xs
xsm
sm
md
lg

ปูหนุนมาร์คล๊อบบี้‘ปานเทพ’ซัดกลืนน้ำลาย‘สายหยุด’จวกเด็กป๋าถอนหงอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน- "สายหยุด" รับเคลียร์ใจ "ป๋าเปรม" ปมขอพึ่งพระบารมี"ในหลวง" แก้วิกฤตประเทศ ยันพูดเรื่องจริง ติง"ป๋าเปรม"ไม่ให้เกียรติที่ให้ ทส.ต่อสายมาหา "มาร์ค" ขอเวลา10 วัน เดินสายคุยหาทางออกประเทศ ปัดเจรจา"แม้ว"มาแล้ว ด้าน"ผบ.สส.-ปู" หนุน"มาร์ค"เล่นบทคนกลาง แล้วอย่าลืมไปคุยกับ"สุเทพ" ด้วย ติง"สายหยุด" ระวังจะทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท คุยปัญหานี้ภาคการเมืองและประชาชนช่วยกันแก้ได้ "ปานเทพ"ย้อนเกล็ด"มาร์ค"เคยบอกเลือกตั้งแค่เกมชิงอำนาจ ไม่ช่วยให้เกิดการปฏิรูป เสื้อแดงชุมนุมถ.อักษะอีกรอบ อาจยืดเยื้อ คนร้ายปาบึ้มใส่โกดังฟาร์มเฮ้าส์เชียงใหม่ มุ่งปมการเมือง

วานนี้ (28 เม.ย.) พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะรัฐบุคคล ชี้แจง กรณีที่ พล.ท.พิษณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ออกมาระบุว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ แค่รับทราบข้อเสนอของคณะรัฐบุรุษ กรณีที่จะร่างพระบรมราชโองการ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไทย แก้วิกฤติประเทศ ว่า สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และไม่รู้ว่าทำไม พล.อ.เปรม ถึงเปลี่ยนใจ ต้องไปถามท่าน ยืนยันว่า พูดความจริงทุกอย่าง และเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ได้ให้ นายทหารคนสนิทโทรศัพท์ มาหาตน เพื่อให้พูดคุยกับ พล.อ.เปรม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางพล.อ.เปรม บอกว่า ตนเข้าใจผิด ซึ่งตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า สิ่งที่พูดไป เรื่องจริง

" เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. ผมได้พูดคุยกับป๋าเปรม โดยใช้เวลา1ชั่วโมงกว่า ในเรื่องการแก้วิกฤติของประเทศ และก่อนผมจะกลับจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ได้พูดกับป๋าเปรม ว่า จะนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงสื่อให้รับทราบ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดในลักษณะนี้ โดยผมได้พูดกับพล.อ.เปรมไป แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้เรื่องกลับตาลปัตร ซึ่งตอนแรกที่ให้ผมเข้าพบ ป๋าเปรมเป็นฝ่ายยกหูมาหาผม แต่มาวันนี้กลับให้ทหารคนสนิทยกหูมาหา ต้องให้เกียรติผมด้วย และการที่ผมไปพบป๋าเปรม ผมไม่ได้กระเสือกกระสนไป ท่านเป็นฝ่ายเชิญผม" พล.อ.สายหยุด กล่าว และย้ำว่า ก่อนที่ตนจะออกมาพูดได้บอกกล่าวพล.อ.เปรม แล้วว่าจะชี้แจงสื่อ โดยท่านไม่ได้แย้งอะไร ส่วนร่างดังกล่าวกำลังดำเนินการ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และจะดำเนินการต่อ จะไม่ยุติ ยืนยันจะเดินหน้าต่อไปเพื่อยุติความขัดแย้งให้ได้ ส่วนการที่พล.อ.เปรม เปลี่ยนใจ ตนก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร

**ทส."ป๋า"ยันเคลียร์ "สายหยุด"แล้ว

ด้านพล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ในฐานะทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สายหยุด เกิดผล เข้าพบพล.อ.เปรม เพื่อหารือถึงประเด็นการทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า เรื่องดังกล่าวที่ พล.อ.สายหยุด คงเข้าใจผิดว่า พล.อ.เปรม ตอบรับข้อเสนอในเบื้องต้น แต่ตอนนี้ได้มีการพูดคุยกันเป็นที่เข้าใจเรียบร้อยแล้ว และตนขอให้เรื่องจบแต่เพียงเท่านี้ อย่ามาคาดคั้นกันอีก

