รายงานการเมือง
เส้นทางของการต่อสู้ เกมแห่งการแย่งชิงอำนาจ เดินเข้าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง
เมื่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. ขัดมาตรา 68 หรือไม่ ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ซึ่งคำวินิจฉัยเท่าที่มีการคาดการจากบรรดาเกจิจะมีอยู่อย่างน้อย 3 แนวทางด้วยกัน คือ
1. ศาลไม่ถือว่าการแก้รัฐธรรมนูญขัดมาตรา 68 โดยมองว่าอำนาจสูงสุดในการแก้รัฐธรรมนูญเป็นของฝ่ายนิติบัญญัติ ตามมาตรา 291
2. ศาลมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผิดเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่อาจผิดในกระบวนการ อาทิ การรวบรัดอภิปราย การลงมติ หรือการเสียบบัตรแทนกัน
และ 3. หากศาลเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญผิดมาตรา 68 ก็อาจตัดสินโทษร้ายแรงที่สุด คือ ยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ หากวินิจฉัยว่าไม่ขัด จะนำไปสู่ขั้นตอนต่อไปตามกระบวนการประกาศใช้กฎหมาย แต่หากวินิจฉัยว่าขัด ก็จะมีผลกระทบต่อสถานะของ 310 ส.ส.-ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อในญัตติทันที
ส่วนจะมีคำสั่งให้ “ยุบพรรค” หรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล เพราะในรัฐธรรมนูญใช้ความว่า “อาจสั่งยุบพรรค” ได้ แต่ชั่วโมงนี้เพียงแค่พูดถึงอำนาจที่สามารถสั่งยุบพรรคการเมืองได้ คนใน “เพื่อไทย” ก็เสียวกันทั้งพรรคแล้ว
แต่หากจับสัญญาณจากคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ในช่วงหลังๆ แทบที่จะไม่มีคำวินิจฉัยในคดีใดที่แตกหักกับ “พรรคเพื่อไทย” เลย
แตกต่างจากยุคของ “พรรคไทยรักไทย” และ “พรรคพลังประชาชน” ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำศึกแตกหักสั่ง “ยุบพรรค” กันแบบไม่มีเยื่อใย
มองได้ว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” มักจะอ่านทิศทางการเมืองควบคู่กับการตัดสินคดีไปด้วย
คำวินิจฉัยในระยะหลังจึงออกในแบบ “แทงกั๊ก” ไม่มีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าสามารถทำได้หรือทำไม่ได้ แถมยังพ่วงแนวทางการดำเนินให้เสร็จสรรพเรียบร้อย
เห็นได้ชัดจากคำวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ซึ่งเปิดช่องให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ก็เคยมีมีคำวินิจฉัยแบบกั๊กๆว่า จะต้องทำประชามติก่อน เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ผ่านการลงประชามติมา และมีทางออกชี้ช่องให้แก้ไขรายมาตราได้
ดังนั้น หากจะคาดการณ์กันล่วงหน้าก็แทบจะฟันธงได้แล้วว่า งานนี้มีสิทธิ์ “แทงกั๊ก” เหมือนเดิม
คำวินิจฉัยจะอยู่ในทำนองสามารถแก้ไขได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะทิ้งปม-ทิ้งเงื่อนไข-วางกับดัก เอาไว้ เพื่อที่จะไม่ให้ “นายใหญ่-รัฐบาล-เพื่อไทย” ได้เดินเกมแก้รัฐธรรมนูญได้ง่าย ซึ่งต้องรอติดตามดูว่าเงื่อนไขที่ทิ้งไว้จะสามารถทำให้คนเครือข่าย “ชินวัตร” เดินเกมแก้ปมได้ยากมากน้อยแค่ไหน
ส่วนประเด็นที่ “ส.ส.” เสียบบัตรแทนกัน ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งในคำร้อง “ศาลรัฐธรรมนูญ” อาจจะแก้เกี๊ยวว่าไม่มีอำนาจในการสอบสวน เพราะเป็นหน้าที่ของ “รัฐสภา” ไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจได้ แต่ด้วยความขี้กลัว-ขี้ระแวง ของ “เพื่อไทย” จึงส่งสัญญาณให้ “แกนนำ” กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำหนดวัน ว.เวลา น. นัดชุมนุมนใหญ่กันตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ประหนึ่งเขียนรูปเสือโคร่งขู่คำรามศาลไว้
