xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยจะทำการปฏิวัติได้หรือไม่

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์

เปรียบเทียบการปลุกระดมเมื่อครั้ง 6 ตุลาคม 2519 กับการพูดแบบปลุกระดมของทักษิณในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา

ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ขณะที่นักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัย ร่วมกับประชาชนชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีการพูดแบบปลุกระดม ผ่านสถานีวิทยุยานเกราะ อันเป็นเครือข่ายของกองทัพบก วันที่ 4-5 ตุลา 2519 แค่ 2-3 วัน สามารถปลุกระดมให้ฝูงชนเข้าไปฆ่านักศึกษาที่ชุมนุมในธรรมศาสตร์อย่างทารุณในวันที่ 6 ตุลา สถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 46 คน ซึ่งมีทั้งถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกทุบตี หรือถูกทำให้พิการ

ก่อนหน้านั้น เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลถนอม-ประภาส-ณรงค์ออกนอกประเทศเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 คือเหตุการณ์ที่ประชาชนชุมนุมขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร ที่ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย

โชคดีการขับไล่ถนอม-ประภาส-ณรงค์ เกิดขึ้นในช่วงระยะสั้น นับเวลาได้ 3 ปีติดต่อกัน และประชาชนก็ไม่แตกเป็น 2 ฝ่ายแบบทุกวันนี้

การมาของรัฐบาลทักษิณในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 นำมาซึ่ง รายการนายกฯ ทักษิณพบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ ถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ เป็นรายการที่นายกรัฐมนตรีใช้สื่อรัฐ โฆษณาชวนเชื่อให้กับตนเอง มากกว่าทำให้เกิดความเข้าใจอันดีในการบริหารประเทศ ในอันที่จะทำให้ประเทศเกิดความเจริญ มั่นคง แม้หลังรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ที่ทักษิณหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศ ก็ใช้วิธีโฟนอินและวิดีโอลิงก์มาที่ผู้ชุมนุมแบบ “ปลุกระดม” ตลอดเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ไม่มีวันใดที่ข่าวสารและการพูดคุยของผู้คนที่ไม่พูดถึงทักษิณ

การพูดแบบปลุกระดม 2-3 วัน ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลา ยังทำให้มีคนตายถึงครึ่งร้อยแล้วการพูดแบบปลุกระดมต่อเนื่องมากว่า 10 ปี จะส่งผลให้เกิดความย่อยยับกับประเทศแค่ไหน

ในยุคทักษิณ ประชาชนแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย เป็นประชาชนของฝ่ายทักษิณ และประชาชนในฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ ฝ่ายตรงกันข้ามกับทักษิณก็มี 2 กลุ่ม คือกลุ่มของนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม และกลุ่มประชาชนอิสระ แบ่งเรียกให้เข้าใจง่ายๆ เป็น 2 ฝ่ายว่า เป็นประชาชนฝ่ายทักษิณกับประชาชนฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ

ยุคถนอม-ประภาส-ณรงค์ประชาชนไม่ได้แตกแยกเป็น 2 ฝ่าย นรกประเทศไทย ประชาชนในยุคทักษิณประชาชนแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน เพื่อนกับเพื่อน พี่กับน้อง คนในครอบครัวแตกแยกกัน

เป็นความโชคร้ายของประเทศไทยอย่างเหลือเชื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ปีแล้ว ถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจบลงแต่อย่างใดระบบเสื่อมลงตลอดเวลา มีคนตายจากการชุมนุมทุกรอบ ตายมากกว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา

รัฐบาลทักษิณตายจากกรณีมัสยิดกรือเซะ 32 ศพ ตายจากกรณีตากใบ 87 ศพ ตายจากสงครามยาเสพติด 2,500 ศพ ทนายสมชายอีก 1 ศพรัฐบาลสุรยุทธ์ ไม่มีคนตายรัฐบาลสมัคร-สมชายตาย 7 ศพรัฐบาลอภิสิทธิ์ตาย 91 ศพ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตายที่รามคำแหงแล้ว 4 ศพ ก่อนหน้านั้นเอกยุทธตายอีก 1 ศพ รวมทั้งหมด 2,723 ศพ

ไม่รวมการตายจากภัยธรรมชาติ เช่นจากสึนามิในมหาสมุทอินเดียในปลายปี 2547 และมหาอุทกภัยในปี 2554 และไม่รวมการตายรายวันในเหตุการณ์ภาคใต้

การตายของประชาชนล้วนตายจากหลังการเข้ามามีอำนาจทั้งทางตรง กับที่ทั้งไม่มีอำนาจด้วยตัวเองใช้ตัวแทนมามีอำนาจ

กล่าวได้ว่า การตายทั้ง 2,723 ศพนั้น ตายเนื่องจากการมาของทักษิณ หรือ “ทักษิณเป็นต้นเหตุหลักให้เกิดการตาย” แม้ว่าการตายผู้คนในรัฐบาลอภิสิทธิ์และการตายของคนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มีต้นเหตุมาจากทักษิณ

ทุกวันนี้มีการใช้สื่อแบบการตลาดอย่างเข้มข้น “ทำไม่ดี แต่โฆษณาชวนเชื่อว่าทำดี” นำเสนออีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง ยกตัวอย่างเรื่องจำนำข้าว ผู้คนและสื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศวิจารณ์ว่ามีการคอร์รัปชัน มีการคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบแต่รัฐบาลว่าไม่มีคอร์รัปชัน

รูปแบบของการนำเสนอคือทำอย่างแต่แสดงออกอีกอย่าง แสดงออกว่ามีการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชัน ร่วมกันหยุดคอร์รัปชันได้อย่างไร ในเมื่อผู้นำเสนอหรือรัฐบาลเป็นผู้คอร์รัปชันเสียเอง

ทุกวันนี้ประเทศไทยเสียหายมากกว่าการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 การเสียกรุงครั้งที่ 2

พระเจ้าตากสินมหาราชใช้เวลา 7 เดือนกอบกู้อิสรภาพกลับคืนมาได้ ตอนนี้ไทยเสียประเทศให้คนพาลไป 12 ปีแล้ว นอกจากไม่สามารถที่จะกู้กลับคืนมาแล้ว ยังมีทีท่าว่าเสียหายเพิ่มมากขึ้นไปอีก

กฎหมายเหล่านี้ถูกฉวยโอกาส และออกมาเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว หรือคนส่วนน้อยของประเทศ ออกกฎหมายเพื่อจะได้ทำความผิดให้ถูกต้องตามกฎหมาย บอกให้ทราบว่าประเทศไทยจะเดินหน้าเสียหายมากขึ้น

1) พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ 2542 (1 ในกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ออกในรัฐบาลชวน แต่รัฐบาลทักษิณฉวยโอกาสนำมาแปรรูป ปตท.)

2) พ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคม 2549 (เพิ่มการถือครองของต่างชาติ จากไม่เกิน 25% เป็นไม่เกิน 49%) แล้วขายชินคอร์ปให้เทมาเส็ก 49%

3) พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2556 คนชั่วที่สุดของประเทศไทย จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงที่สุด และจะทำให้ลอยนวลโดยไม่มีความผิด

4) พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 จะทำให้ทรัพยากรของประเทศที่เคยเหลือไว้ 51% ก็จะเป็นเหลือแค่ 25%

5) พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท 2556 ออกมาเพื่อประโยชน์ตนเอง พวกพ้อง และพันธมิตรต่างชาติ
ถ้า 2.2 ล้านล้านเท่ากับ 25% เป็นของรัฐ นั่นคือ 6.6 ล้านล้านหรือเท่ากับ 75% เป็นของผู้ร่วมลงทุนหลัก (Nominees นักการเมืองไทย เชฟรอน เทมาเส็ก ฯลฯ )

6) ม.190 แก้ไข เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบข้อตกลงระหว่างประเทศ

7) พ.ร.บ. ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง ทำให้เกิดสภาผัว-สภาเมีย มารุมกลุ่มเกาะกินประเทศไทยมากขึ้น

แล้วจะเหลืออะไรให้ประชาชน มีแต่มาขูดรีดประชาชนคนไทย ยกตัวอย่างเช่นราคาพลังงานจาก ปตท.แพงติดอันดับโลก ต่อไปประชาชนก็จะต้องใช้ไฟฟ้าราคาสูงขึ้นไปอีก

นอกจากนี้รัฐบาลสมัคร ได้มีการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเอกชนไว้แล้ว เตรียมเอาไว้ขายเมื่อโอกาสอำนวย เอาเงินเข้ากระเป๋าอีก

