ระบอบอธิปไตยของโลกและของไทยไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบทุนอธิปไตยหรือธนาธิปไตย หรือประชาธิปไตยจอมปลอมคนมีทุนก็จะเป็นเจ้าของพรรคการเมือง หรือพรรคการเมืองมีนายทุนสนับสนุน เมื่อได้ชัยชนะจากการเลือกตั้ง ก็จะกลายมาเป็นเจ้าของผู้บริหารประเทศ คนที่เข้ามาในระบบก็คิดเอาการเมืองมาทำมาหากินมั่งคั่งร่ำรวยไปตามๆ กันการเมืองจึงเป็นอาชีพทำเงินอย่างหนึ่ง
เราก็ได้ต่อว่าหรือวิจารณ์หรือด่านายทุนหรือนายทุนสามานย์ วิจารณ์ไปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่คิดหาทางแก้ไขป้องกันบ้าง ว่าจะป้องกันแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
82 ปีประชาธิปไตยจอมปลอมไทย นักการเมืองมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนตายไป คนใหม่มาก็มาหาความร่ำรวยต่อ ยุคนี้เกิดมีนักการเมืองที่คล่องแคล่วเฉโกทุกด้าน ทั้งด้านกฎหมาย ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การบริหารจัดการ การตลาด ล้ำหน้าคนทั่วไปและคู่แข่งแบบไกลลิบไม่เห็นเงา แทนที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชน แต่เอาประโยชน์เข้าตนอย่างเดียว
13 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เคยมีความสงบแม้แต่ปีเดียว มีความวุ่นวาย สับสนและและประเทศชาติเดือดร้อนวุ่นวายมาโดยตลอด แล้วก็หนักขึ้นทุกวันๆ ผู้เขียนงง เกิดเรื่องเช่นนี้กับประเทศไทยได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องสัมมามรรค หากเป็นสัมมามรรค ประเทศไทยจะไม่เป็นเช่นนี้แน่
เป็นเรื่องมิจฉามรรค และก็เป็นมิจฉามรรคที่ต่อเนื่องมา 13 ปีแล้ว ประเทศย่อยยับโดยต่อเนื่อง และยังไม่ทราบว่าจะยุติเมื่อใด
1) มิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ ปี 2544-2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้รับเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาลในปี 2544 เป็นจุดเริ่มต้นความเลวร้ายของประเทศไทยในหลายๆด้าน
1.1) แตกแยกคนในชาติ รายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ เป็นรายการใหม่ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลทักษิณ โดยที่ก่อนหน้านี้กว่า 80 ปี ไม่เคยมีรายการแบบนี้มาก่อน แต่จะมีโฆษกรัฐบาลเป็นผู้มาแถลงผลงานของรัฐบาล หรือผู้นำรัฐบาลออกมาให้สัมภาษณ์และตอบคำถามสื่อมวลชนรายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ เรื่องนี้เป็นวิธีทางการตลาด วิทยากรเป็นถึงผู้นำประเทศ มีผู้ติดตามรับฟังรับชมทั่วประเทศ ผ่านทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของทางราชการ นำเสนอถึงความคิด ความฝัน ที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญ ฟังแล้วชวนหลงใหล
เป็นรายการโฆษณาชวนเชื่อในความคิดและนโยบายของตนเองและรัฐบาลมอมเมาระบบเอารัดเอาเปรียบฝ่ายอื่นบางครั้งก็ใช้รายการกล่าวหาผู้อื่น โดยที่ฝ่ายอื่นไม่มีโอกาสได้ตอบโต้และทำความเข้าใจได้
เป็นจุดเริ่มต้นความแตกแยกของคนในชาติอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ คนในชาติแตกแยกกันกว้างขวางอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สื่อมีอิทธิพลทางความเชื่อของมวลชนสูง และโดยเฉพาะผู้ใช้สื่อเป็นถึงระดับผู้นำของประเทศ หากผู้ใช้สื่อไปในทางสัมมาทิฏฐิก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่หากใช้ไปในทางมิจฉาทิฏฐิความเสื่อมก็จะเกิดกับสังคม ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีข้อมูลความรู้ในสิ่งที่ทักษิณพูด จึงหลงเชื่อและหลงศรัทธา และหลงใหลในสิ่งที่ทักษิณพูด
