xs
xsm
sm
md
lg

“สุรเกียรติ์”นายกฯคนกลาง พท.งัดข้อชิงเหลี่ยมกองทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**เกือบแอ่น แอน แอ๊น แต่ยังไม่ใช่ หลัง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รุกปฏิบัติการลักหลับประกาศกฎอัยการศึก กลางดึกของคืนวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามรูปการณ์ที่มีการฟันธงกันไว้ก่อนหน้าว่า สุดท้ายจะออกมาอีหรอบนี้
แล้วก็มาจริงๆ ตามนัด กับบทเฮ้วๆ อัยการศึกท่ามกลางศึกชิงเมืองของกปปส. และ นปช. ขนทหารออกมาเต็มบ้านเต็มเมือง จนรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ติดตามสถานการณ์ข่าวกันคืนนั้นประสาทหลอน คิดว่ากองทัพเข็นรถถังออกมาปฏิวัติรัฐประหารกันแล้ว
ว่ากันแว่วทั่วคุ้งทั่วแคว ผลการเจรจาระหว่างวุฒิสภา กับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ที่ล้มระเนระนาด เจอทางตันประเทศนั่นแหละ ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินขนกำลังพล ควบคุมสถานการณ์ในเมืองกรุง
**เพราะประเมินแล้วว่า ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง หลังจากนี้มีแต่เละกับเละ
อย่างไรก็ตาม ดูกันตามเนื้อผ้าที่ออกมาหลังมีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร แม้จะยังไม่ถึงขั้นปฏิวัติรัฐประหาร แต่ดูประกาศที่ออกมา มันคือ รัฐประหารครึ่งใบดีๆ นี่เอง เพราะอำนาจพลเรือนทุกอย่างจะไหลไปอยู่ในมือ "บิ๊กตู่" หมด เหลือเพียงแค่ไม่ได้ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเท่านั้น
แม้ท่าทีกองทัพจะดูดีในสายตาต่างประเทศ ที่ไม่ทำลายรัฐธรรมนูญทิ้ง แต่ก็โดนตั้งข้อสังเกตเหมือนกัน เพราะรูปแบบการลงมือมันกลับหัวกลับหาง พิลึกกึกกือกันไปหมด โดยเฉพาะที่ผ่านมา การประกาศกฎหมายอัยการศึกมักจะประกาศภายหลังทหารขับรถถังออกมายึดอำนาจ แต่คราวนี้ดันชิงประกาศกฎอัยการศึกก่อนเสียอย่างนั้น
ถ้าดูในเจตนากองทัพ แน่นอนว่า การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ก็เพื่อต้องการเข้ามาหย่าศึกชั่วคราว เพราะก่อนหน้านี้ถูกค่อนแคะมาตลอดว่า ไม่ทำอะไรเลย นิ่งจนสังคมสงสัย ทั้งที่มีคนตายไปไม่รู้กี่ศพ วันๆ เอาแต่ฮึ่มอย่างเดียว จึงต้องขยับเขยื้อนบ้างในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
แต่ครั้นจะให้ออกมาแอ่น แอ๊น เลย ก็อาจจะกลายเป็นผู้ร้าย ถูกโยนขี้ เมื่อสถานการณ์กลับเข้าที่เข้าทาง เหมือนเมื่อตอน 19 กันยายน 2549 ที่จากพระเอกกลายเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้ง แถมยังส่งผลให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร กลับมามีฤทธิ์มีเดช เพราะล้างบางกันไม่สุด สุดท้าย จึงต้องงัดบทอัยการศึกเข้ามากู้สถานการณ์
**ภาพที่ออกมากลายเป็นว่า ทหารรับบทหล่อจากสังคม เพราะไม่ได้ฉีกรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งยังมาช่วยเบรกสถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่น หลังจากที่กลไกลต่างๆ ไม่สามารถคลำหาทางออกประเทศได้
โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก สวมบทผู้จัดการประเทศในช่วงนี้ โดยงานหลักคือ การเชิญแต่ละฝ่ายเข้ามาเจรจา โดยมีอาญาสิทธิ์เลยว่า ให้พักยกดีเบตกันเรื่องกฎหมาย แต่ให้ใช้ทางออกประเทศเป็นตัวตั้งก่อน
ทว่าการประกาศกฎอัยการศึก แม้จะให้อำนาจทหารเหนือพลเรือน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะตราบใดที่ยังไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง รัฐบาลเป็ดง่อยชุดปัจจุบัน ก็ยังกอดประชาธิปไตยไปได้เรื่อยๆ ตามคิวที่เริ่มมีปฏิกิริยากั๊กเหลี่ยมกัน ระหว่างรัฐบาลกับกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ของ "บิ๊กตู่"
