ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์" เรียก 7 ฝ่ายหารือทางออกประเทศ ฝากการบ้าน 5 ข้อให้ไปคิด ก่อนขอคำตอบวันนี้ ลั่นไม่สงบไม่เกษียณ เผยต่างฝ่ายต่างยืนยันในจุดยืนเดิม รัฐบาล-พท. ไม่เอานายกฯ คนกลาง "มาร์ค"ชี้หย่อนบัตรตอนนี้ไม่รอด "ตู่" ท้าทำประชามติเลือกตั้งก่อนปฏิรูปหรือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ กปปส.ไม่รับมุก "สุรชัย" ยังเชื่อมีทางออก "นิวัฒน์ธำรง"ชิ่งไม่ร่วมวงถก "จาตุรนต์" ซัด"ประยุทธ์" เล่นผิดบท ทำตัวเหมือนหัวหน้าคณะปฏิวัติ ด้าน "ดร.เสรี"ถูกดีเอสไอจับคาสนามบิน
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ ( 21 พ.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความสงบ (กอ.รส.) สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ของ กอ.รส.ว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ในส่วนของต่างประเทศได้แสดงท่าทียอมรับ และเข้าใจ พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ในประเทศไทย ทาง กอ.รส.ขอยืนยันว่า การประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นการนำกฎหมายที่มีอยู่ภายใต้ระบบประชาธิปไตยมาบังคับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งหวังสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย และรักษาความสงบเรียบร้อยโดยรวม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้
ทั้งนี้ แม้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก จะมีหลายมาตรา แต่กองทัพได้พิจารณาใช้เพียงบางมาตราเท่านั้น ไม่ได้มีการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคลแต่อย่างใด ขอให้มั่นใจว่า ภายใต้การประกาศพ.ร.บ.กฎอัยการศึกครั้งนี้ ประชาชนทุกฝ่ายสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ตามสิทธิ และเสรีภาพได้อย่างถูกต้อง ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเฉพาะเรื่องในการรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้น และจะดำเนินการตามหลักสากล ยึดหลักกฎหมาย และการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด ทุกขั้นตอน
"เชื่อมั่นว่านานาประเทศจะตระหนักในเหตุผลความจำเป็นของการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก รวมทั้งเคารพในกระบวนการบริหารจัดการสถานการณ์ดังกล่าวของประเทศไทยอย่างจริงใจ"
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกกองทัพบก กล่าวว่า เหตุที่ต้องประกาศ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เพราะว่าที่ผ่านมา อาจจะมองเห็นว่าความขัดแย้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่กทม. และปริมณฑล ทั้งการจับกุม และการตรวจพบการเคลื่อนไหวในลักษณะขอการใช้สื่อ มีการรวมกันลักษณะของกองกำลังทั้งแบบเปิดเผย และไม่เปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากประวัติการจับกุมที่ จ.นครนายก จะเห็นความเคลื่อนไหวของเรื่องต่างๆ เหล่านี้
ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่มีอาวุธสงครามภายใต้กฎอัยการศึกจะเป็นอำนาจของทหาร หรือใช้กฎหมายปกติในการดำเนินคดี พ.อ.วินธัย กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ตามปกติยังสามารถดำเนินการได้อยู่ เช่น ตำรวจท้องที่ หรือตำรวจภูธร ก็ยังทำงานได้ตามปกติ แต่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะรับคดีไหนมาดำเนินการเอง
***กอ.รส.นัดประชุมร่วม7ฝ่ายหาทางออก
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า เวลา 13.30 น. วานนี้ (21 พ.ค.) กอ.รส. จะเชิญคณะบุคคลภาคส่วนต่างๆ ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศเข้าร่วมประชุม ได้แก่ รักษาการประธานวุฒิสกา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมคณะรวมทั้งหมด คณะละ 5 คน มาพูดคุยหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.)
***"นิวัฒน์ธำรง" ชิ่งส่ง"พงศ์เทพ"แทน
ต่อมา เวลา13.00 น. ตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ ได้ทยอยเดินทางมายังอาคารสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ที่ตั้งของ กอ.รส. เพื่อหารือร่วมกัน นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ ผอ.กอ.รส. พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ และตัวแทน ผบ.สส. ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. ประกอบด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส.
ขณะที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ
ตัวแทนวุฒิสภา ประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
ตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายประวิช รัตนเพียร นายบุญส่ง น้อยโสภณ และนายภุชงค์ นุตราวงศ์
ตัวแทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์
ตัวแทนกลุ่ม กปปส. ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข
ตัวแทนกลุ่ม นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ทหารได้เชิญสื่อมวลชน ออกจากอาคารสโมสรทหารบก ไม่ให้ติดตามรายงานข่าวในบริเวณดังกล่าว ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุม โดยให้ไปรอภายในอาคารกำลังเอก เพื่อรอแจ้งแถลงผลการหารือในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายนิวัฒน์ธำรง ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากมีภารกิจ จะขอส่ง 4 รัฐมนตรี ไปแทน
** ผบ.ทบ.ให้การบ้าน 5 ข้อขอคำตอบวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ปรากฏว่า ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายขึ้นรถกลับ โดยไม่ได้ให้สัมถาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
แหล่งข่าวในที่ประชุมกล่าวว่า การประชุมหารือครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็น และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา โดยถือเป็นสัญญาณสุภาพบุรุษ และขอให้นำข้อเสนอแต่ละฝ่าย รวมทั้งโจทย์จากพล.อ.ประยุทธ์ ไปหารือกันในกลุ่มของตน ก่อนกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง ในวันนี้ (22พ.ค.) เวลา 14.00 น.
โดยโจทย์ที่ต้องมีคำตอบ 5 เรื่อง คือ 1.การปฏิรูปจะทำอย่างไร จะปฏิรูปก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง 2.รัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลเฉพาะกาล จะได้มาอย่างไร 3.ควรจะมีการทำประชามติหรือไม่ 4.การสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งควรจะทำอย่างไร และ 5.ขอให้ผู้ชุมนุม กปปส. และ นปช. ยุติการชุมนุมเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย สามารถนำไปสู่บรรยากาศการเลือกตั้งที่สำเร็จได้
พ.อ.วิธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วยพ.อ.หญิงสิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุม ว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี มีความตั้งใจนำความคิดเห็นมาพูดคุยกับภาคส่วนอื่นๆ มีการแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอของแต่ละฝ่าย ซึ่งแต่ละฝ่ายเข้าใจเหตุผลของกันและกัน ที่ประชุมไม่มีท่าทีที่บึ้งตึง และมีเสียงหัวเราะบางช่วง แม้จะมีข้อเสนอที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ เบื้องต้นที่ประชุมเห็นร่วมกัน หลังประกาศใช้กฎอัยการศึก ทำให้บรรยากาศของประเทศดีขึ้น และท่าทีของวันนี้ได้แสดงความคิดเห็นทิศทางเดียวกัน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติใดๆ เกิดขึ้น มีเพียงการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอของแต่ละฝ่าย พร้อมให้โจทย์แก่ทุกฝ่ายกลับไปหารือภายในกลุ่ม ก่อนจะมาประชุมอีกครั้งในวันนี้ เวลา 14.00 น.
ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่า ต้องการให้ประเทศเกิดความสงบ และคืนความสุขให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด และพอใจผลการประชุม ไม่มีการยื่นเงื่อนไขให้แต่ละฝ่ายยุติการชุมนุมแต่อย่างใด มีเพียงการกำชับให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติตามประกาศ และคำสั่งของ กอ.รส. อย่างเคร่งครัด
"วันนี้ผบ.ทบ. ไม่ได้เสนออะไรในที่ประชุม หรือมีข้อขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายแสดงทัศนะอย่างเต็มที่ ซึ่งผบ.ทบ.ก็ตั้งใจรับฟัง และไม่ได้ตอบโต้ความคิดเห็นของคนอื่นเลย" พ.อ.วินธัยกล่าวและว่า ผบ.ทบ. ได้ฝากความหวัง ให้แต่ละฝ่ายนำข้อเสนอในวันนี้กลับไปตัดสินใจ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีทางออกร่วมกันได้
***"บิ๊กตู่"ย้ำบ้านเมืองไม่สงบไม่เกษียณ
รายงานข่าวจากที่ประชุม กอ.รส.กับตัวแทน 7 ฝ่ายแจ้งว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปได้ด้วยดี มีบางช่วงพูดจากันดีบ้าง บางช่วงก็ถกเถียงกันบ้าง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับที่ประชุม ถึงการประกาศกฎอัยการศึก เพราะไม่อยากเห็นคนออกมาฆ่ากัน ซึ่งแต่ละฝ่ายที่มาร่วมก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหา จึงอยากให้มีการคุยให้จบในวงนี้ รวมทั้งต้องมีการแก้ปัญหาให้จบก่อนตนเกษียณ เพราะไม่อยากให้ผู้ที่จะมารับช่วงต่อต้องมาคอยแก้ความขัดแย้ง และหากแก้ปัญหาไม่จบ ตนจะไม่ยอมเกษียณ
**"ประยุทธ์"ขอสัญญาลูกผู้ชายปิดเนื้อหา
นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า บรรยากาศในการหารือเป็นไปได้ด้วยดี โดยพล.อ.ประยุทธิ์ เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เสนอปัญหา และแนวทางที่เห็นว่าจะเป็นทางออกของประเทศ โดย กกต.ในฐานะฝ่ายปฏิบัติ ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ซึ่งได้พูดถึงภาระหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจัดการเลือกตั้ง และได้บอกว่า หากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น สถานการณ์การเมืองต้องสงบลงเสียก่อน แต่ทั้งนี้ คู่ขัดแย้งแต่ละฝ่าย ยังคงยืนในจุดยืนของตนเอง ทาง ผบ.ทบ. จึงให้การบ้านแต่ละฝ่าย 4-5 ข้อ ให้กลับไปคิดทบทวน เพื่อนำมาหารืออีกครั้งในวันนี้ เชื่อว่าจะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ยังไม่มีการพูดถึงนายกฯ คนกลาง
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาฯ กตต. กล่าวว่า การอภิปรายในที่ปรุชุม ทุกฝ่ายได้อภิปรายอย่างอิสระ มีการหยิบยกแนวทางการปฏิรูปและการเลือกตั้ง โดยทางผบ.ทบ.มีเจตนาเพื่อต้องการให้บ้านเมืองสงบ พร้อมเสนอว่า ขอให้มวลชนของแต่ละฝ่ายกลับบ้านกันไปก่อน ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ยังได้กำชับต่อที่ประชุม ให้สัญญาลูกผู้ชายว่า ทุกฝ่ายจะไม่นำเนื้อหาในที่ประชุมไปเผยแพร่ เพราะอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันได้ รวมถึงในวันนี้ ก็จะมีข้อสรุปอยู่แล้ว
**กกต. ชง 2 แนวทางจัดการเลือกตั้ง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต. ได้ยืนยันต่อที่ประชุมว่า การเลือกตั้งเป็นทางออกของประเทศ เพียงแต่จะต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม ให้การเลือกตั้งเกิดความสงบเรียบร้อย หลังการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับได้ โดย กกต. ได้เสนอแนวทางต่อที่ประชุมจำนวน 2 แนวทาง คือ 1.ให้จัดการเลือกตั้ง โดยเร็วใน 5 เดือนนับจากนี้ โดย 3 เดือนแรก จะเป็นการเตรียมการ สร้างบรรยากาศ สร้างกลไก ที่เหมาะสม ให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม และใช้เวลา 2 เดือน จัดการเลือกตั้งตามกรอบของกฎหมาย และแนวทางที่ 2 คือ ให้มีการเลือกตั้งในช่วง 1-2 ปี หลังจากนี้ ซึ่งฝ่ายที่เลือกแนวทางนี้ จะต้องเสนอกลไกการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย มีหลักประกันว่าเป็นคนที่ทุกฝ่ายยอมรับอย่างแท้จริง ส่วนที่รัฐบาลเสนอให้จัดการเลือกตั้ง วันที่ 3 ส.ค.นั้น กกต. เห็นว่า เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว จำเป็นต้องมีการหารือกับ กอ.รส. ด้วย
** "สุรชัย"คาดน่าจะมีทางออกประเทศ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ว่าที่ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภาไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่จะรอฟังคำตอบจากเวทีนี้ว่า หาทางออกให้กับประเทศได้หรือไม่ ดูลู่ทางเริ่มดีแล้ว ทุกคนให้เกียรติในที่ประชุม แต่ยังมีความเห็นที่ต่างกัน เกี่ยวกับวิธีการ ก็ค่อยปรับเข้าหากัน ซึ่งการนัดหารืออีกครั้งในวันนี้ เพื่อที่จะฟังคำตอบ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้การบ้านกับฝ่ายการเมือง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และ นปช. ขอให้กลับมาตอบในที่ประชุมว่า เห็นด้วยหรือไม่ ส่วนตัว และ กกต. จะไปเป็นสักขีพยานในการให้คำตอบของกลุ่มต่างๆ ซึ่งการบ้านเป็นเพียงคำขอร้องของ ผบ.ทบ. แต่ไม่ได้คาดคั้นว่า จะต้องยุติการชุมนุม แต่ได้เสนอว่า ระหว่างนี้กลับบ้านกันไปก่อน ได้หรือไม่
ส่วนการบ้านที่ให้ไปเป็นประเด็นเกี่ยวกับทางออกของประเทศ จากที่แต่ละฝ่ายเสนอมา ก็ให้แต่ละฝ่ายไปคิดคำตอบ ถ้าวงขัดแย้ง หาทางออกได้ก็จบ ในส่วนของรัฐบาล พูดถึงกรอบทิศทางที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ส่วน นปช. ก็เสนอให้ทำประชามติ นายสุเทพ ก็ยืนยันว่า ต้องมีรัฐบาลเฉพาะกิจที่มีอำนาจเต็มมาบริหารประเทศชาติ ไม่เช่นนั้นประเทศก็จะเสียหาย นายอภิสิทธิ์ ก็ยืนยันแนวทางที่เคยเสนอไว้เดิม ส่วนจะปรับไปในทิศทางเดียวกันอย่างไร คงตอบแทนไม่ได้ แต่ทิศทางที่ได้ไปสังเกตการณ์ น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ มีโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะทุกคนไม่ได้มีท่าทีแข็ง และมีท่าทีอ่อนลง พูดจามีเหตุมีผลมากขึ้น ต่างกับบรรยากาศบนเวทีปราศัย ถือเป็นสิ่งที่ดี ขอชื่นชมและขอขอบคุณแทนด้วยว่าคุยกันด้วยเหตุผลแบบนี้แล้วประเทศก็จะมีทางออก ส่วนการนัดประชุมในวันนี้จะได้ข้อสรุปเลยหรือไม่ ยังไม่ทราบ ต้องรอดู สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลลาออก ก็ไม่ได้มีการพูดประเด็นนี้
**ปชป.รับยังไม่เห็นแสงจากปลายอุโมงค์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากที่วงหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับผู้แทนกลุ่มต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว แกนนำพรรค ที่เข้าร่วมหารือ คือ นายจุติ ไกรฤกษ์ นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้เดินทางกลับมาถึงที่ทำการพรรค ยกเว้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่ได้เดินทางกลับมาด้วย โดยแต่ละคนปฎิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว โดยบอกเพียงว่า ผบ.ทบ.ได้ขอร้องว่า อย่านำเรื่องที่หารือไปพูดข้างนอก เพราะการหารือยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากจะต้องมีประชุมอีกครั้งในวันนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือ ผบ.ทบ. ได้เปิดให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มเสนอความคิดเห็น โดยเริ่มจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ตามด้วยนายอภิสิทธิ์ และเรียงไปจนครบทุกกลุ่ม ซึ่งตัวแทนแต่ละคนต่างเสนอจุดยืนตามที่ได้เคยเสนอผ่านสื่อมาแล้ว และไม่สามารถหาข้อสรุปได้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงให้ทุกกลุ่มกลับไปคิด และนัดหารือใหม่ ในวันที่ 22 พ.ค. ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมต่างรู้สึกว่า วงหารือในครั้งนี้ ยังไม่มีข้อเสนอที่เป็นทางเลือกใหม่ จึงยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และไม่แน่ใจในการหารือวันที่ 22 พ.ค. จะสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้
** พท.ย้ำนายกฯคนกลางเป็นไปไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย นำโดยนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย เสนอว่า พรรคพร้อมให้ความร่วมมือกับ กอ.รส. ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ สิ่งใดทำได้แก้ไขได้ ก็ให้ดำเนินการไปก่อน แต่มองว่านายกรัฐมนตรีคนกลางเป็นไปไม่ได้
ขณะที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล โดยนายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม ระบุว่า เมื่อยุบสภาแล้ว ก็ต้องให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสิน ขณะนี้มีการประกาศกฎอัยการศึก ก็ยิ่งมีโอกาสที่การจัดการเลือกตั้ง จะเกิดความสำเร็จ การปฏิรูปไม่สามารถทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สิ่งใดทำได้ก่อนเลือกตั้งควรทำไปก่อน แต่หากสิ่งใดเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไป ให้รอดำเนินการหลังมีสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
ส่วนประเด็นนายกรัฐมนตรีคนกลางที่มีอำนาจเต็ม น่าจะเป็นไปไม่ได้ในทางกฎหมาย หากประเมินแล้วยังเกิดความเห็นต่าง ก็ควรทำประชามติ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เสนอแนวทางของพรรคว่า ปัญหาขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว จะทำให้ทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อย เพราะความขัดแย้งยังคงอยู่ การเลือกตั้งภายใต้การประกาศใช้กฎอัยการศึก จะส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
**"ตู่"ท้าทำประชามติ ปม"ปฏิรูป"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า จุดยืนของ นปช.เป็นจุดยืนบนหลักประชาธิปไตย การเลือกตั้งในช่วงสถานการณ์การเมืองขณะนี้สำเร็จยาก ดังนั้น ควรมีการจัดทำประชามติ ถามประชาชนว่า ต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งหรือต้องการเลือกตั้งก่อนการปฏิรูป โดยให้มีการจัดทำประชามติในเดือนก.ย. และหลังจากนั้นอีก 2 เดือน ประมาณเดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. ถึงจัดการเลือกตั้ง
***"สุเทพ"ยืนท่าทีต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีแล้ว เป็นหน้าที่ของวุฒิสภา ที่จะต้องดำเนินการหานายกรัฐมนตรีตัวจริง ต้องจัดตั้งรัฐมนตรีที่ไม่เป็นนักการเมือง ควรต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากจัดการเลือกตั้งทันที ก็จะได้รัฐบาลที่มาจากวงจรเดิมๆ และไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ เพราะจะเป็นการสร้างความขัดแย้งเรื่องใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
**"นิวัฒน์ธำรง"เผ่นกลับไปนั่งที่พาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.40 น. วานนี้ (21 พ.ค.) นายนิวัฒน์ธำรง เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ที่กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ ซึ่งหลังจากนี้ นายนิวัฒน์ธำรง จะใช้กระทรวงพาณิชย์เป็นสถานที่ทำงานแทนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) เมืองทองธานี
ขณะเดียวกันนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งไปยังข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สป.กห. ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องเข้าไปทำงานที่สป.กห.แล้ว และขอให้กลับไปทำงานในที่ตั้ง และทำงานในหน้าที่รับผิดชอบ ส่วนการสั่งงานจะมีการสั่งงานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ ทันทีที่นายนิวัฒธำรง เดินทางถึงกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เข้าหารือที่ชั้น 11
