เหตุผลสำคัญที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศกฎอัยการศึก คือ มีการใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชน กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เพราะตั้งแต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตลอดเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา อาวุธสงครามถูกขนมาถล่มใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยที่ตำรวจไม่สามารถดูแลความปลอดภัยได้
และไม่เคยจับกุมคนร้ายแม้แต่รายเดียว แม้จะมีหลักฐานอย่างชัดเจนก็ตาม
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงได้ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจงใจแสดงความหย่อนสมรรถภาพอย่างออกนอกหน้า
ปรากฏการณ์ที่ตามมาคือ อาวุธสงครามถูกลำเลียงเข้ามาทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ และคุกคามกลุ่มต่างๆ หนักขึ้น
นอกเหนือจากกลุ่มคนเสื้อแดงและเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยแล้ว อาวุธสงครามปลิวว่อนไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่สถาบันจุฬาภรณ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล องค์กรอิสระแทบทุกแห่ง และกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เด็กไร้เดียงสาหลายชีวิตต้องเซ่นสังเวยคนที่มีใจอำมหิต ประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมหลายสิบชีวิตต้องดับดิ้นจากการลอบทำร้าย
แม้จะระบุตัวคนร้ายที่ปฏิบัติการเย้ยกฎหมายอย่างไร้มนุษยธรรมไม่ได้ แต่ก็พอระบุได้ว่า เป็นฝีมือของฝ่ายใด เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้น พุ่งเป้าไปที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโดยเฉพาะ
ทหารไม่อาจปล่อยให้ความรุนแรงดำเนินต่อไป และใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าระงับเหตุ เพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และนำบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบ
ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ เช่นดียวกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
แต่คำถามที่ดังกระหึ่มตามมาคือ ทหารจะปฏิบัติภารกิจตามเป้าหมายได้หรือไม่ จะนำประเทศกลับสู่ความสงบได้เพียงใด
การรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 49 และตั้งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กลายเป็นภาพหลอน ทำให้ประชาชนไม่กล้าทุ่มทั้งใจในการคาดหวังจากกองทัพ เพราะเคยผิดหวังมาแล้ว
การยึดอำนาจแต่ละครั้ง ทำให้ประเทศมีต้นทุนสูง ซึ่งหากกองทัพไม่สามารถจัดการปัญหาได้ การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ก็จะ “เสียของ” ซ้ำสอง
ตัวการที่ทำให้ประเทศวุ่นวาย ไม่สงบสุข เกิดจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว
พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้บงการพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็ประกอบด้วยนักการเมืองที่ยอมตัวเป็นขี้ข้า พร้อมจะรับใช้ตระกูลชินวัตร เพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่งและผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่
พรรคเพื่อไทยกลายเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองกเฬวราก กลายเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองที่ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง มีแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แทรกแซงระบบบริหารราชการ ตั้งข้าราชการที่ทำตัวเป็นขี้ข้าให้เป็นใหญ่เพื่อคอยรับใช้ และแปรรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