ผู้เขียนไม่ได้มานั่งจับผิดอะไรทักษิณ แต่นั่งอยู่กับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่ทักษิณนำเสนอ เห็นว่าไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันกับเรื่องที่ทักษิณนำเสนอ

เป็นเรื่องของการมุสา หาประโยชน์ส่วนตนและนำมาซึ่งความแตกแยกของคนในชาติ “การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดในปี 2546 ไม่ใช่ความสามารถอะไรทักษิณ” (ผู้สนใจ Google Search มาศึกษาดู) การที่ประเทศไทยเข้าโครงการไอเอ็มเอฟเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด แต่จู่ๆ ก็มาบอกสามารถว่าใช้หนี้หมดก่อนกำหนด 2 ปี อะไรจะเก่งกาจขนาดนี้ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ฝีมืออะไรทักษิณ แต่เพราะเงินเหรียญสหรัฐเสียหาย ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไหลเข้ามาในไทย ทำให้สามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้นั่นเอง ทักษิณเอามาโฆษณาชวนเชื่อใหญ่โตว่าเป็นฝีมือตัวเองทำให้เห็นว่าทักษิณเป็นคนเก่ง เทียบได้กับเทวดาทำให้คะแนนนิยมพุ่ง

มีหนี้อีกกอง คือหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 1.4 ล้านล้านบาทเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ในปีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นรัฐบาล และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้เกิดหนี้ก้อนนี้ขึ้นมา ผ่านจากรัฐบาลชวน 2 แล้วก็มาถึงรัฐบาลทักษิณ ก็ไม่มีท่าว่าจะทำให้หนี้น้อยลงได้แต่อย่างใด ก็ไม่เห็นว่าจะแสดงฝีมือการใช้หนี้เหมือนกับการใช้หนี้ไอเอ็มเอฟแต่อย่างใด ตกมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์หนี้กองนี้เหลือประมาณ 1 ล้านล้านบาท นอกจากไม่คิดจะใช้หนี้แล้ว ยังโอนหนี้และความรับผิดชอบทั้งหมดไปไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ไปทำให้สถาบันการเงินเดือดร้อนทั่วหน้า ขึ้นค่าธรรมเนียมเงินฝากมาใช้หนี้กองนี้ ทำให้ต้นทุนการเงินของระบบสูงขึ้น ความจริงทำไปเพื่อลดอัตราส่วนหนี้ต่อจีดีพีลง เพื่อจะทำให้กู้เงินได้มากขึ้น เป็นที่มาของการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทนั่นเอง

เรื่องการรัฐประหารในปี 2549 ก็นำมามุสาบ่อยครั้ง


ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

ทุนสำรองของประเทศไทยสูงขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

ทักษิณนำเหตุการณ์รัฐประหารไปนั่งเทียนพูดบ่อยครั้ง ทั้งการให้สัมภาษณ์นักข่าวทั่วไป และการโฟนอินมาพูดกับคนเสื้อแดงโดยบอกว่า

“รัฐประหารทำให้ต่างชาติไม่เชื่อถือ ทำให้ต่างชาติไม่มาลงทุน”

แต่หากดูค่าเงินบาท และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ จะเห็นว่าหลังการรัฐประหาร ค่าเงินบาทก็สูงขึ้น ทุนสำรองก็สูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่าหลังรัฐประหารมีเงินทุนไหลเข้าประเทศไทยนั่นเอง ที่บอกว่า “รัฐประหารทำให้ต่างชาติไม่เชื่อถือ ทำให้ต่างชาติไม่มาลงทุน” ก็เป็นเพียงการนั่งเทียนนึกเดาเอาเท่านั้นเอง

นั่นคือรัฐประหารไม่ได้ทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่นประเทศไทยแต่อย่างใด รัฐประหารที่ผ่านมาจึงไม่เป็นอย่างที่ทักษิณพูด เพราะยังมีเงินทุนไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่าหลังรัฐประหาร ต่างชาติยังเชื่อมั่นประเทศไทย

ถ้าจะว่าไปแล้ว ทำไมจะต้องหวังการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากมันเป็นเรื่องของการเกินความพอเพียง ควรจะทำให้ประเทศไทยอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงจะดีกว่า

ไม่เอาแต่กระตุ้นความเจริญทางเศรษฐกิจ คิดทำความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจจะดีกว่า

