ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สามีตีตรา เป็นละครทีวีที่มีเรตติ้งแรงที่สุดในเวลานี้
ด้วยบทชิงรักหักสวาท สุดดราม่า เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร สองหญิง และ หนึ่งชาย “กะรัต-กั้ง” (พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) กับ “สายน้ำผึ้ง” (จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา) โดยมีผู้ชายที่ทั้งหล่อ ฉลาด ชาติตระกูลดี และ จริงจัง จริงใจเชื่อมั่นในรักอย่าง “พิศุทธิ์” (โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) คั่นอยู่ตรงกลาง 0จึงทำให้แฟนละครติดกันงอมแงม
ขณะที่ละครสามีตีตราที่ออนแอร์อยู่กำลังเดินทางมาถึงช่วงสำคัญเข้มข้น อีกไม่กี่ตอนก็จะเข้าสู่บทอวสาน การต่อสู้ของผู้หญิงอย่างสายน้ำผึ้ง ที่เพียรพยายามทำทุกอย่างเพื่อแย่งพิศุทธิ์มาจากกั้งใกล้จะได้คำตอบหรือบทสรุปแล้ว ซึ่งหากดูหนัง ดูละคร แล้วลองย้อนดูบ้านเมือง ก็บังเอิญเหลือเกินว่า ความเข้มข้นของสถานการณ์ ความเป็นไปทางการเมือง ช่างเหมือนกับละครยอดฮิต “สามีตีตรา” เรื่องนี้
ลองพิจารณาสภาพความเป็นจริงของเหตุบ้านการเมือง ท่ามกลางภาวะอันอึดอัดอัดอั้นที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าการต่อสู้ของ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กับ ระบอบทักษิณที่ยืดเยื้อมานานข้ามปีจะจบลงอย่างไร
กกปส.โดยสุเทพ เทือกสุบรรณ นัดมวลมหาประชาชนชุมนุมใหญ่เดินขบวนเคลื่อนทัพอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคมนี้ หลังจากต่อสู้มาตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว
ขณะที่ระบอบทักษิณ ที่มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทน เซไปเซมา ยิ่งการเลือกตั้งวันที่ 2กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นความหวังที่จะกลับเข้ามาวงจรอำนาจก็สูญสลายเพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นโมฆะก็กำลังรอรับคำพิพากษาของ ป.ป.ช.ในคดีทุจริตจำนำข้าว ซึ่งตามไทม์ไลน์ก็ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่มวลชนของระบอบทักษิณอย่าง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะปลุกระดมคนเสื้อแดงเข้ากรุงมากดดันการทำงานขององค์กรอิสระและเปิดหน้าแลกกับ กปปส.ในวันที่ 5 เมษายนนี้อย่างจงใจ
ข้างฝ่ายทหารโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะฝ่ายความมั่นคงที่เฉยชามาตลอด มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจเป็นความชัดเจนที่จะพิสูจน์ผลแพ้ชนะของมวลชนได้เลย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แม้จะมีข้อเรียกร้องจากมวลมหาประชาชน สุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ทหารมาอยู่ข้างประชาชน เพื่อปูทางไปสู่การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือ กระทั่งไปๆมาๆ ความหน้าหนาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ความรุนแรงที่มีผู้มีเสียชีวิตบาดเจ็บล้มตายหลายคน เหตุการณ์ที่ดูไร้ทางออก ประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้บอกให้ ผบ.ทบ. ต้องอ่านคำขวัญของ พลเอก กฤษณ์ สีวะรา ผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 19 ของไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ที่ว่า “ทหารเรายืนอยู่ในเกียรติยศที่สูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา” ให้ได้