โดยการนำมวลชนมาก่อหวสดกันที่ กทม. เพื่อกดดัน-ดักคอ “ศาลรัฐธรรมนูญ” กันไว้ก่อน เผื่อคำวินิจฉัยออกมาใน “ทางลบ” จะได้ขยับเคลื่อนไหวปกป้อง “เพื่อไทย” อันเป็นที่รักเอาไว้ได้ทันการณ์
เหตุที่ “เพื่อไทย” เล่นเกมกดดัน “ศาลรัฐธรรมนูญ” ก็เพราะโรคขี้กลัวขึ้นสมอง
อย่างที่บอกว่า วันนี้ถือเป็นวันชี้ชะตาประเทศไทยได้เลยทีเดียว เพราะทั้งฝั่ง “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” ก็ต่างลุ้นกันตัวโกง ฝั่งรัฐบาลเพื่อไทยหากฝ่าด่านคำวินิจฉัยครั้งนี้ไปได้ บอกได้คำเดียวว่า “ทางโล่ง” การแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่บรรจุอยู่ในวาระแล้ว สามารถเดินหน้าต่ออย่างสะดวกโยธินไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป
หนำซ้ำอาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราอื่น ที่จ้องเขม็งมานาน แต่ไม่กล้าแตะ เพื่อประโยชน์ต่อ “นายใหญ่-รัฐบาล-พท.” เข้ามาเพิ่มเติมก็เป็นได้
ในทางกลับกันนอกจากเรื่องยุบพรรคแล้ว หาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยไม่เป็นเอื้ออำนวยต่อพท. การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราอื่น มีหวัง “แท้ง” ได้ง่ายขึ้น เพราะ “ฝั่งตรงข้าม” มีช่องให้ฟ้องอยู่มากมาย
ฝากฝั่งฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ หากศาลตัดสินออกมาไม่เป็นใจ จะส่งผลกระทบต่อการสู้ในรัฐสภา เพาะเสียงข้างน้อยของไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย และยังส่งผลกระทบไปยังมวลชนที่เวทีราชดำเนินด้วย เพราะระยะหลัง “มวลชน” ที่ออกมาชุมนุมร่วมกับปชป.เริ่มลดน้อยถอยลงไปตามสถานการณ์
นั่นเพราะเงื่อนไข “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” เริ่มคลี่คลายแล้ว หลังจาก “รัฐบาล” ยอมถอยชนิดสุดซอย
หาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยไม่เข้าทางปืน ความหวังในการปลุกม็อบของพรรคประชาธิปัตย์มืดมนแน่ๆ เพราะทุกวันนี้ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รู้อยู่เต็มอกว่า “ม็อบเวทีราชดำเนิน” เดินหน้ายากสุดๆ แต่ที่จำเป็นต้องตั้งเวทีเอาไว้ ก็เพื่อรอ “ตัวช่วย” รอเงื่อนไขอื่น ความหวังที่จะปลุกมวลชนขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งที่ใกล้ที่สุดกก็เป็น “ศาลรัฐธรรมนูญ” นี่เอง
แต่เมื่ออ่านทิศทางคำวินิจฉัย “ศาลรัฐธรรมนูญ” ช่วงหลังที่มักจะเข้าทาง “เพื่อไทย” แล้ว ยิ่งหนักใจแทน “ประชาธิปัตย์” ว่าจะเดินเกมต่ออย่างไร หาก “ตัวช่วย” ไม่ทำงาน ม็อบก็นับวันรูดม่านปิดฉากกันเองได้เลย ดีไม่ดีไม่เกินสัปดาห์หน้า “เวทีราชดำเนิน” อาจร้างคนก็เป็นได้
เดิมพันคำวินิจฉัย “ศาลรัฐธรรมนูญ” จึงสูงลิบ!!
คำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” นอกจากจะมีส่วนในการวางหมากเกมการเมืองของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังสามารถจับสัญญาณภาพรวม “ขั้วอำนาจ” ของการเมืองไทยได้เกือบทั้งหมด
โดยทิศทางการเมืองจะเคลื่อนในทางใด “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำตอบให้แน่นอน