เพื่อไทยชี้ เหตุ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มีพลังอึด ทนกระแสกดดัน-ขับไล่อย่างไม่สะทกสะท้านได้ ต่างกับผู้นำคนอื่นและทั่วโลก เพียงแค่เธอเป็นพวกสุขนิยม ไม่เอาอะไรใส่สมอง แถมลบต่อมคุณธรรม จริยธรรมสูญสิ้น ยึดกฎหมายตามบทที่ทีมงานพรรคขีดให้เดิน แจงเรื่องลาออกไม่มีวันเกิดขึ้น ตั้งเป้าเอาชนะคู่ขัดแย้งเป็นหลัก ส่วนทักษิณ ยึดทฤษฎีเงินรักษาประโยชน์และอำนาจเพื่อชัยชนะเป็นรัฐบาลอีกวาระหนึ่ง
ใครจะคิดว่ารัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีสถานะเพียงรัฐบาลรักษาการ จะเล่นเกมยื้อสถานการณ์ทางการเมืองที่ตกอยู่ในสถานะเพลี่ยงพล้ำครั้งแล้วครั้งเล่ามาได้ตลอด 6 เดือน ที่ภาคประชาชนก้าวลงสู่ท้องถนนเพื่อขับไล่รัฐบาลของตระกูลชินวัตร
ไม่ว่าจะบริหารประเทศผิดพลาดอย่างไร อย่างการเกิดน้ำท่วมใหญ่เกือบทั้งประเทศเมื่อปี 2544 หลังจากการเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน หรือสร้างปัญหาให้กับคนในชาติอย่างไร ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท โครงการรถยนต์คันแรก หรือสารพัดโครงการที่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมโหฬารแบบโครงการรับจำนำข้าว หรืออื่นๆ ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท หรือโครงการเมกะโปรเจกต์ 2 ล้านล้านบาท หรือข้าวของแพงทุกหย่อมหญ้า
หรือการแก้ไขกฎหมายหลายมาตราเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยครองอำนาจได้ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา หรือต้องการออกกฎหมายล้างโทษคนผิดที่เป้าใหญ่มุ่งไปที่คดีของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งอดีต
ที่สำคัญประชาชนออกมานับล้านคนเพื่อแสดงความต้องการว่าไม่เอารัฐบาลชุดนี้ หรือฝ่ายผู้ชุมนุมถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิตนับสิบราย รวมไปถึงการแสดงอาการก้าวก่าย ข่มขู่ การทำงานขององค์กรอิสระทั้ง ป.ป.ช. และศาลก็กระทำกันอย่างเปิดเผย แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังครองอำนาจมาได้จนถึงทุกวันนี้ และคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยก็ยังให้การสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้
จนมีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องเผชิญแรงกดดันสารพัดปัญหา แต่เหตุใดเธอจึง “อึด” และยังคงอยู่ได้ โดยไม่สนใจกระแสกดดันใดๆ ทั้งสิ้น
“ยิ่งลักษณ์” อดทนสูง?
นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากสำหรับการเมืองไทยในยุคปัจจุบัน และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย น่าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำหญิงที่มีความอดทนมากที่สุด อดทนต่อแรงบีบคั้นทางการเมือง อดทนต่อเสียงซุบซิบนินทาในเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว และอดทนต่อคดีความที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในอีกไม่ช้า
หากเทียบกับเหตุการณ์เรือเซวอลล่ม จนมีผู้โดยสารเสียชีวิตและสูญหาย 302 ราย กลับทำให้นายกรัฐมนตรี ชุง ฮอง วอน ของเกาหลีใต้ ขอลาออกและขออภัยต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต จากโศกนาฏกรรมดังกล่าว ถือเป็นความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างนักการเมืองของไทยกับประเทศอื่นๆ
ตลอด 6 เดือนเต็มของการนัดชุมนุมกดดันขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ของกลุ่ม กปปส. กลับไม่สามารถดำเนินการใดๆ ให้รัฐบาลรักษาการชุดนี้พ้นไปจากการบริหารประเทศได้ อะไรคือความแข็งแกร่งในตัวของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย อะไรคือสิ่งที่ทำให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื้อสถานการณ์ทางการเมืองมาได้จนถึงวันนี้