ส่วนกรณีที่ พล.อ.สายหยุด กล่าวในทำนองตัดพ้อว่าวันเรียกไปพูดคุย พล.อ.เปรม ได้โทรศัพท์ไปหา พล.อ.สายหยุด ด้วยตนเอง แต่มาวันนี้กลับระบุว่าให้นายทหารคนสนิทโทรศัพท์ไปหา ต้องให้เกียรติกันด้วยนั้น คิดว่าเป็นการเข้าใจผิดเหมือนกัน อีกทั้งเรื่องนี้เป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว ไม่มีปัญหาแต่ประการใด ทั้งนี้ตนขอย้ำว่าทั้งพล.อ.เปรม และพล.อ.สายหยุด ก็เป็นผู้ใหญ่ อย่าไปดึงทั้งสองคนให้มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองไปมากกว่านี้

เมื่อถามว่า พล.อ.เปรมจะเรียก พล.อ.สายหยุด พร้อมทั้งคณะรัฐบุคคล เข้าไปหารือครั้งต่อไปอีกหรือไม่ พล.ท.พิศณุ กล่าวสั้นๆว่า ไม่มีอีกแล้ว ครั้งนี้ครั้งเดียวจบ และขอให้ไปพูดกันเรื่องอื่นดีกว่า

**"มาร์ค"อ้างผบ.สส.เห็นด้วย

เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (28เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน เป็นการส่วนตัว โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ หรือทำข่าวแต่อย่างใด ซึ่งในการหารือ ทั้งสองคนได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความขัดแย้งสูงในปัจจุบัน

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ และแสดงเจตนาในการเดินทางไปพบปะกับกลุ่มต่างๆ เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่ง ผบ.สส. เห็นด้วยกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ ที่จะเดินทางไปพบปะกับกลุ่มต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการเมือง สำหรับกองทัพเห็นว่า ปัญหาทางการเมืองควรแก้ไขด้วยแนวทางทางการเมือง โดยกองทัพได้แสดงจุดยืนในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ ยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ กฎหมาย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ แถลงถึงผลการหารือว่า ตนมานำเสนอความพยายามที่จะเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ต่าง ๆ โดยทั้งตน และผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีความห่วงใยสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมาก เพราะยังมีความขัดแย้ง ความรุนแรงที่ยังคงดำรงอยู่ในสังคม หลายฝ่ายยังมองภาพไม่ชัดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปอย่างไร และยังเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ที่มีความเปราะบาง ซึ่งตนได้อธิบายแนวคิดที่เป็นหลักการสำคัญในการเสนอทางเลือก หรือ คำตอบให้กับสังคม และได้มีการอธิบายแนวทางในการทำงานต่อไป ซึ่งตนจะเดินทางไปพบกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงเช้าวันนี้(29เม.ย.) และจะเดินสายไปพบกับกลุ่มต่างๆ เพื่ออธิบายแนวความคิดนำไปสู่ทางออกต่อไป ส่วนการเข้าพบ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ยังไม่มีการตอบรับ

"ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสนับสนุนในสิ่งที่ผมทำ ท่านต้องการเห็นฝ่ายต่างๆ ช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ และเห็นว่าความพยายามใดๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ ก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ โดยปัญหาทางด้านการเมืองท่านเห็นตรงกับผมว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องมีส่วนในการแก้ไขปัญหาเป็นสำคัญ และยืนยันว่า กองทัพจะยึดมั่นในการปฏิบัติภารกิจตามรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ผมได้แสดงความขอบคุณกองทัพ ที่ดำรงบทบาทตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แสดงความเป็นฝักใฝ่ทางการเมือง แต่ปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มแข็ง ในการดูแลความมั่นคง และประโยชน์สุขของประชาชน และกองทัพก็ได้ดำเนินการในสิ่งที่ประชาชนห่วงใย เช่น ปัญหาการกระทำผิดกฎหมาย ล่วงละเมิดสถาบันฯ” นายอภิสิทธิ์ ระบุ

