นิรโทษผิดซอย

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-"เราจะชุมนุมแสดงพลังในวันพฤหัสที่ 31 ต.ค. เวลา 18.00 น. ผมเชื่อว่าจะมีคนมากกว่า 10,000 คน   รูปแบบในการชุมนุม เราออกมาทำหน้าที่เป็นประชาชนเจ้าของประเทศ รักษากฎหมาย รักษาวิถีธรรม เราไม่ต้องการทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เราต่อสู้โดยสันติ เราไม่ต้องการฝ่าฝืนกฎหมาย รัฐบาลประกาศพื้นที่ความมั่นคง เราจึงเลือกมาชุมนุมที่สถานีรถไฟ  นั่นหมายความว่า จะไม่มีการเคลื่อนย้ายชุมนุม เราอยู่ที่เส้นทางรถไฟสามเสน เราชุมนุมนอกเขตนอก พ.ร.บ.ความมั่นคง เราตั้งใจจะบอกกับรัฐบาลว่า อย่าบังคับเรามาก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ บอกกับนักข่าว

เขายังตอกย้ำว่า“ประเทศไทยนี้เป็นของเราทุกคน  ประเทศไทยไม่ใช่เป็นของตระกูลชินวัตร  พี่น้องประชาชนทั้งหลายโปรดตื่นตัว เพื่อประเทศของเรา แต่ละคนแต่ละกลุ่มสามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องมาเดินที่เดียวกัน”

หลังจากนั้น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 4 คน ลาออกจากตำแหน่ง เพราะเกรงกลัวว่า จะเป็นมูลเหตุให้พรรคเพื่อไทย นำไปร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หากทั้งสี่คนนำคนชุมนุมประท้วงกฎหมายฉบับนี้

ถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า “ผมและรองหัวหน้าพรรคอีก 3 คน คือ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายอิสสระ สมชัย รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน และ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรค  ซึ่งจะมีผลทันที”

“กรณ์ จาติกวณิช”ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij ระบุว่า

“การออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะ 'ล้างผิด' ให้กับผู้มีอำนาจที่ถูกจับได้ว่าโกงบ้านโกงเมือง ในฐานะนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผมเห็นว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องคัดค้านการใช้อำนาจในการทำลายระบบนิติรัฐที่ถือว่าเป็นเสาหลักสำคัญของสังคม”

นั่นทำให้ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส. สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคกว่า 50 คน ได้ร่วมแถลงข่าวคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 หน้าอาคารรัฐสภา 1

แถลงการณ์มีเนื้อหาระบุว่า “เนื่องจากเป็นแน่ชัดว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย กระทำการสวนทางแนวพระราชหัตถเลขา ด้วยการดึงดันใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีเนื้อหาลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงความผิดของแกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุร้ายในการชุมนุมทางการเมืองที่มิชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของประชาชนกลุ่มต่างๆ”

เสียงคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ ยังดังกึกก้องไปทั่ววงการ

แม้กระทั่งแนวร่วมของพรรคเพื่อไทย…..

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง หยุดการบิดเบือนกฎหมายนิรโทษกรรม หยุดการตระบัดสัตย์ของพรรคเพื่อไทย

เนื้อหาแถลงการรณ์ระบุว่า “การแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมที่กำลังบังเกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยนับว่าเป็นการกระทำที่ “บิดเบือน” ต่อหลักการสำคัญของกฎหมายนิรโทษกรรมที่ได้มีการนำเสนอไว้ในวาระแรกอย่างแจ้งชัด ความเร่งรีบต่อการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวก็ยิ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษอันบิดเบี้ยวฉบับนี้อย่างไม่อาจปฏิเสธ”

“อย่างไรก็ตาม เมื่อมาสู่การพิจารณาในวาระที่สอง พรรคเพื่อไทยก็ได้ปฏิบัติการ “ตระบัดสัตย์”ต่อหลักการที่นำเสนอมา ดังนั้นมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้”

นอกจากนี้เนื้อหาในแถลงการณ์ยังระบุว่า “มวลชนคนเสื้อแดงควรต้องตระหนักว่าพรรคเพื่อไทยก็จะอยู่ในภาวะเฉกเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ หากยังคงดำเนินการไปในลักษณะที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเสียงเรียกร้องที่ได้บังเกิดขึ้น ทั้งต้องตระหนักว่าการปกป้องระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่การปกป้องพรรคเพื่อไทย”

“หากมวลชนคนเสื้อแดงไม่สามารถกดดันให้พรรคเพื่อไทยทำการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมได้ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะทิ้งกลุ่มที่เป็นมวลชนของพรรคไปได้อย่างง่ายดายเช่นกัน พรรคการเมืองเช่นนี้ย่อมไม่สามารถฝากความหวังต่อการพัฒนาประชาธิปไตยต่อไปได้อย่างแน่นอน”

แม้กระทั่ง “ประแสง มงคลศิริ”สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตเลขานุการและที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คว่า ““The Oak (นายพานทองเเท้ ชินวัตร) ลูกในใส้นายกฯทักษิณ ยังยอมกลืนเลือด เห็นแก่วิญญาณคนเสื้่อแดงที่ตาย อยากให้พ่ออดทน พวกมึงยังทำบัดซบโหวตผ่าน มึงเป็นคนหรือสัตว์นรกกันแน่วะ ?”

“พรุ่งนี้มึงถ้าโหวตผ่าน น้ำหน้ามึงคือไอ้หมาขี้เรื้อน ลาออกจากนปช.ไป”

คนเหล่านั้นหมายถึง ส.ส.นปช.ทั้ง นายพายัพ ปั้นเกตุ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท

เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือ พรรคเพื่อไทย กำลังออกกฎหมายเพื่อ “ทักษิณ”คนเดียว เพราะจะทำให้คดีต่างๆ ที่พิจารณาไปแล้ว ไม่มีผลในทางกฎหมายทันที รวมทั้งคดีของ ส.ส.นปช. ทั้งหมด

คดีที่ผู้ต้องหาหรือนักโทษ “พ้นผิด”เหล่านั้น ได้แก่

1. คดีร่ำรวยผิดปกติ ทำให้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องต่องศาลฎีกา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เนื่องจากไม่ได้แจ้งการถือครองหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯไว้ ถึง 6 ครั้ง ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

2. คดีทุจริตปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลพม่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยเพียงคนเดียว ซึ่งศาลฎีกาได้ออกหมายจับไว้

3. คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปฯ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยเพียงคนเดียว และศาลฎีกา ได้ออกหมายจับไว้

4. คดีทุจริตจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่มีนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา (ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมคุณวัฒนาจึงมีบทบาทอย่างมากในความพยายาม 'ปรองดอง')

5. คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทกฤษดามหานคร ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณกับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา

6. คดีที่เพิ่งมีคำพิพากษาไปคือเรื่องการโกงกรณีรถดับเพลิงกทม. 6,800 ล้านบาท เพราะเป็นคดีที่ คตส.ได้เป็นผู้ชี้ผิดแต่แรกด้วย

ที่สำคัญกฎหมายยังเขียนให้การนิรโทษกรรมในกรณีทุจริต จะมีสิทธิที่ทวงได้

นั่นหมายความว่า นอกจากทักษิณ จะได้เงินคืน 46,000 ล้านบาทแล้ว ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ทักษิณอีก 14,000 ล้านบาท

รวมแล้วก็ปาเข้าไป 60,000 ล้านบาท

สรุปแล้ว ทักษิณกลายเป็นเจ้าของซอยนี้ไปเต็มๆ ทั้งๆ ที่เป็นซอยของคนทั้งประเทศ

ไม่ต้องถามหา“ความเป็นธรรม”กันแล้วในสังคมไทย โกงได้โกงไป ฆ่าคนได้ ฆ่าไป...เพราะออกกฎหมายมานิรโทษกรรมได้ !!!