เนื่องเพราะ ทุกฝ่ายต่างเห็นว่า ตัวแปรที่จะเป็นตัวชี้ขาด จบปัญหาของบ้านเมืองได้ ทั้งการผลักดันอำนาจของระบอบทักษิณให้ล้มลง การจะนำประเทศไปสู่การปฎิรูป หรือ การได้มาซึ่งนายกฯคนกลาง และการบริหารในช่วงเปลี่ยนแปลงล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนของทหาร แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังเฉยๆ พูดย้ำๆซ้ำๆคล้ายจะดีว่า ทหารต้องเป็นกลางทางการเมือง
ทว่า ท่าที และ คำพูดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนความคิด และ ยืนยันตัวตนของพลเอกประยุทธ์ ถึงกับวิเคราะห์กันให้ดีๆลึกลงไปในพฤติกรรมที่ผ่านมา จะเห็นว่า นั่นเขาได้ “เลือก” แล้ว ไม่ได้เป็นกลางอย่างที่พูดพร่ำ
ฉากตอนที่ดำเนินอยู่นี้ อุปมาพลเอกประยุทธ์ เป็น ‘พิศุทธิ์’ ปู ยิ่งลักษณ์ เป็น ‘กั้ง’ ขณะที่ ‘สายน้ำผึ้ง’ เป็นลุงกำนัน ‘พนักงานหนุ่มสาวในสำนักงาน’ เป็นมวลมหาประชาชนคอยตามลุ้นตามเชียร์
ในละครพิศุทธิ์ ตัดสินใจเลือกกั้ง มากกว่าจะเลือกสายน้ำผึ้ง เขาแสดงความมั่นคงเชื่อมั่นในรักต่อกั้งมากกว่าจะอ่อนไหวไปตามมารยายั่วยวนเรียกร้องของสายน้ำผึ้ง
สามีตีตราในชีวิตจริง พลเอกประยุทธ์ก็เลือกยิ่งลักษณ์ มากกว่าจะโอนเอนอ่อนไหวไปรักลุงกำนัน และ มวลมหาประชาชน แม้ว่าจะพยายามต่อสู้อย่างอดทนปานใดแล้วก็ตาม
เห็นได้จากอะไร?
พลเอกประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธ(26มี.ค.) อย่างมีอารมณ์ เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่าทหารไม่ปฎิบัติหน้าที่ที่ควรจะทำ เขาพูดว่า “วันนี้ผมต้องมีสติ มีข้อมูล มีคณะทำงานติดตาม ถ้าคนไทยทุกคนยอมให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แล้วทุกคนไม่ฝ่าฝืน กฎหมายจะเป็นกฎหมาย แต่วันนี้ใช้กฎหมายเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง และใช้กฎหมายมาสู้กัน แล้วถามว่ากฎหมาย องค์กรต่างๆ ศาลได้รับการยอมรับหรือไม่ ก็มองว่าเอียงข้างไปหมด ถ้าตัดสินเข้าข้างตัวเองก็ดี แต่ถ้าไม่ถูกใจตัวเองก็บอกเอียงข้าง แล้วใครจะตัดสินอะไรได้”
ท่วงทำนองนี้บังเอิญไปพ้องกับความเคลื่อนไหวของนปช. และ ความเชื่อของคนในรัฐบาลระบอบทักษิณ ที่อ้างว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม “ใช้กฎหมายเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง” ก็เป็นคำพูดของยิ่งลักษณ์
พลเอกประยุทธ์ ยังบอกว่า “คนไทย เป็นคนสบายๆ เป็นคนที่ค่อนข้างศิลปิน ใช้อารมณ์เป็นหลัก ตัดสินอะไรง่ายๆ จะรัก ชอบหรือเกลียดใครก็ไม่นาน อย่างนี้ต้องมีหลักการของตัวเอง ต้องมีวิสัยทัศน์ไปข้างหน้าว่า ประเทศชาติจะเดินได้อย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร ใครจะเป็นผู้เสียสละ ใครจะเป็นผู้ยอมเล็กน้อยเพื่อให้ได้ความสงบสุขคืนมา แต่ผมไม่รู้ว่า ใครจะต้องเป็นคนเสีย และใครเป็นคนยอม ถ้าคิดว่า เสียเปรียบหรือพ่ายแพ้ไม่มีวันจบ แต่ถ้าคิดว่าเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็คือ เหตุการณ์จบแล้วค่อยไปแก้กันต่อ ดีกว่าเอามายันกันอย่างนี้ ถ้ารบกันทั้งสองฝ่ายเจ็บตายทั้งคู่ และจะไม่มีใครได้อะไร ไม่มีใครชนะ บ้านเมืองก็นิ่งสนิทอยู่แบบนี้”