**ปัดเจรจา"ทักษิณ"

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายอภิสิทธิ์ ไปเจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายคนยังสับสน ตนไม่ได้ไปเจรจาต่อรองกับใคร แต่มีความจำเป็นที่จะต้องเสนอทางออกให้กับประเทศ ซึ่งทางออกของประเทศ คือการปฏิรูป แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ข้อเสนอของตน ไม่มีประเด็นว่า จะไปเจรจาผลประโยชน์อะไร กับใคร เพราะจุดยืนของตนชัดเจนว่า จะต้องว่าไปตามกฎหมาย ส่วนที่บอกว่า ตนจะไปมีผลประโยชน์ ต่อรองตำแหน่งทางการเมืองในอนาคตยืนยันว่า ไม่มี ข้อเสนอของตนไม่มีอย่างนั้น

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย อยากให้นายอภิสิทธิ์ ไปเจรจากับกปปส.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีแนวทางของตน ตนจะเป็นคนเลือกเองว่า จะพบใครก่อนหรือหลัง เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ หากพรรคเพื่อไทย จะทำข้อเสนอก็มีสิทธิ์ทำได้ แต่ตนพยายามจะทำวิธีการที่เหมาะสมเป็นตัวตั้ง และแสวงหากับแนวร่วมต่างๆ ตนจะเป็นคนประเมินเอง ถ้าสิ่งที่ตนทำไม่สำเร็จ ภายใน 2 สัปดาห์ ทุกอย่างก็จบ และคงจะไม่มีสัปดาห์ที่ 3 ส่วนทุกคน ก็จะต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศต่อไป ซึ่งวันนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีความห่วงใย และมองสถานการณ์ไม่ได้ต่างกับตน และหากใครช่วยแก้ไขปัญหาได้ ก็เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน และท่านยังบอกว่า หากสิ่งที่ตนทำสำเร็จ ก็ถือเป็นประโยชน์และให้ทำต่อไป แต่ในฐานะที่ผู้บัญชาการสูงสุด เป็นฝ่ายความมั่นคง จึงต้องอยู่ในกรอบตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีบางฝ่ายพยายามดึงสถาบันฯ ลงมาแก้ไขสถานการณ์การเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากไม่สบายใจ ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องอยู่เหนือความขัดแย้งต่างๆ และทุกฝ่ายต้องเทิดทูนสถาบันฯ คิดว่าวันนี้มีความกังวลมากว่า จะมีแนวโน้มในการที่จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น ทำไมเราไม่ช่วยกันหาทางเลือกทางเดินให้กับประเทศ แทนที่จะไปถึงจุดนั้น ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดทุกเรื่อง ทุกแง่มุม ทุกมิติ

**"ปู"หนุน"มาร์ค"ช่วยหาทางออก

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความจริงใจในการเป็นคนกลางหาทางออกประเทศ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายอภิสิทธิ์ ขอเวลา 10 วัน ก็คงต้องให้เขาได้ทำงานให้เต็มที่ก่อน ซึ่งรัฐบาลก็คอยติดตาม ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างคาดหวัง ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศ ที่เราจะได้มีโอกาสมีทางออกกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ารัฐบาลพร้อมที่จะคุยกับ นายอภิสิทธิ์แล้ว นายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลพร้อม เพราะเปิดกว้าง อะไรที่เป็นประโยชน์ให้ความร่วมมือได้ ก็ยินดีกับทุกๆ คน

เมื่อถามว่า หากมีการพูดคุยกัน ต้องมีการถ่ายทอดสดหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการนัดหมายจากนายอภิสิทธิ์ คงต้องรอการนัดหมายอย่างเป็นทางการ และดูในรายละเอียด ตอบตอนนี้ไม่ได้ เมื่อถามว่า คิดว่าฝ่ายการเมืองยังสามารถแก้ไขปัญหากันเองได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ฝ่ายการเมืองและประชาชน ต้องร่วมกันแก้ปัญหา เพราะเป็นปัญหาของประเทศทั้งหมด และพวกเราทุกคนมีหน้าที่ในการแก้ไขทางออกนี้

** เตือน"สายหยุด"จะทำให้ระคายเคืองฯ

เมื่อถามว่า ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องดำเนินการตามแนวคิดของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองคงไม่อยู่ในข่าย เราต้องศึกษาดูว่า การจะทำเช่นนั้นเป็นไปได้หรือเปล่า และใช่ทางออกจริงๆ หรือไม่ และต้องมีความระมัดระวัง ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้ผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย เป็นผู้พิจารณาให้เกิดความรอบคอบ