“ที่คุณยิ่งลักษณ์ยื้อสถานการณ์มาได้จนทุกวันนี้ มาจากการสนับสนุนของครอบครัวชินวัตร ทั้งพี่ชาย พี่สาว มีทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย คุณนพดล ปัทมะ เข้ามาประคองสถานการณ์ไว้ให้” คนในพรรคเพื่อไทยเฉลยข้อสงสัย
พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงจุดแข็งของตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า สิ่งที่คนภายนอกได้เห็นการปฏิบัติหน้าที่ของยิ่งลักษณ์อย่างเข้มแข็งนั้น ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอ เพราะเธอเป็นพวกสุขนิยม เป็นคุณหนู ไม่เอาเรื่องอะไรมาใส่ไว้ในสมอง ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น มีหน้าที่อย่างเดียวคือ เล่นตามบทที่พี่ชายและทีมงานวางเอาไว้
ส่วนเรื่องอื่นเช่นคดีความต่างๆ เป็นหน้าที่ของทีมยุทธศาสตร์พรรคที่จะวางหมากและหาช่องทางทางกฎหมายเข้ามาเดินเกมสู้กับฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นเรื่องความรู้สึกรับผิดชอบต่อสถานการณ์บ้านเมือง หรือความผิดพลาดในการบริหารประเทศนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เธอจึงไม่รู้สึกว่าถูกหรือผิด
อีกอย่างก็ต้องชมทักษิณที่เข้าใจเลือกน้องสาวคนนี้ ด้วยอุปนิสัยและบุคลิกของยิ่งลักษณ์ที่เป็นอย่างนี้ ทำให้ไม่ว่าใครจะออกมาต่อต้านอย่างไร หรือศาลจะมีคำพิพากษาว่าสิ่งที่ดำเนินการมาทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเรื่องโครงการเจ้าปัญหาต่างๆ เธอจึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งเหล่านี้ นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยยื้อมาได้จนถึงวันนี้
คนมีภาวะผู้นำไม่มีใครอยู่ได้
เขากล่าวต่อไปว่า คนที่มีภาวะผู้นำ หากเจอสถานการณ์บีบคั้นขนาดนี้ ไม่มีใครยอมทนอยู่ได้ ต่อให้นายสมัคร สุนทรเวช พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หรือนายบรรหาร ศิลปอาชา ถ้าอยู่ในตำแหน่งนี้อยู่ เชื่อว่าคนเหล่านี้ก็ต้องลาออกไปแล้ว
“นี่อาจเป็นจุดแข็งของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพราะเธอไม่รู้สึกเจ็บ ไม่เครียดอะไรมากมาย หลายคนอาจมองว่านายกรัฐมนตรีหญิงท่านนี้เป็นคน 2 บุคลิก แต่เท่าที่เคยเห็นมา เธอมีมากกว่านั้น มีเฮฮา ซีเรียส หรือบางครั้งก็วีนใส่คนอื่น อย่างการประชุมพรรค บางครั้งท่านนายกฯ ก็เข้ามาร่วมประชุม ก็มานั่งได้ไม่นานนักก็ออกไป ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเธอ”
ประการต่อมาเป็นเรื่องการวางหมากของหัวหน้าพรรคตัวจริง โดยบุคลิกแล้วทักษิณเป็นคนไม่ยอมคน ดังนั้นในช่วง 2 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทักษิณเลือกใช้คนสายฮาร์ดคอร์เข้ามาเป็นตัวเดินเกมทั้งสิ้น เขายึดทฤษฎีเงินรักษาประโยชน์และอำนาจ ซึ่งวิธีการนี้แม้จะได้ชัยชนะมาแต่เป็นชัยชนะที่ไม่ยั่งยืน
ตอนนี้เป็นการวัดกำลังกันว่าใครจะอึดกว่ากัน พรรคเพื่อไทยยังต้องเดินเกมเพื่อรักษาสถานะทางการเมืองเอาไว้ ด้วยการเลือกตั้ง เพราะถ้าเลือกตั้งโอกาสชนะมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก
เพื่อไทยถอดเรื่องคุณธรรมทิ้ง
แหล่งข่าวบอกอีกว่า จากการต่อสู้กันในทางการเมืองจนถึงเวลานี้พรรคเพื่อไทยเน้นไปที่ผลสัมฤทธิ์มากกว่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ซึ่งเป็นทิศทางที่เจ้าของพรรคตัวจริงให้แนวทางไว้ ดังนั้นจึงไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องจริยธรรม เพราะพรรคเพื่อไทยถอดทิ้งมาตั้งแต่ปี 2546 แล้ว
“คนที่มีคุณธรรม ไม่มีใครทนได้เมื่อเกิดความเสียหายอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คนดีๆ ต้องระลึกได้ว่าอะไรถูกต้อง ตอนนี้ต่อมสำนึกความรับผิดชอบ หรือเรื่องคุณธรรม จริยธรรมไม่มีแล้ว”