โดยเฉพาะท่าทีของท็อปบูตที่พยายามกดดันให้รัฐบาลเป็ดง่อยมาอยู่ใต้อันเดอร์ เหมือนกับพลเรือนคนอื่นๆ เพื่อให้จัดการปัญหาได้ง่าย แต่ในเมื่อยังมีรัฐธรรมนูญเป็นยันต์กันผีให้ รัฐบาลก็สวมบทศรีธนญชัย อ้างว่ามีอำนาจอยู่ในมือเหมือนกัน ตามโครงสร้างประเทศที่รัฐบาลเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพ จึงจะเห็นได้ว่า ฝั่งรัฐบาลไม่ค่อยให้ความร่วมมือทัพสีเขียวเท่าไหร่
**หนำซ้ำยังให้พรรคเพื่อไทย หาช่องเบิ้ลกลับกับการตั้งคำถามเรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกครั้งนี้ ตามแอกชั่นที่ยกตำรากฎหมายออกมาเถียงเป็นข้อๆ ถึงรูปแบบวิธีการที่ชอบกล รวมไปถึงการเรียกหัวหน้าส่วนราชการมารายงานตัวกับ กอ.รส. ที่เริ่มตั้งแง่ว่า ใช้อำนาจอะไร และถูกต้องหรือไม่ เพราะข้าราชการเหล่านี้ไม่ได้ถูกตั้งข้อหาเลย
ขณะเดียวกัน ยังท่องคาถาถามกองทัพว่า จะประกาศใช้กฎอัยการศึกไปจนถึงเมื่อไหร่ แล้วจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไหร่
แต่นั่นก็เป็นแค่บทตามน้ำของพรรคเพื่อไทย ที่อย่างไรก็ต้องตะแบงไว้ก่อนตามสูตรลิ่วล้อ น.ช.ทักษิณ แต่ที่ต้องจับตาเลยคือ ท่าทีของพรรคเพื่อไทย หลังจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องยอมรับเหมือนกันว่า อาญาสิทธิ์ของกฎอัยการศึก ก็ทำเอาออกอาการหงอไปไม่น้อยเหมือนกัน
ที่สำคัญรัฐบาลเป็ดง่อยก็รู้ดีว่า กฎอัยการศึกครั้งนี้กองทัพกำลังจะสื่อความหมายอะไรกับเครือข่ายระบอบทักษิณ หากยังดื้อแพ่งกอดรัฐธรรมนูญตัวเป็นเกลียวแบบนี้ ตามที่หลายฝ่ายจับตาว่า ยาแรงสุดท้าย หากกองทัพไม่สามารถหย่าศึกได้ อาจมีฉากแอ่น แอ๊น เป็นแน่ เพื่อควบ
คุมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปเลย
หากถึงวันนั้น สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยจะตกที่นั่งลำบากทันที ทั้งไร้ศึกอำนาจต่อรอง ทั้งไร้หลักที่จับแน่นมาตลอด อย่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่ถูกทำลายทิ้งไปโดยอัตโนมัติ เมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีสิทธิ์จะถูกล้างบางซ้ำสอง
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยหวาดกลัว อย่างเรื่องสภาปฏิรูปประเทศ ที่คาดการณ์กันได้ล่วงหน้าได้เลยว่า ผู้ที่ทำรัฐประหารจะต้องตั้งขึ้นเพื่อกำหนดกติกา วางระบบกันใหม่ แถมยังมีสิทธิ์ที่จะไปล้อเอาโมเดลของ กปปส. มาเป็นตัวตั้งอีกด้วย นั่นยิ่งจะทำให้ น.ช.ทักษิณ แทบสิ้นอิทธิพล
**ขณะที่เรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลาง ก็มีการคิดมาหลายสูตร หลายแนว ตามข่าวที่แว่วมา แบบล่ามาแรง เพราะคงทนอยู่ในพานทองมาตลอดอย่าง "สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" ช่วงนี้ก็ชักเริ่มติดลมบน ลือกันหนาหูว่าด้วยคุณสมบัติผ่านฉลุยเหมือนกัน
โดยเฉพาะการที่ "สุรเกียรติ์" สามารถคุยกับคู่ขัดแย้งได้ทั้งสองฝ่าย เป็นคนกลางที่ทั้งคู่น่าจะพอรับได้ ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดา ทั้งอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในรัฐบาล น.ช.ทักษิณ
ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต่างรู้ถึงเส้นสนกลในดีว่า "สุรเกียรติ์" เป็นใคร และมีบารมีมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะเรื่องคอนเนกชั่นที่ไม่ธรรมดา เป็นถึงระดับ "ซุปเปอร์วีไอพี"
**นาทีนี้ภาษีเลยมีมากกว่าตัวเลือกอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น