เป็นเรื่องขึ้นมาแล้วซิครับตอนนี้ เรื่อง สปป.ล้านนา ของคนกลุ่มหนึ่งที่คิดว่า ประเทศไทยไม่มีความเป็นธรรมสำหรับพวกเขา
คำว่า พวกเขา คือกลุ่มคนที่คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้มีบุญคุณกับเขาเสมอหรือยิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้า ไม่ได้รับความยุติธรรมถูกปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะเป็นผู้ที่ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงรักมากต้องยึดอำนาจเสีย ยึดอำนาจแล้วก็แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาความผิดให้ได้ และส่งให้ศาลซึ่งสิ้นสุดความเป็นธรรมแล้วตัดสินจำคุกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท และความผิดอื่นๆ อีก
การยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน การตัดสินคดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินกรณีที่มีผู้ร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองในคดีการแก้ปัญหาน้ำ หรือกระทั่งศาลยุติธรรม ถ้าหากฝ่ายเขาแพ้เพลี่ยงพล้ำ หรือคำตัดสินไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการล้วนแล้วแต่ไม่ยุติธรรมทั้งสิ้น
แม้องค์กรอิสระ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะเอื้อมมือไปตรวจสอบ เป็นต้น เรื่องการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณของกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ เรื่องรับจำนำข้าวที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ เรื่องจำนำข้าวที่มีผู้ร้องสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจะชี้มูลความผิด ก็เป็นเรื่องที่ล้วนไม่ยุติธรรมต่อพวกเขา หรือรัฐบาลที่พวกเขาสนับสนุนอยู่ทั้งสิ้น
ด้วยเหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ว่า พวกเขามาจากการเลือกตั้ง พวกเขามาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ
พวกเขาจึงน้อยเนื้อต่ำใจคิดแยกประเทศไปอยู่ต่างหาก เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยล้านนา
พวกเขาไม่เคยยอมรับความผิดของพวกเขาเอง หรือของ พ.ต.ท.ทักษิณเลยแม้แต่น้อย เป็นต้น กรณีที่ไอ้ปึ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นนักโทษ พวกเขาก็จะมองว่า ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ถูกยึดอำนาจโดยคณะทหารก็จะไม่มีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพ.ต.ท.ทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะไม่มีคดีความ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะไม่ถูกศาลตัดสินให้จำคุก หรือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบ เขาก็จะมองว่า ศาลไม่มีอำนาจตัดสินหรือพิจารณาคดี การออกกฎหมายเป็นอำนาจของสภาฯ เสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ จะออกกฎหมายอย่างไรก็ได้
ในขณะที่มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม
ประเทศไทยจะไม่เป็นธรรมกับพวกเขาได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา ได้จัดตั้งรัฐบาล ได้บริหารประเทศ กุมกลไกการบริหารทุกอย่าง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน
ที่กุมไม่ได้ก็คือ องค์กรอิสระ และศาลซึ่งเป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องว่า รัฐบาลใดก็ตามมีอำนาจเหนือองค์กรอิสระไม่ได้ และศาลก็เป็นหนึ่งในอำนาจที่แทรกแซงไม่ได้
แต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ หรือรัฐบาลนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณมักจะไม่สนใจตัวบทกฎหมายชอบทำในสิ่งที่เสี่ยงต่อการขัดต่อตัวบทกฎหมายตลอดมา ดังจะเห็นจากคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งผิดเต็มประตูอยู่แล้ว แต่ประธานหลงประเด็นไปเอง คดียุบพรรคไทยรักไทย คดียุบพรรคพลังประชาชน คดีซื้อที่ดินรัชดาฯ หรือคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท หากพิจารณาเนื้อหาสาระแล้วเป็นความผิดที่ดิ้นไม่หลุดทั้งสิ้น
มาถึงยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ล้วนแต่ทำในสิ่งที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมาย และพยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบ เป็นต้นว่าการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโบ้ยให้เป็นเรื่องของสภาฯ การรับจำนำข้าวเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ ถามกระทรวงพาณิชย์ เป็นความลับ โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มิใช่เงินแผ่นดิน แต่ถ้าหากกู้มาแล้วถึงเวลาจะต้องใช้หนี้เป็นเวลา 50 ปี กลับต้องเอาภาษีของประชาชนไปจ่ายทั้งเงินต้นทั้งดอก
ความคิดแยกประเทศจะอ้างว่าเป็นวาทกรรม จะแถไถไปว่าเป็นสมัชชาประชาธิปไตยล้านนา หรือจะอ้างด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หรือประชดประชันอย่างไร
ฝ่ายความมั่นคงคือ ทหารไม่ขำ ไม่ตลกด้วย เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 1 เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้
ใครคิดแบ่งแยกก็กบฏ
แต่เรื่องอย่างนี้หากใครไปถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เขาก็คงจะเฉยๆ ไม่รู้สึกรู้สา ต่างกับคดีเป่านกหวีดที่นายธาริต ลงทุนแถลงเองเพื่อหวังเอาอกเอาใจใครบางคน
ไม่ต่างจากไอ้ปึ้ง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาเรียกร้องฝ่ายทหารให้เห็นอกเห็นใจคนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่จะถูกดำเนินคดีว่า
ขอให้ทหารเห็นอกเห็นใจคนกลุ่มนี้ เพราะเป็นกลุ่มที่รักและเรียกร้องประชาธิปไตย
นิยามของคำว่า ประชาธิปไตย ของไอ้ปึ้งก็คือ ปกป้องคุ้มครองรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ให้องค์กรอิสระ อย่างสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กำลังกล่าวโทษนางสาวยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าวอยู่ในขณะนี้
เป็นประชาธิปไตยคนละความหมายกับที่ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจ
คำว่า พวกเขา คือกลุ่มคนที่คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้มีบุญคุณกับเขาเสมอหรือยิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้า ไม่ได้รับความยุติธรรมถูกปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพราะเป็นผู้ที่ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงรักมากต้องยึดอำนาจเสีย ยึดอำนาจแล้วก็แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาความผิดให้ได้ และส่งให้ศาลซึ่งสิ้นสุดความเป็นธรรมแล้วตัดสินจำคุกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท และความผิดอื่นๆ อีก
การยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน การตัดสินคดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินกรณีที่มีผู้ร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองในคดีการแก้ปัญหาน้ำ หรือกระทั่งศาลยุติธรรม ถ้าหากฝ่ายเขาแพ้เพลี่ยงพล้ำ หรือคำตัดสินไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการล้วนแล้วแต่ไม่ยุติธรรมทั้งสิ้น
แม้องค์กรอิสระ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะเอื้อมมือไปตรวจสอบ เป็นต้น เรื่องการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณของกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ เรื่องรับจำนำข้าวที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ เรื่องจำนำข้าวที่มีผู้ร้องสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจะชี้มูลความผิด ก็เป็นเรื่องที่ล้วนไม่ยุติธรรมต่อพวกเขา หรือรัฐบาลที่พวกเขาสนับสนุนอยู่ทั้งสิ้น
ด้วยเหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ว่า พวกเขามาจากการเลือกตั้ง พวกเขามาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ
พวกเขาจึงน้อยเนื้อต่ำใจคิดแยกประเทศไปอยู่ต่างหาก เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยล้านนา
พวกเขาไม่เคยยอมรับความผิดของพวกเขาเอง หรือของ พ.ต.ท.ทักษิณเลยแม้แต่น้อย เป็นต้น กรณีที่ไอ้ปึ้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นนักโทษ พวกเขาก็จะมองว่า ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ถูกยึดอำนาจโดยคณะทหารก็จะไม่มีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพ.ต.ท.ทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะไม่มีคดีความ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะไม่ถูกศาลตัดสินให้จำคุก หรือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบ เขาก็จะมองว่า ศาลไม่มีอำนาจตัดสินหรือพิจารณาคดี การออกกฎหมายเป็นอำนาจของสภาฯ เสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ จะออกกฎหมายอย่างไรก็ได้
ในขณะที่มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม
ประเทศไทยจะไม่เป็นธรรมกับพวกเขาได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา ได้จัดตั้งรัฐบาล ได้บริหารประเทศ กุมกลไกการบริหารทุกอย่าง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน
ที่กุมไม่ได้ก็คือ องค์กรอิสระ และศาลซึ่งเป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องว่า รัฐบาลใดก็ตามมีอำนาจเหนือองค์กรอิสระไม่ได้ และศาลก็เป็นหนึ่งในอำนาจที่แทรกแซงไม่ได้
แต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ หรือรัฐบาลนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณมักจะไม่สนใจตัวบทกฎหมายชอบทำในสิ่งที่เสี่ยงต่อการขัดต่อตัวบทกฎหมายตลอดมา ดังจะเห็นจากคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งผิดเต็มประตูอยู่แล้ว แต่ประธานหลงประเด็นไปเอง คดียุบพรรคไทยรักไทย คดียุบพรรคพลังประชาชน คดีซื้อที่ดินรัชดาฯ หรือคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท หากพิจารณาเนื้อหาสาระแล้วเป็นความผิดที่ดิ้นไม่หลุดทั้งสิ้น
มาถึงยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ล้วนแต่ทำในสิ่งที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมาย และพยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบ เป็นต้นว่าการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโบ้ยให้เป็นเรื่องของสภาฯ การรับจำนำข้าวเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ ถามกระทรวงพาณิชย์ เป็นความลับ โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มิใช่เงินแผ่นดิน แต่ถ้าหากกู้มาแล้วถึงเวลาจะต้องใช้หนี้เป็นเวลา 50 ปี กลับต้องเอาภาษีของประชาชนไปจ่ายทั้งเงินต้นทั้งดอก
ความคิดแยกประเทศจะอ้างว่าเป็นวาทกรรม จะแถไถไปว่าเป็นสมัชชาประชาธิปไตยล้านนา หรือจะอ้างด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หรือประชดประชันอย่างไร
ฝ่ายความมั่นคงคือ ทหารไม่ขำ ไม่ตลกด้วย เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 1 เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้
ใครคิดแบ่งแยกก็กบฏ
แต่เรื่องอย่างนี้หากใครไปถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เขาก็คงจะเฉยๆ ไม่รู้สึกรู้สา ต่างกับคดีเป่านกหวีดที่นายธาริต ลงทุนแถลงเองเพื่อหวังเอาอกเอาใจใครบางคน
ไม่ต่างจากไอ้ปึ้ง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาเรียกร้องฝ่ายทหารให้เห็นอกเห็นใจคนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่จะถูกดำเนินคดีว่า
ขอให้ทหารเห็นอกเห็นใจคนกลุ่มนี้ เพราะเป็นกลุ่มที่รักและเรียกร้องประชาธิปไตย
นิยามของคำว่า ประชาธิปไตย ของไอ้ปึ้งก็คือ ปกป้องคุ้มครองรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ให้องค์กรอิสระ อย่างสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กำลังกล่าวโทษนางสาวยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าวอยู่ในขณะนี้
เป็นประชาธิปไตยคนละความหมายกับที่ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจ