยาก เช่นออกประกาศแต่งตั้งคณะบุคคลที่มีความชำนาญ ตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปีของแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย นักการเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่ามั่งคั่งหรือยากจนลง แต่หากมั่งคั่งขึ้น ก็ต้องอธิบายได้ ทำอะไรจึงมั่งคั่งขึ้น อาจจะเห็นทั้งเหตุผลที่สมควรและเหตุผลที่ไม่สมควร ก็อาจจะทำให้ทราบถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมได้ และจะทำอย่างไรกับผู้ที่มั่งคั่งอย่างไม่มีเหตุผล

การแก้ปัญหาให้สำเร็จอย่างแท้จริง อยู่ที่ทราบว่า อะไรคือปัญหาหลักจริงๆ ของประเทศ หากทำการปฏิรูปปัญหาหลักที่แท้จริงได้ จะทำให้ประเทศมั่นคงสงบสุขตลอดไป เราเห็นตรงกันและพูดกันมาตลอด ระบบการเมืองและนักการเมืองคือปัญหาของประเทศจะปฏิรูประบบการเมืองและนักการเมืองอย่างไรดี

ใช้คำว่าปฏิรูปอาจจะไม่ทำให้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงประเทศในทางเจริญได้ ต้องใช้คำกว่าปฏิวัติน่าจะทำให้ประสบผลสำเร็จได้มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น