เมื่อพิศุทธิ์แสดงท่าทีชัดต่อกั้ง กั้งสาวสวยซึ่งร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆของเมืองไทย เป็นคนมีรสนิยมเริดหรู ใช้ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื้อแท้แล้วเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน มีปมในอดีตก็ใจละลาย
คล้อยหลังคำพูดอันเกรี้ยวกราดของผบ.ทบ.ไม่กี่ชั่วโมงก็บังเอิญ ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กสื่อต่อสาธารณะว่า “ขอให้ทุกฝ่าย จะต้องช่วยกัน คือ หยุดความเสียโอกาส และ ความเสียหายไว้เพียงเท่านี้ โดยการกลับเข้าสู่ระบบ และ กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด”
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า “ปู-ตู่ สอดประสาน” ข้อเรียกร้องเหมือนกันยังกะเตรียมโพยเดียวกันมาพูด ต่างกันเพียงเวลาเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านี้ ถ้าไล่ย้อนขึ้นไป
-ในฐานะฝ่ายมั่นคง พลเอกประยุทธ์ ไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำที่บ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศกับกรณี แยกประเทศ สปป.ล้านนา
-ไม่จริงจังจัดการกับคนเสื้อแดงที่ดูหมิ่น ให้ร้ายพระมหากษัตริย์
-ไม่รู้สึกกับการรื้อทำลายบังเกอร์ทหารของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่คิดว่านั่นเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีทหารอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทำให้สังคมไม่อาจคิดว่า ที่ทหารตั้งบังเกอร์แท้ที่จริงก็เพียงเป็นเรื่องเสียไม่ได้ หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่ห้างบิ๊กซีย่านใจกลางเมืองจนมีเด็กบริสุทธิ์เสียชีวิต หรือไม่
-ไม่พูดถึงกรณีที่คนเสื้อแดงกลุ้มรุมทำร้ายพระอย่างป่าเถื่อน ซึ่งเป็นภาพที่ชาวพุทธเศร้าสลดใจที่สุด
-ไร้อารมณ์และการแสดงออกตอบรับต่อกรณีที่พลเอกเปรมชี้แนะ ทหารต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน
หรือ กรณีล่าสุด พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ ญาติทักษิณ ที่ปรึกษายิ่งลักษณ์ ควงอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไปปรากฎตัวที่ศรีสะเกษเยี่ยมกองกำลังกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ซึ่งประกาศตัวชัดเจนหนุนหลังพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ทหารก็ไม่มีปฎิกิริยาใดๆ
พลเอกประยุทธ รู้ทั้งรู้ว่า ระบอบทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย มวลชนนปช.คนเสื้อแดงนั้นเนื้อแท้เดียวกัน ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ว่าไปแล้ว ก็เป็นผู้นำของ คนเสื้อแดงนั่นเอง ทว่า พลเอกประยุทธ์ ที่ทักษิณพูดกับนายพลถั่งเช่าว่า “ไว้ใจตู่มาก” ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ทักษิณไม่ได้พูดลอยๆ
ประการสำคัญ องค์กรอิสระ ศาลยุติธรรม ต่างทำหน้าที่ของตน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผิดแล้วผิดอีก แต่พลเอกประยุทธ์ กลับเอาความเป็นสถาบันทหารรับรองสถานะของรัฐบาลอย่างมั่นคง ซื่อสัตย์ต่อยิ่งลักษณ์ยิ่ง!
บทความรักมั่นคง ซื่อตรงต่อเธอ ของพิศุทธิ์ พลเอกประยุทธ์ ชวนให้นึกเห็นใจ “คนที่ไม่ถูกเลือก” สายน้ำผึ้งลุงกำนัน สายน้ำผึ้ง หญิงสาวที่ภายนอกสวยหวาน เรียบร้อย นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 29 มีนาคม ยังไม่รู้ว่าชัยชนะอยู่ตรงไหน อย่างไร สุเทพคล้ายจะยอมรับในทีว่า “ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” ทุกครั้งที่ปราศรัยในระยะหลังที่สวนลุมพินี
การเดินขบวนใหญ่วันเสาร์นี้จึงถูกตั้งคำถามว่า เป็นเพียงการแสดงพลัง สื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่า มวลมหาประชาชนยังเหนียวแน่นดุจเดิม กระชากเรตติ้งกอบกู้กระแสตก ไม่ได้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงแค่นั้นเองหรือ
ยิ่งวันอาทิตย์นี้เลือกตั้ง สว. สุเทพก็ไม่ได้มีท่าทีใดๆเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ทั้งที่ขัดต่อสิ่งที่ตนเองประกาศชัดเจนว่า ต้องปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง
การที่สุเทพเฉยๆกับการเลือกตั้งสว.ก็ยากที่จะเลี่ยงถูกมองว่า กปปส.มีภาพซ้อนทับกับพรรคประชาธิปัตย์ เลือกตั้งสว.เป็นเวทีที่จะวัดคะแนนนิยมกับพรรคเพื่อไทยของทักษิณดูก็ไม่เสียหาย
เมื่อเป้าหมายไม่มี ไม่ชัด วันที่ 29 มีนาคมก็ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร ในมุมกลับ กลับจะเป็นคำตอบให้กับกำนันสุเทพว่าจะอยู่หรือไปต่างหาก
เช่นเดียวกับกรณี นายกฯคนกลาง เมื่อถูกปูดจากฝ่ายนปช.มา สุเทพ และ กปปส.ก็ไปไม่เป็น เลี่ยงไปออกใช้คำในทำนอง นายกฯของประชาชน แต่นัยยะก็ไม่ต่างไม่อาจทำให้ข้อกังขาที่นปช.ทิ่งแทงมาว่า นายกฯคนกลางเป็นเรื่องของสุเทพที่พูดคุยกับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์มาโดยตลอดพ้นไป
เป็นที่ทราบกัน บูรพาพยัคฆ์ คือ กลุ่มอำนาจใหม่และใหญ่ที่ไม่มีฝ่ายการเมืองใดปฎิเสธได้ แม้กระทั่งทักษิณ การเล่นเกมปูดชื่อนายกฯคนกลาง หรือ ปล่อยข่าวการถอยของคนชินวัตรยอมเว้นวรรคการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งเดินหน้าก็เป็นแค่การเตะตัดขาชั่วครู่ชั่วยาม
ถามว่า ทักษิณ ต้องการนายกฯคนกลางหรือไม่ ณ ชั่วโมงนี้เขาไม่มีทางเลือก แต่ต้องมีการเจรจา และ มีเงื่อนไขพิเศษ นั่นคือ ยิ่งลักษณ์ต้องรอดจากคดี คนตระกูลชินวัตรมีที่ยืน และ ต้องปล่อยให้มีเลือกตั้ง
เนื่องเพราะหากน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ถูก ป.ป.ช.ฟัน นั่นหมายถึง การล่มสลายของตระกูลชินวัตร ซึ่งโอกาสสูงมาก การข่มขู่ด้วยมวลชนเสื้อแดง กองกำลังชายชุดดำ และ อาวุธถนัดM 79 ไม่ได้ผลเหมือนเดิมแล้ว
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ พลเอกประยุทธ์ จะประสานเสียงกับยิ่งลักษณ์ จี้เรื่องการเสียสละของคู่ขัดแย้ง เพื่อเปิดเจรจา เซ็ตเงื่อนไขกันใหม่ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่พวกเขาถนัด และ ประกันความพ่ายแพ้ด้วยประดาขี้ข้าส.ส.ที่ยึดครองท้องถิ่นของตนเอง
ทั้งหมดทั้งมวล ทหาร ก็ยังเป็นแบ็คอัพ ปัจจัยที่สำคัญที่สุด
ละครเรื่องรักสามเส้าของเราสามคน พิศุทธิ์ กั้ง สายน้ำผึ้ง ไม่ว่า พิศุทธิ์ เลือกกั้งด้วยเหตุผลอย่างไร หรือเพราะคำที่ว่า “มันมากกว่าความรัก มันมากกว่าความห่วงใย มันมากกว่าเกียรติยศ และ ชื่อเสียง มันคือความรู้สึกที่ผมอยากผูกและพันคุณไว้กับผม”
สายน้ำผึ้ง “คนที่ไม่ถูกเลือก” ชีวิตจะคลี่คลายไปทางใด สัปดาห์หน้า ละครจบแฟนละครได้รู้กัน
สำหรับในชีวิตจริง พิศุทธิ์ -ประยุทธ์ กั้ง-ยิ่งลักษณ์ และ สายน้ำผึ้ง-กำนันสุเทพ ไม่รู้จะลงเอยเมื่อไหร่
แต่มาถึง ณ ตรงนี้ กั้ง-ปู ยิ่งลักษณ์ หลังมั่นใจใน “รสพิศุทธิ์” คงอยากตะโกนใส่หน้า สายน้ำผึ้ง กำนันสุเทพดังๆว่า …
“ชัดมั้ยอีน้ำผึ้งว่า พิศุทธิ์กะชั้น เรารักกัน!”