เมื่อถามว่า มองว่าสถานการณ์วันนี้ ถึงขั้นจะต้องพึ่งพระบารมี หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่า ทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ พระองค์อยู่เหนือการเมือง เรื่องต่างๆต้องเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ที่จะต้องช่วยกันแก้ไข และต้องระมัดระวังประเด็นต่างๆ ที่จะไประคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

เมื่อถามว่า คิดว่านายอภิสิทธิ์ ควรจะไปคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก่อนที่จะมาคุยกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะไม่จบ นายกฯ กล่าวว่า เป็นความคิดที่ดี เพราะนายอภิสิทธิ์ เริ่มแนวคิดปฎิรูป หาทางออกประเทศ ถือเป็นผู้มีความเหมาะสมที่จะคุยกับนายสุเทพ ก็หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะคุยกัน และได้ข้อคิดร่วมกัน

เมื่อถามว่า ในช่วงนี้ ทุกฝ่ายควรจะเปิดโอกาสให้ นายอภิสิทธิ์ ได้ทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ อยากให้เปิดโอกาสให้นายอภิสิทธิ์ได้ทำงาน รวมถึงนายสุเทพ ที่นายอภิสิทธิ์ เหมาะสมที่จะคุยได้ดีกว่าหลายๆคน

เมื่อถามว่า มองว่านายอภิสิทธิ์ มีความจริงใจแค่ไหน ในการออกมาครั้งนี้ นายกฯ ตอบว่า เราไม่อยากให้ทุกคนไปมองว่าใครมีความจริงใจ ไม่จริงใจ แต่ความพยายามต่างๆ ถ้าเราช่วยกันเปิดโอกาส และให้ความพยายามนั้น ในการเข้าไปพูดคุย ซึ่งวันนี้ นายอภิสิทธิ์ มีเวลาที่จะทำงาน เราก็ควรร่วมกันให้กำลังใจ และช่วยกันผลักดันปัญหาอุปสรรคต่างๆ ให้รอดพ้นไปได้

**ไล่“มาร์ค”เคลียร์“กำนัน”ก่อนคุย “ปู”

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงการเดินสายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายอภิสิทธิ์ กำลังทำให้ตัวเองมีความสำคัญขึ้น หลังจากที่ได้ตัดสินใจผิดพลาด ตั้งแต่การเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส. โดยสนับสนุนให้มีการขัดขวางการเลือกตั้ง และตัวเองบอยคอต วันนี้เป็นการหาโอกาสแก้ตัว ดังนั้น ถ้าอยากจะทำเพื่อประเทศชาติจริง ให้ไปพูดกับนายสุเทพ และตกลงกันให้เรียบร้อย ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศชัดเจนว่า ยินดีจะคุยกับนายอภิสิทธิ์

** จวก“สายหยุด”จินตนาการเหมือนเด็ก

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.สายหยุด ออกมาระบุว่า พล.อ.เปรม เห็นด้วยกับการทูลเกล้ฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัย ว่า คนสนิทของพล.อ.เปรม ยืนยันแล้วว่า ท่านไม่เอาด้วย ดังนั้น การที่พล.อ.สายหยุด ออกมาพูดอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเป็นการจินตนาการเอง หรือไม่ เพราะบางทีคนแก่อายุมาก อาจจินตนาการเหมือนเด็ก

**"เต้น"เย้ย ปชป.-กปปส.เมาหมัด

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และเลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ตนเห็นว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลกำลังออกอาการเมาหมัด เพราะ 6 เดือนผ่านไปแล้วยังไม่มีแนวโน้มบรรลุเป้าประสงค์ได้ เวลานี้จึงออกมาในลักษณะต่างคนต่างเคลื่อนไหว ต่างมีข้อเรียกร้องตามแนวทางตนเอง ซึ่งทำให้สังคมสับสน โดยแนวทางเคลื่อนไหวที่มองแล้วมีบทบาทขณะนี้มีอยู่สองสาย คือสายหยุด กับ สายอยาก

**แดงชุมนุม ถ.อักษะ อาจยืดเยื้อ

เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มนปช.ได้เตรียมการกันแล้ว คาดว่า วันที่ 6 พ.ค.จะรวมตัวกันที่ ถ.อักษะ แต่จะไม่เคลื่อนขบวนเข้าใกล้กลุ่มกปปส. เด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดเป็นเงื่อนไข ให้อีกฝ่ายอ้างว่าจะมีการเผชิญหน้า ซึ่งต้องตามดูด้วยว่า วันที่ 30 เม.ย.ที่นายสุเทพประกาศ จะออกมมาในรูปแบบใด ซึ่งการเดิมพันนับกำลังมวลชน ถือว่ายังอยู่

"ผมพร้อมทันที ตั้งแต่วันนัดหมาย นายสุเทพ จะเอาวันไหนเป็นวันนับกำลังกัน จะเอาวันไหนเป็นวันล้มเดิมพัน ก็ขอให้บอกมา ได้ทุกวัน" เลขาฯ นปช.กล่าว และว่า ที่กำหนดนัดหมายวันที่่ 6 พ.ค. เพราะเราคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานชุดสุดท้ายวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งอาจนัดวินิจฉัยในวันที่ 7พ.ค. หรือ 2-3 วันหลังจากนั้น เราจึงนัดหมายดักรอกันไว้ก่อน และตนยืนยันว่า จะไม่เคลื่อนพลข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งพระนคร และนายสุเทพ ก็ไม่ควรข้ามมา ให้ต่างฝ่ายต่างแสดงพลังให้สังคมพิจารณาตัดสิน ส่วนเรื่องของมือที่สาม ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องสอดส่องดูแล"

** ซัดศาลรธน.พวกเดียวกับกปปส.

เมื่อถามว่า คำวินิจฉัยแบบใดที่ นปช. จะรับได้ และไม่ทำให้การชุมนุมยืดเยื้อ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนพูดในหลักข้อกฎหมาย ไม่ได้กดดันตุลาการ คือเรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่่ของฝ่ายบริหาร คณะรัฐมนตรี มีมติโยกย้ายข้าราชการระดับ10-11 เป็นปกติทุกยุคทุกสมัย และกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งไปยื่นร้องศาลปกครอง และวินิจฉัยแล้ว รัฐบาลปฏิบัติตาม แต่มีคนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีก ขณะที่นายกฯ และครม.ชุดนี้ พ้นจากตำแหน่งไปแล้วเมื่อวันยุบสภา ก็ไม่เห็นเหตุจะต้องวินิจฉัยใดๆ อีก เหมือนกรณีนายอภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จำหน่ายสำนวนทิ้ง จากกรณีถูกปลดจากข้าราชการทหาร

"ไม่กี่วันที่ผ่านมา จัดงานครบรอบ14ปี ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการนั่งกันครบ เชิญคุณชวน หลีกภัย ไปเป็นวิทยากรปาฐกถา ซึ่งคุณชวน อยู่พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวที กปปส.เป็นปฏิปักษ์ กับรัฐบาลชัดแจ้ง และศาลรัฐธรรมนูญ กำลังจะวินิจฉัยคดีสำคัญของรัฐบาล และเชิญคุณชวน ไปนั่งด่ารัฐบาลอยู่เป็นชั่วโมง ตุลาการก็นั่งฟัง โชคดีอย่างเดียวไม่ชวนกันแขวนนกหวีดทั้งงาน ไอ้แบบนี้่จะทำให้ประชาชนรู้สึกยังไง "

** ฟ้อง"สุเทพ" กับพวกรวม80คน 1 พ.ค.นี้

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึง กรณีนายสกลธี ภัททิยกุล แกนนนำ กปปส. ภายหลังที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกำหนดเงื่อนไข และได้เดินทางเข้าร่วมขบวนเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมใหญ่ว่า กรณีของนายสกลธี ยังไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขข้อกำหนดของศาล เนื่องจากเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม ไม่ได้ปราศรัย

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ต้องหาในฐานความผิดร่วมกันเป็นกบฏแล้ว รวมทั้งสิ้นถึง 80 คน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายชุมพล จุลใส, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย พร้อมพวกอีก 75 คน ซึ่งการสอบสวนในคดีพิเศษได้แล้วเสร็จพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมและตรวจสอบรายละเอียดของหลักฐาน ก่อนส่งสำนวนสั่งฟ้องให้อัยการ ในวันที่ 1 พ.ค.นี้

