เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (8เม.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ไปเป็นประธาน ในพิธีวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบรอบ 127 ปี โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมพิธี โดยในการจัดงานวันสถาปนากระทรวงกลาโหม มีพิธีสำคัญ ประกอบด้วย การบวงสรวงปืนใหญ่โบราณจำนวน 8 กระบอก พิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา และพิธีเปิดน้ำพุ บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงการจัดกิจกรรมบริจาคโลหิต
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบสาร เนื่องในวันสถาปนากระทรวงกลาโหม โดยมีใจความว่า กระทรวงกลาโหม เป็นองค์กรนำในการสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงของรัฐ และมีหน้าที่สำคัญในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อความผาสุกของประชาชน จากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ประชาชนในชาติต้องการความรัก ความสามัคคี และความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สถาบันทหาร ยังคงเป็นที่พึ่งและความหวังของประชาชนเสมอมมา กระทรวงกลาโหม จึงต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ด้วยการช่วยพัฒนาพลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของประชาชนในชาติ และฟื้นฟูประชาธิปไตย การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติด และการเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการสนับสนุนการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติและการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง
ด้านพล.อ.นิพัทธ์ ได้อ่านสารเนื่องในวันสถาปนากระทรวงกลาโหมว่า กระทรวงกลาโหม ได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการวางรากฐานด้านกิจการทหาร ให้มีการจัดแบบมาตรฐานสมัยใหม่ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ ทหารมีภาระหน้าที่ในอันที่จะสืบสานพระราชปณิธานในการสร้างความทันสมัย และความเจริญรุ่งเรืองให้แก่กิจการทหาร ซึ่งเป็นมรดกของพระองค์ท่าน พร้อมกับปรับปรุงให้เหมาะสมกับกาลสมัย ทั้งในด้านการเสริมอำนาจกำลังรบ การเพิ่มพูนประสิทธิภาพของกองทัพให้แข็งแกร่ง มีความพร้อมรบ สามารถเผชิญต่อภัยคุกคามได้ในทุกรูปแบบ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งการพัฒนาประเทศ การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนั้นทหารในยุคปัจจุบันต้องมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความรัก และความสามัคคีของคนในชาติ การพิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเตรียมความพร้อมขององค์กรเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จพิธี น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.นิพัทธ์ และ ผบ.เหล่าทัพ ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้า พร้อมหารือร่วมกันประมาณ 30 นาทีก่อนที่ ผบ.เหล่าทัพ จะเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
สำหรับการจัดงานสถาปนากระทรวงกลาโหมได้มีการจัดกำลังทหารของกระทรวงกลาโหมจำนวน 3 กองร้อย และชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อย จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ร่วมกันรักษาความปลอดภัยรอบกระทรวงกลาโหม อย่างเข้มงวด พร้อมกับมีการปิดถนนด้านหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อตั้งแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ โดยการจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีกลุ่มผุ้ชุมนุมเดินทางมายังกระทรวงกลาโหม แต่อย่างใด
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบสาร เนื่องในวันสถาปนากระทรวงกลาโหม โดยมีใจความว่า กระทรวงกลาโหม เป็นองค์กรนำในการสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงของรัฐ และมีหน้าที่สำคัญในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อความผาสุกของประชาชน จากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ประชาชนในชาติต้องการความรัก ความสามัคคี และความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สถาบันทหาร ยังคงเป็นที่พึ่งและความหวังของประชาชนเสมอมมา กระทรวงกลาโหม จึงต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ด้วยการช่วยพัฒนาพลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของประชาชนในชาติ และฟื้นฟูประชาธิปไตย การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติด และการเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการสนับสนุนการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติและการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง
ด้านพล.อ.นิพัทธ์ ได้อ่านสารเนื่องในวันสถาปนากระทรวงกลาโหมว่า กระทรวงกลาโหม ได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการวางรากฐานด้านกิจการทหาร ให้มีการจัดแบบมาตรฐานสมัยใหม่ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ ทหารมีภาระหน้าที่ในอันที่จะสืบสานพระราชปณิธานในการสร้างความทันสมัย และความเจริญรุ่งเรืองให้แก่กิจการทหาร ซึ่งเป็นมรดกของพระองค์ท่าน พร้อมกับปรับปรุงให้เหมาะสมกับกาลสมัย ทั้งในด้านการเสริมอำนาจกำลังรบ การเพิ่มพูนประสิทธิภาพของกองทัพให้แข็งแกร่ง มีความพร้อมรบ สามารถเผชิญต่อภัยคุกคามได้ในทุกรูปแบบ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งการพัฒนาประเทศ การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนั้นทหารในยุคปัจจุบันต้องมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความรัก และความสามัคคีของคนในชาติ การพิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเตรียมความพร้อมขององค์กรเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จพิธี น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.นิพัทธ์ และ ผบ.เหล่าทัพ ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้า พร้อมหารือร่วมกันประมาณ 30 นาทีก่อนที่ ผบ.เหล่าทัพ จะเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
สำหรับการจัดงานสถาปนากระทรวงกลาโหมได้มีการจัดกำลังทหารของกระทรวงกลาโหมจำนวน 3 กองร้อย และชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อย จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ร่วมกันรักษาความปลอดภัยรอบกระทรวงกลาโหม อย่างเข้มงวด พร้อมกับมีการปิดถนนด้านหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อตั้งแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ โดยการจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีกลุ่มผุ้ชุมนุมเดินทางมายังกระทรวงกลาโหม แต่อย่างใด