คนบางส่วนตามทันในเรื่องที่ทักษิณพูด ไม่เชื่อและไม่ศรัทธาในสิ่งที่ทักษิณพูด บอกว่าเป็นรายการหลอกลวง เป็นรายการนายกฯ โกหกทุกเช้าวันเสาร์
พบว่าการพูดและการกระทำไม่ตรงกัน พูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง ทำไม่ดี แต่พูดโฆษณาชวนเชื่อว่าดี เป็นการมอมเมาที่ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจ
ความเชื่อและศรัทธาของผู้คนต่อสิ่งที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งความแตกแยกรุนแรง 6 ปีของรายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ ตอกย้ำความเชื่อ-ความศรัทธา และความไม่เชื่อ-ไม่ศรัทธาของมวลชน
สังคมแตกแยกทุกระดับ แยกเป็นสีเหลือง-สีแดง สามี-ภรรยาแตกแยก พี่-น้อง เพื่อนฝูงแตกแยก
ผู้คนส่วนหนึ่งรักทักษิณเนื่องจากผลประโยชน์ที่ได้รับจากทักษิณ
และผู้คนไม่น้อยหลงเชื่อและหลงใหลในคำพูดของทักษิณ เป็นเวรกรรมของประเทศไทย
เมื่อ 14 หรือ 6 ตุลา คนไทยไม่เคยแตกแยกกันแบบนี้ สามัคคีกันขับไล่ถนอม ประภาส ณรงค์ออกนอกประเทศ
มีประเด็นข่าวเรื่องความแตกแยกของคนในชาติ และเรื่องการจัดการปรองดอง ที่ผู้เขียนอยากนำมาเล่าให้ฟัง ดังนี้
… วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2553 นช.แม้วได้โฟนอินถึงกลุ่มซึ่งสนับสนุนตน ที่อุดรฯ ปราศรัยขายฝัน ขายความร่ำรวย หากตัวเองได้กลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีกครั้งพร้อมกันนั้นก็ได้กล่าวปิดท้ายว่า “วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการให้ประเทศไปสู่ความปรองดองให้ได้ ใครขัดขวางเรื่องนี้แสดงว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวอย่างบัดซบ”
ผู้เขียนรู้แต่แรก ว่าทักษิณเป็นต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ อย่างที่นำเสนอไว้ในช่วงต้น จากประเด็นข่าว บอกว่า “..ต้องจัดการให้ประเทศไปสู่ความปรองดองให้ได้ ใครขัดขวางเรื่องนี้แสดงว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวอย่างบัดซบ” ทักษิณนั่นเองเป็นต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ หากทักษิณไม่ทำให้คนในชาติแตกแยก ก็ไม่ต้องมาจัดการให้ประเทศไปสู่ความปรองดองแต่อย่างใด
การแตกแยกของคนในชาติเป็นเรื่องใหญ่ หากทำให้เกิดการปรองดองขึ้นได้ จะเป็นเรื่องสำคัญและยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยความจริงทักษิณก็ไม่มีเป้าประสงค์มาจัดการเรื่องความปรองดองของคนในชาติแต่อย่างใด ทักษิณไม่เคยทำอะไรเพื่อประเทศชาติประชาชน จงใจจะให้เกิดความย่อยยับกับประเทศไทยมาโดยตลอดวาทกรรมดังกล่าวเป็นแต่เพียงข้ออ้าง นำมาประกอบ “การคิดนิรโทษกรรมให้แก่ตัวเอง” เพื่อจะได้พ้นผิดในคดีต่างๆ ทั้งที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว และที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน เฉโกผิดมนุษย์ทั่วไป เป็นที่มาของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2556 เขาพูดเรื่องนี้ล่วงหน้าไว้ 3 ปีมาแล้ว พูดและหาทางให้เกิดขึ้นให้ได้มาโดยตลอด
… ทักษิณดิ้นรนที่จะนิรโทษกรรมให้ตนเองอย่างจริงจังได้มีการพูดถึงนายบัน คี-มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ “... สมมติว่าให้ท่านไปกรุงเทพฯ แล้วเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว โดยบอกว่า ‘ความวุ่นวายและการนองเลือดทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศไทยเลย ทำไมจึงปรองดองกันไม่ได้?’ พระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับฟังไหม? พระองค์จะให้นายบัน คี-มุน เข้าเฝ้าไหม?”