คนในเพื่อไทยยึดแต่เรื่องกฎหมายเป็นหลัก เพราะเป็นหลักเดียวที่จะทำให้พรรคและรัฐบาลอยู่ได้ยาวนานที่สุด แม้จะรู้ว่าหลักกฎหมายที่ยึดอยู่เสียเปรียบอยู่ก็ตาม ช่วงเวลาอย่างนี้ก็เพียงพอที่จะได้เข้าไปจัดการสะสางปัญหาหรือเตรียมการเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะก้าวพ้นจากอำนาจ เพราะหากถอยในเวลานี้การจะจัดการกับฝ่ายตรงข้ามก็ทำได้ยาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าตอนนี้คนในพรรคเพื่อไทยเดินหน้าชนกับ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือสู้กันจนถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“ทั้งนี้ ก็เพื่อการต่อรอง จัดองคาพยพต่างๆ ทั้งเรื่องทรัพย์สินเงินทอง หรือกิจการของครอบครัวได้มีการดำเนินการไปจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว คุณทักษิณไม่มีวันที่จะเอาไข่ไว้ในตะกร้าเดียวกันทั้งหมด”
การดื้อหรือมีความพยายามที่จะยื้อสถานการณ์ต่อไปนั้น ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยก็รู้ว่าไม่เป็นผลดีต่อพรรค คำแนะนำที่จะให้ถอยเพื่อให้เป็นประโยชน์กับพรรคหรือประเทศนั้นไม่มีใครกล้าพูด ไม่มีใครกล้าเสนอแนะ ตอนนี้มุ่งไปที่เรื่องการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามเพียงอย่างเดียว หรือทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอดเท่านั้น
พร้อมทั้งกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยที่ทักษิณสร้างขึ้นมานั้น ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง เนื่องจากพรรคนี้ไม่มีเรื่องอุดมการณ์ จึงไม่ยึดเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม มีแต่ความเป็นพ่อค้า เป็นเพียงนักธุรกิจการเมือง ที่เข้ามาลงทุนเพื่อแสวงหาผลกำไร
“เห็นได้จากช่วง 2 ปีเศษของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์กันของเครือญาติแล้วแบ่งกัน อย่างคุณพายัพ ชินวัตร ที่เคยถูกศาลสั่งล้มละลายเมื่อปี 2553 ตอนนี้ฟื้นแล้ว มีการฉลองตึกแห่งใหม่ไปไม่นานมานี้”
คนที่เป็นรัฐมนตรีของพรรคนี้หรือแม้จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีก็ตาม จะมีคนของตระกูลชินวัตร เข้ามาควบคุมดูแลอีกที ทั้งรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ มีหน้าที่อย่างเดียว คือทำตามที่ได้รับคำสั่งมา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพนักงานบริษัททั่วไป
ฝ่ายประชาชนกฎหมายไม่เอื้อ
ขณะที่แหล่งข่าวจาก กปปส. กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ยิ่งลักษณ์สามารถยืดสถานการณ์มาได้จนถึงเวลานี้สำคัญที่สุดคือเรื่องกฎหมาย โดยฝ่ายพรรคเพื่อไทยอาศัยเรื่องของกฎหมายเป็นเครื่องมือในการสร้างความได้เปรียบ ขณะที่ฝ่าย กปปส.นั้น การออกมาแสดงออกที่ไม่ต้องการรัฐบาลนี้เป็นเพียงแค่เรื่องสิทธิที่ทำได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจใดในทางกฎหมายที่ให้ไว้กับฝ่ายประชาชน ซึ่งแตกต่างกับการเข้ายึดอำนาจของคณะรัฐประหารจากทหาร ข้อจำกัดนี้จึงเป็นผลบวกต่อรัฐบาลเพื่อไทย
อีกประการหนึ่ง เมื่อรัฐบาลไม่คำนึงถึงเรื่องมารยาท คุณธรรม จริยธรรม ด้วยแล้ว แม้จะมีความผิดพลาดในการบริหารก็ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเหมือนในอดีตที่ผ่านมา รอเพียงอย่างเดียวคือรอให้ศาล หรือ ป.ป.ช. ตัดสินออกมา ซึ่งต้องใช้เวลา
อีกทั้งประเทศไทยยังมีข้อจำกัดเรื่องการยึดอำนาจของทหาร ที่ต่างประเทศไม่ยอมรับในเรื่องเหล่านี้ จึงไม่กล้าที่จะดำเนินการเหมือนอดีต รวมไปถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2549 ที่เมื่อยึดอำนาจจากทักษิณ ชินวัตร แล้วก็ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม แถมเมื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ คนส่วนใหญ่ก็ยังกลับไปเลือกพรรคของทักษิณมาเหมือนเดิม และทักษิณก็ใช้การยึดอำนาจในครั้งนั้นเข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองในปี 2553
“ขอให้อดทน อีกไม่นานคดีความของยิ่งลักษณ์ก็จะมีคำตอบออกมา ทั้งเรื่องทุจริตจำนำข้าวหรือคดีโยกย้ายเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไม่เป็นธรรม เชื่อว่าคำตัดสินที่ออกมาน่าจะไม่เป็นผลบวกกับรัฐบาลและปัญหาที่ค้างคากันมานั้นน่าจะยุติลงได้” แหล่งข่าวระบุ