คนเสื้อแดงถูกจัดตั้งขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ แกนนำคนเสื้อแดงได้รับปูนบำเหน็จ มีฐานะร่ำรวยในพริบตา มีตำแหน่งทางการเมืองกันแทบจะถ้วนหน้า ทั้งที่หลายคนมีพื้นเพเป็นอันธพาล เป็นคนที่ไม่มีต้นทุนชีวิต และมีคดีร้ายแรงกรณีการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2553
คนเสื้อแดงได้รับสถาปนาให้เป็นอภิสิทธิชน เคลื่อนไหวไปที่ไหน จะได้รับการดูแลอย่างดีจากตำรวจ การข่มขู่คุกคามหรือแม้แต่ทำร้ายใคร จะไม่ถูกดำเนินคดีจนกร่างคับบ้านคับเมือง
สื่อมวลชนหลายค่ายและหลายคนถูกซื้อจนกลายเป็นสุนัขรับใช้ที่แสนเชื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ อาจารย์มหาวิทยาลัยนับร้อยคน กลายเป็นนักวิชาการสติฟั่นเฟือน คนด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะหันไปบูชายกย่องคนโกงบ้านโกงเมืองอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ
และนักวิชาการบ้าห้าร้อยจำพวกเหล่านี้ ไม่เคยออกมาทักทวงหรือต่อต้านการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอ้างว่า ไม่รู้ว่าอาวุธสงครามที่ถล่มใส่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จนล้มตายไปหลายสิบคน เป็นฝีมือของฝ่ายไหน ก็โง่ยิ่งกว่าควายแล้ว เพราะรู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ผู้อยู่เบื้องหลังบงการสร้างความรุนแรงคือฝ่ายรัฐบาล
กลุ่ม กปปส.พยายามมากว่า 6 เดือนแล้ว เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และปูทางไปสู่การปฏิรูปการเมืองซึ่งหมายถึงนักการเมืองชั่วๆ ข้าราชการที่ทำตัวป็นขี้ข้า อันธพาลเสื้อแดง สื่อมวลชนที่ขายวิญญาณ และนักวิชาการบ้าๆ จะต้องถูกกำจัด
แต่อุดมการณ์ของ กปปส.ยังไม่บรรลุ
การประกาศกฎอัยการศึกเท่ากับทหารได้เข้ามารับอาสานำบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ แต่บ้านเมืองจะสงบได้มีเพียงหนทางเดียว
นักการเมืองชั่วต้องถูกกำจัด ข้าราชการขี้ข้าต้องถูกกวาดล้าง ระบอบทักษิณต้องถูกถอนรากถอนโคน แก๊งอันธพาลที่คุกคามข่มขู่สังคมขนอาวุธสงครามมาประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ต้องถูกปราบปรามให้สิ้นซาก
ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จากประชาชนกลุ่มใด นอกจากให้โอกาสและให้เวลาของทหารในการแก้ปัญหา จะมีแต่พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง และนักวิชาการสาวกพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นที่ยังไม่ยอมสลด โดยเริ่มเคลื่อนไหวท้าทายทหารแล้ว
ทหารตัดสินใจแล้วที่จะรับบทบาทโดดเข้ามาห้ามทัพระหว่างกลุ่มคนสองฝ่ายที่มีแนวโน้มจะห้ำหั่นกัน และเป็นการตัดตอนวิกฤตทางการเมือง ป้องกันไม่ให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง
ทุกฝ่ายยอมรับในบทบาททหาร แต่พรรคเพื่อไทยและลูกสมุนบริวารแสดงท่าทีไม่ยอมรับ เพราะต้องการกุมอำนาจต่อไป แม้อำนาจที่พรรคเพื่อไทยได้ไป จะทำให้ชาติต้องสิ้นสลายก็ตาม
ตัวป่วน ตัวถ่วงความเจริญ ตัวปัญหาทั้งหมดทั้งปวง เหลือแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น สิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศกำลังจับตาคือ ทหารจะกล้าหรือไม่ในการกำจัดนักการเมืองไร้สำนึกเหล่านี้
เพราะถ้าไม่กล้า กฎอัยการศึกจะเป็นสิ่งสูญเปล่า ถ้าไม่กล้า กองทัพจะถูกกลุ่มอันธพาลกวนบ้านกวนเมืองเยาะเย้ยถากถาง
การประกาศกฎอัยการศึกเป็นเดิมพันที่ใหญ่มาก เพราะนำทั้งกองทัพ นำทั้งความหวังของคนทั้งประเทศมาใช้เดิมพัน ขวากหนามการนำประเทศสู่ความสงบสุขที่ต้องตีฝ่า มีเพียงพรรคเพื่อไทยและเหล่าสาวกพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น
อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ใจกล้าหรือไม่เท่านั้น ถ้ากล้าใช้ความเด็ดขาด จบได้ทุกเรื่อง จบเร็วกว่าที่คิดอีกด้วย