ผู้เขียนว่าเป็นสุดยอดของมิจฉาวาทกรรมอีกอันหนึ่ง
ที่มา : Conversations With Thaksinโดย Tom Plate พิมพ์จำหน่ายที่สิงคโปร์ ในปี 2554 แปลโดย สมเกียรติ อ่อนวิมล
… ได้มีความพยายามที่จะมุบมิบดันกม.นิรโทษกรรมออกเป็น พ.ร.ก. ผ่านสภากลาโหมผ่านสภาความมั่นคง ลัดขั้นตอนส่งให้รัฐบาล..
ชายคนที่ 1 ผมจะเอาเข้าสภากลาโหมเพื่อหารือให้ ผบ.เหล่าทัพทุกเหล่าทัพมีความคิดอันเดียวกันเลย ถ้าไม่งั้นถ้าไม่เข้า เดี๋ยวคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที วิธีเดียวก็คือขออนุญาตเอาเรื่องนี้เข้าสภากลาโหมเพื่อหารือให้เกิดเป็นความคิดอันเดียวกัน
ชายคนที่ 2 เอาเข้าสิ เอาเข้าสภาความมั่นคงฯ ส่งให้รัฐบาล จบ ลัดขั้นตอนเลย
ชายคนที่ 1 จบเลย ครับ เอาเข้าได้ ก่อนที่จะเข้าก็ต้องหารือกับเหล่าทัพแต่ละคนก่อน เฮ้ย! ลื้ออ่านนะ มีอะไรที่จะแก้ไข มีอะไรที่จะพูด พูดกันนอกการประชุมเสียก่อน
ชายคนที่ 2 เราเสนอเป็น พ.ร.บ. ไม่มีใครรู้ แต่พอถึงสภาความมั่นคงฯ ปุ๊บเนี่ย เราก็ เพื่อความไม่วุ่นวายเสนอเป็น พ.ร.ก.
ชายคนที่ 1 เพราะว่า ไอ้วาระนี้ ถ้าผมได้อยู่นะครับ ได้ทำ ผมจะไม่เอาเข้าวาระ แต่เป็นวาระที่ จรเข้าไปเลย บอกว่า ขอเสนอวาระสำคัญ
ชายคนที่ 2 ในสภากลาโหมนี่ ก็ใช้วิธีว่า เอ้ย! สภาความมั่นคงฯ ก็ใช้วิธีเข้าไปเสร็จปุ๊บ เนี่ย หน้าตาเป็น พ.ร.บ. และก็ในสภากลาโหมก็ไม่ต้องออกข่าว แต่บอกให้รู้ว่า ถ้าเพื่อความรวดเร็ว และไม่วุ่นวาย น่าจะเป็น พ.ร.ก. อะไรอย่างนี้ พูดไว้ บันทึกไว้ พอไปถึงสภาความมั่นคงฯ ปั๊บ พอเข้าไป บอกว่าเสนอเป็น พ.ร.บ. หน้าตาเป็น พ.ร.บ. นะ แล้วสภาความมั่นคงฯ ก็บอกว่า ขอให้รัฐบาลเสนอออกเป็น พ.ร.ก. มันจะได้มีอะไรรองรับ
ที่มา : คลิปเสียงสนทนาจากแดนไกลhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000082476
หากพ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านสภาฯ ออกมาเป็นกฎหมายได้ ก็จะไม่เกิดการปรองดองของคนในชาติแต่อย่างใด เพราะทักษิณจะยังคงปลุกระดมมวลชน ให้อามิสสินจ้างผู้คนต่างๆ เพื่อประโยชน์ของตนตลอดเวลา คนในชาติก็จะยังแตกแยกกันอยู่นั่นเอง คำพูดของทักษิณและน้องไม่ใช่สิ่งที่เชื่อถือได้ มุสา ตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน กลับกลอก ยอกย้อน ปากพล่อย กิเลสท่วม มักง่ายและไม่ละอายแก่ใจ
คนที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากพ.ร.บ.นิรโทษกรรม คือทักษิณและคณะ รวมทั้งคิดจะเอาคืนเงินที่ถูกทางการยึดไว้ด้วย
(1.2) แปรรูปปตท.ปลายปี 2544 ทักษิณได้เป็นรัฐบาลวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2544 เป็นรัฐบาลได้ 10 เดือนวันที่ 6 ธันวาคม 2544 ก็สามารถแปรรูป ปตท.ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ให้เป็นบริษัทมหาชนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นของคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทุนในการขยายกิจการ ไม่จำเป็นต้องแปรรูปเป็นบริษัทมหาชนเข้าตลาดหุ้น การแปรรูปเข้าตลาดหุ้นต้องแบ่งใบหุ้นให้ผู้ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เหลือหุ้นเป็นของคนไทย 51 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าตลาดหุ้นปตท.ประมาณ 1 ล้านล้านบาท ก็ตกเป็นของผู้ถือหุ้นง่ายดาย 4.9 แสนล้านบาท เหลือเป็นของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ 5.1 แสนล้านบาท