ต้นเหตุและคนต้นเหตุการณ์การแตกแยกของคนในชาติ

เรียงลำดับเวลาการแตกแยกของคนไทย อะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง จึงจะรู้สาเหตุของการแตกแยก ว่าเกิดตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นคนทำให้แตกแยก ความแตกแยกของคนไทยเกิดในปี 2544

1) ทักษิณพูด และออกรายการนายกฯ ทักษิณพบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ พูดให้ฟังดี แต่มีโกหกปนอยู่มาก

2) ทำให้คนที่รู้ว่าทักษิณพูดโกหกออกมาต่อต้าน ได้แก่พันธมิตรฯ หรือคนเสื้อเหลือง ออกมาชุมนุมขับไล่ทักษิณลงจากตำแหน่ง

3) จากนั้น ทักษิณไปสร้างฝ่ายคนเสื้อแดงมาต่อสู้กับคนเสื้อเหลือง

ผู้คนมักต่อว่าคนไทย “มัวแต่ทะเลาะกัน แตกแยกกัน ทำให้ประเทศถอยหลัง ประเทศเพื่อนบ้านเขาก้าวหน้าล้ำประเทศไทยไปมากแล้ว”

ผู้เขียนจะไม่ตำหนิคนไทยด้วยกัน กลับเห็นใจคนไทยทั้ง 2 ฝ่าย คนไทยไม่ได้แตกแยกเพราะคนไทยด้วยกันเอง แต่มีคนทำให้คนไทยแตกแยกกัน และก็มีบางคนได้รับประโยชน์จากทักษิณ ออกมามีกิจกรรมซ้ำเติมให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติมากขึ้นไปอีก

เรียงลำดับเวลาการเกิดเหตุการณ์การแตกแยกของคนไทย

..ช่วงเวลาการแตกแยก เริ่มต้นในปี 2544 ในช่วงที่ทักษิณเข้ามาเป็นรัฐบาล

..ทักษิณคือต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติ

..การตายของประชาชน ในวิกฤตทางการเมืองทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน มีต้นเหตุมาจากมิจฉามรรคของทักษิณ รวม 2,723 ศพ

ประเทศไทยเสื่อมทรุดเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ มีการออกกฎหมายเพื่อยึดอำนาจไปเป็นของตน ออกกฎหมายมาครอบครองทรัพยากรของระบบและนำไปขายให้ต่างชาติ (ร่วมทุนกับต่างชาติ) จะทำให้ทรัพยากรของระบบเป็นของคนไทยน้อยลง เป็นการเหยียบย่ำกฎหมายมากกว่าการฉีกกฎหมายโดยการทำรัฐประหาร

การรัฐประหาร (ฝรั่งเศส : Coup d'état กูเดตา) หมายถึงการล้มล้างรัฐบาลผู้บริหารปกครองรัฐในขณะนั้น แต่มิใช่การล้มล้างระบอบการปกครองหรือทั้งรัฐ และไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง หรือเกิดเหตุนองเลือดเสมอไป เช่น หากกลุ่มทหารอ้างว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง บริหารประเทศชาติผิดพลาด และจำเป็นต้องบังคับให้รัฐบาลพ้นจากอำนาจ จึงใช้กำลังบังคับให้ออกจากตำแหน่ง โดยประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ หรือประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายในเวลาที่กำหนด ลักษณะนี้ก็เรียกได้ว่า เป็นการก่อรัฐประหาร (วิกิพีเดีย)

การปฏิวัติ มีความหมายว่าการเปลี่ยนแปลงระบอบ (Regime) ในทางสังคมการเมืองอาทิ วัฒนธรรมทางการเมือง อุดมการณ์ทางการเมือง เป็นต้น การปฏิวัติจึงไม่ต่างจากการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางการเมือง (Political Paradigm) (วิกิพีเดีย)

การปฏิวัติประเทศไทยเป็นเรื่องที่ทำได้ เป็นเรื่องที่ดี เพื่อทำให้ได้ระบอบที่ถูกต้อง ทุกวันนี้ระบบอธิปไตยของไทยฟอนเฟะมาก ระบอบที่เป็นอยู่ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบทุนอธิปไตยมากกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ต้องตั้งใจปฏิวัติเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงให้ได้ระบอบที่ถูกต้อง หรือให้ได้ระบบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั่นเอง

กำลังโหลดความคิดเห็น