ตอนนี้ต้องช่วยกันส่งกำลังใจช่วยเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้กล้าๆ หน่อยเท่านั้น
เพราะตั้งแต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำประชาชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตลอดเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา อาวุธสงครามถูกขนมาถล่มใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยที่ตำรวจไม่สามารถดูแลความปลอดภัยได้
และไม่เคยจับกุมคนร้ายแม้แต่รายเดียว แม้จะมีหลักฐานอย่างชัดเจนก็ตาม
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงได้ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจงใจแสดงความหย่อนสมรรถภาพอย่างออกนอกหน้า
ปรากฏการณ์ที่ตามมาคือ อาวุธสงครามถูกลำเลียงเข้ามาทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ และคุกคามกลุ่มต่างๆ หนักขึ้น
นอกเหนือจากกลุ่มคนเสื้อแดงและเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยแล้ว อาวุธสงครามปลิวว่อนไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่สถาบันจุฬาภรณ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล องค์กรอิสระแทบทุกแห่ง และกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เด็กไร้เดียงสาหลายชีวิตต้องเซ่นสังเวยคนที่มีใจอำมหิต ประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมหลายสิบชีวิตต้องดับดิ้นจากการลอบทำร้าย
แม้จะระบุตัวคนร้ายที่ปฏิบัติการเย้ยกฎหมายอย่างไร้มนุษยธรรมไม่ได้ แต่ก็พอระบุได้ว่า เป็นฝีมือของฝ่ายใด เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้น พุ่งเป้าไปที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโดยเฉพาะ
ทหารไม่อาจปล่อยให้ความรุนแรงดำเนินต่อไป และใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าระงับเหตุ เพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และนำบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบ
ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ เช่นดียวกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
แต่คำถามที่ดังกระหึ่มตามมาคือ ทหารจะปฏิบัติภารกิจตามเป้าหมายได้หรือไม่ จะนำประเทศกลับสู่ความสงบได้เพียงใด
การรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 49 และตั้งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กลายเป็นภาพหลอน ทำให้ประชาชนไม่กล้าทุ่มทั้งใจในการคาดหวังจากกองทัพ เพราะเคยผิดหวังมาแล้ว
การยึดอำนาจแต่ละครั้ง ทำให้ประเทศมีต้นทุนสูง ซึ่งหากกองทัพไม่สามารถจัดการปัญหาได้ การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ก็จะ “เสียของ” ซ้ำสอง
ตัวการที่ทำให้ประเทศวุ่นวาย ไม่สงบสุข เกิดจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว
พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้บงการพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็ประกอบด้วยนักการเมืองที่ยอมตัวเป็นขี้ข้า พร้อมจะรับใช้ตระกูลชินวัตร เพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่งและผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่
พรรคเพื่อไทยกลายเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองกเฬวราก กลายเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองที่ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง มีแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แทรกแซงระบบบริหารราชการ ตั้งข้าราชการที่ทำตัวเป็นขี้ข้าให้เป็นใหญ่เพื่อคอยรับใช้ และแปรรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