SET index เคยสูงสุดที่ 1,750 จุด ในต้นปี 2537 จากนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ในสมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่มีทักษิณเป็นรองนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยต้องเข้าโครงการ IMF เป็นครั้งที่ 2
ต่อมา..ทักษิณได้เป็นรัฐบาลเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2544 ปี 2544 SET index เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 250-350 จุด เป็นจุดที่ต่ำมาก ปตท.เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นวันที่ 6 ธันวาคม 2544 ที่ SET index 305 จุดการแปรรูปในช่วงที่ตลาดรวมอยู่ระดับต่ำ ทำให้การขายหุ้นจอง (IPO) ได้ราคาต่ำจะทำให้กระทรวงการคลังหรือประเทศไทยได้เงินจากการแปรรูปปตท.น้อย
ตอนแรกมีข่าวว่าจะให้จอง (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 50 บาท มีข่าวโดยคนไทยสวนมาว่า ที่ราคา 50 บาท ต่างชาติไม่สนใจ จะทำให้การแปรรูปทำไม่ได้ ไม่ทราบว่าเรากระสันอยากจะขายปตท.รุนแรงถึงขนาดนั้นเลยหรือ ต้องง้อต่างชาติจริงหรือ ในที่สุดก็ IPO ที่ราคาหุ้นละ35 บาท การสุ่มชื่อคนจองซื้อหุ้นใช้เวลา 1 นาทีกับ 17 วินาที คนทั่วไปได้หุ้นจองไม่มาก เชื่อว่าหุ้นจองส่วนใหญ่อยู่ในมือนักการเมือง ที่ไม่เห็นชื่อนักการเมืองเป็นผู้ถือหุ้นปตท. เพราะมีตัวแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นแทน คนจองซื้อได้หุ้นราคาถูกเหมือนได้เปล่า อีก 6 ปีต่อมาราคาหุ้นปตท.ขึ้นไปสูงเกือบหุ้นละ450 บาท
ปตท.แปรรูปปลายปี 2544 ราคาน้ำมันเบนซิน 95ระหว่างประเทศไทยและมาเลยเซียแตกต่างกันไม่มาก หลังการแปรรูปผ่านไป 12 ปี ราคาน้ำมันของประเทศไทยสูงกว่ามาเลเซียกว่าเท่าตัว
(1.3) แปรรูปรัฐวิสาหกิจมากเป็นประวัติการณ์ คนทั่วไปจำได้ว่ามีการแปรรูปปตท.ในรัฐบาลทักษิณ แต่คนไม่ทราบว่าได้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในช่วงรัฐบาลทักษิณอีก 4 บริษัท รวมทั้งมีการทำลายบริษัทพีทีไอที่เป็นคู่แข่งของปตท.ลงด้วย
เมื่อครั้งหาเสียงเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนในปี 2544 ทักษิณบอกว่าจะมายกเลิกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ (กฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาใช้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และการใช้หนี้ IMF หาเสียงว่าเพื่อจะได้ไม่ต้องขายสมบัติของชาติ
แต่การกระทำกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม กลับมีการขายรัฐวิสาหกิจมากเป็นประวัติการณ์ ปตท.ก็ถูกขาย (แปรรูป) อย่างรวดเร็วหลังทักษิณได้เป็นรัฐบาลได้ 10 เดือน
ประเทศไทยโชคช่วย เศรษฐกิจและค่าเงินเหรียญสหรัฐเสียหาย เงินไหลออกจากกอเมริกาไปยังส่วนต่างๆ ของโลก รวมทั้งไหลเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีเงินใช้หนี้ IMF หมดในปี 2546 ทำให้ “พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจพ.ศ. 2542”ไม่มีความจำเป็นต้องคงไว้ต่อไป ถูกยกเลิก
แต่ทักษิณกลับออกกฎหมาย “ปรับปรุงและพัฒนารัฐวิสาหกิจแห่งชาติ” แทน ทำให้มีการขายรัฐวิสาหกิจออกมาอีก 4 แห่ง
AOT TOP และ MCOT ถูกแปรรูปในปี 2547 และ
PTTAR(PTTGC) ถูกแปรรูปในปี 2548
โชคร้ายประเทศไทย แม้ไม่ต้องใช้หนี้ IMF แล้ว ก็ยังต้องขายสมบัติชาติอีก
จากบางตอน ปาฐกถา ของทักษิณ วันชำระหนี้ IMF งวดสุดท้าย (31 กรกฎาคม 2546)
“..กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ก่อนนี้ในกติกาเราต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ เราจะกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุน เพื่อให้เกิดการบริหารงานอย่างมืออาชีพและ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้ทุกระบบ ซึ่งตรวจสอบจากระบบของตลาดทุนและตรวจสอบด้วยระบบของราชการ ตรวจสอบด้วยระบบของผู้ถือหุ้นเอง เพราะฉะนั้นรัฐวิสาหกิจไทยของเราจะเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ใช้มาตรการนี้บางส่วนแล้ว และใช้เรื่องของการรายงานระบบการตรวจสอบมากขึ้นแล้วทำให้รายได้ของรัฐวิสาหกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล หากรัฐวิสาหกิจทั้งหมดต้องไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รัฐวิสาหกิจเหล่านี้จะบริหารงานอย่างมืออาชีพจะเข้มแข็งและแข็งแรงมากขึ้น ไม่ได้เป็นการนำไปขายเพื่อนำมาใช้หนี้ เพราะไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องขายเพื่อใช้หนี้ เพราะวันนี้เราหมดพันธกรณีทางนี้ เราจึงจะมีการแก้กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ โดยยกเลิกและจัดทำกฎหมายฉบับใหม่ คือกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงและพัฒนารัฐวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างรัฐวิสาหกิจให้เป็นองค์กรธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการบริหารจัดการและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ..”
นี่คือตัวอย่างวาทกรรม พูดดี ชวนหลงใหล แต่ใจคิดฮุบสมบัติชาติการใช้หนี้ IMF ได้หมดไม่ใช่ฝีมืออะไรของทักษิณ และการขายรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 5 บริษัทราคาถูกๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเอาเงินใช้หนี้ IMF แต่อย่างใด
(1.4) แก้ไขพ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคม เพิ่มจากต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์เป็นต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49 เปอร์เซ็นต์แล้วทักษิณก็ขายชินคอร์ปที่ตนเองถืออยู่ 49 เปอร์เซ็นต์ให้เทมาเส็กแห่งสิงคโปร์ในต้นปี 2549 ขายให้ต่างชาติล้วนๆ 49 เปอร์เซ็นต์ ผู้สื่อข่าวถามทักษิณว่า ทำไมไม่ขายให้คนไทย ทักษิณบอกว่าคนไทยไม่มีเงิน
ทักษิณไม่ละความพยายามที่จะขายสมบัติชาติ (ขายชาติ) พยายามแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2544 พ.ร.บ.ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่ผ่านการแปรญัตติในชั้นวุฒิสมาชิก ครั้งที่ 2 ในปี 2547 พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านได้ทั้ง 2 สภาโดยที่ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมลเล่าประสบการณ์ว่าทักษิณซื้อ ส.ว.สวนทางกับการพูดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าการแทรกแซงวุฒิสมาชิกเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ การนำเสนอของดร.สมเกียรติสอดคล้องกับการพูดของนายโสภณ สุภาพงษ์ ที่เวที กปปส.สวนลุมพินีว่า ส.ว.ได้รับแจกหุ้นปตท.
(1.5) คนตายประมาณ 3,000 ศพจากสงครามยาเสพติด ..และมีผู้ตายที่ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1,800 ศพ
2) มิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ในรัฐบาลสมัคร-สมชาย ปี 2551
ปรับเปลี่ยนโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งขึ้นโดยกฎหมายพิเศษ อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยตำแหน่งหลังการเปลี่ยนโครงสร้าง ตลท.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ได้เป็นประธาน กลต.ประธาน กลต.โครงสร้างใหม่มาจากคนนอก ประธาน กลต.ที่ผ่านมา ได้แก่นายวิจิตร สุพินิจ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานกลต.คนปัจจุบัน นายอัชพร จารุจินดา
คาดว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะถูกแบ่งหุ้นให้เป็น 3 ส่วน และถือโดย 1.กระทรวงการคลัง 2.โบรเกอร์ และ 3.บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น
คงเตรียมไว้เพื่อการแปรรูปในอนาคต
นอกจากทักษิณจะดูแลกองสลากอย่างจดจ่อแล้ว ยังเอาใจใส่ กลต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างใกล้ชิดด้วย
3) มิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เริ่มปี 2554
มิจฉากรรมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชายตั้งใจจะฮุบทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศไทยให้เป็นของตนเองเพิ่มขึ้นให้หมด ทั้งเศรษฐกิจ ทั้งการเมือง ทั้งอำนาจ ฯลฯ ตั้งใจจะให้เกิดความย่อยยับกับประเทศไทยให้ได้ รวมทั้งคิดล้างผิดกองโตส่วนตนและเครือญาติทั้งหมดอีกด้วย
(3.1) พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 เพื่อช่วยให้ฮุบทรัพยากรของประเทศง่ายขึ้น
(3.2) พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2556 ล้างผิดให้คนที่ศาลตัดสินแล้วว่าผิด รวมทั้งคดีที่ยังค้างอยู่ในชั้นศาล ทั้งของตนเองและวงศาคณาญาติ ก็จะถูกล้างผิดทั้งหมด
(3.3) พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อเอามาให้ฮุบได้มากขึ้น
(3.4) แก้ไข ม. 190 เพื่อไม่ให้สาธารณะตรวจสอบข้อตกลงระหว่างประเทศ
(3.5) พ.ร.บ.ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง คิดรวบอำนาจทางการเมืองให้ได้มากขึ้น เด็ดขาดขึ้น
(3.6) อื่นๆ แท็บเล็ต รถคันแรก บ้านหลังแรก โครงการน้ำท่วม จำนำข้าว ฯลฯ คอร์รัปชันหนักทุกเรื่อง เอาตำแหน่ง เอาเวลา เอาเครื่องอำนวยความสะดวก เอางบประมาณรัฐ เดินทางไปลงทุนส่วนตนตามประเทศต่างๆ
สิ่งที่ทักษิณฮุบ (ปล้น) ไปได้แก่ ทรัพยากรของประเทศ งบประมาณของประเทศ อำนาจ (การเมือง) ของประเทศ ความยุติธรรมของประเทศ เอาไปเป็นของตนแต่ผู้เดียว รวมทั้งโอกาสของประเทศ
เฉโกล้ำหน้าคนทั่วไป มิจฉากรรมแต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ทำกับระบบ หรือกระทบต่อระบบ (System) ของประเทศ ไม่ใช่เรื่องเฉพาะที่ (Local) ไม่ว่าระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศ ไม่น่าเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะคิดเรื่องเช่นนี้ออกมากได้ เขาจะไม่ตายหรืออย่างไร หรือว่าถ้าตายเขาจะสามารถบรรทุกทรัพย์สินเหล่านี้ติดตัวไปด้วยได้ และเขาพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย อันไหนเห็นว่าไม่ได้ ก็ใช้วิธีแก้ไขกฎหมาย หรือออกกฎหมายมารองรับ
ด้วยวิธีการดังกล่าว เห็นแล้ว แม้การปล้นประเทศและขายชาติ ก็ยังเป็นการปล้นประเทศและขายชาติโดยถูกต้องตามกฎหมาย….