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่รัฐบาลเปลี่ยนสถานที่ทำงานจาก สป.กห. มาเป็นที่กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ สืบเนื่องจากการประชุมครม. อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา นายนิวัฒน์ธำรง ได้สั่งให้รัฐมนตรีทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แม้จะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ส่วนตนเองจะเข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ หากกระทรวงใดยังไม่สามารถเข้าทำงานได้ ก็ให้เข้าดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแทน และจะใช้เป็นที่ทำงานหลัก ในการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และในการเรียกประชุมบริหารราชการแผ่นดิน
นายสุรนันทน์กล่าวว่า การเปลี่ยนที่ทำงานรัฐบาลชั่วคราว จาก สป.กห. เมืองทองธานี มาเป็นที่กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้มีปัญหากับทางกองทัพ หลังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพียงแต่ในการประชุม ครม.อย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เห็นว่า เรื่องของความมั่นคง ทหารก็ดูแลไป ขณะที่รัฐมนตรียังต้องทำงาน ดังนั้นควรเข้ากระทรวงทำงาน ภายใต้ข้อจำกัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 การทำงานบริการประชาชน มันหยุดนิ่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด และนายนิวัฒน์ธำรง เป็นรมว.พาณิชย์ด้วย ดังนั้นต้องกลับมานั่งทำงานที่กระทรวงพาณิชย์ ก็แค่นั้น
***พท.ถกแกนนำวางกรอบคุย7ฝ่าย
ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทย ตัวแทนรัฐบาล ตัวแทน นปช. อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายชัยเกษม นิติสิริ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ที่ได้ร่วมพูดคุยหาทางออกประเทศ ที่สโมสรกองทัพบก ได้ทยอยเดินทางมาร่วมกำหนดท่าทีที่เตรียมจะไปพูดคุยกันอีกครั้งในวันนี้ โดยนายนิวัฒน์ธำรง ที่ปฏิเสธเข้าร่วมประชุมกับตัวแทน7ฝ่าย ได้มาประชุมร่วมกับแกนนำพรรคที่ชั้น10ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรอบการเจรจาในวันนี้ โดยหลักการจะต้องยึดตัวบทกฎหมายและรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยจะเสนอให้ กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด หรือจะมีการปฏิรูปในบางเรื่องที่ทำไปพร้อมกับการเลือกตั้งได้ ก็ให้ดำเนินการไปพร้อมกัน เช่น การแก้ไขระเบียบกกต. เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยที่กกต.สามารถดำเนินการได้เลย นอกจากนี้ ก็มีหารือถึงข้อเสนอเรื่องการตั้งรัฐบาลแห่งชาติหลังการเลือกตั้ง โดยที่รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จะเข้ามาทำหน้าที่ปฏิรูประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยทำหน้าที่ 1 ปี ถึง 1ปีครึ่ง หลังจากนั้นให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ขณะเดียวกันก็ได้นำข้อเสนอของฝ่ายตรงข้ามทั้งการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลมาหารือ โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาดูว่าสามารถทำได้จริงตามหลักของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญหรือไม่
ด้านนายนิวัฒน์ธำรงกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า หลักการของรัฐบาลยังคงเหมือนเดิม คือทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และหลักการประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา10.30 น. ตัวแทนของรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางมาประชุมกันที่พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันก่อนจะเดินทางไปประชุมร่วมกันทั้ง7 ฝ่าย ที่สโมสรทหารบกเวลา 14.00 น.