**"ปานเทพ"ย้อนเกล็ด"มาร์ค"

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทบทวนความทรงจำ กับคำแถลงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.56 ถึงเหตุที่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “แม้พรรคจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ก็ไม่อาจคลายวิกฤตศรัทธาได้ ซึ่งนับตั้งแต่มีการยุบสภาเป็นต้นมา ได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะกอบกู้ศรัทธาประชาชนให้มาสนับสนุนการเลือกตั้ง และรัฐบาลหลังเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ แต่เราพบความจริงว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นการช่วงชิงอำนาจแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

“ผมพยายามถึงขั้นที่จะพิสูจน์ว่า ความรู้สึกของประชาชนใช้ไม่ได้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยอาสาว่า พรรคจะเป็นเครื่องมือในการปฏิรูป เพราะเชื่อว่าการต่อสู้กับระบอบทักษิณในขั้นสุดท้าย จะประสบความสำเร็จได้ไม่ผ่านกระบวนการประชามติ ก็ต้องผ่านการเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ ผมพยายามค้นหาบุคคลที่ประชาชนเชื่อมั่นว่า จะปฏิรูปประเทศได้ โดยพรรคลงสมัคร และให้บุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเป็นนายกฯ คัดเลือกรัฐมนตรีปฏิรูปประเทศได้อย่างอิสระ พรรคจะเป็นเพียงเสียงข้างมากในสภา สนับสนุนให้การปฏิรูปสำเร็จ แล้วคืนอำนาจให้แก่ประชาชน แต่บุคคลที่ผมไปพูดคุย และความรู้สึกของประชาชนที่ผมไปสอบถาม ก็ยังยืนยันว่าไม่สามารถทำให้เกิดความเชื่อมั่นการปฏิรูปหลังการเลือกตั้งได้

“แม้แต่ตัวแทนภาคธุรกิจยังเห็นว่า แม้จะมีสัตยาบันของพรรคการเมือง ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความเชื่อถือจากประชาชน”

** ปชป.ยัน"มาร์ค"ทำเพื่อชาติ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเคลื่อนไหวเดินสายหารือกับหลายฝ่ายเพื่อหาทางออกให้กับประเทศว่า ในวันนี้(29 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ จะไปพบกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งจากการได้พบกับเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย และ ผบ.ส.ส. ก็เป็นบรรยากาศที่ดี และคาดหวังที่จะทำให้เกิดการปฏิรูป

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายฝ่ายเห็นความตั้งใจของ นายอภิสิทธิ์ โดย ผบ.ส.ส.สนับสนุนการเดินสายครั้งนี้ โดยจะมีการเปิดเผยข้อเสนอ หลังจากได้พบทุกฝ่ายแล้ว ซึ่งเป็นชุดความคิด ที่จะทำให้ประเทศพ้นความขัดแย้ง ประเทศมีทางออกอย่างยั่งยืน ด้วยการแก้ปัญหาแบบครบวงจร โดยในการหารือกับ ก.ก.ต. จะเป็นเรื่องกระบวนการเลือกตั้ง และกลไกที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ประชาชนทุกกลุ่มมีส่วนร่วม ไม่มีการขัดขวาง

“แม้การทำงานไม่สำเร็จ แต่คุณอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ภูมิใจที่ได้เสนอทางออกให้กับประเทศ เพื่อผลักดันให้การปฏิรูปประเทศไทยเกิดได้จริง และสามารถทำได้ทันที ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง จึงต้องทลายกำแพงนี้เป็นวาระแห่งชาติที่จะพยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความมั่นใจว่า รัฐบาลหลังเลือกตั้งจะสานต่อการปฏิรูปจึงขอให้ทุกฝ่ายวางใจในการทำงานของนายอภิสิทธิ์”นายชวนนท์ กล่าว

