ทักษิณลอยนวล ?

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เผยไต๋กันออกมาแบบล่อนจ้อน ไม่ต้องเหนียมอายกันแล้วว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรม แบบสุดซอย ทุกคนทุกฝ่ายได้รับอานิสงส์กันพร้อมหน้า จากคดีการชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะให้ ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิด โดยอ้างอยู่เสมอว่าไม่ได้รับยุติธรรมจากการรัฐประหาร และผลพวงของการรัฐประหาร

ผลของกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ จึงไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ปลดเปลื้องคดีที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมืองเท่านั้น แต่มันรวมถึงคดีทุจริตคอร์รัปชันด้วย

และเป็นที่รับรู้กันว่า คนที่มีคดีคอร์รัปชันมากที่สุด จำนวนเงินมากที่สุดก็คือ ทักษิณ ชินวัตร

จากการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่คณะรัฐประหาร 2549 ตั้งขึ้นนั้น ได้ตรวจสอบการทุจริตของทักษิณ และครอบครัวรวมทั้งคณะรัฐมนตรี และผู้ใกล้ชิดรวมทั้งสิ้น 13 คดี

ในจำนวนนั้นเป็นคดี ที่ทักษิณ ตกเป็นจำเลยถึง 8 คดี ได้แก่ 1. คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก 2. คดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว หรือหวยบนดิน 3. คดีร่ำรวยผิดปกติ ให้ทรัพย์สิน 76,621 ล้านบาท ของ ทักษิณตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งให้ยึดเฉพาะเงินค่าขายหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นหลัง ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯ และเงินปันผล จำนวน 46,373 ล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน 4. คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ อันสืบเนื่องจากคดีร่ำรวยผิดปกติ 5. คดีทุจริตปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลพม่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท 6. คดีทุจริตออกพ.ร.ก.แปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ป 7. คดีจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิ และ 8 คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ บริษัท กฤษดามหานคร

ดังนั้น บรรดาพวกขี้ข้าทักษิณ จึงเดินหน้าจะออกกฎหมายนิรโทษให้ได้ แม้จะมีเสียงคัดค้านและแรงต้านจากสังคมอย่างรุนแรงก็ตาม ว่ากันว่าถ้าการออกพ.ร.บ. แล้วถูกขัดขวาง จนวุ่นวาย บานปลาย ก็จะรวบรัดออกเป็นพ.ร.ก. กันเลยทีเดียว

ความเหิมเกริมของพวก ขี้ข้าทักษิณ ได้แสดงให้เห็นแล้ว จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของส.ว. แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ด้วยการใช้เสียงข้างมากลากไป โดยมีฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรับรองความถูกต้อง ชอบธรรม

จากพฤติกรรมดังกล่าว พูดได้ว่า บ้านนี้ เมืองนี้ กำลังเข้าสู่ยุคที่ไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม กันแล้ว แค่มีเสียงในสภามากกว่า นึกจะทำอะไรก็ได้

แล้วองค์กรหลักๆของบ้านเมืองที่มีหน้าที่รักษาหลักธรรมาภิบาล กำลังทำอะไรกันอยู่ จะปล่อยให้มีการออกกฎหมายเพื่อนิรโทษให้คนทุจริต คอร์รัปชัน กันง่ายๆ อย่างนี้หรือ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา มี 7องค์กรได้แก่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้มีการการแถลงข่าว การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ภาคีเครือข่ายเสริมสร้างพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดิน”และจะมีการประชุมใหญ่อีกครั้ง ในวันที่ 7 พ.ย.นี้

ก็หวังว่า 7 องค์กรหลักที่กล่าวมา จะแสดงจุดยืน และมีมาตรการที่จะหยุดยั้งการนิรโทษกรรมให้คนทุจริต คอร์รัปชัน อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่จัดงานอีเว้นต์ แถลงข่าว และก็จบกันไป