"ประยุทธ์" ทุบโต๊ะตัดสินใจยึดอำนาจ หลัง"ชัยเกษม"ยืนกรานรัฐบาลไม่ลาออก ตั้ง คสช. มี"บิ๊กตู่" หัวหน้าคณะ ให้ รธน.สิ้นสุดชั่วคราว ครม.หมดอายุ วุฒิสภา-องค์กรอิสระยังอยู่ ประกาศเคอร์ฟิว 4 ทุ่ม ถึงตี 5 สื่อวิทยุ ทีวี เคเบิ้ลทีวีงดการออกอากาศรายการปกติ สลายการชุมนุม เรียกอดีตครม.รักษาการ ร่ายงานตัว ล็อกแกนนำ กปปส.-นปช. - เหลิม-ลูกดวง คุมตัวที่ ร.1 รอ. ด้านมวลชน กปปส.เฮรับปฏิวัติ "สุรชัย" หวังมีการปฏิรูปประเทศจริงจัง
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้( 22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนจาก 7 ฝ่าย ได้ทยอยเดินทางมายังอาคารสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ที่ตั้งของกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) เพื่อหารือร่วมกัน เป็นวันที่ 2 ตามประกาศของ กอ.รส. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ ผอ.กอ.รส. พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ และตัวแทน ผบ.สส.ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. ประกอบด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. และพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส.
ขณะที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ตัวแทนวุฒิสภา ประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
ตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายประวิช รัตนเพียร นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ และ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์
ตัวแทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ นายศิริโชค โสภา นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์
ตัวแทน กปปส.ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
ตัวแทน นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
**"ประยุทธ์"ยันต้องรับผิดชอบแผ่นดินนี้
สำหรับฝ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่เข้าหารือ ได้แก่ ฝ่ายรัฐบาล โดยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รมว.พลังงาน ไม่ได้เข้าหารือด้วย โดยมีนายชัชชาติ และนายทนุศักดิ์ เข้าหารือแทน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ไมได้เข้าหารือในวันนี้ โดยมีนายศริโชค เข้าหารือแทน
ขณะที่ฝ่ายกกต.มีนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ เข้าหารือเพิ่ม โดยการหารือ กอ.รส. ยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าพื้นที่ภายในอาคารสโมสรทหารบก ซึ่งใช้เป็นสถานที่หารือ โดยให้สังเกตการณ์อยู่บริเวณภายนอกอาคาร ทั้งนี้ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า สิ่งหนึ่งที่ตนเป็นห่วง คือเราไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหากันต่อไป หรือมีความขัดแย้งต่อไปโดยที่ไม่มีทางออกได้ ซึ่งต้องเริ่มที่ตัวของตนเองก่อน คือพร้อมทำทุกอย่างให้เกิดความสันติสุขโดยเร็ว ทุกท่านให้เกียรติกองทัพ และการประกาศกฎอัยการศึกนั้น ตนคิดว่าหลายท่านมีข้อขัดแย้ง แต่ตนเรียนว่า ตนทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้เกิดความสงบสุข และไม่ต้องมากังวลแทนตนเพราะไม่ว่าจะผิดหรือถูกอย่างไร ตนรับผิดชอบทุกประการ เพราะตนเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ เป็นหนี้แผ่นดินนี้ ก็จำเป็นจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ และพยายามใช้อำนาจความมั่นคงเป็นหลัก แต่มีความเกี่ยวพันกันในหลายมิติ หากก้าวล่วงอะไรไปบ้างหรือใช้อำนาจอะไรไปบ้างต้องขออภัย อย่างไรก็ตาม ตนให้เกียรติทุกท่านเสมอ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศภายในห้องรับรองนั้นเป็นไปด้วยดี ทุกคนเมื่อพบกันก็ได้ทักทายอย่างเป็นกันเอง อาทิ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ปฏิบัติหน้าที่รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีทักทาย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และจับมือทักทายกับนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และ ทางด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็ได้เดินทักทายกับหลายๆคนก่อนที่จะเข้ามาหยุดยืนคุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯกปปส. อยู่นานประมาณ 10 นาที ก่อนที่ทุกคนจะถูกเชิญให้เข้าห้องประชุมใหญ่พร้อมกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดโต๊ะนั่งในห้องประชุมนั้น เป็นโต๊ะยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า และให้นั่งกันคนละด้าน ได้แก่ เพื่อไทยกับนปช. , กปปส. กับ ประชาธิปัตย์ , รัฐบาลกับวุฒิสภา , ผบ.ทบ.กับผบ.เหล่าทัพและผบ.ตร. นั่งด้านที่เป็นหัวโต๊ะ ฐานะประธานที่ประชุม
อย่างไรก็ตาม การประชุมผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้หยุดพักการประชุมทันที เนื่องจากการพูดคุยกันในที่ประชุมมีการถกเถียงกันอย่างกว้าง เนื่องจากแต่ละฝ่ายไม่ยอมความมคิดเห็นของแต่ละฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายต้องการข้อเสนอของตัวเองเป็นหลัก
**"บิ๊กตู่" นำผบ.เหล่าทัพชิ่งเข้าร.1 รอ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกจากสโมสรทหารบก โดยนั่งรถประจำตำแหน่ง ออกไปเป็นคันแรก ไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) จากนั้นมีรถประจำตำแหน่งของ ผบ.เหล่าทัพ ได้แก่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ตามขบวนกันออกไป
กระทั่งเวลา 16.40 น. ผู้สื่อข่าวที่ยืนรอทำข่าวการหารือของ7 ฝ่าย เพื่อหาทางออกประเทศ ต้องอยู่ในอาการตกตะลึง เมื่อทหารนำรถจีเอ็มซี จำนวน 3 คัน มาปิดที่บริเวณถนนเข้าออกสโมสรทหารบก และอีก 2 คัน ปิดที่ทางแยกไปยังอาคารกำลังเอก ที่ใช้ทำงานของสื่อมวลชน รวมไปถึงจอดขวางบนเส้นทางที่จะออก ถ.วิภาวดีรังสิต ด้วย
จากนั้นก็มีทหารจำนวนมาก พร้อมอาวุธครบมือมายืนตั้งแถวกันผู้สื่อข่าว และช่างภาพให้ออกห่างจากจุดดังกล่าว และให้ไปรวมตัวอยู่ที่อาคารกำลังเอก และให้รอฟังแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แต่ปรากฎว่า ผู้สื่อข่าวยังต้องการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณดังกล่าว ทำให้ทหารต้องเรียกกำลังมาเพิ่มเติม และให้อยู่ห่างจากถนน
**คุมแกนนำม็อบเข้าเซฟเฮ้าส์
ต่อมา มีรถตู้สีขาวจำนวน 5 คัน ได้ทยอยออกมาจากลานจอดรถด้านใต้สโมสรทหารบก ผ่านด้านหน้าอาคาร และผ่านหน้าผู้สื่อข่าวไป แต่ระหว่างที่ผ่านผู้สื่อข่าว ทำให้ขบวนรถตู้ต้องหยุดชะงัก เนื่องจากรถติด ขณะที่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพได้เข้าไปล้อมรถตู้บางคันเอาไว้ เพื่อดูว่าใครอยู่ภายใน ทำให้เห็นว่า รถตู้ทุกคันมีทหารนั่งอยู่ด้วย และพบว่ารถตู้คันแรก มีแกนนำ นปช. นั่งอยู่ภายใน และสังเหตุเห็นได้ว่า มีการนำผ้าสีดำมาปิดตา พร้อมมีทหารนั่งควบคุมตัวภายในรถด้วย คันถัดไปเป็นรถที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. แต่ไม่มีนำผ้าสีดำมาปิดตาแกนนำ กปปส. มีเพียงทหารพร้อมอาวุธครบมือ นั่งควบคุมตัว?อยู่
ทั้งนี้ ระหว่างที่ขบวนรถตู้นายสุเทพ หยุดชะงักนั้น ผู้สื่อข่าวสังเหตุเห็นว่า นายสุเทพ นั่งอยู่ภายในรถอย่างชัดเจน จึงกรูกันเข้าไปตะโกนสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ทหารรีบใช้ตัวบังนายสุเทพเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพได้ โดยนายสุเทพ โบกมือกับผู้สื่อข่าวเท่านั้น ขณะเดียวกันบริเวณดังกล่าวมีทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เข้ามาควบคุมพื้นที่ และกักบริเวณผู้สื่อข่าวพร้อมอาวุธครบมือ และใช้มาตรการควบคุมสูงสุด
สำหรับผู้เข้าร่วมการหารือ จากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย รัฐบาล วุฒิสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)นั้น ยังไม่ได้รับบการยืนยันวว่า ถูกควบคุมตัวออกไปหรือไม่ ซึ่งจากการที่ผู้สื่อข่าวพยายามติดตามไปยังโทรศัพท์ของแต่ละคนที่เข้าร่วมหารือนั้น พบว่าไม่สามารถติดต่อไป อย่างไรก็ตาม เวลา 17.30 น. ทหารได้ประกาศให้ผู้สื่อข่าวออกจจากพื้นที่สโมสรทหารบกทั้งหมด
** "ประยุทธ์"นำทีมยึดอำนาจ
เมื่อเวลา 17.07 น. วานนี้ (22พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) เป็นประธาน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. พร้อมด้วย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ออกแถลงการณ์ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กทม. เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆของประเทศในหลายพื้นที่ เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม
เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเขาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิต และประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ สำหรับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่ได้มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติตามที่รัฐบาลชุดเดิมได้ดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะยึดมั่นในความจงรักภักดีและจะปกป้อง เทิดทูน ดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทยและทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ประกาศ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557
** เผยนาทียึดอำนาจ
แหล่งข่าวจากที่ประชุม 7 ฝ่ายที่ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้กล่าวถึงบรรยากาศก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะประกาศยึดอำนาจ ว่า ผู้เข้าร่วมประชุมชุดเดิม ที่เดินทางไปต่างรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ ที่ทางกองทัพได้จัดกำลังทหารเข้ามาดูแลภายในตัวอาคารสโมสรกองทัพบก ที่ใช้เป็นสถานที่หารือจำนวนมาก และแต่ละคนจะพกอาวุธประจำกาย ขณะเดียวกันบรรดาเสนาธิการทหาร ก็ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา แม้จะมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำการในอาคาร แต่ก็ไม่มีการพกพาอาวุธ และแต่ละเหล่าทัพก็มีเพียงผู้นำ หรือตัวแทนเหล่าทัพบางคนเท่านั้น
นอกจากนี้ ก่อนการหารือยังได้มีการขอเก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของผู้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากการหารือ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ได้มีภาพภายในห้องประชุมออกไปเผยแพร่ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยากให้มีภาพในลักษณะดังกล่าวหลุดออกไปอีก และได้กันผู้ติดตามให้ไปรอผู้ร่วมประชุมอีกชั้นหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้เสนอแนวทางตามที่ได้ให้การบ้านไปก่อนหน้านี้ โดยแต่ละฝ่ายก็ยังคงนำเสนอแนวทางในมุมของตัวเอง ซึ่งเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศแล้ว เมื่อแต่ละฝ่ายไม่มีจุดร่วมที่ตรงกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอพักการประชุม และเชิญ แกนนำฝ่ายนปช. และ กปปส. ไปหารือร่วมกันอีกห้องหนึ่ง ประมาณ 45 นาที เมื่อกลับมาที่วงหารือแล้วก็ยังได้เชิญเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ไปพูดคุยกันส่วนตัวประมาณ 1 นาที ก่อนที่จะกลับมาที่วงหารือ และได้สอบถาม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาล ว่าตกลงรัฐบาลยืนยันไม่ลาออก ทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช่หรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษม ระบุว่า นาทีนี้ไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ จึงบอกว่า " ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง"
จากนั้นก็ได้เชิญ ตัวแทน ส.ว. และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกจากที่ประชุม โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้ แต่ขอให้ยังอยู่ในพื้นที่สโมสรทหารบก เพื่อรอเคลียร์บุคคลไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนตัวแทนจากฝ่ายอื่นๆ ก็ได้ถูกควบคุมตัวไปยังสถานที่สถานที่หนึ่ง
เมื่อเวลา 17.30 น. ด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถออกจากพื้นที่สโมสรได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเคลียร์คนออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้มีการควบคุมตัวกกต. หรือ ส.ว. แต่อย่างใด และเท่าที่เห็นบรรยากาศก็ยังไม่มีเหตุรุนแรง ส่วนกกต.จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นคงต้องรอดูประกาศคำสั่งของ คสช.ก่อนหากมีการฉีกรัฐธรรมนูญองค์กรอิสระก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน
**คสช.ประกาศเคอร์ฟิว4ทุ่มถึงตี5
เวลา 18.15 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ.อ่านแถลงการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2 เรื่อง การประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้ายึดอำนาจตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 16.30 น. เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นำความสงบสุขกลับคืนประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 ของกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นไ ปจนกว่าจะมีคำส่งเปลี่ยนแปลง
ต่อมา พ.อ.วินธัย ได้อ่านแถลงการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินกว่าเหตุและให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ตามกฎอัยการศึก เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เมื่อเวลา 18.40 น.นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานกรรมการฝ่ายจัดการ รถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า ตามที่มีการประกาศเคอร์ฟิวให้ประชาชนอยู่ในเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00น. -05.00 น. รถไฟฟ้าบีทีเอส จึงปรับเวลาการให้บริการถึงเวลา 21.00 น.ทุกเส้นทาง ส่วนในวันนี้จะเปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่เวลา 06.00 น. และจะพิจารณาการปิดให้บริการตามสถานการณ์
**ให้รธน.สิ้นสุดชั่วคราววุฒิฯ-องค์กรอิสระยังอยู่
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อ่านประกาศฉบับที่ 5 ระบุว่า ให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้วุฒิสภาที่เหลืออยู่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ให้ศาลคงมีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมาย และให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดย
1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว เว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์
2.คณะรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่
3.วุฒิสภายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้
4.ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณา และพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
5.องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
**ตั้ง"ประยุทธ์"หน.รักษาความสงบ
เวลา 19.17 น. ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 เรื่องแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรักษาสงบแห่งชาติ ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นเป็นเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ต่อมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 1/2557 โดยให้คณะรัฐมนตรีรักษาการที่เหลือทั้งหมด นำโดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งหมด มารายงานตัว ณ กองบัญชาการรักษาความสงบแห่งชาติ (กองบังคับการมหาดเล็กที่ 1 รักษาพระองค์)
เวลา 19.36 น. คสช. ได้ออกประกาศฉบับที่ 7/2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยห้ามมั่วสมุหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน สำหรับผู้ชุมนุมที่มีอยู่ในขณะนี้ ให้เดินทางกลับ
เวลา 20.55 น. คสช. ออกประกาศฉบับที่ 8/2557 เรื่องข้อยกเว้นการออกนอกเคหะสถาน ตามฉบับ ที่ 3 เพื่อบรรเทาผลกระทบการประกอบอาชีพ ให้ยกเว้น 1. ผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศ 2. เจ้าหน้าที่พนักงานที่ต้องปฏิบัติงานเป็นห้วงเวลา หรือเป็นผลัด 3. การเดินทางขนส่งสินค้ากิจการห้องเย็น นำเข้าส่งออกสินค้าที่มีอายุจำกัด 4. ผู้มีธุระจำเป็น เช่น ผู้ป่วย 5. ผู้มีกิจธุระจำเป็นอื่นๆให้ขออนุญาตทหารในเขตพื้นที่นั้นๆ
** กปปส.เฮรับปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เวทีการชุมนุมของ กลุ่มกปปส. บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แยกมัฆวาน ถนนราชดำเนินนอก หลังผู้ชุมนุม ทราบแถลงการณ์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ ออกแถลงการณ์ยึดอำนาจเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่ทราบผ่านจอโปรเจกเตอร์ที่ถ่ายทอดภาพจากสถานีโทรทัศน์ ต่างส่งเสียงเฮ พร้อมเป่านกหวีด แสดงความดีใจ
ต่อมาแกนนำ กปปส. และ แนวร่วม กปปส. เช่น นายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์, นายชุมพล จุลใส, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายถาวร เสนเนียม, เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ ได้ขึ้นเวทีชุมนุมองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) แจ้งข่าวเกี่ยวกับการควบคุมตัวแกนนำ กปปส. และ แกนนำ นปช. ให้กับผู้ชุมนุมได้รับทราบ และขอให้ผู้ชุมนุมใช้สติอยู่ในความสงบ รวมทั้งให้อยู่ในพื้นที่ชุมนุมห้ามเรียก หรือระดมมวลชนหรือเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นอย่างเด็ดขาด ขอให้รอฟังจากแกนนำ กปปส. เท่านั้น ที่สำคัญขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนมั่นใจในแกนนำ กปปส. จะไม่ทิ้งมวลชนและอยู่เคียงข้างไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ผู้ชุมนุม กปปส. ดำเนินกิจกรรมตามปกติเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. ได้แจ้งกับผู้ชุมนุม กปปส.ว่า แกนนำ กปปส. ที่ถูกควบคุมตัว คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยังอยู่ดี ในส่วนของ แกนนำ กปปส. ที่เหลือยังคงทำหน้าที่ชุมนุมต่อไป มองว่า การประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เป็นเรื่องที่ดีในการเปิดทางไปสู่การปฏิรูปประเทศและช่วยกำจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมทั้งยืนยันว่า แกนนำ กปปส. จะเฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาลเฉพาะกิจว่าจะปฏิรูปอยู่ในแนวทางเคลื่อนไหวของประชาชนหรือไม่