**ชี้คนเย้ยหยัน"มาร์ค"เพาะเชื้อร้ายเผด็จการ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ตนสนับสนุนการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ในโลกปัจจุบันพรรคการเมืองเติบโตมาจนจะกลายเป็นเนื้อเดียวกับประชาชนแล้ว อย่างน้อยพรรคการเมืองควรมีส่วนในการแสดงความคิดเห็น ไม่ต้องถึงขนาดหัวหน้าพรรคหรอก แม้แต่ประชนชน คนธรรมดาเพียงคนเดียว เราก็ควรรับฟังความเห็นของเขา ใครที่ปฏิเสธ หรือเย้ยหยันการกระทำของนายอภิสิทธิ์ ขอให้รู้ว่า กำลังเพาะเชื้อร้ายเผด็จการขึ้นมาในตัว โดยที่ไม่รู้ตัว

**ครบ180 วันลุยต้านระบบทักษิณ

นายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. กล่าวถึงการชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ครบ 180 วัน ว่า ที่ผ่านมาประชาชนออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้บ้านเมืองได้ประโยชน์ โดยแนวทางเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ ยังคงเชิญชวนรัฐวิสาหกิจ ยืนยันว่าต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง

ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีเรื่องเดินสายเป็นตัวกลางเจรจา และบอกให้คุยกับนายสุเทพ ก่อนนั้น เห็นว่าเป็นการดูถูกน้ำใจ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่นายอภิสิทธิ์ จะคิดกระทำ เพื่อให้บ้านเมืองสู่สภาวะปกติ

**กปปส.ยันไม่ได้ขัดแย้งกับปชป.

นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส.กล่าวยืนยันกปปส.ไม่มีความขัดแย้งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะการเดินสายเจรจาของนายอภิสิทธิ์ ไม่กระทบกับการเคลื่อนไหวของ กปปส. เนื่องจาก กปปส. เป็นอิสระจากพรรคการเมือง และนักการเมือง และกปปส. พร้อมพูดคุยกับผู้ที่หวังดีกับบ้านเมือง และเห็นตรงกันกับนายอภิสิทธิ์ ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปโดยประชาชน เพื่อประชาชน แต่จะไม่พูดคุยเจรจากับระบอบทักษิณ

***คนร้ายขว้างระเบิดใส่โกดังฟาร์มเฮ้าส์

เมื่อเวลา 01.00 น. วานนี้ (28 เม.ย.) ร.ต.ท.ทรงศักดิ์ ปัญญาดี ร้อยเวร สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งมีคนร้ายขว้างระเบิดใส่โกดังบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด หรือขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ ถนนสายวัฒนธรรมสันกำแพง -เชียงใหม่ หมู่ 2 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จึงไปตรวจสอบ ซึ่งที่เกิดเหตุ เป็นลานหน้าบริษัทฯ มีกระเดื่องระเบิดตกอยู่ 3 จุด ห่างกันประมาณ 20 เมตร และที่ด้านนอกริมถนนพบห่วงระเบิดตกอยู่ 1 ห่วงทางเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และที่กำแพงด้านทิศตะวันตกมีกิ่งไม้หักไปหลายกิ่ง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

พ.ต.อ.จีรัฐพัทธ์ สิตานุรักษ์ ผู้ชำนาญการพิเศษ (สบ 4) หัวหน้าพนักงานสอบสวน รักษาการแทน ผกก.สภ.สันกำแพง กล่าวว่า ลูกระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิด RAD 5 ทำในประเทศรัสเซีย ชนิดเดียวกับที่คนร้ายขว้างในเมืองเชียงใหม่ 3 จุดที่ผ่านมา หลังดูกล้องวงจรปิดของบริษัทแล้วเห็นแต่ตอนที่ระเบิดทำงานเท่านั้น ที่หน้าประตูทางเข้าทางบริษัทไม่ติดกล้องวงจรปิด

ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามจากทางพนักงานแล้ว ทราบว่ามีพนักงานที่ทำงานอยู่ถูกให้ออกจากงานไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้วฐานทุจริต อีกเรื่องคือหุ้นส่วนบริษัทได้ขึ้นเวที กปปส.ที่กรุงเทพฯหรือไม่ ถ้ามีก็จะสอดคล้องกับเรื่องขว้างระเบิดใน 3 จุดที่ผ่านมาในเขต อ.เมืองเชียงใหม่ และใกล้เคียง ซึ่งเป็นเป้าที่เกี่ยวเนื่องกับ กปปส.
กำลังโหลดความคิดเห็น