ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
การใช้น้ำมันในการอมกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง หรือที่เรียกว่า ออยล์ พูลลิ่ง(Oil Pulling)ในอินเดียมีมานานนับพันปีแล้ว เพราะเชื่อว่าน้ำมันพืชเมื่อยู่ในปากแล้วสามารถดึงเอาจุลินทรีย์ที่ฟัน ซอกฟัน เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก เมื่อน้ำมันมาอยู่ในปากก็ทำการบ้วนทิ้งไป เพื่อไม่ให้เชื้อก่อโรคทั้งหลายในช่องปากถูกกลืนเข้าไปในลำคอและเข้าไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นกลไกที่ทำให้รักษาได้หลายโรค
หนังสือคู่มือการอบรมโครงการฟื้นฟูและส่งเสริมสุขภาพองค์รวม 8 อ. ซึ่งจัดทำโดย ชุมชนศีรษะอโศก ได้มีการเผยแพร่และลงมือปฏิบัติเรื่องการทำการอมกลั้วปากในหลักสูตรสุขภาพมาแล้วหลายรุ่น ซึ่งได้อธิบายเอาไว้ว่า:
“การอมน้ำมันกลั่นเย็น โดยให้น้ำมันผ่านช่องระหว่างฟันไปมา เข้าออก จนกระทั่งน้ำมันที่ข้นเหนียวผสมกับน้ำลายเจือจางความข้นจึงบ้วนทิ้ง สามารถบำบัดรักษาอาการเหล่านี้อย่างเห็นผลได้ชัด ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ปวดฟัน โรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคไต โรคหลอดลมอักเสบ เลือดตีบหรือคั่ง โรคเรื้อนกวาง หรือแผลเปื่อย ฝี แผล มีหนอง โรคเกี่ยวกับลำไส้ การย่อยอาหาร รวมทั้งโรคในผู้หญิง และยังสามารถป้องกันการเติบโตขึ้นใหม่ของเนื้องอกที่เป็นอันตรายหลังจากการักษา โรคเรื้อรังจากเลือด อัมพาต โรคเกี่ยวกับเส้นประสาท ช่องท้อง ปอด และตับ หรือโรคนอนไม่หลับ”
หลายคนที่อ่านถึงตรงนี้ก็อาจจะต้องคิดว่าการอมน้ำมันแล้วบ้วนออกจะมีสรรพคุณมากมายขนาดนี้ มันไม่มากไปหน่อยหรือ?
ดร.บรูซ ไฟฟ์ (Bruce Fife) ประธานศูนย์วิจัยมะพร้าวแห่งโคโรลาโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อธิบายเอาไว้ในหนังสือชื่อ Oil Pulling Therapy ถึงกลไกการทำงานว่า:
“ออยล์ พูลลิ่ง (การอมน้ำมันกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง) ไม่ได้รักษาโรค แต่มันช่วยขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุแห่งโรค หรือเป็นตัวการปล่อยสารพิษให้หมดไป เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสฟื้นฟู ออยล์ พูลลิ่งเป็นกระบวนการทางชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากก่อให้เกิดโรคส่วนใหญ่เป็นสัตว์เซลล์เดียว เซลล์เหล่านี้ปกคลุมด้วยน้ำมัน หรือเนื้อเยื่อที่เป็นไขมันซึ่งเป็นธรรมดาของผิวเซลล์ (เซลล์ของคนเราก็ล้อมรอบด้วยส่วนผสมของไขมันเช่นเดียวกัน) เมื่อคุณเทน้ำมันลงในน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือน้ำกับน้ำมันจะแยกกันอยู่ ไม่ยอมผสมรวมกัน แต่ถ้าคุณเทน้ำมันสองชนิดเข้าด้วยกัน ส่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันทั้งสองจะผสมรวมกัน และดึงดูดซึ่งกันและกัน นี่คือความลับของออยล์ พูลลิ่ง
เมื่อคุณใส่น้ำมันลงไปในปากเนื้อเยื่อที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกหรือฟัน จะถูกดูดออกจากที่ซ่อน และติดแน่นอยู่ในส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งนานยิ่งมาก หลังผ่านไป 20 นาที ส่วนผสมของน้ำมันจะเต็มไปด้วย แบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ คุณจึงบ้วนทิ้งไปมากกว่าที่จะกลืน”
อย่างไรก็ตาม ดร.บรูซ ไฟฟ์ ให้ควมเห็นว่าอาการเจ็บป่วยต่างๆนั้นเริ่มต้นจากปากของเราเอง เพราะการรับประทานอาหารที่เป็นพิษก็ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ปากเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดี ดังนั้นหากเชื้อก่อโรคเข้าสู่กระแสเลือดได้ก็ทำให้เราป่วยได้หลายโรคตั้งแต่โรคไขข้ออักเสบไปจนถึงโรคหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ดร.บรูซ ไฟฟ์ แนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นเพราะกรดลอริกมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ และมีขนาดโมเลกุลที่เล็กเคลื่อนที่ได้เร็วจึงเหมาะแก่การทำออยล์ พูลลิ่ง มากกว่าน้ำมันชนิดอื่น
แต่คำถามคือที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นเพียงความเห็น จะมีข้อพิสูจน์ได้อย่างไร?
เริ่มต้นจากวารสารทันตแพทย์ของอินเดีย ได้ตีพิมพ์ฉบับเมื่อเดือนมกราคม – เมษายน พ.ศ. 2552 โดยอโศกัน (Asokan S) และคณะได้รายงานเรื่องผลกระทบของการทำออยล์ พูลลิ่ง ต่อการเกิดพลาก(Dental Plague)สีเหลืองหรือครีม ซึ่งเป็นแผ่นคราบอ่อนนิ่มที่ประกอบไปด้วยแบคทีเรียที่เกาะผิวฟัน ที่ประกอบด้วยน้ำเมือก เศษอาหาร แบคทีเรียและจุลินทรีย์ ที่จะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ โดยการสุ่มตรวจ ควบคุม โดยในการทดลองครั้งนี้ได้นำเด็กวัยรุ่น 20 คน ที่มีแผ่นคราบดังกล่าวนี้ที่เกาะบนผิวฟัน และมีการแบ่งกลุ่มให้ทำออยล์ พูลลิ่ง กลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งควบคุมและทำโดยการใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อมาเปรียบเทียบเป็นเวลา 10 วัน
ผลปรากฏว่าพบว่ามีการลดลงของคราบแผ่นพลาก (Plague)จากก่อนทำลงอย่างมีนัยยะสำคัญหลังจากที่ได้ทำออยล์ พูลลิ่ง และโดยการใช้น้ำยาบ้วนปาก ทั้งนี้ได้มีการนับจำนวนของจุลินทรีย์ของทั้ง 2 กลุ่ม พบว่ากลุ่มที่ทำออยล์ พูลลิ่ง และการใช้น้ำยาบ้วนปากจุลินทรีย์ในปากต่างก็ลดจำนวนลงจริง รายงานชิ้นนี้จึงได้สรุปว่า
“การบำบัดด้วย ออยล์ พูลลิ่ง ได้แสดงให้เห็นถึงการลดลงของดัชนีแผ่นพลาก เหงือกอักเสบลดลง และจำนวนรวมของจุลินทรีย์ในแผ่นพลากของกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ที่จะนำไปสู่ภาวะเหงือกอักเสบก็ลดลง”
สอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2539 วารสารปริทันตวิทยาคลินิก (Clinical Periodontology) ได้รายงานในหัวข้อเรื่อง “Comparison of a sonic and a manual toothbrush for efficacy in supragingival plaque removal and reduction of gingivitis” ซึ่งทำการศึกษาโดย C.B. Tritten และ Gary C. Armitage โดยในการศึกษานี้ได้มีการเปรียบเทียบการกลั้วด้วยน้ำมันพืชกับการแปลงฟัน และน้ำยาบ้วนปาก
จากการศึกษาพบว่า การล้างปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ลดพลากได้ 20-26 % และโรคเหงือกประมาณ 13% การแปลงฟันลดพลากได้ 11-17 % และโรคเหงือก 8-23% แต่การอมกลั้วปากด้วยน้ำมันลดผลากได้ 18-30% และลดโรคเหงือกได้ 52-60%
เอาเป็นว่าใครจะเชื่อเรื่องการรักษาได้หลายโรคหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ที่จะให้ความเห็นกันได้เพราะแม้จะมีกรณีศึกษาหลายกรณีว่ามีหลายคนหายป่วยจากหลายโรคด้วยการทำออยล์ พูลลิ่ง แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยอย่างเป็นทางการที่รองรับให้เชื่อมั่นได้ แต่สำหรับการลดพลาก การบรรเทาโรคเหงือก การลดจุลินทรีย์ก่อโรคในช่องปาก และการลดโรคเหงือกนั้น ถือว่ามีงานวิจัยรองรับเป็นที่ประจักษ์แล้ว และถ้าหลายคนที่มีประสบการณ์เจ็บคอจาการติดเชื้อก็จะรู้ว่าการทำออยล์ พูลลิ่ง นั้นมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการเจ็บคอเป็นที่ประจักษ์ได้มากเพียงใด
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะถามว่าควรจะทำอย่างไรในการทำออยล์ พูลลิ่ง ขอแนะนำดังนี้
• ให้ทำออยล์ พูลลิ่ง ตอนเช้าดีที่สุด เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่แบคทีเรียในช่องปากมีปริมาณมากที่สุด และให้ทำขณะท้องว่าง จะดื่มน้ำก่อนหรือไม่ก็ได้
• ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็นประมาณ 2-3 ช้อนชา (อย่ามากกว่านี้เพราะจะไม่มีที่ว่างในช่องปากให้น้ำลายออกมาช่วยกระตุ้นให้เอนไซม์ดึงสารพิษออกมาจากกระแสเลือด) หลังจากนั้นอมไว้ในปาก แล้วค่อยๆดูด ดันดึงให้น้ำมันไหลผ่านฟันและเหงือก
• เคลื่อนน้ำมันไปเรื่อยๆให้ทั่วในช่องปากต่อเนื่องนาน 15-20 นาที
• จากนั้นให้บ้วนทิ้งไป น้ำมันจะเปลี่ยนเป็นสีขุ่นหรือมีสีเหลือง
• บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยการดื่มน้ำ
• ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 2 -3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
ง่ายๆ เพียงเท่านี้สุขภาพในช่องปากเราก็จะดีขึ้น และปากซึ่งสุขภาพต้นทางถ้าดีแล้ว สุขภาพโดยรวมก็จะดีตามไปด้วยเช่นกัน