คนเสื้อแดงถูกจัดตั้งขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ แกนนำคนเสื้อแดงได้รับปูนบำเหน็จ มีฐานะร่ำรวยในพริบตา มีตำแหน่งทางการเมืองกันแทบจะถ้วนหน้า ทั้งที่หลายคนมีพื้นเพเป็นอันธพาล เป็นคนที่ไม่มีต้นทุนชีวิต และมีคดีร้ายแรงกรณีการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2553
คนเสื้อแดงได้รับสถาปนาให้เป็นอภิสิทธิชน เคลื่อนไหวไปที่ไหน จะได้รับการดูแลอย่างดีจากตำรวจ การข่มขู่คุกคามหรือแม้แต่ทำร้ายใคร จะไม่ถูกดำเนินคดีจนกร่างคับบ้านคับเมือง
สื่อมวลชนหลายค่ายและหลายคนถูกซื้อจนกลายเป็นสุนัขรับใช้ที่แสนเชื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ อาจารย์มหาวิทยาลัยนับร้อยคน กลายเป็นนักวิชาการสติฟั่นเฟือน คนด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะหันไปบูชายกย่องคนโกงบ้านโกงเมืองอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ
และนักวิชาการบ้าห้าร้อยจำพวกเหล่านี้ ไม่เคยออกมาทักทวงหรือต่อต้านการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอ้างว่า ไม่รู้ว่าอาวุธสงครามที่ถล่มใส่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จนล้มตายไปหลายสิบคน เป็นฝีมือของฝ่ายไหน ก็โง่ยิ่งกว่าควายแล้ว เพราะรู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ผู้อยู่เบื้องหลังบงการสร้างความรุนแรงคือฝ่ายรัฐบาล
กลุ่ม กปปส.พยายามมากว่า 6 เดือนแล้ว เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และปูทางไปสู่การปฏิรูปการเมืองซึ่งหมายถึงนักการเมืองชั่วๆ ข้าราชการที่ทำตัวป็นขี้ข้า อันธพาลเสื้อแดง สื่อมวลชนที่ขายวิญญาณ และนักวิชาการบ้าๆ จะต้องถูกกำจัด
แต่อุดมการณ์ของ กปปส.ยังไม่บรรลุ
การประกาศกฎอัยการศึกเท่ากับทหารได้เข้ามารับอาสานำบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ แต่บ้านเมืองจะสงบได้มีเพียงหนทางเดียว
นักการเมืองชั่วต้องถูกกำจัด ข้าราชการขี้ข้าต้องถูกกวาดล้าง ระบอบทักษิณต้องถูกถอนรากถอนโคน แก๊งอันธพาลที่คุกคามข่มขู่สังคมขนอาวุธสงครามมาประหัตประหารผู้บริสุทธิ์ต้องถูกปราบปรามให้สิ้นซาก
ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จากประชาชนกลุ่มใด นอกจากให้โอกาสและให้เวลาของทหารในการแก้ปัญหา จะมีแต่พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง และนักวิชาการสาวกพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นที่ยังไม่ยอมสลด โดยเริ่มเคลื่อนไหวท้าทายทหารแล้ว
ทหารตัดสินใจแล้วที่จะรับบทบาทโดดเข้ามาห้ามทัพระหว่างกลุ่มคนสองฝ่ายที่มีแนวโน้มจะห้ำหั่นกัน และเป็นการตัดตอนวิกฤตทางการเมือง ป้องกันไม่ให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง
ทุกฝ่ายยอมรับในบทบาททหาร แต่พรรคเพื่อไทยและลูกสมุนบริวารแสดงท่าทีไม่ยอมรับ เพราะต้องการกุมอำนาจต่อไป แม้อำนาจที่พรรคเพื่อไทยได้ไป จะทำให้ชาติต้องสิ้นสลายก็ตาม
ตัวป่วน ตัวถ่วงความเจริญ ตัวปัญหาทั้งหมดทั้งปวง เหลือแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น สิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศกำลังจับตาคือ ทหารจะกล้าหรือไม่ในการกำจัดนักการเมืองไร้สำนึกเหล่านี้
เพราะถ้าไม่กล้า กฎอัยการศึกจะเป็นสิ่งสูญเปล่า ถ้าไม่กล้า กองทัพจะถูกกลุ่มอันธพาลกวนบ้านกวนเมืองเยาะเย้ยถากถาง
การประกาศกฎอัยการศึกเป็นเดิมพันที่ใหญ่มาก เพราะนำทั้งกองทัพ นำทั้งความหวังของคนทั้งประเทศมาใช้เดิมพัน ขวากหนามการนำประเทศสู่ความสงบสุขที่ต้องตีฝ่า มีเพียงพรรคเพื่อไทยและเหล่าสาวกพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น
อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ใจกล้าหรือไม่เท่านั้น ถ้ากล้าใช้ความเด็ดขาด จบได้ทุกเรื่อง จบเร็วกว่าที่คิดอีกด้วย
ตอนนี้ต้องช่วยกันส่งกำลังใจช่วยเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้กล้าๆ หน่อยเท่านั้น