***"จาตุรนต์"อัด"ประยุทธ์"เล่นผิดบท
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ โพสต์เฟสบุ๊กว่า เห็นข่าวที่ กอ.รส. มีหนังสือเชิญบุคคลสำคัญหลายฝ่ายไปประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองแล้ว ก็พอเข้าใจได้ว่า กอ.รส. และผบ.ทบ. คงพยายามจะแสดงบทบาทในการแก้ปัญหาตามแนวทางของตน แต่คิดว่าขณะเดียวกัน ก็แสดงว่า ผบ.ทบ.กำลังสับสน และเข้าใจผิดในสถานะของตัวเองเอามากๆ ผบ.ทบ.และ กอ.รส. มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่มีหน้าที่และยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางการเมืองด้วย จึงไม่ควรวางตัวเป็นผู้ที่จะมาแก้ปัญหาการเมืองของประเทศอย่างที่ทำอยู่ ดูรายชื่อผู้ถูกเชิญก็ยิ่งพบว่า เป็นความเข้าใจผิดในสถานะของตัวเองหนักเข้าไปใหญ่ ผบ.ทบ. เชิญรักษาการประธานวุฒิสภา และ กกต.ทุกคนไปประชุมได้อย่างไร ควรจะให้ท่านเหล่านี้ เชิญ ผบ.ทบ.ไปประชุม จึงจะถูก หรือไม่ ผบ.ทบ. ก็ควรจะขอเข้าพบ เพื่อไปสอบถามว่าองค์กรเหล่านี้ต้องการให้ดูและความปลอดภัยอย่างไร ยิ่งการเชิญรักษาการนายกฯ และคณะก็ยิ่งผิดใหญ่ ผบ.ทบ.เทียบเท่าอธิบดี จะมาเชิญนายกฯ ไปประชุม ไม่ถูกต้องแน่
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เข้าใจว่า ผบ.ทบ. คงเข้าใจผิดระหว่างการประกาศกฎอัยการศึกกับการทำรัฐประหาร ความแตกต่างระหว่างบทบาท ผบ.ทบ. กับบทบาทของหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่ ผบ.ทบ.แสดงออกอยู่ในวันสองวันนี้ ค่อนไปทางเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารเสียมากกว่า ไม่ทราบว่าจำวันเวลาผิดหรือเปล่า ติดตามจากข่าวเกี่ยวกับการประชุมหัวหน้าส่วนราชการก็พบว่าผบ.ทบ.คงนึกว่าตนเองเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารจริงๆ ดูจากการพูดจาเหมือนวางตัวเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการทุกกระทรวงไปแล้ว ซ้ำร้ายยังไปเที่ยวออกคำสั่งให้พนักงานสอบสวนไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาด้วย ไหนบอกว่าจะรักษากฎหมาย เริ่มต้นก็ไม่เคารพกฎหมายแล้ว จะไปแก้ปัญหาบ้านเมืองที่เกิดจากสภาพที่กฎหมายไม่เป็นกฎหมายได้อย่างไร
***กอ.รส.ประกาศห้ามจับชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะประชุมร่วมกับ 7 ฝ่าย กอ.รส. ได้ออกประกาศ ฉบับที่ 7 เรื่อง "ให้ระงับการใช้กฎหมายทั้งปวงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำผิดเป็นการชั่วคราว" โดยมีเนื้อหาระบุว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้มีการประชุมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในวันที่ 21 พ.ค. 2557 นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 แห่งพ.ร.บ.กฎอัยการศึก 2457 ให้ระงับการใช้กฎหมายทั้งปวงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำผิดเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2557 เวลา 13.00 น. จนสิ้นสุดการประชุมและเดินทางกลับ เฉพาะพื้นที่จัดการประชุมและพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องตามประกาศ กอ.รส.ฉบับที่ 6/2557 สามารถเข้าร่วมประชุมได้
***ดีเอสไอสวนบุกรวบตัว "ดร.เสรี"
แม้จะมีประกาศจาก กอ.รส. แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าจับกุมตัว ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 ผู้ต้องหาแกนนำ กปปส. ที่ศาลอาญาออกหมายจับฐานกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา ระหว่างเดินทางกลับจากสหรัฐฯ หลังจากเดินทางไปร่วมงานพิธีวิวาห์หลานชาย ด้วยเที่ยวบิน TG 641 ขณะที่เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ (21 พ.ค.) ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ทั้งนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าจับกุมตัว ดร.เสรีจริง เพื่อรับตัวไปดำเนินการส่งศาล
ต่อมา ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ควบคุมตัว ดร.เสรี มารายงานตัวต่อพนักงานฝ่ายคดีพิเศษ 4 พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและบันทึกคำให้การคดีในชั้นสอบสวน ก่อนนำตัวมายังศาลอาญา เพื่อยื่นฟ้องคดี โดยศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1328/2557 ซึ่งศาลสอบคำให้การแล้วจำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จึงนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ทางด้านทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย 6 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว และได้รับอนุญาต พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่นปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายใดๆ กระทบต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีต่อประชาชน หรือกระทำการใดๆเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นจะได้รับอนุญาตจากศาล
ทางด้าน ดร.เสรีกล่าวว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐฯ โดยไปร่วมงานแต่งหลานชาย ซึ่งได้วางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้ว และก่อนเดินทาง ก็ยังไม่มีหมายจับ หมายจับออกมาทีหลัง จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการหนีหมายจับ และเมื่อกลับมาประเทศไทย ก็ตั้งใจว่าจะเข้ามอบตัวอยู่แล้ว โดยได้มีการประสานทนายความโดยตลอด ไม่เคยคิดหนี เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดตามข้อหา โดยเฉพาะคำว่ากบฎ
*** กปปส. นัดประชุมใหญ่23-26พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ ได้ประชุมร่วมกับแกนนำ กปปส. หลังการประชุมร่วมกับ กอ.รส. และมีมติว่าจะมีการประชุมเครือข่ายตัวแทน กปปส. ทั่วประเทศ และในองค์กรต่างๆ ในวันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 11.00 น. บนถนนราชดำเนินกลาง บริเวณใต้โดมหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่จะส่งตัวแทนแกนนำ กปปส. เข้าร่วมประชุมกับ กอ.รส. เป็นครั้งที่ 2 เวลา 14.00 น. โดยยังยืนยันเชิญชวนผู้ชุมนุมออกมาร่วมกันแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ตั้งแต่เวลา 17.00 - 21.00 น. ในวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. เสาร์ที่ 24 พ.ค. และ อาทิตย์ที่ 25 พ.ค. ตามที่ได้กำหนดไว้ แต่เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในประกาศ กอ.รส. จึงขอเปลี่ยนสถานที่เป็นบนถนนราชดำเนินจุดเดียวเท่านั้น ส่วนวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. เวลา 19.00 น. ขอนัดผู้ชุมนุมบริเวณสนามหลวงเช่นเดิม
***เตรียมรถเมล์-รถไฟส่งคนกลับบ้าน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ตั้งศูนย์ประสานงานขึ้นมาทำงานควบคู่กับกอ.รส. หลังจากได้รับรายงานข้อมูลจากปลัดกระทรวงคมนาคมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปจัดเตรียมแผนการให้บริการขนส่งประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกลุ่มต่างๆ เดินทางกลับบ้าน ซึ่งได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการเพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว และยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้รถเมล์กี่คัน รถไฟกี่ขบวน เพราะยังไม่ทราบจำนวนคน แต่ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยเป็นการให้บริการฟรี
***สั่ง 2 ม็อบชุมนุมในพื้นที่ที่กำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น. วานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกคำสั่ง กอ.รส. ฉบับที่ 13/2557 ให้กลุ่มมวลชนชุมนุมในพื้นที่ที่กำหนด โดยกลุ่ม กปปส. และมวลชนที่สนับสนุน ให้ทำการชุมนุม ณ ถนนราชดำเนิน และศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และกลุ่ม นปช.และมวลชนที่สนับสนุน ให้ทำการชุมนุม ณ ถนนอุทยาน
***ทหารเท่านั้นพกพาอาวุธได้
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังออกคำสั่ง กอ.รส. ฉบับที่ 14/2557 เรื่อง การใช้อาวุธและการใช้กำลังในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ โดยให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น สามารถพกพาและใช้อาวุธสงคราม เพื่อการปฏิบติภารกิจต่างๆ ตามที่ได้รับมอบ ส่วนกำลังประเภทอื่นๆ ห้ามพกพาและใช้อาวุธสงครามโดยเด็ดขาด เว้นในส่วนของกำลังตำรวจตระเวนชายแดน ที่ปฏิบัติภารกิจสนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดน และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในภาค 4 ส่วนหน้า ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบติภารกิจการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธทุกชนิดออกจากที่ตั้งหน่วย เว้นแต่จะได้รับอนุมติจากแม่ทพภาค ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาค ในแต่ละพื้นที่