ต่อมาพ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน ผู้บังคับการ กรมนักเรียน โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ทำหน้าที่เข้าเจรจากับนายถาวร เสนเนียม และแกนนำกปปส.ที่เหลือ เพื่อขอคืนพื้นที่ถนนราชดำเนิน พร้อมให้ยุติการชุมนุมของกลุ่มกปปส. โดยนายถาวร กล่าวว่า ทหารได้เข้ามาขอความร่วมมือให้ยุติการชุมนุม โดยทหารจะส่งรถบัสมารับผู้ชุมนุมโดยแบ่งเป็นภาคเพื่อจัดส่งกลับบ้านภายในคืนนี้ โดยรถจะรอรับผู้ชุมนุมที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลา 19.00 น. พร้อมยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ไม่ใช่การสลายการชุมนุมแต่อย่างใด
ขณะที่แกนนำกปปส.ทุกคนจะรอส่งผู้ชุมนุมจนถึงคนสุดท้าย ส่วนท่าทีหลังจากนี้นายถาวรจะหารือกับแกนนำอีกครั้ง เนื่องจากแกนนำยังคงถูกออกหมายจับ ส่วนเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ได้ประกาศให้มวลชนทยอยกลับบ้านแล้ว
**ล็อกหมอเหวง ที่ถนนอักษะ
อีกด้านหนึ่งที่ถนนอุทยาน เขตทวีวัฒนา กำลังทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยเริ่มจากไล่เช็กชื่อการ์ด นปช. ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนได้เก็บข้าวของหลบหนี เพื่อเร่งเดินทางกลับ โดยทหารได้ควบคุมตัว นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. และแจ้งให้ผู้ชุมนุม นปช. ออกจากพื้นที่ถนนอุทยาน ทหารจะพากลับ ซึ่งมวลชน นปช. ส่วนหนึ่งเริ่มแห่กลับบ้าน ขณะที่บางส่วนไม่ยอม
ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ มีรายงานว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้รีบเดินทางออกจากกระทรวงพาณิชย์ไปประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะมีการยึดอำนาจ
**คุมตัว"เหลิม"พร้อม"ลูกดวง"ไป ร.1
เมื่อเวลาประมาณ 20.20 น.วานนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายดวง อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน ว่า ขณะนี้ ตนกำลัง อยู่บนรถกับบิดา และทหารกำลังนำตัวไปที่ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.)
**สุรชัย หวังมีการปฎิรูปประเทศจริงจัง
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 กล่าวภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการรัฐประหาร ว่า ขณะนี้ได้แจ้งให้ ส.ว.ได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ยกเลิกการประชุมส.ว.ในวันนี้ไปก่อน เพื่อรอติดตามประเมินสถานการณ์ สำหรับการประกาศยกเลิกองค์กรรตามรัฐธรรมนูญ คงต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ คสช. ว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งตนได้แจ้งให้ส.ว. ติดตามสถานการณ์ แต่เห็นว่า มีความเป็นไปได้หลายแนวทาง เช่น ยกเลิกรัฐธรรมนูญ แล้วร่างใหม่ทั้งฉบับ หรืออาจยกเลิกบางหมวด และคงไว้ในบางหมวดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ทั้งนี้ เห็นว่าน่าเสียดายที่วุฒิสภาได้พยายามทำงานทุ่มเทมาตลอด 2 สัปดาห์ แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีใครยอมใคร จนต้องมาลงเอยกันแบบนี้ แต่เชื่อว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คนเหล่านั้นคงเปลี่ยนใจ
" เรื่องนี้เป็นบทเรียนโดยเฉพาะนักการเมืองว่า การเอาชนะคะคานกัน จะนำไปสู่จุดดับของประเทศ และจะวนเวียนอยู่เช่นนี้ จึงหวังว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อจากนี้จะได้ตระหนักและนำไปเป็นบทเรียนต่อไป" นายสุรชัย กล่าว
นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนตัวคาดหวังว่า กับการดำเนินการครั้งนี้ว่าจะนำไปสู่การปฎิรูป และแก้ไขปัญหาของประเทศในเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง และมาเริ่มต้นกันใหม่ ไม่ทำเหมือนกับที่ผ่านมา โดยเฉพาะการวางโครงสร้างองค์กรต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ เพราะทุกคนมีบทเรียนกันมาแล้ว และหวังว่าหลังจากนี้จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศร่วมกันเพื่อพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมกับเพื่อนบ้านเพราะปีหน้าจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน